ขำกลิ้ง...แทบตกเก้าอี้ทุกที

เห็นคนที่เรียกร้องประขาธิปไตยเพราะมีความเชื่อว่าเมื่อมีการเลือกตั้งปุ๊บประชาชนจะมีอำนาจปั๊าบบบโดยอัตโนมัติได้หรือไง...ถ้าไม่ใช่
จะเรียกร้องทำไมให้มีการเลือกตั้งเพราะเป็นเรื่อง
น่ารำคาญหู รำคาญใจมาก

ประชาธิปไตยจริงๆ อำนาจของประชาชนหลังเลือกตั้งต้องมีเท่ากับก่อนเลือกตั้งสิครัช
ไม่ใช่เลือกตั้งเสร็จประชาชนก็หมดอำนาจ
เป็นลิงจ๋อ เพราะอำนาจไปอยู่กับนักเลือกตั้ง
ทั้งหมด
พวกนักเลือกตั้งก็สนุกสิฮะ
ทำอะไรก็ได้ผิดถูกก็อ้างว่ามาจากการเลือกของประชาชน
แล้วอำนาจมันเป็นของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยตรงไหน
จะไม่ขำตกเก้าอี้ได้ยังละฮะ ทั่นผู้ชมครับนะฮะ

 

ประชาชนผิดวันยังค่ำ งี้ แล้วจะให้มีกาโนโหวตทำไมนะ ให้เลือกตั้งใหม่เปลืองงบเล่น ปกครองแบบจอมมาร กับผู้กล้าไปเลย หน้าด้านขอตังไปทำโครงการ แจกๆๆ

 

ประชาธิปไตย์ที่ได้มาจากการทำรัฐประหารก็งี้แหละ
ลองดูรัฐธรรมมนูญกี่ฉบับ มีฉบับไหนมั่งที่เขียนโดยประชาชน
รัฐธรรมมนูญส่วนมาก ได้มาจากการทำรัฐประหาร ทหารเขียน
เวลาที่เขาจะคืนอำนาจให้ประชาชน เขาก็เขียนกฏหมายให้มันเละ
พอเอากฏหมายนั้นไปใช้ ทุกอย่างมันก็เลยเละ
พอทุกอย่างเละ มันก็เข้าทางเขา มีเหตุผลที่จะยึดอำนาจได้อีก
พอยึดอำนาจไปสักพัก ถึงเวลาที่จะต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ก็เขียนกฏหมายให้มันเละอีก
พอเอากฏหมายไปใช้ ผลที่ได้มันก็เละ
พอเละปุ๊บ ทหารก็มีเหตุผลที่จะยึดอำนาจอีก อ้างว่านักการเมืองทำเละ
มันก็เป็นวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้ เป็นการวางยาเอาไว้ทุกๆครั้ง

 

เรื่องนี้ริวจะไม่ยุ่งอีกนะแหละ
ขี้เกียจเข้าค่าย. อิอิ

 

ให้ใช้ระบบที่ปชช.มีสิทธิ์มีเสียงเช่นเดียวกับ สส.
คือเวลาเลือกตั้ง ต้องมีใบเอกสารหลักฐานว่า ปชช.คนไหน เลือก สส.เบอร์อะไร
แล้วเก็บหลักฐานนั้นไว้ เพื่อเป็นฐานเสียงให้ ผู้สมัคร สส.คนนั้นเป็นสส.ได้
โดย ที่ฐานเสียงอันนี้ ต้องไม่ลดลงมากกว่า หนึ่งในสาม ของคะแนนเสียงทั้งหมด
สมมุติเช่น
นาย ก. ชนะเลือกตั้งด้วย คะแนนทั้งหมด หนึ่งแสนสองหมื่น
ขณะที่ นาย ข. ได้คะแนนเพียงหนึ่งแสน
กรณีนี้ นาย ก.ก็ชนะการเลือกตั้ง ได้เข้าไปเป็น สส.(ภายหลังจากที่ กกต.ตรวจสอบแล้วว่า ไม่มีการทุจริต)
ต่อมา ปรากฏว่า นาย ก. ทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ทำให้ ปชช.ที่เลือกนาย ก.เข้ามา ไม่พอใจ
จึงไปแจ้งความ ถอนคะแนนเสียงของตนออก เลิกสนับสนุนนาย ก. เป็น สส.
ปรากฏว่า จำนวนปชช.ที่ไปแจ้งความถอนเสียงสนับสนุน นาย ก. นี้ มีจำนวนถึง สีหมื่นห้าพันคน
เกินกว่าจำนวนหนึ่งในสามของคะแนนทั้งหมด ทำให้นาย ก. หลุดออกจากการเป็น สส. โดยอัตโนมัติ
คณะ กกต.มีมติ ให้นาย ข. มีผู้คะแนนมาเป็นอันดับสอง ขึ้นเป็น สส. แทนนาย ก.

* การแจ้งความเพื่อถอนคะแนนสนับสนุน สส.นี้ ตนเองเลือก สส.คนไหน
ก็มีสิทธิ์ถอนคะแนนสนับสนุน สส.คนนั้น ไม่สามารถแจ้งความ ถอนคะแนนสนับสนุน สส.คนอื่นได้

วิธีนี้ จะทำให้ ปชช. ปลด สส. ออกจากตำแหน่ง สส. ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกมาประท้วง
และเมื่อ จำนวน สส. ถูกปลดลดลงจนมีเสียงข้างน้อย

 

เดี๋ยวนี้ลุงแมว เก่งขึ้นเยอะ .. แล้วต่อไปจะหาคนคุยด้วยได้เหรอครับนี่
ดีไม่ดี อาจจะได้อยู่หลุมดำยาวเลยนะครับ ^^

 

ต้องช่วยกันเขียน เวียนกันอ่าน วานกันชม จึงจะมีกำลังใจ
เขียนต่อไปได้ยาวๆ

ประเทศกำลังพัฒนามีคำถามว่าจะเอายังไงดี
ระหว่างให้ฝ่ายบริหารนำทาง และประชาชน
เดินตามไม่ขัดแย้งปั่นป่วน....นำเดินไปสู่เป้าหมาย
การอยู่ดีมีสุขอย่างเดียว

กับอีกอย่างคือ
ให้ฝ่ายบริหารต้องหยุดและฟังประชาชนสั่ง
ให้เลิกทำนั่นแล้วหันมาทำนี่ตลอดทาง

สุดท้ายไม่เป็นสุขทั้ง 2 ฝ่าย
รัฐบาลก็กลุ้ม ประชาชนก็เครียด
แล้วจะไปกันยังไงครับ

 

พอดีเพิ่งนึกได้
ยกเลิกระบบราชการ
ให้จ้างเอกชนมารับเหมาไป แบบไปรษณีย์ไทย
ถึงเวลาก็เปิดประมูลสัมปทาน
ใครชนะประมูล ก็ได้สิทธิ์เข้าไปบริหารประเทศ
เจ้าหน้าที่ ก็เป็นทีมของผู้รับเหมาทั้งหมด
เรียกบริษัทเหล่านี้ว่า บริษัทรับเหมารับจ้างบริหารประเทศ

 

มีสัญญาจ้างระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ต้องพัฒนาอะไรบ้าง
หากทำไม่ได้ตามสัญญา ต้องจ่ายค่าปรับเท่าไหร่
เอาบริษัทของต่างชาติเข้ามารับเหมาก็ได้
ความคิดความอ่านต่างจากคนไทย อาจทำให้ประเทศชาติเจริงมั่นคงเร็วขึ้น
เหมือนอย่างการจ้างโค้ดต่างชาติให้มาฝึกสอนนักฟุตบอลไทย

 

ในระหว่างอยู่ในสัญญารับจ้างบริหารประเทศนั้น ห้ามมีการประท้วง ห้ามก่อม็อบ ห้ามเดินขบวน
เพราะบริษัทผู้รับเหมา ดำเนินการพัฒนาประเทศตามสัญยาอยู่แล้ว
มีปัญหาอะไรให้ไปฟ้องศาล

 

ต่อไป เมืองไทยจะเป็นเมืองศิวิไลซ์ เพราะเราจะจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาบริหารจัดการประเทศ
เราจะไม่มีรัฐบาล ไม่มีข้าราชการ มีแต่พนักงานของบริษัทรับเหมาที่เข้ามาทำงานแทน

 

ซึ่งการประมูลรับจ้างบริหารประเทศนี้ ไม่จำเป็นต้องทำโดยบริษัทเดียว
อาจให้สัมปทานได้กับหลายบริษัท อาทิเช่น
บริษัท ก.หริหารภาคเหนือทั้งหมด บริษัท ข.บริหารภาคอีสาน
บริษัท ค.บริการภาคตะวันออก
บริษัท ง.บริหารภาคกลาง
บริษัท จ.บริหารภาคใต้

 

ประเทศที่เต็มไปด้วยเด็กน้อย ..
ถ้ายังไม่ยอมพ้นจากความเป็นเด็กเสียแล้ว .. จะให้เด็กคนไหนมาทำ ก็มีปัญหาทั้งนั้นล่ะ

 

เด็กพวกนี้ เจอผู้ใหญ่ใจดี แจกตังค์ซื้อหนมไม่ชอบ ชอบผู้ใหญ่ถือปืนมาจ่อกะโหลก

 

อย่าเพิ่งเอาตัวเองไปเป็นเด็กน้อยผู้หิวโหยไปเสียก่อนล่ะ

แม้ว่าตอนนี้จะไม่ดี หรือ ต่อให้ คนที่อยากเป็นมากกลับมาเป็น ประเทศก็ยังไม่ดีขึ้นหรอก
เพราะเท่าที่ผมศึกษาแล้ว คนนั้นไม่ได้เก่งจริงเท่าไร หรอกนะ
ก็แค่คนมีบุญมาก และตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าเขาทำบุญอะไรมาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว

ดังนั้น ผมไม่เคยรู้สึกน้อยใจ และไม่กลัวด้วย เพราะ ทุกวันนี้ผมทำบุญอัดเต็มแม็ค (เต็มที่ใจ)

 

คงต้องให้พ่อแม่เลี้ยงเด็กน้อยให้โตเป็นผู้ใหญ่เป็น
และก็คงต้องหวังอีกด้วย ว่าเด็กน้อยที่ถูกเลี้ยงด้วยเด็กน้อยมันจะผ่าเหล่าโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเยอะ ๆ

เลี้ยงลูกแบบสักแต่ว่าให้ทำ แต่ไม่สอนให้เข้าใจ และไม่ให้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ให้เรียนรู้และทำเพียงแค่สิ่งที่บรรพบุรุษทำ ๆ กันมาเท่านั้น
โยนภาระการสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ไปให้ระบบการศึกษาเด็กน้อยกันหมด และไม่เคยได้สนับสนุนให้เด็กน้อยทำอะไรที่มันสร้างสรรค์เลย เพราะมัวแต่กลัวโน่นนี่นั่น ผลผลิตที่ได้ คือ ไข่ในหิน ที่เมื่อกระเทาะไข่ออกมาจากหินแล้ว เปลือกไข่มักจะบอบบางกว่ามาตรฐาน

 

อ่านข่าวแต่ละข่าวช่วงนี้ .. วิธีแก้ปัญหาทั้งรัฐทั้งเอกชน ดูไทยแล๊นไทยแลน
คือ ขอให้ง่ายกูเข้าว่า ส่วนจะได้ผลหรือไม่ ก็ชั่งมันไปก่อน

.. ดังนั้นยังอีกไกล ไกลกว่า 15 ปีมาก แน่นอน

 

อันนี้ถูกใจโคตร ๆ ครับท่าน

 

เรื่องพวกนี้ผมขำไม่ออกแล้วอะนะ ...ผมรู้สึกเบื่อมากกว่า มันมีแต่เดิมๆ ซ้ำๆ ...ตอนนี้รอ "เปลี่ยนครั้งใหญ่" อย่างเดียวแล้วอะนะ เผื่อจัดการส่วนที่มันขวางอยู่ จะพอมองเห็นเค้าเปลี่ยนไปในทางที่ดี อะนะ

 

ทะเลากันทุกรอบ มันก็มีคนขำอยู่ทุกรอบ ผมก็เบื่อ
เพราะคนที่เข้ามาทุกรอบ แก้ปัญหาไม่ถูกสักรอบ

ทหารก็ทหารเถอะ เข้ามาก็ยังแก้ปัญหาไม่ถูกเหมือนเดิม เพราะบ้ากฏระเบียบมากเกินไป และกฏระเบียบส่วนใหญ่ที่ทหารบ้ามักจะเป็นกฏระเบียบที่บ้าจริง ๆ = = เอิ่ม ก็คงไม่บ้าหรอกถ้าใช้กับทหารด้วยกันเอง

มันก็ดีกับทหารล่ะนะ แต่มันไม่ดีกับประชาชนเลย

เอ้า!!!!

ใครอยู่ฝั่งที่ได้อำนาจก็ขำไป พวกที่อยู่ฝั่งที่แพ้ก็รอวันเอาคืนกันไป

รอวันฝ่ายตัวเองชนะจะได้ขำบ้าง

ก็น่าเบื่อจริง ๆ ล่ะเนาะ