เรื่องเด่น บรรลุธรรมสูงสุดตอนเป็นฆราวาส แต่โดนขัดขวางไม่ให้บวช

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Apinya Smabut, 4 ธันวาคม 2017.

  1. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    Buddha-222.jpg


    ถาม :
    มีพี่ท่านหนึ่ง ทำงานในโรงงานที่รู้จักกัน ตอนมาสมัครงาน ก็เป็นเพราะพ่อแม่และญาติบังคับให้มาหางานทำ จะได้มีอาชีพเลี้ยงตัว แต่เจ้าตัวเขามีจิตใฝ่ฝันถึงแต่การบวชเป็นพระ ไม่ยินดีที่จะหางานทางโลกทำเพื่อเลี้ยงชีพ แต่สุดท้ายได้เข้าไปทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง มาทำงานได้สักพัก เพื่อนร่วมงานเห็นว่าเขาหายตัวไป เลยออกตามหากัน ปรากฏว่า ไปพบพี่เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องน้ำ เอาผ้าสีเหลือง (ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเปรียบเสมือนสีจีวรพระ) คลุมไหล่ไว้ครึ่งตัว มีมีดโกนวางอยู่ใกล้ ๆ โกนผมตนเองไปได้ประมาณครึ่งหนึ่งของศีรษะ แล้วนั่งเสียชีวิตในท่านั้น การที่ผู้ที่ปรารถนาอยากจะบวช แล้วไม่ได้บวช เกิดจากกรรมประเภทใดเจ้าคะ ?
    ตอบ : เรื่องกรรมนี่กองเอาไว้ก่อน รู้สึกว่ารายนี้น่ากลัวมาก อาจจะทำใจบริสุทธิ์ถึงที่สุดแล้วอยู่ไม่ได้ รู้ตัวแล้วจะบวชแต่ไม่ได้บวช เลยโดนตัดให้ตายไปเรียบร้อยแล้ว..!

    ถาม : แล้วเรื่องของกรรมนี่ถึอว่าเป็นกรรมหรือเป็นบุญครับ ?
    ตอบ : เคยขวางคนอื่นไว้ในลักษณะเดียวกัน เป็นที่น่าเสียดาย ถ้าข้อสันนิษฐานของอาตมาไม่ผิด เมื่อบวชเข้ามาก็ได้พระดีไปเลย

    ถาม : การที่พ่อแม่และญาติขัดขวางไม่ให้บวช จะมีผลกรรมใดเกิดขึ้นกับพ่อแม่และญาติบ้างไหมเจ้าคะ ?
    ตอบ : เขาเองโดนมาแล้วนี่ คนอื่นทำแบบนั้นบ้างก็โดนต่อไป

    ถาม : การที่เขานั่งเสียชีวิตในท่าขัดสมาธิ พยายามทำตนเหมือนตนเองได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้ว จะเกิดโทษกับเขาไหมเจ้าคะ ?
    ตอบ : ตอบไปแล้ว ไม่ใช่ทำตนเหมือนเป็นพระ น่าจะเป็นพระไปแล้ว

    ถาม : หากเขากระทำการตามที่เล่ามาแล้วนั้น ตอนตายจิตใจของคนที่กระทำแบบนี้จะเกาะความดีอยู่ใช่ไหมคะ แล้วเขาจะไปสู่ภพภูมิใดเจ้าคะ ?
    ตอบ : ไม่เป็นไร...คืนนี้จุดธูปถามท่านเองแล้วกัน

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ธันวาคม 2017
  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa209.jpg
     
  3. madeaw23

    madeaw23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +188
    กราบสาธุครับ
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ถ้าบรรลุก็ตามนี้ครับ ไม่พึงสงสัยในวิถีที่ได้ในฌาน เรื่องปัตจัตตังแบบนี้ ใครเล่าจึงจะรู้ได้ เห็นจะมีแต่พระทศพลญาน ปรารถนาให้ท่านผู้นั้นไปดีก็พอ ในอริยาบทธรรมนั้นๆ


    ว่าด้วยสมสีสัฏฐญาณ คำว่า สพฺพธมฺมานํ - แห่งธรรมทั้งปวง. ความว่า แห่งธรรมอันเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งปวง.
    คำว่า สมฺมาสมุจฺเฉเท - ในการตัดขาดโดยชอบ.
    ความว่า ในความดับด้วยดี ด้วยการตัดขาดสันตติด้วย.
    คำว่า นิโรเธ จ อนุปฏฺฐานตา - ในความดับด้วยในความไม่ปรากฏด้วย.
    ความว่า ดำเนินไปในนิโรธ ในความไม่ปรากฏอีก. อธิบายว่า ไม่เกิดขึ้นอีก.
    จ อักษรต้องสัมพันธ์ควบกับ สมฺมาสมุจฺเฉเท จ - ในการตัดขาดด้วยดีด้วย, นิโรเธ จ - ในความดับด้วย, อนุปฏฺฐานตา จ - ในความไม่ปรากฏด้วย.
    คำว่า สมสีสฏฺเฐ ญาณํ - ญาณในอรรถแห่งธรรมอันสงบและเป็นประธาน.
    ความว่า ธรรม ๓๗ ประการมีเนกขัมมะเป็นต้น ชื่อสมะ - ธรรมอันสงบ, ธรรม ๑๓ ประการมีตัณหาเป็นต้น ชื่อสีสะ - ธรรมอันเป็นประธาน. ชื่อว่าสมะ เพราะปัจนิกธรรมทั้งหลายสงบ, ชื่อว่าสีสะ เพราะเป็นประธานตามสมควรแก่การประกอบและเพราะเป็นยอด.
    ธรรมอันสงบมีเนกขัมมะเป็นต้น และธรรมอันเป็นประธานมีสัทธาเป็นต้น ในอิริยาบถหนึ่งก็ดี ในโรคหนึ่งก็ดี ในชีวิตินทรีย์หนึ่ง ด้วยการสืบต่อกันโดยเสมอภาคก็ดี มีอยู่แก่ผู้นั้น ฉะนั้น ผู้นั้นจึงชื่อว่าสมสีสี ผู้มีธรรมอันสงบและธรรมอันเป็นประธาน.
    อรรถะคือเนื้อความแห่งสมสีสี ชื่อว่าสมสีสัฏฐะ ในอรรถะแห่งสมสีสะนั้น, อธิบายว่า ในความเป็นสมสีสี.
    ความเป็นแห่งสมสีสีย่อมมีแก่พระอรหันต์เท่านั้นผู้ปรารภวิปัสสนาในอิริยาบถหนึ่ง หรือในโรคหนึ่ง หรือในชีวิต ด้วยการสืบต่อกันโดยเสมอภาค แล้วบรรลุมรรค ๔ ผล ๔ ในอิริยาบถนั้นนั่นเอง หรือในโรค ในชีวิต ด้วยการสืบต่อกันโดยเสมอภาค ปรินิพพานอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ว่า ญาณในความเป็นแห่งสมสีสีดังนี้.
    สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ในปุคคลบัญญัติปกรณ์และอรรถกถาแห่งปกรณ์ว่า
    ก็บุคคลชื่อว่าสมสีสี เป็นไฉน? การสิ้นไป
    แห่งอาสวะและการสิ้นไปแห่งชีวิตของบุคคลใด
    มีไม่ก่อนไม่หลังกัน บุคคลนี้เรียกว่า สมสีสี.๑-

    พึงทราบวินิจฉัยในสมสีสีนิทเทสดังต่อไปนี้
    คำว่า อปุพฺพํ อจริมํ - ไม่ก่อน ไม่หลัง.
    ความว่า ไม่ใช่ในภายหน้า ไม่ใช่ในภายหลัง คือ ในคราวเดียวกันด้วยสามารถแห่งปัจจุบันสันตติ. อธิบายว่า ในคราวเดียวกันนั่นเอง.
    คำว่า ปริยาทานํ - การประหาณ ได้แก่การสิ้นไปรอบ.
    คำว่า อยํ - บุคคลนี้ ความว่า บุคคลนี้

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกชื่อว่าสมสีสี.
    ก็สมสีสี บุคคลนี้นั้นมีอยู่ ๓ จำพวก คืออิริยาปถสมสีสี ๑, โรคสมสีสี ๑, ชีวิตสมสีสี ๑.

    บรรดาสมสีสีบุคคลทั้ง ๓ จำพวกนั้น บุคคลใดกำลังจงกรมอยู่ เริ่มตั้งวิปัสสนาแล้วบรรลุพระอรหัต ยังจงกรมอยู่นั่นเองก็ปรินิพพาน,

    บุคคลใดกำลังยืนอยู่เริ่มตั้งวิปัสสนาแล้วบรรลุพระอรหัต ยังยืนอยู่นั่นเองก็ปรินิพพาน, บุคคลใดกำลังนั่งอยู่เริ่มตั้งวิปัสสนาแล้วบรรลุพระอรหัต ยังนั่งอยู่นั่นเองก็ปรินิพพาน บุคคลนี้ชื่อว่าอิริยาปถสมสีสี.
    ส่วนบุคคลใดเกิดโรคอย่างหนึ่งแล้ว เริ่มตั้งวิปัสสนาในภายในโรคนั่นเองแล้วบรรลุพระอรหัต แล้วปรินิพพานไปด้วยโรคนั้นนั่นแหละ, บุคคลนี้ชื่อว่าโรคสมสีสี.

    บุคคล ชื่อว่า ชีวิตสมสีสี เป็นไฉน?
    ศีรษะมี ๑๓.#- บรรดา ศีรษะเหล่านั้น อรหัตมรรคย่อมครอบงำอวิชชาอันเป็นกิเลสสีสะ, จุติจิตย่อมครอบงำชีวิตินทรีย์อันเป็นปวัตตสีสะ, จิตที่ครอบงำอวิชชา ครอบงำชีวิตินทรีย์ไม่ได้. จิตที่ครอบงำชีวิตินทรีย์ก็ครอบงำอวิชชาไม่ได้.

    จิตที่ครอบงำอวิชชาเป็นอย่างหนึ่ง และจิตที่ครอบงำชีวิตินทรีย์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง. ก็ทั้ง ๒ ศีรษะนี้ของบุคคลใดย่อมถึงซึ่งการครอบงำพร้อมกัน บุคคลนั้นชื่อว่า
    ชีวิตสมสีสี.

     
  5. tarotcode

    tarotcode สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ใช่ฆาตกรรม หรือ อัตวินิบาตกรรม ใช่ไหมครับ แพทย์วินิฉัยว่าอย่างไร พอจะทราบหรือเปล่าครับ
     
  6. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014


    ท่านบรรลุ อนาคามีบุคคล พร้อมรู้เห็นอนาคตว่า
    เมื่อท่านจะไปบวช จะมีคนมาขวางทางท่าน ไม่ให้บวช
    คนผู้นั้นจะทำสำเร็จด้วย
    หากฆ่าท่านตาย เค้าจะลงนรก ชั้นต่ำสุด
    หากทำร้ายร่างกาย เค้าจะลงนรก ชั้นอื่นๆ ยังพอช่วยได้
    แต่ถ้าหาก ท่านตายเอง ก็ไม่มีใครต้องมาใช้กรรม
    จะสามารถตัด กรรมวิบาก ของ ผู้มีอุปการะคุณได้

    ส่วนเมื่อท่านตายแล้ว ใครไป ปรามาส ท่านอีก
    อันนี้จะถือเป็นกรรมใหม่ ไม่ถือว่า เป็น วิบากกรรมที่ต้องชดใช้
     

แชร์หน้านี้

Loading...