เรื่องเด่น "บุพเพสันนิวาส..คู่บารมีพุทธภูมิ"

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Bodhisattva, 15 มีนาคม 2018.

  1. Bodhisattva

    Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662

    "บุพเพสันนิวาส..คู่บารมีพุทธภูมิ"


    (ชีวประวัติ หลวงปู่หลุย จันทสาโร)
    (จากหนังสือ จันทสาโรบูชา)
    โดย คุณหญิงสุรีย์พันธุ์ มณีวัต


    p4mt95gdkfh62u2oVMs-o.jpg

    "อดีตที่ฝังรอยมาจากบุพชาติ"

    "หลวงปู่ท่านแวะมาที่หล่มสัก ด้วยโยมมารดาของท่านมีพื้นเพภูมิลำเนาอยู่ที่นั้น จึงยังมีบ้านญาติบ้านพี่บ้านน้อง คนคุ้นเคยอยู่มาก ท่านมาถึงได้ทราบว่า บ้านญาติคนหนึ่งมีงานศพ นิมนต์พระไปสวดมนต์ ท่านก็ได้รับนิมนต์ไปในงานสวดมนต์นั้นด้วย

    หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า ท่านไม่เคยคิดเลยว่า การแวะไปเยี่ยมญาติและสวดมนต์ในครั้งนั้น จะทำให้ท่านถึงกับซวดเซลงแทบจะล้มลงทั้งยืน

    ล้ม...ล้มอย่างไม่มีสติสตังเลยทีเดียว

    ท่านเล่าให้เฉพาะผู้ใกล้ชิดฟังว่า วันนั้นท่านกำลังสวดมนต์เพลินอยู่ ระหว่างหยุดพักการสวด เจ้าบ้านก็นำน้ำปานะมาถวายพระแก้คอแห้ง บังเอิญตาท่านชำเลืองมองไปในหมู่แขกที่กำลังนั่งฟังสวดมนต์อยู่เพียงตาสบตา ท่านก็รู้สึกแปล๊บเข้าไปในหัวใจ

    เหมือนสายฟ้าฟาด แทบจะไม่เป็นสติสมประดี

    ท่านกล่าวว่า เพียงตาพบแว้บเดียว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ท่านก็เซแทบจะล้ม เผอิญขณะนั้นท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ได้รับนิมนต์ไปด้วย ท่านคงสังเกตถึงอาการ หรือว่าท่านอาจจะกำหนดจิตทราบเหตุการณ์ก็ได้ ท่านจึงเข้ามาประคองไว้ เพราะมิฉะนั้นหลวงปู่คงจะล้มลงจริง ๆ

    ฝ่ายหญิงที่นั่งอยู่ทางด้านโน้นก็เป็นลมไปเช่นกัน
    คงจะเป็นอำนาจความเกี่ยวข้องแต่บุพชาติมา ที่มาบังคับให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น

    ท่านบอกว่าในหัวอกเหมือนจะมีอะไร แต่ภายหลังได้พิจารณากลับมา และเมื่อท่านพระอาจารย์สิงห์ได้อธิบายให้ท่านทราบในภายหลังว่า การครั้งนี้เป็นนิมิต เนื่องจากบุพเพสันนิวาสท่านและสุภาพสตรีผู้นั้นเคยเป็นเนื้อคู่เกี่ยวข้องกันต่อมาช้านาน เคยบำเพ็ญบารมีคู่กันมาโดยเฉพาะเมื่อภายหลัง หลวงปู่ได้สารภาพถึงความในใจที่ตั้ง "ปรารถนาพุทธภูมิ" ท่านพระอาจารย์สิงห์ก็อธิบายว่า เธอผู้นั้นก็คงได้ปรารถนา บำเพ็ญบารมีคู่กันมาเช่นกัน

    ท่าน(พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม) ก็เลยเล่าว่า ครั้งหนึ่ง หลวงปู่อีกองค์หนึ่งก็เช่นกัน ระหว่างที่มากรุงเทพฯเดินบิณฑบาตอยู่แถววัดสระปทุม ได้พบสตรีคนหนึ่ง นั่งรถสามล้อผ่านไป

    (สมัยนั้นในกรุงเทพฯมีรถสามล้อเป็นยานพาหนะด้วยผู้เขียน)

    ท่านบอก เพียงตาสบตาเท่านั้น ความรู้สึกมันปล๊าบไปทั้งตัว แทบจะวิ่งตามเขาไป

    คราวนั้นพระเถระผู้ใหญ่ต้องให้สติและขังท่านไว้ในโบสถ์ พิจารณาดับความรู้สึกกันอยู่นาน ด้วยการเจริญอสุภะจึงสำเร็จ คราวนั้นหลวงปู่องค์นั้นท่านก็เล่าว่า ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ เขาจะไปที่ไหน อย่างไร ก็ไม่ทราบ แต่ใจมันวิ่งเตลิดตามเขาไป พิจารณาแล้วก็ได้ความเช่นกัน ว่าเป็นคู่ที่เคยมีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติก่อน อำนาจกรรมนั้นจึงมาประจักษ์แต่หากว่าบุญบารมียังมีในเพศพรหมจรรย์ ท่านจึงปลอดภัยไปจากกรรมนี้ได้

    สำหรับกรณีของหลวงปู่ก็เช่นกัน แต่ของท่านนั้น เนื่องจากเป็นการปรารถนาพุทธภูมิเคียงคู่กันมา
    จึงมีอำนาจรุนแรงมาก และเนื่องจากว่า ฝ่ายหญิงมิได้พบกันแล้วก็ห่างกันไปแบบในกรณีของหลวงปู่องค์นั้น ต้องพบประจันหน้ากันอีกหลายครั้ง เนื่องด้วยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้คุ้นเคยกันประหนึ่งญาติ และมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาหลายชั้น ตั้งแต่ครั้งบิดามารดา ต้องพบเห็นกัน ไม่ใช่ว่าเป็นการพบกันแล้วก็ผ่านจากไป เช่นนั้นอาจจะเป็นกรณีที่ง่ายหน่อย แต่การนี้หลังจากพบครั้งแรกแล้วนั้น ก็ยังต้องเห็นกันอีก กรณีจึงแตกต่างจากพระเถระครูบาอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานองค์อื่น ในชาตินี้ นอกจากที่ว่า ชั้นบิดามารดารู้จักคุ้นเคยกันประหนึ่งญาติพี่น้อง อาจจะเคยเห็นกันในสมัยวัยเด็ก

    แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายหญิงได้ถูกส่งตัวเข้ามารับการศึกษาในพระนครเสียตั้งแต่ยังเด็ก ได้รับการศึกษาชั้นสูง จึงแทบมิได้พบหน้ากันอีก เมื่อมาพบฝ่ายหญิงนั้น ท่านอยู่ในเพศบรรพชิตแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งเป็นกุลสตรีแสนสวย เป็นรอยแห่งอดีตที่มาพบพานกัน

    ความจริงท่านไม่เคยเล่าถึงรูปลักษณ์ของ “รอยอดีต” ของท่าน แต่บังเอิญผู้เขียนเกิดทราบขึ้นมาเอง วันนั้นเป็นเวลาที่มีการสนทนาธรรมกัน และหลวงปู่กำลังเทศนาอธิบายถึงแรงกรรม โดยเฉพาะกรรมเกี่ยวกับ "บุพเพสันนิวาส" ที่พระเณรจะต้องประสบและจะต้องมีกำลังใจอย่างมากที่จะเอาชนะให้ได้ในที่สุด สุดท้ายวันนั้นท่านได้ยกกรณีของท่านขึ้นมาว่า

    องค์ท่านเองยังแทบเป็นลม ฝ่ายท่านนั้นพระเถระต้องเข้าประคองฝ่ายหญิงเป็นลม ญาติผู้ใหญ่และมารดาต้องเข้าประคอง ขณะฟังไม่ทราบว่าเพราะอะไร ผู้เขียนรู้สึกสว่างวาบขึ้นในใจ เข้าใจนึกถึงชื่อเธอขึ้นมา กราบเรียนท่านโดยเอ่ยชื่อเธอ...ว่า
    ใช่ไหมสุภาพสตรีท่านนั้น

    หลวงปู่ค่อนข้างจะตกใจที่ทำไมศิษย์เกิดรู้จักขึ้นมาได้ แต่ท่านก็อึ้งและยอมรับว่าเข้าใจถูกแล้ว
    ฉะนั้นการพรรณนารูปร่างลักษณะของเธอ ซึ่งผู้เขียนเผอิญรู้จัก และมีความเคารพนับถือ...นับถือในอัจฉริยะของเธอ จึงเป็นการบรรยายจากผู้เขียนฝ่ายเดียว หลวงปู่ท่านมิได้เล่ารายละเอียดเหล่านั้น ผู้เขียนเพียงแต่ช่วยวาดภาพให้ท่านผู้อ่าน
    ได้นึกถึงเรื่องและเข้าใจตามไปด้วยเท่านั้น ว่าเป็นการยากลำบากและต้องการพลังใจอันเด็ดเดี่ยวเพียงใด ที่หลวงปู่ท่านจะสามารถตัดกระแสความผูกพันจากรอยอดีต โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่บารมีมาสำหรับการปรารถนาพุทธภูมิ

    “รอยอดีต” ของท่านเป็นกุลสตรีที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี จบการศึกษาชั้นมัธยมบริบูรณ์จากโรงเรียนสตรี ที่มีชื่อทางภาษาต่างประเทศ นาน ๆ เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน ก็กลับไปแบบหญิงสาวสมัยใหม่ รูปสวย นัยน์ตาโตงาม มีคนหลายคนที่เล่าว่า เวลาที่เห็นเธอกลับไปเยี่ยมบ้านนั้น เสมือนหนึ่งเห็นเทพธิดาล่องลอยอยู่ในฟ้า ขี่ม้าเก่ง แต่งตัวสวย แบบสาวชาวกรุงแท้ ผมสวย หน้าสวย

    ความจริงแล้ว เจ้าแม่นางกวยมารดาของท่านนั้น ก็เป็นผู้ที่มีชื่ออยู่มากในเรื่องแต่งตัวงาม ผมของท่านจะจับหย่ง ใช้ขี้ผึ้งจับจอนให้งดงาม เป็นที่เลื่องลือกันทั้งหมู่บ้าน และมีชาวบ้าน มีเพื่อนบ้านใกล้เคียง ผู้ที่เป็นหญิงสาว มักจะมาขอเรียนการทำผมที่ทำไมจึงจะสวยได้อย่างเจ้าแม่นางกวย กลายเป็นที่พูดกันว่า ท่านเป็นประหนึ่ง ผู้ทำผมให้กับหญิงสาวทั้งหมู่บ้าน แต่นั้นก็เป็นแบบผมในสมัยของท่าน

    กุลสตรีท่านนี้ เป็นแบบสาวสมัยใหม่ ผมงามแบบผมท่าน ขี่ม้าเก่ง และไม่ได้แต่งตัวแบบหญิงสาวชนบท สวมกางเกงขี่ม้าใส่รองเท้าท็อปบู๊ต ต่อมาภายหลัง หลังจากที่ต้องจากกันแล้ว เมื่อเธอกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร เธอก็ได้มามีชื่อเสียงอย่างมาก และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้ที่รักหนังสือทั้งหลาย เข้าใจว่า ผู้ที่มีอายุประมาณ ๕๐ ปีขึ้นไปนั้นจะต้องเคยได้ยินชื่อของเธอมามาก

    หลวงปู่จึงเล่าภายหลังว่า ท่านรู้สึกเหมือนกับว่า หัวอกแทบจะระเบิด อกกลัดเป็นหนอง แต่ใจหนึ่งก็คิดมุ่งมั่นว่า จะต้องบำเพ็ญเพศพรหมจรรย์ต่อไป

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เข้าใจในความรู้สึกของหลวงปู่ผู้เป็นศิษย์ใหม่ได้ดี ท่านจึงจัดการพาตัวหลวงปู่รีบจากหล่มสักมาโดยเร็วที่สุดหลวงปู่กล่าวว่า ไม่ใช่เป็น การพาตัว มาอย่างธรรมดา แต่เป็น การควบคุมนักโทษ ผู้นี้ให้หนีออกมาจากมารที่รบกวนหัวใจแต่โดยเร็ว

    หลวงปู่กล่าวว่า เป็นการเคราะห์ดีอย่างยิ่งที่บังเอิญเจ้าภาพที่หล่มสักนั้น ได้นิมนต์ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ไปร่วมในงานศพในครั้งนั้นด้วย
    หากไม่มีพระเถระช่วยให้สติปรับปรุงแถมยังคอยควบคุมตัว ท่านว่า ไม่ทราบว่าจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้หรือไม่

    ท่านได้เห็นจริงในตอนนั้นว่า มาตุคามเป็นภัยแก่ตนอย่างยิ่ง เมื่อพระอานนท์กราบทูลถามสมเด็จพระพุทธองค์ว่า ควรปฏิบัติต่อมาตุคามเช่นใด
    พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า “ไม่ควรมอง ถ้าจำเป็นจะต้องมอง ก็ไม่ควรพูดด้วย ถ้าจำเป็นจะต้องพูดด้วย ก็ให้ตั้งสติ”

    ท่านตรัสบอกขั้นตอนปฏิบัติต่อมาตุคามเป็นลำดับ ๆ ไป แต่นี่หลวงปู่เพียงโดนขั้นแรก มอง ก็ถูกเปรี้ยงเสียแล้ว ถ้าเป็นนักมวยก็ขึ้นเวทียังไม่ทันจะเริ่มต่อย ก็ถูกน็อค

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม นี้เป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของท่านพระอาจารย์มั่นต่อมาได้รับสมณศักดิ์เป็น ที่พระญาณวิศิษฏ์ ท่านได้เห็นพระรุ่นน้องแสดงกิริยาดูน่ากลัวว่าจะพ่ายแพ้อำนาจของกิเลส ถ้าเป็นนักสู้ ก็เป็นนักสู้ที่ยินยอมจะให้เขายกกรีธาพาเข้าสู่ที่ประหารชีวิตแต่โดยดี ไม่พยายามฝืนต่อสู้แต่อย่างใด

    ท่านจึงควบคุมนักโทษ "ซึ่งเป็นนักโทษหัวใจ" ผู้นั้น รีบหนีออกจากหล่มสักโดยเร็ว ออกมาจากสถานที่เกิดเหตุคือเมืองหล่มสักโดยเร็วที่สุด เที่ยววิเวกลงมาตามป่าตามเขา และเร่งทำตบะความเพียรอย่างหนัก

    ท่านพระอาจารย์สิงห์สนับสนุนให้หลวงปู่อดนอน อดอาหาร เพื่อผ่อนคลายความนึกคิดถึงมาตุคาม

    ให้เร่งภาวนาพุทโธ...พุทโธถี่ยิบ และนั่งข่มขันธ์ แต่ความกลับกลายเป็นโทษ เคราะห์ดีท่านไม่ตามนิมิต ซึ่งแทนที่จะยอมสิโรราบตามเคราะห์กรรมที่มีอยู่เช่นนั้น เพราะเคยมีกรรมต่อกันมาเช่นนั้น ทำให้พอเห็นก็มืออ่อนเท้าอ่อน ยอมตายง่าย ๆ ท่านกลับเข้าหาครู เชื่อครู เล่านิมิตถวาย ท่านพระอาจารย์สิงห์ท่านได้โอกาส จึงได้อบรมกระหน่ำเฆี่ยนตีทันควัน"


    --------------------------------------------------------------------------

    1436070915-1122795147-o.jpg


    ...ตามปกติที่เราเข้าใจกัน ผู้ที่จะสร้างบารมีมักจะเป็นพระโพธิสัตว์บ้าง พระอริยสาวกบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะถือกำเนิดในเพศชาย...ถ้าเช่นนั้นผู้ที่เป็นผู้หญิงล่ะจะปรารถนาการเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้หรือ...คำตอบ คือ ได้...เพราะถึงแม้จะเริ่มต้นอธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณในขณะที่ยังเป็นสตรีเพศ แต่ท้ายที่สุดก็จะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณในร่างของบุรุษแล้วเป็นไปไม่ได้หรือที่ผู้หญิงจะวางกำลังใจเฉกเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ และบรรลุธรรมในขณะที่อยู่ในร่างของอิสตรี...

    ...คำตอบก็ยังเป็นเช่นเดิม คือ ได้...ถ้าไม่ปรารถนาซึ่งการเป็นสาวกภูมิ บรรดาสตรีทั้งหลายสามารถอธิษฐานปรารถนาซึ่งการรักษาส่งเสริมไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาและการสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากกองทุกข์ได้เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์...ด้วยการอธิษฐานเป็น
    “นางแก้ว” คู่บุญของพระโพธิสัตว์

    ...โดยปกติหญิง–ชาย ที่อธิษฐานเป็นคู่กัน และรักที่จะอยู่ด้วยกันเป็นคู่บุญกันนั้น ต้องมีบารมีเสมอกัน มีการทำทาน รักษาศีล และปฏิบัติธรรม ที่เสมอ หรือใกล้เคียงกัน... ดังนั้นผู้ที่ปรารถนาจะเป็นนางแก้วของพระโพธิสัตว์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งก็ย่อมต้องวางกำลังใจให้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระโพธิสัตว์ที่เป็นคู่บุญของตน...

    ...เพราะผู้ที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างเร็วที่สุดก็ ๔ อสงไขยกับแสนกัป (๑ อสงไขยปีเท่ากับ ๑ x๑๐ ยกกำลัง ๑๔๐ ปี) (หรือจะพูดง่าย ๆ ว่า ๔ อสงไขยปีเมื่อเทียบเป็นระยะเวลาในโลกมนุษย์ก็ โอ้โห! นานมาก... นานจนนับได้ไม่ถ้วนทีเดียวว่าจะเป็นกี่พันกี่หมื่นล้านปี)

    ...ดังนั้นการที่หญิงใดจะอธิษฐานเป็นนางแก้วคู่บุญพระโพธิสัตว์ด้วยนั้น สตรีนางนั้นจะต้องวางกำลังใจให้หนักแน่นและเข้มแข็งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระโพธิสัตว์เองเลย เพราะตราบใดที่คู่ของตนเองยังไม่ตรัสรู้ธรรม ต่อให้พบพระพุทธเจ้ามากมายแค่ไหนก็ตามหญิงท่านนั้นก็ไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมได้

    ...นอกจากนั้นยังต้องประสบกับความทุกข์ยากนานัปการที่หนักหนาสาหัสกว่าหญิงอื่นใดทั้งหลาย... ต้องอย่าลืมว่าในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์นั้น ต้องใช้ระยะเวลานานมาก เกิดมานับชาติไม่ถ้วน อีกทั้งต้องโปรดสาวกมากมาย ดังนั้นถึงแม้พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์จะมีนางแก้วหลักแล้วก็ยังต้องมีนางแก้วรอง ๆ ลงไปนับพันนับหมื่นนาง (ลองจินตนาการกันดูว่าจะมีปัญหามากมายสักเพียงไหน) นอกจากนั้นยังต้องพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสามี หรือบุตร-ธิดาอันเป็นที่รักยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ เพราะ...ในการสร้างบารมีนั้นพระโพธิสัตว์ต้องกระทำมหาทานอันยิ่งใหญ่ ซึ่ง...การบริจาคลูก-เมียเป็นทาน ก็อยู่ในการสร้างบารมีข้อนั้นด้วย...

    ...ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นนางแก้วหลักที่จะตามพระโพธิสัตว์คู่ของตนไปจนกว่าจะจบกิจได้นั้น ต้องมีความเข้มแข็ง อดทน มีเมตตา มีบารมีสูงมาก...หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ จะต้องวางกำลังใจเฉกเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งทีเดียว

    มีหลายท่านที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้...ได้กล่าวปรามาสพระโพธิสัตว์ว่าเห็นแก่ตัวถึงกับเอาลูกเมียไปบริจาคเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง...


    ...แท้จริงแล้วต้องบอกว่าผู้ที่คิดจะอธิษฐานเป็นทั้งนางแก้วและบุตร-ธิดาของพระโพธิสัตว์นั้น ทุกท่านทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องถูกบริจาค เพียงแต่ว่าในแต่ละชาติที่ลงมาเกิดจะระลึกได้หรือไม่เท่านั้นเอง เพื่อเป็นการวัดกำลังใจ สร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ที่ตนเองอธิษฐานติดตาม และก็เป็นการสร้างบารมี และวัดกำลังใจของตนเองด้วยเช่นกัน...

    ...สรุปก็คือ ทุกท่านยอมทนทุกข์ทรมานก็เพราะความรักความเมตตา ปรารถนาที่จะสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายในวัฏสงสารนี้ให้ออกจากกองทุกข์ให้ได้เป็นหลักนั่นเอง)

    ...การเป็นนางแก้วคู่บารมีของพระโพธิสัตว์ ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็ง ไม่มุ่งมั่นจริงๆ ถ้าในดวงจิตไม่ฉ่ำเย็นไปด้วยความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างท่วมท้นจริงๆ ถ้าขาดเสียซึ่งขันติ ความอดทนอย่างยิ่งยวด...ขาดเสียซึ่งปัญญา ที่จะนำพาให้ทุกชีวิตมีแต่สันติสุข...ขาดเสียซึ่งบารมีทั้ง 30 ทัศแล้ว... ต้องบอกว่า...ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นกันได้ง่าย ๆ เลย...แต่อย่างไรก็ตามถ้าตั้งจิตปรารถนาที่จะเป็นจริง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะยากเกินกว่าความมุมานะพยายามของทุกดวงจิตที่จะทำได้...


    ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=671&contentID=129737


    ------------------------------------------------------------------------------


    ...ขอน้อมโมทนากับสตรีทุกท่านที่มีจิตคิดปรารถนาซึ่งการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา การสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลาย และการหนุนนำพระโพธิสัตว์คู่บารมีของท่านให้สำเร็จถึงซึ่งพระโพธิญาณในที่สุด..สาธุๆๆ

    ...ขอบุญกุศลที่นำธรรมทานมาเผยแผ่ครั้งนี้ ขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ทุกพระองค์ พระอรหันต์สาวก พระอริยสงฆ์ พ่อเเม่ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เเละสหายธรรมทุกๆ ท่าน

    ...ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตปรารถนาพุทธภูมิ ปลดเปลื้องสรรพสัตว์จากวัฏฏสงสาร เข้าสู่แดนเอกันตบรมสุข คือ พระนิพพาน การเดินทางครั้งนี้แสนยากลำบาก เเละใช้ระยะเวลาอันยาวนานนับอสงไขย

    ...ขออานิสงค์ผลบุญจากธรรมทานนี้จงบังเกิดแด่ท่านผู้อ่าน ท่านผู้ปรารถนาสาวกภูมิ , สาวิกาภูมิ ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณและคู่บารมีพระโพธิสัตว์ทุกท่าน จงมีความสุข เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม สมความปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ สาธุ ๆ ๆ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2018
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    หลวงปู่มั่น ท่านจะขนาบเหล่าศิษย์ทุกองค์เป็นปกติ เพื่อมรรคผลนิพพาน
    แต่สำหรับหลวงปู่หลุย ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านเห็นวงแหวนรัศมีอันเป็นบารมีพุทธภูมิเดิมของหลวงปู่หลุย ท่านจึงไม่ค่อยอะไรกับหลวงปู่หลุยมาก และต่อมาหลวงปู่หลุยลาพุทธภูมิเพื่อเข้าพระนิพพานตามหัวหน้ากลุ่มคือหลวงปู่มั่นแล้ว
     
  3. Bodhisattva

    Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662

    ประพันธ์โดย.. เจ้าพระยา(กรุงเก่า)

    ..นางแก้ว..

    หลายวาระ ... เวลา ... ข้ายังหวน
    จิตยังครวญ ... บทเพลง ... นางสวรรค์
    คือนางแก้ว ... ผู้สละ ... เพื่อพระอัน
    อภิเษกสรรค์ ... เป็นดวงเนตร ... แห่งจอมไตร

    ความอ่อนโยน ... เมตตา ... มั่นในองค์
    ยอมทรงตน ... มั่นคง ... อสงไขย
    แม้เหนื่อยล้า ... หากโพธิฯ ... ยังก้าวไป
    ขอเพียรตาม ... รับใช้เบื้อง ...พุทธางกูล

    ... สาธุ ...

    โพธิญาณ ... การเกื้อ ... เพื่อหมู่สัตว์
    จิตวิรัตน์ ... มโน ... ดั่งมหา
    แลพระนาง ... อุทิศ ... เพื่อพุทธา
    หวังเพียรสม ... โมทนา .. ข้าพระพุทธองค์ ...

    โมทนา กับบารมีแห่งสหชาติบารมี
    พระนางแก้ว ทุกองค์ ในทุกกาล
    ด้วยไตรทวาร ... สาธุ....

    ..
    ..

    เจ้าพระยา (กรุงเก่า)
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    มีอีกสิ่งที่จะสังเกตุได้ว่า เป็นผู้ที่อธิษฐานมาช่วยสร้างเสริมบารมีธรรมต่อกัน( นางแก้วและรัตนะอีกหกประการ ) ไม่ใช่ ผู้มาเหนี่ยวรั้งให้ห่างไกลจากบารมีสามสิบทัศน์ ( ธิดามารและเสนา ) ก็คือ...



    ....การได้พบ ได้รู้ ได้เห็น จะกระตุ้นให้ใจมีความเข้มแข็งในการการเจริญพระบารมีสามสิบทัศน์
    ส่วนธรรมฝ่ายอกุศลในจิตใจจะอ่อนกำลังลง เช่น นิวรณ์ห้า, อกุศลกรรมบถสิบฯลฯ
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    ผู้มีทัศนะละเอียดและแจ่มใส อาจจะได้เห็นนางแก้วและรัตนะทั้งหก รวมเป็นรัตนะเจ็ด มาปรากฏในอายตนะละเอียดก่อนหรือพร้อมๆกับ การได้พบบุคคลที่จะมาช่วยสร้างบารมี

    แต่ถ้าเป็นอกุศลธรรมส่งบุคคลคล้ายคลึงจะใช่ เข้ามาแทน ด้วยเหตุวิบากอกุศลก็ยากจะทรงใจให้ปกติ

    ควร........

    ครูบาอาจารย์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ มีญาณทัศนะปราศจากกิเลส จะช่วยยืนยันได้ว่า
    บุคคลที่เข้ามาในชีวิตในระหว่างทางสร้างบารมี มีที่มาที่ไป จากธรรมฝ่ายขาวหรือฝ่ายดำ ....แล้วจะไม่เสียเวลาเปล่า ในสิ่งที่เข้ามาสัมผัส สัมพันธ์
     
  6. aneka9119

    aneka9119 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +47
    อนุโมทนาสาธุกับท่าน จขกท.ด้วยครับ
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    ลิ๊งค์ข้างล่างนี่เป็น เรื่องตัวอย่าง เรื่องหนึ่ง ของผู้เคยเป็นภรรยาของพระโพธิสัตว์ในพระชาติที่เสวยเป็นพญาช้าง แต่ กระทำกรรมอกุศลต่อพระโพธิสัตว์ด้วยจิตอกุศล จึงไม่ผ่านด่านการทดสอบของธรรมชาติ ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะได้พระปรมัตถบารมี ได้รับพุทธทำนาย ....อย่างที่ทราบว่า ผู้ผ่านด่านการทดสอบและธรรมชาติคัดกรองเลือกสรรมีเพียงหนีึ่ง คือนางพราหมณี ที่ได้ถวายดอกบัวคู่กับพระฤาษีโพธิสัตว์สุเมธดาบส แล้วได้รับพุทธทำนายยืนยัน...



    https://palungjit.org/threads/แม้ใจมีแต่ให้-แต่อยู่ในโลก-ต้องกระทบทั้งรักและชัง.543806/
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    สุมิตตาพราหมณี - ปฐมจิตอธิษฐาน
    ที่มา : ยโสธราเถริยาปทานและทีปังกรพุทธวงศ์
    ย้อนหลังไปในอดีตกาลล่วงมาได้ ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป

    ครั้งนั้น พระนางพิมพาเกิดมาเป็นนางสุมิตตาพราหมณี อาศัยอยู่ในอมรวดีนครอันรุ่งเรือง

    ในครั้งนั้น เป็นพุทธกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระทีปังกร อันเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ ๔ ในมหากัปนั้น และเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ ๔ ใน ๒๘ พระองค์เมื่อนับถึงองค์ปัจจุบัน

    เมื่อพระทีปังกรตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ทรงเผยแผ่พุทธศาสนาอยู่ที่รัมมกนคร

    ครั้งหนึ่ง ชาวนครอมรวดีได้อัญเชิญเสด็จพระทีปังกรพร้อมพระสาวกขีณาสพ ๔ แสนรูปให้มารับมหาทานในนคร ในวันที่พระทีปังกรพุทธเจ้าจะเสด็จพุทธดำเนินมานั้น มหาชนผู้มีศรัทธาจำนวนมากก็พากันมารอรับเสด็จ ได้ช่วยกันถากถางทางและปรับพื้นที่ขรุขระมีน้ำขังให้ราบเรียบ เพื่อให้พระทีปังกรเสด็จดำเนินได้โดยสะดวก

    นางสุมิตตาพราหมณีผู้มีศรัทธา ก็ได้มารอรับเสด็จพระทีปังกรร่วมกับมหาชน ในมือนางถือดอกบัวมา ๘ กำ เตรียมมาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

    ขณะนั้นเอง นางสุมิตตาพราหมณีก็ได้เห็นดาบสผู้ทรงอภิญญารูปหนึ่ง คือ สุเมธดาบส เหาะมาในนภากาศ สุเมธดาบสมองลงมาเห็นมหาชนมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก จึงได้ลงมาสอบถาม เมื่อรู้ว่าพระทีปังกรพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดำเนินมาก็มีศรัทธา ขอร่วมในการปรับถนนด้วย ชาวเมืองเห็นว่าท่านสุเมธดาบสเป็นผู้มีฤทธิ์ จึงได้แบ่งงานบริเวณที่เป็นหลุมเป็นแอ่ง และมีน้ำท่วมขังมาก ให้ท่านดาบส

    สุเมธดาบสมีปิติยินดีเป็นอันมากที่จะได้เฝ้าพระพุทธองค์ จึงดำริว่าหากตนใช้ฤทธิ์ปรับถนน แม้งานจะสำเร็จรวดเร็ว แต่ก็ไม่ชื่นใจ ไม่สมกับศรัทธาที่ตนมี จึงได้อดทนขนดินทรายมาถมหลุมบ่อด้วยแรงกายเช่นสามัญชนทั่วไป

    การกระทำของสุเมธดาบสนี้ สร้างความศรัทธาและความชื่นชมแก่นางสุมิตตาพราหมณีที่เฝ้ามองอยู่ยิ่งนัก

    เมื่อสุเมธดาบสยังปรับพื้นที่ไม่เสร็จดี พระทีปังกรพุทธเจ้า พร้อมพระสาวก ๔ แสนรูปก็เสด็จดำเนินมา สุเมธดาบสเห็นไม่ทันการณ์ เพราะยังมีบ่อที่น้ำท่วมขังอยู่ช่วงตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจทอดตัวลงนอนปิดทับแอ่งน้ำนั้น ตั้งใจถวายชีวิตให้พระทีปังกรและพระสาวกเดินไปบนแผ่นหลังของตน

    พระทีปังกรพุทธเจ้า เสด็จมายืนอยู่ที่เบื้องศีรษะของสุเมธดาบส ทรงตรวจสอบดูด้วยพระสัพพัญญุตาญาน ก็รู้ว่าสุเมธดาบสผู้นี้เป็นหน่อเนื้อพระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีเต็ม เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘ เป็นผู้สร้างสมพุทธการกธรรมมาแล้วถึง ๑๖ อสงไขย สมควรแก่การได้รับลัทธยาเทศได้แล้ว พระองค์จึงได้ทรงประกาศพุทธพยากรณ์ว่า

    "ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอัน รุ่งเรืองนี้ ดาบสผู้นี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จในที่สุดแห่งสี่อสงไขยกับเศษแสนกัปนับแต่นี้ เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่าโคตม

    ในอัตภาพนั้นของเขา จักมีนครนามว่า กบิลพัสดุ์ เป็นที่อยู่อาศัย พระมารดาทรงพระนามว่ามายา พระบิดาทรงพระนามว่าสุทโธทนะ พระอุปติสสะเป็นอัครสาวก พระโกลิตะเป็นอัครสาวกที่สอง พระอานนท์เป็นพุทธอุปฐาก พระเขมาเถรีเป็นอัครสาวิกา พระอุบลวรรณาเถรีเป็นอัครสาวิกาที่สอง เขามีญาณแก่กล้าแล้วออกมหาภิเนษกรมณ์ ตั้งความเพียรอย่างใหญ่ รับข้าวปายาสที่โคนต้นไทร เสวยที่ฝั่งเเม่น้ำเนรัญชรา ขึ้นสู่โพธิมณฑล และจักตรัสรู้ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์"

    ชาวเมืองและเทพเทวดาทั้งหลายในที่นั้น เมื่อได้ฟังพุทธพยากรณ์แล้ว ต่างก็กล่าวสาธุการ สนั่นดังไปทั่วทั้งไตรภูมิ

    ขณะนั้นเอง นางสุมิตตา ผู้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ก็เกิดปิติศรัทธาไปกับสุเมธดาบส นางจึงได้แบ่งดอกบัว ๕ กำ ให้สุเมธดาบสใช้บูชาพระพุทธเจ้า ส่วนดอกบัวอีก ๓ กำ นางนำไปถวายพระพุทธเจ้าแทบพระบาทของพุทธองค์ แล้วกล่าววาจาว่า

    "ข้าพระบาทได้แลเห็นท่านดาบสเหาะลงมา จากนภากาศ ช่วยขนดินทรายมาปรับผิวทาง ข้าพระบาทมีความศรัทธาในท่านดาบส เมื่อเห็นท่านดาบสทอดกายเป็นสะพาน ข้าพระบาทยิ่งมีปีติและศรัทธา บัดนี้ พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ท่านดาบสว่า จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ข้าพระบาทนี้ยิ่งมีปิติและศรัทธาไปกับท่านดาบสยิ่งนัก ข้าพระบาทขอตั้งความปรารถนา จะเป็นคู่สุข คู่ทุกข์ คู่ยาก ช่วยท่านดาบสสร้างสมบารมีให้สมบูรณ์"

    พระทีปังกรพุทธเจ้าจึงทรงตรวจสอบ นางสุมิตตาพราหมณี ด้วยพระสัพพัญญุตาญาณ แล้วจึงตรัสวาจาพยากรณ์ว่า

    "ดูกรฤาษีผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน ทำกุศลร่วมกัน เป็นที่รักของบุญกรรม เพื่อประโยชน์แก่ท่าน น่าดู น่าชม น่ารัก น่าชอบใจยิ่ง มีวาจาอ่อนหวาน จักเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน ความปรารถนาของอุบาสิกานี้จะสำเร็จตามปรารถนา"

    เหล่ามนุษย์และเทพยดาต่างสาธุการดังก้องขึ้นอีกครั้ง แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงนำดอกไม้ ๘ กำโปรยบูชาสุเมธดาบส ทรงกระทำประทักษินแล้วดำเนินหลีกไป เหล่าพระขีณาสพทั้งสี่แสนก็บูชาพระดาบสด้วยของหอมและพวงดอกไม้ แล้วดำเนินหลีกไป

    เมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินไปหมดแล้ว สุเมธดาบสซึ่งบัดนี้ได้เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอนตามลัทยาเทศนั้นแล้ว ก็ลุกขึ้นนั่งบนกองดอกไม้ พิจารณาตนเองด้วยอภิญญาญาณ ทบทวนพุทธการกธรรมคือบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ที่ได้บำเพ็ญเพียรมา เมื่อพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์แล้วก็บังเกิดแผ่นดินสั่นหวั่นไหว แล้วเหล่าเทพเทวดาทั่วหมื่นโลกธาตุก็ประชุมกัน สักการะด้วยสุคนธมาลัยทิพย์ แล้วกล่าวอำนวยพร

    แล้วสุเมธดาบสก็เหาะกลับไปป่าหิมพานต์ เจริญอภิญญาสมาบัติมิให้เสื่อม เมื่อสิ้นอายุขัยก็ไปอุบัติในพรหมโลก

    ในชาตินี้จึงเป็นชาติสำคัญของพระโพธิสัตว์ และพระนางพิมพาผู้ซึ่งเป็นคู่บารมี เนื่องจากเป็นชาติที่พระโพธิสัตว์ได้รับลัทยาเทศจากพระพุทธเจ้า และพระนางพิมพาก็ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน นับจากชาตินี้เป็นต้นไป ทั้งสองจึงได้เกิดมาสร้างสมบุญบารมีต่างๆ ร่วมกันตามที่ได้ตั้งความปรารถนาไว้ นับเป็นบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ที่บุคคลทั่วไปทำได้อย่างยากยิ่งนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2018
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,969
    ...จะเห็นจากตัวอย่างในพระชาติการสร้างพระบารมีของสมเด็จองค์ปัจจุบัน
    ในพระชาติสุเมธดาบสได้เลย ว่า...


    สุเมธดาบส สร้างสมบารมีเพื่อพระโพธิญาณมาแล้วมากกว่าสิบหกอสงไขย
    ( ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๒๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ แบ่งเป็น ๓ ช่วงครับคือ

    - ปรารถนาด้วยใจ ใช้เวลา ๗ อสงไขย
    - ปรารถนาด้วยวาจา ใช้เวลา ๙ อสงไขย
    - ช่วงสุดท้าย เป็นช่วงที่ได้รับพยากรณ์ ใช้เวลา ๔ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ ( พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันเป็นแบบ ปัญญาธิกะ )


    เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้ ตามพุทธพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระทีปังกรฯแล้ว และขณะนั้น นางสุมิตตราพราหมณี ผู้สร้างสมบารมีมามาก
    ศรัทธาในปณิธานยิ่งใหญ่ และพุทธทำนายการเที่ยงต่อการตรัสรู้แห่งสุเมธดาบส จึงมีน้ำใจใหญ่ยิ่งที่จะช่วยเหลือให้สำเร็จพระโพธิญาณ

    ไม่มีเหตุมาจากความรู้สึกปฏิพัทธ์ในทางชู้สาวแบบโลก


    หลังจากพระพุทธองค์พระทีปังกร ใช้พระญาณตรวจดูแล้วจึง
    ยืนยันว่า จะเป็นผู้มีจิตใจและการกระทำเสมอเหมือนพระโพธิสัตว์
    จะเกื้อกูลให้บรรลุพระโพธิญาณ

    เมื่อทั้งคู่ได้รับพุทธพยากรณ์จบลง
    ก็หาได้ครองคู่กันตามประสาโลกไม่


    พระสุเมธดาบสก็เหาะไปบำเพ็ญฯต่อไป


    การบำเพ็ญเกี่ยวข้องกัน เพื่อพระโพธิญาณ จึงเริ่มหลังจากพระชาตินี้

     
  11. aneka9119

    aneka9119 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +47
    อ่านแล้วน้ำตาไหลตลอดเลยครับ..
    ขออนุญาตคัดลอกมาบางส่วน
    สามารถอ่านเต็มๆได้ที่นี่ครับ

    https://pasannopikku.wordpress.com/2010/11/27/การเสียสละ-คือ-ความรักอั/



    สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณีรำลึกอดีตชาติหนหลังที่ตนเคยพลั้งพลาดอาจมีโทษผิดต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    “พ่อราหุล มารดานี้จะเห็นหน้าลูกเป็นปัจฉิมสุดท้ายแล้วในวันนี้ โทษใดที่มารดาเคยทำให้ลูกโกรธเคืองเจ้าจงอภัยให้แก่มารดาในวันนี้เถิด” พระนางกล่าวกับพระราหุลพุทธปิโยรส

    พระราหุลค่อยๆก้มลงกราบ “อันพระเดชพระคุณที่มารดามีต่อราหุลนี้มีมากมายอุ้มท้องประคองเลี้ยงรักษามาจนเติบใหญ่ บางครั้งก็ตบศีรษะตบปากบ้าง หากโทษผิดเหล่านั้นจะบังเกิดแก่ลูก ขอโปรดประทานอภัยด้วยเถิด”

    “ดูกร เจ้าพิมพา อันตัวเจ้านี้มีคุณแก่เราตถาคตมาแต่กาลก่อนเราจักได้สำเร็จแก่พระบวรสัมโพธิญาณก็เพราะเจ้าเป็นสำคัญ เราทั้งสองเคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาโทษผิดที่เจ้ามีต่อเราตถาคตในแต่ปางก่อน วันนี้เราขอยกโทษให้แก่เจ้าจนหมดสิ้น อนึ่งโทษานุโทษอันใดที่เราได้ล่วงเกินเจ้าในชาติที่ผ่านมา ตลอดจนถึงชาติปัจจุบัน ขอเจ้ายกโทษให้แก่เราตถาคตเสียให้สิ้น แล้วจงดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานอันเป็นเอกัตคตาบรมสุขไปก่อนเถิดนะ เจ้าพิมพา”

    แล้วพระองค์ทรงตรัสโอวาทแก่เหล่าภิกษุเพื่อรำลึกถึงพระนางเป็นครั้งสุดท้าย

    “ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ตลอดเวลาอันยาวนานของการบำเพ็ญบารมีสะสมความดีเพื่อตรัสรู้ พระนางพิมพายโสธราเถรีซึ่งเป็นคู่รักเพื่อนชีวิต ในอดีตชาติได้เสียสละทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ การสั่งสมบารมีของเรา เธอยอมสละแม้กระทั่งความสุขความสบายส่วนตน จนกระทั่งเราได้มาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาตินี้ อันเป็นชาติสุดท้ายของเราทั้งสอง อันเป็นประโยชน์ที่จะได้เผยแผ่สัจธรรมสู่มวลมนุษย์ เพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง จักมีใครที่สร้างคุณอยู่เบื้องหลังการบรรลุธรรมเทียบเท่ากับเธอเช่นนั้นแล้วไม่มีอีกแล้ว”
     
  12. Bodhisattva

    Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662



    คงเป็น ”รอยบุญ” มาหนุนนำ
    รอยกรรม..รอยเกวียน
    ..หมุนเปลี่ยนเสมอ..
    ให้เรา..ได้มาเจอะเจอ
    ฉันและเธอ..พบกันร่วมสุข
    ..สมดังรอคอย..


    ..
    ..

    รอคอยเธอมา..แสนนาน

    ทรมานวิญญาณ..หนักหนา
    ระทม..อยู่ในอุรา
    ..
    แก้วกานดา..ฉันปองเธอผู้เดียว
    ..
    เธอเอย..แม้เราห่างกันแสนไกล
    ชายใด..ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
    รักเธอ แน่ใจ จริงเจียว
    ..
    รักเธอ รักเดียว นิรันดร์

    ..​
    แม้มีอุปสรรคขวากหนาม
    ขอตามมิยอมพลัดพรากจากกัน
    จะชาติไหนๆ ไม่ยอมห่างไกลกัน
    ..
    ดวงจิตผูกพัน..รักมั่น..มีไว้เพียงเธอ

    ..​
    คงเป็นรอยบุญมาหนุนนำ
    รอยกรรมรอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
    ให้เราได้มาเจอะเจอ
    ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
    ..
    ..
     
  13. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +695
    มีพระเกจิเมืองเหนือท่านหนึ่งมาจำพรรษาที่สวนทิพย์

    ท่านสอนอสุภกรรมฐานดิฉัน ด้วยการหลับตาสนิทแล้วสนทนาโต้ตอบสองคนค่ะ

    ดิฉันจึงเข้าใจค่ะท่าน

    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีดีนะคะ
     
  14. Bodhisattva

    Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662

    ดีจังเลยค่ะ นับเป็นบุญแล้ว ให้ท่านช่วยสงเคราะห์ รักษา บรรเทาอาการทางกาย+จิตวิญญาณ ที่เป็นอยู่ในเวลานี้สิคะ หากมีบุพกรรมดีเกี่ยวเนื่องต่อกันมา และหากในปัจจุบันยังสามารถติดต่อทางจิตกับท่านได้อยู่ ท่านน่าจะช่วยสงเคราะห์บรรเทาได้เยอะ หากไม่เกินกรรม
     
  15. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +695
    นานแล้วค่ะที่เล่านี้ค่ะ ปัจจุบันไม่เจอท่านเลยค่ะ
     
  16. Bodhisattva

    Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662
    ..
    ..
    คงเป็น ”รอยบุญ” มาหนุนนำ
    รอยกรรม..รอยเกวียน
    ..หมุนเปลี่ยนเสมอ..
    ..
    ..

    จะว่าไปก็แปลกมาก..แค่คำธรรมดา
    แต่ได้ยินแล้วน้ำตามันพาลจิไหลเสียให้ได้
    ..
    ไม่ได้รู้สึกอ่อนไหวเพราะเพลงซึ้ง
    แต่ให้รู้สึกถึงความยาวนานแห่งสังสารวัฏ
    ..
    แต่ต่อให้สังสารวัฏจะยาวนานสักเพียงใด
    ดวงจิต..หากมันผูกมันพันกันด้วยแรงบุญแล้ว
    ก็หลีกหนีกันไปได้ยาก ฉันใด ก็ฉันนั้น
    ..
    ..





     
  17. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +695
    เหมือนท่านจะรอใครอยู่หรือเปล่าคะ หากผิดขออภัยนะคะ
    ดิฉันรอไม่ไหวแต่ตกหล่มค่ะ ก็เหมือนกับต้องรอ
     
  18. Bodhisattva

    Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662
    ..
    ..

    ไม่ทราบว่ารอใครเหมือนกันค่ะ แต่ชาตินี้ยังไม่เคยแต่งงานนะคะ แค่เคยมีรักกุ๊กกิ๊กฟรุ้งฟริ้งสมัยเด็กๆ จนถึงมหาลัย รักซ้อน ซ่อนรัก สามเส้า สี่เส้า พบว่าการเล่นเกมรัก การต่อรองหัวใจ มันน่าเวียนหัว มันไม่ใช่ของดีค่ะ 5555
    ..
    ..
    โตมานี่ชักจิเบื่อ รู้สึกอารมณ์เหล่านี้มันเฝือ รัก โลภ โกรธ หลง มันกลายเป็นของไม่น่ารัก555
    ..
    เมื่อใจพักรักก็ได้มาพบธรรมค่ะ
    ..
    จนตอนนี้อายุ 34 ค่ะ คิดว่าถ้าเจอหรือมีบุญสัมพันธ์ก็จะได้มาช่วยกันสร้างบุญสานต่อบารมี หากไม่เจอก็สัก 60 กำลังแจ๋ว น่าจะได้เวลาเนกขัมบารมี จำศีลบวชชี ท่าจะดีต่อใจค่ะ
     
  19. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +695
    มิน่าล่ะ สนทนากับท่านพอเข้าใจ วัยใกล้กัน

    ส่วนวัยสูงอายุที่อ่านแล้วเข้าใจมีแต่คุณลุงแมวค่ะ

    ตัวท่านเองมีเสน่ห์ในการสนทนาและมีความโรแมนติกสูง

    จริงใจกับผู้คนรอบข้างและใส่ใจในมิตรภาพ

    อายุยังน้อย เดี๋ยวก็เจอนะคะ ใจเย็นๆ

    ส่วนตัวดิฉันติดหล่ม ไปไหนไม่ได้ ใครไปก่อนก็อนุโมทนาสาธุทั้งนั้นค่ะ

    ชีวิตคือการเรียนรู้ แบบไม่สิ้นสุด พระโพธิสัตว์ยังมีความรักได้เลยค่ะ แล้วแต่การอธิษฐานจิตและการบำเพ็ญบารมี

    เชื่อว่าเดี๋ยวสิ่งดีดี ก็เกิดขึ้นกับท่านเพราะ ทานศีล ปิยวาจา เป็นต้น ค่ะ
     
  20. Bodhisattva

    Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662
    ..
    ..

    มีเสน่ห์รึเปล่าอันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ :rolleyes:
    แต่ความโรแมนติค นี่คงเป็นนิสัยเดิมที่สะสมมาหลายภพชาติค่ะ 555
    ..
    แล้วไปรักษาทางญาณมาได้ผลเป็นยังไง อัพเดทให้ฟังบ้างนะคะ เป็นห่วงเป็นใยและส่งใจไปช่วยค่ะ ฮึบๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...