การสอบอารมณ์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แนน จันทบุรี, 15 พฤษภาคม 2018.

  1. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    การสอบอารมณ์ เมื่อช้านานมาแล้ว เมื่อปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแล้วมักจะมีการสอบอารมณ์จากเทวดาครูบาอาจารย์ต่างกันไป ที่ตั้งกระทู้นี้ เพื่อให้นักปฏิบัติทั้งหลายท่านระวังตัวแม้ชั่วขณะจิตหนึ่งไม่ให้เผลอ ให้มีผู้รู้ รู้อารมณ์ มันเป็นอย่างไร เกิด ดับ เช่นไร อารมณ์ไกนมา อย่างไรบ้าง
     
  2. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    มีตลอดเวลา จาก สภาวะรอบตัว ที่ต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน

    สติ ต้องทัน คิดก่อนพูด ก่อนทำ ให้ทัน

    อะไรเสี่ยง แปลกๆ งงๆ คิดไม่ทัน บางครั้งก็ต้องหลบไปคิดก่อน

    บางครั้งอาจเกิดโทสะ โมหะ ราคะ ก็ต้องระแวงว่ากำลังจะผ่านระดับความดีไปอีกขั้น ถ้าอดกลั้นได้

    แค่รู้ทัน ไม่กระทำชั่ว สภาวะก็จะไปในทางดีขึ้นเรื่อยๆเอง
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    แสดงว่าหนักทางวิปัสสนาอยู่
    ถึงมีคำว่า สอบอารมย์
    และมีคำว่าผู้รู้ รู้อารมย์
    ถือว่าดี ดีกว่าไม่สอบ

    แต่ยังไม่ครบ
    ที่จะรู้กระบวนการปรุงแต่ง
    ทั้งหมดได้นะครับ เพราะจะยังไม่เห็น
    ผู้ดูและตัวจิต และเผลอเข้าใจได้ว่า
    ผู้รู้คือ ผู้รู้เหตุแห่งการเกิดดับ
    ซึ่งยังไม่ใช่นะครับ
    เพราะจะไปเห็น ไปเข้าใจ
    ไปรู้ในกระบวนการที่มัน
    เกิดปกติอยู่แล้วตรงนี้ถือว่าดี
    แต่อาจคิดว่ารู้เหตุ
    แห่งการเกิดดับ มันแค่เห็น
    ในกระบวนการที่เกิดนะครับ
    ระวังให้ดีๆ

    และอาจจะไม่เห็นว่า ที่เกิดปกติอยู่แล้วจริงๆ
    ทั้งหมดมันเป็นกระบวนการปรุงแต่ง
    อย่างหนึ่งอยู่นะครับ


    ผู้รู้ที่ส่งจากจิตไปกระทบ จะ
    รู้เฉพาะที่มีสัญญาในจิตนะครับ
    เช่น เห็นเก้าอี้เรียกชื่อถูก
    ถ้ารูปร่างอื่นเรียกไม่ถูก
    มันรู้แค่นี้นะครับ อย่าคิดว่ามันรู้นะครับ
    รวมทั้งเรื่องนามธรรมต่างๆด้วยครับ


    ปล แค่เล่าให้ฟังในอีกมุมหนึ่ง
    ถ้าจะให้ครบทั้งกระบวนการ
    ควรหาสมดุลย์ทั้งสมถะทั้งวิปัสสนา
    ให้เจอด้วยตนเอง มันถึงจะรู้ว่า ทั้งผู้ดู จิต ผู้รู้
    มันคนละตัวกันเลย และเป็น
    กระบวนการปรุงแต่งอย่างหนึ่ง
    อยู่ครับ

    ** ให้พึ่งระลึกเสมอว่า ถ้ายังไม่เห็น
    ผู้ดู ตัวจิต ผู้รู้ ได้ทั้งสามตัว
    เรายังไม่ถึง ขั้นที่รู้เหตุแห่งการเกิดดับได้
    แต่เห็นได้ในช่วงที่มันเกิดไปแล้ว แม้เกิดแล้ว
    ตัดได้เร็วปานสายฟ้าก็ตาม
    จะไม่หลงตัวเองหลงสภาวะแน่นอน
    หรือหลงในสิ่งที่ถูกรู้ครับ**
     
  4. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    .....ขออภัยท่านผู้รู้ ผู้ถาม ...ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเกิด ที่จิต ธรรมทั้งหลายเหล่าใดดับ ที่จิต สัจธรรมฉันใด ฤ ไม่เที่ยง สัจธรรมเหล่านั้นได้เกิดมาในโลกแล้ว ธรรมใดเป็นสัจธรรมกล่าวถึงอ้างถึงมาแล้วด้วยข้าพเจ้านี้ ย่อมมิใช่สัจธรรมฉันใด ธรรม ที่เป็น สัจธรรมก็ยังมีอยู่ฉันนั้น ด้วยอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย ขอจงนำความเจริญทางสายวิปัสนาแด่ท่านผู้มีจิตใสแล้ว ดำรงค์อยู่แล้วในญาณ จงบังเกิดขึ้นแด่ท่าน ด้วย พระพุทธรัตน ธรรมรัตน สังฆรัตน แต่ด้วยเหตุแห่งความเป็นในแนวทางสมถะ ข้าพเจ้ามิขอกล่าวในเรื่องอื่นใดๆเลย ณ ที่นี้ เจริญธรรม...
     
  5. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    กระทู้นี้ดี อนุโมทนาด้วยครับ
    สำหรับผมรู้น้อยสมาธิแค่ระดับอนุบาล
    เวลาปฏิบัติเลยไม่แยกสมถะวิปัสนา
    อยากสงบก็หยุดคิดให้จิตว่างพักอยู่
    ว่างสักพัก จิตเริ่มมีกำลัง ก็ตามดูตามรู้
    สภาวะต่างๆ อยู่ในขอบเขตของ กาย เวทนา จิต และธรรม ทำอยู่เท่านี้ยังเอาดีไม่ค่อยได้
    สอบอารมณ์ตัวเองก็ตกประจำ ขอคำแนะนำด้วยครับ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้าพูดแบบกลางๆนะครับ หมายถึงทั่วๆไป
    ท่องไว้ สอบได้เรื่องตลก สอบตกเรื่องธรรมดา
    มีมาให้ทดสอบเรื่อยๆแล้ว รู้ตัวว่าสอบตก แบบนี้ดี...
    เพราะมันจะแก้ตัวใหม่ได้ และจะพัฒนาขึ้นได้ตามลำดับ...
    ก่อนจะหลับตานอน และก่อนจะลืมตาตื่น
    ให้มาพิจารณาว่า ที่ผ่านมาตกเรื่องอะไรบ้าง พลาดเรื่อง
    อะไรบ้าง วิธีแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีฐานกำลังสมาธิที่สูงอะไร
    ไม่จำเป็นต้อง มีความสามารถทางจิตในระดับที่ใช้งานอะไรได้
    และไม่จำเป็นจะต้องมีกำลังจิตที่ได้จากกรรมฐานอะไร
    แต่จะเป็นแนวทางวิธีการให้ สิ่งที่เคยมีมาในจิตให้
    ค่อยๆขึ้นมาได้เองตามลำดับ
    โดยไม่ต้องไปเน้นสมถะให้ขาชา เมื่อยหลังอะไร
    แต่ควรทำควบคู่กับ การเดินจงกลม เป็นวงกลม
    (ย้ำว่าเป็นวงกลม เดินจนสามารถเดินบนรอยเท้าเดิมได้)
    และพิจารณาสิ่งที่พลาดทั้งก่อนนอนและก่อนลืมตาตื่น
    ให้เป็นนิสัยนะครับ.....

    และดีกว่าไม่มีเข้ามาเลย หรือนานๆมาที แบบนี้อันตราย ^_^
    และจงระลึกไว้ว่า ถ้าเราเจ๋งจริง
    เราคงไม่ได้มาเกิด หรือคงเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว
    ดังนั้นมองเป็นกลางๆ ได้ก็ช่าง ไม่ได้ก็ช่าง

    ถ้าสมมุติว่า ข้าพเจ้าแค่ผ่านมา

    ดันเหลือบไปเห็นคุณเส้นทางยาวไกลมาถาม
    ก็จะขออนุญาติแนะทริคให้ ซึ่งเป็นเฉพาะบุคคลๆไป
    ฟังหูไว้หูนะครับ

    ต้นทุนการรับรู้ทางด้านนามธรรม ด้านความรู้สึกที่เรามี
    ซึ่งส่วนหนึ่งมันช่วยให้เห็นในขั้นตอน ที่คุณว่าอยู่ กาย เวทนา
    จิตธรรมอะไรนั่นนะ....หลักๆเลยมันได้มาจากตัว
    เมตตาล้วนๆ. แต่ถ้าจะให้พัฒนาต่อให้ได้เร็วกว่านี้
    ควรเน้นพัฒนาเมตตาตรงนี้ ให้พลิกจากภายในไปภายนอกให้ได้

    กรณีนี้ พลิกอย่างไร ก็อย่าเลือกเมตตาเฉพาะกับบุคคล
    ที่พูดจาดีกับเราเท่านั้น.(พอนึกภาพในชีวิตประจำวันออกนะครับ)
    และการเมตตาของเรานั้นไม่จำเป็นต้อง
    แสดงออกด้วยวาจาเท่านั้น....
    ให้มันมีเมตตาที่ออกจากภายในจริงๆ
    อ่านแล้วอาจจะงงๆ ลองเทียบกับตัวอย่างข้างล่าง


    ยกตัวอย่างเปรียบให้เห็นภาพ...
    สมมุติๆนะ เราทำทานเลี้ยงไอติมเด็ก
    ถ้าเด็กคนไหนพูดจาดี เรามีความรู้สึกอยากให้
    ถ้าเด็กคนไหนพูดจาไม่ดี แม้เราจะให้แต่รู้สึกไม่อยากให้

    ให้เปลี่ยนความรู้สึกตรงนี้ เป็นไม่ว่าเด็กคนไหนที่เข้ามาขอ
    ไอติม ไม่ว่าจะพูดจาดีหรือไม่ดี เราจะมีความรู้สึกที่
    เต็มใจอยากจะให้ โดยไม่สนใจที่คำพูดเป็นเกณฑ์
    ไม่สนใจว่า เด็กคนนั้นจะพูดอย่างไร..
    วัดกันที่ความรู้สึกที่จะให้ ให้มันมีเหมือนๆกัน
    ในเด็กทุกๆคน......พอมองภาพ จากตัวอย่างนี้ออกนะครับ
    ให้ลองพลิกไปใช้กับเรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวันดู...

    ทำแบบนี้ได้ เด่วกระแสที่ออกจากจิต
    ที่จะหนุนด้านการเดินปัญญาของเรานั้น
    ที่ปัจจุบันมันยังวกวนนิดๆ แอบ ปนความคิดตนเองอยู่นั้น
    ด้วยเมตตาแบบตัวอย่างที่ยกให้ดู
    มันจะช่วยไปผลักกระแสตัวนี้
    ให้ขึ้นไปเชื่อมกับ กระแสครูบาร์อาจารย์ข้างบนได้
    เราจะเหมือนมีใครอะไร คอยแนะ คอยดูแล
    ต่อไปจะพบว่า ใจจะนิ่งขึ้น จะเห็นกิริยาต่างๆทางนามธรรม
    ได้ดีขึ้น และ
    ความเข้าใจต่างๆที่ติดๆค้างๆวนอยู่กับความคิด
    มันก็จะไหลลื่นขึ้นได้ของมันเองครับ
    ปล. กรณีเฉพาะบุคคล ฟังหูไว้หูนะครับ ^_^
    โชคดีนะครับ..

     
  7. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    สาธุครับ ขอบคุณมากจริงๆครับ ที่จริงก็เคยทราบว่าการเจริญพรหมวิหาร4 เป็นกองกรรมฐานที่เหมาะสมและสำคัญกับผม ณ ปัจจุบัน มาก แต่ผมลืมไปนานเลยครับ
    ขอบคุณมากๆครับ และคงเป็นคำแนะนำที่มิได้เป็นประโยชน์แต่กับผมหรอกครับ ธรรมทาน วิทยาทานเป็นประโยชน์สาธารณครับ
    อนุโมทนาด้วยครับ ยังปรารถนาได้รับคำแนะนำจากทุกท่านน๊ะครับ โดยเฉพาะท่านเจ้าของกระทู้ ผมเชื่อว่าท่านมีภูมิรู้ภูมิธรรมมากพอที่จะให้คำแนะนำเป็นธรรมทาน
    ได้มากทีเดียวอย่าทิ้งปณิทานที่กรุณาตั้งกระทู้อันมีประโยชน์นี้เลยน๊ะครับ
     
  8. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
     

แชร์หน้านี้

Loading...