7.สร้อยฟ้าพาเที่ยว ตอน ยามบ่ายที่พระนครศรีอยุธยา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 16 พฤษภาคม 2009.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529


    สร้อยฟ้ามาลาพาเที่ยว ตอน : ยามบ่ายที่พระนครศรีอยุธยา


    เนื่องจากสัปดาห์นี้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน และเผอิญมีเหตุต้องไปจังหวัดนครสวรรค์เพราะว่าต้องไปงานฌาปนกิจศพอาจารย์สนาน เจริญโพธิ์ ซึ่งเป็นอดีตคุณครูเกษียณอายุราชการเป็นแม่พิมพ์ของชาติที่น่ายกย่อง อีกทั้งยังมีความสามารถในการประพันธ์กลอนสุภาพแล้วส่งกระจายเสียงทางสถานีวิทยุของจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม แต่ในสัปดาห์นี้มีวันตรงกับวันวิสาขบูชา(วันศุกร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒) และเพื่อให้เพื่อนร่วมรุ่นที่จบจากฝึกอาชีพครู นครสวรรค์ รุ่น ๒๕๐๐ และบรรดาศิษย์มาร่วมงานทัน จึงต้องเลื่อนวันฌาปนกิจเป็นวันเสาร์ที่ ๙ พฤษภาคมแทน สร้อยฟ้ามาลาจึงต้องอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์หลายวัน และได้ไปเวียนเทียนที่วัดหัวดงใต้ ก็ไม่เคยเวียนเทียนที่นี่สักที ก็ดีเหมือนกันเปลี่ยนบรรยากาศจากกรุงเทพมหานครเป็นนครสวรรค์ เลยเก็บภาพมาให้ชมกันเล็กๆ น้อยๆ

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg
    ภาพไม่ค่อยชัดเพราะรีบถ่าย...แล้วกระเป๋ากล้องก็แขวนไว้ที่มือเลยเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาก็ไม่ชัดเข้าไปใหญ่


    หลังจากงานฌาปกิจเสร็จสิ้น ในวันรุ่งขึ้นตอนเช้าประมาณ ๙.๓๐ น. ของวันที่ ๑๐ พฤษภาคม สร้อยฟ้ามาลาจึงเดินทางกลับบ้านที่นนทบุรี ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาประมาณ ๑๑.๓๐ น. มีเวลาเหลือเฟือไม่รู้จะไปไหนดี จึงแวะอยุธยาไหว้พระดีกว่า ไปวัดไหนดีหนอ ไปวัดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักและไม่ค่อยมีใครไปดีกว่า จากถนนสายเอเซีย(ทางหลวงหมายเลข ๓๒) สร้อยฟ้ามาลาใช้เส้นทางบางปะหัน(ทางหลวงหมายเลข ๓๔๗) ขอบอกก่อนว่าวันนี้ไม่มีแผนที่ติดรถ ขับเดาสุ่มไปตามป้ายบอกทาง ความตั้งใจคือจะไปวัด เอ่อ จำชื่อวัดไม่ได้ ทราบแต่ชื่อว่า “วัดบรม” แล้วอะไรต่อก็ไม่รู้แล้ว แต่ถ้าเห็นป้ายชื่อวัดก็จะนึกออกทันที และแล้วก็เจอป้ายชื่อวัด ก็คือ “วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร” นั่นแหล่ะใช่เลย เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงแรกเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเข้าทางหลวงหมายเลข ๓๐๙(อยุธยา – อ่างทอง)ทางเข้าไปสู่วัดจะอยู่ตรงข้ามกับสวนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และวัดจะอยู่ใกล้กับเพนียดคล้องช้าง เป็นทางราดยางถนนดีทีเดียว ระยะทางประมาณไม่น่าจะถึง ๔ กิโลเมตรได้มั้ง

    a.jpg
    ซุ้มประตูทางเข้าวัด


    ในที่สุดก็เดินทางมาถึงวัดได้โดยไม่หลงทาง และไม่ขับรถเลยไปไหน เข้ามาในวัด ภายในบริเวณเงียบสงบ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคนเดียว ทางผู้ดูแลวัดซึ่งเป็นชาวบ้านละแวกนั้นได้ต้อนรับเป็นอย่างดี แนะนำถึงประวัติความเป็นมาของวัด ความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์เป็นการตามรอยพระบาทของพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช และได้ขอร้องให้ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้อื่นได้ทราบและมาเยี่ยมมาเยือนวัดนี้บ้าง ของดีมิได้มีอยู่แต่ภายในบริเวณด้านในเกาะเมืองที่เป็นพระราชวังเก่าเท่านั้น ขอให้มาชมรอบนอกเกาะบ้าง ซึ่งสร้อยฟ้ามาลาได้ถวายปัจจัยและชำระหนี้สงฆ์ให้กับทางวัดด้วย

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg
    ภายในบริเวณวัด สงบร่มรื่น และเงียบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย

    a.jpg
    หลวงพ่อศิลา

    a.jpg



    มาอ่านประวัติของวัดกันนะเจ้าคะ


    วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดโบราณ ตั้งอยู่ริมคลองน้ำยาใกล้กับเพนียด อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสัก เดิมชื่อ วัดทะเลหญ้า พวกกรมพระคชาบาลสร้างขึ้นเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้ย้ายเพนียดเดิมที่ตั้งอยู่วัดซอง ย้ายไปตั้งที่ตำบลทะเลหญ้า(ตำบลสวนพริกในปัจจุบัน) อยู่ในเขตอำเภอกรุงเก่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้ขุดคลองสระบัวซึ่งเป็นคลองแยกจากแม่น้ำลพบุรีทางทิศเหนือ จากท่าข้างกำแพงพระนครต่อออกไปจนถึงเพนียด เพื่อทรงใช้เป็นทางเสด็จทอดพระเนตรการจับช้างป่าที่เพนียดที่โปรดให้สร้างขึ้นใหม่นี้

    a.jpg
    สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์(องค์กลางด้านบน) อยู่ภายในพระอุโบสถ


    a.jpg


    a.jpg

    พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์

    a.jpg

    เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)



    a.jpg

    หม่อมหลวง"ปิ่น มาลากุล
    วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร หรือ วัดทะเลหญ้า เดิมมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ตลอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ก็ทรุดโทรมเรื่อยมา ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เสด็จไปทอดพระเนตรการซ่อมเพนียดคล้องช้างที่พระนครศรีอยุธยาทอดพระเนตรเห็นว่าวัดทะเลหญ้าซึ่งอยู่ใกล้กับเพนียดเป็นวัดที่ชำรุดทรุดโทรมหมดทั้งวัด โบสถ์ วิหารการเปรียญและศาลาต่างๆ ตลอดจนกุฏิสงฆ์ ซึ่งชำรุดไปมาก จึงทรงพระราชดำริว่า “วัดนี้ไม่ใช่วัดร้างยังมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ ถ้าจะปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมอย่างนี้ต่อไป อีกไม่นานก็ไม่สามารถจะใช้ประโยชน์ในศาสนกิจได้” อีกประการหนึ่งเมื่อแขกบ้านแขกเมืองที่จะไปชมการจับช้างเถื่อนที่เพนียด เห็นสภาพของวัดเข้าแล้วจะทำให้ขายหน้าไปตลอดถึงประเทศชาติได้ จึงเป็นเหตุให้สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ทรงสร้างวัดทะเลหญ้าขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ที่เคยเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นเล่าว่า “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ ได้ทรงปรารภว่า วัดทะเลหญ้าอยู่ใกล้เพนียด เป็นวัดของพวกกรมช้างมาแต่ก่อน คนภายนอกจะมาทำบุญก็ยากเพราะกลัวช้าง บริเวณนี้เป็นที่เลี้ยงช้าง ส่วนพวกเลี้ยงช้างก็ไม่มีเวลาจะไปทำบุญตามวัดต่างๆ ได้ ควรจะสร้างวัดขึ้นใหม่ให้พวกกรมช้างได้อาศัยทำบุญ พระองค์ท่านทรงมีพระปิติโสมมนัสเปี่ยมด้วยศรัทธาอันแรงกล้า จึงได้ทรงเริ่มก่อสร้างวัดทะเลหญ้าขึ้นใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ เสร็จเรียบร้อยบริบูรณ์ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๑๘ ในรัชกาลที่ ๕ แล้วทรงถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดพระราชทานชื่อใหม่ว่า วัดบรมวงศ์อิศรวราราม วรวิหาร


    a.jpg


    พระอุโบสถ



    a.jpg


    พระพุทธรูปหน้าพระอุโบสถ



    วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร ปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันของรัชกาลที่ ๕ ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปพระราชทานพระกฐินหลายคราว โดยเสด็จด้วยเรือพระที่นั่งจากพระราชวังบางปะอินบ้าง และเสด็จตรงไปจากกรุงเทพฯ บ้าง การเสด็จไปพระราชทานพระกฐินในแต่ละครั้งนั้น มีขบวนตามเสด็จมากมาย มีทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน และเมื่อพระราชทานพระกฐินเสร็จแล้ว ก็เลยเสด็จประพาสตามแม่น้ำลำคลองต่างๆ ในพระนครศรีอยุธยา เป็นที่สำราญพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง

    a.jpg
    พระประธานในพระอุโบสถ

    a.jpg
    หลวงพ่อเพชร

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg
    บานหน้าต่างลงรักปิดทอง เป็นลายเดียวกันทุกบาน

    a.jpg
    ตราประจำราชสกุล

    a.jpg
    ประตูลงรักปิดทองลายกนกเปลวและตราประจำราชสกุล



    ครั้ง พ.ศ.๒๔๔๔ หลังจากสมเด็จกรมพระยาบำราบปรปักษ์สิ้นพระชนม์แล้ว ๑๕ ปี ปรากฏว่าผนังอุโบสถด้านทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้ทรุด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงช่วยเหลือซ่อมแซม ส่วนเสนาสนะอื่นๆ นั้น พระยาปริยัติวงศาจารย์ ได้บูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา สิ่งก่อสร้างภายในวัดเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทย พระอุโบสถทำเป็นซุ้มรูปพระมหามาลา บานประตูบานหน้าต่างเขียนลายรดน้ำ ผนังพระอุโบสถตอนล่างประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลายคราบสลับหินอ่อน พื้นพระอุโบสถปูหินอ่อน มีเจดีย์ฐานย่อเป็น ๘ เหลี่ยม สูงประมาณ ๑๐ เมตร เจดีย์องค์นี้บรรจุพระอังคารของสมเด็จฯ กรมพระยาบำราบปรปักษ์ มีแท่นหินอ่อนอยู่ทางทิศเหนือแท่น ๑ ซึ่งเป็นแท่นทรงกราบ ส่วนในพระวิหารนั้นมีพระพุทธรูปทรงเครื่องสูงประมาณ ๒ เมตร

    a.jpg
    พระเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพระอุโบสถกับพระตำหนัก

    a.jpg
    ลายปูนปั้นหน้าบันตราประจำรัชกาลที่ ๕

    วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร เป็นอนุสรณ์ของสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ต้นราชสกุล มาลากุล ณ อยุธยา และปัจจุบัน ยังเป็นที่เก็บสะสมพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นจำนวนมาก

    a.jpg
    เดินเข้าประตูพระตำหนักจะพบพระรูปของพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช

    a.jpg
    a.jpg


    พอเข้ามาภายในด้านซ้ายมือจะพบพระพุทธรูปปางต่างๆ ซึ่งผู้ดูแลได้แนะนำให้จุดธูปไหว้พระก่อน ๓ ดอก แล้วค่อยจุดธูปบูชาพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช จำนวน ๕ ดอก



    a.jpg


    ส่วนด้านขวามือก็จะพบพระพุทธรูป ๓ ปาง



    a.jpg



    ภายในพระตำหนังจะมีพระรูปของพระองค์ประดิษฐานอยู่มากมาย



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    a.jpg



    ........................................ต่อหน้า ๒ เจ้าค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ๒.


    ออกจากวัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร สร้อยฟ้ามาลาก็ขับรถผ่านเพนียดคล้องช้าง ไหนๆ ก็ผ่านแล้ว อย่าให้เสียเที่ยวจึงจอดแวะชมเสียหน่อย แต่แดดร้อนนะนี่ เที่ยงครึ่ง ค่อนบ่าย (เริ่มบ่นอีกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองชักจะแพ้แดดแล้วสิ เริ่มจะมีอาการคัน หลังจากที่ไปทริปเหนือสุดแดนสยามต่อด้วยเที่ยววัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ก็มีอาการตลอดเลย แย่แล้ว.....) มาอ่านประวัติเพนียดคล้องช้างกันดีกว่า


    a.jpg
    พระที่นั่งเพนียด

    a.jpg

    a.jpg

    a.jpg


    เพนียดคล้องช้าง และ พระที่นั่งเพนียด อยู่บริเวณ ตำบลสวนพริก(เดิมเรียกตำบลทะเลหญ้า) ข้างวัดบรมฯในปัจจุบัน อำเภอกรุงเก่า(หรืออำเภอพระนครศรีอยุธยา) พระที่นั่งองค์เดิมซึ่งสร้างในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชนั้น ถูกไฟเผาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ พระที่นั่งและตัวเพนียดคล้องช้างที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดฯ ให้ซ่อมครั้งหนึ่ง และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้กรมหลวงเทพพลภักดิ์ เป็นแม่กองซ่อมอีกครั้งหนึ่งถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ซ่อมอีก ๒ คราว เพราะชำรุด ปัจจุบันใช้เป็นโรงเรียนประถมอาชีพช่างไม้และช่างต่อเรือ(ปัจจุบัน ณ ตอนนั้น พ.ศ.๒๕๐๒ นะคัดมาจากหนังสือ ศึกษาและเที่ยวในเมืองไทย โดย ประพัฒน์ ตรีณรงค์ ธ.บ. :- ข้อมูลอาจเก่าสักนิดเพราะว่านำมาจากหนังสือที่ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๒ อ่านแล้วอาจจะไม่ตรงกับสภาพ ณ ปี พ.ศ.๒๕๕๒ ก็ ๕๐ ปี พอดี แต่ที่นำมาลงให้อ่านไม่ใช่ต้องการให้เกิดความสับสนเพราะต้องการให้ทราบว่าเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว สถานที่นี้เป็นอย่างไร )



    a.jpg


    a.jpg


    a.jpg

    ประตูที่ให้ช้างเข้ามาภายในบริเวณลานที่จะทำการคล้องช้าง สูงน่าดูเลย

    a.jpg



    ออกจากเพนียดคล้องช้าง มาได้ก็ย้อนกลับเส้นทางเดิมที่เข้ามา ซึ่งตรงปากทางเข้ามาก็จะพบ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่สร้อยฟ้ามาลาไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมต้องขออภัยด้วยอย่างยิ่ง ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ร่วมกับ กรมศิลปากรจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงม้าไว้บริเวณด้านหน้าวัดภูเขาทอง ในบริเวณใกล้เคียงกันกับพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยที่กรมโยธาธิการฯ ได้สร้างไว้ก่อนหน้านั้น โดยเชื่อกันว่าบริเวณนี้เดิมเป็นทุ่งโล่งที่มีการตั้งทัพข้าศึก และเกิดการทำการยุทธหัตถีในหลายครั้งหลายสมัย และถ้าขับรถเข้าไปในสวนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็จะพบกับ วัดภูเขาทอง




    a.jpg



    a.jpg

    พระเจดีย์วัดภูเขาทองสูงประมาณ ๘๐ เมตร


    a.jpg
    เห็นอะไรไหม ถุงพลาสติกที่คนมือบอนนำมาเสียบไว้ตรงหัวเสาของกำแพง




    วัดภูเขาทอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ออกจากตัวเมืองตามเส้นทางอยุธยา – อ่างทอง ประมาณ ๒ กิโลเมตร สมเด็จพระราเมศวรทรงสร้างเมื่อ พ.ศ. ๑๙๓๐ ใน พ.ศ. ๒๑๑๒ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองกษัตริย์พม่าได้กรีฑาทัพมาตีพระนครศรีอยุธยาได้จึงให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ ต่อมาเจดีย์ได้พังลงมา ครั้นถึงรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงโปรดฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่หมดทั้งวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๒๘๘ พร้อมโปรดให้สร้างเจดีย์ใหม่อีกองค์หนึ่งบนฐานภูเขาทอง แล้วเปลี่ยนรูปเป็นเจดีย์ไทยย่อมุมไม้สิบสอง ขณะนี้จึงปรากฏว่าฝีมือช่างมอญเดิมเหลือเพียงรากฐาน ทักษิณสูงขึ้นไปเป็นพระเจดีย์ฝีมือช่างไทย ในพระอุโบสถของวัดมีพระประธานสมัยเชียงแสน และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน และวัดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของคลองมหานาค ซึ่งมีเรื่องปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า เมื่อคราวที่พระเจ้าหงสาวดีตะเบงชะเวตี้ ยกกองทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.๒๐๙๑ พระมหานาคซึ่งบวชอยู่ที่วัดนี้ได้ทูลลาสึก ออกมารับอาสาตั้งค่ายป้องกันข้าศึกตั้งแต่วัดภูเขาทองลงมาจนถึงวัดป่าพลู พรรคพวกของ มหานาคได้ช่วยกันขุดคูนอกค่ายป้องกันทัพเรือ คือ ขุดแยกจากคลองวัดภูเขาทองลงมาข้าง ใต้ถึงวัดศาลาปูน เลี้ยวมาทางตะวันตกผ่านหลังวัดพรหมนิวาส (วัดขุนยวน) และผ่านหน้าวัด ป่าพลูไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาที่เหนือตลาดหัวแหลม เรียกกันว่า คลองมหานาค ยังมีแนว คลองปรากฏอยู่จนทุกวันนี้



    a.jpg


    a.jpg

    ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ.๒๓๗๑ วัดนี้ได้เป็นแหล่งกำเนิดของนิราศในวรรณคดีไทยเรื่องหนึ่ง คือ นิราศภูเขาทอง โดยสุนทรภู่ซึ่งขณะนั้นอยู่ในสมณะเพศเป็น ท่านได้เดินทางมานมัสการพระเจดีย์ภูเขาทอง และพรรณนาสภาพของภูเขาทองที่เห็น ในครั้งนั้นไว้ในนิราศภูเขาทองของท่านด้วย ดังนี้

    “ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง
    ไปเจดีย์ที่ชื่อ "ภูเขาทอง" ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย
    อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดดเด่น เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส

    ที่พื้นลานฐานปัทม์ถัดบันได คงคาไหลล้อมรอบเป็นขอบคัน
    มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขวงกำแพงกั้น
    ที่องค์ก็ย่อเหลี่ยมสลับกัน เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม
    บันไดมีสี่ด้านสำราญรื่น ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม
    เวียนทักษิณจินตนาพยายาม ได้เสร็จสามรอบคำนับอภิวันทน์
    มีห้องถ้ำสำหรับจุดเทียนถวาย ด้วยพระพายพัดเวียนดูเหียนหัน
    เป็นลมทักษิณาวรรตน่าอัศจรรย์ แต่ทุกวันนี้ชราหนักหนานัก
    ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก”




    a.jpg


    a.jpg

    a.jpg


    a.jpg
    ด้านบนของพระเจดีย์


    ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ให้บูรณะซ่อมแซมพระเจดีย์ภูเขาทองอีกครั้งหนึ่งและทำลูกแก้วด้วยทองคำหนัก ๒,๕๐๐ กรัม (๑๖๐ บาท คิดเป็นเงินสมัยนั้น ๘๐,๐๐๐ บาท) ประดับไว้บนยอดพระเจดีย์อันหมายความว่า ได้รับการบูรณะ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ หรือ ๒๕ พุทธศตวรรษ และแล้วหลังจากนั้นมาประมาณ ๕ ปีเศษ คือ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้มีคนร้ายขโมยลูกแก้วทองคำบนยอดพระเจดีย์ดังกล่าวไปเสีย


    a.jpg
    a.jpg

    อุโมงค์ภายในพระเจดีย์


    a.jpg
    พระพุทธรูปภายในอุโมงค์


    งานนี้สร้อยฟ้ามาลาขอซนหน่อย ขอเดินขึ้นไปบนพระเจดีย์ พอขึ้นไปถึงด้านบนมองไปรอบๆ สามารถมองเห็นพระปรางค์วัดวรเชษฐาราม และเมืองพระนครศรีอยุธยาด้วย บนพระเจดีย์นี้ยังมีอุโมงค์เข้าไปภายในพระเจดีย์ ซึ่งด้านในจะพบพระพุทธรูปอยู่ ๒ องค์ ขาขึ้นไม่เท่าไหร่ มีหอบเหนื่อยบ้าง แต่ขาลงนี่สิ สูงจังเลย จะกลิ้งตกลงมาไหมนี่ เป็นตะคิวเลยเจ้าค่ะ กลัวความสูงด้วย.....

    a.jpg
    สูงจัง.....

    ตอนนี้ก็บ่ายโมงนิดๆ ยังมีเวลาอีกมากที่จะแวะสถานที่อื่นซึ่งตั้งใจจะไปพระราชวังบางปะอิน...... แต่ขณะนี้.....ร้อน ได้เหงื่อ เหนื่อย หิว เป็นตะคิว และที่สำคัญ คันไปหมดแล้วสงสัยจะแพ้แดด ไปไหนต่อไม่ได้แล้ว กลับบ้านดีกว่า......


    a.jpg

    a.jpg



    สรุป วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ซึ่งตั้งอยู่ด้านนอกของเกาะเมือง ค่อนข้างห่างจากกลุ่มโบราณสถานที่สำคัญๆ จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้จักและให้ความสนใจเท่าใดนัก แต่สร้อยฟ้ามาลาใคร่ขอเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ลองมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ดูบ้างแล้วจะพบว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมีอะไรที่น่าสนใจอยู่ในวัดนี้มากมายทีเดียว และไม่ต้องไปแย่งกัน เบียดกันไหว้พระอีกด้วย สบายใจ ระยะทางก็ไม่ไกลจากเกาะเมือง และขอขอบคุณชาวบ้านที่ช่วยดูแลวัดที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองมาก....




    (ข้อมูลจาก หนังสือ อยุธยามหามงคล ไหว้พระ ๙ วัด, หนังสือ ศึกษาและเที่ยวในเมืองไทย โดย ประพัฒน์ ตรีณรงค์ ธ.บ.)



    ภาพและคำโม้โดย สร้อยฟ้ามาลา






    สุดท้ายนี้อันกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรมคุณพระสงฆ์ คุณบิดาคุณ[​IMG]มารดา วงศาคณาญาติ คุณครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ท่านท้าวเวสสุวรรณ คุณเจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ พระยายมราช เจ้ากรรมนายเวร ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน อาจารย์สนาน เจริญโพธิ์ สัตว์โลก วิญญาณโลก และขอให้ผลบุญจงได้สำเร็จผลแด่เพื่อนๆ สมาชิกในเว็ปพลังจิต ทุกท่าน


    ..........................



    ..................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 204.jpg
      Picture 204.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.1 KB
      เปิดดู:
      1,318
    • Picture 200.jpg
      Picture 200.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      1,217
    • Picture 187.jpg
      Picture 187.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.3 KB
      เปิดดู:
      1,021
    • Picture 197.jpg
      Picture 197.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.4 KB
      เปิดดู:
      1,257
    • Picture 182.jpg
      Picture 182.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.3 KB
      เปิดดู:
      1,015
    • Picture 198.jpg
      Picture 198.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.8 KB
      เปิดดู:
      1,317
    • Picture 191.jpg
      Picture 191.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33 KB
      เปิดดู:
      1,002
    • Picture 195.jpg
      Picture 195.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.1 KB
      เปิดดู:
      1,042
    • Picture 207.jpg
      Picture 207.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74 KB
      เปิดดู:
      1,017
    • Picture 205.jpg
      Picture 205.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.2 KB
      เปิดดู:
      1,009
    • Picture 208.jpg
      Picture 208.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      1,002
    • Picture 211.jpg
      Picture 211.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.9 KB
      เปิดดู:
      2,194
    • Picture 213.jpg
      Picture 213.jpg
      ขนาดไฟล์:
      104.1 KB
      เปิดดู:
      2,293
    • Picture 215.jpg
      Picture 215.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.6 KB
      เปิดดู:
      1,001
    • Picture 218.jpg
      Picture 218.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      993
    • Picture 229.jpg
      Picture 229.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.6 KB
      เปิดดู:
      947
    • Picture 220.jpg
      Picture 220.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.1 KB
      เปิดดู:
      943
    • Picture 225.jpg
      Picture 225.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.4 KB
      เปิดดู:
      1,029
    • Picture 223.jpg
      Picture 223.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.1 KB
      เปิดดู:
      951
    • Picture 222.jpg
      Picture 222.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.5 KB
      เปิดดู:
      948
    • Picture 227.jpg
      Picture 227.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.4 KB
      เปิดดู:
      947
    • Picture 170.jpg
      Picture 170.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      1,081
    • Picture 228.jpg
      Picture 228.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.6 KB
      เปิดดู:
      927
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2018
  3. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ข้อมูลดีและภาพสวยๆเช่นเคย...ขอบคุณค่ะคุณสร้อยฟ้า
    ที่เป็นแรงบันดาลใจให้พี่แอ๊ดอยากลงภาพและเขียนบรรยายอย่างนี้บ้าง
    คุณสร้อยฟ้าถ่ายภาพที่มีมุมกล้องแปลกจากภาพถ่ายในเน็ตหรือทั่วๆไป
    อยากทำได้เหมือนคุณสร้อยฟ้านะคะ
     
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ขอบคุณจ้าพี่แอ๊ด เป็นกำลังใจให้หนูมากมายเชียว

    แหม พี่แอ๊ดก็ถ่ายรูปสวยนะ... ถ่ายรูปบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งจ่ะ
     
  5. tayanun

    tayanun สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  6. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ผ้าสไบห่มพระประธานผืนนี้ที่คุณสร้อยฯ ถ่ายมา งามมาก ๆ เลยค่ะ
    ชัดด้วย เจงขอเอาไว้เป็นแบบสำหรับทำผืนต่อ ๆ ไปนะคะ..

    ขออนุโมทนาค่ะ..สาธุ..
     
  7. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392
    ยังโม้ได้เก่งเหมือนเดิม... มิแปรเปลี่ยนเลยนะ...แม่สร้อย น้องที่ต้องดูแล...ของพี่...
     
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหญิงพี่ ว่าแต่ชมหรือว่าเค้าอ่ะ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2009
  9. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    มาวานเค้าตอบกระทู้ไปแล้วอ่ะ แต่ส่งไม่ผ่าน จะบอกว่าวัดนี้อ่ะ ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ สวยจังเพิ่งเคยเห็นอ่ะ แล้วชอบรูปนี้อ่ะ ไปจ้องนานแค่ไหนถึงได้ภาพนี้มาอ่ะ หุหุหุ

    [​IMG]
     
  10. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    มาชมภาพงาม ๆ บรรยายดีดี ^^ ขอบคุณครับ



    .
     
  11. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    อนุโมทนาบุญกับคุณสร้อยฟ้าด้วยจริงๆค่ะ พยามเข้ากระทู้นี้ตั้งแต่ที่โพสวันแรกแปลกมาก เข้ามาไม่ได้เลย ก็อยากทราบเหมือนกันนะค่ะ ว่ามาวัดไหน เพิ่งเปิดเข้ากระทู้ได้วันนี้ แหม เล่นแอบย่องมาวัดประจำของเราเสียด้วย ไอ้เราเราก็ชอบไปวัดเงียบๆประมาณนี้เลยค่ะ ท่านเจ้าอาวาสวัดนี้ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านมีเมตตาและเป็นกันเองมากค่ะ สำหรับที่วิหารตรีมุขนั้น เราก็ชอบนำบายศรี กล้วยน้ำว้า ดอกกุหลาบไปถวายเสด็จพ่อรัชกาลที่5. อยู่เสมอ ที่วิหารนี้จะมีน้องผู้ชายชื่อ"แก้ว" คอยดุแลวิหาร ทำความสะอาดและให้บริการผู้ที่ไปเยี่มชมวิหารตรีมุขด้วยค่ะ เขามีความศรัทธาและเทิดทูนเสด็จพ่อรัชกาลที่5มาก ขอบคุณคุณสร้อยฟ้าอีกครั้งนะค่ะ ที่เป็นตัวแทนชาวอยุธยาพาเที่ยววัดค่ะ
    ปล.อิ อิ ถ้าชอบวัดเงียบๆเราแนะนำวัดธรรมาราม ที่ต.บ้านป้อม(อยู่ระหว่างวัดท่าการ้องและวัดกษัตราค่ะ)อีกแห่งค่ะ ที่นี่ไม่เน้นอะไรเลยนอกจาก ความสะอาดและแก่นแท้ของธรรมะ ถ้าไปโปรดแวะฟังธรรมสัก2นาที3วินาที บนเนื้อที่25ไร่นะค่ะ ยืนยันว่าเป็นวัดไม่ดัง ไม่ขึ้นป้าย ไม่ลงโฆษณา แต่ว่าดังอยู่ในใจเงียบๆค่ะ
     
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณสงบระงับ... ตอนนี้สร้อยฟ้าฯ กำลังตามหาวัดวัดหนึ่งในอยุธยาที่มีพระตำหนักของรัชกาลที่ ๕ ซึ่งสร้างด้วยไม้สักและภายในตำหนักเป็นสีชมพูอ่ะจ่ะ ไม่ทราบชื่อวัดเสียด้วยสิ.....
     
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    พอดีเหลือบตาไปเห็นเข้า เจ้ากระรอกตัวนี้กำลังนอนพังพาบสบายอารมย์อยู่ ระยะห่างก็ประมาณเกือบ ๑๐ เมตรได้มั้งเลยถ่ายรูปได้สบายๆ ไม่หนีไปไหน...
     
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ขอบคุณ คุณเฮียปอฯเจ้าค่ะที่ติดตามอ่านเสมอๆ...
     
  15. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    อนุโมทนา นะจ๊ะ...สวยแล้วแถมใจดีอีกต่างหาก...
     
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ขอบคุณเจ้าค่ะพี่อ้อ

    พี่อ้อชมเค้าสวยเหรอ ...อิ อิ
     
  17. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    เจดีย์ภูเขาทอง ได้แต่ผ่านไปผ่านมาไม่กล้าขึ้น (กลัวความสูง) ได้ดูก็โอเคแล้ว ขอบคุณนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...