พระราชทานเพลิงศพ "พระธรรมสิริชัย" (บุญเลิศ โฆสโก) อดึตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม

กำหนดการพระราชทานเพลิงศพ
"พระธรรมสิริชัย" (บุญเลิศ โฆสโก)
อดึตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม
(รูปที่ ๑๓ พุทธศักราช ๒๕๒๕ – ๒๕๕๒)
แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
และที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพ มหานคร<O</O​

 

ทรงพระกรุณาโปรด
พระราชทานพระราชบรมราชานุเคราะห
และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ
พระธรรมสิริชัย (บุญเลิศ โฆสโก)
อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม (รูปที่ ๑๓ พุทธศักราช ๒๕๒๕ – ๒๕๕๒)
และที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
<O</O​

<O</O
วัน/เวลา : วันอาทิตย์ที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เวลา ๑๗.๓๐ น.<O</O
สถานที่ : ณ เมรุปราสาทรามัญ วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

 

กำหนดการ
<O</O
วันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๒<O</O
เวลา ๑๖.๓๐ น. พระราชาคณะ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์ ในพระบรมราชานุเคราะห์<O</O
เวลา ๑๙.๐๐ น. รองสมเด็จพระราชาคณะแสดงพระธรรมเทศนา ในพระบรมราชานุเคราะห์<O</O
พระสงฆ์จตุวรรคสวดธรรมกถา ในพระบรมราชานุเคราะห์<O</O
เวลา ๑๙.๕๐ น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ในพระบรมราชานุเคราะห์
<O</O
<O</O
วันเสาร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๒<O</O
เวลา ๑๐.๐๐ น. พระราชาคณะ ๑๐ รูป สวดถวายพรพระ<O</O
รับพระราชทานฉัน ในพระบรมราชานุเคราะห์<O</O
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุ-สามเณร ๑๙๐ รูป โดยเสด็จพระราชกุศล<O</O
เวลา ๑๕.๐๐ น. พระราชาคณะ ๑๐ รูป สวดมาติกา ในพระบรมราชานุเคราะห์<O</O
เวลา ๑๖.๐๐ น. อัญเชิญพระโกศศพจากหอเกียรติคุณ (โรงเรียนพระปริยัติธรรม)<O</O
ไปเวียนเมรุปราสาทรามัญ อัญเชิญโกศศพ ตั้งบนจิตกาธาน<O</O
เวลา ๑๙.๐๐น. พระราชาคณะแสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์<O</O
เวลา ๑๙.๕๐ น. พระสงฆ์จตุวรรคสวดพระอภิธรรม<O</O
มีมหรสพสมโภช (การแสดงโขน กรมศิลปากร)<O</O
<O</O

วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๒<O</O
เวลา ๑๓.๓๐ น. พระราชาคณะแสดงพระธรรมเทศนา ศราทธพรตคาถา โดยเสด็จพระราชกุศล<O</O
พระราชาคณะ ๑๐ รูปสวดศราทธพรตคาถา โดยเสด็จพระราชกุศล<O</O
เวลา ๑๕.๐๐น. สมเด็จพระราชาคณะ ทอดผ้าบังสุกุลบนปราสาทรามัญ ๕๐๐ ไตร<O</O
เวลา ๑๗.๓๐ น. สมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไป<O</O
ในการพระราชทานเพลิงศพ<O</O
พระพิธีกรรมสวดหน้าไฟ ในพระบรมราชานุเคราะห์<O</O
<O</O

วันจันทร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๒<O</O
เวลา ๐๗.๐๐ น. พิธีสามหาบ – เก็บอัฐิ ในพระบรมราชานุเคราะห์<O</O
ถวายภัตตาหารเช้า<O</O
เวลา ๐๙.๓๐ น. เชิญอัฐิพระธรรมสิริชัย ตั้งบำเพ็ญกุศลบนหอเกียรติคุณ <O</O
(โรงเรียนพระปริยัติธรรม)<O</O
เวลา ๑๐.๐๐ น. พระราชาคณะ ๑๐ รูป เจริญพุทธมนต์<O</O
เวลา ๑๑.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุ – สามเณรในพระอาราม<O</O
<O</O
เพื่อความสะดวกกรุณานำรถไปจัดในสถานที่ ที่ทางพระอารามได้จัดเตรียมไว้ คือ<O</O
- หอประชุมกองทัพเรือ <O</O
- วัดเครือวัลย์<O</O
- วัดโมฬีโลกยาราม<O</O
- วัดนาคกลาง
<O</O
ติดต่อ : พระครูศรีชยาภิวัมน์ ๐๘๑ ๙๓๓ ๘๒๕๑ / พระครูปลัดพีระศักดิ์ ๑๘๑ ๖๙๒ ๘๕๔

ภาพประกอบด้วยความอนุเคราะห์ จาก gallery.mcu.ac.th/view_album.php?set_albumName=Phra-Dhammasirichai - 27k <O</O

 

อัตโนประวัติ
มีนามเดิมว่า บุญเลิศ ปรักมสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๔๖๒ ที่ ตำบลบ้านกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายบุญเรือนและนางเขียน ปรักมสิทธิ์
<O</O
ในช่วงวัยเยาว์ เรียนหนังสือจนพออ่านออกเขียนได้ ก่อนเข้าศึกษาจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนประชาบาลวัดไก่เตี้ย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
<O</O
ต่อมา เมื่อครั้นอายุย่าง ๒๑ ปี จึงได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท ในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๔ ณ วัดบางนา อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยมี พระครูบวรธรรมกิจ(เทียน) วัดโบสถ์ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า โฆสโก
<O</O
ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระกัมมัฏฐานกับพระครูบวรธรรมกิจ (เทียน) ต่อมาได้ศึกษาพระปริยัติธรรมบาลี แล้วย้ายมาศึกษาต่อที่วัดอรุณราชวราราม
<O</O
พ.ศ.๒๔๘๗ สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดอรุณราชวราราม
<O</O
พระเดชพระคุณพระธรรมสิริชัย เป็นชาวไทยเชื้อสายรามัญ เป็นผู้ที่กำเนิดเกิดมาเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่าง แท้จริง โดยใช้ชีวิตใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ตั้งแต่อุปสมบทจนถึงวันมรณ ภาพรวมเป็นเวลายาว นาน ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นเอกและได้เผยแผ่ความรู้ความสามารถทางพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุสาม เณรและฆราวาสที่เป็นศิษยานุศิษย์
<O</O
อีกทั้ง พระธรรมสิริชัย เป็นพระนักเทศน์ที่มีลีลาการบรรยายธรรมเป็นที่น่าเลื่อมใสของญาติโยม และเป็นผู้ริเริ่มให้มีการจัดงานวันวิสาขบูชา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ท่านยังได้ทุ่มเทให้แก่การศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาสงฆ์ ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม, ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และเป็นประธาน มูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
<O</O
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๒ เป็นเจ้าคณะ ๗ วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดดอน เขตยานนาวา กรุงเทพฯ<O</O

พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม และได้รับการแต่งตั้งเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์วิสามัญ
<O</O
พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นคณะกรรมการสังฆวินัยธรของพระวิสุทธาธิบดี อดีตเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะแขวงวัดอรุณ
<O</O
พ.ศ.๒๕๒๕ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะเขตบางกอกใหญ่ พ.ศ.๒๕๓๓ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
<O</O
พ.ศ.๒๕๔๓ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร<O</O

 

ลำดับสมณศักดิ์

พ.ศ.๒๕๙๗ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูธรรมธร ฐานานุกรมของพระธรรมไตรโลกาจารย์ (วน ฐิตญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นโทที่ พระครูประกาศสมณคุณ
<O</O
พ.ศ.๒๕๐๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระสังวรกิจโกศล
<O</O
พ.ศ.๒๕๒๑ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสังวรวิสุทธิ์ พ.ศ.๒๕๒๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพศีลวิสุทธิ์
<O</O
พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมสิริชัย
<O</O
ทั้งนี้ พระธรรมสิริชัย เป็นพระเถระ ผู้รับธุระงานพระศาสนาด้วยวิริยอุตสาหะก่อประโยชน์และความเจริญแก่งานคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่อง ท่านมีความโดดเด่นในการเป็นนักเทศน์ นักปกครองและการตัดสินวินัย
<O</O
พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นประธานจัดสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมอรุณธรรมสถาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

 

ตลอดชีวิตของท่านเจ้าคุณพระธรรมสิริชัย ท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้แก่การศึกษาและพัฒนาชุมชนเขตรอบวัด ทำให้พื้นที่ชุมชนเจริญก้าวหน้าตามลำดับ สามารถสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
<O</O
แต่ด้วยอายุขัยที่ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราภาพ บ่อยครั้งทำให้ท่านอ่อนแรง สุขภาพไม่แข็งแรงดังเดิม กระทั่งเกิดล้มป่วยอาพาธเป็นประจำ ต้องเข้าออก โรงพยาบาลหลายครั้ง
<O</O
จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ท่านเจ้าคุณพระธรรมสิริชัย มีอาการไม่ดี หายใจเหนื่อยหอบ คณะศิษยานุ ศิษย์และคณะสงฆ์จึงนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่อาการไม่ดีขึ้น
<O</O
คณะแพทย์จึงได้รีบนำเข้ารักษาที่ห้องไอซียูเป็นการด่วน แต่ด้วยท่านเจ้าคุณพระธรรมสิริชัย มีอายุชราภาพ ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ แม้คณะแพทย์จะได้พยายามรักษาเยียวยาจนสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถยื้ออาการไว้ได้
<O</O
ท้ายที่สุด ท่านเจ้าคุณพระธรรมสิริชัยได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ท่ามกลางความเศร้าของญาติโยมและคณะศิษยานุศิษย์
<O</O
ต่อมา คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์วัดอรุณฯ ได้เคลื่อนศพพระธรรมสิริชัยกลับมาที่วัดอรุณราชวรา ราม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๑ เวลา ๑๓.๐๐ น. และตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ บริเวณชั้น ๒ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดอรุณฯ และได้เปิดให้พระเถรานุเถระและพุทธศาสนิกชน ร่วมสรงน้ำศพ
<O</O
พิธีดังกล่าว ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เป็นเวลา ๗ วัน พร้อมด้วยเครื่องประ ดับสมณศักดิ์ชั้นพระราชาคณะ ชั้นธรรม
<O</O
ที่มาข้อมูล : <O</O
http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=1112<O</O
http://www.mcu.ac.th/site/news_in.php?group_id=1&NEWSID=4077<O</O

 

การสวดศราทธพรตคาถา หรือ คาถาศราทธพรต
<O</O
ศราทธพรต คืออะไร <O</O
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมาย ศราทธพรต ว่า คือ พิธีทำบุญให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งในพิธีทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับไปแล้วนี้ พระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ บอกว่า มีการสวดคาถาศราทธพรตด้วย คือ เมื่อมีพระสงฆ์ ๑ รูป แสดงพระธรรมเทศนาจบลง พระอีกจำนวนหนึ่งจะกี่รูปก็สุดแต่เจ้าภาพ ซึ่งได้รับนิมนต์ให้มาสวดจะเริ่มสวดคาถาศราทธพรต
<O</O
เราเรียกพระองค์ที่เทศน์นั้นว่า พระเทศน์ศราทธพรต เพราะเรื่องที่เทศน์ก็จะอยู่ในเนื้อหาของคาถาศราทธพรต อันนี้เป็นข้อจำกัด จะไม่เทศน์เรื่องอื่น ซึ่งใช้เวลาในการเทศน์ไม่มาก
<O</O
และเรียกพระที่สวดนั้นว่า พระสวดศราทธพรต หรือสวดรับเทศน์ศราทธพรต โดยการสวดรับเทศน์นั้น หมายถึง การเริ่มสวดหลังจากที่พระสงฆ์รูปที่แสดงพระธรรมเทศนาแสดงเทศนาจบลงแล้ว จากนั้นพระที่สวดศราทธพรตก็จะสวดศราทธพรตไปจนจบ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน <O</O
<O</O

ศราทธพรต...ว่าด้วยเรื่องอะไร <O</O
เมื่อพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เป็นคัมภีร์ที่พระพุทธเจ้าทรงนำไปเทศนาโปรดพระพุทธมารดาที่ชั้นดาวดึงส์ ชาวพุทธจึงมีความเชื่อว่า พระอภิธรรม เป็นของสูง คือเป็นธรรมะขั้นสูง ซึ่งต่อมาจึงได้มีการนำมาสวดในงานศพตามประเพณีของชาวพุทธทุกวันนี้
<O</O
ส่วน ศราทธพรต ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะในคาถาศราทธพรตนั้น มีเนื้อหาที่สำคัญมาก ถ้าสรุปอย่างง่ายๆ ก็คือ ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า นั่นเอง
<O</O
ปัจฉิมพุทโธวาท หรือพระโอวาทที่พระพุทธเจ้าทรงประทานเหล่าภิกษุก่อนที่จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน นั้นเป็นเรื่องที่พระองค์ทรงเตือนเหล่าภิกษุรวมคฤหัสถ์ไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท แต่ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท มีสติอยู่ทุกเมื่อ
<O</O
พระพุทธเจ้าทรงเตือนว่าสังขารของคนเรานั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หากเมื่อใดที่เราสามารถเห็นแจ้งสังขารด้วยปัญญาว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เมื่อนั้นจิตของเราก็ย่อมเกิดความเบื่อหน่ายในทุกข์ เมื่อใดที่เราเห็นสรรพสิ่งเป็นอนัตตา เมื่อนั้นจิตของเราย่อมพ้นจากความเศร้าหมองและดับทุกข์ได้
<O</O
เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในธรรม คือความดีงามสม่ำเสมอ ผู้นั้นย่อมพบกับความสุข ก้าวข้ามบ่วงแห่งมารที่ข้ามได้ยาก
<O</O
เนื้อในพระคาถาศราทธพรตส่วนหนึ่งมีว่า บุคคลที่ประมาท แม้ไม่ตายก็เหมือนคนที่ตายแล้ว ส่วนคนที่ไม่ประมาท เป็นอยู่ด้วยสติทุกเมื่อ ทุกลมหายใจ แม้จะสิ้นลมหายใจก็เหมือนมีชีวิตอยู่ อีกประการหนึ่ง บุคคลที่ไม่ประมาทย่อมจะได้รับประโยชน์ทั้งสองอย่าง คือประโยชน์ในชาตินี้และประโยชน์ในชาติหน้า แต่บุคคลที่ประมาทย่อมคลาดจากประโยชน์ทั้งสอง
<O</O
จะเห็นว่าธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่าเป็นยอดธรรม ก็คือความไม่ประมาท พระองค์ทรงยกย่องความไม่ประมาทว่าเป็นธรรมที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นที่รวมอยู่ของธรรมทั้งปวง ซึ่งถ้าเปรียบธรรมคือความไม่ประมาทกับรอยเท้าสัตว์ ก็เปรียบได้กับรอยเท้าช้างที่ใหญ่กว่ารอยเท้าของสัตว์ทั้งปวง <O</O
นี่คือเนื้อหาในคาถาศราทธพรต
<O</O
<O</O
นิยมสวดเมื่อไร <O</O
ความจริงแล้ว การสวดศราทธพรต นิยมสวดในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพเจ้านายเท่านั้น แต่ต่อมามีการสวดในงานศพของบุคคลทั่วไปบ้าง แต่ทุกวันนี้ก็ไม่เป็นที่นิยมนัก ถึงกระนั้น พระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ยังบอกว่า แม้จะเป็นงานศพบุคคลทั่วไป แต่งานนั้นส่วนใหญ่ก็ยังเป็นงานพระราชทานเพลิง เช่น งานพระราชทานเพลิงศพพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นต้น บางงานก็จะมีการสวดศราทธพรตด้วย
<O</O
<O</O
สวดตอนไหน
โดยปกติแล้วการสวดศราทธพรตจะสวดในวันที่จะทำการาปนกิจศพเท่านั้น และการสวดจะเริ่มขึ้นหลังจากที่พระองค์แสดงพระธรรมเทศนาว่าด้วยเรื่องศราทธพรตเทศน์จบลงก่อนที่จะมีพิธีณาปนกิจศพในลำดับต่อไป
<O</O
พระที่สวดศราทธพรตนั้น ถ้าในงานศพทั่วไปที่ไม่ใช่พระราชพิธี พระสงฆ์ที่สวดจะไม่จำกัดในเรื่องสมณศักดิ์ จะเป็นรูปไหนก็ได้สุดแต่ทางเจ้าภาพจะนิมนต์ แต่ในงานพระราชพิธีส่วนใหญ่เท่าที่ปรากฏก็จะเป็นระดับพระราชาคณะทั้งนั้น
<O</O
ดังนั้น การสวดศราทธพรตคาถา จึงมีจุดประสงค์เพื่อต้องการบอกเตือนผู้คนที่ยังมีลมหายใจอยู่ ได้ดำรงตนในความไม่ประมาท และอีกประการหนึ่งก็เพื่อเป็นการเพิ่มกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนั่นเอง
<O</O
---------------------------------------------
<O</O
บทสวด : คาถาศราทธพรต <O</O
ก่อนสวดขึ้น นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
<O</O
(ขึ้น) ภาสิตา โข เตนะ ภะคะวะตา ชานะตา ปัสสะตา อะระหะตา สัมมาสัมพุทเธนะ อะยัง ปัจฉิมา วาจา หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว วะยะธัมมา สังขารา อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะติ
<O</O
สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ ยะทา ปัญญายะ ปสสติ
<O</O
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
<O</O
สัพเพ สังขารา ทุกขาติ ยะทา ปัญญายะ ปสสติ
<O</O
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
<O</O
สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปสสติ
<O</O
วิสุทธิ สัพพกเลเสหิ โหติ ทุกเขหิ นิพพุติ
<O</O
เจตะโส โหติ สา สันติ นิพพานะมีติ วุจจติ
<O</O
เย จะ โข สัมมทักมะขาเต ธัมเม ธัมมานุวัตติโน
<O</O
เต ชะนา ปาระเมสสันติ มัจจุเธยยัง สุทุตตะรัง
<O</O
อัปปมาโท อะมะตัง ปะทัง ปะมาโท มัจจุโน ปะทัง
<O</O
อัปปะมัตตา นะ มียันติ เย ปะมัตตา ยะถา มะตา
<O</O
อัปปมัตโต อุโภ อัตเถ อธิคัณหาติ ปัณฑิโต ทิฏเฐ ธัมเม จะ โย อัตโถ โย จัตโถ สัมปะรายิโก อัตถาภิสะมะยา ธีโร ปัณฑิโตติ ปะวุจจะติ ฯ เอตตะกานัมปิ ปาฐานานัง อัตถัง อัญญายะ สาธุกัง ปะฏิปัชเชถะ เมธาวี อะโมฆัง ชีวิตัง ยะถาติ (ลง)
<O</O
ที่มาข้อมูล : http://www.posttoday.com/printnews.php?id=14265<O</O<!-- google_ad_section_end -->

 

พระสุปฏิปันโนได้ละสังขารลงอีกแล้ว ธรรมะใดที่พระเดชพระคุณได้แจ้งแล้วขอให้ลูกได้แจ้งด้วยเทอญ

กราบ กราบ กราบ

 

มหาเถเร ปะมาเทนะ, ท๎วารัตตะเยนะ กะตัง,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต ฯ

หากแม้นมีกายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓
ที่ข้าพเจ้าได้ประมาทพลาดพลั้งต่อองค์ท่านเจ้าคุณฯ
แม้นในกาลครั้งใด
ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาลาโทษ โปรดอโหสิกรรมข้าพเจ้าด้วยเถิด

 

น้อมนมัสการ "โฆสโก" มหาเถโร ครับ

 

ก่อนหน้าวันงานพระราชทานเพลิงศพพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ๓ วันนี้
พระอารมหลวง วัดอรุณฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชานุเคราะห์พิธีการจากสำนักพระราชวัง เตรียมงาน เพื่อการพระราชทานเพลิงศพแบบมอญ เนื่องจากพระธรรมสิริชัยท่านเป็นชาวมอญเมืองปทมุธานี

จึงมีการก่อสร้างปราสาทจิตกาธานทรงรามัญ ดอกไม้โคมเครื่องร้อย การตกแต่งรอบบริเวณ รวมทั้ง โดยเสด็จพระราชกุศล

 

ภาพปราสาทจิตกาธาน ทรงรามัญ และเข้าใจว่า ช่วงงาน น่าจะมีการบรรเลงชุดมอญร้องไห้ แบบโบราณด้วยกระมังค่ะ

 

บริเวณรายรอบพิธี ได้ถูกจัดเตรียมปากสำนักพระราชวัง ค่ะ

 

งานดอกไม้ เครื่องโคมจากโรงเรียนพระตำหนักในวัง

 

ส่วนหนึ่งของการจัดเตรียมพิธีฯ พระอารามหลวงได้จัดแจงผ้าไตรฯ โดยเสด็จทอดผ้าบังสุกุล สำหรับพระภิกษุ จำนวน ๕๐๐ รูป

งานนี้ ได้รับการร่วมแสดงกตัญญตาจาก คุณ ญ หญิง และเพื่อน สาวใจบุญชาวเวบพลังจิต ตามมารังสรรค์กิจการบุญด้วยค่ะ

 

อนุโมทนา คุณอบค่ะ

จากภาพงานที่ปรากฎ ทำให้ทราบได้ถึงบุญบารมีของเจ้าประคุณพระธรรมสิริชัยท่าน แม้ท่านมรณภาพแล้ว ผลแห่งคุณูปการยังสื่อให้ลูกหลานเหล่าศิษย์ได้เรียนรู้ว่า แม้ร่างมลายชีพ คุณอยู่คงนาน

อาทิ การได้รับพระราชทานโกฎตามสมณศักดิ์ การได้รับพระบรมราชานุเคราะห์ การได้ความเกื้อกูลจากสหมิคธรรม การได้รับการแสดงมุฑิตาจิตจากศาสนิกชน เป็นเพราะด้วยจริตท่านเปี่ยมด้วยความยึดมั่น บุญคุณแห่งแผ่นดิน คือ มักแสดงออกซึ่ง ความรักชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ท่านจึงได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ

 

วันเสาร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๒<O</O
เมื่อพระราชาคณะ ๑๐ รูป สวดถวายพรพระ<O</Oรับพระราชทานฉัน และพระอารามหลวง<O</Oถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุ-สามเณร ๑๙๐ รูป โดยเสด็จพระราชกุศลแล้ว <O</Oพระราชาคณะ ๑๐ รูป สวดมาติกา (ในพระบรมราชานุเคราะห์)

<O</O

 

เวลา ๑๖.๐๐ น.
อัญเชิญพระโกศศพจากหอเกียรติคุณ ไปเวียนเมรุปราสาทรามัญ อัญเชิญโกศศพ ตั้งบนจิตกาธาน

 

พุทธศาสนิกชนแสดงความไว้อาลัยเจ้าประคุณ ขณะเคลื่อนขึ้นสู่จิตกาธาน

 

ความสะดุดตา อันประกอบด้วยฝีไม้ลายมืออันวิจิตรของเคลื่อนประกอบงานพิธี
หากผู้ร่วมพิธีมองด้วยความพิจารณา "รูป" และ "นาม" ที่ปรากฎอย่างท่องแท้ จะพบว่า ความวิจิตรประกอบงานพิธีนี้ สื่อสู่รูปงดงามตระการตาได้ จากการกลั่นกรองจากจิตที่ละเอียดอ่อน แห่งสภาพ "เอกัคคตา"