พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    สวัสดีครับ เช้าวันนี้ 09:09 นาที เป็นเทวีฤกษ์ บ้านตรงข้ามใช้เป็นฤกษ์ในการอัญเชิญรูปจำลองเจ้าพ่อพะวอขึ้นประดิษฐาน ณ ตำหนัก(ศาล) เพื่อเคารพกราบไหว้บูชาเป็นศิริมงคล ซึ่งศาลเจ้าพ่อพะวอจะมีอยู่ทั่วไปในเขตจังหวัดตาก ท่านเป็นที่เคารพรักของชาวแม่สอดและอำเภอตามเขตชายแดน แม้คนต่างถิ่นเข้ามาพำนักพักอาศัย ณ ที่แห่งนี้ก็ให้ความเคารพรัก ยำเกรงท่าน ...เป็นนักรบชาวกะเหรี่ยง เป็นนายหน้าด่านยุคสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แม้จะมีกำลังเพียงน้อยนิด แต่ก็ต่อสู้ป้องกันข้าศึกที่จะเข้ามารุกรานประเทศไทยจนตัวตาย ทราบมาว่ามือท่านกำดาบเกอะเปื้อนเลือดข้าศึกแห้งกรัง จนแกะมือออกจากด้ามดาบแทบไม่ออก

    เพิ่มเติม... โจโรฤกษ์ แปลว่า โจร ผู้ปล้น ผู้ลักขโมย นักเลง ผู้ใช้กำลัง ผู้ทำลายล้าง ผู้กล้าหาญมีอำนาจ ผู้ว่องไว มีพระอังคารเป็นผู้รักษาฤกษ์ ฤกษ์บาททั้ง 4 ไม่รวมอยู่ในราศีเดียวกัน คาบเกี่ยวอยู่ 2 ราศีเป็น "ฉินทฤกษ์" คือ ฤกษ์ขาดแตก โดยเฉพาะบาทแรกของต้นราศีนั้น เป็นฤกษ์บาทที่ร้ายแรงมากกว่าบาทอื่น


    ดีครับท่านสมบัติ

    สบายดีไหมครับ

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  2. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 37 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 36 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับทุกๆท่าน

    ดูแลสุขภาพกันทุกคนด้วยนะครับ
     
  3. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อร่อย อันตราย ภัยของกินปิ้งย่าง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>หลายคนเคยได้ยินมาบ้างว่าของปิ้งๆ ย่างๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่จะเป็นอันตรายแบบไหน และพอจะหลบเลี่ยงพิษภัยได้อย่างไร

    [​IMG]


    ลมเย็นเตรียมจะมาเยือน เป็นสัญญาณของลานเบียร์ และอีกหนึ่งในเมนูของฤดูกาลนี้ เห็นจะไม่พ้นบุฟเฟต์เนื้อกระทะ หมูกระทะ ไก่กระทะ

    หลายคนเคยได้ยินมาบ้างว่าของปิ้งๆ ย่างๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่จะเป็นอันตรายแบบไหน และพอจะหลบเลี่ยงพิษภัย (แต่ยังลิ้มรสอร่อย) ได้อย่างไร หรือไม่ รศ.ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ และ มลฤดี สุขประสารทรัพย์ จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาเรื่องภัยของอาหารอร่อยแต่อันตรายเหล่านี้ไว้อย่างน่าสนใจ

    อันว่าด้วยด้านตรงข้ามของความอร่อยจากอาหารปิ้ง-ย่าง-รมควันนั้น ก็คือสารพิษที่ชื่อ พีเอเอช (polycyclic aromatic hydrocarbon) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เกิดในควันไฟ ควันธูป ควันบุหรี่ ควันโรงงาน และควันอื่นๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ สารกลุ่มนี้ถูกพิสูจน์ชัดว่าก่อให้เกิดมะเร็งได้ในสัตว์ทดลอง และบางชนิดกล่าวได้ว่าก่อให้เกิดมะเร็งได้ในคน

    สารนี้เกิดจากไขมันในเนื้อสัตว์ที่หยดติ๋งๆ ลงบนถ่ายขณะที่ให้ความร้อนต่ำ และเมื่ออากาศมีจำกัดทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ จึงเกิดควันที่มีสารพีเอเอชลอยฉุยๆ ขึ้นมาเกาะที่ผิวอาหาร โดยสารนี้จะมีมากในบริเวณที่ไหม้เกรียมของอาหารปิ้งย่างนั้น

    นักวิทยาศาสตร์ด้านพิษวิทยาทางอาหาร ได้ทำการศึกษาวิธีการปิ้งย่างอาหารที่สามารถลดการเกิดสารพีเอเอช ดังนี้


    1. ก่อนปิ้ง/ย่างเนื้อสัตว์ที่ติดมัน ควรตัดส่วนที่เป็นมันออกไปก่อน เพื่อลดไขมันที่จะไปหยดลงบนถ่าน
    2. ถ้าเป็นไปได้ควรนำเนื้อสัตว์ที่จะย่างไปอบ ต้ม หรือเข้าไมโครเวฟเสียก่อน เพื่อลดการเกิดสารพีเอเอช
    3. หันไปใช้เตาไฟฟ้า (ไร้ควัน) ซึ่งสามารถควบคุมระดับความร้อนได้มากกว่าการใช้เตาถ่าน
    4. ถ้าต้องปิ้งย่างบนเตาถ่านธรรมดาๆ ควรใช้ถ่านที่อัดเป็นก้อน ไม่ควรใช้ถ่านป่นละเอียด หรืออาจจะใช้ฟืนที่เป็นไม้เนื้อแข็ง เพราะการเผาไหม้จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ
    5. การใช้ใบตองห่ออาหารก่อนจะทำการปิ้งย่าง เป็นการลดปริมาณไขมันจากอาหารที่หยดลงไปบนถ่าน และทำให้อาหารมีกลิ่นหอมใบตองดีด้วย
    6. สำคัญสุดๆ ก็คือ หลังปิ้งย่างเสร็จแล้ว ควรหั่นส่วนที่ไหม้เกรียมออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


    [​IMG]


    อย่างไรก็ดี ถึงจะหั่นส่วนไหม้เกรียมทิ้งไปเพื่อขจัดสารพีเอเอชออกไปแล้ว แต่เจ้ากรรมที่ยังมีสารพิษอีกกลุ่มที่ชื่อ เอชซีเอ หรือ เฮเทอโรไซคลิกเอมีน (hetero cyclic amine) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากสารที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทำปฏิกริยากันเอง โดยอาศัยความร้อนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เริ่มจากน้ำตาลและกรดอะมิโนทำปฏิกิริยากัน ซึ่งจะทำให้ได้สารเคมีประเภทหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผลิตภัณฑ์เมลลาร์ด (Maillard reaction product) ซึ่งทำให้เนื้ออาหารมีสีสันและกลิ่นหอม จากนั้นสารกลุ่มนี้จึงไปทำปฏิกิริยากับ ครีเอทีน (creatine) ซึ่งเป็นสารชีวเคมีที่มีในเนื้อสัตว์ จนเกิดเป็นสารพิษก่อให้เกิดมะเร็งชนิดเอชซีเอ

    สารเอชซีเอ นอกจากจะเกิดในอาหารปิ้งๆ ย่างๆ แล้ว ยังเกิดกับอาหารที่ผ่านการปรุงแบบต้มเคี่ยวเป็นระยะเวลานานๆ โดยการทดลองในห้องแล็บพบว่า การต้มเนื้อสัตว์นานเกิน 2 ชั่วโมง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ต่อมอาหาร และหลอดอาหาร

    [​IMG] วิธีที่พอจะหลีกเลี่ยงการเกิดสารพิษชนิดนี้ อาจทำได้โดยนำเนื้อสัตว์ที่แช่แข็งเข้าไมโครเวฟก่อนปรุง เพื่อให้เกิดการละลายและน้ำเลือดไหลออกจากเนื้อสัตว์ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณของครีเอทีนที่มีส่วนสำคัญในการเกิดเอชซีเอ หรืออีกวิธีคือการเติมสารที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระลงไป เช่นผงใบหม่อน ที่สามารถผสมกับผงหมักเนื้อก่อนนำไปปรุง นอกจากนี้การต้มตุ๋นในระบบเปิดก่อให้เกิดสารเอชซีเอน้อยกว่าระบบปิดด้วย เพราะสารเอชซีเอจะระเหยไปพร้อมกับไอน้ำ

    อีกวิธีที่จะช่วยลดการก่อฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งกลุ่มนี้อาจทำได้ โดยการกินเคียงไปกับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี และผักใบเขียวอื่นๆ เนื่องจากสารพิษเหล่านี้จะมีการดูดซึมในร่างกาย โดยบางส่วนจะสะสมในเนื้อเยื่อไขมัน อีกส่วนถ้ามีปริมาณไม่มากเกินไปก็จะถูกลำเลียงไปขจัดทิ้งที่ตับ การกินผักเหล่านี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับระบบทำลายสารพิษของร่างกาย


    ข้อมูลจากนักวิจัยผู้รู้จริง คงพอช่วยให้การเผชิญหน้ากับเนื้อกระทะ หมูปิ้ง ไก่ย่าง และอาหารต้น ตุ๋น รมควันนานาชนิดในฤดูกาลนี้ เป็นไปอย่างมั่นใจและเอาตัวรอดกันได้ก่อนจะสายเกินแก้


    ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากก๊อฟฟี่


    แหล่งที่มา วิชาการ.คอม
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พร ๔ ข้อของท่าน ว.วชิรเมธี </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    พร ๔ ข้อของท่าน ว.วชิรเมธี


    ๑. อย่าเป็นนักจับผิด

    คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า

    หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง

    กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง

    ไม่มีโอกาส" จิตประภัสสร " ฉะนั้นจงมองคน มองโลกในแง่ดี

    " แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข "


    ๒. อย่ามัวแต่คิดริษยา

    " แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน "

    คนเราต้องมีพรหมวิหาร ๔คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

    คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า " เจ้ากรรมนายเวร "

    ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอนความริษยา

    ออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น " ไฟสุมขอน " (ไฟเย็น)

    เราริษยา ๑ คน เราก็มีทุกข์ ๑ ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยา

    ออกจากใจเราโดยใช้วิธี " แผ่เมตตา " หรือ ซื้อโคมมา

    แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป


    ๓. อย่าเสียเวลากับความหลัง

    ๙๐ % ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ

    " ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น "

    มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขา

    พร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย

    ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ

    อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน

    " อยู่กับปัจจุบันให้เป็น "

    ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี " สติ " กำกับตลอดเวลา


    ๔. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ

    " ตัณหา " ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี

    เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา

    คือ ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม

    เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู

    คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร

    แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่ คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์



    เราต้องถามตัวเองว่า เกิดมาทำไม คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมา

    เป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา " แก่น " ของชีวิตให้เจอ

    คำว่า "พอดี" คือถ้า "พอ" แล้วจะ"ดี" รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข




    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :พิกกี้โกะ ( สมาชิกไอดีที่ 10809) โพสเมื่อ [ วันพฤหัสบดี ที่ 11 มีนาคม 2553 เวลา 10:39 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ พี่เอื้อย ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม (ที่ผมได้อัญเชิญจากที่บ้านผมไปให้กับพี่เอื้อย เพื่อถวายตามวัดต่างๆ) ถวายที่วัดมาบจันทร์ จ.ระยอง เรียบร้อยแล้ว

    มาโมทนาบุญร่วมกันครับ

    [​IMG]

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วัดมาบจันทร์(วัดสุภัททะบรรพต) จ.ระยอง

    Watmarpjan -

    <TABLE class=textsnormal-thai height=65 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=14>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]วัดมาบจันทร์ ตั้งอยู่บริเวณเขายายดา ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีป่าไม้ อุดมสมบูรณ์ ในพื้นที่กว่าหนึ่งพันไร่ อยู่ในเขตหมู่บ้านมาบจันทร์ ถ.ต้นลำดวนไพร ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง มีเนื้อที่วัด ๑๒ ไร่ ๓ งาน และเนื้อที่ที่ดูแลรักษาป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงอีก กว่า ๒๐๐ไร่
    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=18>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]วัดมาบจันทร์ เมื่อครั้งเป็นสำนักสงฆ์มีชื่อเดิมว่า สำนักสงฆ์สุภัททะบรรพต มีความหมายว่า ภูเขาแห่งความเจริญรุ่งเรือง โดยการตั้งชื่อของสำนักสงฆ์ฯ ตั้งขึ้นตามนามฉายาของ ท่าน พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) หรือหลวงปู่ชา ซึ่งท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ซึ่งวัดมาบจันทร์เป็นสาขาวัดหนองป่าพงที่ ๗๓
    [​IMG]ท่านพระอาจารย์อนันต์ อกิญจโน ได้เข้ามาบุกเบิก ก่อสร้างวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยได้เดินจาริก ธุดงค์ผ่านมา และนายสมพล-นางสังเวียน สุวรรณโชติ ซึ่งเป็นเจ้าของที่วัด ได้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ยกที่ดิน จำนวนหนึ่งถวาย เพื่อสร้างเป็นวัดในพุทธศาสนา
    [​IMG] ก่อนหน้าที่จะถวายที่ดินสร้างวัด นายสมพลได้เกิดนิมิตฝันไปว่า ได้รับเหรียญบูชา เหรียญหนึ่งจาก พระชรารูปหนึ่ง หยิบขึ้นมาดู มีชื่อเขียนปรากฏในหรียญว่า "หลวงปู่มั่น" ตนเองไม่เคยรู้จักหลวงปู่มั่นมาก่อน จึงสอบถามภรรยา ทราบว่าเป็นพระเถระ ผู้ซึ่งเป็น ปรมาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ที่สำคัญในเมืองไทย ประกอบกับได้เห็นภาพหลวงปู่มั่น เหมือนกับในนิมิตที่ได้เห็น ทำให้เกิดความอัศจรรย์ใจ และเกิดปีติ เป็นอย่างมาก
    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=18>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]สมัยแรกเมื่อมาอยู่ภาวนา สภาพป่ายังเป็นป่ารกชัฏ เป็นที่อยู่อาศัยของ สัตว์ป่านานาชนิด เช่น มีหมี เสือปลา เก้ง อีเห็น ชะมด ฯลฯ พระเณรที่มาอยู่ ก็อาศัยปักกลดภาวนาตามป่า อยู่แบบธรรมชาติ โดยที่ยังไม่ได้ สร้างเสนาสนะ หรือถาวรวัตถุอะไรมาก
    [​IMG]จนปัจจุบันนี้ เนื่องจากมีพระภิกษุ สามเณร อุบาสก และอุบาสิกาได้เห็นความวิเวกสัปปายะเหมาะสมในการประพฤติปฏิบัติธรรมในสถานที่ของวัด จึงได้เข้ามาอาศัยปฏิบัติภาวนา มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสนาสนะจึงจำเป็นต้องสร้างเพิ่มขึ้นโดยลำดับ มีศาลาอเนกประสงค์ ศาลาสังฆกรรม และกุฏิที่ อาศัยของพระประมาณ ๒๐ หลัง เป็นกุฏิทรงไทย อยู่ห่างกันในป่า ไม่มีไฟฟ้า ต้องอาศัยแสงสว่างจากเทียนในเวลากลางคืน พักหลังละหนึ่งรูป เพื่อความวิเวกในการปฏิบัติภาวนา
    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=18>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]ในปี ๒๕๒๙ เป็นวันพระขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๓ ก่อนวันมาฆบูชา ๗ วัน เวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่พระ-เณร กำลังเร่งความเพียรภาวนาอยู่ ได้เกิดแสงสว่างเป็นแสงสีเขียว สว่างทั่วบริเวณวัด ยังความอัศจรรย์ใจให้กับพระ-เณรที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาเดียวกัน มีชาวบ้านเพคนหนึ่ง ขณะอยู่ที่บ้านเพ บังเอิญมองขึ้นมาบนเขาที่วัด และได้เห็นแสงสว่าง ที่เกิดขึ้นนั้นด้วยความอัศจรรย์ใจ เช่นกัน
    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=18>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]เมื่อประมาณปี ๒๕๓๐ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร อยู่วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ พระเถระที่เป็น ลูกศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ให้ความเมตตาเดินทางมา โปรดพระเณร และญาติโยมที่วัด ได้สร้างความปีติยินดี ให้แก่พระเณร และญาติโยมเป็นอย่างมาก
    [​IMG] เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๑ และวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๔๓ ที่ผ่านมา พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่า หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ได้โปรดเมตตารับนิมนต์มา เพื่อรับผ้าป่า ในโครงการทอดผ้าป่าช่วยชาติ ณ วัดมาบจันทร์ และได้แสดงธรรมเทศนาโปรดอีกด้วย ทำให้ได้รับความซาบซึ้งใจ และเกิดกำลังใจการประพฤติปฏิบัติเป็นอย่างมาก
    [​IMG]พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) แห่งวัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ท่านได้เมตตามา ที่วัดมาบจันทร์ และได้แสดงธรรมโปรดพระเณรและญาติโยม เมื่อวันเสาร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๒
    [​IMG]นอกจากนี้ยังมีพระเถระ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆอีกหลายรูป ที่ท่านได้มีเมตตา เดินทางมาที่วัด เช่น หลวงพ่อแบน ธนกาโร วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี และอีกหลายท่าน
    [​IMG]โดยส่วนมาก มักจะกล่าวถึงสถานที่ตั้งวัดว่า "เป็นสถานที่อันสัปปายะ สงบวิเวก เหมาะแก่การ ประพฤติปฏิบัติธรรม และจะเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรือง ในการปฏิบัติธรรมต่อไปในอนาคต"
    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=18>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]ตั้งแต่เริ่มสร้างวัด มีพระ-เณรที่มาพำนักอยู่ ได้เป็นไข้มาเลเรียกันเกือบทุกคน โดยเป็นคน ละหลายครั้ง ท่านอาจารย์อนันต์เอง ก็เป็นไข้มาเลเรียถึง ๕ ครั้ง แต่ด้วยความศรัทธาไม่ท้อถอย และไม่กลัวความตาย ของพระเณรที่มาบุกเบิก จึงอยู่ปฏิบัติภาวนา จนกระทั่งเชื้อมาเลเรียหมด และเป็นเขตปลอดเชื้อมาเลเรียเมื่อปี ๒๕๓๔
    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=18>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๗ ทางกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ส่งหนังสืออนุญาตตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีชื่อเป็นทางการว่า "วัดมาบจันทร์" โดยมีท่านอาจารย์อนันต์ อกิญจโน เป็นเจ้าอาวาส โดยได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะจังหวัดระยอง เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙
    </TD></TR><TR><TD height=30></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD height=18>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=6>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=15></TD></TR><TR><TD>[​IMG]เนื่องจาก พระเทพคุณาธาร เจ้าคณะจังหวัดระยอง ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๓ และสามารถ แต่งตั้งฐานานุกรม ได้ ๕ รูป จึงแต่งตั้ง พระอาจารย์อนันต์ อกิญฺจโน ให้เป็นพระครูวินัยธร อนันต์ อกิญฺจโน เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๔
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระอาจารย์อนันต์ อภิญจโน วัดมาบจันทร์(วัดสุภัททะบรรพต) จ.ระยอง

    Watmarpjan -

    <TABLE class=textsnormal-thai cellSpacing=0 cellPadding=0 width=638 border=0><TBODY><TR><TD width=618></TD><TD width=20 height=15>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]

    <TABLE class=textsnormal-thai height=154 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=618 border=0><TBODY><TR><TD class=textsbrown width=130>[​IMG] นามเดิม</TD><TD class=textsbrown width=20>
    :
    </TD><TD>อนันต์ จันทร์อินทร์</TD></TR><TR><TD class=textsbrown height=20> </TD><TD class=textsbrown>
    </TD><TD> </TD></TR><TR><TD class=textsbrown>[​IMG] บิดา</TD><TD class=textsbrown>
    :
    </TD><TD>ฟุ้ง จันทร์อินทร์</TD></TR><TR><TD class=textsbrown height=20></TD><TD class=textsbrown>
    </TD><TD></TD></TR><TR><TD class=textsbrown>[​IMG] มารดา</TD><TD class=textsbrown>
    :
    </TD><TD>เสงี่ยม จันทร์อินทร์ </TD></TR><TR><TD class=textsbrown height=20></TD><TD class=textsbrown>
    </TD><TD></TD></TR><TR><TD class=textsbrown vAlign=top>[​IMG] เกิด</TD><TD class=textsbrown vAlign=top>
    :
    </TD><TD>วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ปีมะเมีย ที่ ต. บ้านครัว อ. บ้านหมอ จ. สระบุรี
    เป็นบุตรคนที่ ๓ จำนวน ๕ คน </TD></TR><TR><TD class=textsbrown height=20></TD><TD class=textsbrown>
    </TD><TD></TD></TR><TR><TD class=textsbrown vAlign=top>[​IMG] อุปสมบท</TD><TD class=textsbrown vAlign=top>
    :
    </TD><TD>ได้ศึกษาถึงระดับ ปวช. สาขาวิชาพาณิชยกรรมทำงานอยู่บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จนอายุย่างเข้า ๒๒ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี โดยมีพระโพธิญาณเถร ( ชา สุภทฺโท ) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๓ กรกฏาคม ๒๕๑๙
    </TD></TR><TR><TD class=textsbrown height=20></TD><TD class=textsbrown>
    </TD><TD></TD></TR><TR><TD class=textsbrown vAlign=top>[​IMG] การศึกษาปฏิบัติธรรม</TD><TD class=textsbrown vAlign=top>
    :
    </TD><TD>เมื่ออุปสมทบเป็นพระภิกษุแล้ว ได้อยู่ศึกษาปฏิบัติธรรม ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติ กับหลวงปู่ชาอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาหลายปี ในระหว่างนี้ หากมีเวลาว่างก็ออกจาริกธุดงค์ ไปตามจังหวัดต่างๆ จนได้รับความสงบเยือกเย็น และสัมผัสรสของธรรมะ อันเป็นสภาวะแห่งธรรมชาติ เมื่อปี ๒๕๒๔ ท่านได้มาช่วยสร้างสำนักสงฆ์ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และต่อมาเมื่อ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ ก็ได้มาบุกเบิกสร้างสำนักสงฆ์สุภัททะบรรพต หรือวัดมาบจันทร์ จนถึงปัจจุบันและได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาส เมื่อปี ๒๕๓๙
    </TD></TR><TR><TD class=textsbrown height=20></TD><TD class=textsbrown>
    </TD><TD></TD></TR><TR><TD class=textsbrown vAlign=top>[​IMG] ปัจจุบัน</TD><TD class=textsbrown vAlign=top>
    :
    </TD><TD>เมื่อวัดมาบจันทร์ มีความเจริญมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ได้มีผู้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินในจังหวัดต่างๆ เพื่อสร้างเป็นสำนักสาขา โดยอยู่ในความดูแลของท่านพระอาจารย์อนันต์ มีทั้งที่จังหวัดชลบุรี ระยอง นครราชสีมา ตราด เพื่อให ้พระเณรได้มีโอกาส เปลี่ยนสถานที่ภาวนาตามจริตนิสัยของตนเอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 68 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 67 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat

    สวัสดีครับ ... เกือบไปแล้วครับ เกือบเป็นหวัด เช้าๆรู้สึกเจ็บคอ เลยใช้น้ำเกลืออุ่นๆกลั้วคอ 2 ครั้ง ตอนนี้ดีแล้วครับ ... รักษาสุขภาพกันให้ดีเด้อครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2010
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ด.ต.โสภณ พลขับ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา เสียชีวิตแล้ว

    http://hilight.kapook.com/view/47063


    [​IMG]

    ดาบโสภณ คนขับรถ จ่าเพียร เสียชีวิตแล้ว (ไอเอ็นเอ็น)

    ความคืบหน้าอาการล่าสุดของ ด.ต.โสภณ อินทรบวร อายุ 36 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งทำหน้าที่พลขับรถให้กับ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตี ที่บ้านทับช้าง หมู่ 9 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อมกัน และถูกนำตัวส่งเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์ยะลานั้น

    ล่าสุด ด.ต.โสภณ ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ที่ห้องไอซียู ร.พ.ศูนย์ยะลา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่ ภรรยา ลูก ๆ ญาติ และเพื่อนข้าราชการตำรวจด้วยกัน



    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักข่าวไทย



    ---------------------------------------------------

    ขอให้ไปสู่สุขคติครับ

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภัยของน้ำยาบ้วนปาก



    เตือนภัย ภัยของ น้ำยาบ้วนปาก


    [​IMG]

    ภัยของน้ำยาบ้วนปาก (สภากาชาดไทย)

    ท.ญ.นพมณี วงษ์กิตติไกรวัล ทันตแพทย์กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า การใช้น้ำยาบ้วนปากมีไว้เพื่อกำจัดกลิ่นปาก แต่ที่จริงแล้ว เป็นเพียงการกลบกลิ่นปาก ด้วยกลิ่นของน้ำยาในระยะสั้นเท่านั้น จากนั้นไม่นานก็กลับมามีกลิ่นปากเช่นเดิม

    การใช้น้ำยาบ้วนปากติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้ไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ดี ที่อาศัยอยู่ในปากให้ตายไปด้วย อาจนำมาซึ่งเชื้อราในช่องปาก ทำให้ตุ่มรับรสของลิ้นเพี้ยนไป มีสีเคลือบผิวฟันที่เปลี่ยนแปลง หรือทำให้เกิดหินปูนได้ง่าย

    ส่วนยาสีฟันที่อ้างว่าว่า สามารถลดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นปากได้ นั้น ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่า ยาสีฟันจะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในปากได้ ซึ่งประสิทธิภาพของยาสีฟันที่อ้างว่าลดแบคทีเรีย ไม่แตกต่างกับการแปรงฟันด้วยยาสีฟันอะไรก็ได้อย่างถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันในซอกฟันส่วนที่แปรงไปไม่ถึง

    กลิ่นปาก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในช่องปากชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน ผลิตก๊าซในกลุ่มซัลเฟอร์ กลิ่นปากยังเกิดได้จากผู้ป่วยมีโรคอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคกรดไหลย้อน หากรักษาโรคเหล่านั้นกลิ่นปากก็จะหายไป รวมทั้งกลิ่นปากจากโรคในช่องปาก เช่น โรคปริทนต์ โรคเหงือก ฟันผุ ฯลฯ

    วิธีการตรวจว่ามีกลิ่นปากจริงหรือไม่นั้น ทำได้โดยการสังเกต จากคนรอบข้าง หรือเอาช้อนมาขูดลิ้นแล้วทิ้งไว้ 5 วินาที จากนั้นนำมาดม หากพบว่ามีกลิ่นเหม็นก็แนะนำให้มาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจเช็กปัญหาในช่องปาก



     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สภากาชาดไทย ชวนบริจาคโลหิตช่วงฤดูร้อน

    บริจาคเลือด สภากาชาดไทย ชวน บริจาคโลหิต


    [​IMG]

    สภากาชาดไทยชวนบริจาคโลหิตบรรเทาภาวะโลหิตขาดแคลนช่วงฤดูร้อน (สำนักข่าวไทย)

    พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูร้อน มีนาคม-เมษายนของทุกปี จำนวนผู้มาบริจาคโลหิตลดลง เนื่องจากผู้บริจาคโลหิตซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ร้อยละ 25 อยู่ในช่วงปิดภาคเรียน ทำให้ปริมาณโลหิตที่เคยได้รับบริจาคจากกลุ่มดังกล่าวลดลง และส่งผลให้การจัดหาโลหิตของศูนย์บริการโลหิตฯ ไม่เป็นไปตามเป้า คือ ในแต่ละวันจะต้องได้รับโลหิตจากผู้บริจาค 1,500 ยูนิตขึ้นไป

    อีกทั้งในช่วงเดือนเมษายน จะมีวันหยุดหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ก็ส่งผลให้มีผู้มาบริจาคโลหิตลดลงอย่างต่อเนื่อง

    ดังนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จัดโครงการ "แล้งนี้ไม่แล้งน้ำใจ ด้วยการให้โลหิต" รณรงค์ให้ประชาชนร่วมบริจาคโลหิต เพื่อบรรเทาภาวะการขาดแคลนโลหิตในช่วงเวลาดังกล่าว และเตรียมพร้อมสำรองเลือดให้แก่ผู้ป่วย ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 13-18 เมษายนนี้ ซึ่งทุกวันยังคงมีความต้องการใช้โลหิต เนื่องจากทุกวันยังมีผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่าง ๆ อีกดป็นจำนวนมากยังคงต้องได้รับโลหิตในการรักษา

    ขอเชิญชวนให้ประชาชนบริจาคโลหิตในโครงการฯ ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 30 เมษายน 2553 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โดยผู้บริจาคโลหิตในโครงการฯ จะได้รับมอบวัตถุมงคล "เหรียญหลวงพ่อคูณ" เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทุกท่าน สอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โทร. 0 2256 4300, 0 2263 9600-99 ต่อ 1101, 1760




    <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และ คณะพระวังหน้าทุกๆท่าน

    ท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ ไปถวายที่วัดต่างๆ ผมรบกวนแจ้งผมก่อนวันที่ 19 มีนาคม 2553 นี้ เพื่อผมจะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ ไปให้กับท่านในวันงานพิธีพุทธาภิเษก และแจ้งจำนวนวัดที่จะอัญเชิญไปถวายด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>4 เคล็ดลับพาชีวิตรักเผชิญวิกฤต "มารผจญ"
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 มีนาคม 2553 07:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> มีความเป็นไปได้เสมอที่ฝ่ายสามี-ภรรยาจะเกิดความรู้สึกอิจฉาริษยา หรือไม่ชอบหน้า หากคู่ชีวิตของตนนั้นเคยมี "เพื่อนเก่าสุดสวย-หล่อ" ที่ให้ความสนิทชิดเชื้อเป็นพิเศษ แต่งงานไปแล้วก็ยังหมั่นโทรศัพท์มาหาเสมอ หรืออยู่มาวันหนึ่ง คู่ชีวิตก็มี "เพื่อนใหม่สุดฮอต" ในที่ทำงานมาให้ความสนิทสนมด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ในความรู้สึกถูกคอที่เกิดขึ้น อาจทำให้ "ผู้มาใหม่" กลายเป็นประเด็นที่สามีหรือภรรยานำมาเล่าให้คู่ชีวิตอีกฝ่ายฟังอย่างมีความสุข บ้างก็มีการชวนกันออกไปรับประทานอาหารข้างนอก ไปทำกิจกรรมร่วมกัน ฯลฯ หากสามี - ภรรยาขอติดตามไปด้วย บางครั้งก็ทำได้เพียงร่วมกิจกรรมด้วยสีหน้าท่าทางเบื่อ ๆ เพราะคุยกับเขาไม่ถูกคอไปเสียนี่

    ความอิจฉาริษยาจึงอาจเกิดขึ้นได้ และต้องขอบอกว่า มันก็ไม่แปลกที่คุณจะรู้สึกเช่นนั้น เพราะในมุมมองของคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว การเข้ามาของ "เพื่อนใหม่ - เพื่อนเก่า" ก็ควรมีขอบเขต ไม่ใช่ปล่อยให้ตนเองเข้ามามี "อิทธิพล" ต่อการใช้ชีวิตคู่ หรือกำลังมาแย่งเวลาของครอบครัวที่คุณควรจะมีร่วมกันออกไป แต่การจะปล่อยตัวเองให้ทนทุกข์อยู่อย่างนั้นก็ไม่ใช่ทางออกที่ควรเลือก วันนี้เราจึงมีแนวทางดี ๆ จากเว็บไซต์ ivillage.co.uk มาฝากกันค่ะ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=266 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=266>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 1. เปลี่ยนความคิดตัวคุณเสียก่อน

    แนวทางนี้จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น และไม่มองการเข้ามาของ "คนอื่น" ในด้านลบมากจนเกินไปนัก มันเป็นการทำความเข้าใจว่า หากคู่ชีวิตของคุณกำลังรู้สึกถูกคอกับเพื่อนใหม่ หรือสนิทชิดเชื้อกับเพื่อนเก่าจนเกินไป ก็ไม่จำเป็นว่า ความสัมพันธ์เหล่านั้นจะต้องจบลงที่เตียง หรือการมีสัมพันธ์ทางเพศเสมอไป

    อย่างไรก็ดี หากสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้ใจคุณหวั่นไหว และอาจส่งผลกระทบให้ความสัมพันธ์ของคุณกับสามี - ภรรยาเลวร้ายลง ลองติดตามข้อต่อไปกันเลยค่ะ

    2. เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันให้มีสีสันมากขึ้น

    เมื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน คู่รักหลายคนอาจพยายามหาสูตรสำเร็จที่ต้องบริหารทั้งความรักและเวลาให้ลงตัว จนในที่สุดก็ทำให้พวกเขาหมุนเข้าสู่วงจรที่น่าเบื่อ ชีวิตมีแต่ซื้อของเข้าบ้าน ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ทำงานหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เลี้ยงลูก ฯลฯ ทางที่ดีจึงควรมองหาสีสันใหม่ ๆ ให้กับชีวิตบ้าง เช่น การทำบางสิ่งบางอย่างให้แปลกออกไปจากกิจวัตรประจำวัน การออกเดินทางท่องเที่ยว การหาบรรยากาศโรแมนติกและใช้เวลาอยู่ร่วมกันตามลำพัง ฯลฯ

    การสร้างความแปลกใหม่ที่บ้านไม่เพียงแต่เป็นสีสันที่เกิดขึ้นกับคนสองคนเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ความแปลกใหม่ "นอกบ้าน" ไม่มีความสำคัญใด ๆ อีกต่อไปด้วย

    3. เปิดอกพูดกับคู่ชีวิต

    กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์มาก อาจต้องการเพียงแค่บรรยากาศสบาย ๆ และเป็นช่วงเวลาที่คู่ของคุณกำลังผ่อนคลาย ซึ่งผู้พูดต้องใจเย็น ใช้เหตุผล และเตรียมแนวทางในการพูดเอาไว้ให้ดี ๆ โดยอาจเริ่มจากการบอกเขาหรือเธอว่า ความรักของคุณนั้นมีมากแค่ไหน เขาหรือเธอมีความสำคัญกับชีวิตคุณอย่างไร และบอกถึงความรู้สึกที่คุณมีกับการเข้ามาของเพื่อนใหม่ - เพื่อนเก่าคนนั้น ก่อนจะตบท้ายด้วยว่า ไม่ว่าอย่างไร คุณก็คือคนที่เข้าใจเขา และจะอยู่ข้างเขาตลอดไป

    ความรู้สึกดี ๆ ที่เขาหรือเธอได้ฟังจากปากของคุณจะกระตุ้นให้เขาพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา จงใช้จังหวะนั้นทำให้สิ่งที่คุณสงสัยอยู่กระจ่างขึ้นว่าความสัมพันธ์ หรือความรู้สึกดี ๆ ระหว่างคนของคุณกับเพื่อนคนนั้นเป็นไปในลักษณะใด หากคุณพอจับใจความได้แล้ว ก็อย่าลืมบอกเขาเป็นนัย ๆ ด้วยว่า เพราะเหตุใด เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับคุณ

    4. อย่าลืมย้ำใครคือเบอร์หนึ่ง

    กรณีที่คู่ชีวิตของคุณพบว่าตัวเองนั้นกำลังสับสนในความรู้สึก ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่ความประทับใจ หรือมีความรักแอบแฝงเอาไว้ด้วยนั้น ขอให้มองเป็นเรื่องธรรมดา ไม่แปลกที่คนบางคนอาจหลงทางไปบ้างเมื่อพบว่า มีคนให้ความสนใจเขานอกเหนือจากสามี - ภรรยาที่บ้าน แต่ก็ต้องเตือนให้เขาระลึกเอาไว้เสมอว่า เบอร์หนึ่งที่เขาต้องให้ความสำคัญและมาก่อนใคร ๆ เสมอก็คือคุณนั่นเอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชำแหละโปรฯไอโฟน "ดีแทค-ทรูมูฟ"ปะฉะดะ!!
    Telecom - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 มีนาคม 2553 00:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]

    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ตารางเปรียบเทียบแพคเกจค่าบริการไอโฟนของทรูมูฟและดีแทค</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผู้บริหารดีแทคท่ามกลาง"น้องไอโฟนบัดดี้"หน่วยช่วยเหลือลูกค้าไอโฟนของดีแทค</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แฟ้มภาพผู้บริหารทรูมูฟและไอโฟน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สู้กันสุดใจแน่งานนี้สำหรับโอเปอเรเตอร์เบอร์ 2 และ 3 ของประเทศไทย "ดีแทค-ทรูมูฟ" ในฐานะตัวแทนจำหน่ายไอโฟน (iPhone) สมาร์ทโฟนยอดฮิตของแอปเปิลอย่างเป็นทางการ ถามว่าแนวคิดและกลยุทธ์การทำตลาดไอโฟนของ 2 ค่ายนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร คำตอบคือมีทั้งส่วนที่เหมือนและต่าง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วงานหนักไม่ได้อยู่ที่ใคร แต่อยู่ที่สาวกไอโฟนในไทยที่จะต้องคิดให้ดีว่าจะฝากใจกับค่ายไหนดี

    ****กลยุทธ์เดียวกัน ชิงตลาดกลุ่มเดียวกัน

    จากการประมวลแผนการตลาดไอโฟนของดีแทคและทรู "ผู้จัดการไซเบอร์"พบว่ามีความเหมือนมากกว่าความต่าง ทั้งกลุ่มตลาดไอโฟนที่ดีแทคต้องการโฟกัส ระดับราคา ความครอบคลุมเครือข่าย และบริการหลังการขาย

    ดีแทคแบ่งผู้ใช้งานออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.กลุ่มเซียนไอโฟนที่สามารถปรับแต่งเครื่องเอง รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับไอโฟน 2. กลุ่มคอไอโฟนที่เข้าร้าน Apps Store เป็น เมื่อเพื่อนถามก็ตอบได้ 3. กลุ่มงูๆปลาๆ ที่ไม่มีความรู้มากและอาศัยร้านค้าโหลดโปรแกรมให้ 4. กลุ่มที่อยากได้ไอโฟน แต่ไม่มีความรู้เลย และ 5. กลุ่มสุดท้ายที่ไม่สนใจไอโฟนแม้แต่น้อย

    ดีแทคมั่นใจว่า กลุ่ม 1 และ 2 จะมาหาดีแทคอยู่แล้วเพราะอยากได้เครือข่ายที่ดีกว่า แต่กลุ่ม 3 และ 4 ซึ่งเชื่อว่ามีจำนวนนับล้านคนในสังคมไทย คือกลุ่มตลาดหลักที่ดีแทคหวังคว้าใจมาให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ดีแทคต้องปั้น"น้องไอโฟนบัดดี้" 150 คนสำหรับสอนการใช้เบื้องต้น เช่น การเช็คเมล การตั้งค่าโทรศัพท์ ลักษณะเดียวกับที่ทรูมูฟทำ

    ทรูนั้นมีพนักงานให้คำปรึกษาตามศูนย์บริการและในไอสตูดิโอราว 120 คน ขณะที่การรับประกันเครื่องยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของแอปเปิล กลยุทธ์ชิงตลาดจุดนี้จึงไม่มีความแตกต่างชัดเจนมากนัก ยกเว้นลูกค้าดีแทคสามารถโทรสอบถามการใช้งานได้ผ่านฮอตไลน์ *81112

    ราคาของดีแทคและทรูมูฟก็เรียกว่ากินกันไม่ลง โดยโปรโมชันไอโฟนที่มีในตลาดขณะนี้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ ลูกค้าที่ซื้อเครื่องใหม่พร้อมเปิดแพคเกจบริการกับโอเปอเรเตอร์ และแพคเกจสำหรับผู้ที่มีเครื่องไอโฟนหรือสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว

    ทั้ง 2 ค่ายต่างวางราคาเครื่องพร้อมแพคเกจ และราคาเครื่องเปล่าไว้เท่ากัน ไม่รู้ว่านัดหมายหรือเปล่าแต่ทั้งดีแทคและทรูทำราคาเริ่มต้นที่ 18,900 บาท และ 19,900 บาท พร้อมใส่โปรฯผ่อน 0% มา 6 เดือนเหมือนกันแบบไม่มีใครยอมใคร

    หากวัดกันที่แพคเกจเริ่มต้น แพคเกจ"iPhone S"ของดีแทคนั้นได้เปรียบกว่าแพคเกจ"Lite"ของทรูมูฟในเรื่องค่าโทร.และการส่งข้อความสั้น-รูปภาพที่ให้จำนวนมากกว่า แต่ในเรื่องของการเชื่อมต่อ ทรูมูฟให้จำนวนการเชื่อมต่อที่มากกว่า แถมใช้งานไว-ไฟและ 3G ได้ทั่วกรุงเทพฯ

    ขณะที่แพคเกจระดับกลาง "iPhone M"ของดีแทคที่ออกมาสู้กับแพคเกจ"Basic"ของทรูมูฟนั้น ดีแทคกลับเสียเปรียบในเรื่องของเวลาโทร. ขณะที่การใช้บริการด้านอื่นๆเทียบเท่ากันหมด แต่ทั้งนี้ทรูมูฟยังชิงความได้เปรียบในเรื่องของการใช้งานไว-ไฟและ 3G แบบไม่จำกัดเช่นเดิม

    สุดท้ายคือแพคเกจบน "iPhone L" ที่ดีแทคเข็นออกมาสำหรับผู้ที่ใช้งานโทรศัพท์ และส่งข้อความจำนวนมาก เพื่อชนกับ "iPack" ของทรูมูฟที่ออกมาสำหรับผู้ที่มีเครื่องอยู่หรือจับตลาดเครื่องเกรย์มาเก็ตที่ต้องการใช้งานแพคเกจอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดชั่วโมง จุดนี้ดีแทคเสียเปรียบที่ยังไม่มีโปรฯพร้อมค่าโทร.ออกมาให้ลูกค้าเก่าและผู้ใช้งานไอโฟนที่ซื้อเครื่องในตลาดเกรย์มาเก็ต เพราะดีแทคทำได้เพียงออกแพคเกจเสริมสำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัดในราคา 650 บาท เช่นเดียวกับแพคเกจของแบล็กเบอรี

    แต่จุดที่ดีแทคมองว่าจะสามารถรั้งลูกค้าไว้ได้นานขึ้นคือสิทธิพิเศษใช้งานฟรีตามระยะเวลารอบบิล โดยผู้ใช้แพคเกจ iPhone S ที่ใช้งานครบ 9 เดือน จะได้ใช้ฟรี 3 เดือน ขณะที่ iPhone M และ L ที่ใช้งานครบ 18 เดือน จะได้ฟรี 6 เดือน

    ขณะเดียวกัน ดีแทคชูประเด็น Capmax การตั้งเพดานเกณฑ์ค่าบริการใช้งานอินเทอร์เน็ต เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานว่าจะไม่ถูกคิดค่าบริการโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ****ต่างที่เครือข่ายและกลยุทธ์แอปฯ

    นักสังเกตการณ์ร้อยทั้งร้อยฟันธงให้ประสิทธิภาพและความเสถียรด้านเน็ตเวิร์ก EDGE ของดีแทคเป็นเบอร์หนึ่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ซึ่งดีแทคเองก็การันตีว่าจะมีการตรวจสอบปริมาณการใช้งานของผู้บริโภค เพื่อสำรองศักยภาพไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดไม่ต่ำกว่า 15% แต่ทรูมูฟก็พยายามลบจุดอ่อนของตัวเองมาตลอด ด้วยการเพิ่มการเชื่อมต่อไว-ไฟและทดลองใช้งาน 3G ทั่วกรุงเทพฯ หวังเพิ่มคุณค่าให้กับแพคเกจของตนเอง

    แต่ความสามารถของทรูมูฟก็ยังจำกัดเฉพาะในเขตเมืองหลวง และตามหัวเมืองเป็นหลัก ตรงนี้จะเป็นจุดอ่อนที่ดีแทคจะอาศัยเป็นช่องทางบุกผู้บริโภคนอกกรุงเทพฯได้ ล่าสุด ดีแทคประกาศเป้าหมายเพิ่มความเร็ว EDGE สูงสุดให้ได้ 3Gbps จากปัจจุบัน 2Gbps ทั่วประเทศ

    ที่สำคัญ ฝันร้ายของทรูมูฟอาจจะมาถึงหากดีแทคสามารถขออนุญาต กทช เปิดทดลองใช้งาน 3G ที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานครได้ และจะฝันร้ายยิ่งกว่าหากประเทศไทยเริ่มใช้กฏการคงสิทธิเลขหมายหรือการให้สิทธิ์ผู้บริโภคใช้หมายเลขโทรศัพท์เดิมแม้จะเปลี่ยนค่ายผู้ให้บริการ

    อีกจุดแตกต่างที่ชัดเจนในการชิงตลาดระหว่างทรูมูฟและดีแทคคือร้านขายแอปพลิเคชันออนไลน์ ดีแทคระบุว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องแอปสโตร์ และจะไม่มีการตั้งแคมป์เพื่อสร้างสรรค์แอปพลิเคชันของคนไทยอย่างที่ทรูมูฟทำ ดีแทคให้เหตุผลว่าแอปเปิลสามารถทำร้านแอปพลิเคชันได้ดีมากอยู่แล้ว และดีแทคเองมองว่าตลาดแอปฯยังจำกัดตัวเล็กมากในประเทศไทย ซึ่งไม่มีทางสร้างให้เกิดได้เลยในนาทีนี้

    สิ่งที่เกิดขึ้นสวนทางกับทรูมูฟ ซึ่งเทเงินทุนลงไปกับ True App Center ร้านแอปพลิเคชันของทรูมูฟไปมากโข ทรูมูฟระบุว่าปี 2009 ที่ผ่านมา True App Center มียอดดาวน์โหลดประมาณ 1.3 ล้านครั้งโดยเป็นไอโฟนประมาณ 80% ส่วนที่เหลือเป็นของแอนดรอยด์ และแบล็กเบอรีตามลำดับ ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีผลงานที่พัฒนาจากส่วนดังกล่าวให้ได้ประมาณ 700 แอปฯ บนรายได้คาดการณ์สูงถึง 100 ล้านบาท

    ทรูยังร่วมมือกับกลุ่ม Conexus Mobile Alliance ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างโอเปอเรเตอร์ 10 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เกาหลี ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินเดีย และไทย สนับสนุนให้นักพัฒนาในประเทศไทยได้เรียนรู้และพัฒนาแอปฯสำหรับทั้ง 5 ระบบปฏิบัติการคือไอโฟน แบล็กเบอรี แอนดรอยด์ วินโดวส์โมบาย และซิมเบียน

    อย่างไรก็ตาม ดีแทคเองก็ไม่ได้ทิ้งธุรกิจแอปพลิเคชันโดยตรงเนื่องจากดีแทคยังมีบริษัทลูกนามว่า "ครีเอ้" ซึ่งรับหน้าที่พัฒนาโมบายล์แอปพลิเคชันหลักอยู่แล้ว แต่ดีแทคยังไม่ได้ประกาศแผนบูรณาการกับกลยุทธ์ไอโฟนในขณะนี้

    ปะ ฉะ และดะกันแบบนี้ สาวกไอโฟนเหนื่อยกันหน่อย.

    Company Related Links :
    DTAC
    TrueMove
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น้องpsombatครับ

    พี่มีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม อยู่หลายสันฐาน (น่าจะไม่น้อยกว่า 7 สันฐาน) ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ จะอัญเชิญไปทั้งหมดเลยหรือเปล่าครับ แต่น่าจะอัญเชิญไปทุกสัณฐานครับ

    ตอนเย็นจะแกะฝาที่ครอบโถออกอีก

    ส่วนพี่สิทธิพร ผมยังมีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ที่ผมยังไม่ได้มอบให้พี่อีก น่าจะประมาณ 3-4 สัณฐานครับ ไว้ผมมอบให้พี่อีกครั้งนะครับ เมื่อคืนเตรียมไม่ทันครับ
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2010
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาร่วมโมทนาบุญกับน้องchantasakuldechaและครอบครัว ที่น้องchantasakuldechaและครอบครัวได้ร่วมทำบุญในกองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 6,050 บาท

    [​IMG]

    และพี่สิทธิพร จะอัดรูป(ในล็อกเก็ต) ขนาด(ถ้าจำไม่ผิด) 10"*12" จำนวน 50 รูป เพื่อจะได้ให้ท่านที่ร่วมงาน ร่วมบูชารูป และนำเงินที่ได้เข้ากองทุนหาพระถวายวัดครับ

    [​IMG]
    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    นำมาให้ชมกัน

    พระธาตุเสด็จ(มาเอง)ที่ฐานพระบูชา พระศรีอาริยเมตตรัย

    [​IMG]

    วาสนา และ บารมี ของแต่ละท่าน ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน

    ยินดีด้วยนะครับ


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 90 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 87 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+, ธนนท์ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    องค์ที่ห้อย (พระสมเด็จ top of the top 4) ที่ลูกน้องห้อยอยู่ พระธาตุก็เสด็จมาเหมือนกันเลย ขอแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน

    และอีกท่านที่ขอ(แอบ)บอกบนบอร์ดก็คือ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หัวหน้าอีแร้ง<!-- google_ad_section_end --> มีพระธาตุเสด็จเกาะที่พระบูชาองค์หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ขอแสดงความยินดีเช่นกันครับ
    <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3049357", true); </SCRIPT>
    ใครเป็นใคร ลองกดดูที่ ตัวอักษรที่มีเส้นใต้ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กลับมาสู่ประโยคยอดฮิตของชาววังหน้า

    ของจริงต้องพิสูจน์ได้

    อีกเรื่องที่สำคัญคือ หลวงปู่ท่านมีเมตตากับเรา ดังนั้นเราต้องทำดีกันต่อไป

    สิ่งใดที่เราคิดเห็นว่า เราได้ทำดีแล้ว ให้ทำต่อไป และทำให้ดีมากๆยิ่งขึ้นไปนะครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอนำมาให้ชมบ้างนะครับ

    ลองชมเองครับ

    [​IMG]


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s.JPG
      s.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      2,156
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรียนท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และ คณะพระวังหน้าทุกๆท่าน

    ท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ ไปถวายที่วัดต่างๆ ผมรบกวนแจ้งผมก่อนวันที่ 19 มีนาคม 2553 นี้ เพื่อผมจะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ ไปให้กับท่านในวันงานพิธีพุทธาภิเษก และแจ้งจำนวนวัดที่จะอัญเชิญไปถวายด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    น้องpsombatครับ

    พี่มีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม อยู่หลายสันฐาน (น่าจะไม่น้อยกว่า 7 สันฐาน) ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ จะอัญเชิญไปทั้งหมดเลยหรือเปล่าครับ แต่น่าจะอัญเชิญไปทุกสัณฐานครับ

    ตอนเย็นจะแกะฝาที่ครอบโถออกอีก

    ส่วนพี่สิทธิพร ผมยังมีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ที่ผมยังไม่ได้มอบให้พี่อีก น่าจะประมาณ 3-4 สัณฐานครับ ไว้ผมมอบให้พี่อีกครั้งนะครับ เมื่อคืนเตรียมไม่ทันครับ
    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มาร่วมโมทนาบุญกับน้องchantasakuldechaและครอบครัว ที่น้องchantasakuldechaและครอบครัวได้ร่วมทำบุญในกองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 6,050 บาท

    [​IMG]

    และพี่สิทธิพร จะอัดรูป(ในล็อกเก็ต) ขนาด(ถ้าจำไม่ผิด) 10"*12" จำนวน 50 รูป เพื่อจะได้ให้ท่านที่ร่วมงาน ร่วมบูชารูป และนำเงินที่ได้เข้ากองทุนหาพระถวายวัดครับ

    [​IMG]
    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    นำมาให้ชมกัน

    พระธาตุเสด็จ(มาเอง)ที่ฐานพระบูชา พระศรีอาริยเมตตรัย

    [​IMG]

    วาสนา และ บารมี ของแต่ละท่าน ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน

    ยินดีด้วยนะครับ


    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 90 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 87 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+, ธนนท์ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    องค์ที่ห้อย (พระสมเด็จ top of the top 4) ที่ลูกน้องห้อยอยู่ พระธาตุก็เสด็จมาเหมือนกันเลย ขอแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน

    และอีกท่านที่ขอ(แอบ)บอกบนบอร์ดก็คือ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หัวหน้าอีแร้ง<!-- google_ad_section_end --> มีพระธาตุเสด็จเกาะที่พระบูชาองค์หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ขอแสดงความยินดีเช่นกันครับ
    <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3049357", true); </SCRIPT>
    ใครเป็นใคร ลองกดดูที่ ตัวอักษรที่มีเส้นใต้ครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กลับมาสู่ประโยคยอดฮิตของชาววังหน้า

    ของจริงต้องพิสูจน์ได้

    อีกเรื่องที่สำคัญคือ หลวงปู่ท่านมีเมตตากับเรา ดังนั้นเราต้องทำดีกันต่อไป

    สิ่งใดที่เราคิดเห็นว่า เราได้ทำดีแล้ว ให้ทำต่อไป และทำให้ดีมากๆยิ่งขึ้นไปนะครับ

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอนำมาให้ชมบ้างนะครับ

    ลองชมเองครับ

    [​IMG]


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำบูชา พระอุปคุต หรือ พระบัวเข็ม และประวัติ

    คำบูชา พระอุปคุต
    หรือ พระบัวเข็ม<O:p</O:p


    การตั้งบูชา นิยมการตั้งบูชาบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ เป็นการจำลองคล้ายกับท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทร แล้วใช้ดอกมะลิลอยในน้ำบูชา และต้องตั้งต่ำกว่าพระพุทธ เนื่องจากเป็นพระอรหันต์ สาวกของพระพุทธเจ้า<O:p
    <O:p
    คำบูชาพระอุปคุต<O:p

    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ <O:p
    หรือ (แบบย่อ) อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะ ยาทิมปิ มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p


    (เกิดโชคลาภและคุ้มกันภัยภิบัติอันตรายทั้งปวง)<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    คำบูชาพระมหาอุปคุต<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    พระมหาอุปคุตโต พระมหาอุปคุตตัง จะมหาเถโร สัพเพชะนา พะหูชะนา อิถีชะนา มามังพุทธะจิตตัง จะมหาลาโภ พุทธะธัมโม จะมหาลาภัง พุทธะสังฆัง จะมหาสัจจัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p
    อุปคุตตะ จะมหาเถโร สัพพะเสน่หาปุพชิโต โสระโห อุปะคุตะ ปัจจะยา ธิมะหิ อุตตะโม โหติ สัพพะทุกขะ สัพพะภะยะ สัพพะโรคะ พุทธา ธัมมา สังฆา อานุภาเวนะ วินาสสันติ ฯ<O:p</O:p


    (นิยมสวดบูชาพระบัวเข็ม หรือ พระธาตุอุปคุต)<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    คำบูชาขอลาภพระอุปคุต<O:p</O:p

    มหาอุปคุตโต จะมหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโมโจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มะนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p
    เอหิจิตติ จิตตังพันธะนัง อุปะคุตะ จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะ อานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุญณะตา จะเทวะตานัมปิ มะนุสสานันปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ ฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p



    วิธีสวดขอลาภ<O:p</O:p

    ให้จุดธูปเทียนบูชา พร้อมกับดอกไม้หอม เครื่องหอมน้ำหอมต่างๆ เทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระในร้านค้าขาย หรืออาคารสำนักงาน แล้วอธิษฐานขอให้กลิ่นควันธูปเทียน ลมพัดไปทางไหน ของให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุนตลอด ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น มีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวด นะโม ๓ จบ และสวดคำบูชาขอลาภพระอุปคุต จบ แล้วทำน้ำมนต์สวดด้วย คำบูชาขอลาภพระมหาอุปคุต อีก ๑ จบ เสร็จแล้ว เอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้า และสินค้าในร้านค้า หรือทำธุรกิจ ก็ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงานและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำธุรกิจนั้นทั้งหมด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    มหาอุปคุตโต มหาอุปคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ<O:p</O:p
    (คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มาก เสกด้วยสายสิญจน์ทำเป็นมงคลสวมคอ หากปลุกเสกครบ ๑๐๘ ครั้งสามารถป้องกันภูตผีปีศาจทั้งปวง และป้องกันอุปัทวอันตรายต่างๆ ถ้าเสก ๓ - ๗ คาบ ผูกคอหรือคล้องคอคนถูกผีเจ้าเข้าสิง จะเจ็บปวดร้องครวญครางโหยหวยอย่างน่าเวทนา ถ้าจะให้ผีที่สิงอยู่ออกไป ให้ถอดหรือแก้ด้ายผูกคอออก แล้วเอาด้ายนี้ตีปัดตามตัวคนที่ถูกผีสิงอยู่ ผีจะอยู่ไม่ได้จะเผ่นออก และไม่กล้ากลับมารบกวนคนในบ้านอีก และยังมีการปลุกเสกในทางพิชิตโรคาพาธได้วิเศษนัก)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คำบูชาพระบัวเข็ม<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    กิจจะมาคะอุปคุตโต อะมะหาเถโร สัมพุทเธวิยาคะโต มาระรัญจะ โสอิทานิ จะมะหาเถโร นะมัดปะสิทตะวาปะ ถิติโกอหัง วันทามิ พาเนวะอุปคุตตัง จะมะ หาเถรัง ยังยังอุปัทธะวังชาติ วิทังเสนติ อะเสสะโต นโมพุทธายะ<O:p</O:p
    พระบัวเข็มจะมะหาเถโร สัพพะลาภังภะวันตุเม อิติปิโสภะคะวา พุทโธชัยโย ธัมโมชัยโย สังโฆชัยโย เมตตา ฉิมพาลีจะมะหา เถโร สัพพะลาภัง ตะวันตุเม ฯ<O:p</O:p
    ชัยยะตัง ปัตถะพีตับภัง สามินโท โสราชาปูเชมิ ฯ<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    หรือ<O:p</O:p

    จิตติจิตติ มิตติเอหิมะมะ อุปปะคุตโต จะมะหาเถโร นานาปาระมิ สัมมะปัณโน อิติปิโสภะคะวา มะอะอุเมตตา จะมะหาราชา สัพพะสะเนหา จะปูชิตา สัพพะทุกขัง มะหาลาภัง สัพพะโกพัง วินาสสันติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...