พระคำข้าว มอบให้เพื่อบุญเข้าพรรษา ถวายสังฆทานเทียนพรรษา 92 วัด ทั้ง 4 ภาค

​

​

​

ได้รับความกรุณา จากทางเวบบอร์ด ช่วยประชาสัมพันธ์
ขอน้อมโมทนาในคุณความดี เพื่องานความเจริญของพระศาสนา ในครั้งนี้

อย่างยอดเยี่ย่มอย่างยิ่ง

สาธุ..
สาธุ..
สาธุ....

................................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

เนื่องด้วย วันสำคัญในบวรพระพุทธศาสนา คือ วันเข้าพรรษา
จะได้เวียนผ่านมาถึง อีกวาระหนึ่ง​

และ ปีนี้ นับเป็นปีพิเศษ
เนื่องด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมายุ 83 พระชันษา
ที่จะเวียนมาครบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 นี้​

พวกเรา จึงมีความพร้อม ในการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ​

เป็นปกติ ที่พวกเราจักได้บำเพ็ญบุญในวันอันสำคัญของพระศาสนา
เพื่อสร้างบุญ ต่อบารมีให้สูงขึ้นมากขึ้น ตราบเท่าเข้าสู่ พระนิพพาน​

และจักได้น้อมถวายบุญกุศล เป็นพระราชกุศล แด่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน
ขอจงทรงเป็นร่มโพธิ์แก้วแห่งพสกนิกร ตราบนานเท่านาน​

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ​

ข้าพระพุทธเจ้า ในนามคณะถวายเทียนเข้าพรรษา
พร้อมด้วย สมาชิก เวบ พลังจิต
และคนไทยแท้ ที่รู้รักสามัคคี รักชาติ
เคารพพระศาสน์ และเทอดทูนพระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคงยิ่ง​

................................................................................................................................................................​

การน้อมถวาย สังฆทานเทียนพรรษา 92 วัด ทั้ง 4 ภาค ในครั้งนี้

วัตถุประสงค์
เป็นการสร้างบุญ บำเพ็ญบารมี ก่อให้เกิดอานิสงส์ เพื่อ....

1. น้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. กำหนดจิตแผ่เมตตา ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรของประเทศชาติ
3. อธิษฐานบารมี ให้เกิดความรัก ความสามัคคี ของคนไทย
4. เป็นบุญราศีของตัวเราเอง และคนที่เรารัก เพื่อ พระนิพพาน ในที่สุด
5. สืบอายุพระศาสนา ให้นานนับเนื่องไป ตราบเท่า 5,000 วสา

เนื่องจาก เป็นบุญที่เกี่ยวข้องกับวัด หลายวัด
บัญชีบุญ จึงไม่สามารถเปิดเป็นของวัดใด วัดหนึ่ง

เพื่อความเป็นไปได้ของการดำเนินงานบุญ..
จึงจำเป็นต้องใช้บัญชีบุญ ในนามของกระผมฯ

ทั้งนี้ จะได้รายงานผล ยอดรายได้ และ ยอดเฉลี่ยของแต่ละวัด
ให้ทราบ สืบเนื่องไป.. กระทั่ง จบโครงการงานบุญ ในครั้งนี้....

บัญชีบุญ
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา สะพานใหม่
ชื่อบัญชี มหาหิน มีเนตร์ขำ
ออมอริยทรัพย์ 081-247635-8

(ทั้งนี้.. ภายใน วันที่ 16 กรกฏาคม2553 ก่อน 15.00 น. เท่านั้น)

ขอน้อมโมทนาในบุญ ในอานิสงส์ กับทุกท่าน ที่เนื่องด้วยบุญ ในครั้งนี้
อย่างยอดยิ่ง

สาธุ..
สาธุ..
สาธุ....

................................................................................................................................................................

สรุปผลการดำเนินงาน

การน้อมถวาย เทียน และปัจจัย ทั้งหมด 101 วัดฯ

ที่โพส ลำดับที่ 505 หน้า 26 ตาม Link ข้างล่าง นี้

http://palungjit.org/threads/พระคำข้าว-มอบให้เพื่อบุญเข้าพรรษา-ถวายสังฆทานเทียนพรรษา-92-วัด-ทั้ง-4-ภาค.242619/page-26

................................................................................................................................................................

 

​

ขออ้างอิงในบุญบารมีนานา จากการบำเพ็ญบุญบารมีของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตั้งแต่ต้น จวบจน ณ ยัดนี้

ขอกราบอาราธนาบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย
อันมี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์
สมเด็จองค์ปฐม เป็นองค์ต้น สมเด็จองค์ปัจจุบัน เป็นที่สุด
พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์
คุณแห่งพระธรรม
คุณของพระอริยสงฆ์ ทั้งหลาย

ครูบาอาจารย์ ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา
บุญบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า ทุก ๆ พระองค์
พรหม เทพเทวา ทั้งหลาย
ท่านพระยายมราช ท่านปู่พระอินทร์
ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่
ตลอดจนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ

ขอทุก ๆ พระองค์ และ ทุก ๆ ท่าน
ได้โปรดแผ่ความเมตตา สงเคราะห์ อนุเคราะห์
ปกป้องรักษา ภัยพิบัติ และอันตรายนานา
อันที่จะบังเกิดเหตุแก่ พระพุทธศาสนา ประเทศชาติ และราชบัลลังก์

ขอนอบน้อมกราบถวาย อุทิศคุณความดี
ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บรมโพธิสัตว์เจ้า
สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
และ พระบรมวงศานุวงศ์ ทุก ๆ พระองค์
ขอทุกพระองค์ จงทรงเกษมสำราญ

และขอได้โปรดปกป้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงประชา และประเทศชาติ ตราบนานเท่านาน เทอญ

ขอน้อมอุทิศถวายส่วนบุญส่วนกุศล แด่บูรพระมหากษัตริย์ไทย ทุก ๆ พระองค์ ที่ผ่านมา
ท่านเจ้าเมือง ขุนศึก แม่ทัพ ทหารหาญ และทุก ๆ ท่าน ที่เสียสละชีพเพื่อชาติไทย
ตั้งแต่อดีต จวบจนถึง ณ ปัจจุบัน

และขออุทิศส่วนกุศลให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ของส่วนตัว ส่วนรวม และของประเทศชาติ ก็ดี
รวมถึงท่านทั้งหลาย ที่เสวยสุขอยู่ก็ดี เสวยทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี
ขอทุกท่านจงโมทนา พึงได้รับประโยชน์ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าทั้งหลาย จะพึงได้รับ
ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ขอให้ห้ทรัพย์สมบัติแห่งแผ่นดินนา ๆ ประการ พึงปรากฏขึ้นมา เป็นปัจจัยส่งเสริมให้ ชาติไทยรุ่งเรือง ในเร็ววัน

ขอผลบุญส่งผล ก่อให้เกิดความสามัคคี ในมวลหมู่ชาวไทย ส่งผลให้มีความสุขสงบ
เหมาะสมแก่เหตุ แก่การณ์ และแก่กรรม อันพึงจะสงเคราะห์ได้

ขอให้คนที่มีจิตคิดมุ่งร้าย หวังทำลายชาติ
ได้กลายกลับ นับเป็นคนมีความคิดชอบ มีความกตัญญู รู้คุณแผ่นดินที่อยู่อาศัย

ขอให้คนดี จงมีโอกาส ได้เข้ามาบริหารการปกครองประเทศ สามารถนำพาชาติ ให้รุ่งเรืองวิไล สู่ความเป็นเอกรัฐ

ขอให้มีความสุขถาวร แก่ปวงชนชาวไทย เพื่อเป็นฐานแห่งความเป็นเอก ของชาติไทย
และพระพุทธศาสนา ตราบเท่า สิ้นสุด พุทธศักราช 5,000 ด้วยเถิด

ขอได้โปรดปกป้อง คุ้มครอง ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในงานบุญ รวมถึงประชาชนชาวไทยทั้งปวง ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา
อันตรายใด ๆ ที่พึงจะเกิดขึ้น ในวันข้างหน้า ก็ขอให้เภทภัยอันหนักหนา สลายกลายเป็นเบา
จากเบา กลายเป็นสูญสลาย และขอให้ทุก ๆ ท่าน ล้วนมีความสุขกาย สุขใจ ร่ำรวย ชุ่มชื่นใจ ไปโดยทั่วกัน

ด้วยผลบุญที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญมาดีแล้วตั้งแต่ต้น จวบจน ณ บัดนี้
ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย จง รวย รวย รวย

รวยไม่นับ รับทรัพย์ไม่สิ้น....
จะกิน จะใช้ ไม่มีวันหมด ....
จนกว่าจะเข็ด จะเบื่อ....

สามารถได้เห็น และวางในทุกข์ สร้างสุขในอารมณ์....
และ สามารถละ การมี การรวย การเกิด....

ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้ ตามกำลังแห่งบุญบารมีอันดี ด้วยเถิด

หากไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดก็ตาม ขอคำว่า "ไม่มี ในสิ่งที่ดีๆ" จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย

และหากต้องเกิดชาติใดก็ตาม ก็ขอให้มีโอกาสได้พบ มีความเคารพ มั่นคง ตรงต่อ พระรัตนตรัย

นับตั้งแต่ บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่ พระนิพพาน ด้วยเทอญ.

..............................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

 

​

การร่วมบุญในคราครั้งนี้ นับได้ว่า..

1. แสดงความกตัญญู ต่อ พระมหากษัตริย์ ที่เสียสละพระองค์ เพื่อปวงชน
2. แสดงความกตเวทิตา ตอบแทนพระคุณ รู้คุณของแผ่นดิน คือ "ชาติไทย"
3. เป็นการบำเพ็ญบุญในพระศาสนา ชำระจิตใจ ให้เพิ่มทวีความบริสุทธิ์

อันจักส่งเสริมให้พวกเราได้มีความสุข ในทางโลก ในปัจจุบัน
เพื่อบำเพ็ญบารมีแห่งตน ให้ก้าวล่วงสู่ โลกุตระ พระนิพพาน ในที่สุด

...........................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

 

​

การเดินทาง ไปสายอิสาน
เริ่มในวันศุกร์ ที่ 16 ถึง วันที่ 18 กรกฎาคม 2553

วันศุกร์ที่ 16 กรกฏาคม 2553

เวลา 19.00 น.
รถออกจากการไฟฟ้าฯ ถนนงามวงศ์วาน เชิงสะพานลอยข้ามถนนวิภาวดีรังสิต

วันเสาร์ที่ 17 กรกฏาคม 2553
<O</O
07.00 - ร่วมบวงสรวง และถวายเทียน วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ (พระพุทธบาท 7 รอย) อ.ภูพาน จ.สกลนคร และทานอาหารเช้าบนภูพาน<O</O

- ถวายเทียน สำนักพุทธโมก และสำนักสาขา จ.สกลนคร<O</O

- ถวายเทียนที่พระธาตุเรณูนคร อ.เรณูนคร (มีของพื้นเมืองขายมากมาย)<O</O

- ถวายเทียน ที่วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม
<O</O
- พักแรมที่โรงแรมวิวโขง จ.นครพนม (ทานอาหารเย็นร่วมกันที่โรงแรม)

<O</Oวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม 2553<O</O

07.00 - อาหารเช้าโรงแรมทำบุญใส่บาตร ที่ ถนนริมเขื่อนแม่น้ำโขง หน้าวัดพระธาตุนคร พร้อมชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้น<O</O

09.30 - ถวายเทียนวัดดอนนางหงษ์ เมืองนครพนม<O</O

- ชมบ้านโฮจิมินห์ จำลองบ้านพักของ “ลุงโฮ” หรือ “โฮจิมินห์” อดีต ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่เคยเข้ามาพึ่ง พระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ<O</O

- ชมพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย–เวียดนาม ภายในจัดนิทรรศการการ แสดงประวัติการทำงานและการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของท่านโฮจิ มินห์ พร้อมสัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่นของหมู่บ้านชาวเวียดเกียวในนครพนม
<O</O
13.00 น. - ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ<O</O

(กำหนดการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ตามแต่เวลา และโอกาส จะเอื้ออำนวย)

โดย...คุณวิชัย คุ้มวัน (การไฟฟ้าฯ) และคณะศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

เดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ VIP. - 2 ชั้น
ค่าโดยสาร พร้อมโรงแรมที่พัก (1 ห้อง พัก 2 ท่าน) ท่านละ 2,300 บาท

ท่านที่มีความสนใจที่จะร่วมเดินทางบำเพ็ญบุญพิเศษ ในครั้งนี้..
โปรดติดต่อ เพื่อจองที่นั่ง ได้ที่ . . . .

คุณวิชัย คุ้มวัน (การไฟฟ้าภูมิภาคฯ) โทร. 089-6860043
หรือ บ้าน 02-9215634 (เวลา 19.00 – 22.00 น.)

เฉพาะการชำระค่าที่นั่ง ค่าโดยสาร ในการเดินทางร่วมงานบุญ

โอนเงินได้ที่....

ชื่อบัญชี คุณวิชัน คุ้มวัน
ธนาคารทหารไทย สาขาย่อย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เลขที่บัญชี 168-2-01636-3

.............................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

 

​

อานิสงส์การถวายแสงสว่าง
(คัดลอกจาก หนังสือ พ่อสอนลูก รวบรวมคำสอนของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทราราม(วัดท่าซุง) โดย ปาริชาต แสงหิรัญ, หน้า 312)

องค์หลวงพ่อฯ เมตตาเล่าให้ฟังว่า....
การถวายเทียนเข้าพรรษา เทียนเป็นแสงสว่างทำลายความมืด
อานิสงส์การถวายเทียนในชาติต่อไป จะไม่มีความมืดในใจของท่าน
คือปัญญาไม่ดีจะไม่มี จะคิดอะไรก็ตาม จะมีแสงสว่าง คิดออกอยู่เสมอ คิดได้ตามความประสงค์

การถวายเทียนเข้าพรรษา หรือว่า ถวายกระแสไฟฟ้า ในพระพุทธศาสนา
อย่างนี้ถ้าเกิดเป็นเทวดาจะมีรัศมีกายสว่างมาก
ต่อไปถ้าบรรลุมรรคผล จะเป็นบุคคลที่เลิศใน ทิพจักขุยาน

อย่าง พระอนุรุท พระอนุรุทนี่ ถวายเทียนเข้าพรรษาตลอดมา ถวายประทีปโคมไฟ
วัดไหนมืด ชอบถวายตะเกียงบ้าง น้ำมันบ้าง ให้มีแสงสว่าง

ต่อมา ในชาติสุดท้ายเมื่อเป็นพระอรหันต์วิชชาสาม
ท่านสามารถมีทิพจักขุยานสว่างกว่าพระอรหันต์ทั้งหมด

แม้แต่ พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ยังสู้ท่านไม่ได้
ท่านเป็นผู้เลิศ ในทิพจักขุยาน

ถ้าไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม จะมีรัศมีกายสว่างมาก
เพราะเทวดา นางฟ้า และ พรหม เขาถือรัศมีกายเป็นสำคัญ
องค์ไหนมีรัศมีกายสว่างมาก องค์นั้นมีบุญมาก

……………………………………………………………………………………………………..............................................................................<!-- google_ad_section_end -->

 

http://palungjit.org/threads/สมบัติพ่อให้-เฉพาะในส่วนของ-วัตถุมงคล.92446/page-3

...................................................................................................................................................

ศรัทธาสาธุชน ที่ร่วมบุญถวายเทียนเข้าพรรษา 92 วัดฯ จำนวนเงินบุญ 2,000 บาท
กระผม ขอร่วมกราบโมทนา ยินดี ด้วยการขอมอบ พระคำข้าว 1 องค์
แด่ ศรัทธาสาธุชน ที่ร่วมบุญถวายเทียนเข้าพรรษา

ในส่วนของการมอบ พระคำข้าว นี้
กระผมฯ ขอร่วมโมทนาในบุญ ในกุศล กับทุก ๆ ท่าน เท่านั้น
โดย ความตั้งใจร่วมงานบุญ อานิสงส์ เป็นของท่านผู้ศรัทธา อย่างเต็มเปี่ยม 100 %

...................................................................................................................................................

เมื่อโอนเงินบุญ เพื่อร่วมงานบุญในครั้งนี้แล้ว

โปรดส่งสำเนาใบโอนเงินบุญ แจ้งรายการวัตถุมงคล พร้อมที่อยู่ของท่าน
(โปรดเลือกเพียง 1 ช่องทาง ภายใน วันที่ 15 กรกฎาคม 2553 เท่านั้น)

1. มหาหิน มีเนตร์ขำ ตู้ ปณ.8 ปณฝ.สะพานใหม่ กทม. 10221
2. หรือ.. PM ในกล่องข้อมูลส่วนตัว ในบอร์ด นี้
3. หรือ.. โพส ลงไว้ในกระทู้นี้
4. หรือ.. meenetrkam@gmail.com

บัญชีบุญ จะรายงานผลยอดเงินบุญ (Update) ทุก 3-5 วัน

หมายเหตุ
การนำถวายเทียนเข้าพรรษา ในครั้งนี้....
อาจจะ ถวายสังฆทาน พร้อมเทียนเจ้าพรรษา หรือ ถวายได้เฉพาะปัจจัย

เพราะว่า
จะเป็นไปตามกำลังทรัพย์ ที่จะได้รับ
จาก ท่านผู้มีจิตศรัทธา ร่วมงานบุญ

ดังนั้น
การน้อมถวายอริยทาน ในครั้งนี้ จะเป็นการ....
ถวายสังฆทาน และ/หรือ พร้อมเทียนเจ้าพรรษา

................................................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

 

​

องค์หลวงพ่อฯ กล่าวไว้ ในปี 2535 ในทำนอง ว่า..
"เก็บไว้ให้ดีน๊ะลูก อีกไม่เกิน 20 ปี องค์ละเป็นแสน"​

แต่ทว่า.. นี่คือ สมบัติพ่อให้ฯ
ไม่ใช่ลูก-หลาน ที่เนื่องกันมา
ไม่มีบุญบารมี ที่สะสมไว้ก่อน
ใครเขา ก็จะไม่ศรัทธาปสาทะ
เป็นธรรมดาของ กรรมส่งผล
ขอน้อมโมทนากับพวกเรายิ่ง​

...................................................................................................................................................​

กระผมฯ สามารถได้ เป็น สิ่งทดแทน
เป็นฝุ่นละออง ใต้เบื้องบาท ของ "พ่อฯ"
นำ สมบัติ มรดก ของพ่อฯ
มาเจือจาน บานแบ่ง ให้ พี่ ๆ น้อง ๆ
สานก่อ ให้เป็นอริยทรัพย์ นานา
เป็นกำลัง เป็นปัจจัย ให้พวกเราทั้งหลาย
สามารถก้าวล่วงเข้าถึงซึ่ง พระนิพพาน
ได้อย่างถูกต้องทิศทาง ไม่เสียเวลา
แค่คิดได้อย่างนี้.. ก็ดีใจ ยิ่งแล้ว
ขอน้อมโมทนา ยิ่งนัก
สาธุ สาธุ สาธุ
ดียิ่งแล้ว
....​

...................................................................................................................................................​

 

วัด / สำนักสงฆ์ ที่จะถวายสังฆทาน และ/หรือ เทียนเข้าพรรษา หรือปัจจัย ทางสายอีสาน
จะฝากถวายอีก 44 วัด/สำนักสงฆ์ ไว้ที่ "สำนักสงฆ์พุทธโมกข์" ทั้งหมด
(พระอาจารย์หนุน สุวิชโย)

1. สำนักสงฆ์พุทธโมกข์ ต.นาแก้ว, กิ่ง อ.โพนนาแก้ว, สกลนคร
2. วัดป่าสันติธรรม อ. เมือง สกลนคร พระอาจารย์ประสิทธิ์ จักกธัมโม
3. วัดสามัคคีธรรม อ. กุสุมาลย์ สกลนคร พระอาจารย์สมบัติ เนปักโก
4. วัดป่าภูน้อย อ. กุฉินารายณ์ กาฬสินธ์ พระอาจารย์จเด็จ กตสาโร
5. วัดเทพนิมิตร อ. นาแก นครพนม พระอาจารย์อารีย์ เตชะปัญโญ
6. วัดป่าเชียงเครือ อ. เมือง สกลนคร พระพรหม ปํญญาธโร
7. วัดโอภาสธรรมานิมิต อ. เมือง สกลนคร พระหนูพิษ โรจนธัมโม
8. วัดป่าโคกกลาง อ.เต่างอย สกลนคร พระสุพจน์ สุวโจ
9. วัดสุทธิธรรมวิเวก อ. โพนทอง ร้อยเอ็ด พระกิตติพงศ์ กิตติโสภโณ
10. วัดโคกดินแดง อ. โพนทอง ร้อยเอ็ด พระไพวัลย์ กัลลญาโณ
11. วัดแสงธรรมคำปง อ.เมยวดี ร้อยเอ็ด พระคำจร ธัมมวโร
12. วัดป่าสันติวนาวาส อ. เสลภูมิ ร้อยเอ็ด พระสมชาย ฐานวโร, พระประพล อติภโร
13. วัดโคตมานุรักษ์ อ. เสลภูมิ ร้อยเอ็ด พระเจริญ กัลยาโณ
14. วัดบ้านนาโพธิ์ อ. เสลภูมิ ร้อยเอ็ด พระชารี วิริยสโร
15. วัดศรีสว่างอารมณ์ อ. เสลภูมิ ร้อยเอ็ด พระการุณ มหาวีโร
16. วัดหนองฮี อ. หนองฮี ร้อยเอ็ด พระอุดม ศิริภัทโธ
17. วัดเทวานุรักษ์ อ. หนองฮี ร้อยเอ็ด พระสุรชัย ตปสีโร
18. วัดดอนธาตุป่าวิเศษ อ. หนองฮี ร้อยเอ็ด พระสมัคร ปภาโส
19. วัดบ้านคำแดง อ. หนองฮี ร้อยเอ็ด พระประดิษฐ์ กตสาโร
20. พระบุญกอง สุขกาโมวัด อ. หนองฮี ร้อยเอ็ด
21. วัดพระอุ้ย อ.โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด พระวิเชียร จัตตมโร
22. วัดโนนวิเวก อ.บ้านผือ อุดรธานี พระทอง อนีโฆ
23. วัดศรัทธาธรรมแสนสมบูรณ์ อ. บ้านดุง อุดรธานี พระอ่วน ถามวโร
24. วัดโพธิ์ธาชัย อ. บ้านดุง อุดรธานี พระจอห์นสัน กันตสีโร
25. วัดรัตนรังษี อ.วังสะพุง เลย พระสมาน สมาจาโร
26. วัดธัมวิโมกข์ อ.ชานุมาน อำนาจเจริญ พระสมาน ชินวโร
27. วัดโนนสมบูรณ์ อ.เขื่องใน อุบลราชธานี พระสมหมาย โกวิโท
28. วัดถ้ำผาทอง อ. เลิงนกทา ยโสธร พระบัวเรียน ปภัสสโร
29. วัดอนุรักษ์ อ.กันทรวิชัย มหาสารคาม พระสุรชัย นาถปุญโญ
30. วัดมงคลสมณะกิจ อ. เมือง หนองคาย พระบุญศรี สีลธัมโม
31. วัดพุทธวงศ์ อ.สุวรรณคูหา อุดรธานี พระแดนชัย โกวิโท
32. วัดพุทธนิมิต อ.ท่าอุเทน นครพนม พระสุพิช รตนโชโต
33. วัดหนองขำดวงประทีป อ. ไชยวาน อุดรธานี พระวีรพงษ์ วรปัญโญ
34. วัดป่าโนนสง่า อ.โพนวิสัย หนองคาย . พระสงวน ฐานิสสโร
35. สำนักดอนเสาธง อ. เมือง สกลนคร พระมนูญ ปิยธัมโม
36. วัดโนนสะอาด อ. นาโพธิ์ บุรีรัมย์ พระชัยยันต์ ตปสีโล
37. วัดป่าหนองแรด อ. โพนพิสัย สุรินทร์ พระพล จันทสาโร
38. วัดดงยางน้อย อ. พยัคฆ์ภูมิ มหาสารคาม พระบุญเฮือง อังสุกาโร
39. พระสถิตร์ สันตจิตโต สำนักทับทิมสยาม อ. ตาพระยา สระแก้ว
40. สำนักบ้านราษฎร์รักแดน อ. ละหานทราย บุรีรัมย์ พระบุญเพ็ง กตสาโร
41. สำนักพระบาทโสกห้อย อ.จัตุรัส ชัยภูมิ พระอดูล ฐิตภโร
42. สำนักดานขุนคำ อ. ดอนตาล มุกดาหาร พระปรีชา ฐิตสีโร
43. วัดถ้ำศรีวิไลย์วราราม อ.บึงกาฬ หนองคาย พระสมพร จันทสุวัณโณ
44. วัดโพธิ์ทอง อ. ไชยวาน อุดรธานี พระสังวาลย์ โอฬาริโก
45. วัดป่าเทพนิมิต อ.โพนพิสัย อุดรธานี พระสุริยะ ธัมมสาโร

ชื่อวัด / สำนักสงฆ์ เป็นข้อมูลเก่า จากการบำเพ็ญบุญถวายกฐิน ถวายสังฆทาน ในครั้งที่ผ่านมา

ดังนั้น ณ ที่นี่ เราจะตั้งใจถวาย 45 วัด
แต่ชื่อวัด และชื่อพระผู้รับ
ก็ขอน้อมถวาย แด่พระคุณเจ้า พระอาจารย์หนุน สุวิชโย
ให้ดำเนินการเอง ตามความสมควร ต่อไป

………………………………………………………………………………………………………...........................................…………<!-- google_ad_section_end -->

 

​

ถวายสังฆทาน และ/หรือ พร้อมเทียนจำนำพรรษา

46. วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ (พระพุทธบาท 7 รอย) อ.ภูพาน จ.สกลนคร
ณ ที่พระพุทธบาท แห่งนี้.. น้ำไหลผ่าน รอยพระพุทธบาท ตลอดทั้งปี ไม่มีแห้งเหือด
ทางคณะบุญของพวกเรา.. ได้จัดพานพุ่ม ดอกไม้สด เพื่อพิธีการบวงสรวง

………………………………………………………………………………………………………......................………..............................................<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->

 

ถวายสังฆทาน และ/หรือ พร้อมเทียนจำนำพรรษา

47. วัดพระธาตุเรณูนคร อ.เรณูนคร (มีของพื้นเมืองขาย มากมาย)​

...................................................................................................................................................

​

<O</O

48. วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม​

....................................................................................................................................................

 

​

วัดพระธาตุเรณูนคร อ.เรณูนคร

พระธาตุเรณูนคร
http://travel.sanook.com/northeast/nakornpanom/nakornpanom_02859.php<O</O

ประดิษฐานอยู่ ณ บ้านเรณูนคร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2461
โดย จำลองมาจาก องค์พระธาตุพนม<O</O
สูง 35 เมตร
กว้าง 8.37 เมตร <O</O
มีซุ้มประตู 4 ด้าน <O</O
<O
ภายในเป็นโพรง บรรจุพระไตรปิฏก พระพุทธรูปทองคำ<O</O
ภายในวัดพระธาตุเรณูนครนอกจากมีองค์พระธาตุเรณูนครแล้ว <O</O
ยังมีพระพุทธรูปพระองค์แสน หน้าตักกว้าง 50 เซนติเมตร สูง 50 เมตร ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์วัพระธาตุเรณูนคร <O</O
<O
พระธาตุเรณูนคร นี้ อยู่ห่างจากพระธาตุพนมประมาณ 15 กิโลเมตร และ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดนครพนม ไปทางใต้ ประมาณ 52 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 212

พอถึง กิโลเมตรที่ 44 เลี้ยวขวา ไปตาม ทางหลวงหมายเลข 2031 อีกประมาณ 7 กิโลเมตร

...................................................................................................................................................

 

พระธาตุเรณู
http://www.sawasdeenakhonphanom.com/knowledge.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=156

เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันจันทร์ <O</O
มีคาถาสวดบูชาวันละ ๑๕ จบ ดังนี้ "อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา" ชื่อคาถาพระกระทู้เจ็ดแบก ใช้ทางคงกระพันชาตรี ประจำอยู่ทิศบูรพา องค์พระธาตุประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระธาตุเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๕๐ กิโลเมตร
<O
ประวัติโดยย่อคือ ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐ เป็นพระธาตุคู่เมืองของชาวเรณูนคร โดยจำลองรูปทรงมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม คือองค์ก่อนที่จะล้มในปี พ.ศ.๒๕๑๘ แต่มีขนาดเล็กกว่า สูง ๓๕ เมตร กว้างด้านละ ๘.๓๗ เมตร ภายในเจดีย์บรรจุคัมภีร์พระธรรม พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน เพชรนิลจินดา หน่องา และของมีค่า ที่เจ้าเมืองเรณูนคร กับประชาชนนำมาบริจาค และได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๙ มีงานเทศกาลนมัสการพระธาตุเรณูนคร เป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น ๑๑ - ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ รวม ๕ วัน ๕ คืน

สิ่งของบูชาพระธาตุ ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีเหลือง ธูป ๑๕ ดอก เทียนขาว ๒ เล่ม มีจำหน่ายที่ศาลาใกล้องค์พระธาตุ เว้นข้าวเหนียวปิ้งมองหาไม่เจอ และที่ศาลาแห่งนี้ยังมีห้องจำหน่ายวัตถุมงคลอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่ได้ไปนมัสการ จะได้อานิสงค์ส่งผลให้มีวรรณะงดงามผุดผ่องดังแสงจันทร์

....................................................................................................................................................................................

 

​

พระองค์แสน เป็นชื่อของพระพุทธรูปที่ประชาชนเคารพนับถือมากองค์หนึ่ง ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดธาตุเรณู เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลือง เป็นพระเนื้อทองตันทั้งองค์ หน้าตักกว้างและสูง ๕๐ เซนติเมตร เป็นพระคู่บ้าน คู่เมือง

แต่จะสร้างเมื่อใด ใครสร้างไม่ได้มีหลักฐานแจ้งไว้ แต่ที่แน่ ๆ คือ สร้างมานานแล้ว สร้างก่อนที่จะสร้างพระธาตุเรณูในปี พ.ศ.๒๔๖๐ แผ่นทองที่นำมาหลอมเป็นองค์พระพุทธรูปได้มาจาก การบอกบุญขอบริจาคจากหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วเรณูนคร ได้แผ่นทองเหลืองที่ลงอักขระมาก็มี

เมื่อนำมาหล่อรวมนั้น กระทำในครั้งแรก หล่อไม่สำเร็จ ไม่ติดเบ้าพิมพ์ ต้องย้ายที่ไปหล่อใหม่จึงสำเร็จ แล้วอัญเชิญมาไว้ ณ อุโบสถหลังเก่าของวัดกลาง หรือวัดธาตุเรณู ในเวลาต่อมา เมื่อสร้างอุโบสถหลังใหม่แล้ว ก็อัญเชิญประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังใหม่ของวัดเรณู อายุพระองค์แสนจึงมีอายุนานกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว

เหตุที่เรียกว่า พระองค์แสน เพราะว่ามีน้ำหนัก ๑๐ หมื่น มาตราชั่งของชาวบ้านกำหนดว่า ๑๒ กิโลกรัม เป็นหนึ่งหมื่น ๑๐ หมื่น จึงเท่ากับหนึ่งแสน เท่ากับ ๑๒๐ กิโลกรัม เท่ากับน้ำหนักขององค์พระทอง <O</O

ชาวบ้านเคารพพ่อองค์แสนมาก เวลาที่ปีไหนเกิดแห้งแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ก็จะอัญเชิญหลวงพ่อลงจากอุโบสถ ทำการแห่แหนไปตามสายต่าง ๆ ทั่วเรณูนคร เพื่อให้ประชาชนได้เคารพบูชา และสรงน้ำพระ เป็นการอธิษฐานรวมพลังให้ฟ้าฝนตกลงมา และในวันสงกรานต์ก็จะมีการอัญเชิญพระองค์แสน นำหน้าขบวนนางสงกรานต์ แห่ไปรอบเมืองในพิธีนี้ จะได้เห็นการฟ้อนรำของสาวสวยชาวเรณูนคร ​

..................................................................................................................................................................................​

 

​

ดินแดนสองฟากฝั่งแม่น้ำโขงแถบนี้ เดิมเป็นที่ตั้งของอาณาจักรศรีโคตรบูร ตัวเมืองศรีโคตรบูร ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง คือ ฝั่งประเทศลาวเดี๋ยวนี้ อยู่บริเวณทางใต้ของเซบั้งไฟ ตรงกันข้ามกับพระธาตุพนม อาณาจักรนี้ถือเป็นแคว้นหนึ่งในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งขณะนั้นมีแคว้นอยู่หลายแคว้น เช่น แคว้นล้านช้าง แคว้นสิบสองจุไทย แคว้นจำปาศักดิ์ และแคว้นศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) เป็นต้น แต่ละแคว้นจะมีเจ้าผู้ครองนคร ปกครองตนเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กัน ​

มาถึงสมัยพญานันทเสน เจ้าผู้ครองนครศรีโคตรบูร เมื่อได้สวรรคตแล้ว บรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์ ตลอดจนราษฎรทั้งหลายเห็นว่า บ้านเมืองตั้งอยู่ตรงนี้มีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นเสมอ ควรจะย้ายผู้คนไปสร้างเมืองกันใหม่ โดยไปสร้างยังฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขง (ฝั่งไทย) ซึ่งเป็นบริเวณป่าไม้รวก แล้วตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า "เมืองมรุกขนคร" อันมีความหมายว่า เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในดงไม้รวก

 

​

ในสมัยที่พญาสุมิตตธรรมิกราช ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองมรุกขนครอยู่นั้น ปรากฎว่าอาณาจักรศรีโคตรบูร มีอาณาเขตขยายออกไปกว้างขวาง มีเมืองต่าง ๆ มาขึ้นต่อเมืองมรุกขนคร หรืออาณาจักรศรีโคตรบูร ชื่อเมืองสุวรรณภูมิ เมืองจันทบุรี หรือเวียงจันทน์ ในปัจจุบัน เมืองร้อยเอ็ดพระนคร และได้มีการบูรณะองค์พระธาตุพนมขึ้นเป็นครั้งแรก โดยก่อกำแพงล้อมไว้

เมื่อสร้างเสร็จแล้วมีการฉลองสมโภช และได้มอบหมายให้หมู่บ้านทั้ง ๗ แห่ง ที่อยู่ในเขตแดนนั้นเป็นผู้ดูแลรักษาองค์พระธาตุ และยังมีไพร่พลให้อยู่ดูแลรักษา และปรนนิบัติองค์พระธาตุพนมอีกเป็นจำนวนถึงสามพันคน​

.................................................................................................................................................................................​

 

​

ต่อจากพญาสุมิต ฯ ได้มีเจ้าผู้ครองนครต่อมาอีกสององค์ มรุกขนครจึงถึงกาลวิบัติ ผู้คนพากันเจ็บป่วยล้มตายกันเป็นอันมาก ในที่สุดจึงมีการอพยพหนีภัย ทิ้งให้ มรุกขนคร กลายเป็นเมืองร้าง ​

จนกระทั่งมาถึงปี พ.ศ.๑๘๐๐ พระเจ้ารามบัณฑิต กษัตริย์แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ได้โปรดให้ เจ้าศรีโคตร ผู้เป็นโอรส มาสร้างเมืองมรุกขนครขึ้นใหม่ ใต้เมืองท่าแขก ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง กลับมาสร้างทางฝั่งลาวเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ก็ให้อยู่ครองเมืองนั้นต่อไป ​

.................................................................................................................................................................................​

 

​

พ.ศ.๒๐๕๗ พระเจ้านครหลวงพิชิตทศพิธราชานีศรีโคตรบูรหลวง หรือเจ้าหน่อเมือง ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองมรุกขนคร ลำดับที่ ๓ ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเสียใหม่ว่า "เมืองศรีโคตรบูร" ให้ตรงตามชื่ออาณาจักรดั้งเดิม และได้ข้ามแม่น้ำโขงมาบูรณะปฎิสังขรณ์องค์พระธาตุพนม

พ.ศ.๒๒๘๐ พระบรมราชา หรือเอวก่าน อีสาน เรียกว่า แอวก่าน เป็นเจ้าเมืองศรีโคตรบูรองค์สุดท้าย ได้ย้ายเมืองมาตั้งบนฝั่งขวา ย้ายกลับมาฝั่งประเทศไทย เยื้องเมืองเก่าขึ้นไปทางเหนือ แล้วตั้งชื่อเมืองว่า "เมืองนคร"

.................................................................................................................................................................................​

 

​

พ.ศ.๒๓๒๑ ตรงกับรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้มีการย้ายเมืองอีกครั้งหนึ่งไปตั้งที่บ้านหนองจันทร์ ห่างจากที่เดิมไปประมาณ ๕๒ กิโลเมตร


<O</Oพ.ศ.๒๓๓๙ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบรมราชา หรือเจ้าอู่แก้ว เจ้าผู้ครองเมืองนครถึงแก่พิราลัย พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต ทรงตั้งให้ท้าวพรหม โอรสของเจ้าเมืองเดิมเป็นพระบรมราชา ขึ้นครองเมืองแทน แต่ได้นำเครื่องบรรณาการมาถวาย ขอขึ้นตรงกับกรุงเทพมหานคร ฯ และได้ชื่อเมืองใหม่ว่า "เมืองนครพนม" นับตั้งแต่นั้นมา

....................................................................................................................................................................................

 

​

เมืองนครพนม ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหนึ่ง ขึ้นกับกรุงเทพมหานคร ฯ เจ้าเมืองมีราชทินนามว่า พระพนมนครานุรักษ์ ศรีสิทธิศักดิ์ เทพลือยศบุรีศรีโคตรบูร "ระหว่างนี้การศึกของประเทศเพื่อนบ้านก็มีอยู่เสมอ เป็นผลให้ผู้คนอพยพข้ามมาอยู่ฝั่งไทยกันหลายเผ่าพันธุ์"

พ.ศ.๒๔๕๗ ได้มีการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคเสียใหม่ มี มณฑล จังหวัด อำเภอ นครพนมจึงยกขึ้นเป็นจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรก คือ พระยาพนมนครานุรักษ์

....................................................................................................................................................................................

 

​

ในนครพนมนั้นมีชาวไทยหลายเผ่า ที่สำคัญมี ๗ เผ่า คือ ไทยย้อ (ญ้อ) , ผู้ไทย , ไทยกะเลิง, ไทยแสก, ไทยโส้ หรือไทยกะโซ้ ,ไทยข่า และเผ่าไทย - ลาว ชาวเรณูนครนั้นมีเผ่า ผู้ไทย หรือบางทีก็ไปเรียกว่า ภูไท มากที่สุด แทบจะทั้งอำเภอเลยทีเดียว ทั้งเรณูนครไม่มีชาวต่างด้าวอยู่เลย ได้แก่ ชาวจีน และชาวญวน เพราะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาแต่ดั้งเดิม ทำให้พวกเชื้อสายจีน และญวนอยู่ในเรณูนครไม่ได้

เมื่อทางราชการย้ายที่ตั้งอำเภอเรณูนคร ไปตั้งที่ตำบลธาตุพนม เพราะเห็นว่าติดแม่น้ำโขง และมีองค์พระธาตุพนมอยู่ที่ตำบลนี้ ชาวเรณูนครจึงน้อยใจ เพราะคิดว่าน่าจะมาจากชาวจีนอยู่ที่ธาตุพนมมาก จนค้าขายร่ำรวยจึงมีอิทธิให้ย้ายตัวอำเภอเรณูนครไปตั้งที่อำเภอธาตุพนม ชาวเรณูจึงไม่คบค้าสมาคมกับชาวจีน เมื่อเรณูย้ายกลับมาตั้งที่ตั้งในปัจจุบันนี้แล้ว ชาวจีนก็ไม่กล้าตามมาตั้งรกรากถิ้นฐานในเรณูนคร
<O
ส่วนชาวญวนนั้น สาเหตุมีมาตั้งแต่ชาวผู้ไทยยังอยู่ที่ถิ่นเดิม คือ เมือง น้ำน้อย อ้อยหนู หรือแถน ถูกพวกญวนรังแก ชาวผู้ไทยจึงไม่กล้าคบค้าสมาคมกับพวกญวน และไม่ค้าขายด้วย เมื่อชาวผู้ไทยมาอยู่ที่เรณูนครแล้ว เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ มีคนญวนอพยพไปตั้งหลักแหล่งที่เรณูนคร คนญวนไปแย่งกิจการค้า การทำมาหากินของคนผู้ไทยในเรณูนคร จึงพากันขับไล่ พวกญวนทนไม่ได้ต้องอพยพไปอยู่ที่ตัวจังหวัดนครพนม

................................................................................................................................................................................ <O</O