ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861

    อยากจะบอกเตือนคุณผู้หญิงว่า ;)

    อย่าลืมเตรียมกักตุน Sanitary Pad ไว้เยอะๆด้วยน่ะครับ เมื่อเกิดภัยพิบัติ
    เพราะถ้าหากเป็นจริงไม่มีโรงงานผลิตสิ่งนี้ อนาคตจะต้องยุ่งยากมาก นะครับ

    อันนี้ไม่ได้พูดเล่นๆ แต่ขอให้ไปคิดดูดีๆ เพราะพวกคุณจำเป็นมากจริงๆ น่ะ [​IMG]
     
  2. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    คำถามที่ว่า ภัยพบัติจะเกิดหรือไม่ และเมื่อไหร่ ?

    ความเห็นของผม คิดว่า คงไม่มีใครบอกได้ เพราะจากการติดตาม ท่านผู้มีบารมีหลายท่านก็เห็นทางจิตไม่ค่อยตรงกัน เพียงแต่ได้รับกระแสคล้ายๆกันว่า เป็นพลังงานทางลบอย่างรุนแรง และมีพลังงานทางบวกคอยปรับเลื่อนออกไปด้วยกำลังบุญของฝ่ายที่มีเมตตา ต้องการช่วยบรรเทาภัยร้ายแรง ให้เกิดช้าและเบาบางลง จึงเป็นอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะระเบิดวันไหน

    โดยส่วนตัวจากที่ติดตามมาอย่างสม่ำเสมอจากในกลุ่มเวปบอร์ดของเรา ผมรู้สึกว่าภัยต่างๆหลากหลายรูปแบบมันเกิดขึ้นถี่และมากผิดสังเกตุ เช่นแผ่นดินไหวถี่ ๆ ภูเขาไฟหลายลูกเตรียมประทุ พายุไต้ฝุ่น โทนาโด โคลนถล่ม พายุหิมะรุนแรงและยาวนาน ไฟป่า กระแสลมแรงขึ้นและเปลี่ยนทิศทางไปจากเดิม อากาศแปรปรวนอย่างผิดหูผิดตา น้ำท่วม สงคราม ความตึงเครียดให้ที่ต่างๆ ปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาโลกร้อน และจากผู้ที่ฝึกสมาธิและฝึกจิตที่พึ่งจะสัมผัสพลังงานได้ใหม่ๆ ส่งข่าวของกระแสทางจิตมาเป็นระยะว่า พลังงานทางที่สัมผัสได้น่าเป็นห่วง (ผู้ที่บารมีสูง ไม่ค่อยพูดถึงเพราะรู้ว่าเขาห้ามบอก ส่วนผู้ที่รู้ใหม่ๆ มักบอกโดยไม่ค่อยรู้กติกา - อันนี้ผมคิดเอาเองนะครับ ) ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ประเทศไทยเราได้รับผลน้อยมาก ยกเว้นด้านการเมืองเน่าๆ เราจึงไม่ค่อยได้สนใจ และไม่เชื่อกัน หาว่าเราบ้าบ้าง ตื่นตูมบ้าง

    ถ้าทำใจเป็นกลางๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆฟัง และพิจารณาดูสภาพแวดล้อมที่เราสัมผัสได้จากข่าวที่โพสต์ไว้ โดยมีการอ้างที่มาของข่าวอย่างถูกต้องตามหลักการ ( ไม่นับเรื่องคำทำนายที่เราพิสูจน์ไม่ได้ ) ผมว่ามันน่าจะบ่งบอกได้ว่า มันคือสัญญานเตือนให้ผู้คนรับรู้ว่า โลกกำลังมีการปรับตัว ปรับเปลี่ยนสภาพอย่างชัดเจน และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนมาก ผมคิดว่าคนที่ไม่ตั้งอคติไว้ก่อนว่าพวกเราบ้าไปเอง ตื่นตูมไปเอง จะต้องสังเกตุเห็นได้แน่นอน

    การที่เราศึกษาข้อมูลพวกนี้ ก็ไม่ต่างจากการดูข่าวทางทีวี แล้วฟังพยากรณ์อากาศ เช่น เราพอจะรู้ว่าตอนนี้กำลังจะเป็นฤดูฝนนะ อากาศอึมครึม ชื้นๆ และข่าวพยากรณ์บอกว่าฝนอาจจะตกหนัก 60 - 70% ของพื้นที่ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าฝนจะตกเมื่อไหร่ ที่ไหนบ้าง เราก็เตรียมซ่อมบ้าน ซ่อมหลังคา ไม่ให้รั่ว เอาร่มติดไปด้วยทุกครั้งที่จะไปข้างนอก เตรียมตุนมาม่าไว้บ้าง เผื่อฝนตกหนักออกจากบ้านไม่ได้ กลับบ้านเร็วหน่อยเผื่อน้ำท่วม กล่าวคือรู้ข่าวไว้ ไม่ได้เสียหาย เตรียมไว้ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หากฝนตกก็เดือดร้อนน้อยหน่อย หากฝนไม่ตกก็ถือว่าไม่ประมาท คิดแบบนี้ก็น่าจะสบายใจ ไม่ต้องเครียดว่าฝนจะตก อะไรทำนองนี้
    ทำใจให้สบายติดตามข่าวไปเรื่อยๆ อย่าเครียด น่าจะเป็นผลดีมากกว่าเสียนะครับ(||) (||) (||)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2008
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    :cool::cool::cool:

    อยากจะบอกเตือนคุณผู้หญิงว่า ;)


    อย่าลืมเตรียมกักตุน Sanitary Pad ไว้เยอะๆด้วยน่ะครับ เมื่อเกิดภัยพิบัติ
    เพราะถ้าหากเป็นจริงไม่มีโรงงานผลิตสิ่งนี้ อนาคตจะต้องยุ่งยากมาก นะครับ

    อันนี้ไม่ได้พูดเล่นๆ แต่ขอให้ไปคิดดูดีๆ เพราะพวกคุณจำเป็นมากจริงๆ น่ะ


    ใช่ ใช่ ใช่ ว๊าว คุณนิวารณารอบคอบจัง
    ใช้ห้ามเลือดยามสงครามก็ได้ด้วย ส่งให้ถุงของขวัญทหารเขาชอบมาก
    ถ้าไม่มีเตรียมไปก็ฉีกผ้าถุงซับเอาก็แล้วกัน สาวชาวเมืองมีผ้าถุงกันรึเปล่าหนอ

     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** ใกล้กวาด ****

    ดึง ส่วนไม่ดี...ทิ้งออกไป
    ดึง พวกแอบแฝง....ทิ้งออกไป
    ดึง พวกทำลายธรรม...ทิ้งออกไป

    ขอให้เชื่อ....สัจจะมีผลตอบแทน
    สักวัน...ท่านจะได้พึ่ง โลกุตตระ สัจจะ ตลอดชีวิต

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ห้วงเวลานี้เลยครับ ปี 2551-2552

    <TABLE class=tborder id=post949352 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>mead<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_949352", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:28 AM
    วันที่สมัคร: Apr 2005
    ข้อความ: 4,239 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 38,179 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 49,433 ครั้ง ใน 4,326 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 5435 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_949352 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Narong [​IMG]
    ห้วงเวลาละครับ จะเกิดเมื่อไร หรือปี พ.ศ. ไหน ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทราบมาว่าใกล้แล้วครับ ส่วนมากระบุใกล้เคียงกัน
    ห้วงเวลานี้เลยครับ ปี 2551-2552
    หลังจากนั้น ปี 53 น่าจะเข้าสู่ยุคใหม่กันแล้ว

    อาจารย์จิตรา บอกว่ายุคต่อจากนี้ไปจะเป็นยุคของ "โยคีฆราวาส "[Household Yogi] คือไม่ต้องบวชพระก็ปฎิบัติธรรมได้และสามารถบรรลุเป้าหมายทางจิตได้เช่นกัน (ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องออกบวช อันนี้แล้วแต่..) เพราะยุคนี้ทุกคนมีหน้าที่ ไม่อาจละทิ้งภาระครอบครัว พ่อ-แม่ ได้เหมือนก่อน ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ผู้อื่นแลเห็นจนขยายวงแห่งความดีงามออกไปให้มากที่สุด..โดยเริ่มที่ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

    ประเทศไทยถูกเบื้องบนแปลนไว้ว่า จะเป็นเสาหลักของโลกในยุคนี้จนอนาคตจากนี้ไป ผู้คนจะหลั่งไหลเข้าหาประเทศไทยเพื่อศึกษาวิทยาการและภูมิปัญญาของเรา (และมีปัจจัยอื่นๆอีกมากอย่างไม่นึกไม่ฝัน)แม้ว่าช่วงนี้จะเห็นว่าไม่น่าเป็นไปได้ก็ตาม เพราะฝ่ายพลังลบ เค้ารู้แผนการณ์นี้เช่นกัน จึงเข้ามาทำลายล้างตามหน้าที่ของเค้า..แต่ในที่สุดเค้าก็จะถูกชำระจิตใจเช่นกัน..

    ส่วนภาคต่างๆของไทย...มีผลกรรมเฉพาะพื้นที่กำกับไว้ เช่น..
    ภาคใต้ การแย่งชิงดินแดน ยึดล่าอานิคม ข่มเหงกัน จนถึงการประมงล่าสัตว์ คือผลกรรมหลักๆของที่นั่น ภาคใต้พื้นดินจะจมลงหายไปหลายส่วน..เหลือเป็นเกาะตามที่หลายๆคนทราบกันดี
    ภาคเหนือ ผมกรรมจากการประพฤติผิดด้านกามารมณ์ การล่วงประเวณี จากความเชื่อผิดๆ กรรมดั้งเดิมจะส่งผลให้พบ ภัยจากน้ำและธรณีสูบ เป็นต้น

    เวลา: เหลือน้อยมาก ให้โอกาสมาหลายครั้งก็ไม่เปลี่ยนแปลง แก้ไขให้ดีขึ้น จนตอนนี้สายไปแล้ว ประเทศไทยจะพบกับเหตุการณ์ที่หนักที่สุดก่อน..ตอนนี้เริ่มแล้วกำลังจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น...พวกเราทำได้อย่างเดียวคือทำตัวเองให้ดี รับรู้ดูเห็นเหตุการณ์ก็แค่ให้รู้ไว้พอแล้ว เรื่องเวลาที่จะเกิดภ้ยใหญ่นั้นย่อมไม่มีใครล่วงรู้ ถึงรู้ก็ไม่มีตรง จะเป็นวันที่รวดเร็วและตั้งตัวไม่ทัน

    คุณสมบัติของผู้ที่จะรอด: เตรียมจิตของตัวเองให้ดีที่สุด รอดก็รอดที่จิตตัวเองเท่านั้น ตัวเราเลือกเองตัดสินไว้เองทั้งสิ้น คนที่อื่นก็รอด ชาวนาที่จิตใจดีงามบริสุทธิ์รอดเยอะเพราะเค้ามีหน้าที่สำคัญด้านเกษตร ผู้มีหน้าที่สำคัญด้านต่างๆก็จำเป็นต้องรอดทุกวิชาชีพ เพื่อการพัฒนาการในยุคต่อไป


    อาจารย์ดาสิรา นาราดา ฝากมาบอกว่าให้พวกเราเก็บหนังสือต่างๆที่มีประโยชน์ไว้ให้ดีๆทั้งบันทึกประวัตศาสตร์ ภูมิปัญญา เทคนิคการเพาะปลูก ปศุสัตว์ ฯลฯ เก็บไว้ให้ปลอดภัยเพราะจะมาค่ายิ่งกว่าอะไร แม้แต่การจุดไฟอย่างง่ายๆก็ตาม

    อาจารย์ยังหวังว่าจะไม่ถึงขั้นเปลื่ยนโลกใหม่..หรือเปลี่ยนมิติไปอยู่อีกที่หนึ่งโดยไม่จำเป็น เพราะการกำเนิดของมนุษย์โลกต้องมานับหนึ่งใหม่โดยเสียไปเปล่าๆ สู้คัดเลือกเฟ้นหาเมล็ดพันธุ์มนุษย์ที่จิตใจดีงามพร้อมไปสร้างโลกใหม่จำนวนนึงบนโลกใบเดิมดีที่สุด..

    [​IMG]


    <!-- / message --><!-- sig -->http://palungjit.org/showthrea...104085&page=10
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=3906&page=297
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** หนทางเดียวกัน ****

    หนทางรอดพ้นภัย...คือ หนทางหลุดพ้นที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติ
    หนทางหลุดพ้นที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติ....คือ หนทางรอดพ้นกรรม
    หนทางรอดพ้นกรรม... คือ หนทางพ้นทุกข์
    หนทางพ้นทุกข์....คือ สัจจะ
    สัจจะ...คือ สัญญาใจตนเอง
    พระพุทธเจ้าจึงได้เชื่อ....สัจจะ เป็นที่พึ่งนำพาให้สัตว์หลุดพ้น
    การกระทำจากสัจจะ...จึงหาค่าประเมินมิได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** เส้นผมบังภูเขา ****

    เมตตา ... คือ พื้นฐาน
    สัจจะ .... คือ หนทางหลุดพ้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    เราจะหลุดพ้นทุกข์ได้อย่างไร...ถ้าเราไม่เชื่อใน สัจจะ
    เพราะ ....สัจจะ คือ หนทางปฏิบัติตาม หลักสัจจะธรรม
    พระพุทธเจ้า...ใช้ความจริง ไม่ใช้ความเห็น

    -
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แผ่นดินไหวในรวันดามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    คิกาลี 3 ก.พ. - เกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในหลายประเทศที่ตั้งอยู่รอบทะเลสาบเกรท เลค ในทวีปแอฟริกา ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คนในสาธารณรัฐรวันดา

    สถานีวิทยุรวันดารายงานว่า มีประชาชน 10 คนเสียชีวิตในเขตจังหวัดทางตะวันตกของประเทศจากเหตุโบสถ์ถล่มอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ส่วนอีก 13 คนเสียชีวิตในเขตจังหวัดใกล้เคียง และผู้มีบาดเจ็บ 250 คนกำลังถูกลำเลียงไปยังโรงพยาบาลในท้องที่

    สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐกล่าวว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้วัดความรุนแรงได้ 5 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงบูกาวูไปทางทิศเหนือ 20 กิโลเมตร ติดกับภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แผ่นดินไหวเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 14.35 น.ตามเวลาประเทศไทย สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ไกลถึงสาธารณรัฐบุรุนดี .- สำนักข่าวไทย

    2008-02-03 19:09:42

    ที่มา http://news.mcot.net/international/index.php?page=3
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    453
    ค่าพลัง:
    +1,718
    ที่คุณคณานันท์ บอกว่างานพระสารีริกธาตุที่เมืองโบราณจบวันที่ 7/2/51
    ความจริงจบไปเมื่อวานวันที่ 3 ครับเขาย้ายไปจัดที่วิภาวดีซอย3 (ซ.หมอชิต)ตั้งแต่วันที่ 5/2/51ที่สถานปฎิบัติธรรมศิริดาเพลส เริ่มเวลา 9.00 น ถึงเท่าไรเขาไม่ได้
    ประกาศไว้ครับและไม่ได้บอกว่าจัดกี่วัน เลยบอกไว้ครับ ยอดเงินที่คนบริจาค
    ให้นายหลวง(ในหลวง)ไม่ได้รวมวันสุดท้ายนะครับ 1,187,018.25 บาทครับ
    พระบรมสารีริกธาตุที่นำมาจัดงานเป็นของพระพุทธเจ้า 31 พระองค์ครับ เพิ่มมาอีก 3 องค์เป็นของ สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จองค์ปัจจุบัน และก็พระศรีอารย์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2008
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    เรื่องห้วงเวลาอาจพอคะเนได้แต่ฟังธงไม่ได้ครับ แต่ให้เราเน้นไปที่การ สังเกตสิ่งแวดล้อมหรือ "สัญญาณ"ดีกว่าครับ พี่เกษมก็มีข้อมูลอยู่มาก ฝากมาลงด้วยนะครับ เช่น เมื่อหิมะตกทางภาคเหนือ..เมื่อสงครามใหญ่เริ่มก่อตัว..เมื่อท้องฟ้าเปลื่ยนเป็นสีแดงจนค่อยๆดำมืด ใบไม้พลิกใบคว่ำลง สุนัขร้องโหยหวน นกตื่นตระหนกหลบหายบรรยากาศทั่วไปแลจะดูเงียบผิดสังเกต มีลมพัดพายุพัดแรง จิตมันวูปๆ ทำอย่างไรก็ไม่มีความสุข ฯลฯ ต่างๆเหล่านี้คือสัญญาณครับ

    ความเป็นไปได้ต่างๆเหล่านี้ก็ล้วนมีที่มาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตาบอกไว้ล่วงหน้าจากผู้มีญาณที่พอจะเชื่อถือได้ เรารู้ไว้ย่อมดีกว่าเพื่อจะได้บอกว่าอ้อเรารู้แล้วนะ คือควรรู้ว่าช่วงเวลาที่จะเกิดประมาณกี่วัน? ในขณะเกิดเหตุนั้นจะทำอย่างไร หนาวสักกี่องศา หลังจากนั้นจะทำเช่นไร บอกคนในครอบครัวว่าของอะไรอยู่ตรงไหน ใครทำอะไร จัดเตรียมกันไว้ถ้าทำได้ เดือนนึงก็แบ่งงบไว้จัดหาของจำเป็นไว้บ้างเพื่อความไม่ประมาท
    แต่ที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากด้านกายภาพคือ จิตใจครับต้องมีสติ ทำใจให้เป็นปกติสุขสดชื่นอยู่เสมอ ขออโหสิกรรมกับบรรดาพี่ๆน้องๆจิตวิญญาณทั้งหลายเป็นประจำ อยู่กับปัจจุบันและไม่ต้องวิตกกัลวลใดๆทั้งสิ้น จะช่วยสร้างพลังงานที่เป็นบวกและสมดุลย์ให้กับมิติของเราครับ:-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2008
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระพุทธเจ้าทรงหลุดพ้นด้วย"สัจจะ"

    [​IMG]

    เมื่อเรารู้แล้วว่าเกิดมาเพื่อทำอะไร เราก็ต้องตั้งใจปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้ทำบุญ ให้ทาน ให้รักษาศีล ให้ภาวนา ก็ต้องถือเป็นงานหลักของเรา ไม่ใช่การเป็นอะไรต่างๆ เป็นนายกฯ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นประธานาธิบดี เป็นแล้วก็เท่านั้นก็ยังมีทุกข์เต็มอยู่ในหัวใจ ต้องเป็นพระอรหันต์ เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า เมื่อมีความตั้งใจแล้วสิ่งต่อไปที่ต้องมี

    ก็คือ สัจจะ ความจริงใจ ตั้งใจ แล้วต้องรักษาให้ได้ เหมือนกับรักษาคำพูดสัญญาอะไรกับใครไว้แล้ว ถ้าไม่มีสัจจะก็จะไม่รักษา เช่นนัดกันว่าจะมาวัดกันวันนี้ ตอนเช้าพอถึงเวลาก็หายตัวไป แสดงว่าไม่มีสัจจะหลบหนีไปแล้ว ไม่อยากจะมาก็เลยหนีไปที่อื่น ถ้าไม่มีสัจจะแล้วต่อให้มีความตั้งใจ มากน้อยเพียงไรก็จะไม่เกิดเป็นผลขึ้นมาได้ จึงต้องมีสัจจะตั้งใจ แล้วต้องรักษาให้ได้ เช่นวันนี้ตั้งใจจะมาวัด เมื่อถึงเวลาก็ต้องมา ฝนจะตก แดดจะออกอย่างไร น้ำจะท่วม ถ้ายังมาได้ก็ต้องมา เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างไร ถ้ายังมาได้ก็ต้องมา ยกเว้นถ้ามาไม่ได้จริงๆ ลุกขึ้นมาไม่ได้ต้องนอนอยู่กับเตียง เจ็บไข้ได้ป่วยถึงขนาดลุกขึ้นไม่ได้ อย่างนี้เรียกว่าสุดวิสัย ถ้าไม่มีสัจจะควบคู่ไปกับอธิษฐานแล้วจะไม่สามารถทำอะไร ให้เป็นผลเป็นความสำเร็จขึ้นมาได้ ดังที่พระพุทธเจ้าในขณะที่นั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ก่อนที่จะตรัสรู้

    ก็ทรงตั้งสัจจะอธิษฐานว่า จะนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์นี้ นั่งบำเพ็ญสมถภาวนาคือทำสมาธิ เจริญวิปัสสนาภาวนา คือเจริญปัญญา จนกว่าจิตใจจะหลุดพ้น จากความทุกข์ทั้งปวง ได้บรรลุถึงพระนิพพาน ถ้ายังไม่ได้ผล ก็จะไม่ลุกจากที่นั่งนี้ไปเป็นอันขาด ถึงแม้เลือดในร่างกายจะเหือดแห้งหายไปหมดก็ตาม ไม่มีลมหายใจเข้าออกอยู่เลยก็ตาม ก็จะไม่ลุกจากที่นี่ไปเป็นอันขาด ถ้าไม่ได้พระนิพพานก็ขอยอมตายเท่านั้น

    นี่คือสัจจะอธิษฐาน ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตั้งไว้ ในวาระสุดท้ายของการบำเพ็ญเพียร ในวันเพ็ญเดือน ๖ เมื่อได้ตั้งสัจจะแล้ว จิตก็ไม่วอกแวก ไม่สองจิตสองใจ จะนั่งดี หรือไม่นั่งดี จะลุกขึ้น หรือไม่จะไปทำอย่างอื่น ก็ทำไม่ได้แล้วมีหน้าที่อย่างเดียว ก็คือภาวนาทำจิตให้สงบ แล้วก็พิจารณาให้เกิดปัญญาผลจึงปรากฏขึ้นมา ในเวลาไม่นานเลย ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องมีความแน่วแน่ เมื่อตั้งใจแล้วต้องไม่เปลี่ยนใจ เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าสิ่งที่จะทำเป็นสิ่งที่ดีมีคุณมีประโยชน์ ก็พุ่งไปเลย ทำไปเลยใครจะมาทักมาท้วง มาขอร้องอย่างไรก็ไม่สนใจ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย

    พอจะทำอะไร ก็มีเหตุนั้นเหตุนี้มาอ้างอยู่เรื่อย เช่นวันนี้ถ้าไม่มี"สัจจะ"ตื่นขึ้นมาแล้วยังรู้สึกง่วงนอน อยากจะนอนต่อก็จะนอนต่อไป ก็จะไม่มาวัดตามที่ได้ตั้งใจไว้ไม่ได้มาทำมาทำบุญ มาฟังเทศน์ฟังธรรม จึงต้องมีทั้งความตั้งใจและมีสัจจะ มีความจริงใจมีความแน่วแน่ต่อความตั้งใจ เมื่อมีแล้วสิ่งที่จะต้องมีในลำดับต่อไป ก็คือวิริยะความพากเพียร ความขยันเมื่อได้ตั้งใจแล้วก็ต้องทำ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าบอกว่าไม่เป็นไรตอนนี้ เรายังหนุ่มยังสาวอยู่ยังมีเวลาอีกมาก ไว้รอเวลาแก่ใกล้ตายก่อนแล้วค่อยทำ เพราะไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่อาจจะเป็นวันนี้ก็ได้พรุ่งนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าจะตายกันเมื่อไร เกิดมาแล้วไม่ได้แก่ตายกันทุกคน มีคนตายทุกอายุ จึงไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง เมื่อมีเวลามีโอกาสเช่นวันนี้มีเวลาว่าง ก็ต้องรีบทำเลยผลประโยชน์จะได้เกิดขึ้นมา เพราะเป็นเหมือนเงินที่เอาไปฝากไว้ในธนาคาร ฝากไว้แล้วก็ปลอดภัยถ้ายังเก็บไว้ที่บ้านไม่เอาไปฝาก อาจจะถูกขโมยลักไปก็ได้ กลายเป็นของคนอื่นไป

    โดยพระจุลนายก(สุชาติอภิชาโต)
    วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1191343318.jpg
      1191343318.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.5 KB
      เปิดดู:
      1,178
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2008
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    ไม่มีสัจจะ...ศีลก็ไม่เกิด !!!!
    เพราะ....พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    "ศีล คือการทำได้เป็นปกติ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    สัจจะ...คือ สัญญาใจตนเอง
    ตั้งใจแล้ว พูดแล้ว ทำไม่ได้
    แม้ไม่มีใครรู้เห็น....แต่ตัวเราย่อมรู้ตัวเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** โลกุตตระธรรม ****
    *** ธรรมหมวดนี้ตอน พระพุทธเจ้า สัจจะ พูดจริง ทำจริง ****

    พุทธมาอุปาเสจะ
    โพธะกิริยา สมาวะตะ บุตทะสุกันจะ กุตตะรามามะ อัตทะตุจะ
    ไสยะโบกกะรือณี อัตธิยาวะสี โพธะกะรือณี เอทะจัตตะอนุสี โพธะรี จัตตุตะวะรุสสี
    สันตะอะรึดี ไสยะอนุสี ชาตะรี ตี ษี ติ ฯ
    บุตทิกรุณา อัตตุเมวะสา วิสังโยช จัตตะกรุณา โพธิวะสา อุเบคคะภูตา จัตตะอูลุจสา
    ไสยะภูตา อาตมามนัสสา โชตทิทะรา เอคะนะตา จัตตุปาทา ไสยะกรุณา อัพพะยาสุขขา
    ครีนะจะ ตุมัสสัง ไสยะโภชชนะสุกันตัง มะโนทะสัง โพธิทะรัง จัตตะวะรุสสัง เอคะนะตัง
    จัตตะสุขขัง โพธิอุปังวะสัง มะโนทะจิตตัง สัญญะจัตตุกะ สมมุตติสัง วาทะจิตตัง อัพพะยัง
    สัตตะคิววะหัง โบกคะระณียัง อาตมาทุกขัง โสตัดตุมัตวะสัง บุคคะละนะ ไสยะบุคคะลัง
    โสตัดจะจะมุมทัง สัจจะวะหัง เอคะนะตัง มานะสัง โพธิทะรัง โหนติเมสุขขัง อัพพะยังสุขขัง
    สมามังสุขขัง อัพพะยามัง โห ตุ ฯ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** หลักปฏิบัติสัจจะธรรม ****

    องค์โลกุตตระเขตะมารัจจะ ท่านกล่าวสอนไว้ว่า.......

    สาธุชนทั้งหลาย ควรตั้งอยู่ในศีลในธรรม และมีสัจจธรรม โดยมีหลัก 3 ประการ คือ ต้องมี"ใจ"อันสัจจธรรม มี"ปาก"อันสัจจธรรม และ"ปฏิบัติ"อันสัจจธรรม.....

    1.ใจอันสัจจธรรม-เมื่อใจนึกในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามใจที่เป็นสัจจธรรม อย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง คือ ไม่ให้เกิดกิเลส โลภ-หลง และไม่ให้ถืออาฆาตพยาบาทกับผู้ใด เมื่อผู้อื่นทำให้เราไม่พอใจ เราก็ถือใจสัจจธรรมว่า ไม่โต้ตอบ จะได้บรรลุศีลอันบริสุทธิ์ถึงขั้นอรหันต์ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามใจสัจจธรรม ที่ได้มุ่งมั่นไว้ ก็จะทำให้เราลดบารมีศีลไป

    2.ปากอันสัจจธรรม-เมื่อเราลั่นวาจาออกมาแล้วในวาจาระหว่างนี้ เป็นวาจาสัจจธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพูดว่า"ไป"ก็ต้องไป ถ้าเราพูดว่า"ไม่" ก็ต้องไม่ อย่าพูดออกมาโดยไม่ตรงกับใจ ซึ่งเป็นการผิดไปจากสัจจธรรม เช่น เมื่อเราตั้งใจว่า วันนี้จะขอสุขกายสุขใจ แต่เมื่อพบสิ่งไม่พอใจเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ปากไม่สงบ คือ ผิดไปจากปากอันเป็นสัจจธรรม จะหลั่งวาจาอันไม่สมควรฟังออกมาแก่ผู้อื่น ถ้าเราถือใจสัจจธรรมและปากสัจจธรรมแล้ว จะต้องตั้งอยู่ในสมาธิ ให้ถือขันติ มีมานะอดทน มีมุทิตา มีอุเบกขา จะได้เป็นการคล้องจองกับการถือใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม.....

    3.ปฏิบัติอันสัจจธรรม-ต้องให้คล้องจองกับปากและใจ เช่น เมื่อใจคิดว่าสวดมนต์หนึ่งเล่มธูป ปากก็ได้สวดมนต์ ในการกระทำ ก็ต้องกระทำให้ครบเล่มธูป เป็นการคล้องจองไป จะได้มีบุญบารมีสะสมไว้ใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ถ้าสามสิ่งนี้ ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป ก็ถือว่า"ขาดศีล"ในชีวิตครอบครัว ภรรยาเป็นหลักหนึ่งที่ช่วยค้ำจุนองค์สัจจธรรม เมื่อสามีปฏิบัติสิ่งใด ภรรยาควรใช้สายตาตรวจชี้ในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าสามีจะออกนอกลู่นอกทาง ภรรยาก็ควรช่วยเตือนสติปัญญา ให้เขากลับมา แต่ภรรยาจะต้องถือใจปฏิบัติสัจจธรรม ปากถือปฏิบัติสัจจธรรม และตัวปฏิบัติถือสัจจธรรม จึงจะได้ผล อย่าโมโหโกรธา หน้าบึ้งหน้าบูดหน้าเบี้ยว เป็นกิริยาที่ไม่น่าดูไม่น่าชม แทนที่จะเป็นหลักช่วยกระตุ้นเตือนให้สามี กลับเป็นน้ำมันราดในกองเพลิงให้มันลุกช่วงโชติขึ้นมา เป็นการผิดนอกลู่นอกทางของสามี มิได้เป็นการเสริมสร้างบารมี แต่เป็นการทำลายบารมีของภรรยาเอง ผู้ใดปฏิบัติสามประการนี้ได้ ก็จะเป็นศรีภรรยาตามหลักขององค์สัจจธรรม ลูกหลานจะได้เจริญรุ่งเรือง อุปมาเหมือนปากกับท้อง ดังนี้ คือ :-

    สามีทั้งหลาย ให้ถือว่าเป็น"ปากเป็นเสียง" ภรรยา ให้ถือว่าเป็น"ท้อง" เมื่อสามีใช้ปากดำเนินกิจการต่างๆ ปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว ภรรยาก็เป็นท้องสำหรับรองรับ เมื่อสามีปฏิบัติตามในหลักธรรมที่ถูกต้อง คือ หาเลี้ยงชีพอย่างสุจริตชน ไม่โกงเขา ไม่โลภหลง เงินทองที่ทำมาหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย สร้างความภูมิใจ เท่ากับว่า เป็นอาหารอันโอชา เมื่อเงินทองที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ก็เป็นอาหารทิพย์ เมื่อเอามาเลี้ยงท้อง ท้องก็จะอยู่ดี รับด้วยความสบาย มีพลังเข้าถึงหลักธรรมได้ ปากกับท้องนี้ ต้องอยู่คู่กันไปตลอดชาติ เมื่อท้องแข็งแรง ปากก็ดี ก็พลอยให้จิตใจของเราดีไปด้วย เมื่อจิตใจเราดี ผู้นั้นย่อมเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันสิ้นสุด

    เมื่อปากที่ให้สมมุติฐานว่าเป็นสามี ได้เงินได้ทองมาในสิ่งที่ผิดๆ เมื่อเอามาเลี้ยงท้องแล้ว ก็จะเกิดเป็นพิษ เมื่อท้องปวดท้องเจ็บ ก็ต้องอุทธรณ์ให้สามีเลิกปฏิบัติการในสิ่งที่ผิด เมื่อปากปฏิบัติถูกต้องแล้ว ท้องก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ปากก็จะอยู่เป็นสุข ไม่เป็นพิษไม่เป็นภัยถ้าภรรยาซึ่งเป็นท้อง กินทุกสิ่งทุกอย่าง โลภไม่มีวันหยุด หลงไม่มีวันหยุด ก็พลอยให้ปากผิดไปด้วย ถ้าสามียึดมั่นอยู่ในธรรมะ ก็จะไม่ปฏิบัติตามท้อง ท้องก็จะอาละวาด ทำให้ครอบครัวไม่มีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าสามีที่เป็นปากนี้ เกิดไปหลงผิดตามท้อง หาในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาป้อนให้ท้องได้สบอารมณ์หมาย แต่ในบั้นปลายผลรับจะเป็นอย่างไร ผลรับนี้ ก็จะทำให้เสียทั้งปากทั้งท้อง

    การปฏิบัติใดๆ ถ้ามีธรรมะ เมื่อเกิดหลงผิดแล้ว ก็ยังมีทางที่จะชำระได้
    บุญ- หมายถึง สิ่งอันบริสุทธิ์สดใส
    กรรมชั่ว-หมายถึง สิ่งที่ดำมืด ไม่มีให้ความสว่าง

    ขอให้สาธุชนทั้งหลาย ค่อยๆศึกษา ค่อยๆปฏิบัติกันไป ให้บรรลุถึงใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ให้ครบสามประการ สิ่งใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง จงใช้อารมณ์เย็นเข้าลูบ เมื่ออารมณ์เย็นเข้าสู่ร่างกายของเราแล้ว ก็จะเกิดสติปัญญาขึ้น และจะมีความสดใสชั่วกาลนาน.........

    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=89717

    -
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นักการเมืองที่ดี ต้องมีสัจจะ ต้องรักษาคำพูด พูดสิ่งใดไว้แล้ว ต้องทำให้ได้ ประชาชนทั่วไป จึงจะยอมรับนับถือ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** สัจจะไม่เห็นผู้อื่นผิด ****

    การอบรมบ่มปัญญาขององค์สัจจะธรรม เริ่มจากให้ผู้ฝึกฝนฝึกความอดทน อดกลั้น
    โดย
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** ผู้นำ ผู้ตาม ****

    ผู้นำ...ต้องมีสัจจะ
    ประชาชน....จึงเห็นประโยชน์ของสัจจะ
    ประชาชน...จึงจะปฏิบัติตัวตามผู้นำที่มีสัจจะ
    ประเทศชาติ....จึงรอดพ้นภัยพ้นกรรม

    หาก ผู้นำ...ไม่ใส่ใจ กลัวสัจจะ
    ประชาชน....ก็ตามผู้นำ
    ประเทศชาติ...ก็ไม่สามารถรอดพ้นภัยพ้นกรรมไปได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แผนงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
    (ของมนุษย์ต่างดาว)
    โดยคุณต้อย

    [​IMG]
    เขากะลา(ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์)

    สาเหตุที่มีการวางแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    พระพุทธเจ้าโคดมทรงหยั่งรู้ว่า จะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นในดาวโลกนี้ มนุษย์และสัตว์จะเสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นการเสียชีวิตตามกฏแห่งกรรม ส่วนมนุษย์และสัตว์ที่รอดชีวิต ก็จะดำรงชีวิตอยู่อย่างลำบาก พระพุทธเจ้าทรงเมตตาต่อเวไนยสัตว์ที่รอดชีวิตเหล่านี้ จึงทรงวางแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติเพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากมากนัก​

    (หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ปฎิบัติธรรมชั้นสูง แต่ได้มีการปิดบังกันเอาไว้ เพราะกลัวคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะปรามาส คำพูดของผู้ทรงศีล ทรงธรรมเหล่านี้ จนกลายเป็นบาปกรรมติดตัวพวกเขาไป -เกษม- )​

    สาเหตุที่มีการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

    เมื่อดวงจิตที่ยังเวียนว่ายตายเกิดและเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับดาวโลกนี้ ได้ทำกรรมชั่วไว้ในแต่ละภพภูมิและแต่ละภพชาติที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อดวงจิตใดทำกรรมชั่ว ก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้น ซึ่งเป็นผลแห่งกรรมเฉพาะตัว ส่วนผลแห่งกรรมรวมจะเกิดขึ้นจากกรรมชั่วที่ทุกดวงจิตได้ทำไว้และไปสะสมรวมตัวกัน จนกลายเป็นพลังกรรมดำ เมื่อพลังกรรมดำมีการสะสมรวมตัวกันมากขึ้น จะทำให้พลังนี้มีแรงผลักดันให้เกิดผลแห่งกรรรมรวมคือ จะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้​

    ความหมายของคำว่า "ภัยพิบัติครั้งใหญ่"

    คำว่า "ภัยพิบัติครั้งใหญ่" ในที่นี้หมายถึง ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในระดับรุนแรงทั่วโลก ได้แก่ สภาพภูมิอากาศแปรปรวนและเปลี่นแปลงอย่างฉับพลัน อากาศร้อนจัด หนาวจัด ฝนตกหนัก ลมพายุรุนแรง ไฟไหม้ป่า ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว โคลนถล่ม หิมะถล่ม น้ำแข็งทั่วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ฯลฯ​

    ภัยธรรมชาติเหล่านี้จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้มนุษย์และสัตว์เสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล ส่วนภัยอื่นๆ เป็นเพียงทางผ่านของการเดินทางไปสู่ช่วงเวลาการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่​

    ผลจากการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

    มนุษย์และสัตว์จะเสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล มนุษย์จะเสียชีวิตเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดในโลกนี้ บ้านเรือน อาคารสถานที่และทรัพย์สินทั่วโลกจะถูกทำลายพังพินาศ ระบบเทคโนโลยีต่างๆ จะเสียหายและใช้งานไมได้เลย เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ระบบโทรศัพท์ และรบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จะมีน้ำท่วมระดับสูงบริเวณพื้นที่ราบทั่วโลกเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น ผู้ที่รอดชีวิตจึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามสภาวะปกติเหมือนเดิม และต้องไปอาศัยหลบภัย ณ จุดปลอดภัยต่างๆ ทั่วโลกเป็นระยะเวลานาน​

    ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่จะชำระล้างโลกให้สะอาดขึ้น ได้แก่ อากาศจะบริสุทธิ์ขึ้น น้ำจะสะอาดขึ้น พื้นดินเก่าจะถูกชะล้างสารเคมีและกลับฟื้นสภาพดีขึ้น ฯลฯ จะทำให้เกิดการปรับสมดุลทางธรรมชาติและจะเกิดการเปลี่นแปลงด้านภูมิศาสตร์ ได้แก่ สภาพภูมิอากาศจะเป็นไปตามฤดูกาล จะมีพื้นดินเกิดใหม่ซึ่งมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ พื้นดินเก่าบางส่วนจะจมหายไปและสายน้ำเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้ต้องเขียนแผนที่โลกใหม่ ฯลฯ​

    ขั้นตอนในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    แผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนได้แก่​

    1. ขั้นตอนฝึกจิต

    2. ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติ

    ในขั้นตอนนี้จะมีการประสานงานกันระหว่าง ผู้ปฎิบัติงานทุกกลุ่มเพื่อรวบรวมผู้ปฏิบัติงานและรวบรวมปัจจัย 4​

    3. ขั้นตอนช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ

    ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะต้องปฎิบัติงานภายใต้ระบบสากลจักรวาลซึ่งเป็น ระบบการทำงานของมนุษย์ต่างดาว จะทำให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ​

    ผู้ปฏิบัติงาน

    ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ มีผู้ปฎิบัติงาน 3 ฝ่าย ได้แก่

    1. ฝ่ายพระญาณ ได้แก่ พระญาณต่างๆ ที่ลงมาจากสวรรค์ พรหมและดินแดนนิพพาน เพื่อทำหน้าที่ฝึกจิตแก่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลกและปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือภัยพิบัติ​

    2. ฝ่ายมนุษย์ต่างดาว มีมนุษย์ต่างดาว 18 ดวงดาว ทำหน้าที่ดังนี้​

    2.1 ทำหน้าที่ฝึกจิตแก่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก
    2.2 สำรวจและวิจัยมนุษย์โลก รวมทั้งสิ่งต่างๆ บนดาวโลกนี้ ได้แก่ สำรวจและวิจัยระบบในร่างกายมนุษย์โลก สภาพภูมิอากาศ ก๊าซ น้ำ แร่ธาตุและสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใน ข้อ 2.3 และข้อ 2.4
    2.3 สร้างอาคารสถานที่ ณ จุดปลอดภัยทั่วโลก จำนวน 30 จุด เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยพิบัติของมนุษย์โลก
    2.4 สร้างเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ และยานบินเพื่อให้มนุษย์โลกได้ใช้งานตามความจำเป็น​

    3. ฝ่ายมนุษย์โลก มีผู้ปฏิบัติงานจำนวน 3,403 คน แบ่เป็น 2 ประเภท ได้แก่​

    3.1 ผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นอากาศ (อาศัยอยู่ในจานบินของมนุษย์ต่างดาว -เกษม-)
    3.2 ผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นดิน​

    เหตุปัจจัยในการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก มีดังนี้

    1. มีการพัฒนาดวงจิตอยู่ในระดับที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ
    2. เคยสร้างบุญกุศลในจำนวนที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ
    3. เคยสร้างบุญกุศลร่วมกันกับผู้ปฏิบัติงานคนอื่นๆ
    4. ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะไม่มีกรรมหนักที่ส่งผลในชาตินี้ เพระผลแห่งกรรมหนักจะทำให้ดวงจิตไม่มีกำลังต้านทานความทุกข์ในระบบฝึกจิต และผลแห่งกรรมหนักจะขัดขวางการทำความดี คือการช่วยเหลือภัยพิบัติ
    5. มีคุณสมบัติเหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย​

    ระบบฝึกจิต

    มนุษย์ต่างดาวได้สร้างเครื่องมือชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้เกิดคลื่นและนำคลื่นมาเชื่อมต่อดวงจิตของมนุษย์โลก คลื่นนี้สามารถคิด พูด ทำในร่างกายของมนุษย์โลกได้ เมื่อกิเลสกำเริบ คลื่นจะทำงานทันที โดยการเพิ่มปริมาณของกิเลสให้มากขึ้น ทำให้รู้สึกเป็นทุกข์มากกว่าปกติและทำให้มองเห็นกิเลสหรือนิสัยได้ชัดเจนขึ้น ระบบฝึกจิตนี้เป็นระบบฝึกจิตแบบพิเศษ เรียกว่า ระบบพัฒนาดวงจิต

    ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะได้รับการฝึกจิตในระบบเดียวกันนี้ แต่ละท่านจะได้รับการฝึกจิตตามเหตุปัจจัยของตนเอง บางทีก็ฝึกคนเดียว บางทีก็ฝึกเป็นคู่ บางทีก็ฝึกเป็นกลุ่ม เพราะมีเหตุปัจจัยคล้ายกัน

    จุดมุ่งหมายในการฝึกจิต

    ก่อนที่ผู้ปฏิบัติงานจะไปทำงานช่วยเหลือภัยพิบัติ ทุกท่านจะได้รับการฝึกจิตในระบบพัฒนาดวงจิตเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อยกระดับดวงจิตให้สูงขึ้นหรือเพื่อขัดเกลานิสัยให้ดีขึ้น เมื่อทุกท่านได้รับการฝึกจิตให้เข้าสู่เป้าหมายแล้ว จึงจะสามารถปฏิบัติภารกิจสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ ดังนั้น การฝึกจิตในระบบนี้จึงเป็นการฝึกเพื่อไปทำงานเฉพาะกิจ คือ งานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    บทเรียนฝึกจิต

    สิ่งใดที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน แล้วทำให้ท่านเป็นทุกข์ สิ่งนั้นจะเป็นบทเรียนฝึกจิตของท่าน

    วิธีเอาชนะบทเรียนฝึกจิต

    เมื่อท่านรู้สึกเป็นทุกข์ ท่านต้องใช้บารมี 10 ของท่านเข้าต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อออกจากความทุกข์นั้น เช่น ใช้ความอดทน ใช้ความเพียรพยายาม ใช้ปัญญาพิจารณาความเป็นจริงในวัฎสงสาร แล้วปล่อยว่าง เป็นต้น

    ข้อมูลในช่วงเวลาฝึกจิต

    ข้อมูลในช่วงเวลาฝึกจิตจะเป็นข้อมูลจริงปนหลอกเพื่อให้เป็นบทเรียนฝึกจิตหรือเพื่อให้กำลังใจ ข้อมูลจะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน

    ในช่วงเวลาฝึกจิตนี้ แต่ละคน แต่ละกลุ่มจะได้รับสื่อข้อมูลจากคลื่นของมนุษย์ต่างดาวหรือจากพระญาณซึ่งเป็นอาจารย์ฝึกจิต ทุกคนก็จะเชื่อมั่นในข้อมูลที่ตนสื่อได้ ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ถ้าทุกคน ทุกกลุ่มมาพูดคุยรวมกัน จะเห็นได้ว่า ทุกคนต่างมีข้อมูลที่แตกต่างกันและอาจมีข้อมูลที่คล้ายกันบ้างในบางส่วน เพราะข้อมูลเหล่านี้เกิดจากเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติแล้ว ข้อมูลก็จะมีความเป็นหนึ่งเดียว

    เมื่อระบบฝึกจิตปิดคอร์ส

    นั่นหมายถึง ทุกคนได้รับการฝึกจิตเข้าสู่เป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติ ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านก็จะมารวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อช่วยกันทำงาน เรียกว่า กลุ่มช่วยเหลือภัยพิบัติ


    จาก ญาณในร่างต้อย
    1 มกราคม 2548

    ที่มา http://forum.sanook.com/forum/index....kid=1202327692&
    <!-- / message --><!-- sig -->
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Nakamura [​IMG]

    ผมไปสืบข้อมูลมาปรากฎว่าผู้ที่ได้โพสข้อความนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ
    คือ คุณสุขสมบูรณ์ ธงชัยขาวสะอาด
    ผู้ปฏิบัติธรรมร่วมกับกลุ่มเขากะลา จังหวัดนครสวรรค์ ^^



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แหมผมก็อุตส่าห์เงียบๆ แล้วเชียวอิอิ... ข้อความที่คุณสุขสมบูรณ์ เอาลงมาโพสต์ใน sanook.com นั้น ก็เป็นของคุณต้อย(เป็นผู้หญิง) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มฯ เขากะลาที่มีหมายเลข เคยร่วมฝึกด้วยสมัยแรกๆ ครับ แล้วถอนตัวออกไปตั้งแต่ประมาณปี 2542 แต่ก็มีระบบ(ซึ่งคุณต้อยเข้าใจว่าญาณฯ)ที่ส่งข้อมูล ให้คุณต้อยสมัยประมาณต้นปี 2548 พี่แกก็เลยส่งจดหมายเวียนมาให้สมาชิกในกลุ่มประมาณ 60 คนได้รับทราบ ความถูกต้องของข้อมูลใช้ได้ทีเดียวครับ ยกเว้นข้อมูลที่ระบุมาเป็นตัวเลข

    no.9<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_956513", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=51726&page=36
    <!-- / message --><!-- sig -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2008

แชร์หน้านี้

Loading...