เรื่องคาใจทำไมต้องตด

ขอสอบถาม พี่ๆ ทุกท่านครับ อันนี้คาใจมานานมาก

ทำไมเวลาปฏิบัติธรรมทุกทีต้อง ตด ตลอดเลย ปกติทั้งวันไม่ตด เข้าห้องน้ำปวดท้องตดไม่ว่าเลย แต่ อันนี้คาใจมาก เป็นมานานละครับ

เดินจงกลมเนี้ยตัวดี เดินไปตดไป ตดทุก 10 -20 นาที เดินหน้างานทั้งวัน ไม่เห็นตด

สวดมนต์ ก็ตดดี นั้งดูทีวีไม่ยักกะตด

มีใครเป็นเหมือนผมบ้างรึเปล่าครับ ขอสอบถามทีเถอะให้หายข้องใจ

 

คงจะเป็นลักษณะการปรับธาตุ ๔ อันนี้คงเป็นของเก่าที่เคยทำมา เมื่อเจริญกรรมฐานร่างกายจะปรับธาตุโดยอัตโนมัติ ให้สังเกตุการเปลี่ยนแปลง ถ้าผ่านจุดนี้ไปคงจะไม่เป็นอีก หรืออาจจะเป็นแบบอื่นแทน

 

ลุงแมวไม่สามารถตอบเรื่องอาจิณไตย
แบบนี้ได้ เช่นเดียวกับแผ่นดินไหว
ทางเหนือบ้าง ทางใต้บ้าง จะบอกสาเหตุให้ตรงกับความจริง
ใครจะทำได้นอกจากจะด้นด้นเดาเดาคับ

 

55...ผมไม่เป็นนะ..

จริงๆแล้วต้องดูว่าคุณกินอะไรไป เป็นอาหารจำพวกแก๊สไหม.. เช่น ถั่ว ของมัน ของทอด ผักบางชนิด เช่นที่เขาห้ามกินตอน กินเจ...

ขับถ่ายเป็นเวลาไหม.. น้ำอัดลมทานเยอะไหม...

อย่างของผม เมื่อก่อนปากเป็นแผลร้อนในบ่อยมาก แบบของเก่าไม่ทันหาย แผลใหม่ก็เป็นตามมา..แบบ 2-3 แผลช่วงเวลาเดียวกันก็มี.. ทรมานมาก.... เลยมาสังเกตตัวเอง แฟนทักด้วย ว่ากินของทอดเยอะมาก เลยงดดู ปรากฏว่าดีขึ้นมาก.. ตอนนี้เลยแทบไม่กินของทอดเลย

 

ลุงแมวคับ เรื่องตดนี้คือเรื่องอจิณไตยเลยเชียว 555555

จากการสังเกตุมานานครับ ไม่ว่าตอนไหน ไม่เฉพาะตอนกลางคือ ที่นั้งสมาธิหรือเดินจงกลมนะครับ วันอาทิตย์ กลางวัน เราเดินจงกลม เป็นตดทุกที ไม่เคยไม่ตดเลย

ทำไมมันต้องมาเจาะจงตอน ทำสมาธิด้วยทุกทีไม่รู้ครับ

ไม่ค่อยกินถั่วครับ แต่น้ำอัดลมก็มีบ้าง วันละขวด สองขวด

อาจจะดูไร้สาระไปบ้าง แต่อาการมันออกมาอย่างนี้ทุกที ก็อดสงสัยไม่ได้

อันนี้หน้าคิดครับ ยิ่งช่วงนี้ เจริญ โพชฌงค์ ทุกวันด้วยยิ่งตดดีกว่าเดิมอีก

สวดมนต์ก็ตด ก็เรอ ออกขัดจังหวะบางทีลืมว่าสวดถึงไหนก็มี 555555

 

แนะนำสั้นๆเลยครับ "ควรไปคี่ก่อนปฏิบัตินะครับ" 55

ถ้าไม่ work ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของลมเถอะครับ 55

 

มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาแล้วลุงแมว
จะช่วยด้นเดาชี้ทางบรรเทาตด
ให้นะ คือลองงดดื่มน้ำอัดแก๊ส
ดูสักพัก 5 - 7 วันและติดตามดูความเปลี่ยน
แปลงต่อไปคับ

 

กินยาถ่าย หาหมอล้างลำไส้

 

เล่าให้ฟังพอขำๆเนาะ
หาออเจ้า มิใช่คนที่อำมหิต(คือไร้เสียงแต่กลิ่นทำลายระบบ
ประสาทผู้อื่นได้)
หรือออเจ้ามิใช่คนเปิดเผยจริงใจ
(คือมีทั้งเสียงดังและกลิ่นแบบเปิดเผย)
และออเจ้าเป็นคนพอรู้จักมารยาททางสังคมบ้าง
และตั้งใจปฏิบัติทำงานหน้าที่ตามปกติแล้วไซร์
ก็คงจะต้อง ตะระหรด ตด ได้ในเวลาปกตินั่นแล.....


เอาทั่วไปก่อน ปัจจุบันนี้ ถามว่า(แต่ไม่ต้องตอบ)
ว่า วันหนึ่ง ออเจ้า คะระรี่ครี่ได้
อย่างน้อยนะวันละ ๒ ครั้งหรือไม่ คือ ตื่นตอนตอนเช้า
และก่อนเข้านอน หรือ ออเจ้าเป็นคนที่ คะระรี่ครี่
ได้เป็นปกติ ภายหลังจากรับประทานไปแล้วซักพักหนึ่ง
และออเจ้า เคยสังเกตุการเคี้ยวอาหารของตนเองหรือไม่ว่า
ได้เคี้ยวอาหารละเอียดเพียงพอหรือไม่ ในแต่ละคำ ?
หรือรีบๆทานอาหารเลย โดยไม่สนใจความละเอียดในการเคี้ยว
และอาหารที่ทานนั้นมีพวกก๊าช สูงหรือไม่
ถ้าออเจ้า ไม่มีกิริยาแบบที่กล่าวมา เรื่องการ ตะระหรด ตด
คงเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะตอนไหนแค่นั้นเอง
ที่เป็นตอนทำสมาธินั้น ก็เพราะเหตุจาก ย่อหน้าแรกนั่นเอง

ถ้านึกไม่ออก ลองเอานิ้วกด พุง หรือ หน้าท้องตัวเองตอนนี้ก็ได้
ในบุคคลที่ มีก๊าชน้อย พุง จะยุบได้ปกติธรรมดามากๆ
จะไม่ตึงๆ หรือ เหมือนมีอะไรมาดันนั่นเอง....ที่พูดคือแบบทั่วไป...


แต่ถ้าเอาในระบบธาตุร่างๆกาย ปกติบุคคลในก็ตาม
ที่มีธาตุลมพร่อง(ในที่นี้คือ น้อยไปหรือมากไป)
คือพร่องในระดับ ที่เกินสมดุลย์ของธาตุ ๔ ที่ประกอบ
เป็นกายปกติแล้วนั้น ก็จะเกิดการสะสมของธาตุลมนี้
อยู่ในกายปกติ

ที่นี้มันก็จะต้องมีการหาทางออกมาเพื่อรักษาสมดุลย์
ของมันเอง แต่ด้วยเหตุจากย่อหน้าแรก มันก็คงจะ
ไม่ออกมาในเวลาปกติ ให้ออเจ้าและใครๆได้ชื่นชมหรอก....


มันก็จะทำการออกมาในเวลาที่ ออเจ้าน้อง กำลังทำกิจกรรม
อะไรก็ตามที่จะเอื้อต่อการปรับธาตุภายในร่างกายได้นั่นแล
เช่น สวดมนต์ ทำสมาธิในท่าทางๆ ยกเว้นตอนคะระรี่ครี่
ที่ธาตุลมมันมักจะออกมาก่อน ที่ อุนจิ ออเจ้า จะตามมา
ตามด้วยแม้น้ำสายเหลือง หวงโห๋ จะตามติดๆ เป็นปกติ

เพราะสมาธิแบบที่จดจ่ออยู่ที่กายหรืออยู่ในกายนั้น
(ไม่ใช่จดจ่อภายนอก) เป็นการละระดับคลื่นความถี่ของจิต
เมื่อจิตค่อยๆลดคลื่นลงมา มันก็ค่อยๆเริ่มทิ้งธาตุต่างๆ
ในลักษณะที่รวมเป็นเนื้อได้นั้น ลงมาสู่งธาตุในระดับที่
เป็นอะตอม ดังนั้น ด้วยความที่จิต มันคุ้นเคยกับธาตุ ๔
ตั้งแต่ก่อนจะมีกายนี้แล้ว หากมันพบความผิดปกติของ
ธาตุต่างๆที่ไม่ว่าขาดหรือเกิน ตัวจิตมันย่อมทำงาน
เพื่อที่จะพยายามปรับให้ธาตุกลับคืนสู่ อัตราส่วน
ที่มันคุ้นเคยตั้งแต่ตอนเกิดนั่นเอง...

ดังนั้นหากจะแก้ แต่ออเจ้าไม่ได้ถาม แต่ข้าจะโม้ให้ฟังเอง
ให้ออเจ้า ดูพฤติกรรมแห่งตน ในย่อหน้าที่ ๒ ก่อน
ว่าเอื้อต่อการเกิดธาตุลมไหม ถ้าเอื้อก็ค่อยๆแก้ซะ

และถามหน่อยว่า ก่อนและหลังทำสมาธิออเจ้า
ได้เคยสร้างกระแสเย็น ด้วยการอุทิศส่วนกุศล
ก่อนและหลังทำหรือไม่ และหลังจากทำแล้ว
เคยได้กรวดน้ำต่อเพื่อเป็นการถ่ายเทกระแสตก
ค้างที่ร่างกายหรือไม่.....

และที่สำคัญหลังจากออเจ้า ทำงานแล้วเสร็จนั้น
เคยได้เดินเท้าเปล่า บนดิน หรือหญ้า จนกระทั่ง
ตัวออเจ้ารู้สึกเบาบ้างไหมก่อนอาบน้ำ
เพื่อผ่อนคลายกระแสต่างๆที่ตกค้าง
ที่สร้างจากสมองที่ใช้ไปสำหรับหน้าที่การงาน
และกระแสความวุ่นวายต่างๆในการรับรู้เรื่องทางสังคม
ตลอดจนกระแสต่างๆในระหว่างเดินทางถึงที่พัก....

ปล.แต่ท้ายนี้ ถ้าจะบอกตรงๆว่า ออเจ้าธาตุลมพร่อง
เมื่อเทียบกับธาตุทั้ง ๓ ที่เหลือ
ออเจ้าก็อาจจะไม่เชื่อก็ได้...แค่เล่าให้ฟัง พอขำๆเน้อ...

 

ขอบคุณครับสำหรับคำตอบ ช่วงนี้ ออเจ้านี้กำลังฮิตเลยทีเดียว ไม่ค่อยได้ดูครับ ดึกไปหน่อย

กินน้ำอัดลมพอสมควร ครับ 1-2 ขวดต่อวันครับ

หลังกรรมฐานเสร็จ อุทิศส่วนกุศล ทุกครั้งครับ มีบ้างบางครั้งลืมอุทิศส่วนกุศล

เดินเท้าเปล่าในบ้าน พื้นกระเบื้อง ไม่มีหญ้าดีๆ ให้เดินเลยครับ

สรุปว่า เลิกกิน น้ำอัดลม ก็เลิกตดได้เอง

 

ไม่น่าจะพอนะครับ
ดูระบบขับถ่ายด้วยครับ
ว่าอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้งไหม
ถ้าครั้งเดียวก็เป็นเรื่องธรรมดา
ในปกติมนุษย์ถ้าอายุเข้าใกล้หรือเลย ๓๕ ขึ้น
จะมีปัญหาเรื่องธาตุลมปกติครับ
ต้องมาเพิ่มเรื่องการทานน้ำให้มากขึ้น
และเรื่องหาดินหรือหญ้าเหยียบก็สำคัญนะครับ
การเลิกทานน้ำอัดลมอย่างเดียว
คงไม่ใช่การแก้ปัญหาได้อย่างคลอบคลุมครับ
Ok เนาะ...๔ ทุ่ม ถึง ตี ๒ เป็นช่วงเวลาที่
ร่างกายมีความปรับธาตุตัวเองได้อัตโนมัติครับ

 

ผมเป็นเหมือนกันครับ เวลาสวดมนต์ทีไร สังเกตว่ามาเกือบทุกครั้ง ทั้งที่เวลาอื่นก็ไม่ค่อยมี พวกน้ำอัดลมก็ไม่ค่อยกิน ปกติกินแต่น้ำเปล่า

 

ผมว่ารมปราณมันเดินสดวกเลยตดครับ