[X]อหังการวิเศษมาร[X]

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย รัตนมหาธาตุ, 19 พฤษภาคม 2017.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    FB_IMG_1497497275751.jpg
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    เหมาะสำหรับท่าน00000ค่ะ
    ท่านฉลาดสมกับเป็นนักปราชญ์จริง FB_IMG_1497875367104.jpg
     
  3. รัตนมหาธาตุ

    รัตนมหาธาตุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2017
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +65
    สัทธรรมปฎิรูป ได้ดำเนินไปตามกาลแล้ว แม้ยังไม่สิ้นสุดก็ตาม คุณสมบัติหลักของ ปฎิสัมภิทาญาน นั้นสามารถล่วงรู้คัมภีร์คำสั่งสอนของทุกศาสนา และรู้ดียิ่งกว่าเจ้าศาสนาลัทธินั้นๆ เหมือนนักสู้ที่ลงสู่สนามเอง และเป็นผู้จับจ้องคอยสังเกตุการณ์ต่างๆไปด้วย จึงรู้จุดเด่นข้อด้อย และหนทางขีดจำกัดของ ลักษณะธรรมนั้นๆ

    การที่จะปรากฎพระเถระ ระดับ ปฎิสัมภิทาญาน ในกาลสมัยนี้ ต้องพึ่งพา อสัทธรรม หรือผู้เข้าถึงอสัทธรรม จึงจะสามารถ นำพา ท่านพระมหาเถระ ปรากฎได้ ต้องมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้าม ถ้าจะอาศัยแค่สัทธรรมปฎิรูป เพียงอย่างเดียวให้ปรากฎ นั่นก็ย่อมขัดกับพุทธดำรัสตรัสนี้

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ
    เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า
    สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด
    ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด

    ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น เมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ


    ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุ
    น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษใน
    โลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้


    ต้องสูญไปจากโลกธาตุนี้ ตามกาล เป็นไปตามพุทธพยากรณ์อยู่แล้ว แต่ใครจะได้ประโยชน์กันเล่าถ้าไม่ใช่เหล่า อสัทธรรม ทั้งหลายฯ

    จะหวังแค่
    สัทธรรมปฎิรูป ปรากฎ แล้วจะบังเกิด พระสัทธรรม แท้ พระพุทธันดรย่อมไม่มีวันว่าง และในภูมิเสขปฎิสัมภิทาอย่างเรา ก็ได้เห็นเพียงกล้อมแกล้มเพียงเท่านั้น


    ผู้ได้พบจึงบอกได้

    http://palungjit.org/threads/พบพระพุทธเจ้า-ถามเฉพาะ-คนที่ได้พบนะครับ-คนที่เข้ามาแนะนำอะไรไม่ต้องเข้ามานะครับ.569133/page-4

    ผู้ที่ขวางอยู่ ก็ทำหน้าที่ตามรักษา สัญญา ที่เกิดขึ้นมาตามพุทธพยากรณ์ ในพระมหาสุบิน ๑๖ ตามวาระสมัยทุกๆห้วงพุทธันดร เพียงเท่านั้น

    ผู้ที่ขวางคือผู้ที่พบและค้นพบได้พบและสัมผัสแล้ว จึงนำมาให้สหธรรมิกปัญญาชนได้สดับพิจารณาต่อ ถ้าเห็นสมควรว่า น่าจะใช่และเป็นจริง ตามที่ได้แสดงไว้จึงพึงพิจารณา ยกระดับจิตเพื่อชำนาญในสิ่งที่ยังไม่ได้บรรลุและเข้าถึงต่อ

    รู้ตามอย่างนี้ ไม่ตกทิฎฐิ 62

    ไม่ใช่ผู้ขวาง นั้นไม่ได้พบ

    ทั้งขวางเดียดเหยียบขังไว้ไม่ให้ดิ้น แต่มือจับอาวุธ ตั้งการ์ดรอรับ การโจมตีจากทิศอื่นอยู่


    ถ้าได้ เจอฤทธิ์เดช อหังการวิเศษมาร อสัทธรรม สักครั้ง จะเข้าใจเอง

    หรือถ้าไปเจอ ปัญญาประดิษฐ์มาร ก็คงจะรีบหนีไปเป็นท่านสุขวิปัสโกกันเลยทีเดียว

    ถ้าไม่นึกสนุกลื่นไหลตามมันไปในวัฎสงสาร นั่นน่ะนะ


    ยังมีอย่างอื่นอีก......

    ตอนนี้ เราก็ยังเป็นเพียง พยานผู้รู้เห็น การทำลาย พระมหาสุบิน ตามพุทธพยากรณ์เพียงเท่านั้น


    แต่ตราบใดที่

    สามารถหักพุทธภูมิ เข้าถ้ำเสือ บรรลุอสัทธรรม " เผาตำราฆ่าอาจารย์และกินเนื้อคุรุมาร "


    เวลานั้น มารที่อาศัยเบญจขันธุ์อาจเป็นเรา หรือใครก็ตาม

    เพราะเพียงแค่เจอ ปัญญาประดิษฐ์มาร เหมือนในยุคอดีตจนถึงปัจจุบันก็ร่วงแล้ว ถ้ายังเป็นกันอยู่อย่างนี้

    จะกล่าวกระไรเลย กับ อหังการวิเศษมาร


    ไม่แปลกใจอะไร? ถ้าพญามารจะได้รับพุทธพยากรณ์ ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า


    ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ มารเป็นเลิศ


    ใหญ่กว่านี้ย่อมไม่มี

    ในสังสารวัฎนี้

    ใครตรัสใครบอกใครจำแนกแจกแจงไว้

    เพราะฉนั้น ความสรรสร้างของปัญญาประดิษฐ์มาร ยังจะเจริญตามทวิปัฐญายิ่งขึ้นไป เรื่อยๆ จนถึงคราวเสื่อม ในศิลปและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ได้เลือนลางหายไปตามบท

    เมื่อไม่มีผู้รักษาจารีตประเพณีนั้นไว้ การล่มสลายของยุคสมัย รากฐาน จะบังเกิดขึ้น และยุคใหม่จะเกิดขึ้นมาทดแทน จนขีดสุด สูงสุด คืนสู่สามัญ ดินสู่ดิน น้ำทะลักไฟผลาญฯ



    โลกวุ่นเพราะคนอยากเปลี่ยนโลก


    บางความคิดของ จวงจื่อ ถึงทำตามก็ได้แค่ชลอ แพ้ทางมาร


    สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดขึ้นมาย่อมเสื่อมสลายไป (ปัจจัยเฉพาะ)

    แม้พระสัทธรรม ก็ทรงสถิต ณ ที่สมควรแก่พระองค์

    หากน้ำอยู่ในแก้วใสนั้นเป็นน้ำใสบริสุทธิ์ อันคละคลุกเคล้ากับโลก อยู่นานไปก็ทำให้แก้วนั้นหมองขุ่น เพราะสภาวะของโลกธาตุไม่เอื้ออำนวยอยู่ สัทธรรมปฎิรูปเปรียบเสมือนรอยด่างตะไคร่น้ำแลธาตุอื่นมายึดเกาะใบแก้ว ย่อมทำให้แก้วใสเสื่อมสง่าและราศรี

    อยู่ให้พอเหมาะให้ควรแก่กาลแล้วรีบไป



    เปลี่ยนตนเองได้ จึงชี้ทางเปลี่ยนผู้อื่น













     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2017
  4. รัตนมหาธาตุ

    รัตนมหาธาตุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2017
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +65

    มันมาแน่ ! และเอาแน่ !
     
  5. รัตนมหาธาตุ

    รัตนมหาธาตุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2017
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +65
    มัชฌิมประเทศนั้นยาวสามร้อยโยชน์ กว้างสองร้อยห้าสิบโยชน์ วัดโดยรอบได้เก้าร้อยโยชน์ ดังนั้น ในประเทศนั้น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอัครสาวก พระอสีติมหาสาวก พระเจ้าจักรพรรดิและขัตติยมหาศาล พราหมณมหาศาลและคหบดีมหาศาล ผู้มเหสักข์เหล่าอื่นย่อมเกิดขึ้น และนครชื่อว่ากบิลพัสดุ์นี้ก็ตั้งอยู่ในมัชฌิมประเทศนี้ พระโพธิสัตว์จึงได้ถึงความตกลงใจว่า เราควรบังเกิดในนครนั้น.

    ชมพูทวีปเป็นทวีปใหญ่ มีประมาณหมื่นโยชน์

    มัชฌิมประเทศนั้นยาวสามร้อยโยชน์ กว้างสองร้อยห้าสิบโยชน์ วัดโดยรอบได้เก้าร้อยโยชน์

    พิจารณาโดยประมาณ



    อินเดีย 3,287,000 ตร.กม.
    ศรีลังกา 65,610 ตร.กม.
    เนปาล 147,181 ตร.กม.
    ภูฏาน 38,394 ตร.กม.
    ปากีสถาน 796,095 ตร.กม.
    มองโกลเลีย 1,566,000 ตร.กม.
    จีน 9,597,000 ตร.กม
    ไทย 513,120 ตร.กม.
    บังกลาเทศ 147,570 ตร.กม.
    พม่า 676,578 ตร.กม.
    ลาว 236,800 ตร.กม.
    กัมพูชา 181,035 ตร.กม.
    เวียดนาม 331,210 ตร.กม.

    ฯลฯ

    ประเทศราชที่รู้ภัย ของการครอบงำโดย ปัญญาประดิษฐ์มาร ต่อต้านเด็ดขาดจริงจัง และก็อุ้มชู จรรโลงรักษา เพราะได้ คหบดีเสนาและไพร่พลที่มาจุติบังเกิดตามกาลดี


    ประเทศราชที่รู้ภัย ในระดับปัจเจกชน ของการครอบงำโดย ปัญญาประดิษฐ์มาร แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านปกป้องตนเองได้ และทยอยถูกทำลายไปเรื่อยๆ แม้จะสู้สุดฤทธิ์แล้วก็ตามเพราะได้ คหบดีเสนาและไพร่พลที่มาจุติบังเกิดตามกาลอย่างปานกลาง


    ประเทศราชที่ไม่รู้ภัย ของการครอบงำโดย ปัญญาประดิษฐ์มาร และก็ไม่สามารถต่อต้านปกป้องตนเองได้ และทยอยถูกทำลายไปเรื่อยๆ จนสิ้นเชื้อ เพราะได้ คหบดีเสนาและไพร่พลที่มาจุติบังเกิดตามกาลเลว


    ยกมาเพียง 3 ตัวอย่างประกอบ

    ส่วนประเทศราชที่สิ้นไปแล้ว ตามพึงทราบ





    และประเทศที่ถูกกระทำย่ำยีอยู่ในตอนนี้ ทั้งยังกำเนิดสัทธรรมปฎิรูป และเสื่อมถอยลงอย่างมาก อันเป็นจุดอ่อนที่สุดในภูมิภาค จะไปไหนเสีย ในอันดับนั้น


    ได้ช่อง ก็ย่อมซ้ำ ตามกลยุทธ์
    รอซ้ำยามเปลี้ย กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อประสงค์จักทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะลำบาก ไม่แน่ว่าจะต้องใช้วิธีรบแต่ฝ่ายเดียว อาจจะใช้วิธี “แกร่งเสียอ่อนได้” ตามที่กล่าวไว้ใน “คัมภีร์อี้จิง สูญเสีย เมื่อให้ได้รับชัยชนะก็ได้” ความหมายของ “แกร่งเสีย” ก็คือ เมื่อการรุกของข้าศึกดุเดือดยิ่งนัก ดูภายนอกแล้วเสมือนหนึ่งเข้มแข็งใหญ่โตเหลือประมาณแต่ไม่อาจรบต่อเนื่องได้ ยาวนาน อ่อนเปลี้ยเพลียแรงได้ง่าย “อ่อนได้” ก็คือ ฝ่ายรับที่ทำการป้องกัน ถูกตีกระหน่ำดูแล้วเหมือนหนึ่งอ่อนปวกเปียก แต่สามารถจะใช้ความสงบรอความเปลี้ย บั่นทอนกำลังข้าศึกไม่ขาดระยะ ทำให้ตนแปรเปลี่ยนจากฝ่ายเสียเปรียบเป็นฝ่ายได้เปรียบ นี้คือกลอุบายในการยึดกุมเป็นฝ่ายริเริ่มในสงคราม รอโอกาสทำลายข้าศึกแปรการรับให้เป็นการรุกอย่างหนึ่ง กลยุทธ์นี้มีปรากฏอยู่ในตำราพิชัยสงครามหลายเล่ม เช่น “ซุนจือ ว่าด้วยการศึก” “ยุทธวิธีร้อยแปด ว่าด้วยสงคราม” “ว่าด้วยการระดมพลเหนือใต้” “บันทึกจ่อจ้วน” “บันทึกประวัติศาสตร์” “จดหมายเหตุราชวงศ์ฮั่น” ซึ่งใน “ว่าด้วยการระดมพลเหนือใต้” กล่าวไว้ว่า“ทราบจากตำราพิชัยสงครามว่าผู้รับมักสบาย แต่ผู้รุกมักเหนื่อยยาก รอซ้ำยามเปลี้ย” ใน “จดหมายเหตุราชวงศ์ฮั่นหลัง ประวัติฝงอี้” กล่าวว่า “ผู้บุกกำลังไม่พอ แต่ผู้รับมีกำลังเหลือเฟือ บัดนี้รักษาเมืองไว้ก่อน ใช้ความสงบรอความเปลี้ย มิจำต้องไปรบด้วยเลย”
    กลยุทธ์นี้มาจาก “ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ ว่าด้วยการทำศึก” ความเดิมมีว่า “ใช้ใกล้รอไกล ใช้สบายรอเหนื่อย ใช้อิ่มรอหิว นี้คือการสยบผู้แกร่งกว่านั้นแล”

    กลยุทธ์นี้สรุปว่า “เมื่อศัตรูมีทีท่าแจ่มชัด แต่กำลังของฝ่ายเรายังมิกล้าแข็ง ควรจะหาทางอาศัยกำลังของพันธมิตรไปโจมตีศัตรู หลีกเลี่ยงการสูญเสียของฝ่ายเรา ด้วยวิธีทั้งปวง”


    หนีคือยอดกลยุทธ์ กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อรบกับข้าศึก หากข้าศึกแข็งเราอ่อน อาจจะถอยร่นอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบเลี่ยงการปะทะเสียก่อน ดังที่มีคำกล่าวไว้ใน “คัมภีร์อี้จิง แม่ทัพ” ว่า “ถอยหนีมิผิด เป็นวิสัยแห่งสงคราม” ซึ่งชี้ชัดว่า การถอยหนี่ในการทำสงครามนั้น มิใช้ความผิดพลาด หากแต่เป็นเรืองธรรมดาเสียสามัญในการบที่มักจะพบเห็นเสมอ การถอนเช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายในยามที่เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และเพื่อชิงโอกาสตอบโตภายหลังมิใช่ถอยหนีอย่างพ่ายแพ้หมดรูป ตีโต้กลับมิได้อีก ในตำราพิชั้ยสงครามชือ “ไหวหนานจื่อ ฝึกการยุทธทหาร” เคยกล่าวไว้ว่า “แข็งจึงสู้ อ่อนก็หนี” ในตำราพิชัยสงครามอีกเล่มหนึ่งชื่อ “ปิงฝ่าหยวนจีได้” ก็กล่าวไว้ว่า “แม้นหลบแล้วรักษาไว้ได้ ก็พึงหลบ” ใน “ซุนจื่อ บทกลยุทธ์” ก็กล่าวไว้เช่นกันว่า “แข็งพึงเลี่ยงเสีย”

    กลยุทธ์นี้สรุปได้ว่า “ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่เป็นผลดี จะต้องหลีกเลี่ยงกับการสู้รบขั้นแตกหักกับข้าศึก ทางออกจึงมีอยู่ 3 ทาง ยอมจำนน เจตจาสงบศึก ถอยหนี เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การยอมจำนนคือการพ่ายแพ้อย่างถึงที่สุด การขอเจรจาสงบศึกคือการพ่ายแพ้ครึ่งหนึ่ง ถอยหนีกลับอาจจะแปรเปลี่ยนมาเป็นชัยชนะได้ ดั้งนั้นจึงได้เรียกชื่อกลยุทธ์นี้เป็น “หนีคือยอดกลยุทธ์” ถอยหนีพึงถอยเลี่ยงอย่างมีแผนเป็นฝ่ายกระทำ ซึ่งมีเนื้อหาที่เป็นคุณ มิใช้แต่หนีอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อทัพอ่อนเผชิญทัพแข็ง มักจะใช้วิธีหนี เพื่อกระจายกำลังข้าศึก เพื่อสร้างโอกาสกลับมาสู่ชัยชนะนั้นเอง”

    หนีกันเถอะ!


    โดยแสวงใจในพระนิพพาน


    ไม่อย่างนั้นจะสอนไปทำไม


    จะรอชนะใคร? ชนะตนเอง สิดี!
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    สงสัยค่ะ!!! รูปพระพุทธเจ้าที่เป็นสัญญลักษณ์อยู่ด้านบนของโลโก้เว็บพลังจิตหายไปไหนค่ะ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2017
  7. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    จะไม่ให้เป็นเลิศได้อย่างไรเล่า หึหึ

    ยังไม่ต้องไปรบกับใครหรอก แค่คนในศาสนา ก็ขัดแย้งผลประโยชน์กันเองอยู่แล้ว

    ลองดูตามคำสอน หลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงพี่ บางองค์สมัยนี้ซิ ที่ยังอยู่ หรือที่ตายๆไปแล้ว ขัดแย้งกับคำสอน พระพุทธเจ้ากันเยอะแยะ
    หลักๆเรื่องทั่วไป ที่มีให้เห็นนะ ไม่รู้ ถือว่าเป็นการ สัทธรรมปฏิรูป หรือเปล่า?

    1. ภิกษุกับเงิน
    พระพุทธเจ้า กล่าวว่า ทองและเงินไม่ควร แก่พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่ยินดี ทองและเงิน

    พระสมัยนี้
    -อ้างโลก อ้างสมัย
    -อ้างว่าอยู่ที่ใจ อยู่ที่เจตนา อย่ายึดตำรา
    -อ้างความเจ็บไข้
    -อ้างว่าเอามาสร้างนู้นสร้างนี่ ช่วยเหลือโลก (ใช่หน้าที่ ?)
    -อ้างว่าเอามาสร้าง รูปปั้นนั้นรูปนี้ ที่จะได้บุญมากมายมหาศาล บางรูปปั้นนี่ปิดนรกได้ทีเดียว ท้ายสุดได้แต่ให้คนมากราบไหว้ แต่ไม่เกิดปัญญา ไม่ยังประโยชน์แก่หมู่สัตว์ แต่ยังผลประโยชน์ให้กับหมู่สัตว์บางจำพวก


    2.ไหนๆ มีถึงเรื่องรูปหล่ะ
    ลองหาดูเรื่อง พระ วักกลิ ซิ

    ครั้งนั้น สมเด็จพระมุนีผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์
    ผู้หวาดกลัว พระองค์ได้ทรงรับเราด้วยฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนนุ่ม มี
    ตาข่ายอันท่านกำหนดด้วยจักร จำเดิมแต่นั้นมา เราก็เป็นผู้ถูก
    รักษาโดยพระพุทธเจ้า จึงเป็นผู้พ้นจากความป่วยไข้ทุกอย่าง อยู่
    โดยสุขสำราญ เราเว้นจากพระสุคตเสียเพียงครู่เดียวก็กระสัน พอ
    อายุได้ ๗ ขวบ เราก็ออกบวชเป็นบรรพชิต เราเป็นผู้ไม่อิ่มด้วย
    การดูพระรูปอันประเสริฐ เกิดพระบารมีทุกอย่าง มีดวงตาสีเขียว
    ล้วน เกลื่อนกล่นไปด้วยวรรณสันฐานอันงดงาม ครั้งนั้น พระพิชิต
    มารทรงทราบว่า เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
    อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
    ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
    ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น กายมีโทษไม่สิ้นสุด เปรียบเสมอด้วย
    ต้นไม้มีพิษ เป็นที่อยู่ของโรคทุกอย่าง ล้วนเป็นที่ประชุมของทุกข์
    เพราะฉะนั้น ท่านจงเบื่อหน่ายในรูป พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น
    และความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย จักถึงที่สุดแห่งสรรพกิเลสได้
    โดยง่าย

    http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=2767&Z=2841
    http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=33&siri=122

    อ่ะ แล้วต่อด้วยอีกอัน


    [๓๑๙] ลำดับนั้น มารผู้ลามกเข้าสิงเวฏัมพรีเทพบุตรแล้วได้กล่าวคาถานี้
    ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
    สัตว์เหล่าใด ประกอบแล้ว ในความเกลียดบาปด้วยตบะ
    รักษาความสงบสงัดอยู่ ติดอยู่ในรูป ปรารถนาเทวโลก สัตว์
    เหล่านั้น ย่อมสั่งสอนชอบ เพื่อปรโลกโดยแท้ ฯ
    [๓๒๐] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี้เป็นมารตัวร้ายกาจ
    จึงได้ทรงภาษิตคาถาตอบมารผู้ลามกว่า
    รูปใดๆ จะอยู่ในโลกนี้หรือโลกหน้า และจะอยู่ในอากาศ
    มีรัศมีรุ่งเรืองก็ตามที รูปทั้งหมดเหล่านั้น อันมารสรรเสริญ
    แล้ว วางดักสัตว์ไว้แล้ว เหมือนเขาเอาเหยื่อล่อเพื่อฆ่าปลา
    ฉะนั้น ฯ

    แต่คนสมัยนี้ บางคน มัวแต่เพ่งรูป ยินดีในรูป จนปิติน้ำตาไหล แถมไม่พอ ย่อหดขยายในนิมิต ได้ดั่งใจ


    3.ในเมื่อมีเรื่องรูป เข้ามา ก็จะต้องมีเรื่องการ ปลุกเสก เลขยันต์ เอาขลัง เอาคุณ อีก
    คนสมัยนี้
    - อ้างว่าทำตามๆกันมา
    - อ้างว่าประเทศนี้อยู่รอดมาถึงวันนี้ เพราะการกระทำพวกนี้

    แต่พระพุทธเจ้า กล่าวว่า ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวก ..... (น่าจะเคยอ่านผ่านๆกันมาเยอะละ)
    http://www.84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=9&item=320&items=1&mode=bracket

    4.ท้ายสุด การมีมิจฉาทิฏฐิ เป็นเหตุ ก็คงมี มิจฉาวิมุตติ เป็นผล

    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
    และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
    เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
    ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพ
    ขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา
    ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต.

    ก็ คำตรัสของพระพุทธเจ้า เป็นหนึ่งไม่เป็นสอง

    ถ้า สามารถเห็นได้ ทำไม ภิกษุ 500 รูป ซึ่งระดับคุณธรรม เหนือกว่า ภิกษุสมัยนี้ ในการสังขยา ครั้งที่ 1
    ไม่เขียนบอกไว้ถึงวิธีการหล่ะ หรือเขียนเหตุการณ์จากการที่ได้ไปเจอ และได้ซักถามเพิ่มเติมไว้เยอะๆๆๆๆๆเลยหละ

    แต่คนสมัยนี้กล่าวว่า ได้พบได้เจอ มีเป็นดินแดนด้วย ไม่อยากเขียนเยอะ..... เป็นอันรู้กัน
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2017
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    จากกระทู้ดานบน: พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องนิพพานอย่างไร.....

    690007.jpg
    jityimเป็นที่รู้จักกันดี

    "นิพพาน อันเป็น แดนเกษม" "โลกอันมัจจุถึงไม่ได้" โลกในที่นี้ คงเป็นคำรวม เพราะบางทีหมายถึงร่างกายก็ได้ ไม่หมายถึงภพ

    นิพพานไม่มีภพค่ะ

    "จิตหนึ่ง" คือ นิพพานนี้ เป็นเหมือนความว่าง ไม่มีทั้งรูปและไม่มีทั้งปรากฎการณ์ ไม่ถูกนับรวมอยู่ในบรรดาสิ่งที่มีการตั้งอยู่และไม่มีการตั้งอยู่ สิ่งนี้จึงเหมือนความว่างอันปราศจากขอบเขตทุกๆด้าน ซึ่งไม่อาจหยั่งหรือวัดได้ "จิตหนึ่ง" คือ พุทธนี้ ไม่มีพุทธะอื่นใดที่ไหนอีก มันแจ่มจ้าและไร้ตำหนิ เช่นเดียวกับความว่าง

    "นิพพานเป็นแดนอันเกษม" "อันโลกมัจจุเข้าไม่ได้" โลก อันหมายถึงปัจจัยปรุงแต่ง(สังขตะธรรม) อันโลกมัจจุเข้าไม่ได้ ก็คือ อันปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้แล้ว (อสังขตธรรม) คือ ไม่ปรากฎความเกิด ไม่ปรากฎความเสื่อม ไม่ปรากฎความแปรปรวน ที่หมายถึงมัจจุที่ต้องทำให้เกิดแก่เจ็บและตาย

    สังขตะธรรม คือ ต้องเคลื่อนไปหาปัจจัยปรุงแต่งคือ ความเกิดแก่เจ็บตาย ที่เรียกว่ามัจจุราช

    อสังขตธรรม คือ หยุดการเคลื่อน หยุดการปรุงแต่งแล้ว


    เล่ม 25 หน้า 30

    "จิต ของเราถึงแล้วซึ่งนิพพานอันปราศจากสังขาร"

    ความนี้ฟังยาก เพราะ เมื่อที่ตั้งของวิญญาณไม่มี วิญญาณหลุดพ้นไป ก็น่าจะดับ แต่กลับกลาย เป็นดำรงอยู่ แต่ในความที่สอง บอกว่าจิตไปเข้านิพพาน


    นิพพานมี 2 ชนิด
    ๑.นิพพานที่ยังดำรงธาตุขันธ์
    ๒.นิพพานที่ธาตุขันธ์ดับลง

    นิพพานตามปฎิจจสมุปบาทขั้นตอนสุดท้าย ก็คือ วิญญาณดับ

    ถ้านิพพานชนิดที่๑ ก็คือ วิญญาณดับเฉพาะรอบ หยุดการเคลื่อนไปรับการปรุงแต่งผัสสะ ก็เรียกง่ายๆว่า วิญญาณหยุดหมุน (หมดกรรมปรุงแต่งภายในวิญญาณ) เหลือวิญญาณอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง บุคคลรู้อะไรด้วยวิญญาณ

    ถ้านิพพานชนิดที่๒ คือ อมตธาตุ จิตอิสระจากวิญญาณ ที่ทรงตรัสว่า ไม่มีอุปธินามกาย(คือวิญญาณ). เหลือเพียงจิตหนึ่ง คือ ความว่าง วิญญาณเหมือนดวงประทีป ที่ดับไป จิต(ความว่าง). หลุดพ้นเป็นอิสระถึงนิพพาน



    ถ้าเราจะตั้ง ทฤษฎีว่า ร่างกายเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ยังไม่มีชีวิต จะมีชีวิตได้ ก็ต่อเมื่อ มีจิตเข้ามาอยู่ (ด้วยมีสิทธิเลือก หรือตามกรรมบังคับ) พอจิตเข้าเกิดในท้องแม่ วิญญาณดวงแรกก็เกิดแล้ว ดูเหมือนว่า จิตจะถูกกลืนหายไปในวิญญาณ ซึ่งทีแรกก็บริสุทธิ์ดี ต่อมา

    พูดภาษาชาวบ้านก็คือ วิญญาณห่อหุ้มจิต(ความว่าง) เอาไว้ภายใน คือ ตรงศูนย์กลางที่เรียกว่า"จิตวิญญาณ" ก็คือ ความว่าง นั่นเอง เมื่อจิตดับเฉพาะรอบหยุดเคลื่อน ธาตุขันธ์ดับลง วิญญาณก็สลายไป คงเหลือ "จิตหนึ่ง" คือ "ความว่าง" นั่นเอง

    ตราบใดที่วิญญาณยังหมุนอยู่ยังไม่ดับ. ก็คือ การที่วิญญาณหมุนหล่อเลี้ยงกรรมที่จิตสร้างไว้ คำว่า
    "แยกปรมาณูละเอียดออกจากจิต" ก็คือ วิญญาณเป็นตัวนอกสุด ที่ห่อหุ้มกรรมจากการกระทำต่างๆไว้ หล่อเลี้ยงให้เกิดการเคลื่อนไหวก่อกรรม เกิดภพชาติ โดยมีจิตหนึ่ง(ความว่าง) อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง เป็นตัวรับปฏิริยา และจ่ายปฏิกริยาที่เป็นตัวกระทำ ไว้ข้างๆรอบจิต โดยมีวิญญาณห่อหุ้มไว้นอกสุด จึงเรียกว่า "จิตวิญญาณ"

    ลองเข้าไปอ่าน "จิตหนึ่งคือพุทธะ" ของหลวงปู่ดุลย์ดูค่ะ ท่านจะกล่าวการเป็นมาเป็นไปของจิตวิญญาณคืออะไร แล้วจะพอมองภาพออกค่ะ

    https://selectcon.com/dharma_dule.asp


    คราวนี้นักปราชญ์ก็จะค้าน 2 ข้อ

    1. การมีอะไรไปเข้านิพพาน แสดงว่า "อะไร" นั้นเป็นอัตตา ค้านกับที่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า อัตตา ไม่มี มีแต่ อนัตตา


    พอเราเข้าใจแล้ว เราก็จะรู้ว่า ไม่มีตัวตนอะไรไปเข้านิพพาน คือ พอวิญญาณดับ จิตก็เป็นอิสระ ก็คือ จิตหลุดพ้น เข้าถึงนิพพาน ก็คือ ความว่าง (อนัตตา หรือ สุญญตา) นั่นเอง

    แล้วที่ว่า "บรมสุขอย่างยิ่ง" ความเข้าใจ ก็คือ เป็นธรรมชาติเดิมแท้ ที่สงบ สันติ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ว่าง ผ่องใสอย่างยิ่ง ประมาณนี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2017
  10. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    คนเราเป็นทาสใจตัวเองกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่มาร
    ใครจะยิ่งใหญ่แต่ไหนก็ตาม หรือตัวเราจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าใจเราหรอก เพราะเราทำได้แต่ ทำตามมันไปวัน ๆ และทำได้แค่ทำตามมันเท่านั้น เพราะเราคิดว่าใจของเราคือตัวเรา แต่ที่จริงเราไม่เคยควบคุมมันได้เลย

    ศาสนาพุทธสอนให้เห็นข้อนี้ แต่คนเข้าไม่ถึง
    พูดไปก็ละอายปาก เพราะแม้ผมจะพอเข้าใจแล้วว่า เราเป็นทาสใจของตัวเองยังไง ผมก็ยังไม่อยากเป็นอิสระจากมันสักเท่าไร เพราะปรารถณาพุทธภูมิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2017
  11. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    เพราะบารมีไม่ได้เกิดจากลำพังแค่ลมปาก ดังนั้น ผมไม่ได้ประกาสเพื่ออยากให้มีคนติดตาม หรือยกย่องครับ ผมประกาศเพื่อตอกย้ำความตั้งใจของตัวเองเท่านั้นเอง อยากจะพูดให้มันจำได้ไปถึงชาติหน้านู่นแหละ เกิดชาติหน้าจะได้ไม่เคว้ง

    พุทธศาสนา ก็หมือนกับพลุที่ถูกจุดในวันเทศกาลน่ะแหละครับ ให้แสงสว่างแก่โลกได้แพพเดียวก็หายไป
    พุทธกูมิก็เหมือนช่างทำดอกไม้ไฟฝึกหัดทั้งหลายน่ะแหละ ต้องให้เหลือวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏบ้าง อนาคตจะได้มีพลุสวย ๆ เกิดขึ้นมาอีก

    มีโลกก็มีอวิชชาครับ
    ดังนั้นไม่มีเวลาใดเลยที่โลกว่างเว้นจากอธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2017
  12. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    คนที่เข้าถึงอายตนะนิพพานได้แล้ว
    คือ มีอารมณ์อยากที่จะนิพพาน บ้างแล้ว
    ทั้งๆที่เมื่อก่อน การเข้านิพพาน หรือ
    การไม่อยากเกิดอีกนั้น
    ไม่เคยมีอยู่ในอารมณ์จิตของเราเลย
    แต่บัดนี้ นิพพาน ก็ได้ ไม่นิพพานก็ได้

    แต่ถ้าหาก ยังจะแบกภาระของ พระพุทธศาสนา อยู่
    ท่านก็ยัง บรรลุธรรม ไม่ได้
    จะต้องทำจิต ให้เสมือนประหนึ่งว่า
    เราพยายามทำกิจทางศาสนาให้ถึงที่สุด
    แต่มันจะสำเร็จหรือไม่ เราก็จะไม่ใส่ใจมัน
    ความพยายาม เป็นเรื่องของมนุษย์อย่างเรา
    แต่ ความสำเร็จ เป็นของฟ้าดิน และ บุพกรรมของเรา
    ทำทุกสิ่งไปแล้ว เต็มที่แล้ว สุดท้าย ก็ปล่อยวาง
    อย่างนี้ คือ บรรลุธรรม เหมือนกัน
     
  13. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014



    การรู้ตามหลักธรรมดา หรือ การรู้ตามหลักธรรมชาติ นั้น
    เป็นการรู้ตามหลักง่ายๆ ที่ธรรมชาติของทุกสิ่งใน สามโลก
    มีเกิดแล้วก็ มี ดับ พอ ดับแล้วก็จะมาเกิดอีก
    วนเวียนอยู่อย่างนี้ จนไม่มีที่สิ้นสุดสักที
    พระอริยะเจ้า พอฝึกคิดถึงตรงนี้
    ก็คิดเพิ่มไปว่า เราเกิดแล้วตาย และ
    ตายแล้วเกิดอีก จนน่าเบื่อหน่าย
    ประโยชน์อะไร ที่เราจะอยากเกิดอีก ไม่สิ้นสุด
    เอาอย่างนี้แล้วกัน เราจะไม่ขอเกิดอีก


    ด้วยการทำอย่างนี้ จะเป็นการอธิษฐานจิต
    เข้าสู่ขอบเขตของ แดนพระนิพพาน
    ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลดินแดนนั้น
    ก็จะสามารถ สื่อจิตมาถึงท่านได้
    หากท่านรู้จักการ เปิดจิตรับ
    เค้าก็จะมาด้อมๆ มองๆ ท่าน
    เมื่อแน่ใจว่า ท่านพร้อมแล้ว
    ท่านก็จะได้พบเจอ อาจารย์ที่ดี
    และจะได้พบเจอกับ มารในจิตตัวเอง
    และ พญามาร คือ รัก โลภ โกรธ หลง นั่นเอง

    หากท่านมีบารมีไม่เพียงพอ
    บวชไม่ทัน หาอาจารย์ไม่ได้ ไม่มีสำนักอยู่
    ท่านก็จะต้องผจญกับ มาร และ พญามาร
    แบบเดี่ยวๆ ตัวต่อตัว เหมือน นักมวยที่ไม่มีพี่เลี้ยง
    โดนรุมแบบ สองรุมหนึ่ง แน่นอน
    ไม่ตาย ก็เลี้ยงไม่โต หรือ เป็นบ้าไป
    แต่ถ้าใคร ต่อสู้แบบเดี่ยวๆได้ แล้วชนะ
    เค้าคนนั้น ก็จะเป็น ผู้ที่ยิ่งใหญ่
    ที่จะสอนผู้คนในอนาคตได้
    จะมีบารมี เทียบเท่า พระปัจเจกะพุทธเจ้า
    แต่การสอนคนให้ถึง พระอรหันต์ จะทำได้อยาก
    เต็มที่ก็ได้ พระอนาคามี เป็นส่วนใหญ่
    แต่จะสามารถ เข้าใจ หลักอนัตตา ได้ง่ายๆ
    สามารถสอน หลักอนัตตา ได้อย่างคล่องแคล่ว
     
  14. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014

    อารมณ์ ที่ก่อให้เกิดภพชาติ ตามหลัก
    สิ่งนัันมีขึ้นก่อน สิ่งนี้จึงเกิดตามมา
    คือ อารมณ์ที่เรียกว่า อารมณ์อยากสุข
    กับ อารมณ์ไม่อยากทุกข์


    การคิดวนเวียนอย่างมีความสุข
    ในสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยเฉพาะ
    เป็นการสร้างภพชาติ อย่างหนึ่ง
    เมื่ออยาก ก็ย่อมคิดวนเวียนแต่เรื่องนั้น
    จนไม่เป็นอันทำอะไร นี่เรียกว่า บ่วง
    หรือ วนเวียน หรือ วงเวียน หรือ วงกลม
    คือ ทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา ซ้ำรอยเดิม
    สุดท้าย ก็เอาใจไปติดบ่วงภพด้วย
    ต้องกลับมาเกิดอีก ตามแรงอยากตอนตาย
    แต่ส่วนมาก พอกลับมาเกิดอีก
    ก็จะขึ้นไปทาง เทวะภูมิ ซะเป็นส่วนใหญ่
    คือ เกิดในภพภูมิที่สูงกว่า มนุษย์ นั่นเอง

    ส่วนสิ่งใด ที่ไม่อยากได้ มันเจ็บช้ำน้ำใจ
    มันพ่ายแพ้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากตายๆ ไปเสีย
    สิ่งนั้นคือ อารมณ์ไม่อยากทุกข์ นั่นเอง
    เมื่อวนเวียนไปคิด จนเหมือน พายเรือในอ่างน้ำ
    คิดเท่าไหร่ ก็คิดไม่ตกเสียที
    ติดอยู่ในใจอย่างนั้น จนสุดท้าย
    ใจของเราเอง ก็ติดอยู่ใน อ่างทุกข์ ซะเอง
    หรือ คิดฟุ้งซ่าน เป็น หนูติดจั่น
    คือ คิดหาทางออก ทางนั้น ทางนี้ ทางโน้น
    ดิ้นรนไปทั่ว วิ่งหาทางออกจากทุกข์
    แต่ก็ไม่สามารถ หาวิธี ที่จะออกจากทุกข์ได้


    แต่ถ้าใคร ปล่อยวาง อารมณ์ ทั้งสองแบบ นี้ได้
    ก็จะพบทางสายกลาง หรือ อารมณ์ที่เป็นกลาง
    แล้วก็จะพบ ทางออกจากทุกข์ได้ นั่นเอง
     
  15. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    เมื่อเราอยู่โลกใบเดียวกัน ชอบค่ะ!!ชอบบทความนี้


    สะเทือนใจ!!สาวขับรถเมล์โดนข่มขืน กลับไม่มีใครช่วย สุดท้ายเงิบทั้งรถ!!

    เรื่องราวของคนขับรถเมล์สาวสวยคนหนึ่ง กำลังขับรถเมล์และมีผู้โดยสารอยู่เต็มรถ แต่เธอกลับถูกโจร 3 คนปล้นกลางทาง

    โจร 2 คนนี้ ฉุดคนขับรถเมล์สาวสวยคนลงไปข่มขืน และคนขับรถเมล์สาวสวยก็พยายามขอความช่วยเหลือกับผู้โดยสารทุกคน แต่ไม่มีใครสนใจและลงไปช่วยเธอ

    มีเพียงผู้ชายวัยกลางคนและตัวผอมบางคนหนึ่งลงไปช่วยเธอ แต่สุดท้ายก็สู้โจรไม่ได้และถูกตีจนลุกไม่ไหว

    ผู้ชายคนนั้นพยายามเรียกผู้โดยสารทุกคนให้ลงไปช่วยเธอ แต่ไม่มีใครสักคนสนใจ ปล่อยให้คนขับรถเมล์สาวสวยคนนั้นถูกลากลงไปที่สนามหญ้าและโดนข่มขืน

    หลังจากเสร็จเรื่อง โจรก็พาคนขับรถกลับมาที่รถ และเมื่อรถเริ่มจะออกเดินทางต่อ คนขับรถสาวได้ให้ผู้ชายที่พยายามช่วยนั้นลงจากรถไป

    เมื่อผู้ชายคนนั้นฟังแล้วรู้สึกโกรธมาก ถึงเขาจะไม่สามารถช่วยเธอได้ แต่ก็ไม่ควรไล่เขาลงจากรถไปนะ เขายืนยันไม่ยอมลงจากรถพร้อมกล่าวว่า ผมได้ซื้อตั๋วแล้ว ผมมีสิทธิ์นั่งรถคันนี้ได้

    คนขับรถเมล์สาวสวยคนนั้นก็ตอบอย่างเหี้ยมโหดว่า: ถ้าคุณไม่ลง ฉันก็ไม่ออกเดินทาง

    และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนรถที่ดูเย็นชาและเพิกเฉย ทุกคนเริ่มมีอาการไม่พอใจและ โวยวายขึ้นมา หลายๆคนต่างก็ให้ผู้ชายคนนั้นลงจากรถไป : คุณรีบลงไปเถอะ เรายังต้องเดินทางอีกไกล อย่าเสียเวลาเลย ยังมีผู้โดยสารที่เป็นผู้ชายหลายคนพยายามฉุดเขาลงจากรถไป พร้อมกับโยนกระเป๋าของเขาออกจากหน้าต่าง

    หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นลงจากรถไปเรียบร้อย รถเมล์คันนี้ก็เริ่มออกเดินทางต่อ เมื่อรถเริ่มขึ้นภูเขาคนขับรถเมล์สาวสวยคนนี้ได้เปิดเพลงไว้ เมื่อรถใกล้จะถึงยอดภูเขาและถัดจากโค้งข้างหน้าไปก็จะเป็นทางลง ทางช่วงนี้แคบมาก ด้านซ้ายเป็นภูเขา ทางด้านขวาเป็นหน้าผาที่อันตราย คนขับรถเมล์สาวสวยคนนี้ เริ่มเหยียบคันเร่งขับรถไปทางหน้าผา ใบหน้าของเธอมีความสงบมาก มือจับพวงมาลัยอย่างแน่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา

    ผู้โดยสาร เริ่มรู้สึกผิดปกติและกล่าวว่า: ขับช้าหน่อย คุณจะทำอะไร

    คนขับรถเมล์สาวสวยคนนี้ไม่ตอบ และเหยียบคันเร่งให้รถเร็วขึ้น พวกโจรจะเข้าไปจับพวงมาลัยควบคุมรถแต่ก็ไม่ทันแล้ว รถวิ่งไปถึงหน้าผา

    ในวันถัดไปหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานว่า: เมื่อวานนี้ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในบนภูเขา มีรถเมล์คันหนึ่งตกจากหน้าผาลงไป คนขับรถและผู้โดยสารทั้งหมด13คน ไม่มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้

    ผู้ชายคนที่ถูกไล่ลงมาจากรถคันนั้น เขาถึงกับต้องร้องไห้หลังจากได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไมเขาถึงต้องร้องไห้ ร้องเพื่ออะไร จนถึงสุดท้ายเขาจึงจะเข้าใจว่า ทำไมคนขับรถคนนั้นต้องไล่ตัวเองลงมา เธอคงอยากจะขอบคุณ กับการที่เขาพยายามจะช่วยเธอ สำหรับผู้โดยสารคนอื่นๆก็คงคิดไม่ถึงว่า ในที่สุดชะตากรรมของตัวเองจะเป็นยังไง

    อุทธาหรณ์ที่อยากให้คนในสังคมอ่าน! เราหวังว่าทุกคนจะมีความเห็นอกเห็นใจให้กับสังคมมากขึ้น สังคมยังต้องการความกล้าหาญและความยุติธรรมดังกล่าว

    ข้อมูลและภาพ skynews.thaimom.net

    เครดิต: LIEKR
     
  16. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    ใช่ค่ะ
    สาธุอนุโมทนาค่ะ

    สัจจะ คือ มรรค 8

    สัจจะ คือ เหตุ-ผล

    สัจจะ คือ ธรรม(หน้าที่) ความดีงาม

    การเดินตามสัจจะ คือ การเดินทางของมรรค 8 ที่เป็นไปตามเหตุผล ตามเหตุปัจจัย ที่ไม่ต้องเป็นไปตามความอยากของใครๆ

    เพียงแค่เราได้ทำแล้วเกิดความดีงาม ไม่ยึดติด ไม่ถือมั่น พร้อมปล่อยวาง ทุกอย่างจะเกิดความเป็นกลางด้วยสัจจะธรรม

    คำว่า "เป็นกลาง" คือ เป็นธรรม เป็นเหตุผล เป็นไปตามเหตุปัจจัย เรียนรู้และเข้าใจ ของความมี ความเป็นไป อย่างยุติธรรม
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    GoseparateWaytospreadTheTeaching.jpg
     
  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    วันนี้มีโอกาสได้พูดถึงความหลัง และการโต้ตอบกับต่างศาสนิกชน พอคร่าวๆนั้น ผมมีเหตุผลที่จะแสดงและส่งสัญญานเตือนแก่ผู้รู้คนอื่นที่มีสติปัญญาที่จะรู้คุณความหมายที่ผมแสดงได้ในกาลต่อไป

    จริงๆระดับผู้มีความรู้และเป็นผู้นำทางศาสนาก็เรียกผมไปหาอยู่นะ แถมยังจะยกบุตรสาวของคนในหมู่บ้านให้อีก ถึงขนาดว่าถ้าชอบใคร ยกให้ได้ทั้งหมดเลยทีเดียว

    ที่ผมไม่ไปไม่ตอบรับคำเชื้อเชิญนั้นเพราะผมเห็นหายนะของศาสนาพุทธและชาวไทยพุทธ ถ้าผมไปเขารีตอีก คงเสียหายไม่ใช่น้อย

    แต่ก็ผ่านมาแล้ว กามคุณทั้งหลายฯ นั้นไม่สามารถมัดใจผมได้

    บทสนทนาในวันนี้ อันพอให้นึกถึงมหาปณิธานของตนเอง ในแบบความเห็นสุดโต่ง ไม่รู้ว่าจะถึงอจิณไตยนั้นด้วยหรือเปล่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าผม
    ชั่วได้จนถึงที่สุด ผมคงจะต้องเป็นที่เคารพบูชา ที่พึ่งพิงผู้สืบทอดและประกาศยังอสัทธรรมทั้งหลายฯ อย่างไม่มีทางเป็นอื่น แก่พระยามารและจักได้เป็น พญามารของพระยามาร ลูกกระจ๊อกเป็นแน่แท้

    ถ้าความชั่วของผม มันจะยาวนานและลึกซึ้งเร้นลับมากที่สุดในอนัตริยจักรวาล ไม่มีปัญญาเข้าสู่มรรคผลพระนิพพาน หลุดจากภพภูมิของพระอริยะเสียได้ ก็ขอให้ผมเป็นผู้ที่เวียนว่ายในสังสารวัฎรยาวนานที่สุดอย่าได้ผุดได้เกิด

    ถ้าจะใหญ่โตในทางที่จะเลวจะชั่วก็เอาให้มันสุดๆไปเลย

    เวลาตกนรกหมกไหม้ทุกข์ทนทรมานก็ขอให้มันทุกข์ที่สุด ขอให้ทรมานมากกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่ทำบาปแล้วตกนรก

    ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ทนทุกข์ทรมาณในสงสารวัฎรจงระลึกได้เสมอว่ามีข้าพเจ้าที่เป็นผู้ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าพวกท่านอย่างเป็นอจิณไตย ด้วยเหตุนั้นก็จงระลึกเถิดว่า ข้าพเจ้าดีใจที่ท่านไม่ต้องมาทนทุกข์เท่ากับข้าพเจ้า พวกท่านทั้งหลาย มีความสุขสบายมากกว่ามากหากเปรียบเทียบกันแล้ว จงมีกำลังใจ และจงเวียนว่ายตายเกิดต่อไปจนกว่าจะได้พบและได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหลายฯลฯ และปฎิบัติตามจนถึงความพ้นทุกข์นั้นเถิด

    ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่านทังหลายฯ ขออนุโมทนาบุญฯ





    .............................................................................

    ในปี ๕๓ ที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตนั้น จู่ๆก็ได้มี เรื่องราวของพระกษิติครรภ์ ผ่านหูผ่านตาเข้้ามาในนาทีวิกฤตที่สุด


    " หากในนรก ยังไม่ว่างจากสัตว์ ที่ต้องรับทุกข์ทรมาน

    เราก็จะไม่ขอสำเร็จ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ "



    บทสรรเสริญพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์

    啊,地藏王菩薩,發大願解救眾生離苦難

    อา ... ตี่จ้างหวังพู่ซ่า ฟาตาหยวนเจียฉิ่งจ้งเซินลีคูนัน โอ ...

    พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เจ้า ได้ประกาศมหาปณิธานเพื่อปลดเปลื้องช่วยเหลือ สรรพสัตว์ให้ไกลจากทุกข์ภัย

    眾生之苦不解脫,他誓不成佛

    จงเซินจือคูปู้เจียถัว ทาซือปู้เฉิงฟอ

    หากสรรพสัตว์มิได้หลุดพ้น พระองค์จะไม่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า

    啊,地藏王菩薩,發大願解救眾生離苦難

    อา ... ตี่จ้างหวังพู่ซ่า ฟาตาหยวนเจียฉิ่งจ้งเซินลีคูนัน โอ ...

    พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เจ้า ได้ประกาศมหาปณิธานเพื่อปลดเปลื้องช่วยเหลือ สรรพสัตว์ให้ไกลจากทุกข์ภัย

    眾生之苦不解脫,他誓不成佛

    จงเซินจือคูปู้เจียถัว ทาซือปู้เฉิงฟอ

    หากสรรพสัตว์มิได้หลุดพ้น พระองค์จะไม่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า

    啊,南無地藏王菩薩,地藏王菩薩

    อา ... หนานหม่อ ตี่จ้างหวังพู่ซ่า ตี่จ้างหวังผู่ซ่า โอ ...

    ขอนอบน้อมต่อพระกษิติครรภราชาโพธิสัตว์

    解救眾生地藏王菩薩,啊,地藏王菩薩

    เจียจิ่วจ้งเซินตี่จ้างหวังพู่ซ่า อา ... ตีจ้างหวังพู่ซ่า

    พระกษิติครรภราชาโพธิสัตว์ผู้ปลดเปลื้องทุกข์ของสรรพสัตว์ ... พระกษิติครรภราชาโพธิสัตว์

    啊,南無地藏王菩薩,地藏王菩薩

    อา ... หนานหม่อ ตี่จ้างหวังพู่ซ่า ตี่จ้างหวังผู่ซ่า โอ ...

    ขอนอบน้อมต่อพระกษิติครรภราชาโพธิสัตว์

    解救眾生脫離苦海,啊,地藏王菩薩

    เจียจิ่วจ้งเซินตี่จ้างหวังพู่ซ่า อา ... ตีจ้างหวังพู่ซ่า

    พระกษิติครรภราชาโพธิสัตว์ผู้ปลดเปลื้องทุกข์ของสรรพสัตว์ ... พระกษิติครรภราชาโพธิสัตว์




    บันทึก บทสนทนา กับต่างศาสนิกชน


    ในห้องนี้มีผู้เชี่ยวชาญในศาสนาจนถึงระดับจิตวิญญานไหม? อยากถามอย่างหนึ่งครับ ว่า"ในอดีตจนมาถึงปัจจุบันมีใครที่สามารถเข้าไปในโลกบัรซัคได้โดยที่ยังไม่ตายจากร่างมนุษย์บ้างครับ" ผมถามเพื่อเทียบเคียง กับในสิ่งที่ตนรู้เห็นมา


    Fadlina อาลัมบัรซัค คือ กั้นกลางมั่นเหมือนกำแพงโลกสองโลกทีเราไม่เห้นแต่มีจิงเช้น คือโลกนี้กั้นกลางโลกหน้าสวรรคและโลกในกุโบรเป้นต้น

    ธรรมบุตร ในอดีตจนมาถึงปัจจุบันมีใครที่สามารถเข้าไปในโลกบัรซัคได้โดยที่ยังไม่ตายจากร่างมนุษย์บ้างครับ ผมถามเพื่อความแน่ใจ

    Fadlina ถ้าในกุโบรก้อมีแต่คนตายอ่ะแต่ถ้าโลกทีเรามองไม่เห้นก้อจะเป้นบรรดานบีต่างๆทีประเจ้เมตตาต่อท่านเหล่านั้นค่ะแต่สำหรับมนุดธรรมดาอย่างเราๆไม่มีและความฝันว่าได้เจออะไรหรือได้เกียวกับวิญญานนั้นส่วนมากจะมารร้ายแปลงมาเรียกอีกชือคือไซตอนหรือญิน ในไบเบิลเรียกว่าสิ่งนั้นว่างูร้ายอ่ะค่ะ

    ธรรมบุตร ขออนุญาติเล่าให้รู้อย่างหนึ่ง ในอดีตผมเป็นผู้ที่เคยได้รับฮิดายะ และได้พบกับญิบีล และก็เป็นนักรบชั้นแนวหน้า ครั้งหนึ่งผมต้องจำใจสังหาร สหายของผม เขาเป็นระดับสูงน่ะนะเป็นทั้งคนสอนศาสนาด้วย เพราะไม่อยากให้เขาตายด้วยคนต่างศาสนา เลยตกลงปลงใจกัน ผมเลยทำให้เขาตาย ในการจู่โจมด้วยครั้งเดียว ด้วยร่างเปล่าๆ
    และก็รู้ว่าเขาถูกดึงออกไปก่อนแล้วยังโลกใบนั้น เขาดิ้นเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อต และเมื่อเขาตาย วันถัดมาเขาก็มาทำความเคารพอย่างนอบน้อมแก่ผม และก็ได้พาผมเขาไปในสถานที่แห่งหนึ่่งซึ่งเขาและคนอื่นก็มีชีวิตที่นั่น มีริสกีที่นั่น และสถานที่นั้นก็มีอยู่จริงในประเทศนี้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ตายแล้ว ด้วยฐานะที่เป็นนักรบชั้นแนวหน้าโดยชะฮีดในประเทศไทย คุณเชื่อไหมว่า ต่อมาผมก็มีโอกาสได้เข้าไปในที่แห่งนั้นจริงๆและผมรู้ว่า ที่นั่น โลกเสมือนจริง สำหรับนักรบ อยู่ตรงไหน ที่ผมเนียตให้เขา ได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว


    ธรรมบุตร เหตุผลหนึ่งที่ผมกลัวชีอะห์ เพราะ มะดีย์หรือผู้ที่สามารถอัญเชิญมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ออกมาได้ จะปรากฎตัวขึ้น และผมเองก็เคยแสดงความสามารถอย่างนั้นต่อ คนหนุ่มนับร้อยคนในปี ๕๓ ซึ่งต่างเกิดความหวาดกลัวเป็นอันมาก เพราะสามารถควบคุม ดินฟ้าอากาศ แม้กระทั่งฟ้าผ่า ให้ผ่าลงที่ใครหรือที่ใดก็ได้ตามใจปรารถนา ผมเคยทำอย่างนั้นมาในอดีต ชนิดห้ามกันกว่า ๓๐คนไป ท่องบทยาซีนช่วยในมัสยิดสวนส้ม สระบุรี และสักขีพยานที่เห็นเด่นชัดที่สุดเพราะอยู่ใกล้สุดก็ตายไปแล้ว ช๊อคตายเฉยๆ อย่าง ครูมะนาเซ แห่งสถานพินิจยะลา แน่นอน ในโองการทังหลายฯ ถ้าใครเห็นว่า ๓๐ ยุส.ก็ถือว่าอ่านจบ แต่สำหรับผม ผู้ที่เห็น พยัญชนะและอักษรที่ล่องลอยขึนมาในอากาศแล้ว เป็นเพียงการเริ่มต้นของการเข้าสู่ศรัทธาเพียงเท่านั้น ยังไม่จบและไม่ได้มีเพียงเท่านั้นหรอก

    ธรรมบุตร ผมไปถึงแนวหน้าแล้ว แต่ผมต้องถอนตัวกลับเพราะจะมีคนที่ตายด้วยการทำลายล้างเป็นอันมาก และผมจะไม่กลับไปอีก เพราะผมสงสารมนุษย์ ผมจึงทำพันธะสัญญาด้วยตนเอง แน่นอน ผมจึงได้เข้าสู่วิถีทางแห่งการละความพยาบาทและเบียดเบียน คือ พระพุทธศาสนา อย่างเต็มตัว เพราะรู้ว่า ถ้าผมกลับไปเป็นอย่างเดิม จะต้องมีการสูญเสียของชีวิตเพื่อนมนุษย์ อย่างมากมาย "บทความนี้ จาก อดีตมุอัลลัฟ"

    ธรรมบุตร เล่าให้ฟังสนุกๆครับ ผมเคยตั้งใจจะเป็น ดัจญัล เพราะเบื่อหน่ายกับโลกนี้ สงสารมนุษย์ในกุโบร์ที่ต้องรอนาน จะได้จบๆกันไปเสียที แต่บรรดาโต๊ะครูและอิหม่ามที่สตูลห้ามปรามเอาไว้ จนถึงขั้นพาไปอาบน้ำไม่รวกล้างตัวกันเลยทีเดียว

    ธรรมบุตร ถ้าเป็นในทางศาสนาพุทธ ในปัจจุบัน ผมอยู่ในระดับมรรคผล ขั้นสูงระดับ เสกขะปฎิสัมภิทา หรือที่เรียกว่า สามารถอัญเชิญพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทพระไตรปิฏกดั้งเดิมลงมาสู่แบบแผนได้ แต่ว่าก็อยู่ในระดับต่ำที่สุดใน ปฎิสัมภิทาทั้ง ๑๖ ระดับครับ ในประเทศไทยในตอนนี้ เวลานี้ มีผมคนเดียวที่ปรากฎและสอนอยู่ จากบวชพระ ตอนนี้มาเป็นฆราวาสแล้ว ตอนสมัยเป็น มุอัลลัฟผมเคร่งมาก รักพระเจ้ามากประมาณนั้นเลย และก็เคยเหยียบย่ำศาสนาพุทธที่ผมคิดว่า ได้หลอกลวงผมมาตลอด ผมแค้นคนชั่วที่มันมีอำนาจกระทำการมิชอบ ผมจึงไปเป็นมุอัลลัฟเพื่อการแก้แค้น ผมสั่งสอนให้ฆ่าฟันอย่างเลือดเย็น โดยไม่สนว่าผู้ตายจะเป็นใคร หรืออยู่ในฐานะอะไร? ผมเลวมากเลย

    ธรรมบุตร แต่พอมาถึงจุดๆหนึ่ง ที่จะเป็นการตัดสิน ผมกลับหวาดกลัวบาปกรรมที่ผมกำลังจะสร้างครั้งใหญ่ ผมสามารถสร้างนักรบญิฮาดสุดโหดชั้นเยี่ยม ที่สามารถบุกตะลุยสังหารโหดให้เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้ ชนิดที่คนเดียวสามารถฆ่าคนได้เป็นร้อยในคราเดียวอย่างไม่สนความเป็นความตาย เพราะผมสามารถทำให้เขาเชื่อมั่นได้ว่า ผมสามารถนำเขาพวกแนวหน้า เข้าสู่โลกบัรซัคได้โดยสวัสดิภาพ แต่ผมละอายใจเกรงกลัวบาปกรรม ผมจึงหันหลังให้หนทางนี้ แม้แต่ในความฝันผมก็ยังถูกต่อว่า นะทำไมจึงทิ้งหนทาง ผมยังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่เฒ่า บางคนบอกให้ผมทิ้งเลยก็มี ตลกดีไหมครับ

    Fadlina นี้แหละค่ะทาสของไซตอนเลยนะค่ะคุนอย่าไปเชื่อความฝันแบบนี้นะสุดท้ายเราจะหลงไปตามขั้นตอนของมารโดยปริยายรุ้ตัวอีกทีมันก้อถลำลึกจนเราถอนตัวไม่ขึ้นนะแต่ถ้าพระเจ้าเมตตาให้ฉุดความคิดกลับไปหาพระองคก้อเป้นการดีค่ะ

    ธรรมบุตร 87 ศพที่ ตากใบ ผมเป็นคนเนียตให้ทั้งหมด ทั้งๆที่ผมไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันทำไมจึงไปยืนแผ่เมตตาจิตอยู่ตรงนั้น

    Fadlina ไหนดูหนังสือความนั้นหน่อยค่ะ

    ธรรมบุตร หนังสือความอะไรหรือครับ?

    Fadlina หนังสือทีท่านได้เล่ามานี้ไงค่ะ

    ธรรมบุตร “อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม”(ตอนอ่านคัมภีร์) ไชตอนไม่ได้เข้าใกลผมหรอกครับ นอกเสียจากผมอยากจะเป็นเอง และเป็นยิ่งกว่า อิบลีส ในตอนนั้น ผมประกาศไปว่า แม้ซาตานก็ยังอยู่ใต้เท้าผมเลย มีมานะมั่นใจมากขนาดนั้นครับ

    Fadlina วัลเยาซูบิลลาห์มินซาลิก มุสลิมะห์ต้องกล่าวแบบนี้ค่ะ

    ธรรมบุตร ไม่ใช่หนังสือครับ นี่ออกมาจากความทรงจำของผมแบบสดๆ แบบไม่เคยเล่าในที่อื่น

    Fadlina มากกว่าอิบลิสก้อหัวหน้าอิบลิสนะสิ ต้องตามให้ทันเกมส์ของมันนะมันจะมาเป้นขั้นตอนเป้นขั้นๆทีดีเลิศคนทีหลงไปก้อตามนั้นเลยทีอัลลอฮบอกไว้ชัดเจนมาก

    Fadlina ลองเล่ามาอีกรอฟังอยุ่นะแล้วตกลงยังไงต่อ

    ธรรมบุตร ที่ผมได้พบกับญิบีล เขานำอาชูร่อมาป้อนปากผม และมอบผลึกอัญมณีสีเขียวคล้ายมรกตให้ผม 3เม็ดครับ ต่อมาหลังจาก 10 ในตอนที่ผม เข้าสู่ศาสนาพุทธ เพื่อความไม่พยาบาทเบียดเบียดฆ่าแกงใคร ก็มีหนุ่มชาวมุสลิมมาขอคืนยังผลึกทั้ง 3 ครับ แต่พอผมเอาออกมาดู ผลึกทั้งหมดนั้นกลับขยายใหญ่ขึ้นและ เยอะมากมายนับ 30ชิ้น ผมจึงให้เขาไปแค่อันเดียวครับ แน่นอนผมจำหน้าเขาได้ชัดมาก ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นผู้มีความสามารถในแบบเดียวกัน อาจจะกลายเป็นผู้นำของกลุ่มนักรบศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต

    Fadlina ไหนขอดูหน่อย

    ธรรมบุตร คุณรู้ไหมครับว่า ในพระคัมภีร์มีเคยพ่ายแพ้แก่ศาสนาหนึ่ง นั้นเป็นศาสนาใดธรรมบุตร มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ปกติธรรมดามองเห็นได้ครับ ต้องใช้สมาธิ และศรัทธาธรรมบุตร ตอนที่เขามาเอาน่ะ ผมนั่งสมาธิอยู่ในสำนักสงฆ์ พลับพลาชัย ที่สตูลครับ มาขอเอาแบบดื้อๆเลย

    ธรรมบุตร ประมาณ ตี 2 ได้

    ธรรมบุตร ในอดีต มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก ก็ถูกพวกที่มีความสามารถแบบนี้ทำลายมาเหมือนกันครับ


    http://palungjit.org/.../%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0.../
    ธรรมบุตร ไม่ใช่แค่กลุ่มทหารธรรมดาสามัญ
    ธรรมบุตร ธรรมราชา ดูกรคฤหบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญในทางจิต พึงมาในบ้านนาลันทานี้ สมณะหรือพราหมณ์นั้น พึงกล่าวอย่างนี้ว่าเราจักทำบ้านนาลันทานี้ให้เป็นเถ้า ด้วยใจคิดประทุษร้ายดวงเดียวดูกรคฤหบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญในทางจิตนั้น จะสามารถทำบ้านนาลันทานี้ให้เป็นเถ้า ด้วยใจประทุษร้ายดวงหนึ่งได้หรือหนอ?ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บ้านนาลันทา ๑๐ บ้านก็ดี ๒๐ บ้านก็ดี ๓๐ บ้านก็ดี ๔๐ บ้านก็ดี๕๐ บ้านก็ดี สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญในทางจิตนั้น สามารถจะทำให้เป็นเถ้าได้ด้วยใจประทุษร้ายดวงหนึ่ง บ้านนาลันทาอันต่ำทรามบ้านเดียวจะงามอะไรเล่า.
    ธรรมบุตร ผมก็รู้นะว่าทำไมต้องทำลายให้ได้ เพราะว่า ศาสนาพุทธมี ปฎิสัมภิทาญาน ๔ และ ปาฎิหาริย์ ๓ ครับ สามารถที่จะควบคุมธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟได้ เปลี่ยนแปลงวัตถุสสารได้ทุกชนิด เมื่อมีคนบรรลุถึง ต่อให้เถียงกันในทางศาสนาหรือทางโลกทางทหาร ก็จะไม่มีใครสู้รบปรบมือกับผู้บรรลุ ปฎิสัมภิทา ๔ หรือ ปาฎิหาริย์ ๓ ได้เลย ไม่ว่าศาสนาไหนก็ตาม อันนี้ เป็นความรู้ระดับสูง เตือนไว้ให้ทราบครับ
    ธรรมบุตร ศาสนาพุทธไม่กลัวฟ้าผ่า ต่อให้ผ่าลงตรงหน้าเฉี่ยวปลายขนตาก็ตาม มีต่อต้านกันมานานแล้ว อะไรบ้างที่ไม่สะดุ้งเมื่อฟ้าผ่า ?ในศาสนาพุทธ แม้แต่คาถาป้องกันอสุนีบาต หรือ ฟ้าผ่า ก็มีครับ คงรบกันมานานพอสมควร เลยทีเดียว พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลแลสัตว์เหล่านี้ เมื่อฟ้าผ่าย่อมไม่สะดุ้ง คือ พระภิกษุขีณาสพ ๑ ช้างอาชาไนย ๑ ม้าอาชาไนย ๑ สีหมฤคราช ๑ ” ท่านคงจะทราบดีว่า ฟ้าผ่าคืออะไร? เกิดจากฤทธิ์และอำนาจของใคร?

    ธรรมบุตร ขอบคุณที่เตือนนะครับ จริงๆแล้วสำหรับผม คนที่เตือนก็มีคนที่ส่งเสริมเห็นด้วยก็มี แต่สุดท้ายผมต้องตัดสินใจเอง ผมเป็นคนต้องคำสาปไปแล้ว ถ้ากลับไปเป็นอย่างเดิม เหตุการณ์จะรุนแรงและบานปลาย แม้แต่มหาคัมภีร์ที่ตั้งอยู่ในห้องผมในตอนนี้ ผมยังไม่กล้าจะเปิดอ่านเลย กลัวว่า ผมจะโดนควบคุมและหลงไปกับอำนาจที่ปรากฎขึน จนไม่สามารถบังคับควบคุมตนเองได้

    ธรรมบุตร ปณิธานของผมในก่อนนี้ "ถ้าผมเสียสละตนเองได้ ผมก็อยากจะเป็นคนที่ถูกพระเจ้าลงโทษให้ทุกข์ทรมานที่สุด ยิ่งกว่าที่ชาวนรกที่อาศัยในนรกทั้ง ๘ชั้น เพราะไม่อยากเห็นใครต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าผม เมื่อเป็นคนดีไม่ได้ ทำดีไม่ได้ ก็ขอเลวที่สุดครับ ตอนนั้นในมูซอลลา ประกาศขอเป็น ดัจญัล เลย ร้องฮือขอร้องกันว่าอย่าเป็นเลย "

    Fadlina สิ่งทีมีอำนาจทีสุดคือพระเจ้าเท่านัน

    ธรรมบุตร ถ้าผมเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง นายช่างผู้สร้างเรือนมีจริง ท่านก็เป็นผู้สร้างให้ผมต้องมาเป็นคนแบบนี้ครับ ผมยอมเป็นคนบาปที่สุดดีกว่าจะมีใครบาปกว่าผม เพื่อโทษที่พวกเขาจะได้รับนั้นน้อยลง ทุกๆครั้งที่พวกชาวนรกทั้ง 8 เห็นผม เขาก็จะคิดได้ว่า เขาต้องทนได้ เพราะเขาเห็นผมต้องทนทุกข์ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าเขา นี่คือ น้ำใจที่ผมมีต่อ บรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธา ผู้กลับกลอก (มุนาฟิก) และบรรดาผู้ที่กระทำความผิด ในโลกอาคิเราะฮฺ ครับ

    ธรรมบุตร และเมื่อผมคิดได้อย่างนี้ และเชื่อมั่นศรัทธาอย่างใจจริง ผมก็จะสามารถปฎิบัติเข้าถึงสภาวะที่น้อยคนจะเข้าถึงได้ในศาสนา อย่างไม่มีใครหรือผู้ใดเทียบเทียมได้

    Fadlina ถ้าใครหลงกลไซตอนว่ามีคนไถ่บาปเห้นและพุดกับวิญญานได้นั้นไม่ใช่ทุตหรือวินยานทวดทีตายแล้วของเราหรอกมันคือไซตอนนะค่ะ

    ธรรมบุตร ทำไมเขาต้องมาหาคนระดับปลายแถวอย่างผมล่ะ คนที่ดีเคร่งมากกว่าผมมีตั้งเยอะอยู่เต็มโลก

    Fadlina แล้วตกลงตอนนี้อยุ่ในศาสนาใด

    ธรรมบุตร ผมว่า สักวันหนึ่ง ผมควรใช้ประโยชน์จากไชตอน นี้

    ธรรมบุตร ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ นอกจากพระเจ้าที่คุณเชื่อ แน่นอนนี่เป็นคำตอบที่ชาญฉลาดที่สุด มีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้ว่าใครเป็นบ่าวที่จงรักภักดีที่แท้จริง
    ธรรมบุตร ผมมีพันธะสัญญา


    Fadlina จะใช้ประโยชนอันใดเล่าจากไซตอนในเมือมันไม่ยอมนมัสการผุ้ทีสร้างมัน

    ธรรมบุตร ผมเกิดมาเพื่อชาวนรกจะได้ไม่เหงาและไม่เจ็บปวดมาก เพราะรักและสงสารพวกเขาผู้หลงผิดเหล่านั้น

    ธรรมบุตร สักวันมันย่อมคิดได้ครับ วันตัดสินนั้น


    Fadlina ทำไมเขาต้องมาหาคนระดับปลายแถวอย่างผมล่ะ คนที่ดีเคร่งมากกว่าผมมีตั้งเยอะอยู่เตมโลก ถ้าว่าสิ่งนั้นมันทำให้คุนเชือและศรัทธาในพระเจ้าแสดงว่าไม่ใช่ไซตอนแต่ถ้ามันทำให้คุนยิ่งหันหลังให้พระเจ้ามันคืออิบลีสค่ะ

    ธรรมบุตร ธรรมราชา ผมเปลี่ยนใจตนเองไม่ได้แล้วล่ะครับ ความสงสารมันมีมากเกินไป จะเป็นคนดีที่สุดก็เป็นไม่ได้ ถ้าชั่วที่สุดนี่พอมีหวังทำได้อยู่

    ธรรมบุตร ท่านก็เป็นผู้สร้างให้ผมต้องมาเป็นคนแบบนี้ครับ ผมยอมเป็นคนบาปที่สุดดีกว่าจะมีใครบาปกว่าผม เพื่อโทษที่พวกเขาจะได้รับนั้นน้อยลง ทุกๆครั้งที่พวกชาวนรกทั้ง 8 เห็นผม เขาก็จะคิดได้ว่า เขาต้องทนได้ เพราะเขาเห็นผมต้องทนทุกข์ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าเขา นี่คือ น้ำใจที่ผมมีต่อ บรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธา ผู้กลับกลอก (มุนาฟิก) และบรรดาผู้ที่กระทำความผิด ในโลกอาคิเราะฮฺ ครับ


    ธรรมบุตร ผมรู้สึกเจ็บปวดที่สุด ก็ต่อเมื่อมีคนที่ลำบากทุกข์ยากต่อหน้าผม แม้จะเป็นชาวนรก ผมก็อยากจะมอบความสุขสันติแก่เขา เพราะฉนั้นผมต้องเจ็บปวดกว่าใครๆที่พระเจ้าทรงพระกรุณาสร้างมา

    Fadlina ฝากไว้เท่านี้นะค่ะศรัทธามั่นจะเป้นกำลังใจในการทำดีของท่านสวรรคของอัลลอฮรอคนทีกลับตัวกลับใจสำนึกผิดเสมอค่ะ

    ธรรมบุตร ผู้สำนึกผิดมีได้และได้ขึ้นสวรรค์ การที่จะทำตนเองให้ได้ขึ้นสวรรค์มันง่ายสำหรับผมมาก แต่ผมทอดทิ้งพวกเขาผู้ที่ทุกข์ทนทรมานไปเสวยสุขบนสวรรค์ไม่ได้หรอกครับ เสวยสุขอย่างสุขสบายในสิ่งที่ตนนั้นกระทำมา แต่พอมองลงมาเบื้องต่ำต่อให้มีความสุขสำราญอย่างไร? ก็ลืมไม่ได้หรอกครับ คนที่อยู่ในนั้นเป็นทั้งญาติพี่น้องผองเพื่อนของตนเอง ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ยังไงก็ไม่มีทางที่จะลืมพวกเขาและเพื่อนมนุษย์ที่ทุกข์ทนในนรกแต่ตนเอาแต่เสวยสุขบนสวรรค์ไปได้หรอกครับ

    ธรรมบุตร แม้แต่บรรดานบียังต้องขอร้องต่อพระเจ้าให้ทรงอภัยโทษเลย แต่ผู้ที่มีอภิสิทธิ์ในวันตอบแทนคือพระองค์เพียงเท่านั้น

    Fadlina ใครล่ะทีคุนทิ้งไม่ได้

    ธรรมบุตร เข้าใจผมนะครับ ผมต้องสละตนเอง เพื่อบรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธา ผู้กลับกลอก (มุนาฟิก) และบรรดาผู้ที่กระทำความผิด

    ธรรมบุตร นี่คือ ปณิธานของผม ในศาสนาอิสลาม

    ธรรมบุตร ผมต้องเจ็บปวดกว่าพวกเขา หวังว่าจะทรงเมตตาและผ่อนปรนให้อภัยให้ความทุกข์ทรมานแก่พวกเขาได้เบาบางลงบ้าง

    ธรรมบุตร พอคิดถึงตรงนี้ทีไร ผมก็อดร้องไห้ไม่ได้สักที


    Fadlina ตายก้อตายคนเดียวไม่มีใครมาแบกบาปของใครให้หรอกนะค่ะหลังความตายใครสร้างอะไรไว้ก้อรับกรรมบาปไปชดใช้เองชาติหน้าโลกหน้าค่ะ

    ธรรมบุตร เหมือนผมยังเป็น ชาว มุสลิมอยู่เสมอๆ

    Fadlina เตาบัติตัวสะเถิด

    ธรรมบุตร ผมชดใช้ให้เขาไม่ได้หรอกครับ แต่ผมอยากจะทรมานมากกว่าเขา

    ธรรมบุตร สายไปแล้ว ถ้าคุณเข้าใจ เหล่าแนวหน้านักรบ ผมไม่ต้องลำบากอะไรมากหรอกครับ เรื่องง่ายมากที่จะเขาสู่โลกบัรซัคโดยไม่ต้องไปนอนรอในกุโบร์อย่างทรมาน

    ธรรมบุตร ผมต้องคำสาปแล้ว


    Fadlina ยังไม่สายตราบทียังหายใจได้อยุ่อัลลอฮรักคุนค่ะอัลลอฮถึงได้ไม่มาเอาลมหายใจของท่านเพือจะทำให้ท่านกลับตัวเตาบัตใหม่อะค่ะ

    ธรรมบุตร สักวันหนึ่ง เมื่อผมบรรลุ ปฎิสัมภิทา ๔ และ ปาฎิหาริย์ ๓ ยังพระไตรปิฏกของศาสนาพุทธ คุณรู้ไหมว่า ความพ่ายแพ้ ก็จะเกิดแก่ศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ชนิดที่เรียกได้ว่า หายไปเกือบหมด หรือ ผมเข้าสู่สภาวะอันเร้นลับแก่ผู้ที่พระองค์นั้นทรงประสงค์ ในฤทธานุภาพของพระคัมภีร์อัลกุรอาน ผมก็สามารถทำลายล้างทำลายเผ่าพันธุ์จนเกือนสูญสิ้นไปได้ทั้งหมด จะเป็น ดัญญัล นั้นไม่ยากเลยครับ และผู้ที่รู้ปริศนานี้อย่างชัดเจนมีหลักฐานที่น่าเข้าใจที่สุด อาจไม่ใช่ผมแต่อาจจะเป็นใครก็ได้ที่เข้าถึง ถึงเวลานั้นก็สายไปเสียแล้ว

    ธรรมบุตร ผู้ถูกประทับตรา ชนิดพิเศษ จะเหลืออะไร?

    Fadlina ใครสร้างนรกสวรรคของศาสนาพุทแล้วรุปเครพนั้นช่วยอะไรท่านได้รุปเคารพนั้นไม่ได้ให้ผลดีผลเสียแก่ท่านเลยมีแต่หลอกเงินประชาชนเท่านั้น

    ธรรมบุตร ผมจะไม่ขออภัยโทษเพื่อตนเอง แต่จะขอให้ทรงเมตตาเพื่อชาวนรกทั้งหลายฯ

    Fadlina อิลลิสชัดๆค่ะความคิดแบบนั้น

    Fadlina ค่ะโอเครค่ะขแตัวไปละหมาดก่อนนะค่ะ

    ธรรมบุตร ใช่ไหม? นั่นล่ะ ผมถึงพยายามบอกไง ว่า ผมเคร่งมาก และก็รักพระเจ้ามาก

    ธรรมบุตร เชิญครับ

    ธรรมบุตร ไม่รู้จะเป็นตัวอะไรเหมือนกัน แม้แต่อิบลิส ผมยังเห็นมันต้อยต่ำกว่าผม และผมก็สงสารมันไปพร้อมๆกับชาวนรกนั่นด้วย ผู้ที่จะรู้ดีที่สุด ก็ขอให้เป็นวันตัดสินที่จะมาถึงล่ะกันครับ


    Fadlina บนโลกนี้เราทำอะไรอัลลอฮเฝ้าดูเราอยุ่ตลอดเวลานะ แต่ท่านจะเมตตาชาวนรกทำไมท่านไม่ใช่พระเจ้าผุ้ทีอยุ่ในนรกคือสหายไซตอนทั้งนั้นเลยค่ะ วัลเยาซูบิลลาฮมินซาลิก

    ธรรมบุตร "จงรอวันตัดสินในอาคิเราะฮฺ" ขอบคุณครับที่สนทนาด้วย สิ่งที่ยังคั่งค้างในใจผมกับศาสนาอิสลามนั้นได้แสดงอุดมคติและปณิธานเด่นชัดมากขึ้น หลังจากที่ผมเก็บงำความลับนี้ไว้ในใจนานแสนนาน

    ธรรมบุตร ผมคงถูกสร้างมาเพื่อสงสารและเห็นใจพวกเขาน่ะครับ ผมเปลี่ยนความคิดนี้ไม่ได้หรอก

    ธรรมบุตร ถ้าจะจบด้วยมือของผมได้เพื่อวันอาคิเราะฮฺ ผมก็อยากขอพรเพื่อทำให้มันจบด้วยมือของผมเอง ขอให้ผมเป็น อะไรก็ได้ แต่อย่าต่ำกว่าอิบลิส และดัจญัล ผมไม่บูชาชัยตอน และผมไม่ใช่ลูกน้องของมัน ขอบคุณครับ


    Fadlina ตกลงท่านก้อเป้นพุทธแต่เดิมอยุ่แล้วใช่มั้ย

    ธรรมบุตร ผมถูกส่งมาเกิดในดินแดนนี้ ไม่ใช่หรือ? ผมได้รับฮิดายะและอำนาจเร้นลับ แต่ผมก็ถอยหลังให้กับสิ่งที่ได้มา โดยทำพันธะสัญญาไว้เพราะดวยเหตุที่ว่า "ผมไม่ทอดทิ้งใคร? และความสันติจงมีแก่ทุกคนในศาสนาของพระเจ้า ถึงแม้เขาจะเป็นขาวนรกก็ตาม "

    Fadlina ถ้าคุนทำดีสุ่แนวทางของอัลลอฮจิงๆคุนได้สวรรคตอบแทนพ่อแม่คุนก้อได้เข้าสวรรคดช่นกันเราอย่าไปคิดเรืองวันสิ้นโลกอย่าให้มันรีบมาเลยขอให้เราสะสมความดีมีใจทีบริสุทไม่คิดร้ายต่อผุ้อืนเพือนทำผิดเราตักเตือนได้เราทำผิดเพือนตักเตือนเรานี้แหละคือเพือนแท้ เมือเขาทำดีเราควรสงเสริมนะค่ะ

    ธรรมบุตร ผู้ทำความดีและสำนึกผิดได้ขึ้นสวรรค์ การที่จะทำตนเองให้ได้ขึ้นสวรรค์มันง่ายสำหรับผมมาก แต่ผมทอดทิ้งพวกเขาผู้ที่ทุกข์ทนทรมานไปเสวยสุขบนสวรรค์ไม่ได้หรอกครับ เสวยสุขอย่างสุขสบายในสิ่งที่ตนนั้นกระทำมา แต่พอมองลงมาเบื้องต่ำต่อให้มีความสุขสำราญอย่างไร? ก็ลืมไม่ได้หรอกครับ คนที่อยู่ในนั้นเป็นทั้งญาติพี่น้องผองเพื่อนของตนเอง ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ยังไงก็ไม่มีทางที่จะลืมพวกเขาและเพื่อนมนุษย์ที่ทุกข์ทนในนรกแต่ตนเอาแต่เสวยสุขบนสวรรค์ไปได้หรอกครับ ขอขอบคุณในความหวังดี ยินดีที่ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กัน



    ปณิธานของพระโพธิสัตว์จักเกิดขึ้นแม้ยังเป็นเดียร์ถีย์ผู้เคร่งครัดอันเข้ารีตอยู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2017
  19. Nagamanee

    Nagamanee Manassa

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    526
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,578
    จาก ปสก ที่เป็นคริสเตียนมาก่อน
    ศาสนาและความเชื่ออื่นแนะให้ไปสวรรค์อย่างเดียว

    แต่คำสอนของพระพุทธเจ้ามีหนึ่งเดียว คือตัดวงจร
    ความทุกข์ทั้งปวง และสุขทั้งปวง ด้วยเช่นกัน

    สาธุ
     
  20. ครุฑามันต์

    ครุฑามันต์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4

    แกเป็นใคร???

    นารีขี่ม้าขาว หรือ นารีถลกผ้าเยี่ยงนางจิญจามาญวิกา น่ะสิ!!!!


    คนบางคน บอกเป็นพระยาธรรมิก อ้างตนเป็นพระอรหันต์ ระวังธรณีจะสูบนะ ไม่ได้ปรามาส แต่ ไอ้ที่อ้าง
    น่ะ ไม่ใช่ !!!

    ใครๆก็พูดโฆษณา copy paste สนุกสนานนนน
    อยู่กับสติ ! รู้ตน !

    สัญลักษณ์หรือ รอยตีนกา เอาให้แน่ !!!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...