สมถกรรมฐาน 40 กองและคุณความสามารถของกรรมฐานทั้ง 40 กอง (หามาให้อ่านครับ)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pongsiri, 16 มีนาคม 2005.

  1. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    สมถกรรมฐาน 40 กองและคุณความสามารถของกรรมฐานทั้ง 40 กอง

    กสิน 10

    ปฐวีกสิน
    อาโปกสิน
    เตโชกสิน
    วาโยกสิน
    นีละกสิน
    ปีตะกสิน
    โลหิตกสิน
    โอทาตะกสิน
    อากาสะกสิน
    อาโลกะกสิน
    อสุภะ10

    อุทธมาตถะอสุภะ
    วินิลกะอสุภะ
    วิปุพพกะอสุภะ
    วิฉิททะอสุภะ
    วิกขายตถะอสุภะ
    วิกขิตตถะอสุภะ
    หตวิกขิตตกอสุภะ
    โลหิตกะอสุภะ
    ปุฬุวกะอสุภะ
    อัฎกะอสุภะ
    อนุสสติ 10

    พุทธานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า
    ธัมมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระธรรม
    สังฆานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระสงฆ์
    สีลานุสสติ คือ การระลึกถึงศีลของตน
    จาคานุสสติ คือ การระลึกถึงทานที่ตนบริจาคแล้ว
    เทวตานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณที่ทำบุคคลให้เป็นเทวดา
    อุปสมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณพระนิพพาน ซึ่งเป็นที่ระงับกิเลสและกองทุกข์
    มรณานุสสติ คือ การระลึกถึงความตายที่จะมาถึงตน
    กายคตาสติ คือ ระลึกทั่วไปในกาย ให้เห็นว่าไม่งาม น่าเกลียด
    อานาปานัสสติ คือ การตั้งสติกำหนดลมหายใจ เข้าออก
    อัปปมัญญา 4

    เมตตาอัปปมัญญา
    กรุณาอัปปมัญญา
    มุทิตาอัปปมัญญา
    อุเบกขาอัปปมัญญา
    อรูป 4

    อากาสานัญจายตนะ
    วิญญาณัญจายตนะ
    อากิญจัญญายตนะ
    เนวสัญญานาสัญญายตนะ
    กรรมฐานแยกต่างหากอีก 2 คือ

    อาหาเรปฏิกูลสัญญา คือ สิ่งปฏิกูลน่าเกลียด
    จตุธาตุววัตถาน คือ ธาตุทั้ง 4 ประชุมตน


    คุณความสามารถของกสินทั้ง 40 กอง :

    กสิน 10 ทั้งหมดและอานาปานัสสติ (อยู่ในอนุสสติ 10) มีอำนาจส่งผลให้ผู้บำเพ็ญได้ถึงรูปฌานที่ 4 หรือจตุตฌาน (ปฏิภาคนิมิต) จัดเป็นฌานสูงสุด
    อสุภะ 10 ทั้งหมดและกายคตาสติ (อยู่ในอนุสสติ 10) มีอำนาจส่งผลให้ผู้บำเพ็ญได้ถึงปฐมฌาน (ปฏิภาคนิมิต) เท่านั้น เพราะเป็นอารมณ์ที่หยาบหรือน่าเกลียดมากนั่นเอง เสมือนเรือที่จอดอยู่ในกระแสน้ำที่ไหลเชียว จะอยู่นิ่งได้ก็ต้องอาศัยหลักเสาหรือว่าตอไม้ยึดอยู่
    อนุสสติ 10 (ยกเว้นอานาปานัสสติและกายคตสติ) และอาหาเรปฏิกูลสัญญา ,จตุธาตุววัตถาน จัดเป็นอารมณ์กรรมฐานที่ให้ได้เพียงแค่อุปจารสมาธิ(อุคคหนิมิต) เท่านั้นเพราะเป็นอารมณ์ที่มีความละเอียดและสุขุมลึกซึ้งมาก ผู้ที่บำเพ็ญภาวนา จำเป็นจะต้องระลึกไปถึงในพระพุทธคุณทั้งหลายเหล่านั้น อย่างกว้างขวางตามพระคุณต่างๆ ที่มีอยู่อย่างกว้างขวางนั่นเอง (เปรียบเสมือนเรือที่จอดอยู่ในทะเลลึกทอดสมอไม่ถึงดิน) เรือไม่อาจจะอยู่กับที่ได้
    อรูป 4 มีอำนาจส่งผลให้ผู้บำเพ็ญได้ถึงอรูปฌาน 4 (อุคคหนิมิต) ในระดับอัปปนาสมาธิ
    อัปปมัญญา 4 ทั้งหมด ยกเว้น อุเบกขาอัปปมัญญา มีอำนาจส่งผลให้ผู้บำเพ็ญได้รูปฌานที่ 3 ส่วนอุเบกขาอัปปมัญญา จะได้ปัญจมฌาน
    ข้อแตกต่างระหว่างอุคคหนิมิตกับปฏิภาคนิมิตคือ

    อุคคหนิมิต เป็นนิมิตที่มีเพียงการย่อ หรือ ขยาย จำได้ติดตา ติดใจ ส่วนปฏิภาคนิมิต เป็นนิมิตที่สามารถ กำหนดให้มีความสว่าง เห็นรูป ได้ชัดเจน

    กฎระเบียบของวิปัสสนามี 7 อย่างคือ

    ห้ามมิให้ปล่อยจิตติดอารมณ์ ภายนอกเกินไป
    ห้ามไม่ให้จิตห่างจากอารมณ์ คือ อาการไหว อาการนิ่งเกินไป
    ห้ามไม่ให้ทำความเพียรกล้าหาญเกินไป
    ห้ามไม่ได้ทำความเพียรอ่อนแอเกินไป
    ห้ามไม่ได้เพ่งรูปนามในอดีตที่ล่วงไปแล้ว
    ห้ามไม่ให้เพ่งรูปนามในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
    ให้เพ่งรูปนามที่เป็นปัจจุบันอย่างเดียว คือ รูปนามที่เกิดขึ้น ปรากฏขึ้นในขณะนั้นที่มีอยู่ ปรากฏอยู่ยังไม่หายในทวารทั้ง 6 ที่เรียกว่า รูปนามที่เป็นปัจจุบัน คือ ขณะกายเคลื่อนไหว และร่างกายนิ่งขณะตาเห็นรูป ขณะหูได้ยินเสียง ขณะจมูกได้กลิ่น ขณะลิ้นได้รส ขณะกายได้สัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ขณะจิตนึกคิด นี้แหล่เรียกว่ารูปนาม ที่เป็นปัจจุบัน
    ข้อห้ามของวิปัสสนา มี 6 ข้อ คือ

    ห้ามไม่ให้หยุดการปฏิบัติ เว้นแต่ไว้เผลอ หรือหลับ
    ห้ามไม่ให้พูดกับคนภายนอก เว้นไว้แต่อาจารย์ผู้สอนกรรมฐาน ถ้าจำเป็นต้องพูดกับบุคคลภายนอก ก็ควรพูดแต่น้อยโดยอาการสำรวม คือ หลับตา และตั้งสติกำหนดรู้ ที่ปากทุกๆ คำพูด
    ห้ามไม่ให้ทำกิจเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่างที่ไม่จำเป็น เช่น อ่านหนังสือ หรือเขียนหนังสือ เป็นต้น
    ห้ามไม่ให้นอนหลับกลางวัน กลางคืนนอนแต่น้อย ทำความเพียรให้มาก
    ห้ามของเสพติดทุกชนิด เช่น หมากพลู บุหรี่ ถ้าละไม่ได้ก็ให้เพียรละ หรือให้บรรเทาเบาบางลง
    ห้ามไม่ให้พูดคุยกับผู้ปฏิบัติด้วยกัน
    เครื่องปลิโพธกังวล (24 ข้อ)

    ไม่ห่วงกุฏิ
    ไม่ห่วงวัด
    ไม่ห่วงบ้าน
    ไม่ห่วงสกุล
    ไม่ห่วงใยในการต้อนรับปราศรัย
    ไม่ห่วงลาภสักการะ
    ไม่ห่วงหมู่คณะ
    ไม่ห่วงทรัพย์สินเงินทอง
    ไม่ห่วงในการประชุม
    ไม่ห่วงในการทำธุรกิจ
    ไม่ห่วงในการสร้างวัด
    ไม่ห่วงในการสร้างบ้าน
    ไม่ห่วงในการเดินทาง
    ไม่ห่วงญาติมิตร
    ไม่ห่วงในโลก
    ไม่ห่วงในการรักษาพยาบาล
    ไม่ห่วงในการศึกษาเล่าเรียน
    ไม่ห่วงในการสอน
    ไม่ห่วงในการทำยันต์
    ไม่ห่วงในการลงตะกรุด
    ไม่ห่วงการทำน้ำมนต์
    ไม่ห่วงการแสดงฤทธิ์ต่างๆ
    ไม่ห่วงในการกิน
    ไม่ห่วงในการนอน การพูด การคุย การเทศนาสั่งสอนคนอื่น


    การปฏิบัติธรรม คือ ฝึกตัวเองให้เป็นคนดี สร้างพลังจิตให้เป็นอิสระแก่ตัวเอง ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใด นี่คือหลักที่ถูกต้อง
     
  2. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    ^^ แวะมาเซฟครับ เย้ยย
     
  3. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    ดีใจจัง ที่กระทู้ของผมมีคนสนใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...