NEW ! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ.. GRAND NATURE ..

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Little Duck, 25 กุมภาพันธ์ 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอขอบคุณ สำหรับธรรมะดี ๆ แนวคิดดี ๆ ในการยังประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมทาง

    ขอบคุณสำหรับดอกไม้แห่งน้ำใจค่ะ
     
  2. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    นำมาฝาก..ด้วยรักและผูกพัน ..

    การฝึกใจ



    ใจของเรานี่มันอยู่ในกรง ยิ่งกว่านั้นมันยังมีเสือที่กำลังอาละวาดอยู่ในกรงนั้นด้วย

    ใจที่มันเอาแต่ใจของเรานี้ ถ้าหากมันไม่ได้อะไรตามที่มันต้องการแล้ว มันก็อาละวาด

    เราจะต้องอบรมใจด้วยการปฏิบัติภาวนา ด้วยสมาธิ นี้แหละที่เราเรียกว่า "การฝึกใจ"




    :cool:
     
  3. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ความคิดความรู้สึก (อารมณ์) อยู่ทางหนึ่งใจก็อยู่อีกทางหนึ่ง

    เหมือนกับน้ำมันกับน้ำท่า อยู่ในขวดเดียวกันแต่มันแยกกันอยู่

    thaxx
     
  4. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    พื้นฐานของการปฏิบัติธรรม



    ในเบื้องต้นของการฝึกปฏิบัติธรรม จะต้องมีศีลเป็นพื้นฐานหรือรากฐาน ศีลนี้เป็นสิ่งอบรมกาย วาจา

    ซึ่งบางทีก็จะเกิดการวุ่นวายขึ้นในใจเหมือนกัน เมื่อเราพยายามจะบังคับใจไม่ให้ทำตามความอยาก



    กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย นิสัยความเคยชินอย่างโลกๆ ลดมันลง อย่ายอมตามความอยาก

    อย่ายอมตามความติดของตน หยุดเป็นทาสมันเสีย



    พยายามต่อสู้เอาชนะอวิชชาให้ได้ด้วยการบังคับตัวเองเสมอนี้เรียกว่าศีล

    เมื่อพยายามบังคับจิตของตัวเองนั้น จิตมันก็จะดิ้นรนต่อสู้มันจะรู้สึกถูกจำกัด



    ถูกข่มขี่ เมื่อมันไม่ได้ทำตามที่มันอยาก มันก็จะกระวนกระวายดิ้นรน ทีนี้เห็นทุกข์ชัดละ


    เห็นทุกข์ทำให้เกิดปัญญา



    "ทุกข์" เป็นข้อแรกของอริยสัจจ์ คนทั้งหลายพากันเกลียดกลัวทุกข์ อยากหนีทุกข์

    ไม่อยากให้มีทุกข์เลย ความจริง ทุกข์นี่แหละจะทำให้เราฉลาดขึ้นล่ะ ทำให้เกิดปัญญา



    ทำให้เรารู้จักพิจารณาทุกข์ สุขนั่นสิมันจะปิดหูปิดตาเรา มันจะทำให้ไม่รู้จักอด

    ไม่รู้จักทน ความสุขสบายทั้งหลายจะทำให้เราประมาท



    กิเลสสองตัวนี้ทุกข์เห็นได้ง่าย ดังนั้นเราจึงต้องเอาทุกข์นี่แหละมาพิจารณา

    แล้วพยายามทำความดับทุกข์ให้ได้ แต่ก่อนจะปฏิบัติภาวนาก็ต้องรู้จักเสียก่อนว่าทุกข์คืออะไร



    ตอนแรกเราจะต้องฝึกใจของเราอย่างนี้ เราอาจยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร ทำไป

    ทำไปก่อน ฉะนั้นเมื่อครูอาจารย์บอกให้ทำอย่างใดก็ทำตามไปก่อน



    แล้วก็จะค่อยมีความอดทนอดกลั้นขึ้นเองไม่ว่าจะเป็นอย่างไรให้อดทนอดกลั้นไว้ก่อน

    เพราะมันเป็นอย่างนั้นเองอย่างเช่นเมื่อเริ่มฝึกนั่งสมาธิ



    เราก็ต้องการความสงบทีเดียวแต่ก็จะไม่ได้ความสงบ

    เพราะมันยังไม่เคยทำสมาธิมาก่อน ใจก็บอกว่า

    "จะนั่งอย่างนี้แหละจนกว่าจะได้ความสงบ"

    ........:cool:
     
  5. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    อย่าทอดทิ้งจิต



    แต่พอความสงบไม่เกิดก็เป็นทุกข์ ก็เลยลุกขึ้น วิ่งหนีเลย การปฏิบัติอย่างนี้ไม่เป็น "การพัฒนาจิต"

    แต่มันเป็นการ "ทอดทิ้งจิต"ไม่ควรจะปล่อยใจไปตามอารมณ์



    ควรที่จะฝึกฝนอบรมตนเองตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ขี้เกียจก็ช่าง

    ขยันก็ช่าง ให้ปฏิบัติมันไปเรื่อยๆ ลองคิดดูซิ ทำอย่างนี้จะไม่ดีกว่าหรือ



    การปล่อยใจตามอารมณ์นั้นจะไม่มีวันถึงธรรมของพระพุทธเจ้า

    เมื่อเราปฏิบัติธรรม ไม่ว่าอารมณ์ใดจะเกิดขึ้นก็ช่างมัน แต่ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ



    ปฏิบัติให้สม่ำเสมอ การตามใจตัวเองไม่ใช่แนวทางของพระพุทธเจ้า

    ถ้าเราปฏิบัติธรรมตามความคิดความเห็นของเรา เราจะไม่มีวันรู้แจ้งว่าอันใดผิด



    อันใดถูก จะไม่มีวันรู้จักใจของตัวเองและไม่มีวันรู้จักตัวเอง

    ดังนั้นถ้าปฏิบัติธรรมตามแนวทางของตนเองแล้วย่อมเป็นการเสียเวลามากที่สุด



    แต่การปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้าแล้วย่อมเป็นหนทางตรงที่สุด


    การพัฒนาจิต



    ขอให้จำไว้ว่า ถึงจะขี้เกียจก็ให้พยายามปฏิบัติไป ขยันก็ให้ปฏิบัติไป ทุกเวลาและทุกหนทุกแห่ง

    นี่จึงจะเรียกว่า "การพัฒนาจิต" ถ้าหากปฏิบัติตามความคิดความเห็นของตนเองแล้ว



    ก็จะเกิดความคิดความสงสัยไปมากมาย มันจะพาให้คิดไปว่า

    "เราไม่มีบุญ เราไม่มีวาสนาปฏิบัติธรรมก็นานนักหนาแล้ว ยังไม่รู้ ยังไม่เห็นธรรมเลยสักที"



    การปฏิบัติธรรมอย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็น "การพัฒนาจิต" แต่เป็น "การพัฒนาความหายนะของจิต"

    ถ้าเมื่อใดที่ปฏิบัติธรรมไปแล้ว มีความรู้สึกอย่างนี้ว่ายังไม่รู้อะไร ยังไม่เห็นอะไร



    ยังไม่มีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นบ้างเลย นี่ก็เพราะที่ปฏิบัติมามันผิด

    ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า



    สิ้นสงสัยด้วยการปฏิบัติที่ถูกต้อง



    พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อานนท์ ปฏิบัติให้มาก ทำให้มากแล้วจะสิ้นสงสัย"

    ความสงสัยจะไม่มีวันสิ้นไปได้ ด้วยการคิด ด้วยทฤษฎี ด้วยการคาดคะเน



    หรือด้วยการถกเถียงกัน หรือจะอยู่เฉยๆไม่ปฏิบัติภาวนาเลย

    ความสงสัยก็หายไปไม่ได้อีกเหมือนกัน กิเลสจะหายสิ้นไปได้ก็ด้วยการพัฒนาทางจิต



    ซึ่งจะเกิดได้ก็ด้วยการปฏิบัติที่ถูกต้องเท่านั้น

    การปฏิบัติทางจิตที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น ตรงกันข้ามกับหนทางของโลกอย่างสิ้นเชิง



    คำสั่งสอนของพระองค์มาจากพระทัยอันบริสุทธิ์ ที่ไม่ข้องเกี่ยวกับกิเลสอาสวะทั้งหลาย

    นี่คือแนวทางของพระพุทธเจ้าและสาวกของพระองค์



    เมื่อเราปฏิบัติธรรม เราต้องทำใจของเราให้เป็นธรรม ไม่ใช่เอาธรรมะมาตามใจเรา

    ถ้าปฏิบัติอย่างนี้ ทุกข์ก็จะเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสักคนหรอกที่จะพ้นจากทุกข์ไปได้



    พอเริ่มปฏิบัติ ทุกข์ก็อยู่ตรงนั้นแล้ว หน้าที่ของผู้ปฏิบัตินั้นจะต้องมีสติ สำรวม และสันโดษ

    สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราหยุด คือเลิกนิสัยความเคยชินที่เคยทำมาแต่เก่าก่อนทำไมถึงต้องทำอย่างนี้



    ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ไม่ฝึกฝนอบรมใจตนเองแล้วมันก็จะคึกคะนอง วุ่นวายไปตามธรรมชาติของมัน



    ธรรมชาติของจิตฝึกได้เสมอ



    ธรรมชาติของใจนี้มันฝึกกันได้ เอามาใช้ประโยชน์ได้ เปรียบได้กับต้นไม้ในป่า

    ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ตามธรรมชาติของมัน เราก็จะเอามันมาสร้างบ้านไม่ได้



    จะเอามาทำแผ่นกระดานก็ไม่ได้ หรือทำอะไรอย่างอื่นที่จะใช้สร้างบ้านก็ไม่ได้

    แต่ถ้าช่างไม้ผ่านมาต้องการไม้ไปสร้างบ้าน



    เขาก็จะมองหาต้นไม้ในป่านี้และตัดต้นไม้ในป่านี้เอาไปใช้ประโยชน์

    ไม่ช้าเขาก็สร้างบ้านเสร็จเรียบร้อย



    การปฏิบัติภาวนาและการพัฒนาจิตก็คล้ายกันอย่างนี้ ก็ต้องเอาใจที่ยังไม่ได้ฝึกเหมือนไม้ในป่านี่แหละ

    มาฝึกมัน จนมันละเอียดประณีตขึ้น รู้ขึ้น และว่องไวขึ้น



    ทุกอย่างมันเป็นไปตามภาวะธรรมชาติของมัน เมื่อเรารู้จักธรรมชาติ

    เข้าใจธรรมชาติ เราก็เปลี่ยนมันได้ ทิ้งมันก็ได้ ปล่อยมันไปก็ได้ แล้วเราก็จะไม่ทุกข์อีกต่อไป



    จิตยึดมั่นมันก็สับสนวุ่นวาย



    ธรรมชาติของใจเรามันก็อย่างนั้น

    เมื่อใดที่เกาะเกี่ยวผูกพันยึดมั่นถือมั่นก็จะเกิดความวุ่นวายสับสน



    เดี๋ยวมันก็จะวิ่งวุ่นไปโน่นไปนี่พอมันวุ่นว่ายสับสนมากๆเข้า

    เราก็คิดว่าคงจะฝึกอบรมมันไม่ได้แล้วแล้วก็เป็นทุกข์



    นี่ก็เพราะไม่เข้าใจว่ามันต้องเป็นของมันอย่างนั้นเองความคิด

    ความรู้สึก มันจะวิ่งไปวิ่งมาอยู่อย่างนี้ แม้เราจะพยายามฝึกปฏิบัติ



    พยายามให้มันสงบ มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น

    มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้



    เมื่อเราติดตามพิจารณาดูธรรมชาติของใจอยู่บ่อยๆก็จะค่อยๆเข้าใจว่าธรรมชาติของใจ

    มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้



    _/|\_
     
  6. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    นำมาฝาก..ด้วยรักและผูกพัน ..

    อานิสงส์อัปปมัญญา ๔

    การเจริญอัปปมัญญาพรหมวิหาร ๔ นั้นเป็นกิจที่ควรกระทำโดยแท้

    เพราะเป็นธรรมอันเย็นใจของสัตว์โลกทั่วไป ตลอดถึงบิดามารดา
    วงศาคณาญาติมิตรสหายและสัตว์ทุกจำพวก อีกประการหนึ่ง
    พรหมวิหารนี้ เมื่อทำให้เกิดในใจจริงๆ แล้ว ย่อมระงับเวรภัยพยาบาทได้โดยเด็ดขาด
    ฉะนั้น พระศาสดาจารย์จึงเตือนภิกษุทั้งหลายว่า
    "เมตฺตาย ภิกฺขเว เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย
    พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุตาย อนุฎฐิตาย ปริจิตาย
    สุสมารทฺธาย เอกาทสานิสํสา ปฏิกังฺขา."

    แปลเนื้อความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้ ความหลุด
    พ้นวิเศษจากพยาบาทและเวรภัย ด้วยอำนาจแห่งจิตเมตตาที่บุคคลส้อง
    เสพแล้วโดยชอบ กระทำให้เกิดมีขึ้นแก่ตน และกระทำให้มากแล้ว
    ทำกระแสจิตเดินเหมือนยาน (ที่ให้สำเร็จการไปในสถานที่ต้องการ)

    ทำให้เป็นวัตุแล้ว มิได้หยุดยั้งแห่งการทำจิตแล้ว สะสมขึ้นแล้ว
    ปรารถนาให้สม่ำเสมอ ไม่ให้เผลอตัวทุกอิริยาบถทั้ง ๔ แล้ว
    บุคคลผู้นั้นหวังได้อานิสงส์ ๑๑ ประการ มีหลับเป็นสุข เป็นต้น และย่อมได้ความเย็นใจ

    คือทำการงานทางกายก็ดี พูดทางวาจาก็ดี คิดทางใจก็ดี
    ให้มีเมตตาจิตอยู่ทุกเมื่อ ย่อมเป็นไปเพื่อพ้นทุกข์ดังนี้
    ถ้าใครๆ เจริญอยู่เป็นนิตย์ย่อมมีอำนาจ
    ทำให้สัตว์ทั้งหลายได้รับความเย็นใจไปจากจิตของบุคคลที่เมตตานั้นด้วย

    เหตุนั้นผู้ทำสมาธิจำเป็นโดยแท้ที่จะต้องทำให้มีขึ้นพร้อมทั้งกายวาจาใจ
    บางแห่งท่านให้เจริญแก่ผู้มีโทสจริต
    แต่ในที่นี้จะเป็นจริตอะไรก็ตาม จำจะต้องทำก่อน
    ถ้าจริตเป็นโทสะอยู่แล้ว ยิ่งจะสะดวกเข้าในการทำสมาธิจิต
    พรหมวิหารนี้นัยหนึ่งท่านเรียกว่า พรหม ๔ หน้า หรือกำแพง ๔ ทิศ
    เป็นเครื่องล้อมจิตโดยรอบถ้าใครทำให้มีขึ้นแล้ว จิตดวงนั้นย่อมไม่มีภัยเลย

    ถ้าจะพูดถึงการบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุแล้วก็ดีมาก
    เป็นต้นว่าทำทานด้วยเมตตาจิต รักษาศีลด้วยเมตตาจิต
    ทำสมาธิด้วยเมตตาจิต เมื่อทำได้เช่นนี้ย่อมได้รับกุศลอันแรงกล้า
    เมตตาจิตนี้เปรียบประหนึ่งว่าเมล็ดฝนที่สะอาดตกมาจากท้องฟ้า
    แล้วย่อมให้ผลแก่ติณชาติรุกขชาติงอกงามแช่มชื่นเต็มที่
    และเป็นที่ต้องการของมนุษย์ทุกเหล่า
    เหตุนั้นผู้แสวงบุญควรตรวจดูจิตของตนเสมอๆ เรามีเมตตาจิตหรือไม่

    เพื่อจะได้กระทำบำเพ็ญให้มีขึ้นทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
    ให้ถูกทางแห่งความสุขต่อไป ข้อสำคัญ เมตตานี้ สำคัญมากที่จิต

    ถ้าจิตไม่มีเมตตาแล้วรักษากายวาจาได้ยาก ถ้าหากจิตประกอบด้วยเมตตาจริงๆแล้ว
    ความเศร้าหมองย่อมไม่มีแก่กายและวาจา ความเศร้าหมองทางกาย ทางวาจา
    กายวาจาเขาย่อมไม่รับ จิตเป็นผู้จะรับเอาผลดีชั่วทั้งหมด
    เมื่อเป็นเช่นนี้จึงควรทำสมาธิ อบรมจิตให้เป็นสมาธิโดยลำดับ..

    ...........:cool:
     
  7. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    ด้วยรัก และผูกพัน

    นิโรธสัญญา

    นิโรธ แปลว่าดับความทุกข์ ความชั่ว บาป ดับรูปกาย นามซึ่งมีในกายดับจากวัตถุธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า นิพพาน ดับหรือว่างจากทุกสิ่งทุกอย่างในโลก นรก สวรรค์ พรหม ไม่เหลือการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นสาเหตุของความทุกข์ยากลำบากอีกต่อไป

    สัญญา แปลว่า ความจดจำ หมายจำเอาไว้หรือจำได้

    นิโรธสัญญา จึงแปลว่า ความจำได้หมายรู้ในการดับความทุกข์ยากลำบากทั้งปวง ดับธาตุทั้งหมด ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้เหลือแต่ความว่างเปล่า การปฏิบัตินิโรธสัญญานี้เป็นทางลัด รวดเร็ว ทำง่ายมาก เป็นการปฏิบัติได้ผลรวดเร็วไม่ยากนัก เพียรเฝ้าทำจิตให้ว่างจากสิ่งที่เป็นของหนักคือ ร่างกายเราเขาหรือขันธ์ 5 ขจัดสิ่งวุ่นวายวิตกกังวลเรื่องต่างๆ ออกจากจิตเท่านั้น

    ทางปฏิบัตินิโรธสัญญา ก็เริ่มด้วยตัดจิตให้มีเมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั่ว 3 โลก มนุษย์โลก นรกโลก เทวโลก รักษาศีล 5 ให้ครบถ้วน การเฝ้ากำจัดความคิดที่ไม่ดีไร้สาระออกจากจิตก็เป็นสมาธิอย่างหนึ่ง การเฝ้าพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่สุดก็แตกสูญสลายกระจายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นอากาศ แยกกระจายจากอนูเป็นอะตอมเล็กๆละเอียด เป็นธาตุว่าง คือวิปัสสนาญาณ

    ผู้มีศีล เจริญสมาธิภาวนานิดเดียวตั้งจิตทำเพื่อจิตเข้าสู่ความสุขอย่างยิ่งคือพระนิพพาน ก็เข้าถึงเมืองแก้วพระนิพพานได้ง่าย พระนิพพานนั้นมิใช่ไกลเกินเอื้อม แท้ที่จริงอยู่ใกล้กว่ามือที่เราเอื้อมออกไป อยู่ในจิตในใจเรานี่เองเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน ทั้งที่ขันธ์ 5 กายยังไม่แตกสลาย ถ้าร่างกายตาย จิตสะอาดหมดความยึดติดในขันธ์ 5 จิตก็เคลื่อนเข้าเสวยความสุขยอดเยี่ยมแดนทิพยนิพพาน เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพาน

    นิโรธสัญญา คือ การเพียรพยายามทำจิตให้ว่างจากสิ่งที่เป็นสมมติทั้งปวงในโลก รวมถึงชีวิตคน สัตว์ ทรัพย์สิ่งของเป็นของสมมติเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น เป็นของปลอม พระนิพพานธาตุ พุทธิธาตุ ภูตะธาตุ อสังขธาตุ ทั้งหมดนี้เป็นของจริง เป็นธาตุอมตะไม่ตายไม่สูญสลาย เหมือนธาตุของโลก ถึงตาจะมองไม่เห็นแต่มีอยู่จริง เป็นธาตุบริสุทธิ์มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ไม่มีใครสร้าง เปรียบธาตุนิพพานอมตะนี้ก็เหมือนเมืองหรือฝั่งข้างโน้นที่เราจะข้ามไป

    จิตเป็นนามธรรมอาศัยอยู่ในกายในขันธ์ 5 ที่เป็นของสมมติชั่วคราว จิตเป็นธาตุบริสุทธิ์โดยธรรมจากในจิตนั้น มีธรรมกาย หรือ พุทธกาย หรือ นามกายทิพย์ นิพพานกายอยู่ มีตา หู จมูก ลิ้น กายทิพย์ จิตทิพย์ ไม่ต้องทำขึ้น มีอยู่แล้วไม่ตายเป็นอมตะ ในกายทิพย์นิพพานนี้ไม่มีประสาท ไม่มีอวัยวะ ภายในโปร่งใสเบาเย็นสบาย เป็นจิตรู้ฉลาดสะอาดบริสุทธิ์ อิสระจากกฎทั้งปวงอยู่เหนือกฎของกรรมหรือกฎของธรรมชาติ หรือเรียกอีกอย่างว่า จิตของพระอรหันต์ จิตของพระขีณาสพ ผู้หมดกิเลสอวิชชาตัณหาอุปาทานบาปทั้งหมด

    รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ดีร้ายทั้ง 6 นี้ เป็นผู้มาทีหลังเป็นของผ่านไปมา เป็นของสมมติ เป็นของปลอม ไม่ใช่ของจิต เป็นของร้อน เป็นของหนัก ถ้าจิตเราไปคิดเป็นจริงก็ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ผิดหวัง เป็นทุกข์ใจมิได้หยุดหย่อน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ทั้งหลายเป็นของสกปรกของชั่วคราวเป็นฝ่ายดำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องรู้เท่าทัน และกำจัดออกจากจิตทันที คือให้ว่างเปล่าจากของที่เป็นทุกข์เป็นโทษ จิตจะอยู่ว่างเปล่าเฉยๆ ไม่ชิน ก็นึกถึงพระคุณความดีขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า นึกถึงฝั่งดินแดนทิพย์พระนิพพานเป็นสุขเลิศล้ำ นึกถึงร่างกายของสมมตินี้โดนเผาทิ้งแน่นอน แบบนี้จิตจะว่างจากของหนัก ว่างจากความเครียด ความฟุ้งซ่าน ความวุ่นวาย หรือปลอดภัยจากอันตรายได้ เพราะจิตว่างสะอาดปราศจากโลภ โกรธ หลง เพราะมีแต่พระรัตนตรัย พระนิพพานเต็มเปี่ยมอยู่ในจิต แถมอีกนิดมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ต้องการให้ทุกผู้ทุกคนพ้นทุกข์เหมือนเรา

    วิธีปฏิบัติในนิโรธสัญญา หรือ ทำจิตให้ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน บาปกรรมนี้มี 3 อย่าง

    1. โน้มใจเข้าหาความว่าง ด้วยการนึกถึงองค์มเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระมหาเมตตา พระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ นำสัตว์ชี้ทางเข้าสู่พระนิพพาน เริ่มระลึกถึงความว่างเปล่าไม่มีอะไร ทั้งโลกอากาศว่างเปล่า ธาตุว่างอยู่รอบตัวเราเอิบอาบไปทั่ว เป็นธาตุอมตะโอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นธาตุเบา ธาตุเย็น ธาตุสงบ ธาตุพอเพียง ธาตุแท้จริง

    2. ทำจิตว่างด้วยสลัดขจัดทิ้งความคิดไม่ดีไร้สาระออกจากจิต หรือปล่อยว่างอารมณ์ดีชั่วทั้งปวงออกจากจิต ให้มีเพียงแต่คำว่า รู้ แต่ไม่นำเอามาคิดปรุงแต่งเป็นตัวเราตัวเขา เป็นแต่เพียงธาตุของโลก จิตเป็นธาตุเบาไม่เอาไปปนกับธาตุหนักๆของโลก กายก็เป็นธาตุของโลกไม่ใช่ของจิต แต่จิตก็เพียงให้รู้ว่าจิตมาอาศัยอยู่ในกายบ้านสมมติชั่วคราว ไม่เอามาปนกับจิต จิตส่วนจิต กายส่วยกาย ไม่ใช่อันเดียวกัน มีกายแล้วจิตก็ทำเป็นว่าไม่มี เพราะไม่ช้ากายก็ตายสูญสลาย ไม่มีกายอีก เป็นของว่างๆ เพียรคิดสลัดกาย อารมณ์ทั้งหลายออกจากจิต จิตจะสะอาด ว่างจากกิเลสความผูกพันยึดมั่นกายเรากายเขา แต่ก็ยังคงทำหน้าที่การงาน สังคมครบถ้วน จิตใจสะอาดผ่องใส ร่างกายก็ไม่มีโรคหรือโรคน้อยลง จิตก็จะแปรสภาพจากหนักเป็นเบา โปร่งสบาย จิตหยาบจะเป็นจิตละเอียดสะอาดผ่องใส ไม่มีความวุ่นวาย เป็นจิตสงบนิ่งมีปัญญาดี

    3. วิธีทำจิตสะอาดว่างจากกิเลสแบบให้สังเกตหรือจับดูอารมณ์ตามความเป็นจริง แต่ไม่ใช่ให้จับแบบยึดถือมั่น คือจิตมันชอบคิดเรื่องต่างๆอยู่เสมอ มันคิดอะไรก็เอาเรื่องนั้นนั่นแหละ มาพิจารณาดูให้ลึกและไกลออกไป ให้เห็นความไม่คงที่ จะเป็นไปในทางที่ดี หรือไม่ดี สุขหรือทุกข์ ก็เท่ากันไม่มีอะไรเป็นจริงเป็นจัง เป็นแก่นสาร ย่อมถึงความผันแปรดับสูญเสมอกัน เงาในกระจกหรือเงาในน้ำมิใช่ของจริงฉันใด สัพพสังขารทั้งหมดก็ไม่ใช่ของจริงฉันนั้น หรือจะมองชีวิตทั้งหมดนี้เป็นเหมือนความฝันก็ได้ เพราะจุดจบชีวิตคือความตาย ความตายของชีวิตร่างกายของคนนะแหละ คือ การตื่นจากฝัน คือจิตออกจากร่างไปหาที่อยู่ใหม่ ที่อยู่ใหม่ของเราท่านเที่ยงแท้นี่นอน ไม่ยอมผันแปรอีกต่อไป คือ แดนอมตะทิพย์พระนิพพาน

    เมื่อมาพิจารณารู้ความจริงของชีวิตร่างกายทุกผู้ทุกนามแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ทั้ง คน สัตว์ สิ่งของ มีก็เท่ากับว่าไม่มี คือว่างเปล่านั่นเอง เพราะสูญสลายไม่ช้าก็เร็ว

    เมื่อกำหนดจิตเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นของว่างเปล่า จิตก็ต้องเข้าถึงความว่าง ธาตุว่างจากทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เมื่อพิจารณาทบทวนความไม่มีของกายเรา กายเขา ขันธ์ 5 เรา ขันธ์ 5 เขา มันมีแล้วก็เหมือนกับไม่มี เพราะแปรปรวนไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่จริง เป็นของปลอมของสมมติ หาตัวตนตัวเราตัวเขาไม่ได้ เพราะทุกอย่างมีแต่เดินหาทางหาความทรุดโทรม ผุพัง สูญสลายตายกันในที่สุด จิตก็จะหลุดจากกิเลสคือว่างจากความทุกข์ยาก จิตจะเป็นอิสระเสรี ไม่ยึดเกาะในสิ่งของจอมปลอมอีกต่อไป ถึงแม้จิตจะยังอาศัยอยู่ในร่างกาย แต่จิตก็ไมหลงรักว่าเป็นอันเดียวกับจิต อย่าเอาใจจิตไปนึกว่ามันมี รูป รส กลิ่น เสียง ปล่อยไปเพียงแต่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้น ถ้าอารมณ์ทรงอยู่จิตไม่สนใจ ขันธ์ 5 ของใครวางเฉยไม่ทุกข์ร้อน ทำงานทุกอย่างตามหน้าที่ ไม่เสียใจ ทุกข์ใจ ดีใจ ตามความวุ่นวายของร่างกาย จนจิตเป็นหนึ่ง คือครองอารมณ์เฉยเป็นเอกัคคตารมณ์ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มสำหรับเรา เราไม่มีสำหรับกาย จิตจะสะอาดเบิกบาน ผ่องใส พ้นจากความยึดมั่นในของปลอมของทุกข์ของร้อน พระท่านเรียกว่า จิตของพระอรหันต์

    วิธีทำจิตว่างจากกายเรา กายเขา แบบนี้เป็นแบบลัดแบบง่าย มีแต่พรหมวิหาร 4 ไม่ยอมยึดถืออารมณ์ใดๆมาไว้ในจิต มีความจำได้หมายรู้ก็ทำเป็นเหมือนไม่มีความจำ เพราะแม้ความจำก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่ช้าก็ลืม ประสาทสมองลืมง่าย ดังนั้น ความจำ ความคิด ความอ่าน ความเจ็บปวด ความกังวลใจ ความฟุ้งซ่านวิตกกังวล ก็เป็นเรื่องของกาย ให้สลัดกายทิ้งออกจากจิต ให้จิตเต็มไปด้วยพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่งมันไม่มี คนเกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด สลายหมดเท่านั้น ทุกอย่างไม่มีเที่ยงแท้ ค่อยๆทำแบบสบายอย่าเร่งรัด ค่อยเป็นค่อยไป จิตให้มีความรู้สึกอยู่เสมอว่ากายเป็นของไม่จริง ของชั่วคราว พังสลายในที่สุด จิตเป็นของจริงของเบา ของบรสุทธิ์สะอาด จิตอันนี้เราจะติดตามรอยพระบามพระศาสดาเข้าพระนิพพานเมื่อร่างกายนี้พังแตกสลาย

    ผู้ที่เพียรทำจิตให้ว่างจากร่างกาย หรืออารมณ์ต่างๆ แบบนี้เป็นแบบของพระอริยเจ้า เป็นสมาธิเป็นวิปัสสนาญาณอยู่ด้วยกัน ทำได้ทุกเวลา ทุกอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ทำได้ทั้งที่อยู่คนเดียว หรืออยู่เป็นหมู่คณะ เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ได้อย่างแน่นอน เป็นทางลัดตรงไปถึงจุดหมายปลายทางคือพระนิพพานได้รวดเร็ว

    อันจิตเราๆท่านๆนี้เป็นจิตอมตะ เป็นจิตที่ไม่มีวันแก่ ไม่มีวันเจ็บ จิตไม่มีวันสูญสลายตาย เป็นธรรมชาติวิเศษยอดเยี่ยม เป็นธาตุกายสิทธิ์ สมควรที่เราท่านควรให้ความสนใจรักษาจิตให้สะอาดสดใจเป็นพิเศษอยู่ตลอดเวลา จิตนี้ถ้ารู้สิ่งใดก็ถึงสิ่งนั้นได้ทันที รู้ว่าพระนิพพานมีอยู่ พระนิพพานเป็นความดับทุกข์ ดับขันธ์ 5 ดับรูป นาม ที่เนของปลอม จิตเป็นของจริง นิพพานมีอยู่ทั่วไป แม้ยังไม่ตายจิตก็มีสภาวะนิพพานได้ ด้วยการทำจิตแยกจิตออกจากขันธ์ 5 กำหนดความไม่มีของขันธ์ 5 เข้าไว้ จิตจะเลิกยึดถือร่างกายขันธ์ 5 ตนเองได้ง่ายๆ เพราะความชิน คิดว่าไม่มีจนชิน เราไม่เอาขันธ์ 5 เพื่อว่าเราต้องการไปดินแดนที่เป็นสุขจริงตลอดกาล คือ นิพพาน ไม่มีภพภูมิใดๆเสมอเหมือน ไม่ใช่เทวโลก ไม่ใช่พรหมโลก ไม่ใช่มนุษยโลก นิพพานเป็นเมืองทิพย์เป็นเพชรที่มีแสงสว่าง เป็นที่ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง อันตรายที่น่ากลัวที่สุดคืออันตรายจากการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น

    รูปฌาน คือจิตกำหนดเอารูปร่างกาย เป็นสมาธิภาวนา เช่น ดูลมหายใจเข้าออก เพ่งภาพพระพุทธรูปก็เป็นรูปฌาน
    อรูปฌาน คือ จิตกำหนดเอาอากาศ วิญญาณ ความไม่มีอะไรทั้งหมดในโลก ความไม่มีความจำได้หมายรู้เป็นสมาธิ ภาวนา

    นิพพานธาตุ ก็คือ นิโรธธาตุ อันเดียวกัน มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้ในจิตเราท่านที่อยู่ในร่างกายที่สกปรกนี้ ก็ทำจิตให้เข้าถึงนิพพานธาตุได้ทันที ทั้งๆที่ยังไม่ตาย นิพพานธาตุไม่ใช่มนุษยโลก ไม่ใช่เทวโลก ไม่ใช่พรหมโลก แต่อยู่เหนือโลกทั้งสิ้น มีอยู่ทั่วไป ถ้าจิตดับทุกข์ดับขันธ์ 5 จิตว่างจากกิเลส รู้สภาวะพระนิพพานทันที

    นิโรธสัญญา เป็นทั้งสมถะภาวนา และวิปัสสนาภาวนา คือทำใจว่าง ไม่มีอารมณ์ทั้งปวง คือเฉยๆ แล้วทำจิตใจให้สละปล่อยวาง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก รวมทั้งรูป รส กลิ่น เสียง ก็ไม่ให้มีในจิตใจเราเพื่อที่จะนำจิตใจไปสู่ธาตุแท้ ธาตุบริสุทธิ์ แจ่มใสเบิกบาน เป็นจิตพุทธะดังเดิม เป็นจิตประภัสสรดังเดิม ตามที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดเทศนาสั่งสอนเอาไว้

    นิโรธสัญญา ทำจิตปล่อยวางว่างจากพันธะใดๆในโลกนั้น จะทำวิชชาให้สำเร็จอิทธิฤทธิ์ก็ย่อมทำได้ เพราะจิตสงบทรงตัว สามารถใช้งานมีพลังจิตมหาศาล แต่ผู้ที่เจริญในความว่างทางจิตแบบนี้แล้ว ท่านก็ไม่ต้องการอิทธิฤทธิ์ ความรู้พิเศษใดๆทั้งสิ้น เพราะจิตท่านอิ่มด้วยความสุข สงบ สบาย สว่างสดใด ไม่ต้องการอะไรอีกต่อไป เป็นความสุขยอดเยี่ยมไม่สามารถบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ ..



    ....:cool: รัก..
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ย่อการปฏิบัติ ****

    เหลือเป็น "สัจจะ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ความ เหมือน ที่ แตก ต่าง

    ผู้ ที่ ฝึก ตน แบบ ถอด กายทิพย์ ออก จาก ร่าง กาย

    เนื้อ และ พิจารณา ไม่ เอา กาย เนื้อ แล้ว

    และ เมื่อ ตื่น จาก ถอด กายทิพย์ และ รู้ สึก

    ว่า ยัง ไม่ ตาย แต่ กลับ มี หู ทิพย์ ตา ทิพย์

    แทน สามารถ หยั่ง รู้ ต่าง ๆ ได้

    และ เมื่อ ก่อน ถอด กายทิพย์ ไม่ อธิษฐาน

    หา ครู ให้ คุ้ม ครอง กายหยาบ

    ก่ จบ ตั้ง แต่ นั้น แล้ว กาย หยาบ ถูก ครอบ งำ

    จาก อมนุษย์ ที่ เป็น ทิพย์ ไป แล้ว ....

    กาย หยาบ จะ รู้ สึก สบาย 5 5 5 5 สบาย ใจ เมื่อ ตื่น

    ขี้น มา หลัง จาก ถอด กาย ทิพย์ ได้ แล้ว

    ... ใจ ไม่ มี สั่น ทะเทือน อะไร เกิด ขึ้น

    เหมือน กับ ว่า ได้ พ้น จาก ทุกข์ ไป แล้ว

    เหมือน กับ สภาวะ นิโรธสัญญา ไม่ มี ผิด

    โดย ไม่ ต้อง บังคับ จิต ให้ ว่าง

    นี่ ล่ะ เรียก ว่า พ้น ทุกข์ ของ ปลอม

    ความ รู้ สึก ใช่ แต่ ไม่ ใช่

    สบาย เพราะ อะไร ... เพราะ กาย ทิพย์

    ไม่ ได้ อยู่ ประจำ ขันธ์ เสีย แล้ว

    มี องค์ หรือ อมนุษย์ มา บด บัง ขันธฺ

    ครอง ร่าง เสีย แล้ว ....

    ถาม ว่า กาย ทิพย์ ยัง อยู่ ไหม ....

    ยัง อยู่ ... ยัง วน เวียน อยู่ กับ ร่าง

    กาย ทิพย์ จะ รู้ สึก เศร้า รน ทด

    นั่น ล่ะ ของ จริง ....

    กาย ทิพย์ จัก หมด พลัง เข้า ขันธ์

    ตน เอง ไม่ ได้ .... รอ หมด อายุ ขัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2012
  10. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    นิโรธ คือ อะไร อะไร คือ นิโรธ

    นิโรธ อย่าง ไร อย่าง ไร นิโรธ

    นิโรธ ทำ ไม ทำ ไม นิโรธ

    รูป สวย ดี.. ใจ นิ่ง ไม่ หวั่น ไหว ตาม ... จึง ว่าง

    เสียง ไพ เราะ ดี... ใจ นิ่ง ไม่ หวั่น ไหว ตาม ... จึง ว่าง

    กลิ่น หอม ดี... ใจ นิ่ง ไม่ หวั่น ไหว ตาม ... จึง ว่าง

    รส ชาด ดี... ใจ นิ่ง ไม่ หวั่น ไหว ตาม ... จึง ว่าง

    สัมผัสอ่อนหนุ่ม... ใจ นิ่ง ไม่ หวั่น ไหว ตาม ... จึง ว่าง

    สิ่งสำราญ สิ่งรันทด อำนาจ เกียรติ รวย... ใจ นิ่ง ไม่ หวั่น ไหว ตาม ... จึง ว่าง

    สงบ นิ่ง อยู่ ใน ใจ ใจ ที่ สงบ นิ่ง ... จึง ว่าง ....

    กาย วุ่น วาย แต่ ใจ นิ่ง แบบ นี้ บ่ นิโรธ

    ไม่ มี บีบ ไม่ มี เค้น ให้ ว่าง... มี ว่าง ตั้ง แต่ ต้น ต่อ เนื่อง แบบ นี้ บ่ นิโรธ

    ... นิ่ง ๆ เงียบ ๆ เงียบ ๆ นิ่ง ๆ เป็น สาย ธรรมดา ๆ แบบ นี้ บ่ นิโรธ

    แม้น คิด เรื่อง อกุศล ใด ใจ ก่ นิ่ง ไม่ รันทด หด หู่

    แบบ นี่ บ่ อารมณ์(มิติ) นิพพาน ...ไม่ มี มา ไม่ มี ไป ไม่ หวั่น ไหว ใด

    แบบ นี้ บ่ นิโรธ

    นิโรธ แบบ นี้ บ่ อ้าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2012
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    จริง หรือ ที่ ว่า นืโรธ เป็น บรม สุข ... องค์ พุทธะ ได้ กล่าว ไว้ หรือ

    ไม่ มี ทุกข์ ไม่ มี สุข เป็น นิโรธ ใช่ บ่

    นิโรธ อยู่ ตรง กลาง ตรง ศูนย์ ใช่ บ่

    ตรง กลาง ไม่ ทุกข์ และ ไม่ สุข ใช่ บ่

    ตรวจ วัด ได้ บ่ ว่า ไม่ เอียง ทุกข์ ไม่ เอียง สุข

    เห็น แจ้ง ..แล้ว นิพพาน คือ บรม สุข บ่

    เห็น บอก ว่า บรม สุข... งง จริง ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2012
  12. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    เมื่อคืนฝนตกฟ้าร้องลมแรงทำให้นึกกลัวฟ้าผ่าจึงปิดโทรศัพท์ แล้วหลับไปตอนก่อนเที่ยงคืน
    ตื่นขึ้นมาอีกทีเห็นฟ้าสว่างคล้ายกำลังจะสว่างเลยเปิดโทรศัพท์ดูว่ากี่โมงแล้ว เวลาในโทรศัพท์บังเอิญเห็นเลขแนวมาก 00:55 ตอนแรกก็ไม่อะไรแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ยวันนี้วันที่ 5-05-55 นี่นา แล้วก็คิดว่าไรว้า นอนตั้งนานพึ่งเที่ยงคืนกว่าเองแล้วก็นอนต่อ ห้าๆๆ
     
  13. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    เอามาฝากครับ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=HB7myRJldyY]Сила и влияние вибраций на тело и разум. - YouTube[/ame]
     
  14. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    นิโรธ ยัง ต้อง ทำ ให้ ว่าง อีก หรือ

    หรือ ว่า ไม่ ต้อง ทำ ... มัน เป็น ธรรมชาติ เอง

    ตกลง ต้อง ทำ ให้ เป็น ว่าง หรือ ไม่ ต้อง ทำ....?

    ตกลง ทำ ให้ ว่าง คือ จริง

    หรือ ไม่ ทำ จึง จะ เป็น จริง

    อัน ไหน เท็จ ... อัน ไหน จริง ล่ะ ... ทำ หรือ ไม่ ทำ...
     
  15. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    อยาก จิต ว่าง นัก หรือ ???

    ทำ ไม ไม่ ถาม ดู ว่า ตน เอง ผ่าน อะไร มา บ้าง

    ใน อดีต .... สกปรก โสมม มาก ๆ มัน จะ นิ่ง จะ ว่าง

    ได้ อย่าง ไร ทำ ให้ ว่าง ได้ หรือ ... ฝัน ไป แล้ว ...
     
  16. panyaparamee

    panyaparamee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +30
    ปกติ ธรรมดา นิโรธ อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ

    แล้วธรรมะคืออะไร ร่างกาย เลือดเนื้อ ชีวิต

    จิตใจ ผืนดินบนโลก น้ำ สายลม ไฟ อะไรคือความจริง

    โลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตมากมาย มนุษย์คืออะไร

    สัตว์มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์

    อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดการมีตัวตน

    ร่างกาย เลือดเนื้อ หรือชีวิต และจิตวิญญาณ?
     
  17. panyaparamee

    panyaparamee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +30
    การเงิน การคลัง การธนาคาร การปกครอง

    ความเชื่อ ภาษา ตำแหน่งหน้าที่การงาน

    การยกให้เป็นสุดยอดทางสังคม เป็นที่ยอมรับ

    ร่ำรวยสิ่งสมมติสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน(เงิน)

    เก่ง ฉลาดในการหาเงิน ฉลาดกว่าคนอื่น เอาตัวรอดได้ในสังคม

    ทำงานเก่ง เจ้านายรัก พ่อแม่รัก พี่น้องรัก ลูกน้องเชิดชู

    อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดตัวตน คุณ คือ ตัวอะไร?
     
  18. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ถาม ปริศนา... ก่ แสดง ว่า รู้ มี คำ ตอบ ใน ใจ แล้ว ก่ ตอบ มา เถอะ
     
  19. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มี คำ ตอบ ใน ปริศนา ก่ ตอบ มา เถอะ ...
     
  20. AUNKZERI

    AUNKZERI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +49
    (^) Miss U................(f)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...