เรื่องเด่น มีวิธีเช็คยังไงครับว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่รับพยากรณ์แล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ทอนเงิน, 28 มีนาคม 2017.

  1. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    1.ขอพระพุทธบารมี ถามตรงพระพุทธเจ้า ...
    / ถ้าความรู้นั้นๆไม่สมควรแก่ผู้ถาม ไม่มีประโยชน์(เป็นโทษ) ผู้ถามก็อาจจะไม่ได้รับทราบ
    2.พระอรหันต์ ท่านเมตตาบอก"เป็นนัยๆ" ...
    / ไม่ใช่ว่าพระอรหันต์ทุกองค์จะบอก อาจเฉพาะบางองค์เท่านั้นที่มีความเนื่องกัน ท่านถึงจะให้นัย
    3.เจ้าตัวบอก ...
    / ซึ่งไม่มีใครบอก เพราะไม่สามารถพยากรณ์ตนเองได้ มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่พยากรณ์ได้ตรง
    "พระโพธิสัตว์เป็นลูกพระพุทธเจ้า ยังไม่ใช่พระพุทธเจ้า" การบอกไปอาจทำพระศาสนาเสื่อม
    เพราะคนบางคนเลิกศรัทธาพระพุทธเจ้า เบาการปฏิบัติด้วยตนเอง เอียงไปศรัทธาพระโพธิสัตว์แทน ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะท่านยังไม่สิ้นกิเลส


    แค่ความเข้าใจส่วนตัวนะครับ ผิดพลาดขออภัยนะครับ
    http://www.watthapklo.com/index.php/10-prebuddhist
     
  2. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    เห็นด้วยครับ ที่พระโพธิสัตว์ไม่ควรจะบอกใครๆว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ มันเป็นการสุ่มเสียงมาก มีแต่โทษแก่ตัวพระโพธิสัตว์เอง ดังนั้นถ้าไม่เห็นประโยชน์ในการบอก อยู่เงียบๆดีกว่า

    ในการตอบก่อนๆของผมในกระทู้นี้ โดยผมอ้างว่าตนเองได้รับพยากรณ์แล้ว เป็นผลจากการภาวนาของตนเองเป็นเครื่องยืนยัน

    ซึ่งจุดมุ่งหมายของผมคือ อยากให้ให้พระโพธิสัตว์ในนี้เร่งเจริญวิปัสนาแล้วเอาผลจากวิปัสนามายืนยันว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ไม่อยากให้เอาความเชื่อ ความรู้สึก หรือ คำกล่าวอ้างของบุคคลอื่น มาเป็นสิ่งยืนยัน

    2 อยากให้พระโพธิสัตว์ที่กำลังสร้างบารมี วางเป้าหมายที่ถูกต้องในการมาเกิดในชาตินี้. การที่มาเกิดในยุคที่มีพระศาสนาควรจะเร่งภาวนาเจริญวิปัสนาเป็นอันดับแรก ส่วนบารมีอื่นๆก็ควรทำแต่เป็นการทำเสริม

    พระโพธสัตว์ ควรทำตัวให้เล็กไม่ควรผยองถือดี โดยเฉพาะกับพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป เพราะอริยเจ้านั้นมีคุณสมบัติคือตัดสังโยชน์(บางส่วน)ได้แล้ว เห็นพระนิพพานแล้ว ตัดอบายภูมิได้แล้ว ไม่มีทิฐิวิปลาส รู้ทางในการภาวนาฯลฯ ซึ่งพระโพธิสัตว์ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้

    ส่วนตัวผมเคารพพระอริยเจ้า มีความคิดว่าต่อให้รวมพระโพธิสัตว์กันเป็นร้อยเป็นพัน ก็มีคุณสู้พระโสดาบันไม่ได้ ถึงชาติหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แต่ถ้าพบพระโสดาก็ควรยกมือไหว้ด้วยเศียรเกล้า
     
  3. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    1.jpg 2.jpg 3.jpg
     
  4. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ขอไห้ลุถึงปัญญาสูงสุดครับและขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ไห้แสงสว่างในกระทู้นี้เพื่อเป็นธรรมทานสาธุครับ
     
  5. Nagamanee

    Nagamanee Manassa

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    526
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,578
    สาธุในธรรมเจ้าค่ะ

    #####ขออนุญาตยืมพื้นที่ พล่ามหน่อยนะคะ มันอึดอัดมานานละ

    เพิ่งไปโหลด อีบุ้ค เรื่องไตรภูมิพระร่วง มาอ่านอีกรอบ เพราะสงสัยเรื่อง นางแก้ว เรื่องอะไรแก้วๆ ประมาณนี้ พออ่านก้เลยได้ความเข้าใจมากขึ้นค่ะ

    และรู้สึกสังเวชใจ ที่ปล่อยเวลา มาผ่านเลย คือถ้ารู้ทันจะไม่หลงทางแบบนี้เด็ดขาด
    นี้ก้ดีที่มีบุญมามั้ง เรื่องรู้ตัว รู้สติ ก็ ขอพูดแบบคนธรรมดาๆทั่วไปที่ไม่มีอภิญญานะคะ
    เพราะสังคมทุกวันนี้ หาคนปฏิบัติได้ยากมาก ถึงยากที่สุด และยากเหลือเกินที่จะมีใครเห็นดีเห็นงาม ถ้า เราจะเริ่มสวดมนต์ ถ้าวันนึงเราบอกว่า เราอยาก สงบ อยากหยุดการดิ้นรนทางโลกทุกอย่าง เค้าจะหาว่า คนอย่างเรานั้น "บ้า"

    เมื่อมาถึงจุดนึงของชีวิตถึงเข้าใจว่า กรรมนั้นแลทำเราเกิดมา กรรมล้วนๆ
    มีแต่ เสบียงบุญเท่านั้น ที่จะพาเราก้าวผ่านข้าม วัฏสงสารนี้ไปได้

    เพราะชีวิตเกิดขึ้นมาหนึ่งดวงจิต และเวียนว่ายกันไป ทำบุญทำกรรมต่อเนื้องกัน เมื่อรู้ได้แบบนี้
    เราเกิดอาการ เบื่อ เบื่อหน่ายกับสังคมของคนทุกวันนี้ เบื่อเข้าขั้น
    ต้องรวย ต้องสวมหน้ากาก ต้องสวยไม่สวยต้องไปผ่าให้สวย เเก่งแย่งชิงดีกันอย่างไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ คุณๆลองไปพูดเรื่อง สวดมนต์ นั่งสมาธิกันเหรอคะ เค้าจะหาว่า เราน่ะ สติไม่ดี ก็แค่ไม่ไหลไปตามโลก ไม่ได้คิดว่า สิ่งที่ห่อหุ้มภายนอกนี้มันจีรัง สักวันเราก็ต้องตาย
    และเดี๋ยวนี้ ตาย กันเร็ว มากค่ะ ขอบอก ส่วนคนที่เหมือนจะดี ก็ล้ำเกินไปคือ ธรรมะ แต่มันไม่ใช่หลักธรรมะ มันมีอะไรเจือปนเลยดูว่าแปร่งๆ ประหลาดโลกกันไป เราก็ไม่ถูกจริตเท่าใดนัก

    ก็ตั้งแต่เด็ก ก้ แสวงหามาตลอดค่ะ ชอบนั่งเหม่อดูฟ้าและพูดว่า ใครสร้างเรามานะ จักรวาลเหล่านี้มีที่สิ้นสุดไหม ตายไปแล้วเราจะจำอะไรได้บ้างนะ อะไรจะมาชี้วัดว่าเราทำดีทำชั่ว
    เราอายุได้ห้าหกขวบ หลวงลุงท่านมาเยี่ยมโยมญาติ เราเป็นเด็กเอาจีวรท่านมาห่ม เอาบาตรท่านมาถือ ปรากฏโดนไม้มะยมทั้งตัว จนหลวงลุงต้องห้ามไว้ บอกว่า เราไม่รู้เรื่อง
    เจ็บใจปานนั้นว่า "ผู้หญิง บวชไม่ได้" ร้องไห้ ตามหลวงลุงอยากจะไปอยู่วัด แต่ไปไม่ได้ เป็นเด็กผู้หญิง ..วันนึงเดินตามย่าไปตลาดตอนเด็กมากๆ มีพระภิกษุรูปหนึ่งท่านเดินล่วงหน้าเราไป และทำหนังสือสวดมนต์ ที่หน้าปกเป็นรูปหลวงปู่โตนั่งภาวนา เลยเก็บเอาไว้ ...
    พอเข้าปอหนึ่ง ครูท่านนึง ให้เรารู้จัก โยเร เป็นเหมือนคามเชื่อเรื่องพระศรีอาริยเมตไตร
    ท่านเรียกเรา มารับแสง บอกว่า เรามีรังสีแปลกๆออกมาจากเด็กนักเรียนในชั้นที่อาจารย์เราโยเรให้ (ท่านว่าแบบนั้น ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจออกจะ งงๆ ว่า ทำไมต้องให้นั่งหลับตา แล้วพูดถึงพระศรีอาริยเมตไตรบ่อยๆ เขาคือใครอะ) อาจารย์เรานี้ ถึงขนาดไปบ้าน (เราพ่อแม่แยกทางกันอาศัยกะญาติค่ะ ) ขออนุญาตพาเราไปค่าย สวรรค์บนพื้นพิภพ ตรงสะพานควาย นั้นน่ะค่ะ
    เราก็ไปนะ คือคงเห็นอาจารย์ท่านใจดี และเห็นคือ เหมือนผู้นำเขาเป็นญี่ปุ่น.. หลังจากนั้น เราก็เลยโยเร ได้ ตอนแปดขวบ แล้ว นั่งสมาธิตามแบบ เขาสอน...

    ที่ทิ้งไป ก็ เพราะ ย้ายบ้าน ย้าย รร ประกอบกับ อาจารย์ ท่านเสียชีวิต หลังจากเราย้ายไปต่อมัธยมที่อื่น ... และชีวิตก็ผกผันมาทุกรูปแบบค่ะ ... เห็นเทวฑูตทั้งสี่ เห็นคนแก่ คนเจ็บ คนป่วยตาย คนกำลังหมดลมหายใจ การกำเนิด มันปลง มันแบบว่า ดิ้นรนเพื่อเงินทองเอาไว้ซื้อยาซื้อโลงศพตัวเอง สุดท้ายไม่ได้อะไรสักอย่าง...

    เรื่องนางแก้ว อ่านและพยายามทำความเข้าใจ คือชายาคู่บารมีพระโพธิสัตวิ์ ในความเห็นเรา
    มันดู ป้อปปูล่า มาก ในสมัยนี้ เหมือนถามว่า เนื้อคู่อยู่หนใด เมื่อก่อนก็เคยเพ้อฝัน จนเราคิดว่า การไปคิดเรื่องคู่มากๆ เหมือน หาเชือกมารัดขาตนเองมากกว่า ไม่มีความรักใดจีรังสักหน
    มีแต่บุพกรรมที่ทำให้มนุษย์มาใช้บุญกรรมร่วมกันมากกว่า จะเป็นบุพเพสันนิวาส แบบที่หนุ่มสาวเขาคลั่งไคล้ใฝ่ฝันกัน

    อยู่ในมนุษยภูมิแล้ว จะทำจะฝึกก็รีบทำ ที่แน่ๆ กลัวนรกมาก และกลัวการเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นอะไรที่มันเสียชาติเกิด คือ บำเพ็ญไม่ได้ ไม่สามารถสร้างบุญกุศลได้ ...
    ณ ตัวเราตอนนี้นะคะ มีสองทางเลือกรุนเเรงมาก คือ เข้ามาให้เราเลือกพร้อมกัน ..
    ว่าจะเลือกไปนิพพาน คือหัดฝึกจิตเพื่อการไม่เกิด
    ว่าจะเลือกติดตามเป็นบริวารพระโพธิสัตวิ เป้นหน่อพระพุทธภูมิ ช่วยชาวบ้าน เวียนว่ายตายเกิดร่วมกับกัลญาณมิตรท่านอื่น แน่ละ ต้องโคตระอดทน และไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่นวล

    ......คงเป็นที่มาของคำถามมั้งคะ ว่า "จะเอายังไงกับชีวิต"

    สาธุ ทุกท่านที่ดวงตาเห็นธรรมและตั้งใจเพื่อมรรคผลอันสุงสุดค่ะ
    สาธุอนุโมทนามิในกุศลทุกท่านในนี้ เผื่อว่า เราจะได้อานิสงส์จากพวกท่าน ไปภพภูมิที่ดีกว่า ได้เจริญในทางธรรม ปลดพันธนาการกิเลสที่รัดขาเราตอนน้ได้เร็ววันก่อนจะ ลุกนั่ง ไม่ไหวเจ้าค่ะ

    หนูมน
     
  6. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    หนูมนไม่อยู่ช่วยสรรพสัตว์ก่อนหรอฮะเรื่องนางแก้วนี่ตอนนี้ก้มีหลายท่านอยู่นะครับที่ไปสวดบทจักพรรดิ์20.30และบำเพ็ญบารมีคู่กับพระโพธิสัตว์อยากขมักเขม่น
     
  7. Nagamanee

    Nagamanee Manassa

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    526
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,578
    หนูมนสวดเช้าสายบ่ายเย็น แอบสวดในเวลาทำงานด้วยล่ะค่ะ อิอิ

    ส่วนนางแก้วนี้ ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าอะไรยังไง แต่จากการอ่านประวัติความรักของพระพุทธเจ้า จุดกำเนิด สุเมธดาบส กับพรามณีสุมิตตา ดรุณีน้อย อย่างขมักเขม้น ก็ได้เข้าใจ คำว่า รัก มากขึ้น อย่างทะลุปรุโปร่ง...

    เข้าใจว่า “พี่ชายพี่ชาย ดอกบัวห้าดอกฉันให้พี่ชายถวายพระพุทธเจ้า พี่ชายจะได้สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ส่วนดอกบัวสามดอกของฉัน จักเป็นคุณค่าเสมอด้วยจิตอธิษฐานเท่ากันของพี่ชาย ฉันจะขอตามติดบำเพ็ญบุญบารมีกับพี่ชายทุกภพทุกชาติ เป็นคู่บุญบารมี ร่วมทุกข์ร่วมสุข จะลำบากยากเย็นแค่ไหน ฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ เราจะก้าวผ่านวัฏสงสารนี้ไปด้วยกันจนถึงวันที่พี่ชายพาฉันไปถึง นิพพาน”

    แล้ว สุเมธดาบสก็เหาะกลับไปบำเพ็ญฌานบารมีต่อที่ป่าหิมพานต์ โดยมีสายตาของพรามณีดรุณีน้อยสุมิตตา มองตามไปจนสุดสายตา “ พี่ชายจดจำดวงตาฉันเอาไว้นะ ฉันจะตั้งใจบำเพ็ญโพธิญาน เราจะต้องได้พบกัน
    อีก และฉันจะสนับสนุนพี่ชายตลอดไป ทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าเราจะเกิดเป็นอะไรในสามแดนโลกธาตุนี้”.....

    ซึ้ง.... จาก ท่านสุเมธดาบส ไอดอลทางพระโพธิญาณ ของหนูน้อยสุมิตตาพรามณี แฟนคลับอย่างเธอมีความตั้งใจอันเหนียวแน่น แรงสัจจอธิษฐาน ได้เกี่ยวรัดสายใย พันเกลียว ไป ไม่นานหรอกค่ะแค่สี่แสนอสงไขย กะแสนกัลป์ เศษๆ การเป็นแฟนคลับที่ดีย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำไมพระนางมัทรีจึงยอม พระนางพิมพาจึงยอม .. ยิ่งการเริ่มรักแบบแฟนคลับ แบบนี้ด้วยยิ่งสุดยอดค่ะ

    ว่าแล้ว เดี๋ยวหนูมน ไปเหมาดอกไม้จากคลองตลาดแปปนะคะ เผื่อ จะได้ หอบดอกไม้ไปพนมมืออธิษฐานนั่งใกล้ๆกะท่านว่าที่พระโพธิสัตว์ ปรารถนาในอานิสงส์นั้นกะท่านบ้าง ึ

    ปล สวดมนต์เสร็จแล้วค่ะ สาธุ ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ขอนุโมทนาในมหาปณิธานขอให้ประสบความสำเร็จในเร็ววันครับ
     
  9. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    เห็นเงียบๆไปเป็นยังไงกันบ้างครับมีไครจะมาให้ความรู้เพิ่มเติมไหมครับหรือมีอะไรจะมาแนะนำในช่วงนี้เชิญเลยนะครับเพื่อจะเป็นการสร้างบารมีครับสาธุ
     
  10. พุทธางกูรน้อย

    พุทธางกูรน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +68
    รู้ได้อย่างไร ว่าเป็นพุทธภูมิ :
    รู้จากสัญญาเก่าครับ มันผุดขึ้นมาเอง เป็นวาระของมัน
    เนื่องจากเราต้องทำบารมีต่อในชาตินี้ มีหน้าที่ต้องทำ

    รู้ได้ไงว่าได้รับคำทำนายแล้ว :
    จากสัญญาเก่า และมโนยิทธิ แต่ก็ไม่เชื่อ 100% นะครับ
    แต่ไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเคยได้ หรือยังไม่เคยได้รับคำทำนาย
    ก็จะทำบารมีต่อไปครับ และขออธิฐานจากนี้
    จะขอเกิดในสมัยพระพุทธเจ้านับจากนี้ทุกพระองค์
    และขอให้ท่านได้โปรดเมตตาให้คำทำนายกับเราทุกครั้งไป

    นางแก้วมีไหม:
    มีเบอร์ 1 แต่ยังไม่กล้าเรียกเขาว่านางแก้ว
    เนื่องจากยังไม่ใช่คู้แท้กัน ยังต้องทำบารมีร่วมกันอีกนาน
    กว่าจะได้เป็นคู่แท้ ถามว่าผูกพันไหม ก็ผูกพันนะ
    ขนาดไม่ได้ลงมาด้วยกัน แต่เขาก็คอยเป็นห่วงอยู่
    บางทีเราก็บ่นเขานะ ว่าทำไมไม่ลงมาด้วยกัน
    เขาบอกว่า ไม่ใช่วาระของเขา

    แต่สัมโพธิญาณ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับเรา
    ถ้าเขาจะไปกับคนอื่น เราก็โมทนา
    ถ้าเขาจะปรารถณาพุทธภูมิ เราก็โมทนา
    ถ้าเขาจะลาไปเป็นสาวกภูมิ เราก็โมทนา
    ถ้าเขาจะเดินไปหนทางเดียวกับเรา เราก็ขอโมทนา
    เมื่อ ดำริของเขาดี เป็นทางบุญทางกุศลแล้ว เราขอโมทนา

    ณฉัตร Said: พระนิตยโพธิสัตว์ แตกต่างจากชาวบ้านตรงที่
    จิตมาเหยียบที่โคตรภูแล้วเด้งกลับ คือไม่ไปต่อ

    อันนี้ น่าจะเคยมีประสบการณ์ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่
    แต่ก็คิดไว้ก่อนว่าใช่ล่ะกัน จะได้มีกำลังใจเดินทางต่อ
    ในสงสารวัฎที่ยาวนานนี้
     
  11. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ขอให้ถึงฝั่งตามปณิธานของทุกๆท่านนะครับใครมีความรู้อะไรดีๆก็มาแบ่งปันกันบ้างนะครับช่วยเป็นแสงสว่างให้คนยังบอดอยู่เช่นผมหน่อยครับสาธุ
     
  12. Dhamma2

    Dhamma2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2017
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +121
    ยังระลึกอะไรไม่ได้เลยครับ รู้เพียงแต่ว่า "ต้องทำต่อ"
    สมัยบวชเคยมีพระทักว่า "หลวงพี่ปรารถนาอะไร"
    ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าปรารถนาอะไร รู้เพียงแต่ว่าอยากเป็นพระอรหันต์ ไม่อยากเกิดอีก

    สรุปว่า ทราบว่าปรารถนาพุทธภูมิโดยสันดานเดิมมันโผล่มาให้อยากทำต่อ
     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นไปได้ทั้งหมด แต่การทำดีโดยไม่หวังสิ่งใดมีได้เพียงเฉพาะบุคคล ทั้งในทางโลกและทางธรรม ความต่างคือ กิเลสที่สั่งสมมาเบาบางแค่ไหนอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นให้อยากทำหรือทำเพราะต้องทำเพราะนั่นคือสิ่งที่เราทำได้ ไม่มีใครคิดทำอะไรเกินตัว ไม่มีใครต้องรู้ เพราะกาลเวลามันเป็นอนันต์ไม่มีสิ้นสุด แต่ทุกคนจะรู้ว่าเวลาไหนพระศาสนาเสื่อมถอยเวลาไหนพระศาสนาเจริญรุ่งเรือง โดยมากโพธิสัตว์สนใจเพียงเรื่องราวไม่กี่เรื่องเรื่องแรกคือ พระศาสนาจะอยู่ได้อย่างไรตนเองจะเป็นเหตุให้เสื่อมถอยหรือเป็นเหตุให้เจริญมีแต่นิยตที่พิจารณา เพราะไม่สนใจว่าจะอยู่ขั้นไหนเวลาใด ถ้าเป็นนิยตจริงไม่คิดพะวงกับอดีตหรืออนาคตแต่พะวงกับปัจจุบันมาก ทั้งผู้คนรอบข้างจะเป็นสิ่งที่มองเห็นและเพียรหาทางเพื่อให้ทุกคนได้บกับสิ่งดีที่ควรจะเกิดกับชีวิตในแต่ละครั้งที่จุติ ถ้าถามว่าตรวจสอบยังไง กำลังใจมันต่างกันมาก บางทีเขาเรียกบารมี แต่ที่จริวคือความเข้มแข็งของจิตใจ ที่ไม่เคยย้อท้อต่อสิ่งที่พบเจอและมีเพียงสิ่งเดียวคือต้องทำให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ในทางโลก ทางธรรมจะระลึกแล้วนานแล้วว่าเวลานี้เป็นเวลาใดไฉนผู้คนจึงหลงงมงาย นิยตส่วนใหญ่ทราบดีจึงเพียรทำเพื่อให้ผู้คนที่หลงงมงายกลับสู่หนทางของความเป็นจริงและทุกสิ่งอ้างถึงพระศาสดาไม่อาจอ้างตนเองได้เพราะตนรู้แน่ว่าความรู้ที่รู้นี้เพราะมีศาสดาพระสมณโคดมเจ้าจึงรู้ และนำมาเฉลยตามกาละเทศะ อนิยตจะยังคงคิดว่าหลายสิ่งเรารู้ได้ด้วยตนเองและหลงไหลกับความรู้นั้นได้ นิยตไม่มีทางหลงทางและนิยตเชื่อว่าอายุพระศาสนาจะอยู่จนครบจบกระบวนจวบวาระในกัปล์นี้ ไม่สร้างตนเสมอพระศาสดาเพราะรู้ดีว่า ทุกคำสอน เป็นคำสอนเดียวกันเป็นของเดิม ไม่คิดแก้ไขอะไรเพียงแค่อธิบายในบางแง่มุม ยากมากจะได้พบสำหรับนิยต เพราะทุกท่านล้วนสติปัญญา เป็นเลิศ และไม่มีเหตุผลจะเอ่ยปากบอกผู้ใดและไม่เคยใคร่รู้ว่าใครเป็นอะไร จะมีบ้างที่นิยตด้วยกันจะกล่าวถึงกันแต่ไม่บ่อย และไม่เคลียร์ จึงเป็นที่มาว่า ขอให้มองคนเพราะความดี และความดีมีได้ด้วยความตั้งใจในทางดีไม่ใช่เพราะ ลาภ ยศ สรรเสริญ ผู้จะเป็นหรือคิดจะเป็นจึงควรมองดห็นจุดนั้นด้วยตนเองจึงจะสามารถทราบถึงเจตนาแท้จริงของบุคคลอื่นได้ที่อาจเป็นได้ทั้งอนิยตหรือนิยตโพธิสัตว์
     
  14. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    เป็นคำคมและลึกซึ้งกินใจมากครับเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับสำหรับผมตอนนี้งานเข้ามีแต่คนทำคุณไสยไส่ครับ
     
  15. มหาพุทธกัป

    มหาพุทธกัป Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +40
    สาธุครับสาธุ กับ หน่อพุทธภูมิ และบรรดานางแก้ว ทั้งหลายครับ เข้ามาอ่านครับ แต่ไม่รุว่าตัวเองเป็นอย่างไงครับ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ
     
  16. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    มีแนวทางหรือความรู้ดีๆก้เข้ามาแนะเพื่อนๆได้นะครับ
     
  17. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ไม่ต้องระลึกอะไรครับ ถ้าท่านเห็นโลกเป็นทุกข์ แล้วปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ และท่านมองทุกข์คนอื่นสำคัญกว่าทุกข์ของตนเองแม้น้อยนิด เพียงเท่านี้มีส่วนแห่งโพธิจิตแล้ว
     
  18. Gunny158

    Gunny158 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +11
    สวัสดีครับ คำตอบนี้ตั้งใจเขียนให้ คุณทอนเงินโดยเฉพาะนะครับ
    ******ฉะนั้น ตั้งใจอ่าน และควรอ่านให้ละเอียดหลายๆรอบนะครับ เพราะผมไม่ค่อยได้มาตอบ
    และ คิดว่าคงไม่ช้าไปที่จะมาตอบนะครับ พอดีไม่ได้เข้าเว็บนี้มานานมากแล้ว พอดีเห็นกระทู้นี้ แล้ว มองเห็นตัวเองในอดีต เข้าใจความรู้สึกของเจ้าของกระทู้ ว่า การสร้างบารมีต้องใช้เวลานานหลายอสงไขย กำลังใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญทีเดียว เป็นกำลังใจให้นะครับ เพราะแม้แต่ พระพุทธเจ้าของเรา ก็ยังต้องใช้กำลังใจมากทีเดียว จะเห็นได้จาก แม้ชาติสุดท้ายที่พระองค์เป็น
    เจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์ก็ยังเสี่ยงลอยถาดทอง โดยอธิษฐานว่า หากสำเร็จ ขอให้ถาดทองลอยทวนน้ำ เฉกเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ก็ทำเช่นเดียวกันครับ
    การที่จะทราบว่า เป็นนิยตะโพธิสัตว์ นอกจากวิธีที่คนอื่นกล่าว มา ยังมีวิธีทางอ้อม ได้หลายวิธีครับ

    1. ดูจากกำลังใจของเราครับ เพราะบารมี คือ กำลังใจ นิยตะโพธิสัตว์ ต้องมี ปรมัตบารมี พร้อมหมายถึงมีกำลังใจแน่วแน่ที่จะสละชีวิตเพื่อทำความดีหรือสร้างบารมีได้หรือไม่ ถ้าจิตใจแน่วแน่แบบนี้ ถึงจะเข้าขั้น นิยตโพธิสัตว์ครับ ในวันที่มีความทุกข์ที่สุด ผมเคยถามว่า อยากจะลาพุทธภูมิหรือไม่ คำตอบที่ได้ คือ ไม่ครับ ไม่เคยมีวันไหนที่มีความคลางแคลงใจ ในการลาพุทธภูมิสักวัน แม้ในวันที่ทุกข์ หรือ ลำบากที่สุดในชีวิตครับ ถ้า ยังมีความลังเล เดี๋ยวลา เดี๋ยวไม่ลา (ไม่จำเป็นต้องอ้างว่า พอจะลาแล้ว มีเหตุการ์ณ์อย่างนี้ไม่ให้ลา แล้วสรุปว่าทึกทักเองว่าเราเป็นนิยตโพธิสัตว์ อันนี้ไม่ใช่ของแท้ครับ) เพราะ ถ้าบารมีเต็มแล้ว จะไม่มีคำว่า ลา อยู่ในสารระบบ ของนิยตโพธิสัตว์แน่นอนครับ ถ้าคิดจะลา แม้เสี้ยวนาที แสดงว่า กำลังใจยังไม่เต็มครับ บารมียังไม่เต็มครับ ยังไม่ผ่าน ข้อ ต่อไป อ่านข้อ 2 ก่อนนะครับ เพราะเกิดก่อน

    3. อธิษฐานบารมีครับ อย่างที่เกริ่นมาแต่ต้น ว่า อธิษฐานบารมี คือ หนึ่งในบารมีสิบทัศน์ ที่มีความสำคัญไม่แพ้กับบารมีข้ออื่นๆ ซึ่งก็คือ กำลังใจครับ ถ้าอยากทราบก็อธิษฐานขอทราบว่า เราเป็นนิยตหรือไม่ครับ แต่ การอธิษฐาน ไม่ใช่ว่า นึกจะอธิษฐาน แล้วก็จะได้คำตอบเลยนะครับ ก็ต้องมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดผลด้วย คือ เราต้องทำบุญใหญ่ ด้วยจิตอันเป็นกุศล และด้วยความอยากรู้จริงๆ โดยอธิษฐาน ขอให้ทราบ เพื่อที่เราจะได้มีกำลังใจในการสร้างบารมีต่อไป
    (อย่างที่ผมบอกว่า ไม่แปลก ที่เราจะมีกำลังใจตกบ้าง ในบางคราว เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้า ของเราก็ยังต้องอธิษฐานเสี่ยงทายแม้ในชาติสุดท้ายของพระองค์)

    ตอนผมอธิษฐาน คือ ในขณะที่ผมบวชเป็นภิกษุแล้ว และมีจิตตั้งมั่นในการอธิษฐาน คือ อยากรู้จริงๆ ไม่ใช่อยากรู้พร่ำเพรื่อ โดยอธิษฐานว่า หากเราเป็นนิยตโพธิสัตว์ ขอให้มีเหตุบอกเราในเวลาสามวันนี้ด้วยเทอญ เป็นตอนกลางคืนที่ผมอธิษฐาน หน้ากุฎิ มีอ่างบัว ที่มีบัวใกล้ตาย (ขอย้ำว่าใกล้ตายแล้วจริงๆ เพราะ มีใบเล็กๆเพียงหนึ่งใบ ที่ขาดล่อแล่ เพราะ ไม่มีใครดูแลก่อนหน้านี้) รุ่งเช้าของวันอธิษฐานหลังจากกลับจากบิณฑบาต มีดอกบัวผุดออกมาจากกอที่ใกล้ตาย ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่คิดอะไร จนครบสามวัน ขณะกำลังรดน้ำต้นไม้ ซึ่งลืมเรื่องนี้ไปแล้ว คิดขึ้นมาเล่นๆว่า ถ้าดอกบัวนี้ คือ คำบอกว่า เราเป็นนิยตโพธิสัตว์จริง วันนี้ คือ วันที่สาม ดอกบัวจะต้องหายไป เพียงชั่ว นาทีที่ผมเดินไปรดน้ำต้นไม้ แล้วเดินกลับมา ดอกบัวดอกนั้น พับลง เหมือนมีคนมาหักครึ่ง อย่างไม่น่าเชื่อครับ โดยที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย เพราะกุฎิพระวัดป่า จะอยู่ห่างกันหลายเมตร ไม่มีทางที่ดอกบัวจะหักโดยคนอื่น ระยะเวลาแค่เดินไป 3 เมตร แล้วเดินกลับ แค่นั้นจริงๆ ได้คำตอบแล้ว คราวนั้น เป็นคราวสุดท้าย ที่ตั้งใจแล้ว ว่า เราจะไม่อธิษฐานพร่ำเพรื่อแบบนี้อีก ก็ทำตามสัญญาครับ ว่า รู้แล้วจะไม่อธิษฐานถามอีก

    2. การที่ได้อธิษฐานต่อหน้าพระพุทธเจ้า ในความกล่าวว่า นิยตโพธิสัตว์ จะต้องมีโอกาสอธิษฐานต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้า แล้วได้รับ การพยากรณ์ ในเกือบทุกๆชาติที่เจอพระพุทธเจ้า ซึ่งแน่นอนว่า พระพุทธเจ้าเราไปนิพพานแล้ว ปัจจุบันนี้ เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่อย่างน้อย ที่ผมคิดตอนนั้น คือ การที่เราได้เปล่งวาจา กับ ตัวแทนพระพุทธเจ้า ก็น่าจะทำให้เราอยู่ใน อุปบารมี เป็นอย่างน้อย จึงมีจิตตั้งมั่นว่า จะเปล่งวาจาอธิษฐานต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า แต่แล้วก็มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นครับ ผมไปปฏิบัติกรรมฐานวิปัสนา 7 วัน ในวันที่ผมได้ปฏิบัติธรรม และได้บรรลุถึงอนุโลมญาณ ในวันที่ 5 มีเรื่องแปลกคือ ท่านเจ้าอาวาสวัดอินทร์ ได้อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุพระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่อัญเชิญมาจากศรีลังกา มาอยู่บนเวที ซึ่งปกติ ถ้าจะไปนมัสการพระธาตุ ต้องไปอีกแห่ง ไม่ใช่วัดนี้ แล้วก็ต้องต่อคิวนาน รวมถึง นมัสการในระยะไกลๆ น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีคนมาเฝ้า เนื่องจากเป็นวันปีใหม่ เจ้าอาวาส อยากเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้มากราบไหว้อย่างใกล้ชิด เฉพาะผู้ที่มาปฏิบัติธรรมเท่านั้น เป็นกรณีพิเศษ (ซึ่งถ้าทราบดีว่า พระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่นำมาจากศรีลังกา เป็นการชั่วคราว ต้องมีคนเฝ้าตลอดและไม่ให้เข้าใกล้พระธาตุ เนื่องจากกลัวการถูกขโมย) โดยจะให้ทุกคนลงไปกินข้าวกลางวันก่อน แล้วขึ้นมารวมกัน น่าแปลกมากที่ตอนกลางวันไม่มีใครขึ้นมานมัสการพระธาตุเลย ทุกคนลงไปกินข้าวกันหมด มีผมคนเดียว ที่ออกไปซื้อพวงมาลัยแล้วขึ้นมานมัสการเพียงคนเดียวและก็ได้ทำ เปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิในชาตินี้ กับ พระธาตุเขี้ยวแก้ว ระยะห่างจากพระธาตุเพียงแค่ศอกเดียว ดีใจมาก ที่เราได้เปล่งวาจาอธิษฐานด้วย จิตอันเป็นมหากุศล กับตัวแทนของพระพุทธเจ้า เพราะได้อนุโลมญาณตอนนั้น เหมือนพระพุทธเจ้า กำลังจะบอกเป็นนัยกับผม ว่าพระองค์ท่านรับรู้ จึงทำให้มีเหตุการ์ณอัศจรรย์นี้เกิดขึ้น

    4. อย่างที่มีคนกล่าวไว้ข้อต้นๆแล้ว ว่า นิยตโพธิสัตว์ จะเข้าถึง อนุโลมญาณได้ อันนี้ผมก็ได้ครับ ซึ่งแน่นอน ว่ามันมีเหตุผล อยู่ครับ ว่า ทำไม นิยตโพธิสัตว์ ต้องได้อนุโลมญาณครับ เพราะเมื่อผ่านจุดรอยต่อ ทางเลือกแล้ว การที่มีจิตพุทธะ อันปราศจากการเจือด้วยกิเลส ได้ทำ สัตยาอธิษฐาน ย่อม มีผลบุญมากกว่า การอธิษฐานในขณะที่เป็นจิตปุถุชนครับ เป็นการตอกย้ำในความแน่วแน่ของการปรารถนาพุทธภูมิครับ ผมได้อนุโลมญาณในวันที่ 5 ของการปฎิบัติธรรมครับ

    ฉะนั้น ที่ผ่านมา ใครสงสัย หรือ มาบอกว่า ตัวเองเป็นอเสขบุคคลแล้ว ผมสามารถบอกได้ระดับนึงครับ ว่า ได้ของจริง หรือ ไม่ใช่ของจริง เพราะผ่านมาแล้ว ยังมีเหตุการ์ณอีกมากเอาแค่นี้ก่อน

    ปล. จุดประสงค์ของการตอบกระทู้นี้ เผื่อให้คุณทอนเงินมีกำลังใจในการปฏิบัติต่อไปนะครับ ไม่อยากให้ถามแล้ว ละเลยการปฏิบัติไปนะครับ เพราะการเกิดในสมัยที่มีพระพุทธศาสนาอยู่นั้นยากแล้ว แต่การเกิดในสมัยของปัญญาธิกะพระพุทธเจ้า ในสมัยที่เราอยู่นี้ นั้นยิ่งยากกว่ามากกกกกกกนัก เพราะ ที่ผ่านมา มีปัญญาธิกะพระพุทธเจ้าองค์เดียวในรอบ 35 พระพุทธเจ้า ฉะนั้นจงอย่าเอา การเป็นหรือไม่เป็นนิยตโพธิสัตว์ มาขัดข้องให้มาก ตั้งใจปฏิบัติต่อไป เพราะผมก็ต้องทำเช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2018
  19. Gunny158

    Gunny158 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +11
    เพิ่มเติมเหตุการณ์ครับ ก่อนผมจะเกิด แม่ผมฝันว่า มีพระองค์หนึ่ง มีเข่าเพชรสองข้าง มีขนาดสูงใหญ่เท่ากับเจดีย์แห่งหนึ่ง ฝันเห็นอยู่สองครั้ง และจากนั้นจึงเกิดผมมา แม่ไม่เคยเล่นเรื่องนี้ให้ผมฟัง จน เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสพาพ่อกับแม่ไปอินเดียครับ ได้ไปนมัสการ เจดีย์พุทธคยา เจดีย์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ วันนั้นเป็นวันแรก ที่แม่เล่าให้ฟังว่า ก่อนผมเกิดที่แม่ฝัน เห็นพระรูปหนึ่ง ยืนอยู่ข้างเจดีย์ ซึ่งก็คือ เจดีย์ที่พุทธคยาครับ พอดีแม่ผมจบ ป.4 แม่เลยไม่รู้จักเจดีย์นี้ จนแม่มาเห็นของจริง จึงได้รู้ว่า เจดีย์ที่แม่ฝัน คือ เจดีย์พุทธคยานั่นเองครับ
     
  20. Gunny158

    Gunny158 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +11
    อันนี้มาตอบ คุณ Veeravit นะครับ ก่อนอื่น ต้องบอกจุดประสงค์ ของการตอบนี้ก่อนนะครับ ตอบเพื่อในฐานะเป็น กัลยาณมิตรธรรม ที่เป็นพุทธภูมิด้วยกันนะครับ ไม่ได้ต้องการ discredit หรือ จุดประสงค์ในแง่ร้ายกับ คุณ Veeravit แต่อย่างใดนะครับ พอดี พยายามไล่อ่านกระทู้นี้ที่คุณตอบ ว่า คุณได้เป็น นิยตโพธิสัตว์ โดยดูจาก ญาณที่ได้ อันนี้ ก็ดีใจด้วยครับ แต่พอมาอ่านรายละเอียด ญาณที่คุณได้ไว้ Veeravit ผมก็ไม่มีความรู้มากหรอกนะครับ แต่รู้สึกว่า มันแหม่งๆ ยังไงไม่รู้ คุณ Veeravit อาจจะต้องทบทวน วิปัสนาญาณดูใหม่นะครับ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คุณ Veeravit เป็นศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์ด้วย ความจริง ซีดีรุ่นก่อนๆ (ก่อนที่จะมีปัญหาฟ้องร้องกับโยมบางกลุ่ม) ความจริงก่อนหน้า หลวงพ่อปราโมทย์ เคยสอนสอดไส้ไว้ด้วยครับ ว่า การได้ วิปัสนาญาณมีสองส่วน (ซึ่งตรงกับที่ผมได้ แล้วเอามาเปรียบเทียบกับหลวงพ่อ เลยค่อนข้างมั่นใจว่า สิ่งที่ผมได้นั้นถูกต้องครับ) เพียงแต่ ข้อความที่หลวงพ่อเทศน์นั้น มีสั้นมาก แต่รับรองว่า มีซ๋อนไว้จริงๆ ถ้าคนไม่เคยผ่าน ตรงนี้ รับรองว่า จะต้องฟังแล้วผ่านไปเลย แต่พอดีผมจำข้อความนี้ได้แม่นมากครับ เพราะตัวเองเคยผ่านมาแล้ว แต่ปัจจุบัน พยายามนั่งฟัง ว่า อยู่ในแผ่นไหน หาไม่เจอ (เพราะตอนฟัง อัด mp3 ใส่เครื่องเล่นพกพา แล้วฟังเรื่อยๆ เลยไม่รู้ว่ามันอยู่แผ่นไหน) เอาเป็นว่า จากปัญญาที่ผมได้จากการปฏิบัติ และ จากที่อ่าน คุณ Veeravit อธิบาย มันมีบางส่วนที่จะผิดครับ (ส่วนใหญ่ก็เกือบถูก) แต่มีบาง key words ที่ทำให้ไม่แน่ใจว่า อนุโลมของจริงหรือเปล่า
    ปล. หากสติปัญญาน้อยนิดผมคิดผิดไปก็ขออภัยคุณ Veeravit ด้วยครับ ต้องขออโหสิกรรมล่วงหน้า ไม่ได้มีเจตนาปรามาสท่านแต่อย่างใด ต้องการเป็นกัลยาณมิตรที่ดีนะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2018

แชร์หน้านี้

Loading...