(xFile.16) สังคมไทย ไม่ได้สนับสนุนคนที่ความสามารถ ต้องยอมรับข้อนี้ .. แล้วความเจริญทางวัตถุจะมีจากที่ไหน

"(xFile.16) สังคมไทย ไม่ได้สนับสนุนคนที่ความสามารถ ต้องยอมรับข้อนี้ .. แล้วความเจริญทางวัตถุจะมีจากที่ไหน"

เพราะความกลัว ด้วย.. กลัวว่าถ้า ถ้าให้อำนาจไป กลัวเขาเป็นคนไม่ดี
แต่จริงๆ ก็ไม่มีกฎอะไรอีกนะ ไม่มีระบบไปจัดการ ต้องใช้คนทำทุกอย่าง มันก็จริงอยู่หรอก
เพราะไม่สามารถ control ได้

ในเมื่อไม่สามารถรับมือได้ ก็จำต้องยอม ไม่ทำมันเสียเลย

ก็เปรียบดัง เรื่องพลังนิวเคลียร์ ถ้าไม่สามารถควบคุมได้ คงต้องตัดสินใจไม่ทำเลยถูกหรือไม่?
แต่ที่ฝรั่งทำคือ ? เขาวิจัยว่าจะทำอย่างไรที่จะควบคุมมันได้ แม้ตอนนี้จะไม่ได้เขาก็ยังหาหนทางต่อไป
และตอนนี้ แม้ไม่มีวัตถุอะไรจะไปแตะพลังงานนิวเคลียร์ได้ เขาก็ยังคิดใช้สนามแม่เหล็กแรงสูงควบคุม
พลังงานนิวเคลียร์นั้น ซึ่งถ้าไปลองหาอ่านดูก็จะเห็นว่ามีความคืบหน้าไปมาก

ผมจึงพูดเสมอว่า .. คนที่มีความสามารถน้อย ทางเลือกก็น้อยกว่า
หลายๆ อย่างที่เราเห็นในบ้านเมือง ส่วนหนึ่งก็เพราะสติปัญญาในการรับมือกับปัญหามีน้อยนั้นเอง
เราจึงมักได้ยินวิธีการแก้ปัญหาแบบง่ายๆ

 

พวกเราต่างกลัวกันทั้งนั้น .. ใครละจะกล้ายอมสละตำแหน่งลงให้เด็กที่เก่งกว่า?

เนื่องจากเราตีกรอบกันแค่นี้ .. มันก็เลยไปไม่ได้นั้นงัย ..

ซึ่งจริงๆแล้วยังมีเวทีอีกมาก .. แต่เราไม่สร้างเวทีนั้นขึ้นมา
เราปล่อยให้เด็กมันจำต้องขึ้นมาชนกับผู้ใหญ่บนเวทีเดียวกัน

 

เหมือนหน้ามืดตามัวอวยแต่ฝรั่งไว้ก่อนว่าเขาเจริญกว่าเรา เทคโนโลยีส่วนใหญ่ก็ได้จากเขา
กลับลืมคนในชาติที่มีหนึ่งสมองสองมือเหมือนกัน แต่ว่าชัยภูมิบ้านเราไม่เหมาะกับการคิดมากด้วยเพราะสมองจะร้อนง่ายจะเกิดอาการแฮ้งบ่อย บ้านเราจึงคงต้องตามไปก่อนอยู่เรื่อยไป

 

สังคมไทยไม่นิยมสนับสนุนคนคิดเล่นเห็นต่าง หรือพวกมิวแทนต์ทางศิลปวัฒนธรรมและความสามารถ

คือใครมีความคิดแตกเหล่าแตกกอที่ยังไม่มีใครนิยมแพร่หลายนี่พี่ไทย เก็บเรียบมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ

ที่เป็นงี้เพราะมีเหตุผลหลายอย่าง

เช่น

- เพราะอยากให้บ้านเมืองเรียบร้อย
- หรือ ผู้มีความสามารถ ครูบาอาจารย์ ในยุคก่อน ที่ให้การอบรมความรู้เกรงว่า ลูกศิษย์จะคิดล้างครู คือทำให้ตนเสียชื่อ หรือได้ดีกว่าตน หรือถ้าเป็นสายการต่อสู้ ก็คือ ลูกศิษย์คิดจะล้างครูจริง ๆ คือฆ่าแกงกันเลย
- เพราะให้ความสำคัญกับครูบาอาจารย์มากเกินไป คิดว่าสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนนั้น เป็นความรู้ที่ดีเลิศแล้ว ไม่ควรเปลี่ยนแปลง
- โง่ รู้ไม่จริง เมื่อรู้ไม่จริง ก็เลยเชื่อความรู้เดิมมากกว่า

และอีกหลาย ๆ เหตุผลครับ แล้วแต่ใครจะคิดออก ผมมีปัญญาคิดได้แค่นี้


ฝรั่งสมควรได้รับการอวย เพราะเขาเก่งจริง ๆ อันที่จริงมันไม่ใช่การอวย แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ฝรั่งเขาเก่งเทคโนโลยีกว่าเรา การศึกษาก็ได้ แม้คนในชาติเรามีสมองมีสองมือเหมือนกัน แต่ไอ้การที่จะก้าวหน้าเหมือนเขาได้ ความรู้ต้องทันเขาเสียก่อน

ซึ่ง เหอะ ๆ ผมโตมาในยุคที่ ผมเรียนโดยที่ไม่รู้ว่า กูอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ทำให้เข้าใจดีเลยครับว่า ชีวิตมันเฟ้งฟ้างจริง ๆ
ส่วนสมัยนี้น่ะเหรอ ถึงเด็กไทยมีสมองมีสองมือ มันก็ไม่อยากเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์กันแล้ว

เกินครึ่ง มันอยากเป็นคนดังกับไอด้อลกันทั้งนั้น
เห็นความบันเทิงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต

เซ็กส์ ดนตรี ความเร็ว ยา ความสะดวกสบาย ความร่ำรวย ไอ้พวกเรียนเก่ง ๆ สมัยผมเรียนมาด้วยกันน่ะ ตอนนี้ยังไม่เห็นใครได้ดีเกินกว่า ข้าราชการระดับล่างสักคน

ส่วนผม เหวอกับชีวิต กลายเป็นคนสิติแตก อยู่บ้านเฉย ๆ

นอกเรื่องไปหน่อย เข้าเรื่องต่อ
ถ้าจะโทษเรื่องความด้อยความเจริญเรื่องเทคโนโลยีที่ล้าหลังกว่าประเทศอื่น ๆ ของประเทศเรา ก็จะไปว่าใครที่ไหนได้ ถ้าไม่ใช่บรรพบุรุษเรา

ที่หวังดีกับเรามากเกินไปโดยยัดความเชื่อและค่านิยมทางศาสนาพุทธ และสังคมเก่าแก่ ให้เราจากรุ่นต่อรุ่นโดยที่คนเราไม่ได้พัฒนาทางด้านสติปัญญาทางโลกกันเลย มีแต่สอนให้สักแต่ว่าต้องทำ ๆ มาจากรุ่นสู่รุ่น เชื่อผู้ใหญ่ เคารพเจ้านาย อย่าแหลมไปเก่งกว่าเจ้านาย เดี๋ยวจะฉิบหาย ทำให้เรา "โง่"


ซ้ำยังกีดกันกันทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม

แทนที่จะเป็น อะไรดีก็รับมา อะไรไม่ดี ก็ไม่รับ
(อันนี้แค่ยกตัอย่าง อาจมีถูกบ้างผิดบ้าง)

ความรู้ดี ๆ เอาเข้ามาศึกษาไป

เสื้อผ้า รับก็ได้ ไม่รับก็ได้ เพราะเรามีเสื้อผ้าแบบไทยอยู่แล้ว
วัฒนธรรมกินช้อน กินตะเกียบ ถูกสุขอานามัยกว่าหารกินมือ รับไว้ (ซึ่งเราก็รับไว้)
ฟรีเซ็กส์ เตะแม่งไปไกล ๆ (แต่พี่ไทยเราก็รับ เพราะนิยมความบันเทิงเริงรมย์)
ศาสนา ยอมรับเข้ามาบ้างตราบที่ไม่เป็นภัยต่อการปกครองประเทศ ก็ไม่เสียหาย (อยากให้คนที่คิดว่าศาสนาอื่นมากลืนศาสนาพุทธมาทำลายศาสนาพุทธลดความคิดที่ว่า ศาสนาอื่นเข้ามาทำลายศาสนาพุทธ ลงครับ ที่จริงมันก็อาจจะมีส่วน บ้างไม่มากก็น้อย แต่พุทธศาสนิกชนหรือพระเถรเณรชีในศาสนาพุทธเองก็ทำลายศาสนาพุทธลงเองด้วยเหมือนกัน ด้วยการย่อหย่อนต่อธรรมวินัย ดึงคนเข้าวัดด้วยกุศโลบาย ถ้าความรู้ทางธรรมไม่พอนี่ ก็ไม่สามารถทำให้คนเข้าถึงพุทธที่แท้จริงได้ ก็ได้แต่ทำให้คนหลงอยู่ในวัตถุ หลงอยู่ในความคาดหวังว่าจะได้ลาภลอยบ้างก็เท่านั้น)

ปัญหาคือ คนไทยเราคิดแบบนี้กันไม่ค่อยจะเป็น