Album: ประวัติหลวงปู่/วาระ/จากคุณภิญโญ (สายกลาง)หน้า 1152

ประวัติโดยย่อ<br /> หลังจากลาสิกขาจากสามเณรก็มาอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้จนมีคู่รัก คนหนึ่งชื่อ “เงิน” เหมือนกับท่าน และแล้ววันหนึ่งหลวงพ่อเงินได้คุยกับพี่สะใภ้ถึงเรื่องการแต่งงาน พี่สะใภ้ก็พูดล้อเล่นว่าอย่าแต่งงานเลยบวชดีกว่า เมื่อได้ยินพี่สะใภ้พูดอย่างนั้นหลวงพ่อเงินจึงขอโทษพี่สะใภ้ขอจับนมพี่สะใภ้ พี่สะใภ้ก็ให้จับแต่โดยดี เมื่อหลวงพ่อเงินจับนมพี่สะใภ้ แล้วก็เอามือมาบีบน่องของตนเอง แล้วก็อุทานว่า “นมกับน่องก็เหมือนกัน” ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลวงพ่อเงินตัดสินใจอุปสมบทจนกระทั่งมรณภาพ<br /> <br /> เมื่ออายุครบอุปสมบทท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) และได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดนี้ ในระหว่างอุปสมบทได้ปฏิบัติ ธรรมวินัยและร่ำเรียนวิปัสสนาอยู่ได้ 3 พรรษา ทางบ้านแจ้งข่าวมาว่าปู่ของท่าน ป่วยหนัก จึงให้พี่ชายที่ชื่อทอง นิมนต์หลวงพ่อเงินให้ไปจำพรรษาที่วัดคงคาราม (วัดบางคลานใต้) เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดญาติโยมพี่น้อง และไปเยี่ยมอาการป่วยไข้ ของโยมปู่ <br /> <br /> หลวงพ่อเงินจำพรรษาอยู่ที่วัดบางคลานใต้ได้เพียงพรรษาเดียวเท่านั้น ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่คืออยู่ที่หมู่บ้านวังตะโก เนื่องจากขณะที่ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบางคลานใต้เป็นยุคที่หลวงพ่อโห้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระที่เรืองวิชาชอบเล่นแร่แปรธาตุ นอกจากนั้นยังชอบการเทศน์แหล่ชาดกด้วย ในสมัยนั้นพระองค์ไหนเทศน์แหล่ลูกคอดีเสียงดี มีลูกเล่นแพรวพราวด้วยละก็ ชาวบ้านนิยมกันนักหนา <br /> <br /> ฉะนั้นพระที่สนใจการเทศน์แบบนี้จะต้องมีการฝึกฝนการเทศน์เป็นประจำ เวลาขึ้นธรรมาสน์เทศน์จะได้ไม่ติดขัด หลวงพ่อโห้ก็เฉกเช่นพระนักเทศน์ทั่วไป <br /> <br /> ยามว่างจากการเล่นแร่แปรธาตุ ต้องส่งเสียงแหล่เป็นประจำทั้งเช้าเย็น ครั้นหลวงพ่อเงินจะไปบอกกล่าวก็ไม่ได้ เพราะตนเองเป็นเพียงพระผู้มาอาศัยเท่านั้น เมื่อเสียงดังเกิดไปรบกวนหลวงพ่อเงินที่กำลังนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ท่านก็เกิดความรำคาญสุดที่จะอดทนได้ จึงคิดจะย้ายออกจากวัดไปหาที่สงบบำเพ็ญเพียร พอออกพรรษาเมื่อรับงานกฐินเสร็จ จัดการรวบรวมเครื่องอัฐบริขารเดินตรงมาที่หน้าโบสถ์ แล้วเข้าไปกราบพระประธาน <br /> <br /> ตั้งจิตอธิษฐานบอกกล่าวเป็นการอำลาไปอยู่สถานที่แห่งใหม่ เมื่อออกจากโบสถ์มา <br /> <br /> ก็ตรงไปที่ต้นโพธิ์ใหญ่หน้าโบสถ์พร้อมกับหักกิ่งโพธิ์ติดมือไปด้วย แล้วลงเรือข้ามแม่น้ำไปยังฝั่งเหนือแถบหมู่บ้านวังตะโก ได้พบสถานที่รกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่งอยู่ริมแม่

ประวัติหลวงปู่/วาระ/จากคุณภิญโญ (สายกลาง)หน้า 1152

อัปเดต 15 พฤศจิกายน 2012
There is no photo in this album yet.
psom
ประวัติโดยย่อ
หลังจากลาสิกขาจากสามเณรก็มาอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้จนมีคู่รัก คนหนึ่งชื่อ “เงิน” เหมือนกับท่าน และแล้ววันหนึ่งหลวงพ่อเงินได้คุยกับพี่สะใภ้ถึงเรื่องการแต่งงาน พี่สะใภ้ก็พูดล้อเล่นว่าอย่าแต่งงานเลยบวชดีกว่า เมื่อได้ยินพี่สะใภ้พูดอย่างนั้นหลวงพ่อเงินจึงขอโทษพี่สะใภ้ขอจับนมพี่สะใภ้ พี่สะใภ้ก็ให้จับแต่โดยดี เมื่อหลวงพ่อเงินจับนมพี่สะใภ้ แล้วก็เอามือมาบีบน่องของตนเอง แล้วก็อุทานว่า “นมกับน่องก็เหมือนกัน” ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลวงพ่อเงินตัดสินใจอุปสมบทจนกระทั่งมรณภาพ

เมื่ออายุครบอุปสมบทท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) และได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดนี้ ในระหว่างอุปสมบทได้ปฏิบัติ ธรรมวินัยและร่ำเรียนวิปัสสนาอยู่ได้ 3 พรรษา ทางบ้านแจ้งข่าวมาว่าปู่ของท่าน ป่วยหนัก จึงให้พี่ชายที่ชื่อทอง นิมนต์หลวงพ่อเงินให้ไปจำพรรษาที่วัดคงคาราม (วัดบางคลานใต้) เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดญาติโยมพี่น้อง และไปเยี่ยมอาการป่วยไข้ ของโยมปู่

หลวงพ่อเงินจำพรรษาอยู่ที่วัดบางคลานใต้ได้เพียงพรรษาเดียวเท่านั้น ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่คืออยู่ที่หมู่บ้านวังตะโก เนื่องจากขณะที่ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบางคลานใต้เป็นยุคที่หลวงพ่อโห้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระที่เรืองวิชาชอบเล่นแร่แปรธาตุ นอกจากนั้นยังชอบการเทศน์แหล่ชาดกด้วย ในสมัยนั้นพระองค์ไหนเทศน์แหล่ลูกคอดีเสียงดี มีลูกเล่นแพรวพราวด้วยละก็ ชาวบ้านนิยมกันนักหนา

ฉะนั้นพระที่สนใจการเทศน์แบบนี้จะต้องมีการฝึกฝนการเทศน์เป็นประจำ เวลาขึ้นธรรมาสน์เทศน์จะได้ไม่ติดขัด หลวงพ่อโห้ก็เฉกเช่นพระนักเทศน์ทั่วไป

ยามว่างจากการเล่นแร่แปรธาตุ ต้องส่งเสียงแหล่เป็นประจำทั้งเช้าเย็น ครั้นหลวงพ่อเงินจะไปบอกกล่าวก็ไม่ได้ เพราะตนเองเป็นเพียงพระผู้มาอาศัยเท่านั้น เมื่อเสียงดังเกิดไปรบกวนหลวงพ่อเงินที่กำลังนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ท่านก็เกิดความรำคาญสุดที่จะอดทนได้ จึงคิดจะย้ายออกจากวัดไปหาที่สงบบำเพ็ญเพียร พอออกพรรษาเมื่อรับงานกฐินเสร็จ จัดการรวบรวมเครื่องอัฐบริขารเดินตรงมาที่หน้าโบสถ์ แล้วเข้าไปกราบพระประธาน

ตั้งจิตอธิษฐานบอกกล่าวเป็นการอำลาไปอยู่สถานที่แห่งใหม่ เมื่อออกจากโบสถ์มา

ก็ตรงไปที่ต้นโพธิ์ใหญ่หน้าโบสถ์พร้อมกับหักกิ่งโพธิ์ติดมือไปด้วย แล้วลงเรือข้ามแม่น้ำไปยังฝั่งเหนือแถบหมู่บ้านวังตะโก ได้พบสถานที่รกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่งอยู่ริมแม่

จัดการ

แชร์หน้านี้

Loading...