ท่านฝึกละสังโยชน์ ๓ เพื่อเตรียมตัวเป็นโสดาบันอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์โง๋, 11 เมษายน 2017.

  1. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    ลพ ฤาษี กล่าวว่าเมื่อผู้เห็น(แจ้ง) ในนิพพาน จะเห็น 2 ขณะบ้าง 3 ขณะบ้าง ผู้ที่มีอินทรีย์แก่กล้าจะเห็นได้ 3 ขณะ
    คำถามคือ ไม่ว่าจะ 2 ขณะ หรือ 3 ขณะ ผู้ที่แจ้งในนิพาน ท่านเห็นธรรมอันเป็นโลกุตระ อะไร????
    (เห็นธรรมในโลกุตระแล้วจึงมาบัญญัญในภาษาสมมุติสอนลูกศิษย์ทั้งหลาย)
     
  2. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    จะขอตอบในฐานะที่ได้บอกว่า ได้เห็นแจ้งในส่วนที่เป็นอสังขตธรรมตามความเป็นจริง ในฐานะนี้เท่านั้นนะครับ ฐานะอื่นไม่ยุ่งด้วย

    การเห็นอสังขตธรรมหรือพระนิพพาน มีผลอย่างไร ตอบตามความรู้สึกจริงๆ คือ

    1. รู้ในความมีอยู่จริงของพระนิพพาน
    2. รู้จักอสังขตธรรมตามความเป็นจริงจริงๆ
    3. รู้ทุกข์รู้โทษ รู้ในความหลงกระทำ ความหลงจม วนเวียนท่องไปในวัฏฏสงสารอันไม่มีที่สิ้นสุด
    4. พระนิพพานจะเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการเรียนรู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริงต่อไป

    ถามว่าถ้าไม่เห็นธรรมส่วนนี้จะเรียนตามดังที่ว่ามานั้นได้หรือไม่ ตอบว่า ได้ ทำไมจะไม่ได้ แต่ความชัดเจน (เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน) ก็ย่อมจะไม่เท่ากัน เป็นธรรมดา พอเห็นได้ มันก็ไม่ต้องเดา ก็มีเท่านั้นเอง
     
  3. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอบคุณพระคุณครับที่ตอบให้ทราบให้หายสงสัย แต่ก็สงสัยอยากเผือกจริงๆอิอิ ว่าเขาแจ้งธรรมในหมวดอะไรบ้างในการเห็นครั้งแรก พระพุทธเจ้าถึงเอาธรรมที่มาจิต(84000) มาสอนชาวโลกได้ และยิ่งโสดาบันนี่แจ้งธรรมอะไรไปแล้วบ้าง(ถึงจะแจ้งธรรมยังไม่หมด) ยิ่งได้ฟังคำตอบยิ่งอยากเผือก พอจะตอบให้ฟังได้ไหมครับ อิอิ
    ขอบพระคุณครับที่ตอบมาให้อ่านเสริมความรู้ เป็นธรรมทาน ^^
     
  4. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เหมือนเดิมนะ จะตอบเท่าที่รู้ถึง ณ ปัจจุบันนี้เท่านั้นนะครับ

    การเห็นพระนิพพานมีอยู่จริงนี้ คำว่ามีศรัทธานี้ยังต้องถือว่ายังดูห่างไกลอยู่ อันนี้เลยคำว่ามีศรัทธาไปแล้ว คือลงมือประพฤติจริงและประพฤติให้ตรงตามหนทางนั้นเลยทีเดียว หมายความว่า เอาข้อ ๒ การรู้ซึ่งสภาพธรรมของอสังขตธรรมนั้นแหละมาเป็นหนทางมรรค เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งนิโรธ และ ข้อ ๓ ความหลงกระทำ หลงจมเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร คือ ทุกข์ และ สมุทัย ที่จะต้องรู้ตัวให้ทันบ่อยๆ เอา ส่วนข้อ ๔ กล่าวรวมๆ ก็คือปฏิปทานั่นเอง

    ทีนี้ปฏิปทานี้จะกล่าวโดดๆ แบบนี้ คงจะไม่ได้ ความรู้จริงเห็นจริง ความชัดเจนจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าตราบใดกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมยังก่อทุกข์ก่อโทษอยู่ร่ำไป ถ้าความหมดจดมีไม่พอ ก็ยากที่จะเห็นธรรมตามความเป็นจริงได้ สัปปายะจึงต้องสร้างมาเลยทีเดียว ตั้งแต่การมีสติ มีศีล มีสมาธิ มีปัญญาในเบื้องต้นเป็นต้น มาโดยลำดับ

    การดำเนินชีวิตอันสมควร การกินการอยู่ โคจร/อโคจร มันต้องค่อยๆ สังเกตปรับปรุงตนเองไปเรื่อยๆ เห็นทุกข์เห็นโทษไปเรื่อยๆ ถ้าจะไปมัวนั่งแยกเป็นหมวดๆ อยู่ดูท่าจะไม่ใช่หน้าที่ และจะไม่ทันกินเอา จะโดนสัญญาสังขารหลอกเอาไปกินเสียมากกว่า เรียนรู้ทุกข์ในปัจจุบัน เห็นข้อผิดพลาดแล้วปรับปรุงแก้ไขตนเองไปเรื่อยๆ นั่นแหละเป็นหนทางเบื้องต้นมาเลยทีเดียวครับ ไม่ต้องไปตั้งท่าเยอะ :rolleyes:
     
  5. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    อืม คือยังงี้ฮะ พวกเรารู้กันอยู่แล้วว่าธรรมมะทั้งพระไตรปิฏก ออกมาจากจิตดวงนี้ทั้งนั้น นั่นคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติคำว่า "ตรัสรู้" แต่ทีนี้ การตรัสรู้เนี่ย จะรู้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับภูมิของอริยะบุคคลด้วย คือการรู้ธรรมนะมีอยู่แล้ว แต่ไม่เท่ากัน หรือความสามารถในการถ่ายทอดออกมาให้คนอื่นฟังก็ไม่เท่ากันเช่นกัน ขึ้นอยู่วาสนาที่จะมาทางสอนสั่งผู้อื่นมากน้อยแค่ไหน แต่ถึงกระนั้นการรู้ธรรมเนี่ย มีอยู่ทุกคนอยู่แล้ว ถึงจะสอนสั่งอะไรใครได้ไม่เก่งเท่าไร แต่อริยะบุคคคลซึ่งขึ้นชื่อว่า "ตรัสรู้" แล้ว จึงต้องทราบในหมวดธรรมที่ตนเองตรัสรู้ จึงต้องถามว่า
    "เขาตรัสรู้หมวดธรรมอะไรกันในเบื้องต้น" ????
    ที่พระพุทธเจ้ามีวลีเด็ดที่ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" นั่นคือการตรัสรู็ธรรม

    จึงเป็นที่มาของคำถามนี้ ขอบพระคุณฮับ^^
     
  6. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    รู้ทุกข์สิ เห็นหรือยัง อะไรมันทุกข์ ทุกข์ที่เกิด ทุกข์ที่ตั้งอยู่ ทุกข์ที่ดับไป ทำไมมันเกิด ทำไมดับ จะปฎิบัติมาจากสำนักไหน แนวทางทางไหน ต้องกำหนดรู้ทุกข์เป็นเบื้องต้น ถ้ายังไม่เห็นทุกข์ อย่ามาอ้างว่าเห็นธรรม ตรัสรู้ธรรม
     
  7. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมตอบในฐานะคนเห็น ไม่ได้ตอบในฐานะคนเป็นอะไร อริยะอะไรนี่คงไม่เกี่ยวกับตรงนั้นหรอกครับ เกี่ยวกับว่าปฏิบัติมาเจออะไร และจะไปแบบไหนต่อ แล้วก็กล่าวพอเป็นทางไว้ให้เท่านั้นเองครับ
     
  8. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    คุณ X Tream การแจ้งในนิพพานมันยิ่งกว่ารู้ทุกข์อีกครับ แต่ถ้าแจ้งนิพพานแล้วรู้ธรรมในโลกกุตระ ในส่วนของอริยสัจ 4 แล้วผู้ที่แจ้ง(ตรัสรู้) นำความแจ้งนั้นมาขยายความโดยพิศดาร นั่นจึงเรียกว่าแจ้งโดยรอบ แจ้งแท้ รู้โดยรอบนั่นเอง (ผมอุปมายกตัวอย่างนะครับ ) ดังคำกล่าวที่ว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก
    มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำ
    สุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่; เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง "

    จากพระสูตร การเข้าไปรับรู้ในส่วนของ อสังขตธรรม คือการตรัสรู้ แล้วพระพุทธเจ้านำมาบัญญัติในภาษาสมมุติ เพื่อขยายความโดยพิสดาร เพราะการตรัสรู้ธรรม พระพุทธเจ้าตรัสไว้เองว่า ธรรมของท่านเป็นชั้นโลกุตระ สาวกอย่างพระสารีบุตรเป็นต้น ก็ไปตรัสรู้ธรรมชั้นโลกุตระ แล้วนำมาขยายความในภาษาสุมมุติโดยพิสดารได้นั่นเอง


    คุณ T-Boon อ่านตรงที่ผมอธิบายให้คุณ Xtream ฟัง น่าจะเข้าใจแล้ว
    ดังนั้น ผู้ที่แจ้งในอสังขตธรรมจริง จึงต้องอธิบายได้เคลียร์ ชัดเจน ไม่มีติดขัด อาการอ้ำอึ้ง เมื่อถูกถามด้วยคำถามลักษณะนี้ จึงต้องตรวจสอบตนเองให้ดี ว่าเดินถูกทางหรือไม่ ผมตั้งคำถามนี้ขึ้นมา ท่านจะรู้ตัวท่านเองดีที่สุด

    ขอบพระคุณทุกท่านครับ
    กราบลา^^
     
  9. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732

    จากที่ได้ศึกษาอ่านตำรับตำราวิสุทธิมรรค พระไตรปิฎก คำครูบาอาจารย์มาบ้าง ก็ขอวิสัชนา แต่ก่อนอื่นขอเท้าความก่อนดังนี้ครับ

    การตรัสรู้จะเอาไว้ใช้สำหรับ พระพุทธเจ้าที่ รู้ธรรมพระนิพพานเป็นพระอรหันต์แล้ว
    จึงต้องกล่าวใหม่เรียกว่า บรรลุธรรมในเบื้องต้น แทน
    คำถามว่า เขาบรรลุธรรมอะไรกันในเบื้องต้น และเห็นธรรมอะไร

    การบรรลุธรรมนั้น ผู้บรรลุจะต้องเห็น อะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วเปลี่ยนกระบวนทัศน์ไปตลอดกาล สามารถเข้าใจได้ทั่วถึงธรรมของพระพุทธองค์แสดง และสิ่งที่เห็นนั้นก็ต้องเป็นยอดบนสุดของธรรม ซึ่งก็คือ พระนิพพาน
    เมื่อมองเห็นยอดบนสุดของธรรมได้ ย่อมสามารถแตกแขนงธรรมต่างๆแยกย่อยลงมาได้ อย่างชัดเจน

    ปัญหาต่อมาคือ เห็นนิพพานในเบื้องต้นนั้นเห็นอย่างไร และหน้าตาพระนิพพานนั้นเป็นอย่างไร
    คำตอบที่จะอธิบายสิ่งไร้สมมตินั้น เป็นเรื่องลำบาก จึงมักจะไม่ค่อยมีใครอธิบาย แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ไม่บรรยาย ท่านเพียงแต่บอกว่า เป็น บรมสุขบ้าง หรือ ว่างอย่างยิ่ง หรือ ไฟดับแล้วไม่ปรากฎว่าดับไปอยู่ที่ไหน เป็นต้น
    นั่นเป็นคำตอบจากผู้ที่แจ้งพระนิพพานแล้ว แต่สำหรับผู้เห็นนิพพานในเบื้องต้น ยิ่งคลุมเครือกว่า เพราะการเห็นนั้นก็เห็นเพียงชั่วขณะกระพริบตา บ้างก็เปรียบว่าชั่วขณะงูแลบลิ้น ผู้เห็นนิพพานในเบื้องต้นจึงจะบรรยายพระนิพพานออกมาไม่ได้


    ถามต่อไปอีกว่า ก็แล้วทำไมเห็นแค่แว็บเดียวแล้วจึงเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และรู้ธรรมทั้งปวงได้
    ตอบว่า เหมือนกับคนที่อยู่แต่ในโลกที่มืดมาตลอดทั้งชีวิต ไม่เคยเห็นแสงสว่างเลย
    จนวันหนึ่ง ฟ้าแลบแค่ชั่วแว็บเดียว ทำให้คนๆนั้นรู้ว่า แสงสว่างมี และสิ่งรอบข้างนั้นมีอะไรบ้าง จากที่ไม่เคยเห็นรูปเห็นร่างสิ่งต่างๆรอบตัว ก็เห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
    และจะทำให้คนผู้นั้น หายโง่ไปตลอดกาล แม้แสงจาก ฟ้าแลบ จะไม่เกิดอีกก็ไม่ทำให้คนผู้นั้นหลงว่ามีแต่ความมืดเท่านั้น

    คำถามต่อมา ลักษณะการเห็นนิพพานเบื้องต้น และทำอย่างไรจึงจะเห็นนิพพานเบื้องต้น
    ตอบว่า การเห็นนิพพานนั้น จะต้องเห็นรูป เห็นนาม ในขณะที่รูปนามนั้นเกิด ดับ มหาสติย่อมตามจับรูปนามนั้นไปอย่างทันกาลและรวดเร็ว ทั้งเกิดและดับนั้น อย่างไม่ขาดสาย อวิชชาก็ปรุงรูปนามนั้นต่อไปไม่ขาดสาย จนถึงสภาวะที่ มหาสติ มหาปัญญาทันต่อ อวิชชา จะหยุดปรุงแต่งในสภาวะทั้งปวง หรือ รูป นาม ดับหมด เพียงชั่วขณะฟ้าแลบ แล้วอวิชชาทำงานต่อ ผู้นั้นจะเห็นธรรมคือ พระนิพพานชั่วขณะจิต
    ตามตำราเขาว่า การเห็นลักษณะนี้คือ โคตรภูญาณ

    แล้วเห็นแบบนี้ ใช่พระโสดาบันหรือยัง

    ตอบว่า จะเป็นพระโสดาบันก็ยังไม่เชิง จะเป็นปุถุชนก็ไม่เชิง แต่โดยปกติแล้วผู้ที่มาถึงขั้นนี้แล้วจะต้องเป็นพระโสดาบันได้ในไม่ช้า จึงว่าการเห็นลักษณะนี้คือ การบรรลุพระโสดาบัน

    ถามว่า ทำไมถึงยังไม่ใช่พระโสดาบัน
    ตอบว่า ก็เพราะการเห็นพระนิพพานเพียงเท่านั้น เกิดปัญญาก็จริง แต่ผู้นั้นยังไม่มีปัญญาที่จะจัดการกับกองกิเลส ยังไม่เห็น มรรค เห็นทางเดินอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่เห็นพระนิพพานเพียงชั่วขณะ หลังจากนั้น ผู้นั้นย่อมโหยหาแสงสว่างอย่างนั้นอีก จึงได้ทบทวนว่า สิ่งที่ตนได้เดินผ่านมาแต่อดีตนั้น เพราะเหตุใดจึงมาถึงจุดนี้ได้ จึงเกิดสติได้ว่า ก็เพราะว่า มีสายทางบุญตลอดมา จึงได้มาถึงจุดนี้ จุดนี้หละที่เริ่มที่จะเห็น มรรค เมื่อทบทวนเจริญ วิปัสสนากรรมฐาน สมถะกรรมฐานอีกครั้ง ทำสติปัญญาให้แจ้ง ในการดับทุกข์อีก 1 ครั้งหรือ 2 ครั้งหรือ 3 ครั้ง คนละคราวก็ได้แล้วแต่บุญวาสนา จึงจะเกิดญาณรู้ว่า
    ทำแบบนี้ คือทาง แบบนั้นไม่ใช่ทาง จึงเรียกว่า มรรคญาณ จิตดวงนั้นย่อมปิดอบายทันที

    จากนั้นก็ไม่ต้องพึ่งใครอีก ได้หลักได้เกณฑ์

    อธิบายเพียงเท่านี้พอครับ อ่านมาเท่านี้หละครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่นักปฏิบัติไว้เทียบเคียง แต่อย่าหมายมั่นตามนี้นะครับ

    ที่สำคัญ เกณฑ์วัดความประเสริฐของดวงจิต คือ กิเลสที่ลดน้อยถอยลง ศีล สมาธิ ปัญญา ที่มั่นคงยิ่งขึ้น เอาตัวนี้เป็นเกณฑ์แทน คำว่า พระอริยบุคคลครับ
     
  10. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอบคุณครับ ที่นำวิสุทธิมรรคมาลง แต่กระผมขอค้านแค่ประโยคเดียว เรื่องที่ว่าคำว่า ตรัสรู้ จะใช้กับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
    ผมขอยกสูตรบทนี้มาค้านครับ ว่าคำว่าตรัสรู้ ก็ใช้กับสาวกด้วย เมื่อแจ้งอสังขตธรรม

    " อันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ ตาม พระพุทธเจ้า"

    http://etipitaka.com/compare/thai/pali/1/9/?keywords=ตรัสรู้

    ขอบพระคุณครับ^^
     
  11. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    จะรีบกราบลาไปไหน ลิเกพึ่งออกโรง คุณถามว่าตรัสรู้ธรรมใด เป็นเบื้องต้น ผมก็บอกคุณแล้ว ว่าธรรมแรก คือ ทุกข์ หรือ คุณเห็นว่าทุกข์นี้ ว่าไม่ใช่ธรรม ผมตอบก็สมควรแก่เหตุที่ถาม ถ้าจะถามถึงผลของการปฎิบัติ การเข้าถึงธรรม ก็คือ การไม่ยึดมั่นถือมั่นในธรรมทั้งปวง การจะตอบก็ต้องสมควรแก่เหตุนั้นๆสิครับ หรือคุณอยากฟังอะไรครับ หรือถ้ามีคำตอบในใจแล้ว ก็ไม่ต้องถาม
     
  12. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    รู้ธรรมพระนิพพาน เป็นพระอรหันต์แล้ว นั่นคือ ใจความสำคัญครับ
    และที่เอามาลงนั้น ไม่ได้เอามาจากพระวิสุทธิมรรคครับ เป็นข้อเขียนของผมเอง
    แต่เป็นการประมวลธรรมจากหลายๆที่
     
  13. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    ผู้ที่เป็นหนอนพระไตรทั้งหลาย และผู้ที่ปฏิบัติบางส่วน จะเข้าใจในคำถามผมทันทีครับ ผมค้านด้วยเหตุและผลมากมาย จึงคิดว่าน่าจะเพียงพอ ที่จะมาต่อความยาวสาวความยืดนะครับ
    เพราะเชื่อว่าผู้อ่าน ได้พิจารณา ตามเหตุและผล ที่ผมค้านได้พอสมควรแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องเถียงให้ยืดยาว
    "ซึ่งผมไม่ชอบ" ผมใส่เนื้อไว้เต็มๆแล้ว ไม่ชอบน้ำครับผม^^

    ขอบพระคุณนะครับ^^
     
  14. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    โสดาก็แจ้งอสังขตธรรมครับ ^^ เพียงแต่ยังรู้ไม่เท่า รู้ไม่รอบเท่าภูมิอรหันต์ครับผม



    กราบลา อิอิ^^
     
  15. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    คุณต้องไปขอความรู้กับท่าน Tboon แล้วหละครับ
    ผมไม่ทราบเหมือนกันครับว่า พระโสดาบันแจ้ง อสังขตธรรม หรือเปล่า
    แต่เท่าที่ทราบมา ก็เห็นเพียง งูแลบลิ้น ครับ
     
  16. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    "ตรัสรู้" แล้ว จึงต้องทราบในหมวดธรรมที่ตนเองตรัสรู้ จึงต้องถามว่า
    "เขาตรัสรู้หมวดธรรมอะไรกันในเบื้องต้น" ????
    ที่พระพุทธเจ้ามีวลีเด็ดที่ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" นั่นคือการตรัสรู็ธรรม

    ตั้งคำถามเอง แล้วอย่างง เองสิคับ ถ้าถามว่าตรัสรู้แล้วแจ้งอะไร เห็นอะไร? ก็ต้องตอบว่าเห็นทุกข์มาก่อนเป็นอันดับแรก ไอ้เรื่องแจ้งนิพพานเนี่ย มันเป็นส่วนของผลการปฎิบัติ ไม่ใช่เรื่องของการใช้เจตนาเพื่อเข้าไปเห็น ปล่อยวางได้แล้วจึงเห็น ถ้าไม่เห็นทุกข์ มี หรือจะเห็น ธรรม
     
  17. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    ปุถุชนก็เห็นทุกข์ครับ จึงเดินตามทางแห่งมรรค แต่ถ้าตอบว่าแจ้งเรื่องอริยสัจ 4 แล้วเอามาสอนชาวบ้านเขาโได้โดยพิสดาร นี่จะเป็นคำตอบอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ

    ฝากคุณ Xtream ไปพินาใหม่ครับผม


    ขอบคุณครับ^^ ไปจริงละ
     
  18. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    เห็น จริงหรือ ที่ว่าเห็นทุกข์นะ อยากได้ความรู้พิสดาร แต่ธรรมข้อแรก ก็ไม่เอาแล้ว อยากตรัสรู้ด้วยตัวหนังสือว่างั้น จะกราบลา ก็เอาตามสบายใจ ทุกข์มันเกิดตรงนี้ กลับหนีไปตรงนู้น แล้วบอกตนเองรู้ทุกข์ ปุถุชนรู้ทุกข์ ปฎิบัติธรรม แต่ไม่ซื่อตรงต่อธรรม
     
  19. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    กระทู้นี้วัดภูมิคุณดีครับ ถึงพระสูตร ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ว่าคุณจะรับเหตุหรือผล หรือว่า...
    "เถียงเพื่อเอาชนะ "

    ขอบคุณครับ ขับรถหละ^^
     
  20. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    อยากจะวัดภูมิผม ก็วัดสิครับ แล้วแต่คุณจะปรุงแต่งเอา มันเรื่องของคุณนี่ จิตก็จิตคุณ ผมไปเกี่ยวไรด้วย ถามมาก็ตอบไป ถ้าคิดว่าเป็นการเถียง ก็เรื่องของคุณสิครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...