(Visionology.1) ไม่ได้มีไว้สามารถมองไปยังอนาคตได้อย่างเดียว

"(Visionology.1) ไม่ได้มีไว้สามารถมองไปยังอนาคตได้อย่างเดียว"

ปกติแล้วคำว่า Vision เราเอามาจากฝรั่ง ซึ่งโดยมากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องอนาคตอย่างเดียว

แต่จริงๆ แล้วนั้น ศาสตร์นี้เป็น Skill อย่างหนึ่งซึ่งคนสามารถเข้าถึงได้
ซึ่งจะต่างอย่างมากกับ Vision ของโยคีหรือนักบวช ที่จะปรากฎเป็นภาพอนาคตให้เห็นคล้ายๆ ความฝัน แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง

สำหรับ ภาพอนาคตที่ปรากฎ ของโยคีหรือนักบวชนั้น มีข้อเสียเหมือนกันคือ
อาจจะไม่เกิดขึ้นจริงได้ ที่ผิดได้เพราะเหตุการณ์อนาคตเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งต่างจากเหตุการณ์ในอดีตที่จะไม่สามารถแก้ไขได้ และในเมื่อมีโยคหรือนักบวชคนหนึ่งคนใด มีความสามารถเห็นภาพอนาคตได้ ก็แสดงว่ายังมีสามารถจะมีคนที่สองที่สาม หรือคนอื่นๆ ที่สามารถทำได้อีกเช่นกัน และ ไม่ใช่เท่านั้น แต่ยังจะมีคนที่มีความสามารถสูงกว่า คือ สามารถเปลี่ยนอนาคตได้อีกด้วย

ดังนั้นเมื่อปัจจัยเปลี่ยน เหตุการณ์อนาคตย่อมเปลี่ยนได้
ทำให้ภาพอนาคตที่โยคีหรือนักบวชเคยเห็นนั้น พอถึงเวลาอาจจะไม่เป็นไปตามที่เห็น
ซึ่งหากได้มีการบอกเล่าออกไป ก็จะกลายเป็นเสมือนการพูดเรื่องโกหกไปได้

ดังนั้นถามว่า การเห็นภาพอนาคต ซึ่งอาจจะไม่จริงเพราะเปลี่ยนแปลงได้ จะมีประโยชน์อะไร?

 

ส่วนวิชา Visionology นั้น ไม่ได้เป็นการฝึกให้เห็นภาพสุดท้าย เอาแต่เท่านั้น

แต่ส่วนที่สำคัญกว่าคือ การวิเคราะห์ภาพสุดท้ายจากปัจจัยต่างหาก
ดังนั้น แม้เหตุการณ์อนาคตจะเปลี่ยนแปลงได้ ก็ไม่สำคัญเท่าการเข้าใจ ปัจจัยอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในอนาคตขึ้นต่างหาก

ดังนั้น เมื่อฝึกจนชำนาญแล้ว มันไม่ได้สามารถมองเห็นอนาคตอย่างเดียวนะ
มันยังสามารถ มองย้อนหลังไปในอดีตได้อีกด้วย

 

ก็อาจจะมีประโยชน์สำหรับคนบางจำพวกครับ ที่เหตุการณ์อย่างนี้ มีให้รู้ว่าอนาคต สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั่นแหละ แล้วก็เมื่อรู้อย่างนี้ คนบางคน จากคนพวกนั้นก็อาจจะสามารถปลงอนาคตที่เห็นได้ ว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน แถมเอาความรู้นี้ไปสอนคนอื่นได้อีกต่างหาก

ว่าแต่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว นึกถึง ซีรี่ส์เดอะแฟลช ซีซั่น สามที่กำลัง ออกอากาศอยู่ช่วงนี้เลย ตอนนี้ก็ เริ่มพูดถึง อนาคตแล้ว

จากที่ในอดีตพระเอกย้อนเวลาไปเปลี่ยนอดีตของตัวเอง ทำให้ปัจจุบันของพระเอกเปลี่ยนแปลงไป
พอมาซีซั่นนี้ พระเอกหลงเข้าไปในอนาคตและเห็นแฟนตัวเองตาย = = แล้วเครียด พยายามทำดีกับคนรักให้มากและหาทางไม่ให้การตายของคนรักเกิดขึ้น

โดยมีดอพเพลแกงเกอร์ของพ่อพระเอก ซึ่งเป็นแฟลชในจักรวาลคู่ขนานอื่นมาปลอบโดยบอกว่า "สิ่งที่นายเห็นน่ะ เป็นเพียงความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในจำนวนอนาคตที่มีโอกาศที่จะเกิดขึ้นนับอนันต์เท่านั้น"

ถ้ามันจะฉุกคิดสักหน่อยว่ามันไปเปลี่ยนอดีตแล้วปัจจุบันของมันยังเปลี่ยนได้ มันก็คงไม่ต้องเครียดมาก แต่ก็เข้าใจหัวอก เพราะถ้าเป็นผมเมื่อก่อน ผมเองก็คงเครียดเหมือนกัน ที่รู้ว่าคนที่รักมีอันจะต้องตายในอนาคต โดย.................................... เผื่อมีแฟนซีรี่ เดี๋ยวจะเป็นการสปอยเกินไป

จะว่าไปถ้ารู้หลักการนี้ เราก็อาจสามารถทำนายอนาคตที่แน่นอนได้นะ คือ ถ้าสมมุติ เรามั่นใจแน่นอนว่าเรามีอนาคตังญาณที่แม่นยำมาก เห็นสิ่งนี้ ๆ ว่ามีโอกาสจะเกิด ถ้าอะไรที่มันเกินวิสัยที่จะมีอะไรไปป้องกันให้มันไม่เกิดได้เนี่ย ก็ให้แน่ใจเลยว่าอันนั้นน่ะ มันต้องเกิดแน่ ๆล่ะครับ

 

(เดี๋ยวนี้ ลบกระทู้ ไม่ได้แล้วอ่ะ )

 

คิดในแง่ดีก็คือเป็นโอกาศให้เราฝึกความระมัดระวังในการโพสครับ

 

กรมอุตุโชว์วิชชั่นทั้งปี ปีละ 365 วัน
เมฆ ลม ฝน คลื่นทะเลมีขนาดเท่าไร
รู้หมด
มีพลาดน้อยมาก นับครี้งได้

หมอดูที่โชว์ชั่นทั้งปี พลาดนับครั้งไม่ถ้วน
แต่คนส่วรใหญ่ก็นิยมชมชอบและให้ความสน
ใจกับวิชั่นของหมอดูมากกว่ากรมอุตุ 555

 

นี้คือตัวอย่างว่า ไปอดีต ได้อย่างไร

(เหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน)

ผมยกหนังสือเอกสารเมื่อ 2 ปีก่อน ขึ้นดูปก เพื่อ พิจารณา
แล้วก็พูดกับน้องคนหนึ่งว่า งานออกแบบรูปบนปก นี้ ดูผิดปกตินะ
(แค่เปรยๆ ออกมาแค่นั้น)

น้องก็ตอบมาเลยว่า "ใช่" รูปนี้คนออกแบบยังออกแบบไม่เสร็จ
แต่คนอนุมัติชอบส่วนตัว เลยเอาแบบนี้เลย

 

อ่อ ประมวลผล จากผลลัพท์ของอดีตในปัจจุบันแล้วทำความเข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอดีต

ส่วนมองอนาคตก็ คงเป็นคาดคะเนผลลัพท์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยอ่านสถาณการณ์จากปัจจุบันสินะ

ประโยชน์ของการมีพื้นที่คุยกันก็ดีงี้แหละ เอาไว้ปรับความเข้าใจให้ตรงกัน ^ ^

 

ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดี
เพราะในเว็บบอร์ดเก่านั้นมีหลายคนที่มาตั้งกระทู้ถาม
แล้วมีสมาชิกหลายๆท่านเข้าไปแสดงความคิดเห็น หรือตอบคำถาม
ซึ่งในคำตอบเหล่านั้น บางคำตอบก็มีประโยชน์ และผู้ตอบ
สู้อุตส่าห์เสียเวลาคิดและเรียบเรียง
แต่พอได้รับคำตอบแล้ว เจ้าของกระทู้บางคน ก็ลบกระทู้ของตัวเองทิ้ง
ทำให้ความคิดเห็นของสมาชิกคนอื่นๆพลอยต้องถูกลบไปด้วย
ซึ่งเป็นการไม่เคารพในสิทธิ์ของผู้ที่เข้าไปให้คำตอบ

เมื่อก่อนนี้ผมเคยตั้งกระทู้แล้ว คิดยากจะลบกระทู้ตัวเองทิ้ง
แต่เพราะเห็นแก่ บรรดาผู้ที่เข้าไปให้คำตอบเหล่านั้นว่า
เขาสู้อุตส่าห์ เสียเวลาเรียบเรียงความคิดเพื่อมาให้คำตอบแก่เรา ผมก็ไม่กล้าลบ
จึงต้องคงกระทู้ไว้อย่างนั้น

ในบอร์ดใหม่นี้ดี ถ้าเราไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่ง เราก็สามารถปิดกระทู้ได้