รู้สึกแปลกๆ ตัวเองมองโลก เหมือนพวกคุณดูวิดิโอ (ไม่ได้บ้า)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย araimairooyakroojingjing, 12 มีนาคม 2018.

  1. araimairooyakroojingjing

    araimairooyakroojingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    สวัสดีครับ ชาวสมาชิกพลังจิต

    เกือบ10 ปีที่ผมไม่ได้เข้ามาในเว็บบอร์ดแห่งนี้ ผมเคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวผมเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ คือผมรู้สึกว่าตัวผมมีเซ้นต์ มีจิตสัมผัสที่แตกต่างจากคนอื่น ผมรู้สึกได้ตั้งแต่ผมจำความได้ ปัจจุปันผมอายุ 25 ปี ผมไม่ได้โกหกนะครับ ผมเขียนอธิบายจากความรู้สึกผมเอง อาจไม่ดีนัก ใครจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่ท่านครับ โปรดใช้วิจารณาญาณ ผมเคารพทุกความเห็น แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าผมมีบางสิ่งที่ผมรับรู้ได้แตกต่างจากคนทั่วไป

    ทุกวันนี้ความรู้สึกของผม ทุกสิ่งที่ผมพบเจอ มองเห็น ได้ยินบนโลกใบนี้ คือรู้สึกเหมือนนั่งดูวิดิโอที่ถ่ายบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คนเก็บเอาไว้ โดยที่คุณถือกล้องติดตัวไปทุกที เหมือนตัวเองเป็นศูนย์กลางแล้วมาเปิดดูตัวในห้องคนเดียวในห้องมืดๆ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นั่งดูคนเดียว มองดูกิจกรรมต่างๆ เหมือนเราจ้องมองเพื่อนร่วมโลก เป็นสิ่งที่ผมยากจะอธิบายได้ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ใครจะว่าผมบ้า ไม่เป็นไรนะ ผมรับได้ แต่นอกจากนี้ผมไม่เคยเจอสิ่งลี้ลับ ไม่เคยเจอผี หรือเป็นเจ้าร่างทรง ไม่เคยติดยา หรือมีอาการทางจิตต้องพบแพทย์ แต่สิ่งที่ผมประสบอยู่คือตามที่ผมบอกนี่แหละ ผมหาคำตอบไม่ได้จนทุกวันนี้ ขอบคุณครับ
     
  2. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    เมื่อก่อนผมมองทุกอย่าง แบบคนชอบดูหนัง คือดูแล้วอินตาม อยากมีส่วนร่วม

    ตอนนี้ผมดูหนังแบบนักวิจารณ์มือใหม่ครับ มองแทบทุกอย่างเป็นสารคดีครับ
    คือดูเพื่อทราบ หรือเพื่อความรู้ มีอินบ้างเป็นบางอย่าง มีสงสัยบ้างเป็นบางครั้ง มีร่วมบ้างเป็นบางหน

    ความหวังของผมคือ เป็นนักวิจารณมืออาชีพ
    อาจารย์นักวิจารณ์
    ศาสดาจารย์นักวิจารณ์

    และคนที่ไม่ต้องสนอะไรบนโลกอีกแล้วและพาคนเลิกดูหนังได้และไม่สนอะไรบนโลกอีกแล้วเหมือนกันครับ

    พระพุทธเจ้า

    อ่อ ผมมีปัญหาทางสังคมนะ คือ ด้วยความที่ไม่รู้อะไรในตอนเด็ก ๆ ผมมักจะโดนเพื่อนรังแก จนทำให้ไม่เข้าสังคม ผมเลยแยกตัวเองออกจากคนอื่น กั้นกำแพง ว่านี่เรา นั่นเขา ไม่มีฉันในนั้น ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง เราไม่รู้สึกตัวในตอนนั้นหรอกครับ แต่บางครั้งผมก็เอาเรื่องของตัวเองมาพิจารณาทีหลัง ว่า ถ้าเราไม่ใช่เรา ในขณะนั้น เราจะมีมุมมองอย่างไร ตั้งใจว่าเราไม่ได้เป็นผู้เล่น เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราาไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเรา(ไม่ได้มองตัวเองและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เคยผ่านมาในฐานะ "ฉัน" กับเขา แต่มองตัวเองและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เคยผ่านมาในฐานะ "เขา" กับ เขาหรือพวกเขา)
    การที่ผมปลีกตัวเองจากสังคมมาตั้งแต่เด็กนี่แหละมั้ง สาเหตุที่ผมก็มองอะไร ๆ เหมือนหนัง

    ไม่ได้ว่าคุณว่าจะมาเป็นเหมือนผมนะ

    บางทีคุณอาจจะมีวาสนาบางอย่าง ที่คุ้นชินกับการพิจารณา สิ่งรอบ ๆ ตัวจนติดมาในชาตินี้ก็ได้ พูดเป็นภาษาชาวบ้าน ๆ หน่อยก็อาจจะเป็น คุณเป็นคนมีวาสนาทางธรรม หรือ คุณอาจจะเคยเกิดมาเป็นนักปฏิบัติธรรมมาหลายขาติครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2018
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    คล้าย ๆ ประมาณว่า ทุกสรรพสิ่งรอบตัวเคลื่อน แต่เราไม่เคลื่อนใช่ไหมค่ะ บ่งบอกถึงการเข้าถึงความหยุด ไม่มีการมาการไป เป็นผู้รู้อยู่เห็นอยู่ ประมาณนี้ ทุกชีวิตที่เป็นสภาวะแวดล้อมตัวเราเคลื่อนไหวไป เหมือนดั่งละครที่ชีวิตทุกคนที่แสดงบทไปตามกรรม เราเป็นเพียงผู้ดู ไม่ได้เป็นผู้เล่น เมื่อเราทำจิตอยู่เหนือโลกได้เราก็ไม่ต้องลงมาร่วมแสดงสวมบทบาทละครชีวิตที่ต้องดำเนินการไปตามกรรมแต่อย่างใด

    เป็นการเข้าถึงสัจธรรมของชีวิตตามความเป็นจริง เพื่อให้เราเกิดสติปัญญา เห็นแล้วรู้แล้วก็นำมาพิจารณาในใจในแยบคายในสิ่งที่เห็น เป็นญาณปัญญาที่ทุกคนในยุคพลังงานใหม่ที่จะได้รับ หากสร้างเหตุไว้ถึงพร้อม ก็สามารถที่จะเรียนรู้สัจธรรมความเป็นจริงของชีวิตได้กันทุกคน ไม่ใช่มีท่านเพียงคนเดียวหรอกค่ะ สำหรับการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่นี้ สัจธรรมนี้จะปรากฎแก่ผู้ถึงพร้อมที่จะได้เห็น แล้วแต่ปัจจัตตังของแต่ละบุคคล เพียงแต่ว่าเราจะนำสิ่งที่ได้พบนั้นน้อมเข้ามาสู่ใจตนเอง เกิดสติปัญญาต่อสัจธรรมความจริงของชีวิตที่ปรากฎ นับว่าท่านเป็นผู้ที่โชคดีอีกคนหนึ่งค่ะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เป็นญานวิถีแบบหนึ่ง
    ในแขนงทางด้านสายตา
    หรือทิพยจักขุ
    คล้ายเรามองแบบมีตาเดียว
    ดูเรื่องราวเหล่านั้นอยู่
    พวกนี้ ไม่ต้องฝึกอะไรมาก็เกิดได้
    หรือเคยฝึกมาบ้าง ก็จะเห็นนานหน่อย
    ไม่ใช่เรื่องพิเศษ หรือว่าบ้าอะไร
    เป็นเรื่องธรรมดาในทางปฎิบัติ
    ยิ่งคนเคยเห็นผี เห็นวิญญาณเรื่อง
    แบบนี้ยิ่งชัด แต่ต้องเคยฝึกเจริญสติ
    มาย้างแล้วนะครับ ถึงจะเห็นได้นาน

    ถ้าตอนเคลิ้มๆอาจจะเหมือนเราไปอยู่
    ในเหตุการณ์นั้นๆได้ เรื่องปกติอีก

    ทั้งสองกิริยานี้ มันฟ้องว่า
    จิตเราสามารถเดินปัญญาได้แล้วครับ
    เดินได้แบบที่ไม่เป็นวิปัสสนึก
    เพียงแต่การเห็นเรื่องราวเหล่านั้น
    เราตัองเอามาดู สาเหตุการเกิดของอารมย์
    เกิดเพราะอะไร ดับเพราะอะไร ทำไม่ถึงเกิด
    ก็จะได้ไปทางปัญญาที่ลดละกิเลสได้เองครับ
     
  5. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ของผม ผมนิ่งเป็นพัก ๆ ครับ ส่วนใหญ่จะเคลื่อนตามสรรพสิ่งรอบกาย มีน้อยที่ ไม่เคลื่อนตามสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ครับ แต่คิดว่าเอาแค่นี้แหละ เพราะผมยังต้องอยุ่บนโลก ศึกษาพระธรรม ไปด้านกว้างให้เข้าใจอะไรเยอะ ๆ ก่อน ถ้ารีบศึกษาไปลึก ๆ แบบตรงต่อการตัดกิเลศมากเกินไป เดี๋ยวจะนิพพานก่อนไม่ได้ต่อพุทธภูมิกันพอดี

    แต่ขนาดยังไม่ได้ไปลึกนะครับ ผมว่าผมนิ่งกว่าเมื่อก่อนมากโขทีเดียว แม้การพูดจาจะเหมือนจิ๊กโก๋อยุ่ก็เถอะ
     
  6. araimairooyakroojingjing

    araimairooyakroojingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบคุณคำตอบครับ คุณ jityim ผมรู้สึกตามที่คุณได้กล่าวไว้ครับ ตรงกับชีวิตผมมากจริงๆครับ

    "ทุกชีวิตที่เป็นสภาวะแวดล้อมตัวเราเคลื่อนไหวไป เหมือนดั่งละครที่ชีวิตทุกคนที่แสดงบทไปตามกรรม เราเป็นเพียงผู้ดู ไม่ได้เป็นผู้เล่น"
     
  7. MUSAFA

    MUSAFA MUFASA AL-AMYADH

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +164
    วิเคราะห์ ว่าคิดรักสันโดษ เหมือนกับว่าไม่มีอารมณ์ร่วม/หรือไม่อยากร่วมกิจกรรม/เป็นอาการเบื่อโลก/ไม่อยากพบเจอใคร/มีอาการหดหู่
    ไม่ทราบว่า เคยมีเรื่องกระทบจิตใจระดับรุนแรง หรือบางครั้งเบื่อๆคิดว่าไม่รู้จะอยู่ไปทำไม/หรือเคยคิดอยากฆ่าตัวตายทำนองนี้
    ถ้าใช่ในบางเรื่องที่ถาม คุณอยู่ในอาการ"โรคซึมเศร้า" ไม่แปลกและไม่ผิด แถมยังเป็นโรคยอดฮิดในสังคมปัจจุบัน แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทาง เพราะใครๆก็เป็นได้แถมยังมีเยอะเสียด้วยครับ
     
  8. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผมเป็นโรคซึมเศร้าที่เอาธรรมมะมาบำบัดครับ

    ส่วน จขกท ผมไม่รู้เขา 555

    อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ แต่เพียงแต่ ผมเห็นประโยชน์ ว่าถ้าหากเล่าเรื่องของตัวเอง อาจจะมีคนเห็นและเอาไปใช้เพื่อป้องกันลูกหลานไม่ให้โตมาแบบผม

    คำตอบของผม ออกจะต้องใช้วุฒิภาวะกันมากสักหน่อยนะครับ
    ส่วนตัว ผมว่า คนที่เรียนรู้ธรรมมะมาก ๆ ก็มักจะ เห็นโลก/การดำเนินของโลกเป็นของน่าเบื่อกันน่ะครับ ไม่งั้นคงไม่เลือกนิพพานกัน

    ผมมีอาการเบื่อโลกเพราะ เป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน แล้วมาเรียนรู้ธรรมมะ เลย เบื่อ + เบื่อ กลายเป็น เบื่อมาก ๆ ครับ

    เรื่องของเรื่องก็คือ ผมถูกบีบให้ออกแบบความคิดเองตั้งแต่เด็กน่ะนะครับ แล้วด้วยความเป็นเด็กเลยไม่รู้ก็เลยอาจจะคิดไม่ค่อยจะถูกมาตั้งแต่เด็ก เพราะไม่มีใครช่วยแก้ไขความคิดให้ ครอบครัวที่ดูเหมือนจะอบอุ่นกลับอยู่กันด้วยความไม่เข้าใจครับ มีแต่กฏระเบียบ ข้อบังคับ และการให้เด็กคิดเอง โดยไม่มีการตรวจสอบว่าเด็กคิดอะไรถูกหรือผิดหรือเปล่า

    และไม่เข้าใจความไม่รู้ของเด็ก เลยทำให้การเรียนรู้ของเด็ก คลาดเคลื่อนไป

    ถ้าผมย้อนกลับเป็นเด็กได้ อยากฉลาดหรือรู้ความมาตั้งแต่เด็กจริง ๆ = = จะได้โตมามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้
    ถาม
    ถ้าเด็กไม่มีสกิลระลึกชาติได้ คุณคิดว่า เด็กมันจะรู้ความมาตั้งแต่เด็กมั้ย?

    เด็กมันไม่รู้ ครับ ใครมีลูกมีหลาน เวลามันทำผิด ต้องอธิบายให้มันรู้ว่าทำไมอย่างนี้ถึงผิด เวลามีปัญหา ช่วยสอนวิธีแก้ให้มันก่อน ค่อยให้มันแก้เอง พยายามอย่าให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหินจนถึงขนาดที่เหมือนต่างคนต่างอยู่ครับ

    หมั่นเรียนรู้และปรับความเข้าใจกันในครอบครัว ดูแลรักษาความสัมพันธ์ของกันและกันให้ดีเพื่อต่างฝ่าย จะได้ต่างอุ้มชูสุขภาพจิตที่ดีของครอบครัวให้กัน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...