ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลงถมมหาสนองเป่าแล่นฟ้าคล้อยยอมตาม(บัญชาฟ้าสอพลอ) พ่ออาจารย์พล

มีแจ้งประสบการณ์เข้ามาเกี่ยวกับตะกรุดพุทธกัน ว่าตนเองขับรถมอไซแล้วมีรถเก๋งมาชน ความแรงในระดับที่รถทั้งสองยุบและเสียหาย แต่เจ้าตัวที่ขับมอไซไม่ได้รับบาดแผลใดๆเลยแม้แต่เล็กน้อย เลือดตกยางออกก็ไม่มี

* อย่าประมาทกันนะครับ ตะกรุดดอกเล็กๆก็คุ้มชีวิตคนได้ เอาไปแล้วนำติดตัว เอาไปใช้ ภาวนามากๆอะไรก็ดี

 

แจ้งการส่ง EMS
​

พี่นิรัช ET 5620 9295 5 TH

พี่ธีธัช ET 5620 9296 9 TH

พี่การัณยภาส ET 5620 9297 2 TH

พี่ชัยวัฒน์ ET 5620 9298 6 TH

พี่วิศณุกร ET 5620 9299 0 TH

 

อรุณสวัสดิ์ครับ

วันนี้มีส่งของแล้วมาติดตามเรื่องพูดคุยกันต่อนะ เกี่ยวกับท้าวเวสสุวรรณด้วย ห้ามพลาด

 

แจ้งการส่ง EMS
​

พี่ธเนศพล ET 5620 7902 1 TH

 

ท้าวกุเวรมหาราช (พระธนบดีศรีธรรมราช) ผู้ประทานโชคลาภและความมั่งคั่ง
​

ก่อนจะไปกล่าวถึง ตะกรุดลงถมท้องพระคลังมหาอุดมทรัพย์ (เสี่ยงดวง ตั้งตัว) ก็จะมากล่าวถึงท้าวเวสสุวรรณในปางพระธนบดีก่อน เพราะทั้งสายวิชาและตัวเนื้อหามวลสารที่ทำการบรรจุในตะกรุดนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันนะครับ ว่าท้าวเวสสุวรรณในปางที่เป้นพระธนบดีศรีธรรมราช เป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง มีความสำคัญอย่างไร และสำคัญยิ่งยวดเพียงใดสำหรับผู้ที่ปรารถนาทรัพย์สินเงินทองความสบายต่างๆ

" พระธนบดีศรีธรรมราช (เจ้าแห่งโชคลาภ) หรือท้าวเวสสุวรรณนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น พระธนบดี พระกุเวร พระรัตนครรภ์ เจ้าพ่อขุมทรัพย์ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โบราณถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ที่มีหน้าที่ประทานความมั่งคั่ง ความมีโชคดีให้กับผู้บูชา ท้าวกุเวรเป็นเทพผู้รักษาทิศเหนือ ตามลัทธิศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ ประวัติของท้าวกุเวรกล่าวไว้ว่า พระองค์ได้บำเพ็ญทุกรกิริยา เป็นเวลาหลายพันปี จนพระพรหมทรงเห็นใจโปรดให้เป็นเทพแห่งความมั่งคั่ง

จากมหากาพย์รามายณะกล่าวว่า ท้าวเธอได้รับยานที่ขับเคลื่อนไปในอากาศได้ตามประสงค์ของเจ้าของคือบุษบก บางตำรากล่าวว่าท้าวกุเวรมีม้าสีขาวเป็นพาหนะ มีมเหสีนามจารวีหรือฤทธี มีโอรส 2 องค์ชื่อมณีครีพหรือวรรณกวี กับนุลกุพลหรือมยุราช มีธิดา 1 องค์ชื่อมีนากษี ในรามเกียรติ์กล่าวว่า ท้าวกุเวรทรงเป็นบิดาคันธมาทน์ นายทหารของพระราม และมีสวนชื่อเจตรถ อยู่บนยอดเขามันทร ท้าวกุเวรยังมีชื่อเรียกตามเรื่องราวและคุณสมบัติอีกหลายชื่อ เช่น กุตนุ (มีรูปร่างน่าเกลียด) รัตนครรภ (มีเพชรเต็มพุง) ราชราช (เจ้าแห่งราชา) นรราช ธนบดี (เป็นใหญ่ในทรัพย์) ยักษราช (เจ้าแห่งยักษ์) รากชเสนทร์ (เป็นใหญ่ในพวกรากษส) ฯลฯ

ตามเรื่องรามเกียรติ์ เรียกชื่อท้าวกุเวรว่าท้าวกุเปรัน แต่ชื่อที่คนไทยคุ้นเคย คือ ท้าวเวสสุวัณ (สันสกฤต-ไวศรวณบาลี-เวสสวณ) ในคัมภีร์ไตรเพท กล่าวว่า ทรงเป็นอธิบดี ของพวกอสูร รากษสและภูติผี ในกลุ่มพวกนับถือศาสนาพุทธลัทธิมหายานในประเทศจีนกล่าวว่า โลกบาลทิศอุดร มีชื่อว่า "โตบุ๋น" แปลว่า "ได้ยินทั่วไป" มีพวกยักษ์เป็นบริวารมีกายสีดำ ถือดวงแก้วและงู ส่วนพวกธิเบตกล่าวว่าถือธงและพังพอน สีกายเป็นสีทองคำ ในประเทศญี่ปุ่นถือว่า โลกบาลทิศนี้เป็นเทพเจ้าประจำโชคลาภมีนามว่า "พิสะมอน" ตรงกับนามว่า "ธนบดี" หรือ ธเนศวร อันเป็นนามหนึ่งของท้าวกุเวร แปลว่า เป็นเจ้าใหญ่แห่งพชทรัพย์ ส่วนหนึ่งของที่ถือนั้น มีแก้วมณีกับทวนหรือธง

ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ลัทธิวัชรยานในคัมภีร์สาธนมา กล่าวถึงท้าวกุเวรว่า
- มีหน้าที่เป็นทั้งธรรมบาลคือผู้มีตำแหน่งเทียบเท่าพระโพธิสัตว์ มีหน้าที่ทำสงครามปราบปรามปีศาจและยักษ์มารต่างๆ ซึ่งเป็นศัตรูต่อพระพุทธศาสนา
- ทั้งยังทรงเป็นโลกบาล (มีชื่อว่า เวสสุวัณหรือไวศรวีณ) คือ เทพผู้มีหน้าที่ปกป้องทิศทั้ง 4 (เฉพาะทิศเหนือ) อยู่บนเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และคอยเฝ้าคอยดูแลทางเข้าสวรรค์ (ดินแดนสุขาวดี)

ในคัมภีร์ภาษาบาลีที่จัดอยู่ในหมวดโลกศาสตร์ ซึ่งปราชญ์ทางด้านพุทธศาสนาโบราณได้แต่งไว้ เท่าที่มีการค้นพบมีด้วยกันแปดเรื่อง หนึ่งในแปดเรื่องคือ โลกสัณฐานโชตรคนคัณฐี อันมีเนื้อหากล่าวถึงกำเนิดจักรวาลและภพภูมิต่างๆ การนับอสงไขย เรื่องของพระอาทิตย์ พระจันทร์ กลุ่มดาวนักษัตรทั้ง 27 และหลักของไตรลักษณ์ อันเป็นเครื่องเตือนสติให้บุคคลประพฤติอยู่ในคุณงามความดี

ได้กล่าวไว้ว่า รอบเขาพระสุเมรุ ทั้ง 4 ทิศ มีเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ หรือที่รู้จักดีในนามของจตุโลกบาล องค์ที่เป็นใหญ่ในทิศเหนือ มีนามว่าท้าวเวสสุวรรณ หรือ เจ้าแห่งยักษ์ ในหนังสือเทวกำเนิดของพระยาสัจจาภิรมย์ ( สรวง ศรีเพ็ญ ) พิมพ์เมื่อปี พ.ศ.2474 ได้กล่าวถึงเรื่องจตุโลกบาล และเรื่องราวของท้าวเวสสุวรรณไว้ว่า เป็นใหญ่ในทิศเหนือ มีด้วยกันหลายนาม เช่น

• ท้าวกุเวร ธนบดี ( เป็นใหญ่ในทรัพย์ )
• ธเนศวร ( เจ้าแห่งทรัพย์ )
• อิจฉาวสุ ( มั่งมีได้ตามใจ )
• ยักษ์ราช ( ราชาแห่งยักษ์ )
• กุตนุ ( มีรูปร่างน่าเกลียด หมายถึงยักษ์ที่มีหน้าตาดุ นั่นเอง )
• รัตนครรภ ( มีเพชรเต็มพุง )
• ราชราช ( ราชะราชเจ้าแห่งราชา )
• นรราช ( เจ้าคน ) ฯลฯ

ในคาถาบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภของพุทธตันตระฝ่ายมหายาน มีดังนี้ “โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ”

“ชัมภาลา” ก็คือชัมภล นั่นเอง และในภาษาอังกฤษที่เรียกรูปเคารพ ของท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ ก็เขียนทับศัพท์ว่า “JAMBHALA” ตามรูปสมมุติที่สร้างขึ้น เท่าที่ปรากฏตามที่ได้ค้นคว้าจากตำราทั้งภาษาไทย, จีน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส ปรากฏตรงกันว่า ท่านถือพังพอนอยู่ในมือด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งถือลูกแก้วหรือฉัตรก็มี หน้าตาบางปาง ท่านจะดุดันเข้มขลัง เพราะท่านคือเจ้าแห่งยักษ์ บางปางก็ใส่รองเท้า บางปางก็ไม่ใส่รองเท้า

ในการสวดมนต์ขอพรเทพท้าวกุเวรมหาราชนั้น ทางฝ่ายตันตระมหายาน ก็จะใช้คาถาตามที่กล่าวไป เพื่อขอพรให้ท่านประทานโชคลาภและความร่ำรวย ทั้งยังมีอานุภาพในการคุ้มครองปกป้องทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วให้ปลอดภัย รวมถึงจากบรรดาภูติผีปีศาจ อำนาจชั่วร้ายทั้งปวง ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ เพราะท่านคือมหาราชผู้เป็นจตุโลกบาล เจ้าแห่งยักษ์ "

ตะกรุดลงถมท้องพระคลังมหาอุดมทรัพย์ (เสี่ยงดวง ตั้งตัว)นี้ จะมีความสำคัญอย่างไร เกี่ยวของกับพระธนบดีศรีธรรมราชอย่างไรทั้งในส่วนของวิชาและเนื้อหามวลสาร พรุ่งนี้ต้องติดตาม รับรองว่าเป็นที่สุดทางสายมหาลาภระดับราชาอย่างแท้จริง ตามที่พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า เหนือกว่าวิชาในตระกุลเศรษฐีมหาคฤหบดีทั้งปวง

 

พรุ่งนี้ติดตามกันดีๆนะครับ แจ้งล่วงหน้าว่ารายการนี้เฉพาะของที่อยู่ในขวดกับผงที่อุดก็สุดยอดแล้ว นอกจากนั้นยังมีของแถมอีก เรื่องของแถมจะเอามาลงให้ต่างหากอีกที ติดตามๆ

 

พรุ่งนี้มาติดตามกันนะครับ ก่อนนอนก็อย่าลืมการสวมนต์เจริญสติทำสมาธิและแผ่เมตตาด้วยนะครับสวดมนต์เป็นยาทาวิปัสนาเป็นยากิน ต้องทั้งทาทั้งกินเลยจะได้รักษาโรคได้เร็วๆ

 

ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลงถมท้องพระคลังมหาอุดมทรัพย์ (เสี่ยงดวง ตั้งตัว)​

เนื่องจากกรณีที่หลายคนอยากได้เครื่องมงคลพิเศษที่ใช้เฉพาะเจาะจงในการเสี่ยงดวงเสี่ยงโชค แสวงหาลาภ การเงินที่ได้มาแบบไม่คาดคิด เป็นความโชคดีที่เข้ามาในชีวิตอย่างคาดไม่ถึง พ่ออาจารย์ท่านจึงเมตตาอนุญาติให้นำตะกรุดลงถมท้องพระคลังมหาอุดมทรัพย์ (เสี่ยงดวง ตั้งตัว) ออกมาให้ร่วมทำบุญบูชา

แต่เดิมนั้นมีผู้ดีเชื้อสายเก่าตกยาก ทำมาหากินไม่เจริญ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น พ่ออาจารย์ท่านจึงบอกกับเขาว่า "ถ้าสามารถไปเอาดินตรงท้องพระคลังของพระเจ้าพิมพิสารมาได้ ท่านจะเสกและทำอาถรรพ์วิชาให้" กาลปรากฏว่าหลังจากที่เขานำมาให้พ่ออาจารย์ท่านเสกและนำไปบูชาแล้ว ชีวิตก็ก้าวกระโดดเป็นช่วงๆแต่ละช่วงเป็นการก้าวและกระโดดที่ยาวมากๆชนิดที่ว่ากลายเป็นเศรษฐีที่ดินมีเงินนับพันล้านในเวลาต่อมา ดินอาถรรพ์ท้องพระคลังของพระเจ้าพิมพิสารที่พ่ออาจารย์ท่านเสกนี้จึงเป็นยอดของดี นอกจากท่านจะเสกหนุนแผ่นดินบอกกล่าวแม่พระธรณีให้ยกดวง ดึงดวงผู้ครอบครองขึ้นแล้ว ท่านยังนำมาผสมมวลสารมงคลต่างๆลงไปด้วยโดยเฉพาะผงกะลาตาเดียวหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเคล็ดลับอยู่ตรงนี้ พระปิดตาหลวงปู่แก้วที่ราคาหลายสิบล้านบาท นอกจากผงวิเศษแล้วท่านก็ยังต้องนำมาเข้ากับผงกะลาตาเดียวที่ท่านลงอาถรรพ์ไว้เฉพาะทางนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้บูชาพระปิดตาหลวงปู่แก้ว นอกจากมีเสน่ห์แล้ว ยังมั่งมี มั่งคั่ง เป็นเจ้าสัวกันทั้งนั้น พ่ออาจารย์ท่านได้นำเอาดินอาถรรพ์ท้องพระคลังของพระเจ้าพิมพิสารนี้มาผสมผงกะลาตาเดียวหลวงปู่แก้ว และที่สำคัญท่านยังเพิ่มผงพระสมเด็จวัดระฆังแท้ๆที่แตกหักไปแล้วอันมีส่วนผสมของผงวิเศษห้าประการของเจ้าพระคุณสมเด็จท่านได้นำมาโชลกผสมลงไปด้วย

ทำไมต้องดินอาถรรพ์ท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสาร พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าในอดีตนั้นพระเจ้าพิมพิสารเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งทางโลกและทางธรรมรวมถึงเป็นพระอริยบุคคล มีทรัพย์สมบัติมากเหนือกว่าเศรษฐีและคฤหบดีทั้งปวง และในปัจจุบันนั้นดวงจิตของท่านก็ได้ไปอุบัติแทนที่ในตำแหน่งท้าวเวสสุวรรณ พ่ออาจารย์ท่านว่าหากอยากทำของให้คนตั้งตัวและมีชีวิตที่ก้าวกระโดดไปได้ไกลแล้ว สิ่งนี้ท้าวเวสสุวรรณท่านได้นิมิตให้พ่ออาจารย์ท่านไปหามา ก็นับว่าเป็นจังหวะที่ลงตัวพอดี พ่ออาจารย์ท่านว่าท้าวเวสสุวรรณนี้ท่านได้แบ่งภาคมาทำหน้าที่ประทานโชคลาภและดูแลสมบัติเทวโลกโดยเฉพาะโดยมีชื่อเรียกคือพระธนบดี สมบัติสวรรค์ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเทพหน้าใหม่หรือเทพเจ้าองค์ไหนๆใครจะมีสมบัติเท่าไหร่ล้วนแต่ได้รับการจัดการดูแลจากพระธนบดีทั้งสิ้น ดินท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารนี้ก็คือคลังหลวง คลังที่เก็บทรัพย์ของพระธนบดีผู้เป็นเจ้าแห่งทรัพย์สินและการประทานโชคลาภเงินตราทั้งปวง เมื่อพ่ออาจารย์ท่านได้นำมาเสกหนุนแผ่นดิน หนุนชะตาชีวิต ดึงลาภผลโภคทรัพย์เข้าคลังผู้บูชา ท่านว่าท่านเชิญพระธนบดีมาทำวิชาด้วยตัวท่านเอง ถึงกับพ่ออาจารย์ออกปากว่า "ดินท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารที่เราทำวิชานี้แม้อยู่กับใคร ระวังอย่างเดียว จะรวยมือเติบไม่รู้เรื่อง"

ดินอาถรรพ์ท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารผสมผงกะลาตาเดียวหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์และผงชิ้นส่วนพระสมเด็จวัดระฆังหลวงปู่โตนี้ ท่านได้เมตตานำมาเสกและบรรจุลงในขวดแก้ว เพื่อผนึกในตะกรุดลงถมท้องพระคลังมหาอุดมทรัพย์ (เสี่ยงดวง ตั้งตัว)อีกชั้นหนึ่ง

ในส่วนของตะกรุดนั้นพ่ออาจารย์ท่านใช้ตะกั่วขอมโบราณลงถมเพื่อเป็นภาชนะรองรับอักขระวิชาพระเจ้าอุดมทรัย์ที่ท่านเรียกสูตรว่าคาถาจารและเสกลงไป พ่ออาจารย์ท่านว่าอันวิชานี้เป็นวิชาของเสด็จพระใหญ่เราตีค่าไว้แสนตำลึงทอง เมื่อแรกจะลงวิชานั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านต้องทำน้ำมุรธาภิเษกตัวแผ่นตะกั่วลงถมวาระหนึ่งก่อน โดยท่านต้องใช้น้ำเจ็ดสระเจ็ดคลองเจ็ดหนองเจ็ดนาเจ็ดห้วยเจ็ดบางเจ็ดบึงเจ็ดบ่อ ผสมด้วยน้ำผุดจากถ้ำจากเศียรพระพุทธรูปจากรอยพระพุทธบาท หลั่งจากภายในเทวรูปอรรถนารีศวร ท่านได้นำน้ำทั้งหมดนี้มาผสมกันพร้อมกับแช่ด้วยส้มป่อย ใบมะกรูด ใบมะตูม แล้วจึงอ่านโองการบรรจุพระเวทย์โดยเชิญเสด็จพระใหญ่เป็นประธานพร้อมด้วยครูพระศิวะทีละวาระ ท่านว่าแผ่นตะกรุดนี้แค่ตอนยังเป็นแผ่นก็อุดมด้วยพุทธคุณและเทวคุณอย่างถึงที่สุดแล้ว

ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านสร้างไว้ให้เพื่อคนที่อยากรวย ท่านว่าบอกกันชัดๆเลยคืออยากรวยและเอาไว้ตั้งตัวได้บูชาและใช้กันเป็นขวัญและสิริมงคลชีวิต ดังนั้นเมื่อท่านนำแผ่นตะกั่วลงถมแช่น้ำทิพย์มนต์แล้ว ในวาระถัดมาท่านก็นำมาแช่ในน้ำมนต์ธรณีสารอีกคำรบหนึ่งและทำการปลุกเสก ท่านว่าชีวิตคนทั้งหลายนั้นมักจะต้องอาถรรพ์ติดตัวมามากมายและอาถรรพ์เหล่านี้ก็ไม่มีวันเสื่อมหรือหมดไปด้วย เพราะคนเรานั้นต้องเดินทางไปเหยียบไปทับไปรับอาถรรพ์รับเสนียดในสถานที่ต่างๆเสมอๆ มักจะติดเสนียดติดอาถรรพ์จากสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะที่ดิน บึง บ่อ ท่อ ทางทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้สำคัญนักเพราะท่านตั้งใจสร้างให้ไปตั้งตัวกัน ท่านจึงลงวิชาอันจะผลาญทำลายอาถรรพ์ในพื้นแผ่นดินทั้งหลายเสนียดจัญไรทั้งปวง แก้คุณไสย ผี พราย มนต์ ยาสั่ง ท่านว่าทำให้ครบหมดแล้ว

เมื่อได้แผ่นตะกั่วพิเศษลงถมที่ท่านทำพิธีเฉพาะแล้ว ท่านจึงได้นำมาลงอักขระวิชาพระเจ้าอุดมทรัพย์ ท่านว่าวิชานี้ลงยากเพราะเป็นวิชาธรรมในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยท่านได้นำมาไหว้ครูเชิญครูตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐม รวมไปถึงพระอรหันต์ขีณาสพทั้งหลาย โดยจารลงถมด้วยคุณธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งสามสิบแปดประการ ซ้ำลงเรียกลาภ เร่งลาภ ดึงลาภ หนุนทรัพย์ในดินหนุนกำลังพระธรณี พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันเชิญพระแม่ธรณีมาทำวิชาด้วย ตราบใดที่ยังมีแผ่นดิน ตราบใดที่เท้ายังเหยียบอยู่บนพื้นแผ่นดิน ที่จะรู้ยากรู้จน ไม่อุดมด้วยทรัพย์สินและโภคสมบัตินั้นเป็นไม่มีทีเดียว และด้วยอานุภาพของพระแม่ธรณีนี้ ตะกรุดนี้ยังมีพุทธคุณแฝงอีกด้วย แม้นว่ามีผู้ใดมุ่งร้ายมีจิตพยาบาทอาฆาตเรา หากเขาอยู่บนแผ่นดินของแม่ธรณีนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาทำอะไรเราไม่ได้เลย คนจะรวยจะเก่งแล้ว หากโดนสะกัดดาวรุ่ง โดนรังแก โดนให้ร้ายมันก็ไปไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง เช่นนี้ท่านจึงทำวิชาให้เกิดขึ้นพร้อมกัน ท่านว่าจะได้ไม่ประสบปัญหาจนชีวิตไม่สามารถก้าวและกระโดดต่อขึ้นไปได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าใครได้รับไปนับว่าโชคดีอย่างยิ่งเพราะวิชานี้เสด็จพระใหญ่ท่านกำชับมาว่าเป็นของจริงไม่มีวันเสื่อม ตราบใดที่พระเวทย์พระธรรมยังดำรงค์อยู่ในอนันตจักรวาฬนี้ ตราบใดที่ธรรมอันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายยังไม่เสื่อมลง ตราบใดที่จิตยังตั้งมั่นตระหนักในพระรัตนตรัย ธาตุธรรมอันเป็นธาตุตั้งต้นแห่งคุณวิชาย่อมไม่มีวันตกลงหรือเสื่อมจากจิตเราและจะคงอยู่กับเราเกื้อหนุนเราไปตลอดฉันใดก็ฉันนั้น

หลังจากท่านม้วนตะกรุดแล้ว ท่านว่าเวลาเสกนั้นก็ลำบากอย่างยิ่ง เพราะต้องนำตะกรุดทั้งหมดมาใส่กล่องเหล็กหนุนหัวไว้และทำการเสกไปตลอด ทำเช่นนี้มาจนครบปี พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นเคล็ดว่าตะกรุดนี้หนุนหัวของท่านซึ่งเป็นส่วนที่สูงที่สุดในร่างกายฉันใดเมื่อไปอยู่ที่ไหนก็จะหนุนคนบูชาไปตลอดฉันนั้น ท่านว่าท่านเสกด้วยวิชาหนุนดวงทั้งหมดตั้งแต่สายสมเด็จโต หลวงปู่ศุข หลวงพ่อกวย ทั้งขอมทั้งส่วยทุกวิชา จากนั้นจึงนำมาเสกบนใบเงินใบทองด้วยคาถาโชคลาภโภคทรัพย์ในสายเสด็จพระใหญ่ ก่อนจะลงวิชามหาอุดมทรัพย์และอธิษฐานจิตให้คนนำไปตั้งตัวเปลี่ยนชีวิต

พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้สำคัญนัก ท่านได้นำดินอาถรรพ์ท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารที่ผสมผงกะลาตาเดียวและชิ้นส่วนผงสมเด็จวัดระฆังใส่ขวดบรรจุไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้อุดผงวิเศษไว้ โดยท่านได้ลบถมผงตรีนิสิงเหครูใหญ่ซึ่งเปี่ยมด้วยอานุภาพของบรมครูปู่ฤาษีและเทพยดาทั้งหลายนอกจากนี้ยังมีคุณทางเมตตามหานิยม ป้องกันเสนียดและอัปมงคล รวมไปถึงหนุนค้ำชะตาไม่ให้ตกลง
ผสมด้วยผงมหาปราบที่ใช้แก้อาถรรพ์อวิชชาต่างๆซึ่งพ่ออาจารย์ว่าผงมหาปราบชุดนี้ดีทางคุ้มครองป้องกันอย่างถึงที่สุด ผงนี้อยู่ที่ไหนดุจมีกำแพงแก้วเจ็ดชั้นพัทธเสมาแปดทิศครอบคลุมตัวอยู่
นอกจากนั้นท่านยังเมตตาลบผงประลัยกัลป์ใส่ลงไปด้วยท่านว่าผงนี้สำคัญมากท่านลงทางสารพัดแก้เอาไว้แม้อาถรรพ์ในแผ่นดินยังหลุดได้ท่านว่าให้ใช้กันดีๆเพราะผงนี้แรงนักถึงกับว่าไปไหนภูติผีไม่เข้าใกล้ ต่อให้เดินไปในป่าช้า ป่าช้าก็ยังร้างทันที
พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงลบถมทั้งหลายนี้ผสมด้วยผงอิทธิเจหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ท่านว่าผงหลวงพ่อแก้วนี้แรงนัก ท่านตั้งใจผสมลงไปด้วย ท่านว่าแค่ผงที่นวดผึ่งลมนี้ผึ้งทั้งหลายก็บินมาตอมถึงกับตกตายกันแล้ว ท่านว่าถ้าจะให้พูดตรงๆผงนี้อาถรรพ์แรงมากถึงกับเรียกว่าสาวสามหมู่บ้านกินน้ำบ่อเดียวกันก็ได้มีพุทธคุณทางเสน่ห์สุดๆไปเลย เนื่องจากท่านได้ผสมผงกะลาหลวงพ่อแก้วในดินท้องพระคลังแล้ว อีกฝั่งหนึ่งท่านก็ตั้งใจใส่ผงอิทธิเจเช่นกัน เพื่อให้หนุนคนให้ดีนอกจากร่ำรวยแล้วยังต้องมีเสน่ห์ไปในตัวด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้นท่านยังนำว่านดอกทองในปาช้าอันได้ชื่อว่ามีอาถรรพ์รุนแรงทางเสน่ห์สูงกว่าว่านดอกทองทั่วไป มาขยี้ผสมลงไปในเนื้อผงด้วย ก่อนจะทำการอุดที่ตะกรุด

เมื่อพ่ออาจารย์ท่านอุดผงปิดมวลสารทุกอย่างแล้ว ท่านได้นำตะกรุดหัวใจพระเจ้าแห่งการพนัน ซึ่งดีทางเสี่ยงดวง หากำไรจากสิ่งที่ไม่คาดคิด สิ่งที่ไม่คาดหมาย ท่านว่าตะกรุดนี้ดีนักท่านได้นำมาอุดไว้ตรงกลางตะกรุดอีกขั้นหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้สติตรึกตรองกันให้ดีว่าสิ่งที่ไม่คาดคิด ไม่ได้คาดหมายในชีวิตของเราๆนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง ทั้งโชคลาภ บุพเพสันนิวาส การงงาน การประกอบอาชีพ การดำรงค์ชีวิต ทุกอย่างท่านว่าล้วนแต่มีเรื่องไม่คาดฝันเป็นสิ่งดีๆที่ทำให้เราปลื้มปิติเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าอยากได้ด้านไหน หลังจากอาราธนาตะกรุดแล้ว อยากให้พระธนบดีท่านเมตตาด้านไหนเฉพาะทาง ให้เอาฝั่งปลายด้านที่ฝังตะกรุดหัวใจพระเจ้าแห่งการพนันนี้แตะศรีษะนึกสิ่งที่คิด ที่อยากได้ และอธิษฐาน

วิธีใช้
นอกจากการอาราธนาแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ท่านให้คาดเอวได้ แต่หลังจากสวดมนต์บูชาพระเสร็จในแต่ละวัน เมื่อจะนอนหลับนั้น ให้นำตะกรุดนี้มาใส่ไว้ใต้หมอนที่เรานอนอย่าได้ขาด ท่านว่าเท่านี้ดวงจะไม่มีวันตก เป็นเคล็ดที่ให้ทำให้แก้ได้ด้วยตนเอง จะได้ตั้งตัวได้แบบก้าวกระโดด เร่งดี เร่งรวย

คาถาบูชา(อธิษฐานขอพร หนุนดวง หนุนชีวิต)
โอม นะโม มหาเวสสุวรรณโณ มหาไตรโลโกทิพจักขุง มหาไตรโลกานัง มหาภูเตระสาวะกัง ทิพพะมันตังอรหังพุทโธ นะโมพุทธายะ เวสสะพุสะนะมะพะทะ อรหังอะสังวิสุโลปุสะภุพะ มะอะอุอิสวาสุสุสวาอิ อิติ อิติ มหาเทวัง มหายักขัง ปัตตะโลกัง มหาอิทธิฤทธิ มหาอิทธิฤทธัง อรหังประสิทธิเม

* พ่ออาจารย์ท่านสร้างตะกรุดลงถมท้องพระคลังมหาอุดมทรัพย์ (เสี่ยงดวง ตั้งตัว) ไว้ทั้งหมด 8 ดอก ท่านที่จะบูชาพ่ออาจารย์ท่านให้แจ้งชื่อนามสกุลมาด้วย ท่านจะเป่ามนต์พระธนบดีเปิดดวงกำกับให้เฉพาะคนอีกวาระหนึ่ง รายได้ร่วมสมทบทุนปูพื้นวัดและศาสนสถานที่จำเป็นต่อไป
* สำหรับผู้บูชานั้นพ่ออาจารย์ท่านจะมอบตะกรุดวิชาพระราหูค้นทรัพย์เนื้อตะกั่วขอมโบราณ ซึ่งท่านได้สร้างขึ้นในวาระของปีนี้แถมให้ไปบูชาคู่กันด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้ติดตัวคู่กันยิ่งกว่าเสือติดปีก ดีทางหาทรัพย์ได้โชค ประสบความสำเร็จอย่างถึงที่สุด

ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลงถมท้องพระคลังมหาอุดมทรัพย์ (เสี่ยงดวง ตั้งตัว) บูชา 4,000 บาท

 

ตะกรุดวิชาพระราหูค้นทรัพย์เนื้อตะกั่วขอมโบราณ ที่แถมไว้ให้ใช้คู่กันนั้น ท่านว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ฝืดเคือง วิชาราหูค้นทรัพย์นี้จะช่วยเรื่องการทำมาหากิน เมื่อเทียบกับคนอื่นๆในสังคมแล้ว เอาว่าเราหาทรัพย์ได้คล่องได้ง่ายกว่าเขา หากินเก่งกว่าเขา ทำมาหากินคล่องตัวกว่าไม่ฝืดเคือง สิ่งใดที่ปรารถนา ที่ไม่เคยได้ ที่ใช้ความพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะได้กว่าจะสำเร็จ ก็จะได้และสำเร็จโดยง่าย แม่ว่าแข่งขันกับใครก็ชนะเขาทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดวิชาราหูค้นทรัพย์นี้ไม่ค่อยทำบ่อยไม่ค่อยทำให้ใคร ใครได้ไปให้เอาไปใช้อย่าเอาไปเก็บ ห้ามหายเท่านั้นอย่างอื่นจะดีหมด

 

แจ้งการส่ง EMS
​

พี่รุ่งวิทย์ ET 5621 4161 1 TH

พี่พชร ET 5621 4162 5 TH

 

อรุณสวัสดิ์ครับ

วันนี้ใครจะถามอะไรก็ PM ไว้เลยนะ เดี๋ยวมาพูดคุยกันต่อติดตามๆ

 

แจ้งการส่ง ems
​

พี่วันชัย ET 5621 4379 3 TH

 

มีประสบการณ์แจ้งเรื่องท้าวอนันต์กาลเข้ามา เกี่ยวกับเรื่องไล่ผีและของอาถรรพ์ตอนไปเขมร เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามาเล่าให้ฟังกันนะครับ ติดตามๆห้ามพลาด

 

พูดคุย​

ก็มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังกันเช้าๆ ถือว่าเป็นเรื่องพูดคุยกันนะครับ

เมื่อวันก่อนก็มีคนแจ้งของหายและหาไม่เจอ พี่ท่านนี้กล่าวว่าจะไปบอกพยนต์ท้าวอนันตกาลให้ช่วย เมื่อคืนก็แจ้งว่าหาเจอแล้ว จัดเหล้าถวายท่านไปเรียบร้อย ก็เป็นประสบการณ์เล็กๆนะครับเกี่ยวกับพวกของหายหาของอะไรที่จิปาถะนี่เราบอกกล่าวพ่อหุ่นพยนต์ยักษ์ของเราได้เลย

อีกเรื่องเปิด PM มาก็เจอเป็นประสบการณ์เล็กๆของพี่ท่านนึงเหมือนกัน เลยก้อปมาให้อ่านกัน
ผมได้รับพระเนรมิตมา วันนี้เป็นวันที่สอง(ยังไม่ได้เลื่อมท่าน)
และมีงาน part time เข้ามา
เลยสวดมนต์ ตั้งสมาธิ ทั้ง ขอปู่ฤาษีวสิษฐ์(ห้อยอยู่ที่คอ)และพระพุทธเนรมิต(ไว้บนหัวนอน) งานไม่ต้องเหนื่อยมาก ก็แต่งตัวออกไป ระหว่างทาง สังเกตตัวเองแต่งตัวผิดระเบียบซึ่งตามธรรมดา เขาจะไล่กลับ เลยสวดคาถาบูชาท่านปู่ฤาษีอีกรอบหนึ่งแล้วท่านซ้ำ ว่าอย่าให้ใครจำได้เลย

ผลคือ
1.ไปถึงถูกจับได้ครับ
แต่พี่เขาไม่ว่า รวมถึงถูกเลือกไปทำงานประจำจุดสัมภาระซึ่งปกติพี่เขาไม่ใจดีขนาดนี้ และโดยปกติพี่ๆนายจ้างจะกันเด็กของตัวเองไว้ทำงานนี้ แต่เขาไม่รู้นึกยังไง เลือกผม
จากเดิมปกติ ถ้าเป็นงานเดิม ต้องยืนอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ (แต่เดิมงานประจำจุดหน้าประตู)

อัศจรรย์ใจมากครับ ทั้งพระพุทธเนรมิต ทั้ง ครูปู่ฤาษีวสิษฐ์
อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ นะครับ แต่ทำผมแปลกใจมาก

ส่วนเรื่องที่สามนี่เป็นเรื่องที่เกริ่นไว้แต่เมื่อวาน ผมจะเรียกว่าพ่อท้าวอนันต์กาลสู้กับของเขมรก็แล้วกัน เรื่องของเรื่องคือมีพี่ท่านหนึ่งโทรมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับพ่อยักษ์ท้าวอนันต์กาลไว้ พี่ท่านนี้เล่าว่าได้ไปเจอน้าที่เขมร ซึ่งน้าของพี่เค้าเพิ่งเข้าบ่อนมา ก็คือนัดเจอกันแล้วไปเที่ยวในเขมรกันต่อนั่นเอง

ทีนี้คนที่เป็นเพื่อนของพ่อพี่เค้าที่นำทางไป ก็นำทางไปไหว้พระเที่ยวถ่ายรูปตามศาสนสถานต่างๆ แล้วก็พามาหาพ่อหมอซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ทางนั้น พี่เค้าเล่าว่าก็ไปกันไม่ได้คิดอะไร ไปกันเล่นๆเพราะนึกว่าไม่มีอะไร ทีนี้พอไปถึงก็พูดคุยกันโดยมีเพื่อนพ่อเป็นล่าม ให้เค้าดูดวงให้บ้าง ถามไถ่สิ่งที่อยากรู้ต่างๆกันก็ว่ากันไปเพราะแต่ละคนนั้นพี่เค้าบอกว่าเราไม่ได้คิดอะไร แต่ทีนี้น้าของพี่เค้าก็พูดออกมาว่า ดูดวงแบบนี้ไม่อยากดูหรอก ที่ไทยก็มีเยอะไป ถ้าแน่จริงมีของอะไรที่ช่วยให้เข้าบ่อนแล้วไม่เสียมั๊ย

พี่เค้าว่านี่เลย ตรงนี้เองคือจุดเริ่มต้นของหายนะ ล่ามเขาก็แปลไปแล้วตัวอาจารย์ก็เอากุมารทอง พี่เค้าว่าเป็นกุมารดินปั้นเป็นเด็กทารกสีดำๆออกมาให้พร้อมกับบอกผ่านล่ามว่าให้ตัวน้าของพี่เค้านำไปบูชา

ทีนี้ก็เที่ยวกันต่อไม่มีอะไร จนกลับไทย พี่เค้าว่าเริ่มมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับน้าเค้า คือนิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชอบพูดคนเดียว เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เรียกว่าน้ำยังไม่อาบ ไม่ออกไปไหนเลย อยู่แต่ในห้องจนลูกเมียเริ่มเครียด จะออกมาหาอะไรกินก็เฉพาะกลางคืนเท่านั้น พี่เค้าว่าพอน้าผู้หญิงมาเล่าว่าน้าเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับจากเขมรเค้าทำอะไรไม่ถูกแล้ว พี่เค้าก็ว่าอาการมันแปลกๆเหมือนพวกผีพวกปอปเข้า

ตรงนี้เองพี่เค้าว่าที่เอวผมก็มีพ่อท้าวอนันต์กาลอยู่ ไปไหนมาไหนพกไปด้วยตลอด เสียอย่างเดียวตอนไปเขมรลืมไว้ที่หัวเตียง ก็เลยบอกน้าผู้หญิงว่าจะเข้าไปหา พอไปถึงพี่เค้าว่าบ้านน้ามันแปลกๆผมว่าบรรยากาศมันขนลุกยังไงก็ไม่รู้ไม่เหมือนเดิม พี่เค้าก็ไปเรียกน้าเค้าที่หน้าห้องก็ไม่มีเสียงคนตอบ แถมยังล๊อคประตูด้วย เค้าก็กลัวว่าจะมีเรื่องแปลกๆเลยช่วยกันงัดช่วยกันถีบพังประตูเข้าไป

พอเข้าไปแล้วก็เจอน้าเขานั่งตาแข็งอยู่ พี่เค้าว่าน่ากลัวมากนี่มันคนถูกผีเข้าชัดๆ พี่เค้ารีบปลดสายคาดเอวท้าวอนันต์กาลทันที พี่เค้าว่าตอนนี้เอง น้าตาเหลือกมองขึ้นไปในที่สูง ตะโกนโวยวายลั่นเลยว่าให้เอาออกไป กูกลัวยักษ์ กูกลัวแล้ว กูกลัวแล้ว ยักษ์ ยักษ์ พูดวนไปวนมาซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น

พี่เค้าเลยรวบรวมความกล้าพูดคุยกับผี ว่าถ้ากลัวก็ให้ออกไปดีๆจะไม่ทำอันตรายอะไร ซึ่งผีนั้นก็ตอบกลับมาว่าไม่ไป ไปไม่ได้ นายกูให้กูมากับมัน พี่เค้าจึงบอกกลับไปว่าถ้าไม่ไปจะให้พ่อยักษ์ตีให้ตายไม่ได้ผุดได้เกิดเลย ตอนนี้พี่เค้าว่าน้าเขาเงียบก้มหน้าไม่ตอบอะไร พี่เค้าเลยให้ลูกชายน้าเค้าที่เป็นคนตัวใหญ่มาเฝ้าประตูห้องไว้

ส่วนตัวเค้าเดินไปตักน้ำแล้วก็ไปหยิบธูปที่หิ้งพระของบ้านน้าเค้ามาจุด อธิษฐานขอความช่วยเหลือท้าวอนันต์กาล เอาองค์พระลงแช่ทำน้ำมนต์ บอกว่าให้ขับผี ขับสิ่งไม่ดีที่อยู่ในตัวน้าเขาให้หมด พอปักธูปที่หิ้งพระ พี่เค้าก็ถือขันน้ำมนต์ที่แช่ท้าวอนันต์กาลเดินเข้าไปในห้อง น้าเขาก็ตะโกนว่าอย่าเข้ามาๆ มึงอย่าเข้ามา

พี่เค้าว่าผมก็ไม่โง่เดินเข้าไปเหมือนกัน ผมคิดในใจถึงท้าวอนันต์กาล บอกท่านว่าพ่อยักษ์ช่วยหน่อยนะ นี่น้าแท้ๆผมเลยจะให้เป็นอะไรไปไม่ได้ แล้วก็หยิบพยนต์ท้าวอนันต์กาลออกจากขันจากนั้นก็สาดน้ำไปที่ตัวน้าเขา พี่เค้าว่าน้าเค้ากรีดร้องโหยหวนจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ใช้คำว่าเหมือนหมาโดนน้ำร้อนน้ำกรดสาดก็ได้ประมาณนั้นเลย ตัวพี่เค้าก็ตกใจแต่เค้าว่าผมตาไม่ฝาดแน่ๆ เพราะพี่เค้าว่าตัวเค้ามองเหม็นหมอกควันสีดำๆลอยออกมาจากตัวน้าเค้าลางๆ

เสร็จแล้วน้าเค้าก็อ่อนเพลีย แต่ที่เปลี่ยนไปเลยคือพูดจารู้เรื่อง พูดคุยได้ปกติ เค้าว่าเค้าถูกผีที่ติดมาจากการมารทองนั้นอำแล้วก็ทับร่าง เสร็จแล้วก็รู้สึกเบลอๆความจำมาๆหายๆปะติดปะต่อไม่ค่อยจะได้ พี่เค้าว่าผมก็กลัวนะพอมองไอ้กุมารนั่น เลยไปจุดธูปขอบารมีพยนต์พ่อยักษ์อีกรอบทำน้ำมนต์ เสร็จแล้วก็เอาไปราดไอ้หุ่นกุมารทองนั่น เค้าว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พอโดนน้ำมนต์ไป หุ่นดินแข็งๆนั้นละลาย ถึงไม่ละลายทั้งหมดแต่ก็เสียรูปร่างจนไม่รู้เลยว่าเป็นกุมารทอง

พี่เค้าว่าผมเชื่อสนิทใจเลยเรื่องพ่อยักษ์ท้าวอนันต์กาลนี่เฮี้ยนจริง อย่างน้อยเวลาฉุกละหุกก็ยังช่วยเหลือได้ พี่เค้าว่าน้าสาวเขาแทบจะเข้ามายึดพ่อยักษ์ไปจากผมเลย เพราะเห็นคาตาขนนาดนั้น แต่ผมบอกไว้ว่าเป็นของใช้ แล้วก็โทรมาเล่าพร้อมกับขอบูชาเพิ่มให้ครอบครัวน้า ซึ่งทุกอย่างก็หมดไปสักพักแล้วเนื่องจากพยนต์ท้าวอนันต์กาลนั้นมีเจ้าของจับจองกันแต่แรก ทีนี้ก็พูดคุยปรึกษากันเรื่องต่างๆเกี่ยวกับจะทำอย่างไรกับหุ่นนั่นต่อ ก็คุยกันอีกสักพัก จนเค้าวางสายไป

* ก็นำมาเล่าให้ฟังกัน เรื่องภูติผีทั้งหลาย เอาว่าอย่ายุ่งอย่าเข้าไปใกล้ผมว่าดีกับชีวิตแล้ว ไปไหนก็อย่าไปลอง สำรวมระวังคำพูดเอาไว้ อย่าไปรับอะไรที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่มั่นใจ ไม่รู้วิธีสร้าง ไม่รู้สาระมวลสาร เอาเข้ามาเราอาจจะฟลุ๊ค ติดสิ่งที่ไม่ต้องการมาเช่นกรณีนี้ก็ได้

 

ใครจะฝากอะไรก็ PM ไว้นะครับ ค้างเรื่องลิงไว้หลายวันเดี๋ยวจะเริ่มนำมาพูดคุย ติดตามๆ

 

หนุมาน​

ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องลิง ก็จะมากล่าวถึงหนุมานกันก่อน แน่นอนว่าเครื่องรางสายลิงนี้ย่อมเป็นยอดปรารถนาของชายไทยเลย วันนี้ก่อนจะลงรายละเอียดลึกๆ ก็จะมาพูดถึง หนุมานในบริบทของเครื่องรางของขลังก่อนนะครับ

หนุมานเป็นบุตรของ พระพาย กับนางสวาหะ มีกำเนิดมาจากเทพ มีอาวุธของพระอิศวรได้แก่ จักร สังข์ คฑา ตรีศูล หนุมานมีเขี้ยวแก้ว กุณฑลขลเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ แปลงกายขยายร่างกายให้ใหญ่โตได้ ยืดหางให้ยาว หายตัวได้ อยู่ยงคงกระพันชาตรี หนุมานยังได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือไม่มีวันตาย โดนอาวุธตาย พอลมมาถูกร่างก็ฟื้นทันทีด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา หนุมานทำอะไรก็สำเร็จ รบกับใครก็ชนะ มีเมตตามหาเสน่ห์อยู่ในตัว อาวุธประจำกายคือ ตรีเพชร (สามง่าม) บุคลิกของหนุมาน เปรียบเสมือนตัวแทนของชายหนุ่มทั่วไป คือรูปงาม นิสัยเจ้าชู้ และมีเมียมาก เช่นนาง สุพรรณมัจฉา ทั้งคู่มีลูกด้วยกันคือ มัจฉานุ ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง ลิง กับ ปลา โบราณจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มักจะสร้างเครื่องรางของขลังเป็นรูปหนุมาน ถือว่าเป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ผสมผสานอย่างสอดคล้องและกลมกลืนกัน

เครื่องรางหนุมาน ถือว่าเป็นที่นิยมสำหรับผู้ศรัทธาจากอดีตจวบจนปัจจุบัน เนื่องด้วยมีอานุภาพด้านคงกระพัน แคล้วคลาด ป้องกัน และมีพละกำลังที่มหาศาล ทำให้โบราณจารย์ถือเอาคติหนุมาน (ที่ปรากฏในเรื่องรามเกียรติ์) มาสร้างเป็นเครื่องรางด้วยวัสดุต่างๆ แล้วปลุกเสก ลงคาถา เพื่อให้หนุมานมีอำนาจ มีอานุภาพ ประดุจมีชีวิต

โดยหนุมานรุ่นแรกๆซึ่งเป็นต้นตำรับของการสร้างหนุมานนั้น คือ หนุมาน “หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ วัดศาลากุน นนทบุรี ท่านได้นำต้นรักและต้นพุดซ้อนมาแกะสลักเป็นรูปหนุมาน แล้วนำไปปลุกเสกภายในกุฎิ ซึ่งไม่มีใครทราบว่า ท่านทำพิธีการอย่างไร แต่หนุมานของท่านได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ชอบสะสมเครื่องราง เพราะโดดเด่นด้านป้องกันภัย และ เมตตามหานิยม ทว่าในปัจจุบันนี้ หนุมาน หลวงพ่อสุ่นหาได้ยากมาก

ในเวลาต่อมาเครื่องรางหนุมาน ก็เริ่มสร้างกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ อาทิ หลวงพ่อดิ่ง หลวงพ่อกวย หลวงพ่อสาคร หลวงพ่อเพี้ยน หลวงพ่อฟู เป็นต้น ซึ่ง การสร้างหนุมานนั้น ก็จะใช้วัสดุที่ต่างกันไป อาจจะเป็นไม้มงคลที่หายากนำมาแกะสลัก หรือ โลหะต่างๆ เนื้อทองเหลือง เนื้อผง เป็นต้น

ส่วนพิมพ์ของหนุมานก็จะต่างกันไป ตามจุดประสงค์ของการสร้าง เช่น ถ้าเป็นหนุมานเชิญธง ก็จะดีทางด้านชัยชนะ เพราะสัญลักษณ์ของธง เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศชัยชนะ มีอานุภาพด้านคงกระพัน ป้องกันภัยที่ยอดเยี่ยม หรือ หนุมานบางรุ่นก็จะโดดเด่นทั้งด้านคงกระพัน และมหาเมตตา มหาเสน่ห์อีกด้วย

โดยการจะให้เครื่องรางนั้นๆมีอานุภาพด้านใดก็สุดแล้วแต่ผู้ปลุกเสกที่ต้องตั้งจิต บริกรรมคาถา กำหนดให้เครื่องรางชนิดนั้นมีอานุภาพดั่งปรารถนา …. นอกจาก หนุมาน จะถูกนำมาสร้างเป็นเครื่องรางเพื่อพกติดตัวแล้ว ยังมีการนำมาสร้างเป็นผ้ายันต์ หรือเป็นลวดลายของยันต์สักไว้ตามร่างกายของผู้ศรัทธาอีกด้วย

สายหนุมาน สายลิง ติดตามพูดคุยกันในตอนต่อไปนะครับ ........(พรุ่งนี้จะลงสาระสำคัญของหนุมาน ซึ่งเป็นความเหมือนในสิ่งที่แตกต่าง)

 

อรุณสวัสดิ์ครับ

ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM กันเข้ามานะ เดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกัน

 

ว่าน 108​

ก็เป็นคำถามสั้นๆนะครับที่มีคนถามเข้ามา เกี่ยวกับว่าน108 ว่าคำๆนี้หมายถึงอะไร เพราะเดี๋ยวนี้ใครสร้างวัตถุมงคลจะสำนักไหนก็มักจะพูดถึงสาระมวลสารว่าทำมาจากว่าน108ทั้งนั้น

ผมจะตอบสองบริบทนะ คือมันเป็นคำพูดรวมๆที่หมายความในจำนวนมากๆแบบประมาณไม่ได้นับไม่ถูก เช่นเรียกรวมเหล่าฤาษีก็เรียกฤาษี108 เรียกรวมว่านสรรพยาก็เรียกว่าน108 แต่เอาจริงๆมันเกินร้อยแปดไปไกลโขเลยก็มี

พ่ออาจารย์ท่านเคยบอกเรื่องนี้ไว้ ว่าว่าน108 คือว่านที่ต้องไปพลีไปกู้ ตามป่าก็ดีหรือที่ปลูกเลี้ยงเองก็ดี ว่านพวกนี้ต้องดูฤกษ์ ดูเวลา มีวิธีพลีและเก็บรักษาตลอดจนแปรรูปกว่าจะกลายมาเป็นมวลสาร โดยว่านต่างๆนั้นมักจะมีเทวดาและเพชรพยาธรคอยรักษา

ทีนี้คำว่าว่านร้อยแปดของท่าน ท่านว่าเราเจอเราก็กู้ก็พลีไปเรื่อย เอาจริงที่เรียกว่านร้อยแปด ความจริงมันก็เหยียบๆพันชนิดเข้าไปแล้ว แต่ว่าน108 มันเป็นคำจำกัดความเท่านั้นว่าเป็นว่านในตระกูลต่างๆที่มีปริมาณมาก

ทีนี้อีกบริบทหนึ่งก็คือว่าน108ที่บดเสร็จแล้วสามารถซื้อหาได้โดยทั่วไป ที่นักจัดสร้างพระและอาจารย์ส่วนใหญ่ชอบไปหาซื้อกัน ตรงนี้จะเป็นว่าน108นิด หรือเกิน108ชนิด หรือน้อยกว่า ตลอดจนเขาจะปลูกเอง ได้พลี ได้กู้ ได้ทำตามพิธีกรรมหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่สามารถบอกได้

เมื่อพูดถึงว่าน108แล้วก็จะเลยไปอีกเรื่องหนึ่งเลย นั่นก็คือคำถามยอดฮิตเช่นกัน เกี่ยวกับวิชาต่างๆหรือพระยันต์ต่างๆที่บางยันต์นั้นจะตีค่าไว้ว่าค่าควรเมือง ไม่ก็แสนตำลึงทอง ร้อยตำลึงทอง พันตำลึงทองเช่นนี้

คำพูดเหล่านี้ได้ยินกันบ่อย แต่อยากให้มองในมุมมองของคนสมัยโบราณ แล้วเราจะเห็นคุณค่าของอักขระชุดวิชาต่างๆที่กว่าจะสำเร็จเป็นตะกรุดดอกหนึ่งนั้น คำว่าค่าควรเมืองของคนโบราณ คำว่าแสนตำลึงทอง คำเหล่านี้บ่งบอกความรู้สึกอย่างไร แน่นอนว่าของสิ่งนั้นต้องเป็นของสูง สูงมากและไกลเกินเอื้อมทีเดียว เป็นเช่นของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่โอกาศจะเห็นก็ยังไม่มี

ทองคำหนึ่งตำลึงหนักสี่บาท แสนตำลึงทองก็คือทองคำน้ำหนักสี่แสนบาท ถ้าคิดเป็นค่าเงินสมัยนี้ก็คงตกแปดพันล้านบาทนั่นเอง เวลาที่เราถือของค่าควรเมืองหรือแสนตำลึงทองเหล่านั้นก็ควรสำเหนียกไว้ด้วย ว่าเราถึอของที่บรรพบุรุษนั้นตีค่าไว้สูงมากชนิดประเมิณไม่ได้หรือถือเงินแปดพันล้านบาทสมัยนี้ก็ว่าได้ หลายๆคนมักมองข้ามสาระสำคัญเรื่องเล็กๆน้อยๆตรงนี้ หารู้ไม่ว่าจริงแล้ว วิชาที่มีค่าควรเมือง มีค่าเกินแสนตำลึงทองเหล่านั้น ก็ไม่ได้มีมากมายอะไร และคนส่วนใหญ่ก็มักจะมองไม่เห็นค่าเสียด้วย วิชาเหล่านี้ที่มีค่าสูงมาก เอาว่าแต่ก่อนแม้แต่เจ้าพระยาพานทองหรือเสนาบดีผู้ใหญ่ ก็ยังยากจะได้แตะได้สัมผัสทีเดียว ดังนั้นแม้แต่พ่ออาจารย์เอง ก็มีไม่บ่อยครั้งนักที่ท่านจะทำวิชาค่าควรเมืองหรือที่ตีค่าแสนตำลึงทองขึ้นไปเช่นกัน แม้ทำก็ทำในปริมาณน้อยอย่างยิ่ง

กับอีกคำหนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆและผมเองก็พิมพ์บ่อย นั่นคือคำว่าครอบจักรวาล คำๆนี้สั้นๆแต่คนมักอ่านผ่านๆไป พอใจกับการเจียรนัยแบบละเอียดๆเสียมากกว่าว่าของชิ้นไหนมีพุทธคุณอย่างไร แต่ความจริงแล้วการเสกให้ครอบจักรวาลของผู้ลงเสกนั้น ต้องเรียกได้ว่ายากที่สุดทีเดียว มันเป็นคำสั้นๆ ที่ไม่ต้องการความหมายและคำอธิบายเช่นกัน เพราะนั่นคือมันรวมไว้ทุกอย่าง ใช้ได้ทุกทางแล้วนั่นเอง

*** ใครมีคำถามอะไรก็ PM ไว้นะครับ

 

ตอบ PM ครบแล้วนะครับ เดี๋ยวมาพูดคุยกันต่อนะ

 

ก็มีคำถามน่าสนใจเข้ามา เดี๋ยวไว้ยกมาพูดคุยกันต่อ ติดตามนะ