ติดตามสถานะการณ์

Vladimir Putin TH fanclub - สมาคมสาวกท่านปูติน



การทดสอบ 'วัคซีน HIV' ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยทดสอบกับกลุ่มประเทศแถบแอฟริกาใต้

การทดสอบยาต้านเชื้อ HIV ตัวใหม่ จะนำไปทดสอบกับประเทศในกลุ่มแอฟริกาใต้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา ที่จะมีการทดสอบวัคซีน HIV 2 ชุด พร้อมกัน

พวกเขาอยากรู้ประสิทธิภาพของวัคซีนที่จะเข้าไปทำลายไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรค AIDS เต็มที, เหล่านักวิทยาศาสตร์ในแต่ละทีมได้ทำการวิจัยวัคซีน 2 ชุด ร่วมกันอย่างขมักเขม้น ซึ่งเป็นความร่วมมือจากบริษัท Johnson&Johnson พร้อมด้วยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา(NIH) และมูลนิธิบิล&เมลินดาเกตส์

วัคซีนที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ HIV ตัวอื่นๆก็กำลังค้นคว้าอยู่เช่นกัน, โดยเริ่มคิดค้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา. งานวิจัย 2 ชิ้นนี้ มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพจากของเดิมที่เคยนำมาใช้ในประเทศไทย ซึ่งวัคซีนตัวนั้นทำให้มีผู้ติดเชื้อลดลง 31%, ตามที่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของ J&J นาย Paul Stoffels คาดว่า วัคซีนตัวใหม่นี้จะสามารถทำยอดลดจำนวนผู้ป่วยลงได้มากกว่า 50%

"นั่นถือเป็นความสำเร็จ. พวกเรากำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง" — Stoffels บอกกับ Reuters

การทดลองใหม่, พวกเรารู้จักกันในชื่อ "Imbokodo", ได้ใช้กับผู้หญิงที่มีการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเพศประมาณ 2 600 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้, มลาวี, โมซัมบิค, แซมเบีย และซิมบับเวย์. ผู้หญิงเหล่านี้ได้รับวัคซีนตัวทดสอบหรือไม่ก็ยาหลอกในสถานนีวิจัยที่แอฟริกาใต้, พวกเธอจะถูกจับตามองเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อที่จะดูว่าวัคซีนเหล่านี้มีการต้านเชื้อหรือไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่น่าสนใจว่าวัคซีนชนิดหลังๆมาใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า mosaic technology ในการรวบรวมเชื้อ HIV หลายๆสายพันธุ์จากทั่วโลกเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน[ยาตัวเดียวทำลายเชื้อ HIV ได้หลายๆสายพันธุ์]. จากเทคโนโลยีที่นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าจะสามารถช่วย "โลก" ใบนี้ จากไวรัสที่สามารถพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆเหล่านี้.

แม้ว่าเราจะมีการรักษา การป้องกัน และยาต้านเชื้อ HIV ใหม่ๆออกมา. แต่ผู้ติดเชื้อก้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นและวัคซีนเหล่านี้ก็ยังคงเป็นแค่ตัวช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้หลังจากที่มันเกิดแล้วเท่านั้น

ผู้คนประมาณ 37 ล้านคนทั่วโลกในขณะนี้เป็นผู้ติดเชื้อ HIV และในทุกๆปีคนเกือบ 2 ล้านคนกลายเป็นผู้ติดเชื้อ

"มีวัคซีนไว้ป้องกันโรคก็ยังดีกว่าไม่มี" — Johan van Hoof หัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนาวัคซีนของ Janssen กล่าว

ผลการประชุมเบื้องต้นเกี่ยวกับโรค AIDS ที่จัดประชุมขึ้นที่กรุงปารีส เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า mosaic vaccine นั้นปลอดภัยและมีการตอบสนองที่ดีจากระบบภูมิคุ้มกันของอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี
//@ยูริ

https://sputniknews.com/world/201712011059585511-hiv-vaccine-study-launched/



https://m.facebook.com/vladimirputinth/

 

"เที่ยวบ้าน" คนญี่ปุ่นครั้งแรก (2)
เผยแพร่: 3 ธ.ค. 2560 07:42:00 โดย: MGR Online


ภาพจาก https://100poets.wordpress.com
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"
ขอเล่าเรื่องไปพักอาศัยอยู่บ้านคนญี่ปุ่นต่อนะคะ หลังจากหลับสบายตลอดคืนแล้ว เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า เราต้องพับฟูกที่นอนเก็บกลับเข้าไปในตู้ให้เรียบร้อย ฉันชอบนอนฟูกแบบนี้มาก รู้สึกว่าหลับสบายและหลับสนิทกว่านอนเตียง บางทีหัวถึงหมอนไม่ทันไรก็หลับไปแล้ว

ข้อดีอีกอย่างของการใช้ฟูกแบบนี้คือไม่เปลืองพื้นที่ พวกห้องตามแมนชั่นหลายแห่งซึ่งมีพื้นที่จำกัดมากมักใช้ฟูกแบบนี้เพื่อที่ยามพับเก็บจะได้เหลือพื้นที่ไว้นั่งทำอะไรต่อมิอะไรได้ แต่ข้อเสียคือต้องมาคอยพับเก็บกับเอาเข้าเอาออกนี่แหละ แถมฟูกพวกนี้ก็ขึ้นราได้ง่ายหากเจอความชื้นเข้าไป แม่บ้านญี่ปุ่นจึงมักขนมันออกมาตากแดดในวันที่อากาศดีทั้งฟูกทั้งผ้าห่มที่หนา ๆ พอง ๆ ฉันเคยเอาผ้าห่มนี้ไปตากแดดเหมือนกันแต่ทุลักทุเลมาก ทั้งใหญ่ทั้งหนัก แต่ผู้ผลิตสินค้าญี่ปุ่นก็ช่างเข้าใจวิถีชีวิตผู้คนดีถึงได้ผลิตที่หนีบยักษ์สำหรับใช้หนีบฟูกเวลาพาดตากกับราว ฉันก็เอาวางพาดราวระเบียงแมนชั่นแล้วเอาที่หนีบยักษ์หนีบเข้าสองข้าง แน่นสนิทจนไม่ต้องกลัวว่าจะร่วงหล่นลงไปข้างล่าง



ภาพจาก https://www.amazon.co.jp

ไม่ใช่แค่ฟูกเท่านั้น บางทีตู้เสื้อผ้าเองก็ขึ้นราเหมือนกัน ฉันเคยวางตู้เสื้อผ้าไว้ชิดกำแพงบังช่องระบายอากาศไว้ (เพราะห้องมีพื้นที่จำกัด ไม่มีที่อื่นให้วางแล้ว) วันหนึ่งเปิดตู้มาจะหยิบกระเป๋าสะพายใบเก่งก็ต้องผงะเมื่อเห็นกระเป๋าสีดำมีหย่อมขาว ๆ ฟู ๆ เกิดขึ้น แว่บแรกนึกว่าเรามีกระเป๋าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่แล้วก็เริ่มรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความเอะใจก็เลยสำรวจตู้เสื้อผ้าให้ทั่ว ๆ แล้วก็พบว่าด้านหลังตู้ขึ้นรา และรีบไปหาผ้าชุบน้ำยาซักผ้าขาวมาเช็ดออก

เรื่องความชื้นในญี่ปุ่นนี่ใช่ย่อยจริง ๆ นอกจากฟูกหรือตู้เสื้อผ้าแล้ว บางทีผนังห้องของบ้านคนญี่ปุ่นเองที่สร้างมาหลายสิบปีแล้วก็ยังมีจุดดำ ๆ กระจายเป็นหย่อม ๆ เลย น่าแปลกที่บ้านที่เมืองไทยซึ่งอากาศร้อนชื้นตลอดปีกลับไม่ค่อยเจอเรื่องแบบนี้

พอตื่นเช้าแล้ว ตามความเคยชินฉันจะแปรงฟันก่อนเป็นอันดับแรกตามสไตล์คนไทย เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้คนญี่ปุ่น เพราะคนญี่ปุ่นตื่นเช้ามาจะยังไม่แปรงฟัน แต่รอแปรงหลังอาหารเช้าก่อนออกจากบ้าน แต่ฉันเกรงว่าถ้าตื่นนอนมาไม่แปรงฟัน เกิดอ้าปากคุยกับใครแล้วอาจทำอีกฝ่ายสลบได้ แถมคนญี่ปุ่นมักทักทายอรุณสวัสดิ์กันแม้กับคนในบ้านด้วย สำหรับฉันซึ่งเป็นแขกก็อยากให้ช่องปากสะอาดก่อนจะกล่าวทักทายเจ้าบ้านก็เลยตื่นมาแล้วแปรงเลย แต่พอใช้ชีวิตในญี่ปุ่นนาน ๆ ก็เปลี่ยนมาแปรงหลังอาหารเช้าเพราะชักกลัวว่าปากจะไม่สะอาดก่อนออกจากบ้านไปเจอผู้คน

เรื่องแปรงฟันนี่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญไม่น้อย ในห้องน้ำที่ทำงานบางแห่งเมื่อเปิดเข้าไปจะเจอถ้วยพลาสติกใส่แปรงสีฟันและยาสีฟันเรียงรายกันอยู่หน้ากระจกอ่างล้างมือ และจะเห็นพนักงานพากันแปรงฟันอยู่หลังอาหารกลางวัน พูดถึงเรื่องแปรงฟันก็นึกได้ว่าเคยเห็น "วิธีจับแปรงสีฟัน" ที่ดูแปลกตาจากในโฆษณาที่ญี่ปุ่น คือดูคล้าย ๆ จับปากกา ตอนฉันไปหาหมอฟันที่ญี่ปุ่น หมอเห็นสภาพช่องปากแล้วก็รู้ว่าแปรงแรงไป หมอเลยสอนวิธีแปรงใหม่ให้โดยก่อนอื่นให้ถือแปรงอย่างในโฆษณาที่ฉันเห็น ซึ่งการถือแบบนี้ทำให้เราไม่กดน้ำหนักแรงเกินไป จากนั้นวางให้ขนแปรงสัมผัสฟันเบา ๆ แล้วขยับแปรงเพียงเล็กน้อยก็พอ ฉันลองไปทำดูเลยรู้ว่าวิธีนี้ก็ทำให้ฟันสะอาดได้โดยที่เหงือกไม่พังเร็วด้วย ก็เลยแปรงอย่างนี้เรื่อยมา



ภาพจาก https://www.obatadc.sakura.ne.jp

เมื่อไปที่ห้องครัวก็พบคุณลุงนั่งสูบบุหรี่อ่านหนังสือพิมพ์รอทุกคนมานั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารแล้ว คุณป้าทำอาหารเช้าให้พวกเราคนละชุด ของใครของมัน ไม่มีอาหารให้ตักจากตรงกลาง มีข้าวสวยคนละหนึ่งถ้วย สลัดชามเล็ก ๆ กับข้าวหนึ่งหรือสองอย่างจำไม่ได้ถนัด ผักดองนิดหน่อย และซุปมิโสะ แม้จะจำรายละเอียดไม่ได้ชัด แต่เพียงแค่นึกถึงบรรยากาศในวันนั้นก็ทำให้ฉันหิวแล้ว ยิ่งอาหารของคุณป้าอร่อยไปหมดทุกอย่าง และสมัยนั้นซุปมิโสะเป็นสิ่งที่ฉันชอบที่สุดในบรรดาอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด ก็เลยยิ่งรู้สึกคิดถึงขึ้นมาเป็นกอง

พอฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็มักกลับมาเยี่ยมคุณลุงคุณป้าอยู่เสมอ คราวหนึ่งคุณป้าไม่สบาย เข้าโรงพยาบาล คุณลุงจึงเป็นฝ่ายทำกับข้าวให้ฉันรับประทาน ตอนนั้นฉันยังทำอาหารไม่ค่อยเป็นก็เลยได้แต่ยืนให้กำลังใจ ฉันเห็นคุณลุงทำซุปอะไรอยู่ซึ่งดูเหมือนเป็นซุปมิโสะ และกำลังคีบเนื้อหมูสามชั้นแผ่นบางยาว ๆ ลงไปในหม้อด้วย ฉันตกใจว่าคุณลุงคงไม่ค่อยได้ทำกับข้าวถึงได้ใส่ “เบคอน” ลงไปในซุปมิโสะด้วย ฉันเล่าให้หลานคุณลุงฟังว่าคุณลุงเอาเบคอนใส่ลงไปในซุปมิโสะ เธอก็หัวเราะบอกว่า “นั่นไม่ใช่เบคอน มันเป็นหมูสามชั้นแล่บางเฉย ๆ ลุงเขาไม่ได้ทำซุปมิโสะแต่ทำ “ทน-จิ-หรุ” ต่างหาก” ทนจิรุ (บางคนก็เรียกว่า “บุตะจิหรุ”) ที่ว่านี้คือซุปมิโสะที่มีเครื่องหลัก ๆ ดังนี้คือ เนื้อหมูสามชั้นแล่บางหั่นชิ้น ไชเท้า แครอท มัน หัวหอม และโกะโบ (รากไม้ชนิดหนึ่ง) บางทีก็อาจจะไม่ได้ใส่ผักทุกชนิดตามนี้ หรืออาจใส่อย่างอื่นประกอบได้อีก สมัยนั้นฉันยังไม่รู้จัก เลยเข้าใจผิดว่าคุณลุงต้องการใส่เนื้อสัตว์ลงไปในซุปมิโสะเพื่อเพิ่มความอิ่มท้อง



ภาพจาก https://cookpad.com/pro/recipes

ผ่านไปหลายวัน นักศึกษาไทยและญี่ปุ่นก็ขยันขันแข็งทำกิจกรรมร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น วันหนึ่งระหว่างที่พวกเราอยู่ข้างนอก คุณลุงก็แวะมาหาพร้อมยื่นถุงก็อปแก๊ปเล็ก ๆ ใบหนึ่งให้พวกเราบอกว่า “เอาไปดื่มไป คงเหนื่อยละซิ” ฉันเปิดออกมาดูเจอกระทิงแดงสามขวดก็ตกใจ เพราะตอนอยู่เมืองไทยฉันเห็นเครื่องดื่มชูกำลังในโฆษณาบ่อย ๆ พอถามผู้ใหญ่ว่ามันคืออะไรก็ได้รับคำตอบเพียงว่ามันไม่ใช่เครื่องดื่มสำหรับเด็ก แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอเห็นมันในร้านขายยาก็ไปหยิบดู ทำท่าจะซื้อไปลองชิมดูสักขวด ภรรยาเจ้าของร้านเดินมาหาด้วยสีหน้าตกใจ ถามว่า “หนูจะซื้อนี่เหรอ ใครฝากซื้อหรือเปล่า ของหนูเอง? ไม่ดีนะ เป็นผู้หญิง อย่าดื่มเลย” ฉันฟังแล้วก็ตกใจว่าเจ้าเครื่องดื่มนี่มันคืออะไรกันแน่ เป็นเครื่องดื่มต้องห้ามสำหรับผู้หญิงงั้นหรือ ก็เลยวางลงด้วยความกลัวเหมือนคนทำความผิดแล้วถูกจับได้ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่คิดจะไปยุ่งกับมันอีกเลย

คราวนี้พอได้รับกระทิงแดงจากคุณลุงและถูกคะยั้นคะยอให้ดื่ม ฉันก็ยิ่งไม่สบายใจ จะปฏิเสธก็กลัวจะเสียน้ำใจ ฉันเลยค่อย ๆ อธิบายให้คุณลุงซึ่ง “คงไม่รู้ว่ามันไม่ใช่เครื่องดื่มสำหรับผู้หญิง” ว่าในไทยผู้หญิงเขาไม่ดื่มกัน มันไม่ดี ซึ่งตอนนั้นฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีแหละว่าทำไมถึงไม่ดี คุณลุงก็งงว่าทำไมผู้หญิงห้ามดื่ม ส่วนเพื่อนฉันซึ่งเป็นหลานคุณลุงหยิบขวดมาเปิดฝายกขึ้นดื่มหน้าตาเฉย ฉันยืนมองตาโต เธอบอกฉันว่าดื่มได้ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็รับมาถืออย่างไม่แน่ใจ เปิดฝา ดมกลิ่น ชิมดู เอ๊ะ! อร่อยแฮะ แต่ก็จำไม่ได้ว่าวันนั้นตกลงได้ดื่มทั้งขวดไหม

จากนั้นมาฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท จนมาวันหนึ่งฉันเห็นเครื่องดื่มชูกำลังขวดหนึ่งบนโต๊ะเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นสาวไทยหวาน ๆ ฉันเคยเห็นเครื่องดื่มยี่ห้อนั้นในโฆษณาบ่อย ๆ บางทีก็ตามตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ แต่ไม่รู้ว่ามันคือเครื่องดื่มอะไร ถามเพื่อนว่ามันเป็นเครื่องดื่มแบบไหน ดื่มเพื่ออะไร เธอตอบว่าดื่มตอนบางทีที่เหนื่อย ๆ แล้วจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น ฉันเห็นสาวหวานยังดื่ม แล้วก็เห็นเครื่องดื่มชูกำลังบางยี่ห้อวางจำหน่ายโดยเล็งกลุ่มลูกค้าผู้หญิงด้วยซ้ำ ก็เลยซื้อมาลองดื่มดู

อย่างที่ทราบว่าที่ญี่ปุ่นปริมาณงานเยอะและเหนื่อยมาก บางทีก็พักผ่อนไม่พอ ไหน ๆ ในญี่ปุ่นก็ไม่ได้จำกัดว่าผู้หญิงไม่ควรดื่ม ฉันเลยดื่มเป็นบางคราว แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันทำให้กระปรี้กระเปร่ามีแรงทำงานจริงไหม ดื่มเพราะมันอร่อยดีเสียมากกว่า วันหนึ่งมีผู้ใหญ่คนไทยมาเห็นเครื่องดื่มนี่วางอยู่บนโต๊ะฉันเข้าก็ตกใจ ถามด้วยเสียงอันดังว่า “นี่คุณดื่มไอ้ของพวกนี้ด้วยหรือ” ฉันเลยสะดุ้ง ตายละ สงสัยผู้หญิงไทยไม่ควรดื่มจริง ๆ ด้วย แต่ก็ตอบไปตามจริงว่าดื่มเพราะมันอร่อยดี ไม่ได้ดื่มบ่อย ส่วนเวลาที่เราต้องไปทำงานต่างจังหวัดกันหลาย ๆ วันซึ่งจะได้นอนไม่พอแน่นอน เพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นผู้ชายจะบอกไว้เลยว่าให้ซื้อเตรียมไว้


ขอย้อนกลับไปยังเรื่องกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมสมัยเป็นนักศึกษาต่อ ไม่ทราบว่าในเมืองไทยสมัยนี้เพื่อนผู้หญิงด้วยกันยังเดินจูงมือกันอยู่ไหมนะคะ ฉันซึ่งเคยชินกับการเดินจูงมือน้องหรือเพื่อนผู้หญิงเวลาอยู่เมืองไทยนั้น พอไปทำกิจกรรมกับเพื่อนนักศึกษาชาวญี่ปุ่นก็ทำท่าจะไปจูงมือเพื่อนคนที่เป็นหลานคุณลุงโดยไม่คิดอะไร เพื่อนชะงัก ถามว่าทำอะไร ฉันก็งง ตอบว่า “จูงมือน่ะสิ จะข้ามถนน” เพื่อนถามด้วยความไม่ไว้ใจว่า “ที่เมืองไทย เพื่อนผู้หญิงเดินจูงมือกันเป็นเรื่องปกติหรือ” ฉันก็งงอีก ตอบว่าใช่ ทำไมหรือ เพื่อนตอบว่า “ที่ญี่ปุ่นถ้าผู้หญิงด้วยกันเดินจูงมือกันแสดงว่าชอบผู้หญิงด้วยกัน” ฉันได้ยินก็แปลกใจ เพื่อนขี้สงสัยถามต่อว่า “แล้วที่เมืองไทย เพื่อนผู้ชายเดินจูงมือกันหรือเปล่า” ฉันหัวเราะตอบว่า “เปล่า” พอเพื่อน “สอบปากคำ” จนเป็นที่พอใจว่าไม่มีเรื่องลับลมคมในอะไรให้เธอต้องกังวลแล้ว เธอจึงเป็นฝ่ายยื่นมือมาจูงฉันข้ามถนนแทน

นับตั้งแต่วันที่ได้ไปพักบ้านคนญี่ปุ่นในครั้งนั้นเป็นต้นมา ครอบครัวนี้ก็ได้ให้ความรักความสนิทสนมแก่ฉันเสมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ที่ฉันไปญี่ปุ่นบ่อย ๆ ก็เพราะคิดถึงคุณลุงคุณป้าและหลานคุณลุงที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิท แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน อีกทั้งต่างชาติพันธุ์และวัฒนธรรม แต่คนเราก็ผูกพันกันได้ด้วยใจ

ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าความต่างของมนุษย์ไม่ว่าจะเรื่องชนชาติ วิถีชีวิต รูปร่างหน้าตา หรือกระทั่งฐานะ ยศฐาบรรดาศักดิ์ต่างก็เป็นเพียงแค่ “เปลือก” เท่านั้น การได้พบได้รู้จักกับคนหลากหลายมาตลอดไม่ว่าจะในการเรียน การงาน หรือชีวิตส่วนตัวทำให้ฉันเห็นว่ามนุษย์เรามีความเหมือนมากกว่าความต่างเสียอีก จะดีใจหรือเสียใจ จะสุขหรือทุกข์ก็ด้วยเรื่องคล้ายกัน เมื่อไหร่ที่เรามองผ่าน “เปลือก” ที่ลวงตา และพร้อมจะมองใครสักคนในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ต่างอะไรจากเรา เราจะพบว่ามิตรภาพและความจริงใจหาได้ง่ายนิดเดียว...ที่ใจเรานี้เองเป็นที่แรก

...แล้วประตูแห่งมิตรภาพและความจริงใจของอีกฝ่ายก็จะเปิดตามมาเอง.


"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.

https://mgronline.com/japan/detail/9600000120865

 

https://www.thairath.co.th/content/461021

 

แผ่นดินไหวขนาด 6.0 Near Coast of Ecuador ลึก 53 กม. วันที่ 3 ธ.ค. 2560 เวลา 18:19:09.9 น. ตามเวลาประเทศไทย

https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=633821

 

ปอกเปลือก ทรราช
ข่าวบันเทิง: ปูตินร่วมมือกับยูเอ็นคว่ำบาตรโหดต่อเกาหลีเหนือ ด้วยการเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันไปยังเกาหลีเหนือ ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินในเกาหลีเหนือลดฮวบ เอิ๊กๆ อเมริกากระอักเลือด ธาตุไฟเข้าแทรก



-----------

วันที่ 3 ธ.ค.60 Yonhap News ของเกาหลีใต้พาดหัวข่าวว่า "ราคาน้ำมันของเกาหลีเหนือดิ่งฮวบท่ามกลางการคว่ำบาตร: RFA รายงาน" (NK's oil price dives amid sanctions: RFA)

เดือนนี้ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินในเกาหลีเหนือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขอบคุณสำหรับการจัดหาน้ำมันจำนวนมากคาดว่าจากรัสเซีย สถานีวิทยุของสหรัฐรายงานเมื่อวันอาทิตย์นี้ อ้างรายงานของญี่ปุ่น

รายงานจาก Asia Press International (API) ในกรุงโตเกียวเปิดเผยว่า ดัชนีราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่กิโลกรัมละ 6,765 วอนเกาหลีเหนือ (US$0.82) และเบนซินอยู่ที่ 15,990 ต่อกิโลกรัม Radio Free Asia รายงาน

ตัวเลขนี้ได้แสดงให้เห็นว่าน้ำมันดีเซลลดลงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และเบนซินลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ จาก 17,500 วอน และ 23,250 วอน ตามลำดับของราคาเมื่อเดือนที่แล้ว สถานีวิทยุของสหรัฐรายงาน

Jiro Ishimaru ประธาน API Osaka เปิดเผยว่า การลดลงอย่างฮวบฮาบของราคาน้ำมันในเกาหลีเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตกว่าราคาน้ำมันของเกาหลีเหนือที่ลดลงเป็นอย่างมากในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ยูเอ็นดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันต่อเกาหลีเหนือ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้่ผ่านร่างมติ 2375 โดยกำหนดเป้าหมายที่การนำเข้าน้ำมันเพียงไม่กี่วันหลังจากที่กรุงเปียงยางทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ที่ทรงพลังเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา

ในรายงานเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ API กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเป็นจำนวนมาก โดยอ้างแหล่งข่าวจากชายแดนจังหวัด Yanggang ของเกาหลีเหนือ (ทางการของรัสเซียยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้)

วันเดียวกันนี้ CNN รายงานว่า นาย HR McMaster ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันเสาร์นี้ว่า เกาหลีเหนือได้แสดงตนว่า "เป็นภัยคุกคามแบบฉับพลันที่ใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐ" และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามกับประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนั้นในวันข้างหน้านี้

"ผมคิดว่ามันเพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งหมายถึงว่าพวกเรากำลังแข่งขันกัน อันที่จริงแล้ว เรากำลังอยู่ในการแข่งขันเพื่อแก้ไขปัญหานี้" McMaster กล่าวในงานประชุม Reagan National Defense Forum ที่ Simi Valley รัฐ California เกี่ยวกับการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป Hwasong-15 ของเกาหลีเหนือเมื่อเร็วๆนี้

[ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ยืนยันว่า ประธานาธิบดีมูน แจ-อิน แห่งเกาหลีใต้ยืนยันว่าจะไม่ใช้กำลังทางทหารกับเกาหลีเหนือ หลังจากที่ได้ปรึกษากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเกี่ยวกับการทดลองขีปนาวุธ Hwasong-15 ของเกาหลีเหนือ

และกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ก็แถลงว่า การทดลองของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นการล้ำเส้นแดงเลย สหรัฐเรียกประชุมฉุกเฉิน UNSC เพื่อเล่นละครปาหี่ด่าเกาหลีเหนือในเวทียูเอ็น และเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกตัดขาดความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือให้หมด งดการส่งออกน้ำมันให้เกาหลีเหนือ ไล่คนงานเกาหลีเหนือในต่างประเทศออกให้หมด รัสเซียปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐ

สหรัฐอยากให้รัสเซียคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ รัสเซียก็ทำตามที่สหรัฐเรียกร้องแล้วนะ แต่วิธีการอาจจะไม่ตรงกับที่สหรัฐคาดการณ์เอาไว้ มันเป็นการลงโทษเกาหลีเหนือสไตล์รัสเซียหนะ ยัยนิกกี้คลั่งตายแน่งานนี้ คริๆ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
03/12/2560
----------
http://english.yonhapnews.co.kr/northkorea/2017/12/03/7/0401000000AEN20171203003900315F.html
http://edition.cnn.com/2017/12/02/politics/mcmaster-potential-war-north-korea/index.html

 

ไทยไม่ขยับ อินโดฯขอแซงหน้าไปก่อน กำแพงยักษ์ป้องกันน้ำทะเล “เกรท การูดา” 29/11/2017 โดย VOP COMMENTS

โครงการป้องกัน กรุงจาร์กาตา เมืองหลวงจมทะเล “เกรท การูดา” มหาพญาครุฑ



มีคำเตือนจากหลายสถาบันทั่วโลกเรื่องระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะภาวะโลกร้อน กรุงเทพฯเมืองหลวงของประเทศไทยและกรุงจาร์กาตาร์เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซียต่างก็ตกอยู่ในรายชื่อเมืองที่จะประสบปัญหาถูกน้ำทะเลกลืนกินในอนาคตด้วยสาเหตุแบบเดียวกัน คือระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงปีละราว 4 มม. และตัวเมืองหลวงมีการจมตัวลงเพราะการสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ในปริมาณมากโดยไม่มีการเติมน้ำใต้ดินกลับลงไป เพราะตัวเมืองสมัยใหม่มีพื้นเป็นคอนกรีตทำให้น้ำฝนไม่สามารถซึมผ่านลงไปได้ ปริมาณน้ำใต้ดินที่ถูกสูบออกไปใช้เป็นน้ำประปาจึงไม่มีน้ำใหม่เติมลงไปทดแทน ทั้งนี้กรุงเทพมีอัตราเร็วของการจมลงตกราวปีละ 1-2 ซ.ม.



กรุงจาร์กาตาร์ ก็ไม่ต่างกัน แต่อัตราการใช้น้ำใต้ดินค่อนข้างจะสูงกว่ากรุงเทพฯ ทำให้พื้นดินของกรุงจาร์กาตาร์จมลงถึงราวปีละ 7.6 เซ็นติเมตร เร็วกว่าการจมลงของกรุงเทพและเมืองอื่นๆทั่วโลกหลายเท่า ถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงที่จมลงในอัตราเร็วที่สุด โดยเเนวชายฝั่งทางเหนือของกรุงจาร์กาตาร์เป็นพื้นที่ที่จมลงรวดเร็วกว่าส่วนอื่น

เพื่อรับมือกับปัญหานี้ ในช่วงปี 2014 ทางการอินโดนีเซียได้วางแผนจะสร้างผนังกั้นน้ำทะเลรูปนกกางปีกขนาดมหึมา ในชื่อ “Great Garuda’’ หรือ “มหาพญาครุฑ” (ครุฑเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอินโดนีเซีย) ในมูลค่า 40,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นโครงการความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างทางการอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และ เนเธอร์เเลนด์ประเทศผู้เชี่ยวชาญเรื่องกำแพงป้องกันน้ำทะเล



“Great Garuda’’ คือผนังกั้นทะเลความยาว 24 กิโลเมตร พร้อมด้วยการถมทะเลเป็นเกาะเทียม 17 แห่ง ควบคุมการก่อนสร้างโดย บริษัทวิศวกรรมจากเนเธอร์เเลนด์ ซึ่งโครงการได้เดินหน้าก่อสร้างแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2015 โดย Victor Coenen ผู้จัดการโครงการพยายามเร่งงานส่วนของผนังกันน้ำทะเลให้เสร็จก่อนใน 3 ปีแรก หลังจากนั้นก็จะสร้างส่วนที่เหลือโดยกำหนดให้โครงการเสร็จสิ้นใน 10 ปี



และแน่นอนว่าการก่อสร้างโครงการขนาดยักษ์ย่อมต้องมีปัญหามากมายโดยเฉพาะการเมืองภายในประเทศ และยังมีข้อคิดเห็นจากนักวิชาการออกมาเรื่อยๆว่า กำแพงกั้นน้ำมหาพญาครุฑนี้จะใช้การได้จริงหรือไม่ แต่อย่างใดก็ตาม อย่างน้อยโครงการนี้ก็ได้เริ่มเดินหน้าไปแล้ว นครหลวงที่มีประชากรทั้งหมดราว 11 ล้านคนนี้ก็ยังมีความหวังจะตั้งอยู่ที่เดิมโดยไม่ต้องอพยพย้ายหนีไปไหนในกรณีที่โครงการเสร็จสิ้นใช้ประโยชน์ได้จริงและทันเวลา ขณะที่กรุงเทพฯยังไม่ขยับไปไหนเลย ไม่มีแม้ความตระหนักตื่นตัวจากภาครัฐฯ



**ภาพการก่อสร้างภาพแรกในปี 2015 ภาพที่สองในปี 2017 เครดิตภาพจาก VOA และ รอยเตอร์ ภาพรายละเอียดโครงการจาก The Guardian

เรียบเรียงโดย @MrVop


http://jimmysoftwareblog.com/node/7734

 

เปิดผลงานวิจัยใหม่ที่รัฐบาลไทยร่วมทำ แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เมิน เผยแพร่: 3 ธ.ค. 2560 18:58:00 โดย: ประสาท มีแต้ม

1.คำนำ

แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้บอกว่า “รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา” แต่ข้อมูลที่ได้พูดออกไป เช่น ถ้าใช้เชื้อเพลิงอื่นแล้วจะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงและไม่เสถียร รวมถึงให้คนที่สนับสนุนถ่านหินช่วยทำความเข้าใจกับคนที่ไม่เห็นด้วย เด็กอมมือก็น่าจะรู้ว่ารัฐบาลนี้จะตัดสินใจอย่างไร

ผมเชื่อว่าประชาชนจะรับได้และเห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาล หากว่าเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ แต่หากมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ว่าจริง ประชาชนควรจะทำอย่างไร?

ในบทความชิ้นนี้ผมจะกล่าวถึงเพียงประเด็นเดียวเท่านั้น คือ ถ้าใช้เชื้อเพลิงอื่นแล้วจะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงและไม่เสถียรจริงหรือ? โดยยกเอาผลงานวิจัยที่รัฐบาลนี้มีส่วนร่วมทำและเป็นสมาชิกอยู่ด้วยมานำเสนอโดยย่อ คนที่สนใจสามารถค้นคว้าจากเอกสารที่ผมอ้างอิงได้ นอกจากนี้ผมจะเพิ่มเติมด้วยประสบการณ์ตรงและข้อมูลอื่นมาเสริม แต่ยังคงเป็นเรื่องของ “แพงหรือไม่แพงและเสถียรหรือไม่เสถียร” เท่านั้นครับ

2.ผลงานวิจัยของ “ทบวงพลังงานหมุนเวียนสากล”

นี่คือผลงานวิจัยซึ่งผมได้แนะนำที่มาที่ไปไว้บ้างแล้วในแผ่นภาพ

องค์กร IRENA (International Renewable Energy Agency) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลซึ่งมีสมาชิกกว่า 150 ประเทศ (ก่อตั้งปี 2009) รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้อนุมัติให้ประเทศไทยร่วมเป็นสมาชิกด้วย

งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการศึกษากรณีของประเทศไทยเป็นการเฉพาะ ตัวแทนของประเทศไทยที่เข้าร่วมวิจัยคือ กรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานงานวิจัยนี้ได้อ้างถึงข้อตกลงปารีสเป็นการเตือนว่าประเทศไทยได้ลงนามว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20-25% เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีนโยบายนี้ ภายในปี 2030

ผลการศึกษาพบว่า เดิมประเทศไทยได้กำหนดให้พลังงานหมุนเวียนมีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้า 30% ในปี 2036 (หรือ 2579) แต่ผลการศึกษานี้ได้สรุปว่าสามารถทำได้สูงถึง 37% พร้อมกับได้เสนอทางเลือกซึ่งจะนำไปสู่การประหยัดเงินด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้อย่างน้อย $1,200 ล้าน (หรือ 42,000 ล้านบาท) ต่อปี ทางเลือกที่สำคัญได้แก่พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมและพลังงานน้ำแบบสูบกลับ

ทางเลือกควรอยู่ที่พลังงานแสงอาทิตย์ (ซึ่งควรจะเพิ่มขึ้นจาก 6,000 เมกะวัตต์เป็น 17,000 เมกะวัตต์) และพลังงานลมควรเพิ่มจาก 3,000 เมกะวัตต์เป็น 6,000 เมกะวัตต์

รายงานนี้ได้ระบุว่า ความเร็วลมเฉลี่ยตลอดทั้งปีของประเทศไทยที่ความสูงระดับ 90 เมตรประมาณ 6 เมตรต่อวินาทีและถ้าใช้เทคโนโลยีกังหันลมความเร็วต่ำก็จะมีศักยภาพถึง 17,000 เมกะวัตต์

เรื่องนี้มีความสำคัญมากครับ เพราะถ้าเราดูด้วยสายตาเราจะเห็นว่าที่ปลายยอดต้นไม้ ใบไม้ไม่ไหวเพราะลมจะไม่ค่อยแรง หรือแรงไม่มากพอที่จะผลิตไฟฟ้าได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว (จากการตรวจวัด) พบว่า ยิ่งสูงขึ้นไปความเร็วลมจะยิ่งสูงขึ้นสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างดี

3.ต้นทุนพลังงานลมและแสงแดด

แม้ว่าผลงานวิจัยจากฉบับที่ผมได้อ้างถึงแล้วไม่ได้ระบุถึงต้นทุนไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วยตลอดโครงการ (LCOE) ของประเทศไทยเป็นการเฉพาะ แต่รายงานก่อนหน้านี้ (THE POWER TO CHANGE : SOLAR AND WIND COST REDUCTION POTENTIAL TO 2025) ซึ่งจัดทำโดย IRENA เช่นกัน ได้สรุป ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากกังหันลมเฉลี่ยทั่วโลก ในปี 2015 เท่ากับ 2.59 บาทต่อหน่วย (คิดอัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์) จะลดลงเหลือ 1.89 บาทต่อหน่วยในปี 2025 (หรือ 2568) ดูภาพประกอบครับ

ในขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยไฟฟ้าตลอดโครงการของโซลาร์ฟาร์มจะมีค่าเฉลี่ยประมาณ 4.53 บาทต่อหน่วย ($0.13) ในปี 2015 จะลดลงมาเหลือ 1.93 บาทต่อหน่วยในปี 2025หรือลดลง 57% ภายในอีก 8 ปีข้างหน้า

ผมเองจำได้ว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (เมื่อเกือบ 3 ปีมาแล้ว) ว่า ต้นทุนไฟฟ้าจากถ่านหินเท่ากับ 2.67 บาทต่อหน่วย และต้นทุนไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์นั้นแพงลิบลิ่ว (ขอโทษที่ผมจำไม่ได้แล้ว)

4.ต้นทุนจากการวิจัยของ Bloomberg New Energy Finance

ผลงานวิจัยขององค์กรระหว่างรัฐบาลที่ผมอ้างถึงในข้อที่ 2 อาจจะดูทั่วไปสักหน่อย ผมจึงขอตอกย้ำด้วยผลงานวิจัยของ Bloomberg ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินระดับโลก พบว่า ผู้ชนะการประมูลขายไฟฟ้าจากกังหันลมในประเทศโมร็อกโกในราคาหน่วยละ 1.05 บาท และโซลาร์เซลล์ในประเทศเม็กซิโกในราคา 1.26 บาทต่อหน่วย ดูภาพประกอบครับ

ที่กล่าวมานั้นเป็นข้อมูลเมื่อต้นปี 2016 แต่ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อปลายปี 2017 ยังถูกกว่านี้อีก คือต้นทุนไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ราคาหน่วยละ 60 สตางค์

นักวิชาการบางคนถึงกับกล่าวว่า ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และกังหันลมจะถูกกว่า “ค่าสายส่งและค่าบริการ” หรือ God Parity ในอีกไม่นาน นั่นคือ ต่อให้ต้นทุนการผลิตเป็นศูนย์ก็ไม่ควรผลิตอีกแล้ว

พรุ่งนี้ (4 ธันวาคม 60) โรงพยาบาลสงฆ์ 50 พรรษา ที่จังหวัดอุบลราชธานีจะติดตั้งขนาด 30 กิโลวัตต์ โดยพระครูวิมลปัญญาคุณ (ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเคยกล่าวถึงหลายครั้ง) และทีมงานเป็นผู้ติดตั้งโดยไม่คิดค่าแรง ต้นทุนไฟฟ้าเฉลี่ยคาดว่าประมาณ 66 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น เป็นราคาตลอดอายุ 25-30 ปีครับ

5.เรื่องความเสถียรของไฟฟ้าจากกังหันลมและแสงแดด

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลาและความรู้พื้นฐานในการอธิบาย เป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าหลัก(Baseload) ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเดนมาร์กซึ่งเคยทำงานในโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่มานาน 30 ปี เคยมาบรรยายที่ประเทศไทย (ผู้จัดได้เชิญทางการไฟฟ้าฯ และกระทรวงพลังงานมาร่วมฟัง แต่ไม่มีใครมาฟังเลย) ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้บอกว่า ปัจจุบันแนวคิดเรื่องโรงไฟฟ้าหลักเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ปัจจุบันจะหาโรงไฟฟ้าขนาดเกิน 10 เมกะวัตต์ในประเทศเดนมาร์กเป็นเรื่องยากมาก แต่เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากกังหันลม เขามีวิธีการบริหารระบบการผลิตไฟฟ้าอย่างไรจะไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้

แต่เรามาดูข้อมูลจากนักวิชาการอีกคนครับ คนนี้คือ Dr.TonySeba จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดสหรัฐอเมริกา เคยมาบรรยายในประเทศไทย จัดโดยสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (เมื่อประมาณ 2 ปีมาแล้ว)

ผมได้ตัดภาพจากการบรรยายครั้งเมื่อเดือนมิถุนายน 2017 (ดูภาพครับ)

ผมได้ตรวจสอบแหล่งอ้างอิงของผู้บรรยายแล้ว สรุปว่า บริษัท Tucson Electric Power (TEP) จะรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์ฟาร์มที่ติดตั้งแบตเตอรี่ในราคา 4.5 เซนต์หรือ 1.56 บาทต่อหน่วย โดยจะเริ่มเดินไฟฟ้าภายในปี 2019 ใครสนใจเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จาก https://www.businesswire.com/news/home/20170522005290/en/TEP-Power-21000-Homes-Solar-Array-Historically

คุณภาพของไฟฟ้าดังกล่าวไม่แตกต่างจากที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน มีความเสถียรต่อเนื่องตลอดเวลาที่ต่างกันคือ มีราคาถูกกว่า ไม่ต้องซื้อเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ไม่แย่งน้ำชาวบ้าน ไม่ก่อมลพิษ ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งตรงกันข้ามกับที่รัฐบาลนี้พยายามจะบอกกับคนไทยที่ยุ่งอยู่กับการทำมาหากินโดยไม่มีเวลาค้นหาความจริง

6.เปรียบเทียบต้นทุนโรงไฟฟ้าต่างๆ

ภาพข้างล่างนี้แสดงต้นทุนไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชนิดต่างๆ (จากรายงานเรื่อง Clean Energy Barometer- ศึกษาโดย Orsted ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าในประเทศเดนมาร์ก เดิมชื่อ Dong Energy และ Edelman Intelligence) จำนวน 6 ประเภท จากราคาต่ำที่สุด คือกังหันลมบนดิน (2.13 บาทต่อหน่วย) กังหันลมในทะเล (2.52 บาทต่อหน่วย) โซลาร์เซลล์ (2.64 บาทต่อหน่วย) ก๊าซธรรมชาติ (2.72 บาทต่อหน่วย) ถ่านหิน (2.80 บาทต่อหน่วย) และนิวเคลียร์สูงที่สุด 4.38 บาทต่อหน่วย

7.สรุป

โดยสรุป IRENA ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือระดับสากลที่รัฐบาลไทยร่วมเป็นสมาชิก บริษัท Bloomberg บริษัท Orsted รวมทั้งนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ตลอดจนข้อมูลจริงจากจังหวัดอุบลราชธานี ได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า ไฟฟ้าที่ผลิตจากกังหันลม แสงแดด รวมทั้งการเก็บไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่มีราคาถูกกว่าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่รัฐบาลนี้พยายามจะบอกคนไทย

ข้ออ้างที่ว่าพลังงานหมุนเวียนมีน้อย รายงานวิจัยของ IRENA ก็พบว่ามีมหาศาล นักวิทยาศาสตร์ได้ประมาณการแล้วว่า “พลังงานที่มนุษย์ทั้งโลกใช้ทั้งปีนั้นมีปริมาณเท่ากับพลังงานจากดวงอาทิตย์มอบให้โลกในเวลาเพียง 8 นาทีเท่านั้น”

เรื่องข้ออ้างที่ว่า ในเวลาดวงอาทิตย์ตกและลมไม่พัดก็สามารถมีไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ใช้ ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าถ่านหิน (แต่ไม่ใช่จะต่ำในทุกพื้นที่) และจะต่ำลงไปเรื่อยๆ ปีละประมาณ 10%

ยังมีอีกหลายประเด็นที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์บอกคนไทยอย่างบิดเบือน ด้วยการโฆษณาต่างๆ นานา ด้วยเงินจำนวนมหาศาล แต่คงคาดไม่ถึงว่าในยุคนี้ได้เกิดพลังสังคมออนไลน์ของพลเมืองที่ตื่นรู้ เป็นพลังสร้างสรรค์ที่ต้องการจะปฏิรูปประเทศ อำนาจที่ไม่ชอบธรรมใดๆ ย่อมไม่สามารถปิดประตูตีแมวได้อีกแล้วครับ
แกลเลอรี

5 จากทั้งหมด 5 รูป






https://mgronline.com/daily/detail/9600000122042

 

นักวิทยาศาสตร์กลัวว่า supervolcano ที่ อิตาลีกำลังเตรียมพร้อมที่จะระเบิด

คุณรู้หรือไม่ว่าภูเขาไฟอื่นนอกจากภูเขา Vesuvius ในอิตาลี? ไม่มี? นักวิทยาศาสตร์รู้สึกเป็นกังวลว่ามีภูเขาไฟขนาดใหญ่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ไมล์จาก Vesuvius และกำลังเตรียมพร้อมที่จะนำไปสู่ความหายนะของอิตาลี ... และส่วนที่เหลือของโลก ภูเขาไฟ Campi Flegrei ห่างจากเนเปิลส์เพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้นนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "supervolcano" - เหมือนกับว่าภูเขาไฟปกติไม่น่ากลัวพอ



ความแตกต่างระหว่าง Vesuvius และ Campo Flegrei: เครือข่ายภูเขาไฟ Campi Flegrei (สีแดง); ภูเขาไฟ Vesuvius เป็นภูเขาไฟที่ทำลาย Pompeii (สีเหลือง)
ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมามีการแสดงสัญญาณว่ากำลังเตรียมพร้อมที่จะระเบิดลาวาไปทั่วยุโรปตอนใต้ และสัญญาณเหล่านี้เช่นกิจกรรมแผ่นดินไหวการเปลี่ยนรูปที่ดินและเคมีก๊าซ ซึ่งได้รับการเร่งตั้งแต่ ค.ศ.2012

นี่เป็นข่าวร้ายสำหรับเกือบหนึ่งล้านคนที่อาศัยอยู่ในเนเปิลส์ซึ่ง 360,000 คนอาศัยอยู่ที่ด้านข้างของภูเขาไฟเอง ถ้าผู้เชี่ยวชาญด้านขวาและ Flegrei ปรากฏตัวภายในศตวรรษหน้าคนเหล่านี้จะต้องอพยพหรือตายในขณะที่เนเปิลส์ซึ่งเป็นหนึ่งในฮับที่สำคัญที่สุดของวัฒนธรรมยุโรปในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมาอาจจะเป็นแบบเดียวกับปอมเปอี - จากนั้นจะกลายเป็นภาพยนตร์ที่น่ากลัว และนี่เป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด

40,000 ปีที่ผ่านมานักวิชาการบางคนคิดว่าการปะทุของ Campi Flegrei มีส่วนทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของชาว Neanderthals แต่แม้กระทั่งมันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับ 200,000 ปีที่ผ่านมาเมื่อ supervolcano ทำให้เกิดสีดำคล้ำบนท้องฟ้าของดาวเคราะห์ทั้งโลก ทำให้เกิดฤดูหนาวจากภูเขาไฟไปทั้งโลก และเกือบจะเช็ดชีวิตทั้งหมดบนโลก

ที่นี่วิดีโอจำลองของสิ่งที่การปะทุและความน่ากลัวของมัน:

การระเบิดอย่างรุนแรงของ supervolcano Campi Flegrei จะเป็นประวัติการณ์!
สวัสดี

Scientists are afraid an Italian supervolcano is getting ready to blow.

Do you know another volcano besides Mount Vesuvius in Italy? No? Well, scientists are becoming concerned that there’s actually a much bigger volcano just a few miles away from Vesuvius, and it’s getting ready to go cataclysmic for Italy… And the rest of the world. Campi Flegrei, just a stone’s throw from Naples, is what scientists call a “supervolcano” – as if regular volcanoes weren’t terrifying enough.

campi flegrei, campi flegrei supervolcano, supervolcano italy, campi flegrei vs vesuvius
Size difference between Vesuvius and Campo Flegrei: The Campi Flegrei volcanic network (red); Mount Vesuvius, the volcano which destroyed Pompeii (Yellow).
For the past 60 years or so, it’s been showing signs that it’s getting ready to blow its lava load all over southern Europe. And these signs, like seismic activity, land deformation, and gas chemistry, have been accelerating since 2012.

That’s bad news for the nearly one million people living in Naples, 360,000 of whom live right on the sides of the volcano itself. If the experts are right and Flegrei pops within the next century, those million people will have to evacuate or die while Naples, one of the most important hubs of European culture for the past thousand years, might go the way of Pompeii – first utterly destroyed, then be made into a terrible movie. And that’s the best case scenario.

40,000 years ago, some scholars think a Campi Flegrei eruption contributed to the extinction of the Neanderthals. But even that’s small potatoes compared to 200,000 years ago, when the supervolcano blackened the skies of the entire planet, causing a worldwide volcanic winter and almost wiping out all life on Earth.

Here a video simulation of what the incoming eruption could look like… and its pretty terrifying:

Any way you look at it, the prognosis isn’t good. The supervolcano Campi Flegrei cataclysmic blast will be unprecedented!

http://strangesounds.org/2017/12/sc...an-supervolcano-is-getting-ready-to-blow.html

 

เก็บตกตะวันออกกลาง
#ชาวอิสราเอลในเทลอาวีฟ นับหมื่น ประท้วง เบนจามิน เนทันยาฮู ข้อหาการทุจริตของรัฐบาล



ชาวอิสราเอลราว 2 หมื่นคนรวมตัวกันในกรุงเทลอาวีฟเมื่อวานนี้เพื่อชุมนุมประท้วงนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และการทุจริตของรัฐบาล นับเป็นการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอิสราเอลรายสัปดาห์ที่มีผู้ออกมาชุมนุมมากที่สุด

เนทันยาฮูกำลังถูกสอบสวนในข้อกล่าวหาใช้อำนาจในทางมิชอบจาก 2 กรณี ได้แก่ การรับของขวัญจากนักธุรกิจใหญ่รายหนึ่งและการเจรจาข้อตกลงกับเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเพื่อให้เสนอข่าวเกี่ยวกับเขาในแง่ดีมากขึ้นแลกกับการช่วยจัดการหนังสือพิมพ์คู่แข่งสภาอิสราเอลเพิ่งผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยแพร่ผลการสืบสวนต่อสาธารณชน โดยผู้ชุมนุมมองว่านี่คือกฎหมายที่ออกมาเพื่อช่วยนายกรัฐมนตรีในคดีคอรัปชั่น
http://fa.alalam.ir/news/
ภาพจาก google
ลิงค์เนื้อหาข่าวโดนลบไปแล้วครับ

 

ชุดของสาม supermoons ในแถว เริ่มตั้งแต่ วันที่ 3 ธันวาคม 2017 ครั้งที่ 2 วันที่ 1 มกราคม 2018 และครั้งที่ 3 (สิ้นสุด) วันที่ 31 มกราคม 2018 ด้วย Super Moon สีเลือด

Series of three supermoons in a row starts December 3, 2017, and ends January 31, 2018 with a Super Blood Moon ECLIPSE.

http://strangesounds.org/2017/12/3-...8-january-31-2018-eclipse-blood-red-moon.html

 

ปอกเปลือก ทรราช

ข่าวด่วน! จุดจบของคนทรยศชาติและหักหลังพันธมิตรร่วมรบ: อดีตประธานาธิบดีซาเลห์แห่งเยเมนถูกสังหารโดยนักรบฮูติ



-----------

วันที่ 4 ธ.ค. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "อดีตประธานาธิบดีซาเลห์ แห่งเยเมนถูกสังหารโดยนักรบฮูติ - สื่ออิหร่านรายงานอ้างแหล่งข่าว" (Yemen ex-President Saleh killed by Houthis – Iranian media citing sources)

อดีตประธานาธิบดี Ali Abdullah Saleh แห่งเยเมนคู่อริกับประธานาธิบดีฮาดีแห่งเยเมนหุ่นเชิดของพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบีย ได้ถูกสังหารแล้วโดยกลุ่มนักรบฮุติแห่งเยเมน Tasnim News Agency สื่ออิหร่านรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในพื้นที่ พรรคของนายซาเลห์ปฏิเสธรายงานการเสียขีวิตของซาเลห์

สถานีโทรทัศน์ Press TV ของรัฐบาล และสำนักข่าว Tasnim News Agency เอกชนของอิหร่านต่างก็รายงานข่าวลือเกี่ยวกับการเสียชีวิตของอดีตผู้นำเยเมนคนนี้ ตามรายงานข่าวระบุว่า ซาเลห์ถูกสังหารในขณะที่กำลังเดินทางไปยังเมือง Maarib ในเยเมน

รายงานข่าวนี้แพร่กระจายไปในตอนเช้าซึ่งระบุว่านักรบฮูติได้บุกเข้าไปในบ้านของซาเลห์ในกรุง Sana'a เมืองหลวงของเยเมน จากนั้นก็ไม่มีเบาะแสของนายซาเลห์

เมื่อวันเสาร์นี้นายซาเลห์กล่าวว่า ตนเองพร้อมที่จะเปิดความสัมพันธ์ "หน้าใหม่" กับเหล่าพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีฮาดี้คู่แข่งของเขาให้มีอำนาจในเยเมน ซาเลห์กล่าวว่าข้อเสนอของตนเองจะทำให้กรุงริยาดห์หยุดโจมตีเยเมน [เพิ่งจะมาคิดได้เอาตอนนี้นี่นะ สายไปหรือเปล่า? ระหว่างฮาดี้กับซาเลห์คิดว่าซาอุดิอาระเบียจะเลือกใคร? - ผู้แปล]

"ผมขอเรียกร้องให้พี่น้องในประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรหยุดการรุกรานเยเมน ยกเลิกการปิดกั้น เปิดสนามบิน และอนุญาตให้มีการให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร และรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเราจะเปิดหน้าใหม่ตามมิตรประเทศที่ดี" Saleh กล่าวถ้อยแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์

กลุ่มนักรบฮูติซึ่งเป็นพันธมิตรพี่น้องร่วมรบกับกองกำลังของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์และลูกชายในการต่อต้านกองกำลังของประธานาธิบดีฮาดี้ และกองกำลังพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียมาตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองและการรุกรานโดยกลุ่มซาอุดิอาระเบียในเดือนมีนาคม 2015 เป็นต้นมา ได้กล่าวหาว่าซาเลห์เป็นคนทรยศชาติ หักหลังพันธมิตร และแปรพักตร์ไปเข้าข้างศัตรูเพื่อทำลายประเทศบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งไม่ต่างจากประธานาธิบดีฮาดี้ที่เปิดทางให้กองกำลังพันธมิตรซาอุดิอาระเบียส่งเครื่องบินรบและกองทัพเข้ามาบดขยี้ประชาชนพลเรือนชาวเยเมน

จึงเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มนักรบฮูติและฝ่ายซาเลห์เป็นระยะเวลาประมาณ 4 วันมาแล้ว มีผู้เสียชีวิต 100 กว่าคนจากทั้งสองฝ่าย สื่อของพวกพันธมิตรอาหรับรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นนักรบฮูติ (ที่มีแต้มในการรบภาคพื้นดินเหนือกองทัพพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียมาโดยตลอด ดังนั้นเวลาฟังหรืออ่านข่าวของพวกอาหรับจะต้องหารด้วยสองเสมอ และมันก็มักจะตรงกันข้ามกับที่สื่อเหล่านั้นรายงาน - ผู้แปล)

วันที่ 3 ธ.ค. 60 AMN ของเลบานอนรายงานว่า นักรบฮูติแห่งเยเมนได้บุกเข้าไปยึดสถานีโทรทัศน์ของพรรค People’s Congress party (GPC) ของฝ่ายอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ ในกรุง Sana’a พร้อมกับเผยแพร่คลิปขณะยึดสถานทีโทรทัศน์่แห่งนี้ผ่าน Ansarullah Media Center ของฝ่ายฮูติและสื่อในสังกัดกระทรวงกิจการภายในของเยเมนด้วย

ต่อมาในวันเดียวกันนี้ AMN รายงานเพิ่มเติมอีกว่า กองกำลังนักรบฮูติได้ขึดกองบัญชาการของกองกำลังรีพับลิกันการ์ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ในกรุงซานาอะได้แล้ว หลังจากผลักดันให้กลุ่มผู้สนับสนุนซาเลห์ถอยออกจากพื้นที่ในวันอาทิตย์ Ansarullah Media Center ของฮูติรายงาน

ส่วนนาย Ahmed bin Daghr นายกรัฐมนตรีเยเมน (รัฐบาลกรุง Aden ไม่ใข่กรุง Sana'a) ลูกสมุนอีกตัวหนึ่งของแก๊งซาอุดิอาระเบียและประธานาธิบดี Mansour Hadi แถลงข่าวว่ารัฐบาลของตนเองพรัอมที่จะนิรโทษกรรมให้กับทุกคนที่ตัดขาดความสัมพันธ์กับนักรบชนเผ่าฮูติ Sputnik รายงาน

[ผลปรากฎว่า ซาเลห์และลูกน้องชะตาขาดทันที หลังจากเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนยอมหักหลังพันธมิตรร่วมรบ ไปเข้ากับฝ่ายศัตรูที่รุกรานเยเมน แผนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเสียชีวิตหรือพ่ายแพ้ระหว่างซาเลห์กับฮูติ แก๊งซาอุดิอาระเบียมีแต่ได้กับได้ เพราะว่าแผนบ่างช่างยุเสี้ยมให้ฝ่ายตรงข้ามแตกคอกันมันได้ผล เป็นการบั่นทอนกำลังของคู่ต่อสู้ไปในตัว แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย แค่ตวัดลิ้นสองสามทีก็ได้ผลแล้ว - ผู้แปล]

วันที่ 3 ธ.ค. 60 AMN รายงานอีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของฮูติว่า กลุ่มนักรบฮูติแห่งเยเมนอ้างว่าได้ยิงขีปนาวุธวิถีโค้งกรุง Abu Dhabi เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หนึ่งลูก โดยกำหนดเป้าหมายไปที่ "เตาปฏิกรณ์เคลียร์" (nuclear reactor) al-Barakah ในกรุงอาบูดาบี ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโดยบริษัท KEPCO ของเกาหลีใต้ จะสามารถเปิดใช้งานได้ในปี 2018 สำนักข่าว WAM ของรัฐบาล UAE ปฏิเสธรายงานข่าวการโจมตีครั้งนี้

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
04/12/2560
----------
https://www.rt.com/news/411854-yemens-ex-president-saleh-killed/
https://www.almasdarnews.com/article/pictures-houthis-shut-salehs-yemen-today-tv-channel/
https://www.almasdarnews.com/articl...es-capture-republican-guard-hq-salehs-troops/
http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13960913001176
https://sputniknews.com/middleeast/201712041059669356-yemen-amnesty-houthis/
https://www.almasdarnews.com/article/houthis-claim-fire-missile-abu-dhabi/
https://www.bloomberg.com/news/arti...they-fired-missile-at-abu-dhabi-nuclear-plant
http://www.aljazeera.com/news/2017/12/yemen-houthi-saleh-alliance-collapse-171204070831956.html
http://www.presstv.com/Detail/2017/12/04/544421/Saudi-airstrikes-Yemen-Saleh
https://sputniknews.com/middleeast/201712041059671461-yemen-houthis-saleh-house/
https://sputniknews.com/middleeast/201712041059671348-yemen-president-sanaa-retake/

 

ปอกเปลือก ทรราช
*GRAPHIC* (18) Battle of Marawi : สมรภูมิเลือด ปกป้องมาราวีจากแก๊งโจรไอซิสผัวแพะ (8.39 นาที)



-----------

ถ้าอยากรู้ว่าพวกไอซิสมันชั่วอย่างไร ต้องดูคลิปนี้ พวกนี้เหมือนโรคระบาด ไปถึงไหนฉิบหายที่นั่น คลิปเด็ดปฏิบัติการเด็ดหัวขบวนการก่อการร้ายไอซิสผัวแพะที่มาราวี ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม - 23 ตุลาคม 2560 โดย "หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ" (Special Operations Command - SOCOM) แห่งกองทัพบกของฟิลิปปินส์

สาเหตุที่นำไปสู่การสู้รบจนกลายเป็นสงครามในครั้งนี้ก็คือ พวกผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรง คลั่งศาสนา อ้างศาสนาในการกระทำความชั่วเพื่อแบ่งแยกดินแดนและปกครองโดยระบอบโจรป่าเถื่อนไอซิส จับชาวบ้านทั่วไปเป็นตัวประกัน และยิงทิ้ง โดยไม่เลือกว่าเหยื่อจะนับถือศาสนาอะไร ต่อมาก็บุกทำลายโบสถ์คริสต์ในเมืองมาราวี ทำลายรูปเหมือนของพระเยซู เผาโบสถ์

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ประกาศใช้กฎอัยการศึก ใช้กำลังทหารปราบพวกป่่าเถื่อนลัทธิซาตานที่มอมเมาประชาชนและบิดเบือนคำสอนศาสนาเดิม มาราวีมีสภาพไม่ต่างจากอิรัค ลิเบีย และซีเรีย สุดท้ายพวกไอซิสก็ถูกเด็ดหัวเกือบหมด หัวหน้าแก๊งตายเรียบ ขณะนี้มาราวีกำลังเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟู

หลังจากที่ปราบพวกไอซิสได้แล้ว ก็มีพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนโปรคอมมิสนิสต์ ที่มีชื่อว่า "กองทัพประชาชนใหม่" (New People's Army (NPA)) ลุกขึ้นมาอาละวาดต่อจากพวกไอซิสที่เมืองอื่นแทน

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
04/12/2560
----------

https://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Marawi
https://en.wikipedia.org/wiki/New_People's_Army
http://www.philstar.com/headlines/2017/12/04/1765131/afp-npa-surrender-or-die

 

ปอกเปลือก ทรราช
From USA with Love: ทหารอเมริกันซ้อมยิงปืนใหญ่ขู่เกาหลีเหนือแต่ลูกกระสุนปืนดันไปตกทะลุหลังคาบ้านประชาชนชาวเกาหลีใต้ใกล้เขตซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในเกาหลีใต้ กรรม!



---------

วันที่ 3 ธ.ค. 60 Yonhap News พาดหัวข่าวว่า "เกาหลีใต้และสหรัฐรุดตรวจสอบลูกกระสุนปืนใหญ่ใกล้เขตซ้อมรบ โรดริเกซ" (S. Korea, U.S. probe stray shell near Rodriguez range)

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีใต้และสหรัฐร่วมมือกันเข้าตรวจสอบลูกกระสุนปืนปิศนาลูกหนึ่งซึ่งตกใส่บ้านเรือนประชาชนหลังหนึ่งใกล้เขตซ้อมรบด้วยกระสุนจริงโรดริเกซ (Rodriguez Live Fire Range) ที่เมือง Gyeonggi จังหวัด Gyeonggi ทางตอนเหนือของกรุงโซล (ห่างจากชายแดนเกาหลีเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร)

ทั้งสองฝ่าย (สหรัฐและเกาหลีใต้) กำลังพยายามระบุสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ และเตรียมจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับพลเรือนเจ้าของบ้าน

ประชาชนในพื้นที่คนหนึ่งกล่าวว่า ได้แจ้งเหตุการณ์นี้ให้ตำรวจทราบเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว โดยกล่าวว่ามีจรวดลูกหนึ่งตกลงไปในห้องทำน้ำร้อนในบ้านหลังดังกล่าว และทำให้หลังคาบ้านตรงห้องนั้นได้รับความเสียหาย (เดชบุญที่มันไม่ระเบิด)

หลายชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่จากกองทัพที่แปดของสหรัฐและเจ้าหน้าที่จากกระทรวง (?) ได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ทางกระทรวงกล่าว่า ลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ค้นพบในครั้งนี้กำลังถูกนำไปให้ศูยน์นิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบ

[พวกเขาคงจะไม่สามารบอกได้ว่ามันเป็นลูกระสุนปืนใหญ่ของใคร อาจจะเป็นของมนุษย์ต่างดาวก็ได้ หรือจะบอกว่าเป็นของคิมน้อย แต่เอ๊ะ... ทำไมสหรัฐและเกาหลีใต้ต้องจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้ชาวบ้านด้วยหละ หากมันไม่ใช่ของตนเอง? - ผู้แปล]

ทางกระทรวงกล่าวอีกว่า จะมีการสรุปข่าวให้กับชาวบ้านแถวนั้นเกี่ยวกับความคืบหน้าในการสืบสวนในคดีนี้ในวันจันทร์นี้

สื่อเกาหลีใต้รายงานเพิ่มเติมว่า มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับกระสุนลูกหลง (stray rounds) ในลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากจากพื้นที่ยิงปืนใหญ่หลักของกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้

["ไม่จริ๊งไม่จริง! ทหารอเมริกันมืออาชีพจะตาย สื่อเกาหลีใต้ใส่ร้ายอเมริกาแน่ๆเลย" โปรอเมริกาตัดพ้อและไม่ยอมรับข่าวนี้ แต่วันที่ 22 กันยายน 2016 เว็บไซต์ Stars and Spripes สายททหารของสหรัฐรายงานว่า กองทัพบกที่แปดของสหรัฐตอบสนองต่อคำตำหนิของประชาชนชาวเกาหลีใต้เกี่ยวกับเขตซ้อมรบด้วยกระสุนจริงโรดริเกซใกล้ชายแดนเกาหลีเหนือ

สาเหตุที่ชาวบ้านบ่นในครั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านแถวนั้นรำคาญและหนวกหูเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงการยิงปืนใหญ่ และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว มีข่าวแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ทุกปี กระสุนลูกหลงจากกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้บินไปตกใส่เขตที่อยู่อาศัยของพลเรือนชาวเกาหลีใต้ หมู่บ้านกระสุนตกของจริง

เอ๊ะ! เกาหลีใต้ไม่คิดจะเรียกประชุมฉุกเฉิน UNSC และเรียกร้องให้นานาชาติประณามและคว่ำบาตรสหรัฐในข้อหายั่วยุเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือบ้างหรือ? - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
04/12/2560
----------
http://english.yonhapnews.co.kr/national/2017/12/03/0301000000AEN20171203001800315.html
https://www.stripes.com/news/8th-army-responds-to-s-korean-complaints-about-rodriguez-range-1.430388
https://www.stripes.com/news/live-fire-range-in-south-korea-reopens-after-missile-mishap-1.388287
http://virtualglobetrotting.com/map/rodriguez-range-mlfc/view/google/
http://www.rokdrop.net/tag/rodriguez-range/

 

ปอกเปลือก ทรราช
เกาหลีเหนือคือโอกาสทองสำหรับการส่งออกยางพาราของไทย จะไขว่ขว้าเอาไว้หรือจะปล่อยให้หลุดมือไป?



---------

วันนี้จะพาไปทัวร์โรงงานผลิตยางรถยนต์ของคิมน้อย แจ็คผู้ฆ่ายักษ์อเมริกากันบ้างนะครับ วันที่ 29 เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จสองอย่างด้วยกันคือ

1. ความสำเร็จในการพัฒนาและทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) Hwasong-15 ที่เล่นเอามหาอำนาจเบอร์ของโลกอย่างสหรัฐหัวฟัดหัวเหวี่ยงและทำให้ทั่วโลกถึงกับอึ้งไปเลย เพราะว่าขีปนาวุธของคิมน้อยที่พุ่งทะลุชั้นบรรยากาศของโลกออกไปในอวกาศได้ถึง 4,475 กม. รัศมีทำการ (13,000 กว่ากิโลเมตร) และยังสามารถเลี้ยวกลับเข้ามาโจมตีเป้าหมายจำลองบนพื้นโลกในทะเลญี่ปุ่นได้อย่างแม่นยำด้วย ซึ่งมันไปไกลกว่านิยามของคำว่า "ขีปนาวุธวิถีโค้ง" (ballictic misile) ทั่วไปซะอีก

2. ความสำเร็จในการพัฒนารถบรรทุกขนาดใหญ่ 9 เพลา (18 ล้อ) สำหรับบรรทุกและปล่อยขีปนาวุธ Hwasong-15 จากข้อมูลที่สืบค้นมาจากอินเตอร์เน็ททราบว่ารถบรรทุกหลายล้อประเภทนี้ เดิมทีเกาหลีเหนือนำเข้าจากจีน เป็นรุ่น 12-14-16 ล้อ สำหรับใช้งานกับขีปนาวุธรุ่น Hwasong-12 และ Hwasong-14 ตอนที่นำเข้าจากจีนนั้นเกาหลีเหนือให้เหตุผลว่านำไปใช้ในการขน "ท่อนซุง" ไม่ได้นำไปใช้ในด้านการทหาร ทำให้ไม่ผิดมติการคว่ำบาตรของยูเอ็นที่ห้ามประเทศต่างๆส่งออกอาวุธให้เกาหลีเหนือและห้ามเกาหลีเหนือขายอาวุธให้ประเทศอื่นด้วย (มันคือท่อนซุงต้น Hwasong-12 และพอโตขึ้นมาหน่อยคิมน้อยก็เรียกมันว่า "ท่อนซุง Hwasong-14" และ "Hwasong-15" ยูเอ็นใบ้รับประทาน)

เกาหลีเหนือนำรถบรรทุกประเภทนี้มาพัฒนาต่อยอดขยายให้มีความยาวกว่าเดิม จาก 7 หรือ 8 เพลา ทำให้เป็น 9 เพลาได้ เพื่อให้รองรับความยาวของขีปนาวุธ Hwasong-15 อันที่จริง จีนนำเข้ารถบรรทุกรุ่นนี้จากเบลารุส จีนไม่นิยมใช้รุ่นนี้ นำเทคโนโลยีไปพัฒนาในแบบของตนเองต่างหาก โดยขายแบบเดิมให้กับเกาหลีเหนือแทน เกาหลีเหนือก็นำมาพัฒนาและสร้างโรงงานก็อปและผลิตเองภายในประเทศได้ทั้งหมด และจะขยายอุตสากรรมนี้เพิ่มขึ้นด้วย

วันที 3 ธันวาคม 2560 สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือลงภาพและรายงานข่าวประธานาธิบดีคิม จอง-อึน แห่งเกาหลีเหนือเดินทางไปตรวจสอบโรงงานผลิตยางรถยนต์ Amnokgang (Amnokgang Tire Factory) ซึ่งผลิตยางรถยนต์หลายประเภท รวมทั้งที่ใช้กับรถบรรทุก 19 ล้อสำหรับบรรทุกขีปนาวุธ Hwasong-15 และรุ่นอื่นๆด้วย

ได้มีการตรวจเยี่ยมโรงงานแห่งนี้ ฟังการบรรยายการดำเนินงานจากเจ้าหน้าที่และผู้บริหารระดับสูงมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากพรรค WPK ของเกาหลีเหนือร่วมเดินทางไปด้วย ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวตอนหนึ่งว่าจะอัพเกรดโรงงานแห่งนี้ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น และจะเพิ่มการผลิตมากขึ้น เพราะว่าตอนนี้เกาหลีเหนือสามารถผลิตรถบรรทุกทั่วไปและรถยนต์อื่นๆได้ด้วยตนเองแล้ว ตามหลักปรัชญาจูเช่ (หลักการแนวทางในพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน) ถ้าของอินเดียสมัยนี้เขาจะเรียก "นโยบาย Make in India" ของไทยสมัยก่อนเรียก "Made in Thailand" (ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ) ปัจจุบันนี้ตรงกับหลักปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง" ของในหลวงร.๙ ของพวกเรา

พออ่านข่าวนี้จากเกาหลีเหนือแล้วก็หันมาตระเวนอ่านข่าวจากสื่อไทยออนไลน์บ้าง ไปสะดุดกับข่าวหนึ่งของสำนักเขียวที่พาดหัวข่าวว่า "รบ. ยันเร่งแก้ราคายางตกต่ำ เตรียมถกปัญหาสรุปสัปดาห์นี้"

ในรายงานข่าวตอนหนึ่งรัฐบาลไทยกำลังพยายามหาทางแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำและข้อเสนอการแก้ไขปัญหาของนักการเมืองที่ต้องการให้รัฐบาลพูดคุยกับผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย...

"ล่าสุดได้ร่วมกันวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ความต้องการใช้ยางและปริมาณยางในตลาด ปัจจัยที่มีผลต่อราคา เช่น สภาพภูมิอากาศ ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้น และทั้ง 3 ประเทศตกลงใจร่วมกันที่จะเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งจะทำทุกวิถีทางเพื่อผลักดันให้ราคายางกลับเข้าสู่สภาวะที่ควรจะเป็น" ไทยรัฐรายงน

ก็น่าเห็นใจทุกฝ่ายนะครับ ปัญหานี้มีมานานแล้ว และอาจจะมีต่อไปเรื่อยถ้าไม่ปรับเปลี่ยนบางอย่างหรือแก้ไขไม่ได้ มัน (ราคายาง) ไม่ได้ตกต่ำเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น มันตกต่ำทั่วโลก แต่ละประเทศต่างก็แข่งขันกันสูง และผลิตยางในปริมาณมากด้วย รัฐไม่สามารถที่จะอุ้มต่อไปได้ตลอดกาล ถ้าทำเช่นนั้นเกษตรกรรายอื่นๆก็จะเรียกร้องแบบเดียวกันนี้เช่นกัน จะแก้ไขปัญหาอย่างไร? "เลือกตั้งหรือ?" เลือกตั้งแล้วมันจะทำให้ราคายางทั้งในและต่างประเทศพุ่งขึ้นจริงๆหรือ? ไม่ใช่แน่นอน นักการเมืองอาจจะทำได้ชั่วคราว เหมือนกับกรณีการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำด้วยโครงการ "โกงจำนำข้าว" และต่อมากลายเป็น "โครงการข้าวเน่า" เจ้าของโครงการตอนนี้หนีไปเผยแพร่ประชาธิปไตยที่ดูไบโน่น นั่นแหละ

จริงๆแล้วไทยเป็นคู่ค้ากับเกาหลีเหนือมาโดยตลอด เกาหลีเหนือเป็นตลาดส่งออกยางพาราแห่งหนึ่งของไทยมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนหน้านี้คู่แข่งคนสำคัญของไทยในตลาดนี้ก็คือมาเลเซียและอินโดนีเซีย ตอนนี้มาเลเซียทะเลาะกับเกาหลีเหนือ เพราะคดีการลอบสังหารพี่ชายต่างมารดาของผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยทฤษฎีไทยจึงขาดคุ่แข่งไปหนึ่งราย

ส่วนอินโดนีเซียขยันส่งทูตไปเจรจาตีสนิทกับเกาหลีเหนือมากขึ้น อินเดียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ส่งออกยางพาราไปยังเกาหลีเหนือ เวียตนามก็จ้องตลาดนี้อยู่เหมือนกัน และไม่สนใจการกดดันจากสหรัฐด้วย ยังคงเดินหน้าค้าขายกับเกาหลีเหนือภายใต้กรอบการคว่ำบาตรของยูเอ็นที่มีต่อเกาหลีเหนือ อินโดนีเซียถึงกับส่งเอกอัครราชทูตของตนเองในเกาหลีเหนือไปช่วยกรุงเปียงยางดำนาและเกี่ยวข้าวด้วยนะ ได้ใจเกาหลีเหนือไปเต็มๆ แม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงเวลานิดหน่อยก็ตาม

เกาหลีเหนือกำลังขยายอุตสาหกรรมยานยต์ของตนเอง แน่นอนว่า ในอนาคตอันใกล้นี้เขาจะมีความต้องการยางพาราเพิ่มมากขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์เคมีพลาสติกนั้นบางส่วนเขาเริ่มผลิตได้เองแล้ว ในอนาคตปริมาณการนำเข้าจากต่างประเทศอาจจะลดลง ลองหันไปจีบเกาหลีเหนือเพื่อเพิ่มโอกาสการส่งออกยางพาราให้กับเกษตรกรไทยบ้างดีไหมครับคุณลุง?

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
03/12/2560
----------
http://uriminzokkiri.com/index.php?lang=eng&ftype=songun&no=7710
http://uriminzokkiri.com/index.php?lang=eng&ftype=yongsang&no=7710
http://uriminzokkiri.com/index.php?lang=eng&ftype=songun&no=7596
https://www.thairath.co.th/content/1143028
https://atlas.media.mit.edu/en/profile/country/prk/
http://www.atimes.com/article/thailand-north-korea-ties-spotlight/
https://news.sky.com/story/which-countries-trade-with-north-korea-11021304

 

ปอกเปลือก ทรราช
Fast And Furious 10 เร็วกระชากนรก เวอร์ชั่นอเมริกันของแท้: ตำรวจสหรัฐล่าตีนผีขับรถเก๋งซีดานสีขาวไล่ชนผู้คนเสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 3 ในนครนิวยอร์ก



---------

วันที่ 3 ธ.ค.60 RT รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คนในเหตุการณ์รถยนต์คันหนึ่งพุ่งชนฝูงชนในเขต Queens นิวยอร์ก ช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์นี้ AP รายงาน อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

คนขับรถกำหนดเป้าหมายที่เหยื่อในเวลาประมาณ 4:45 am ตามเวลาท้องถิ่น ผู้ต้องสงสัยในการโจมตีครั้งนี้อยู่ระหว่างหลบหนี อยู่ระหว่างการการค้นหาไล่ล่า ทางการกล่าว

มีการต่อสู้กันด้วยอาวุธมีดในบาร์ฮูกะ (hookah bar แหล่งมั่วสุมของพวกสิงกัญชา) ในเขตควีนส์ ก่อนเกิดเหตุโจมตี The New York Daily News รายงานโดอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยาน "รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจากที่ไหนไม่รู้ได้พุ่งเข้าชนกลุ่มผู้คนตามทางเดิน" พยานกล่าวกับสื่อท้องถิ่น โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า "รถยนต์คันดังกล่าวแล่นมาด้วยความเร็วมาก" และพบว่า "มีร่างคนลอยขึ้นท้องฟ้า" ได้มีการนำตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล รวมทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงด้วย

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเข้าตรวจสอบรายละเอียดในพื้นที่ แต่ยังไม่มีการฟันธงว่าเหตุการณ์นี้เป็นการก่อการร้าย AP รายงาน

[หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลสหรัฐคงจะไม่อ้างว่า เกาหลีเหนือหรือรัสเซียแฮ็กรถยนต์อเมริกันให้ขับพุ่งชนฝูงชนในนครนิวยอร์กหรอกนะ "หนูไม่เกี่ยวนะครับ ไม่ต้องส่งเครื่องบินรบสเตลท์ F-22 และ F-35 มาแก้แค้นเกาหลีเหนือตรับ" (คิมน้อยไม่ได้กล่าว) - ผู้แปล]
https://www.rt.com/usa/411785-car-rams-new-york-city/

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
03/12/2560
----------
https://www.rt.com/usa/411785-car-rams-new-york-city/
https://sputniknews.com/us/201712031059653351-new-york-car-ramming/

 

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์



ลืมเกาหลีเหนือ เยเมน ปาเลสไตน์ เลบานอนและอิรัก-ซีเรียไปชั่วคราว รัฐบาลฮอนดูรัส หุ่นเชิดของอเมริกากำลังใช้กำลังปราบประชาชนเพราะจะแพ้การเลือกตั้ง:

ประธานาธิบดีฮอนดูรัสคือจวน ออร์ลันโด เฮอร์นานเดซ (JUAN Orlando Hernández) ซึ่งรัฐบาลอเมริกาให้งบประมาณจำนวนมากในการปราบ ปรามกลุ่มลักลอบค้ายาเสพติด แต่ปัญหาก็คือยิ่งรัฐบาลนี้ปราบ ยาเสพติดก็ยิ่งแพร่หลายในฮอนดูรัสมากยิ่งขึ้น เมื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ ปรากฎว่าประชาชนไม่พอใจในผลงานเพราะยิ่งปราบ ยาเสพติดก็ยิ่งแพร่หลาย หันไปเลือกนายซัลวาดอร์ นัสรัลลา (Salvador Nasralla) ผู้ท้าชิงมากกว่า นายจวน ออร์ลันโด เฮอร์นานเดซจึงโกงเลือกตั้งเพื่อให้ตัวเองได้รับชัยชนะ ประชาชนเห็นว่านายจวนนี้เก่งซึ่งๆ หน้าจึงประท้วง พอประชาชนประท้วง ก็เอาหน่วยทหารตำรวจที่อเมริกาฝึกให้ปราบประชาชน

ตอนนี้ นายจวน ออร์ลันโด เฮอร์นานเดซ ประธานาธิบดีหุ่นเชิดของอเมริกาได้ฉายาจากประชาชนไปเรียบร้อยแล้วก่อนสิ้นปีว่า *เผด็จการผู้ค้ายาเสพติด* (drug-dictator) เพราะ ๑.ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ๒.ยิ่งบริหารประเทศ ยิ่งมียาเสพติดแพร่หลาย

๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วย

https://theintercept.com/2017/12/03...s-trained-forces-against-election-protesters/

 

กระทรวงมหาดไทยของเยเมนยืนยันว่า “อดีตประธานาธิบดีเยเมนเสียชีวิตแล้ว”

• ธันวาคม 4, 2560
• Written by หยาดฟ้า ไทยประทาน
• Published in ต่างประเทศ

อดีตประธานาธิบดีเยเมนถูกสังหารจนเสียชีวิต ขณะที่เขากำลังหลบหนีออกจากกรุงซานา เมืองหลวงของประเทศ ในพื้นที่เขตในการควบคุมทางอากาศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

สำนักข่าวต่างประเทศ สยามพับลิครายงานจากแหล่งข่าวท้องถิ่นเผยว่า “อะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ อดีตประธานาธิบดีเยเมนถูกสังหารขณะที่เขากำลังหลบหนีจากเมืองซันอา”

ทั้งนี้ เขานั่งอยู่ในรถหุ้มเกราะในขณะที่กำลังหลบหนีออกจากเมืองซานา นอกเหนือจากอดีตประธานาธิบดีแล้ว ยังมีนายอารีฟ ซูคคา อดีตรองประธานธิบดีและยาซิร อัลอะวาฎี เลขาธิการพรรคคองเกรสแห่งชาติเยเมนรวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม พยานได้ยืนยันว่า การลอบสังหารอะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของกลุ่มพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย

หลังจากที่มีการเผยแพร่ข่าวการเสียชีวิตของอะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ อดีตประธานาธิบดีเยเมนพร้อมกับคณะผู้ติดตามหลายคน บางแหล่งข่าวยังรายงานว่า กองกำลังประชาชน คือ ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ในการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีในครั้งนี้ โดยถือว่า กองกำลังพันธมิตรซาอุดิอาระเบียนั้นมีบทบาทเป็นอย่างมาก

ตามการยืนยันจากหลักฐานที่มีอยู่ระบุว่า “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการลอบสังหารอะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ ก็คือ พันธมิตรซาอุดิอาระเบีย”
ตามรายงานยังระบุอีกว่า อดีตประธานาธิบดีเยเมน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทำให้สถานการณ์การเมืองในเยเมนนั้นรุนแรงขึ้นและเกิดการปะทะกันกับกลุ่มฮูซีย์

คาดว่า ซาอุดิอาระเบียมีความหวาดกลัวที่อะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ จะถูกกองกำลังรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติกรุงซานา เข้าจับกุมตัวและเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซาอุดิอาระเบีย จนเป็นเหตุให้เขาต้องถูกลอบสังหาร

ทั้งนี้ นอกเหนือจากอะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ แล้ว ยังมีนายอารีฟ ซูคคา อดีตรองประธานาธิบดี และนายยาซิร อัลอะวาฎี เลขาธิการพรรคครองเกรสแห่งชาติถูกสังหารด้วยเช่นกัน ขณะที่ทั้งหมดนั้นกำลังขับรถยนต์หุ้มเกราะหนีออกจากกรุงซานา

ที่ปรึกษาสภาสูงสุดทางการเมืองเยเมนยังเผยว่า อะลี อับดุลเลาะห์ถูกสังหาร ขณะที่เขาอยูในพื้นที่ในการควบคุมทางอากาศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

อะห์หมัด อัลฮะบีชี ที่ปรึกษาสภาสูงสุดทางการเมืองเยเมน ระบุว่า อะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ ถูกสังหารในขณะเขาที่อยู่ในเขตการควบคุมทางอากาศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รายงานยังระบุอีกว่า เขากล่าวอีกว่า เครื่องบินรบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ทิ้งระเบิดเข้าใส่สถานที่พักพิงของอะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์

เจ้าหน้าที่เยเมน เผยว่า กระทรวงมหาดไทยเยเมนได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของอะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ รวมถึงคณะผู้ติดตามของเขา

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยเยเมนยอมรับถึงการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีเยเมนและเลขาธิการพรรคครองเกรสแห่งชาติ

ในแถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทยเยเมน ระบุว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นในเยเมนได้สิ้นสุดลงแล้วโดยแกนนำของผู้ก่อเหตุการณ์รุนแรงได้ถูกสังหารจนหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม อะลี อับดุลเลาะห์ ซอลิห์ได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์ซาอูดในการทำลายขบวนการต่อสู้ของประชาชนชาวเยเมนและในวันนี้ เขาก็ถูกลอบสังหารโดยพรรคพวกผู้สนับสนุนของเขาเอง










http://siampublic.com/world/3902/former-president-yemen-died

 

มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน
ผู้นำของขบวนการ Ansarullah ของเยเมน อับดุล มาลิก อัลฮูตี
กล่าวว่าขบวนการดังกล่าวสามารถขจัดอุปสรรคสำคัญในการรักษาความมั่นคงของประเทศเยเมนไว้ได้โดยการเอาชนะแผนการร้ายของอดีตประธานาธิบดี Ali Abdullah Saleh

เขากล่าวเพิ่มเติมอีกว่าแม้จะมีข้ออ้างเกี่ยวกับการต่อต้านการรุกรานของซาอุดิอาราเบียซาเลห์ก็แปรพรรคไปเข้าข้างผู้รุกราน ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของ ซาเล่
ฮูตี ได้ขอให้เขาหยุดกิจกรรมที่น่าสังเวช และอาชญากรรมของพวกเขาเสีย
และบอกว่านี้เป็นเส้นทางที่ผิดพลาดที่พวกเขาเลือก

ฮูตี กล่าวว่า "อย่างไรก็ตามพวกเขาปฏิเสธคำร้องขอของเราและดำเนินการตามแนวทางของซาอุดิอาระเบีย
ที่ไม่ถูกต้อง โดยส่งคนมาโจมตีเราและปิดกั้นถนนหลวง"

"พวกเขาตั้งใจที่จะทำเช่นเดียวกันในจังหวัดอื่น ๆ และเมืองอื่นๆ เราจำเป็นต้องหยุดเรื่องเลวร้ายนี้เสียเพื่อความสามัคคีและเพื่อเยเมน"

ฮูตี กล่าวว่ามีการประสานงานกันระหว่างกองทหารรักษาการณ์ของ ซาเล่ และรัฐบาลซาอุดิอารเบีย แผนโจมตีจากภายในโดย ซาเล่ และจากภายนอกโดย ซาอุ จะมีการส่ง
กองกำลังเข้ามารุกรานและปิดล้อม และให้ภายในโดยซาเล่โจมตีเพื่อชัยชนะในการยึดครองเยเมน
แต่ประชาชนภายในประเทศไม่เห็นด้วยและยังสนับสนุนฮูตีทำให้แผนการร้ายของซาเล่ต้องจบลงพร้อมกับชีวิตเขา

และความพยายามของซาอุดีอาระเบีย พันธมิตรของซาอุดีอาระเบีย สหราชอาณาจักร รวมถึงสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ต้องพังทลายลง ยังความโกรธแค้นให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก

ฮูตี กล่าวว่าแม้ศัตรูจะมีการแผนการมาอย่างดี แต่ประเทศเยเมนเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง และจะแข็งแกร่งขึ้น
ความล้มเหลวของแผนการของ ซาเล่ จะเป็นบทเรียนอย่างดี

นอกจากนี้เขายังเรียกร้องให้กองกำลังทางการเมืองทั้งหมดในเยเมนอยู่ในแนวร่วมเดียวกันเพื่อปกป้องเสรีภาพและความเป็นอิสระของประเทศเยเมนและยังความพ่ายแพ้ต่อแผนการของข้าศึก

ฮูตี อ้างถึงการยิงขีปนาวุธโดยกองกำลังเยเมนไปทีาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใกล้เมืองหลวงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ของอาบูดาบีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเขากล่าวว่า "เราแสดงให้พวกเขาเห็นว่าไม่ควรประมาทความสามารถของเรา เราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้อีก "

ผู้นำของ ฮูตี ยังให้คำแนะนำแก่ บริษัท ต่างชาติทั้งหมดที่ทำงานในซาอุดิอาระเบียและ UAE ให้ออกจากประเทศเหล่านั้นเสียเนื่องจากแระเทศเหล่สนี้ขาดความมั่นคงจาก "ขีปนาวุธ" ของเรา
นอกจากนี้เขายังกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนแทนในประเทศโอมานคูเวตและแม้กระทั่งในเมืองหลวงของเยเมนหากต้องการความมั่นคงในการลงทุนมากขึ้น

ผู้นำเยเมนยังเตือนอีกว่าหากเยเมนไม่ปลอดภัยจากการรุกรานอีก ซาอุดีอาระเบียและยูเออีเอจะเป็นเป้าหมายของขีปนาวุธระยะยาวของเยเมน


.

 

นักรบฮูทิยึดเมืองหลวงของเยเมนจากกลุ่มผู้สนับสนุนซาอุฯ ได้แล้ว:

ปัญหาของตะวันออกกลางคือผู้นำอ่อนแอมาก ผู้นำปาเลสไตน์ก็ถูกผู้นำซาอุฯ บีบให้ยอมอิสราเอล, นายกรัฐมนตรีเลบานอนก็เป็นเด็กในคาถาของราชวงศ์ซาอุฯ, ประธานาธิบดีของเยเมนที่เพิ่งผ่านไป ๒ คนก็เป็นเด็กในคาถาของราชวงศ์ซาอุฯ เช่นกัน ซาอุฯ ต้องการยึดครองน้ำมันในเยเมน แต่โชคไม่ดี พวกนักรบรองเท้าแตะฮูทิ หวงแผนแผ่นดินเกิดจึงสู้จนยิบตา จัดการกองทัพของซาอุดิอาระเบียได้หมด

ซาอุฯ จ้างนักรบหลายบริษัทร่วมทั้งพวกนักรบรับจ้างกลุ่มน้ำดำ (Black Waters) ด้วย แต่นักรบรับจ้างเหล่านี้ (https://sputniknews.com/middleeast/201601191033358120-yemen-blackwater-contractors/) จะรบเพื่อเงิน รบไปด้วย ต้องพยายามรักษาชีวิตไว้กลับไปใช้เงินด้วย ไม่กล้าทุ่มสุดใจเพื่อชาติตนเองเหมือนนักรบฮูทิ ดังนั้น ความพยายามในการรบจึงไม่มี สู้ได้ไม่กี่วันและได้ถ่ายรูปเต๊ะท่าไว้อวดคนที่บ้านเพื่อให้ CV ตัวเองดูดีพอแล้ว บรรดานักรบรับจ้างเหล่านี้ก็โกยแนบกลับประเทศไปเสียเกือบหมด ไม่สนค่าจ้างมหาศาลจากซาอุฯ แล้ว รัฐบาลซาอุฯ จึงหันไปหาอเมริกาและอังกฤษให้ช่วยฝึกทหารให้ ขณะนี้ ซาอุฯ มีอาวุธยุทโธปกรณ์ดีหมด แต่ก็ยังพ่ายแพ้การสู้รบแบบกองโจรของนักรบฮูทิซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอิหร่าน

เยเมนน่าจะเป็นหลุมฝังศพของนักรบสำรวยของซาอุฯ ไม่ต่างอะไรเลยจากเวียตนามซึ่งเคยเป็นสุสานนักรบจีไอของอเมริกันมาก่อน อเมริกาพ่ายแพ้ในเวียตนามฉันใด ซาอุฯ จะพ่ายแพ้แก่นักรบฮูทิในเยเมนฉันนั้น

วันก่อน อดีตประธานาธิบดีเยเมนออกมาสนับสนุนซาอุฯ เรียกร้องให้ขับไล่นักรบฮูทิออกไปจากเมือง นักรบฮูทิโกรธจัด ขายชาติไม่พอ ยังชักศึกเข้าบ้าน เลยจัดหนักให้ เห็นข่าวตะกี้ว่าไปเฝ้ายมบาลเรียบร้อยแล้ว (เด็กต่ำกว่า ๑๘ ห้ามดูนะครับ ภาพกราฟฟิค https://muraselon.com/en/2017/12/br...hows-corpse-yemens-ex-president-saleh-report/) ตอนนี้ นักรบฮูทิยึดเมืองหลวงคือเมืองสะนาจากกลุ่มที่สนับสนุนซาอุฯ ได้แล้ว

๔ ธันวาคม ๒๕๖๐

หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วย

https://www.rt.com/news/411868-houthis-take-over-yemeni-capital/

 

เมื่อวานนี้...ที่ประเทศเยเมน
ชาวบ้านค้นพบคล้ายธารลาวาของภูเขาไฟ
เป็นของไหลสีแดงฉาน มีความร้อนสูง
คุโชนอยู่บริเวณชั้นใต้ดินเป็นบริเวณกว้าง
โดยมีควันไฟและกลิ่นกำมะถัน
โชยออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อใช้พลั่วขุดลงไปตามรอยแยก
ซึ่งมีควันลอยขึ้นมาหลายๆจุด
ก็พบว่าข้างล่างเป็นโพรง
และมีของเหลวข้นๆสีแดงและร้อนอยู่
นอกจากนั้นยังพบก้อนหินขนาดย่อมๆสีดำ
คล้ายหินภูเขาไฟอีกด้วย

ทางการกำลังตรวจสอบอยู่ว่า
บริเวณที่มีความร้อนสูง
กับของเหลวข้นๆสีแดงดังกล่าวนี้
ใช่ลาวาจากธารภูเขาไฟใต้ดินหรือไม่