เวลามีพลังงานผ่านหรือโดนของ

ไม่ทราบว่าท่านใดพอทราบไหมครับ เวลาโดนของ หรือโดนพลังงานใส่มันรู้สึกยังไงครับ ?

ไม่ได้ตั้งใจจะลองของหรืออะไรอย่างไร แต่อยู่ๆก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาจริงจังว่าเวลาโดนของที่มันแรงจริงๆๆ รู้สึกยังไง ทรมานไหมครับ ... แล้วเวลาที่โดนพลังงานด้านดีมันรู้สึกยังไงครับ ... และอีกนั้นแหละคือถ้าโดนพลังงานที่มุ่งร้ายแบบจริงๆเลยมันจะเกิดไรขึ้นครับ

จะบอกว่าสงสัยมาสักพักแล้วครับ ... มีคราวนี้แหละไม่รู้อะไรดลใจจนต้องมาตั้งกระทู้ดู

หรือแนะนำได้ไม่ครับ ว่าพวกนี้จะไปหาใครได้ ... เหมือนอยากรู้รสของพวกเนี่ยอะครับ ไม่รู้ใช้คำถูกเปล่า ส่วนรู้เพื่ออะไรผมก็ยังงงๆอยู่ครับว่าจะรู้ไปไหม

 

โดนของในที่นี้ตีเหมาไปทางด้านพลังงานทั้งหมดนะครับ
เพราะของที่ว่านี้ ถือว่า ไม่ใช่เป็นรูปธรรม
แม้ว่าพอโดนเข้าไปในร่างกายแล้วจะเป็นรูปธรรมได้ก็ตาม

กรณีโดนของ เบสิกพื้นฐานคือ เราจะหงุดหงิดง่ายตลอดทั้งวัน
ต่อมา คือ จะมีอาการเจ็บปวดหรือตึง ตามร่างกายไม่ว่า
อวัยวะใดๆ เจ็บปวดตึงในที่นี้คือ มันจะลึกถึงภายใน
อาจจะเจ็บถึงขั้นที่ ทำให้น้ำตาร่วงได้
ยกตัวอย่างเปรียบเช่น ปกติปวดศรีษะ จะปวดบริเวณนอกกระโหลก
กรณีคนโดนของมันจะปวดจากข้างใน เป็นต้น
ซึ่งเวลาไปตรวจกับแพทย์ปัจจุบัน จะหาสาเหตุไม่พบ
(เฉพาะประเด็นนี้ไม่ใช่การชี้วัดนะครับ)

และขึ้นอยู่กับลักษณะต้นพลังงานที่ส่งมาด้วยครับ
ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันไป

และกรณีที่จะโดนของไม่ดี จนกระทั่ง ส่งผลต่อร่างกายให้เจ็บปวด
หรือส่งผลต่อจิตใจ ในลักษณะที่ทำให้เราขาดสติ เหม่อลอย
เป็นเหมือนคนสองบุคคลิก(คือ ทำอะไรไปแล้วจำไม่ได้
คิดว่าตนเองไม่ได้ทำ) อย่างน้อยจะต้องมีวิบากร่วมกันมาก่อน
อาการก็คือ อวัยวะภายในเราจะค่อยๆพร่องไปทีละน้อย
จนกระทั่ง มันใช้งานไม่ค่อยดี รักษาอย่างไรก็ไม่หาย

การโดนของมีทั้งแบบ ที่เราเผลอรับประทานเข้าไป
อย่างนี้จะแก้ยากหน่อย และกรณีที่มาในลักษณะพลังงาน
จากภายนอกเข้ามา กระทบที่ผิวกาย อาจทำให้รู้สึกตึงๆแสบๆร้อนๆ
แต่ถ้า มีวิบากร่วมกันมาก่อน พลังงานเหล่านี้จะพลิก
เจาะเข้ามาทางท้ายทอยเราได้.....

และเมื่อมาทางท้ายทอย ก็ต้องพิจาณาดูว่า
ต้นกำลังที่เจาะเข้ามา อยู่ที่ท้ายทอย ก่อนจะส่งไป
ทำให้อวัยวะภายในส่วนอื่นๆเราพร่องหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้ สามารถทำการช่วยเหลือได้เลย
ไม่ว่าจะใช้ น้ำมนต์ กำลังจิต เป้าหมายหลักเพื่อตัด
กระแสตรงนี้ .....

แต่ถ้าเจาะได้แล้วจากกรณีข้างบน แต่ว่า ต้นกำลังที่เจาะ
เข้ามาขยับลงมาต่ำกว่าท้ายทอย กรณีแบบนี้
ในวงการจะเรียกว่า เป็นวิบากร่วม ซึ่งจะไม่สามารถ
ทำการช่วยเหลือได้เลย ณ เวลานั้น ต้องให้ผู้ที่โดน
สวดมนต์ ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้สิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านั้นบ่อยๆ
ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน จนกระทั่งกระแสตรงนี้
มันขยับขึ้นมาที่ท้ายทอยก่อน เพราะไม่งั้น
จะมีผลต่อร่างกายผู้นั้นได้ ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย....
เช่น กรณีสืบเชื้อต่อเนื่องกันมา ถ้าใช้คนมีศีล คนมีกำลังจิต
พระฯ พราหมณ์ ไปแก้ ร่างนั้นสามารถตายได้ทันที
เพราะเนื่องด้วยวิบากที่เค้ามี ทำให้สามารถหักคอร่างนั้นได้เลย
ดังนั้น เรื่องแบบนี้ ต้องใช้ความรอบคอบ
ไม่ใช่ พรวดพลาด เป่า สวด เฆียน ตี ลาดน้ำมนต์ ตายมาเยอะแล้วครับ


ส่วนพลังงานด้านดี ถ้ารับรู้ได้ ก็คือ เราจะรู้สึก เบาสบายกาย
สบายใจ และที่ดียิ่งกว่า เราจะเบาสบาย สงบ เย็นไม่สงสัย
ไม่ติด ไม่ขัด ในสิ่งที่สงสัยเลย..

คงไม่สามารถแนะนำไปหาคนที่ทำของแบบนี้ได้
อย่างพวกที่เคยเป็นโจทย์เก่ากัน รับจ้างทำ ๕,๐๐๐ บาทต่อครั้ง
ก็ดันชิงตายไปหมดแล้วครับ....
และไม่ได้อยู่วงการแบบนี้
เลยไม่ได้คบค้าสมาคมอะไรด้วยครับ

แต่แนะนำไปหาท่านที่รู้เรื่อง วิธีแก้ วิถีป้องกัน
ไม่แน่ว่า เราจะได้ยินเรื่องราวการโดนของเหล่านี้
ผ่านบุคคลอื่นๆที่จะไปหาท่านนี้ได้
เพราะว่า จะมีแทบทุกวันอยู่แล้ว ที่ไปให้ท่านช่วยครับ
แนะนำไป หา พระครูปลัดสุริยัญ
วัดป่า ฉัพพรรณรังษี อ.จุตรัส ชัยภูมิครับ
ถามได้ทุกเรื่องครับ....ไม่ว่าเรื่องอะไร
ปล.บางครั้งอาจจะเป็นแค่คิดมากไปเอง ก็ได้ครับ ไม่มีอะไร

 

ขอบคุณมากครับ ชัดเจนมากเลยครับ ถือว่าได้ความรู้ใหม่ๆเยอะมากครับ

เรื่องพวกนี้ไม่กล้ายุ่งหรอกครับ ถึงจะอยากรู้แต่โดนจริงๆคงลำบากน่าดูเลย

แล้วปกติพลังงานที่เป็นด้านดีนี้จะส่งต่อทำไมอะครับ เพื่อช่วยรักษาหรืออะไรแบบนี้หรือเปล่าครับ แล้ววิธีการก็เหมือนกันเปล่าครับคือเข้าทางท้ายทอย ? (ว่าแล้วก็สงสัยต่อทำไมต้องท้ายทอยอะครับ มันเป็นจุดสำคัญเหรอครับ ? )

 

อย่างมากก็แค่หงุดหงิดแล้วมันหายไป
มันทำอะไรเราไม่ได้หลอกครับ

คนที่ปล่อยของนี้ ส่วนมากจะเป็นบ้า

ตายไปก็ตายแบบตายโหง..

 

ผมโดนบ่อย
วิธีแก้
เพ่งลงในความรู้สึกตัวเอง
จนความรู้สึกนั้นดับไป

เราจะรู้สึกโล่งขึ้นมา

 

ขึ้นกับระดับออร่าที่ปกป้องร่างคุณว่ามีมากหรือน้อย

อาการที่ออร่าอ่อนเช่น เสียวหน้าอก แว้บๆ เหมือนมีอะไรวิ่งแทรกทะลุผ่านกลางอก

อาการออร่าปานกลางเช่น ตัวสั่น หนาว

อาการออร่าแข็งแรงเช่น เห็นไฟฟ้ากระตุก เช่น หลอดไฟกระพริบ แต่ร่างกายไม่เป็นไร

นี่คืออาการ

 

+++ "รู้ที่ ความรู้สึก" คำถามนี้ เป็น "คำตอบอยู่ในตัวของมังเอง" อยู่แล้ว

+++ "รู้ที่ ความรู้สึก" รู้สึกอย่างไร มันก็เป็นอย่างนั้น

+++ ยามใดที่ "ความรู้สึก ถูกรู้" ทรมานจะ "ไม่มีอิทธิพล" เหลืออยู่เลย

+++ "รู้ที่ ความรู้สึก" ถ้ามันดีก็ ok

+++ ก็เข้าไป "รู้" ที่ใจกลาง พลังงานที่มุ่งร้ายเข้ามา ก็จะ "รู้" ได้เอง

+++ แต่ให้ "อยู่กับรู้" ก็จะ ตัดอิทธิพล ของมันลงได้ไม่ยาก

+++ เรียกความ "รู้สึก" ถึงอาการที่ "ถูกดลใจ" กลับมา แล้ว "เข้าไปอยู่ในอาการนั้น" ก็จะ "รู้" ได้เองนะ

+++ นั่นซิ "จะรู้ไปเพื่ออะไร" แต่ถ้า "อยากรู้รสของพวกเนี่ย" ก็ต้องฝึกให้รู้จัก สิ่งที่เรียกว่า "ความรู้สึก" ให้สิ้นสงสัย เท่านั้นเอง นะครับ

 

โดนของ ก็ขึ้นอยู่กับว่า เค้าใส่ของอะไรให้เรา ก็เป็นไปตามอาการของนั้นๆ

โดนพลังงานด้านไม่ดี ด้านลบ อาการจะเกิดเหมือนโดนความกลัว ความืดเข้ามากดให้จิตเรากลัวจิตตกต่ำ ครับ ถ้าจิตเราไม่เข้มแข็งก็จะเกิดการอาการจิตตก กลัวหนัก จะเข้ามากดสติเราให้ต่ำลง เหมือนโดนบีบให้จิตเราเกิดความกลัวหนักๆ

แต่ถ้าโดนพลังงานของ เทพ เทวดา ครูบาอาจารย์อริยเจ้า กระแสปิติจะสูงมาก ถ้าโดนสัมผัสร่างกายเหมือนกระแสไฟฟ้าจี้เข้าเป็นเส้นเข้าในส่วนนั้นๆ

ถ้าอยากรู้รสพวกนี้ วิธีนะครับ
1.พระเครื่องที่ครูบาอาจารย์พุทธาภิเษก คับ วัตถุมงคลที่ พุทธาภิเษก จะมีกระแสพลังงาน เราทดสอบจับกระแส พลังในวัตถุมงคล ได้ด้วยตัวเองครับ ถ้ามีความสามารถที่จะจับกระแสพลังได้

ถ้าตัวเองไม่มีไม่สามารถก็

2.ปฏิบัติ ภาวนา ให้ได้ สมาธิ ฌาน ครับ

3.อาราธนา วัตถุมงคลที่เรามี ให้คุ้มครองตัวเองนั้นๆ ถ้าจิตเราดี เราก็สามารถที่จะรับกระแสได้ รู้ความรู้สึกได้ ครับ

4.การขอให้ครูบาอาจารย์สงเคราะห์ ครับ ถ้าขอแล้วท่านสงเคราะห์ให้ เราก็จะรับรู้ได้ครับ ว่ากระแสที่ครูบาอาจารย์สงเคราะห์ให้เรานั้น เป็นอย่างไร ครับ


5.เข้าร่วมงานที่มีการที่มีการอธิฐานจิต สวดมนต์ ที่มีการโยงสายสิญจน์ที่เหมือนในรูปพวกนี้ ครับ

ให้นำสายสิญจน์มาสวมหัวตัวเอง หรือ วัตถุที่อยู่ติดกับตัวเรา แล้วเราทำสมาธิเข้าสมาธิ ครับ จะเป็นเครื่องสื่อให้เรารับกระแสได้ ถ้าเรามีความสามารถ รับได้

เวลาครูบาอาจารย์ เริ่มพิธี กระแสพลังงานจากครูบาอาจารย์ จะวิ่งมาทาง สายสิญจน์ ครับ ดังนั้น ถ้าท่าน สามารถรับได้ ท่านก็จะรับรู้รสกระแสพลังงานของครูบาอาจารย์ ที่สงเคราะห์ได้ นั้นเองครับ

ลองดูครับ วิธีอื่นๆ ก็มีอีกเยอะครับ ^^ เช่น โดนคนเสกของใส่ ในเวบก็มีพวกชอบปล่อยของอยู่เหมือนกัน พวกชอบปล่อยผีใช้ผีก็มี คนเล่นไสยศาสตร์ ก็มีเยอะแยะครับสมัยนี้ นี่ละ

ถ้าโดนปล่อยของใส่ ถ้าเรามีความสามารถ มีกำลังสมาธิ ฌาน ถ้าเราป้องกันได้ ส่วนใหญ่จะเจอ ตะขาบมานอนดิ้น นอนตาย รัศมี อยู่ห่างจากตัวเราประมาน 1 คืบ รอบๆ ร่างกายเราเวลาที่เราตื่นมา ตัวเล็ก ตัวใหญ่ ก็ขึ้นอยู่กับกำลังของคนปล่อย ก็จะรู้ได้ครับ ว่าเราโดนคนอื่นปล่อยของมา

แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าร่างกายเรามีใครปล่อยของมาใส่อะไรบ้าง วิธีรู้ แก้ ก็คือ ทำน้ำมนต์กินรักษาไสไสยศาสตร์ ครับ ถ้าโดนของอยู่ ถ้าหนัก ก็ออกบน เบาก็ออกล่าง ครับ ^^ ถ้าเราเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะไสยศาสตร์ เราก็จะหายป่วยทันที

เช่น มึนๆหน้าแก้ไม่หาย นำน้ำมนต์ที่พุทธาพิเษกมาล้างหน้า ก็หายมึนทันที กลับมาแจ่มใส โล่งไปหมด อะไรอย่างนี้ ท่านก็จะสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองครับ

เอาว่าสรุปว่า จขกท ผมแนะนำว่า ถ้าอยากจะสื่อได้ คุณไป ทำให้จิตเข้าสมาธิ ฌาน ให้ได้ ครับ แล้วจะสามารถสื่อ รับรู้ ได้ด้วยตัวเองครับ

กระแส พลัง พวกนี้ ถ้าจิตเราเป็นสมาธิ เราก็จะรับรู้ได้ด้วยตัวเองครับ

 

ไม่ยุ่ง ไม่ข้องเกี่ยวดีแล้ว...พลังงานด้านดี ใช้ในทางที่มีประโยชน์ได้หมด
เช่น การป้องกัน การรักษา การเพิ่มพลังงานให้วัตถุ การเชื่อมต้นกระแสพลังงาน(เรียกง่ายๆว่าปลุกเสก) หรือการตัดสายใยของกระแสที่มีเชื่อม
จิตคนๆนั้น แต่พวกนี้จะยังไม่ถือว่าเป็นพุทธฯ
และเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตประเภทหนึ่ง วิธีการแตกต่างกันออกไปมากมาย....... แต่ถ้ามาทางพุทธฯ เราจะเอากำลังที่มีตรงนี้
มาหนุนในเรื่องของปัญญา เพื่อช่วยในเรื่องความสะอาด
ของจิตบุคคลนั้นๆ เป็นประเด็นหลักๆ

ทำไมต้องท้ายท้อย เพราะท้ายทอยเป็นจุดควบคุมระบบความคิด
ของสมองทั้งซีกซ้าย(พวกเหตุผล ความคิด การใช้คำพูด ตรรกะ ฯลฯ)และซีกขวา(พวกจินตนาการ) ซึ่งจะตรงผ่านท้ายทอยนี้ไปยัง
ต่อมไพเนียลแกน(เพราะมันอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ไม่มีส่วนเนื้อสมองมาบังเหมือนเจาะจากข้างบน)
และจากต่อมไฟเนียลแกน ก็จะตรงลงไปควบคุม
ตัวจิตที่ฐานของมันตรงลิ้นปี่นั่นเอง มันเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่ว่า ร่างทรง หรือถูกหลอกให้รับขันธ์ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
หรือโดนผีเข้า หรือทางสายพลังงานต่างๆที่ได้รับการสนับสนุน
ความสามารถที่เกิดขึ้นเองแบบเราไม่เคยฝึกซึ่งจะใช้ได้
แต่จะสอนใครไม่ได้ ที่มักเข้าใจว่าเป็นกุลฑาลินี้ หรืองูน้อยกลอยใจ
ถ้าเข้ามาในทางท้ายทอยและเสร็จหมดยกเว้นจะขึ้นผ่านศรีษะ
ไปข้างบนไม่เป็น ในลักษณะพลังงานมันจะเข้าทางช่องทาง
นี้เป็นปกติตามเหตุผลข้างบน ไม่ใช่แบบถอดร่างมาเข้า แบบนั้นมันในหนัง...๕๕๕

 

อันนี้นอกเรื่องนะครับ

ทำไมผมรู้สึกว่าไม่กลัวอะไรพวกนี้เลย

ถึงขนาดกล้าพูดด้วยว่า
ใครทำได้ก็ส่งมาสิ
และก็ไม่กลัวจริงๆด้วย

จิตผม เบาหวิว ไม่เคยมีวิตกอะไรเรื่องพวกนี้เลย

เดินไปซื้อไอติม ที่ 7 ดูด อย่างสบายไป
ไม่ต้องเป็นทุกข์.....

 

เหมือนกันครับ

ผมก็ไม่รู้สึกกลัว ไม่ได้ยุ่งเรื่องพวกนี้เลย

แต่บางที เราอยู่เฉยๆ คนอื่นดันมายุ่งเอง

แต่ก่อนนี้ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่พอรับรู้อะไรได้มากขึ้น เรื่องพวกนี้มันก็เข้ามาให้เรารับรู้เองเหมือนกันครับ

 

ไม่ทราบว่ามีพระอาจารยืท่านอื่นที่อยู่มาทางภาคกลาง ภาะตะวันออกไหมครับ

คือเพื่อนผมเขาคิดว่าทางน้องสาวเขามีอาการแปลกๆ ปวดแขนข้างซ้ายมากจนไม่สามารถใช้แขนได้มาราวครึ่งปีละครับ ไปให้ทางแพทย์วนิจฉัยก็บอกว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบธรรมดา ฉีดยามาสามสี่หน ให้ยามากินก็สี่ห้ารอบ ไม่ดีขึ้นเลย จนทางคุณแม่เริ่มคิดว่าน้องสาวอาจจะแกล้งหรือเปล่า ....แต่พี่ชายเขาก็สงสารครับ เพราะน้องไม่ยอมขยับแขนเลยแตะก็ไม่ได้ เขาอยู่ทางนครปฐมน่ะครับ เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยได้

ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

ขอแนะนำอย่างนี้ก่อนนะ
เอาแบบนี้ก่อนได้ไหม หาอุบายพาน้องเค้าไปจัดกระดูกสันหลังใหม่
ให้เรียบร้อยก่อน แบบที่ไม่ใช่การดึงหรือนวดนะครับ
แต่เป็นแบบที่ปลดกระดูกสันหลังออกมาเลย
แล้วกดเข้าไปใหม่ เค้าจะมีไม้กดอยู่
เพราะแนวกระดุกสันหลังน้องเค้าจะเอียง
ไปฝั่งซ้ายด้วย ตรงบริเวณที่มันเหนือสะดือ จนถึงใต้หน้าอก(เทียบ
ให้เห็นภาพ)
เพราะหมอจะได้จัดตรงสะบักซ้ายที่มันดูเหมือนไหล่สูงไม่เท่ากัน
ให้มันกลับเข้ารูปเดิมด้วย...ทำตรงนี้ให้ได้ก่อน ใน กทม.น่าจะมี
โทรถามก่อนว่า ปลดแล้วกดใส่คืนเลยไหม แบบนวดๆไม่เอานะ
ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที เจ็บหน่อยแต่มีโอกาส จะหายสำหรับเรื่องแขน
ค่า บริการน่าจะ ๕๐๐ ขี้นไป ทางสายวัดโพธิ์จะทำได้ ถ้าแพทย์
แผนไทย จะยังนวดๆอยู่
ส่วนเรื่องไปหาพระฯ ควรหาทางติดต่อก่อน ว่าท่านอยู่ไหม
แล้ววางแผนการเดินทางให้ดี เพราะมีโอกาสที่จะต้องอยุู่รักษา
อีกวัน ไม่ต้องห่วงที่พักหน้าวัดมี

ที่อื่นๆ นอกจากพิษณุโลก โดย อ.กิตติ ที่โรงพยาบาลพุทธฯ
(ใช้จิตรักษา)ฟรี
ก็มี หมอที่ชื่ออ. เสน่ห์ ที่ จ.เลย ที่เป็นฆารวาส (แกจัดกระดูกเก่ง)
มีค่าครู
ส่วนแถวนั้นไม่ทราบจริงๆ จะไม่นำแนะ
กรณีที่ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาก่อน
ไม่กล้ารับประกัน

แต่ข้อดีในการไปหาพระคือ เราจะถามเรื่องอื่นๆได้หมด
ที่เกี่ยวข้องกับเรา รวมทั้งเรื่องเราเอง....
มีมาจากทุกภาคหละที่วัด

 

โห่ขอบคุณมากเลยครับ สรุปคือเดียวหาทางไปเรื่อยจัดกระดูกก่อนน่ะครับ

เสร็จแล้วค่อยหาทางเดินทางไปที่วัดน่ะครับ

ได้ครับจะลองพยายามเป็นขั้นตอนดู

ขอบคุณจริงๆครับ ต้องเอาทั้งสองทางเนี่ยแหละ

 

ลองขอพระผงจักรพรรดิ์ และ หนังสือสวดมนต์จากวัดถ้ำเมืองนะ ครับ อธิฐานแล้วสวด ทำน้ำมนต์กิน
หรือ ถ้าด่วนมากๆ ก็ไปบูชา พระสมเด็จเหล็กไหลที่ ศูนย์พุทธศรัทธา ครับ
แล้วทำบุญไถ่ชีวิต โค กะบือ ปล่อยปลา บ่อยๆ

 

กทม. แนะนำ หมอเสือ ครับ
https://www.facebook.com/apisab/notes?lst=100010523055575:780260512:1528258933

ลองอ่านดูแล้วพิจารณาดูด้วยตัวเองครับ

 

พระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิ์ลังกา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

 

ขอบคุณทุกท่านมากครับ ... ทางเพื่อนได้ลองคุยกับที่บ้านแล้วน่าจะลองไปทางพระอาจารย์บ๊ะ ก่อนครับ พอดีทางคุณลุงของเพื่อนรู้จักเลยพูดง่ายหน่อยครับ

เดียวผมจะติดตามอาการมาแจ้งเป็นระยะครับ แต่ไงก็ขอบคุณทุกท่านที่อุตสาห์เสียเวลามาให้ข้อมูลครับ ซึ่งใจจริงๆครับ

 

ขลังอยู่ที่จิตครับ ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใจ
หากมีอาการแปลกก็ บอกแค่ว่าหากมีใครหวังร้ายต่อข้าพเจ้าก็ดีครอบครัวข้าพเจ้าก็ดีขอให้ผลกรรมที่เขาทำต่อครอบครัวและตัวข้าพเจ้าให้ออกไปเสียสิ้นเพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาใช้กรรมสร้างบุญเป็นอนันตอยู่แล้วผู้คิดสร้างกรรมก็เป็นไปตามกรรผู้นั้นเถิด

 

ต้องขอลบโพสต์นะครับ
อาจารย์ผมท่านว่ามีคนคิดดีและไม่ดีมี
เรื่องที่เล่าไปมันเป็นดาบสองคมครับ