นั่งสมาธิครบ1เดือน อาการที่ได้เป็นแบบนี้คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Chabob, 4 เมษายน 2018.

  1. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    1 หลับตาจับลมหายใจ แปบเดียวไม่ถึง1นาทีเคยจับเวลา แสงสว่างจ้า น้ำตาไหล ทุกครั้งที่นั่งอารมณ์เฉยๆไม่ได้ซึ้ง

    2นั่งอีกแปบเดียว มีอาการง่วงและวูบ เห็นแสงสีขาวจ้ากว่าเดิม รู้สึกเหมือนตัวลอยในอากาศ นั่งต่อไป อาการวนอยู่แบบนี้เกิน5รอบใน1ชม. ตอนเห็นแสงไม่ง่วงแล้ว

    3 หน่วงระหว่างคิ้ว อาการเหมือนมีเหงือไหล ไม่ได้เพ่ง อารมณ์ก็ปล่อยไปตามลมหายใจ

    4 บางครั้งวูบลงไป แสงสีขาวโผล่ ลมหายใจเหมือนคนพึ่งรอดชีวิตจากการจมน้ำ หายใจดังเฮือก

    5 อาการทั้งหมดคืออาการอะไร ถ้าจะต่อยอดไปอีกจะต้องทำยังไง

    6 มีวิธีนั่งแบบไม่ฝันไม่นิมิตรไหม ไม่ได้เห็นน่ากลัว แต่เห็นเทวดา เห็นเจ้าแม่กวนอิม บางที ก็เห็นเป็นภาพศพไหม้ ก็ไม่กลัว ที่ไม่อยากเห็นเพราะ กลัวหลง อยากนั่งแบบนิ่งๆมากกว่า

    7 นั่งแบบมั่วๆ ใจสงบคือโอเค ไม่รู้เลยว่าขั้นไหนเป็นแบบไหน ไม่ศึกษากลัวศึกษาแล้วไปมโนเอง สงสัยตรงไหนศึกษาตรงนั้น เคยอ่านกระทู้ผ่านๆพวกกสิน เลยมาลองดู ไม่ชอบเลย จับลมหายใจถนัดกว่า ถ้าจับลมหายใจอย่างเดียวขั้นสูงสุดได้ถึงขนาดไหนครับ

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2018
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ทำสมาธิ มาพอสมควรแก่เหตุแล้ว

    ทีนี้ ปรารภเองว่า ไม่ต้องการนิมิต กลัวหลง

    ถ้า ไม่ต้องการนิมิต จริงๆ ต้องไม่ฝึกไปทางนี้แต่แรก แต่นี่ ฝึกมาแล้ว
    ก้ต้อง ไปต่อ

    ไปต่อย่างไร ถึงจะไม่เกิด นิมิต ทางหลง

    ง่าย ไม่ยาก

    ให้กำหนด ความคุ้นเคย ความเสพคุ้นใน " แสงสว่าง "

    เวลาเดินอยู่ในเมือง ในบ้าน ให้ น้อมใจ ระลึกคุณของ แสงสว่าง
    แล้ว ยกขึ้นไปสู่ การเห็น ภาพทิวทัศน์ รอบๆตัว ให้เป็น สภาวะ
    ตรงกันข้าม

    เช่น เดินในเมืองตอนสว่าง ให้เห็น ภาพถนน หนทาง ตึกราม บ้านช่อง
    เป็น ตอนมืด ถ้าเดินตอนมืด ให้นึกภาพตอนสว่าง

    ย้ำนะว่า ไม่ใช่ บีบเค้น ผลิกภาพเอาลอยๆ

    จะต้อง วางจิตระลึกถึง จิตที่เป็นสมาธิมีแสงสว่างก่อน แล้ว ค่อย
    ผลิกภาพ จะไม่เครียด จะไม่เบา จะไม่จม

    ถ้า จม แบบว่า เดินต่อไม่ได้ เดินชน นี่แปลว่า คิดเอา ไม่ได้ใช้
    จิตที่เป็น สมาธิ

    พอฝึกแบบนี้ ภาพนิมิต จะเห็นเหมือนเดิมแหละ แต่จะไม่ไป กลัวหลง

    เห็น เจ้าแม่กวนอิมมา จะประเคน สันติ เปรี้ยง ไปเลย

    เห็น พระพุทธเจ้ามาอนุโมทนา เปรี้ยง !! เต็มหน้า !!

    ปล. จริงๆ ไม่ได้เปรี้ยงอะไร สันติ คือ สันติ อย่าไปแปลผิด
    จิตมันเป็นอุเบกขา จะรู้ ปัจจัยของการเห็น คือ
    วิญญาณ(อายตนะ หน่าคร้าบ ไม่ใช่ เรื่องมี สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา มาจ๊ะจ๋า หนา สันติ !! )
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ส่วน อาการ ง่วง ตกภวังค์ ตรงนั้น ลอง อดนอน ผ่อนอาหาร

    แต่ไม่ใช่เพื่อแก้ การตกภวังค์ แก้ง่วง อะไรนะ จะเป็น อุบาย
    พาไปเห็น อุปทานบางอย่าง ซึ่งต้องไปฝึกเอาเอง ถึงจะทราบ

    พอทราบแล้ว จะง่วง จะตกภวังค์ จะเป็นเรื่อง สมัยของจิต หาก
    ยังมี ชีวิต ก็บริหารการภาวนาไป จะไม่ต้องไปถามหาใคร จะแก้
    ยังไง ฮับ ให้เสียเวลา การภาวนา
     
  4. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบคุณครับ อยากถามอีกข้อ อาการทั้งหมดนี้สมาธิแล้วหลับหรือฌานแล้ว แต่พอสว่างโพล่งมามันก็โล่ง เหมือนไม่มีร่างกาย นั่งได้เรื่อยๆ ไม่ได้สุขไม่ได้ทุกข์ นั่งได้เรื่อยๆ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เวลา จะออกเดินทาง ควรมีเป้าหมาย ชัดๆ

    ดอกไม้ริมทาง เสียงหมาเห่า จิ้งจกทัก มันจะ
    ได้ไม่ไป กลัว หรือ วิตก วิจาร ตั้งแต่ ใส่เกียรหนึ่ง
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ที่เล่ามาทั้งหมดทางโลกเรียกว่า ปิติครับ
    ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ
    พวกนี้ปล่อยไปสุดๆ ทุกอาการ ถ้าทำได้
    ครั้งเดียวจะผ่าน และกำลังสมาธิตอนนี้
    ทำได้คือ มันวิ่งระหว่างอุปจารฯกับ ปฐมฌานอยู่
    เพียงแต่ที่เห็นแสงสว่างจร้าแต่ไม่เย็นนั้น
    และก็ในขณะที่เกิดเหมือนเราคิดได้ แต่แสงก็ยังอยู่นั้น
    มันเป็นกริยาของ จิตที่ทำงานได้แบบมีแสงนำ
    (จิตจะทำได้ได้ มี ๒ แบบ ๑ แสงน้ำเห็นเป็นสีต่างๆ
    กับแบบ ๒ มีเส้นสายน้ำ เห็นเป็นรูปร่าง เห็นอากาศเคลื่อนไหว
    เห็นควัน ถ้าทำงานพร้อมกันทั้งสองอย่างจะเห็นเป็นรูปร่าง
    มีสีนั่นหละครับ เรื่องปกติ)
    ส่วนการเห็นอะไรทางนามธรรม ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี
    ก็ไม่ต้องไปยึดครับ ไม่ยึด ไม่สนใจก็ไม่หลงแล้วครับ...

    ส่วนถ้าจะผ่านช่วงนี้ไป ถ้าเกิดขึ้นอีกก็ให้ปล่อยไปให้สุดๆก่อน
    พอผ่านแล้ว มันจะยังกลับมาแช่ในสภาวะนั้นอยู่
    แต่ว่ากายเราจะรู้สึกเย็นขึ้นหน่อย

    ก็ให้มาสร้างกำลังสติเพิ่มเติมและสร้างกำลังสมาธิสะสมเพิ่ม
    เติมในระหว่างวัน เพื่อเอากำลังตรงนี้ ไปหนุนให้ก้าวข้าม
    ระดับที่เราทำได้ ณ ปัจจุบันนี้ครับ...
    คือ เจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น
    เช่น เดินไปทำธุระก็นับก้าวเดิน อยู่นิ่งๆก็ระลึกรู้ลม
    เข้าออกหยุดที่ปลายจมูก แต่หายใจให้ลึกถึงท้อง
    แต่ห้ามไปตามลมนะครับ ไม่งั้นจะแป๊กที่ ปฐมฌาน...
    และทำรวมกับทำสมาธิระหว่างวัน เอาแค่จิตสงบ
    ครั้งละนาทีสองนาทีแต่ทำบ่อยๆ (แบบเนียนๆ)
    หรือไม่ก่อนนั่งก็สลับกับเดินจงกลมร่วมด้วย
    ถ้ากรณีมันมีเรื่องอะไรผุดขึ้นมารบกวนในขณะ
    ที่กำลังทำสมาธินะครับ....

    ทำไปจนเห็นตัวเองอีกตน นั่งอยู่ได้
    แล้วก็เจริญสติสะสมสมาธิอีก
    ครั้งที่ ๓ และ ๔ จะสามารถควบคุม
    จิตไม่ให้ออกไปข้างนอกได้...
    พอจิตตัดกายได้เด็ดขาดชั่วคราว
    และอยู่นิ่งๆในกาย
    ตรงนี้ค่อยมาดูว่า จะเกิดอะไร
    ซึ่งสามารถไปได้ อีก ๓ แนวทาง
    ตรงนี้จะเกิดอัตโนมัติ ไม่สามารถเลือกได้คือ
    ๑.จิตวิ่งซ้อนเข้าไปในจิต ซ้อนไปเรื่อยๆ
    ๒.จิตวิ่งดูภายในกาย ประมาณในเส้นเลือดยังเห็นได้
    ๓.จิตจะเห็นอะไรบางอย่างที่จะวิ่งเข้ามาหาตัวจิต
    ถ้าเห็นตอนที่จะรวมกับจิตได้ จิตจะแยกรูปแยกนามได้
    เราก็จะเริ่มมาเดินปัญญาได้ แบบที่จะไม่เป็นวิปัสสนึกครับ

    ปล.ที่พูดคือแบบหยาบๆทั่วไปนะครับ...
     
  7. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ต้องบอกตามตรงไม่รู้เรื่อง รูปเรื่องนามเลยครับ จิตซ้อนจิตอะไรพวกนี้ หลังๆนั่งมา จะมีอาการแน่นหน้าอก แล้วก็วูบลง แสงสว่างจ้า โล่ง เหมือนอยู่ภูทับเบิก เหมือนเราเป็นกระดาษลอยตามลม หลังจากนั้น เหมือนมารู้สึกที่กายอีกรอบแต่จิตนิ่ง ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ตุบๆแบบช้าๆ ฟังไปเพลินดี เป็นแบบนี้ทุกวันเลยครับ

    ปล.ที่นั่งสมาธิไม่ได้ตั้งใจจะนั่งครับ พอดีเป็นสมาธิสั้นหาหมอแล้วไม่ดีขึ้นมีแต่แย่ลง ที่บ้านทนไม่ไหว เลยต้องพึ่งธรรมะ จนแม่ต้องยกให้เป็นลูกพระ แม่ไปปรึกษาที่ไหน บอกบังคับให้นั่งสมาธิ มีของเก่าติดตัวมา ก็ไม่รู้หรอกครับของเก่าคืออะไร ถ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรนั่งสมาธิแล้วบุญอุทิศให้ถึงก็ยอมทำครับ เลยไม่ได้ศึกษาก่อนนั่ง แต่พอนั่งจริงๆ นั่งได้เกิน2ชม เพลินๆเหมือนนั่งบนภูเขา ทุกครั้งที่ออกจากสมาธิคิดว่าฝันจนถึงตอนนี้ก็คิดว่าฝันอยู่ครับ

    จากอาการที่บอกละเอียดไปแล้วต้องทำยังไงต่อครับ ขอบคุณครับ
     
  8. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ดีแล้วนะครับ ฝึกต่อไปเพียงแต่

    ฟังพระท่านสอน จะเข้าใจทางได้มากขึ้นครับ

     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สมาธิส่วนสมาธินะครับเด่วว่าทีหลัง
    เอาเรื่องการอุทิศส่วนกุศลก่อนเพราะสำคัญกว่า
    การรู้จักอุทิศส่วนกุศลนะดี
    และอุทิศบ่อยๆ ไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม มีผลทำให้เรา
    สามารถฝึกสมาธิได้เร็ว ทำไมหรือ ?
    ถ้าเราอุทิศให้ดวงจิตที่ยังต้องการบุญ
    เราจะได้อานิสงค์ตรงนี้ เป็นบารมีของใครของมัน
    ถ้าเราอุทิศให้ระดับสูงๆ ท่านไม่ได้ต้องการบุญที่เราให้
    แต่จะมองเราเป็นคนน่ารัก บางครั้งถ้าเราติดขัดในช่วงไหน
    ก็อาจจะมาดลใจให้เราแก้ปัญหาได้ตรงจุด ทำให้เราผ่าน
    ช่วงนั้นได้เร็ว นึกออกไหม เหมือนเราเจอเด็กๆเอาขนมมาให้
    เราไม่ได้ต้องการจะกินขนมที่เด็กเอามาให้หรอก
    แต่เราจะมองเห็นว่าเด็กคนนี้ ใช้ได้ มีน้ำใจดี ประมาณนี้
    สมมุติว่าเด็กคนนั้น กำลังทำอะไร ถ้าเราเห็นเราก็อยาก
    เข้าไปช่วยนั่นหละ
    นี่คือการเปรียบให้ภาพเฉยๆ....

    ส่วนคำว่าของเก่าอะไรนั้น ความหมายก็คือ สิ่งที่จิตที่อยู่
    ในกายของเรานี้ มันได้เคยสร้างหรือสะสมมา
    ถ้าเราทำอะไรมาไว้มาก แล้วเรามาต่อในปัจจุบัน
    มันก็เลยเหมือนทำให้เราไปได้เร็ว
    แต่ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า
    ตรงนี้มันเป็นเหตุอย่างหนึ่งที่ยังคง
    ให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่.....
    เด่วค่อยอธิบายในอนาคต
    ดังนั้นน้องไปต้องไปสนใจอะไร
    ว่าใครจะบอกว่าเรามีของเก่าหรือไม่มีก็ตาม
    เพราะถ้าเราเผลอไปยึดว่า เรามีของเก่าแล้ว
    มันจะทำให้น้องหลงตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึงครับ
    เพราะฉนั้นให้เฉยๆไปเลยนะครับ



    ต่อมาเรื่องสมาธิถ้าจะไปให้ได้เร็วนะครับ
    จำไว้เลย มีหลักอยู่ว่า
    ในขณะที่เราทำสมาธิ
    ไม่ว่าเราจะเห็นอะไร ไม่ว่าสิ่งที่เห็นจะดี หรือไม่ดี
    อย่าไปสนใจ....
    ไม่ว่าเราจะได้ยินอะไร ไม่ว่าจะเสียงอะไร เสียงประเภทไหน
    ไม่ว่าจะรู้ต้นเสียงมาจากไหน หรือรู้ว่าตนเสียงมาจากไหน
    หรือไม่ว่าจะเป็นเสียงใครก็ตาม จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม
    หรือไม่รู้ว่าภาษาอะไร หรือรู้ว่าภาษาอะไรก็ตาม
    อย่าไปสนใจใดๆทั้งสิน......

    และในระหว่างทำสมาธิ ถ้ามันดันเกิดมีความรู้พิเศษอะไร
    หรือเกิดมีความสามารถอะไรขึ้นมาได้ในระหว่างวันก็ตาม
    ถ้ามันเกิดขึ้นก็ช่างมัน ถ้ามันไม่เกิดไม่ต้องไปพยายามให้มันเกิด
    ปล่อยมันไปเลย.....
    จนกว่า น้องจะสามารถเข้าถึง ในย่อหน้าแรก
    ใน #Rep แรกที่พี่ได้เขียนบอกไปก่อนหน้านี้....


    ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ไม่มีทางตายได้ ไม่ต้องห่วง
    ถ้าน้องทำได้ ตัวเราเองมันจะมีเครื่องย้อนรู้
    ทุกๆกิริยาที่เคยผ่านมาได้เองอัตโนมัติของมันเอง
    โดยที่ไม่ต้องมาคอย ถามใครว่า มันคืออะไร
    จะไปอย่างไรต่อ นึกออกไหม เราเดินขึ้นบนบรรไดบ้านได้
    เราจะสามารถมองเห็นทุกขั้นที่ผ่านมาได้หมด
    ถ้าเรามัวหยุดระหว่างที่กำลังขึ้นบรรได เราจะมอง
    เห็นบรรใดได้แค่มุมเดียวและมองไม่เห็นได้ทั้งหมด

    ดังนั้นไม่ต้องคิดอะไรมาก ขึ้นไปขั้นสุดท้ายให้ได้ก่อน
    เด่วอยากรู้อะไรค่อยหันหลังลงมามอง
     
  10. apekfudsuvl

    apekfudsuvl สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +14
    เดียวทำบ่อยๆจะชิน จะไม่ค่อยรู้สึก หรือรู้แปปเดียวผ่านไว ไปสู้ขั้นสูงต่อไป ทำได้ดีมากครับ ก็ทำแบบนั้นต่อไป อย่าไปสนใจ หรือเครียดหรืออยากได้ขั้นสูง เพราะความคิดนี้เเหละทำให้จิตออกจากสมาธิ เน้นครับอย่าสนใจถาพอะไรเพราะจิตเรายังมีกิเลสปรุงเเต่ง เเทรกเข้ามาขณะทำสมาธิซึมเข้ามามันก็กิเลสของปรุงเเต่งมโนถาพทั้งนั้น ให้เราได้สมาธิขั้นเลิศเสียก่อนค่อยศึกษา จะเกิดความเเม่นยำมากกว่าครับ
     
  11. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    สิ่งที่เราไม่สามารถข้ามได้เพราะเรามักเห็นเฉพาะสิ่งที่อยากเห็นและเรามักร่วมวงกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในจิต...แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะทุกสิ่งต้องเรียนรู้และการเรียนรู้ในทางจิตไม่ใช่เพื่ออยู่เหนือกว่าควบคุมทุกสิ่งหรือตกอยู่ใต้อำนาจสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น...ขอให้ผ่านไปให้ได้คับ
     
  12. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    1 จิตยังยินดีเลยยังวนเวียน
    2เริ่มรู้แกวว่าต่อไปต้องง่วงแน่ๆพิจารณาดักไว้แต่จิตพลิกเลยไม่ง่วง
    เรียกได้ว่ามีปัญญารู้เท่าทันในสิ่งที่วนเวียนในเบื้องต้นเลยพ้นไปได้
    3เพ่งแต่ไม่รู้ตัว
    4กลัวตาย
    5ความมหัศจรรย์พันลึกพิลึกพิลั่นของภพภายใน ไม่มีอะไร ก็แค่ทางผ่าน
    6ไม่มี น้อยมากจะไม่มีนิมิตและมันเกิดขึ้นซ้ำๆเพราะตัณหาเกิด จิตมันก็แบบนี้แหละ
    7อานาปานสติหรือรู้ลม พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเป็นยอดมงกุฏของกรรมฐาน

    คิดมาก ฟุ้งมาก นิวรณ์(ไม่ได้หมายถึงคุณนิวรณ์นะครับ)จะมานะครับ
     
  13. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    บทต่อมา
    ตั้งธงไม่ถูกครับ
    ถ้าจะบำเพ็ญสมาธิภาวนาเพียงเพื่อรักษาสมาธิสั้น
    จะไม่ไปไหนเลยครับ เพราะคิดแค่ว่า เอ้อ เอาเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว
    ลองพิจารณาดูสิครับอาการที่เกิดขึ้นในภพภายในนั้นวนเวียนเศียรเกล้าแค่ไหน
    น่าเวียนหัว น่าเบื่อแค่ไหน
    แล้วจะก้าวหน้าเข้าใจอะไรๆและรู้เห็นประสบภพเจออะไรๆมากขึ้นตามลำดับเองครับ
    แล้วจะเข้าใจว่าโมหะในสมาธิหรือหลงในสมาธินั้นเป็นอย่างไร
    อิอิ
    ขอให้เจอในเร็ววันนะครับ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขั้นสุดท้ายที่ข้าพเจ้าเขียนหมายถึงขึ้นบ้านให้ได้ก่อนนะครับ
    เพื่อที่จะสามารถเดินปัญญาได้
    แบบไม่เป็นวิปัสสนึกนะครับ....

    ไม่สุดท้ายของสมาธิหรือหมายถึง
    ระดับอะไรที่สุดยอดนะ
    บอก จขกท. ไว้ก่อน...
     
  15. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบคุณมากๆเลยครับ ถามต่ออีกนิดครับ แล้วต้องภาวนาอะไรไหมครับ เพราะทุกวันนี้ไม่ได้ภาวนาอะไรเลย เคยท่องพุทโธ ยุบหนอ พองหนอ แล้วจิตไม่นิ่ง ทำแบบไม่ท่องนิ่งกว่า ถ้าเห็นแสงสว่างตัวเบาๆ เห็นกายเราแล้ว ต้องภาวนาไหมหรือปล่อยไป ต้องบังคับอะไรไหมครับ ขอบคุณครับ

    ไม่รู้ว่าการเห็นกายเป็นแบบนี้ไหม ที่ผมเป็นคือ เห็นอาการพองยุบ ในการหายใจ แต่ไม่ได้เห็นแบบวิญญานออกจากร่างแล้วเห็นกายตัวเองนะ เหมือนจิตเราอยู่อีกฝั่งนึง กายเราอยู่ฝั่งนึง เราก็ดูมันไปเรื่อยๆ เป็นแบบทุกวัน ไม่รู้จะทำยังไงต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2018
  16. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบคุณมากๆครับพี่ จะเอาคำแนะนำไปทำตามครับ ก่อนอื่นต้องขจัดความดื้อด้านของตัวเองก่อน ผมไม่รู้ว่า ความไม่เชื่ออะไรของผมเป็นดาบสองคมรึป่าว เพราะเคยว่าคนนั่งสมาธิไว้ว่า เห็นนั่นนี่เพราะกินเยอะมานั่งเลยคิดมาก พอตัวเองมานั่ง เห็นนั่นนี่เลยปล่อยไป ไม่ได้กลับมาคิดทบทวน เจออะไรมาตอนนั่งสมาธิเลยไม่ค่อยเล่าให้ใคร นั่งอยู่ในห้องได้ยินเสียงนกร้อง กระพือปีก ชัดเหมือนบืนอยู่บนหัว ส่วนตัวคิดว่า มีสมาธิก็เลยจับเสียงชัดขึ้น บางคนบอกหูทิพย์ส่วนตัวผมไม่เชื่อเรื่องหู เรื่องตาจะเกิดขึ้นกับคนธรรมดาง่ายๆครับ มีภาพ แสง สีเสียง กลิ่น เลยรำคาญ อยากหาทางขจัดออก ปลางทางที่ตั้งไว้ของผมคือ นั่งแล้วรู้สึกเฉยๆกับทุกเรื่อง ไม่สุข ไม่ทุกข์ ผมพอแล้วครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถึงน้อง. จขกท
    อะไรก็ตามที่จิตเราเคยทำได้มาแล้วนะครับ
    ต่อไปถ้าเดินปัญญาได้ จนจิตคลายตัว
    ความสามารถพวกนี้มันจะขึ้นมาได้ของมันเอง
    อัตโนมัติปกติอยู่แล้ว

    และอีกอย่างที่ยังไม่ได้เล่า
    ในขณะที่เราอยู่ในช่วงทำสมาธินั้น
    เราจะได้พบเจอครูบาร์อาจารย์
    ที่เราเคยมีสัมพันธ์มาแล้วในอดีตได้เป็นเรื่องปกติ
    และในขณะที่เรา นั่งสมาธิของเก่าที่เราเคยทำมา
    มันก็จะผุดขึ้นมาได้อีกไม่ว่าเรื่องอะไร
    แต่การไปสนใจเรื่องพวกนี่ในช่วงนี้ ฝจะทำให้เราพลาด
    และไปได้ช้า อย่างคาดไม่ถึง

    ถึงได้พยายามย้ำว่า ให้ขี้นบ้านและเดินปัญญา
    ไปก่อนซักระยะก่อน

    ในขณะทำสมาธิ
    ไม่ว่าจะพบเจออะไร ไม่ว่าจะพิศดารแค่ไหน
    ให้เราเฉยๆไว้ทุกๆกรณีแบบที่เป็นนะดีแล้วหละ

    เรื่องสุดท้ายแถม ความสามารถทางตากับหู
    จะมาคู่กันเสมอ แต่ความสามารถทางหูจะใช้งานได้จริง
    ในชีวิตประจำวันก็ต่อเมื่อ สามารถได้ยินเสียง
    นามธรรมคุยกันชัดเจนเหมือนเราได้ยินคนปกติคุยกัน
    แม้กระทั่งได้ยินเสียงปีกยุงดังเท่าเครื่องบิน
    หนือมดมันคุยกันแล้วเรารู้เรื่องก็ยัง
    ไม่ถือว่าใช้ได้นะ....บอกไว้ก่อน
    ดังนั้น เรื่องแบบนี้ ควรใช้เกณฑ์ทางด้านหูเป็นตัวชี้วัด
    ว่าถึงระดับใช้งานได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้
    เจอเสียงอะไรก็อย่าสนใจดีแล้ว
    และทางตา มันจะเห็นอะไร ชัดไม่ชัด
    ก็ช่างมัน ไม่ต้องไปให้ความสำคัญ
    จนกว่าหูจะดีอย่างที่บอก ตาก็จะดีตามเอง

    ปล.พอเข้าใจที่พี่พูดเนาะ
     
  18. Chabob

    Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    แล้วแบบนี้ผมควรนั่งเอง ฝึกเอง หรือไปหาอาจารย์หาพระมาสอนครับ ถ้าหาอาจารย์ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    แนะนำไปแล้ว
    ทำไปเรื่อยๆ
    แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ
    ในส่วนที่ไม่ควรยึด

    เคารพนับถือ
    แต่อย่ายึดถือ
     
  20. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    การไม่เชื่อใครไม่มีจริงครับ
    ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่มาถามในเวบนี้
    ส่วนที่ถามเพิ่มเติมไม่มีอะไรหรอกครับ
    ทำให้มาก เจริญให้มาก
    จะมีคำบริกรรมหรือไม่นั้นอยู่ที่จริตนิสัยแต่ละท่าน
    ถ้ามีก็จะดีเพราะเป็นการฝึกสติไปในตัวด้วย
    ภาวนาแค่ก็เอาจนกว่าลมจะดับแล้วโคจรเข้าสู่ภพภายในนู่นแหละครับ
    การจะแยกกายออกมานั่งดูกายนั้นถ้าจิตน้อมเจตนามีเดี๋ยวมันก็ไปเองครับ
    เดือนเดียวเองอย่าเพิ่งใจร้อนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...