๑๗ อภิญญาสมาบัติ ทิพย์แห่งจิต หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ตอนที่ ๔

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย kim9, 1 ธันวาคม 2010.

  1. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    ๔.สุดยอดวิชาการฝึกอภิญญาจิตของหลวงปู่

    ช่วงที่ ๑

    หลวง ปู่เภาเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ เกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองกรุงเก่า หลวงปู่ดู่ได้ร่ำเรียนเกี่ยวกับการลบผง เรียนสูตรต่างๆ จากหลวงปู่เภา ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ท่านเคยเล่าให้ผู้เขียนฟังถึง สุดยอดของการทำผงพระพุทธคุณ "มี อยู่คืนหนึ่งนอนฝันไป ว่า ได้เจอกับอาจารย์ที่เป็นต้นแบบของวิชา ไม่ได้เป็นพระ เป็นฆราวาส พอมาถึง ท่านก็เรียกอาจารย์ที่เป็นผู้สอนวิชาทำผงหลายท่าน พร้อมกับต่อว่าเกี่ยวกับการสอน เนื่องจากสอนไม่หมด มีการยักย้ายถ่ายเทอักขระคาถา อาจารย์เหล่านั้นท่านก็บอกว่า เคยเรียนมาแบบนี้ เพราะเป็นการบอกต่อๆ กันมา ในที่สุดอาจารย์ท่านนี้จึงบอกว่า จะสอนให้ถึงของจริง แล้วท่านใช้ดินสอพองเขียนลงไปบนกระดานชนวน เขียนไปลบไปจนตอนท้ายท่านบอกว่า ของจริงต้องเป็นอย่างนี้ ท่านตบลงไปที่กระดาน กระดานชนวนเกิดเป็นไฟลุกขึ้น แล้วท่านก็ให้ลองทำ ข้าพอทำได้ก็เลิก ไม่เอา กลัวบาป"
    ผู้เขียนจึงเรียนถามหลวงปู่ว่า ผงนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง หลวงปู่ท่านบอกว่า "อยู่ที่อธิษฐานได้ทั้งนั้น" เข้าใจว่าท่านคงไม่ต้องการข้องแวะกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเป็นอิทธิฤทธิ์ สู้บุญฤทธิ์ไม่ได้ ถ้าติดอยู่จะทำให้หาหนทางไม่ได้

    สุดยอดวิชาการฝึกอภิญญาจิตของหลวงปู่

    ช่วงที่ ๒

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ เกิดสุริยคราส ผู้เขียนเกิดความรู้สึกว่า หลวงปู่ทวดบอกว่า "ถ้าอยากได้วิชาชาตรี ให้ไปหาอาจารย์ที่วัด" เมื่อไปถึงกราบเรียนหลวงปู่ ท่านยิ้มบอกว่า "หลวงปู่เข้าใจพูด ล่อแกให้มาวัดได้" สักพักหนึ่ง ท่านจึงอธิษฐานจิตเสกข้าวที่มีญาติโยมนำมาถวาย เสร็จแล้วท่านจึงบอกว่า "วิชา ชาตรียังติดอยู่ในโลก สุริยคราสเกิดวันนี้ แลยทำไปถึงผงสุริยคราส ผงจันทคราส โบราณเขาเรียกว่า ผงสูรย์-ผงจันทร์ ที่จริงพี่น้องเขามาพบกัน ดุมล้อ (ราชรถ) มาเกยกันทำให้เกิดเงา คนไม่รู้เลยยิงปืน ตีเกราะให้คลายจากกัน ควรจะภาวนาถึงจะถูกต้อง เอ้า แกดูนี่ทำ ต่อไปถึงผงนิพพานสูญ ว่างเปล่า ไม่มีอะไร เป็นอันหมดกัน"

    ผู้ เขียนจึงเกิดความรู้สึกว่าหลวงปู่ท่านมีสรรพวิชาจริง แต่ท่านไม่ข้องแวะติดอยู่ แม้แต่วิชาชาตรีของหลวงปู่กลั่น ท่านบอกว่าเคยไปเรียนกับพระองค์หนึ่งโดยไปเป็นเพื่อน เนื่องจากการเรียนต้องเรียนเป็นคู่วิชานี้ เมื่อถึงเวลาทำพิธี อาจารย์จะมีหินคอยกำหนด โดยเมื่อบริกรรมไประยะหนึ่ง อาจารย์จะยกหินซึ่งมีน้ำหนักมาก ถ้ายังยกไม่ขึ้นแสดงว่า จิตของลูกศิษย์ยังใช้ไม่ได้ จนกระทั่งอาจารย์ยกได้จะทุ่มมาที่ลูกศิษย์ หลวงปู่ท่านบอกว่า ตอนที่ยกทุ่มมาเสียงดังมาก แม้แต่พระยังวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้เขียนถามความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง หลวงปู่ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเป็นคงไม่มาอยู่ต่อหน้าแกเดี๋ยวนี้ วิชาชาตรีมีเค้าเงื่อนเดิมมาจากแขก ผู้ที่เรียนมักเกิดความฮึกเหิม เพราะวิชาคงกระพัน หมายถึงโดนแต่ไม่เข้า ส่วยชาตรี โดนแต่เบา ไม่เจ็บ จึงมักเรียกรวมว่าคงกระพันชาตรี ถ้าผู้เรียนไม่มีศีลธรรม มีที่ไปคือนรก ปัจจุบันคือคุกตะราง อนาคตคือนรกภูมิ หลวงปู่จึงไม่ให้ติดในสิ่งเหล่านี้ เพราะจิตไม่เกิดการพัฒนา ทำให้เนิ่นช้าต่อคุณธรรมที่ควรจะได้

    - จบเรื่องที่ ๔ -
     

แชร์หน้านี้

Loading...