ทำสมาธิแล้วร่างลอย

ร่างผมลอยไปติดกำแพง ห่างไปซัก 7 ฟุตครับ แต่ไม่เจ็บเลยครับ เหมือนเบาไปหมด

 

ดีครับ บางคนยังไม่เคยสัมผัสแบบนี้เลย อย่างน้อยเราก็เคยสัมผัสมันจริงๆจากการทำเองของเรา จะขั้นเริ่มหรือขั้นไหนมันก็เป็นบุญบารมีสะสมกำลังไปเรื่อยๆครับ

 

ลอยไปตอนนั้นสังเกตุด้วยว่า
สภาพแวดล้อมเงียบหรือไม่เงียบ
ถ้าเงียบเราจะเหมือนเรามองเห็น
คล้ายมองตาเดียวอยู่ดีๆจะชนกำแพงแระ
และไม่สัมผัสหรือเห็นแขนขาตัวเอง
นี่คือระดับอุปจาระสมาธิ

หรือได้ยินเสียงภายนอกชัดเจนมาก
ยุ่งบินยังได้ยินเสียง. อากาศวิ่งผ่าน
ป่านว่าเสียงเครื่องบินกำลังขึ้น
แล้วค่อยๆลุกออกมา สามารถหันไปมอง
ด้านหลัง เห็นใครก็ไม่รู้แต่ว่า
หน้าเหมือนตรูเหลือเกิน
แล้วรู้สึกเหมือนเรามีอะไรหน่วงๆ
ที่หลังเรา นี่คือ ฌาน four

ปล่อยไปสุดๆเลยไม่มีอะไรหรอก
ถ้าเป็นอุปจาระนะ. แต่ถ้าเป็น
ฌาน ๔ ไม่มีอะไรแค่นึกได้ันก็กลับมาแล้ว
และไปไม่ไกลจากที่เรานั่งหรอก
ยกเว้นสายบันเทิงชอบท่องเที่ยว

ให้มาเจริญสติให้ต่อเนื่อง
เพิ่มขึ้นและนั่งเกร๊งกล้ามตรูดต่อไป
ประมานครั้งที่ ๓ หรือ๔ จะสามารถ
บังคับจิตให้อยู่นิ่งๆในกายได้
ถึงจะเริ่มมีประโยชน์บ้าง
ในด้านเดินปัญญาหรืออื่นๆ
เข่นตัดร่างกายหรือความสามารถ
ใข้งานทางจิตได้ในเวลา
ลืมตาปกติ ตรงนี้มันเป็นไปเองนะครับ

และถ้าอุปจาระ ก็มาเจริญสติเพิ่ม
จนกว่าจะสามารถตามตัวจิตได้ทัน
ในระหว่างที่มันจะออก
ถือว่าใช้ได้

ประเภทไปโผล่ที่ไหน แต่ไม่รู้มาไง
หรือไม่รู้ว่าที่ไหน หรือไม่รู้ว่าใคร
หรือเห็นอะไรแต่ไม่รู้. แม้ทำได้ภายใน
เวลาไม่กี่วินาที ทางปฎิบัติ
มันฟ้องว่า กำลังสติทางธรรม
เรายังไม่พอ อย่าไปคิดว่าดีนะครับ
เสร็จแน่นอน ต้องไปต่อครับ


และให้ลอยไปบนฟ้า ไปไกลกว่านี้
อีกสิบกิโลก็ไม่เป็นครับ สนุกดีครับ
ถ้าทำได้ครั้งเดียวจะผ่าน

กิริยาแบบนี้ ไม่ว่าระดับไหน
คนไม่เคยฝึกสมาธิก็เกิดได้นะครับ
ย้ำว่าไม่เคยฝึกก็เกิดได้นะครับ

ปล. อย่ายึดและสนใจเป็นอันขาด
ไม่งั้นสมาธิเราจะแป๊กที่สูงสุด
ไม่เกินปฐมฌานครับ

เพราะแม้ว่าจะถึงฌาน ๔ ได้ก่อน
ยังไงต่อไปก็แป๊กปฐมฌาน
เพราะระหว่าง๒ ไป๔ มันจะไปแบบ
ขึ้นและลงแบบพรวดพลาด
ประเภทที่บอกว่าตัวเองถึง ฌาน ๒ ฌาน ๓ หรือ๔ ตอนนั่ง
แบบว่านั่งไปรู้ตัวไป นั่นคือการมโน
อ้างตามตำรา ตามสัญญาครับ
เพราะเคยเป็นมาก่อนเลยพอบอกได้

พูดไปง่ายๆ กิริยาแบบนี้
ถ้าเกิดอีก ให้ช่างหัวพระญาติมัน
แล้วเน้นมาเจริญสติต่อ
ประกันได้ว่า ปลอดภัยแน่นอนครับ

**ปกติถ้าไปโหมดสมาธิสูงได้จริง
และไปได้ไกลๆกว่าระดับโลก
มักจะมีอะไรๆอยู่
และไม่ค่อยสงสัยมาถามอะไรครับ

เล่าให้ฟังเฉยๆ

 

ยินดีด้วยนะครับ จขกท.

ว่าแต่ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน ไม่ว่าอะไร ช่วยถ่ายคลิปมาลงให้ดูทีนะครับ สมัยนี้อยากเห็นผู้ปฏิบัติที่ลอยได้

ช่วงก่อนๆ ก็มีหลายๆคนมาโพสเหมือน จขกท ว่า ลอยได้เหมือนกัน แต่พอ แนะนำว่าให้ ถ่ายคลิปมาให้ดู ยืนยันว่าลอยได้จริงๆ ไม่ได้คิดเอาเอง ต่างหายเงียบสาปสูญหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร T_T

ถ้าไม่ว่าอะไร ช่วยถ่ายคลิปมาให้ดูทีครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ จขกท

^^

 

มีประเด็นที่เห็นด้วยและเห็นต่างครับ

ที่เห็นต่างคือ
จขกท บอกว่าร่างกายลอยได้
คงไม่ใช่นั่งๆอยู่ แล้วตัวเอง
หรือตัวเราเป็นๆลอยได้ครับ
และไม่ได้มีเจตนาจะมา
ลงเพื่อโอ้อวดอะไร
อาจจะแค่รู้สึกว่าแปลก
เลยมาถามว่า
ใครเคยเป็นบ้าง
ใครพอมีประสบการณ์บ้าง
ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป

และกิริยาที่เป็น
น่าจะเป็นกิริยาของตัวจิต
ที่รู้สึกว่ามันลอยได้

สมมุติถ้าเก่งขนาดร่างกายนี้
หรือกายนี้ตัวเป็นๆลอยได้ เหมือนเหาะได้
จริงๆ คงไม่เสียเวาลามาตั้งกระทู้ถาม
เรื่องเบสิคทั่วไปหรือมาเล่ากิริยาแบบนี้ครับ


สมาธิมันมีขั้นมีตอนในการพัฒนาอยู่
เป็นไปไม่ได้หรอก ที่นั่งปกติจะตัวลอยจริงๆ
ค่อยๆเป็นค่อยไปครับ

การพัฒนาทางจิต ถ้าเป็นไปแบบ
พรวดพลาด โดยขาด ฐานรองรับ
ที่เพียงพอ ไม่ว่าจิตใจ กำลังสมาธิสะสม
หรือกำลังจิตใช้งานสะสม

ถ้ามาแนวพลังงาน
ประกันได้ว่าจะเพี้ยนทันที
ถ้ามาแนวทางสัมผัสภายใน
จะดูวิกลจริต เพราะหายตัว
ในญานวิถีไม่เป็น
(คือแยกไม่ออกระหว่าง
โลกความเป็นจริง
กับโลกวิญญาณ)

แต่ที่เห็นด้วย
คือ นักปฏิบัติ ที่มาเล่าเชิง
โอ้อวดประสบการณ์ตนเอง
พูดแบบเป็นจริงเป็นจัง
ประหนึ่งว่าตนเอง
ไม่ใช่คนธรรมดา ที่พูดซะ
คนอ่านได้อ่านแล้ว ทำไมถึงเก่งจัง

ประเภทควรพิสูจน์
เช่น บอกว่าตัวผมเป็นๆลอยได้
ไหนขอดูหลักฐานหน่อย

หรือบอกว่าผมได้ฌานระดับนี้
ไหนแสดงความสามารถในการ
ใช้งานจริงๆให้ดูหน่อย

หรือไม่สดวก ก็ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
ว่ากำลังระดับฌานนั้นมัน
ทำอะไรได้บ้าง ยกเว้นเอามาพูด
ให้ตัวเองดูไม่ใช่คนธรรมดา

ปล ที่พูดเฉพาะที่เปิดตัวว่าตนประหนึ่ง
ผู้มีความสามารถทางสมาธิสูงส่งทั้งหลาย
ไม่เกี่ยวกับสายอิงตำรา. สาย ปี๊แปะ
หรือสายที่เน้นทางปัญญา
หรือวิปัสสนานะครับ
หรือพวกตุ๊ดแต๊วที่เจตนา
ล็อกกระทู้เพราะกลัวคนมาเบรค
แล้วจะเสียหน้าเพราะสร้างภาพ
ไว้เยอะนะครับ
แค่เล่าสู่กันฟังเล่นๆครับ

คนเข้ามาอ่าน แต่ไม่คอมเมนท์
ไม่ได้แปลว่า เค้าไม่มีวิจารณญาณ
ในการแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไรนะครับ
ดังนั้นก่อนจะคุยยกตนเอง
ถ้าไม่ละอายใจตนเอง
ก็ละอายสิ่งที่มองไม่เห็น
หรือละอายใจชาวโลกบ้าง

สังคมผู้ปฎิบัติมันถึงจะพัฒนา
จะได้ไม่เต็มไปด้วย
ผู้เข้ามาประกาศตน
ว่าตนเหมือนคนเหนือเหนือโลก
พอให้พิสูจน์แสดงความสามารถ
ในสิ่งที่ตนประกาศ
พากันเงียบกริ๊บ
ตามด้วยข้ออ้างต่างๆนาๆ

พอขำๆเด้อ ^_^

 

แบบนี้น่าจะเป็นอาการเล่าเชิงดีใจพร้อมสงสัยไปในตัวของผู้ที่อาจเพิ่งเคยเจอแบบฟลุ๊กๆ(เดาเอา) เพราะถ้าเป็นผมพลุ๊กทำได้ครั้งแรกก็คงจะมาตั้งกระทู้ทำนองแนวนี้แหละ หึหึ อยากตั้งลอยได้กับเขาเหมือนกันแต่ตัวมันไม่ลอยมีแต่ความคิดที่ลอยไปลอยมา 555

ถ้าจะเอาแบบแก่นสารจริงทางสายสาวก ก็ต้องถอดกิเลสเป็นอริยะขั้นต้น ถ้าเป็นสายพุทธะ ก็ต้องได้รับคำพยากรณ์เรียบร้อย ถึงจะเริ่มเรียกว่าของแท้ นอกจากนั้นเรื่องระหว่างการเดินทาง ถือเป็นน้ำจิ้มอนุสรณ์ของชีวิตที่เคยก้าวผ่านเท่านั้น ดูวิชาการมาหน่อยนะ 55

ปล.ผมกล้าพยากรณ์ตัวเองไว้ตั้งแต่วินาทีนี้เลย ผมจะเข้าสู่พระนิพพานทั้งจิตแก้วจริงๆโดยไม่เกิดอีกตลอดไป อย่างไวที่สุดคือชาติที่พระศรีอาริย์ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อย่างช้าที่สุดอีก 16 อสงไขยกับอีกแสนมหากัปในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้ แน่นอนที่สุด ^^

 

ผมขอโม้ด้วยนิดหนึ่งครับ

ก่อนอื่นมาเห็นด้วยกับท่าน nopphakan ที่ว่า อาการแบบนี้เกิดขึ้นได้ปรกติแม้แต่คนไม่ได้ฝึก หรือฝึกมานิดๆหน่อยๆก็ทำได้นะครับ

สมาธิระดับอุปจาระสมาธิก็ทำได้ แต่จะมืดมัวๆมองไม่เห็นตัวเอง แค่จะรู้ว่าร่างกายมันลอยละมันติดกับร่างอยู่ ต้องรักษาอารมณ์ละก็พยายามออก แต่ถ้าอยากมากๆนี่จะวูบกลับเลย แต่ถ้าตัดใจตายเป็นตายไรงี้จะออกได้ง่าย ละจากนั้นจะลอยไปลอยขึ้นไป หรือไม่ก็ลอยลง ละถ้าตัดสินใจพุ่งขึ้น มันก็จะพุ่งขึ้นจริงๆละก็เร็วด้วยแต่ว่าไปติดแหงก ละเหมือนถ่านหมด หล่นลงมาช่างหวาดเสียวเหลือเกิน อารมน่าจะเหมือนโดดลงมาจากเครื่องบินเอิ้กๆ ก่อนเข้าร่างมันจะ slow หน่อยจากนั้นเราจะรู้สึกทางกายละลืมตาทันทีละรู้สึกร่างกายสดชื่นผิดปรกติ

ละมันจะมีแบบคนอื่นพาออกด้วยนะ ผมว่ามันมีหลายแบบนะ ต้องลองถามคนแถวนี้ดูครับ

ปล. โม้ขำๆอย่าจริงจังนะคับ 555

 

ส่วนใหญ่จากที่ผมศึกษาประวัติ ลพ. ที่ดีจริงๆ ในเมืองไทย ช่วงที่ท่านฝึกสมาธิกันท่านก็ไม่ได้มาบอกอะไรใครหรอกว่าฉันทำโน่นทำนี่ได้เหนือกว่าคนธรรมดา ถึงท่านจะทำได้จริงๆกันก็ตาม(ของจริงไม่ปริปากบอก เพราะถือเป็นฌานโลกีย์ที่ยังเสื่อมได้) ตราบเมื่อท่านจบกิจจิตเป็นแก้วทั้งดวงจริงๆแล้ว ถึงค่อยมาเล่าเรื่องตอนสมัยท่านฝึกว่าเป็นยังไง เจออะไรมาบ้าง เพื่ออะไร ก็เพื่อเสริมกำลังศรัทธาของนักปฏิบัติใหม่ๆทั้งหลาย ให้มีกำลังใจที่ดีและตรงทางมากขึ้น ปฏิปทาของ ลพ.ที่มีอภิญญาจริงๆส่วนใหญ่ที่ผมศึกษาจะเป็นแบบนี้ทุกองค์ แบบนี้เจอแล้วน่ากราบหมดใจ

ยิ่งถ้าเคยเป็นพระโพธิบารมีใกล้เต็มแล้วตัดสินใจลา มาเป็นพระสาวกนะ มีของดีครบเครื่องทุกองค์ ปัจจุบัน เช่น ลพ. ...... (กาญจนบุรี)

 

พัฒนาการเป็นไปตามลำดับในการเข้าถึง
มันไปควบคู่กับ การละคลาย ความยึดมั่น
ถือมั่นในใจ
ไม่ว่าจะรูปธรรมก็ดี หรือนามธรรมก็ดี
เราจะรู้หรือทำได้เฉพาะที่เราเข้าถึง
ซึ่งมีลำดับขั้นตอนของมันที่ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ


การที่เราหายใจครั้งเดียวเข้าฌานได้
และสามารถใช้งานทางจิตได้นั้น
ในวงการใช้งานสากล
ท่านยังเป็นเพียงแค่
เด็กน้อยที่พึ่งคลาน
กำลังหัดที่จะเดินเท่านั้น
นี่คือพูดแบบตรงๆ

ดังนั้น จงอย่าสนใจกิริยา
กระโหลกกระลาต่างๆ ขี้เท่อต่างๆ
อย่าเอามาคุ้ยฟุ้ง เพ้อเจ้อ ไร้สาระ
ทุกกิริยาที่ท่านได้พบเจอในระหว่างทาง
ใดๆทั้งสิ้น. นอกจากจะมาถาม
ว่าจะไปอย่างไรต่อ เพราะมีมานาน
เป็นพันๆปีแล้ว ก่อนกำเนิด
ศาสนาพุทธด้วยซ้ำ



เพราะนอกจากจะทำให้ตนเอง
ไปได้ช้า หลงตัวเอง หลงสภาวะ
คิดว่าได้ระดับสูง บรรลุระดับสูง
และไร้ความสามารถทำได้จริงแล้ว

แถมท่านจะยังติดในการสรรเสริญ
การอยากได้รับการยอมรับจากสังคม
เห้ยพูดแล้วตรูนี่เก่ง
พูดแล้วตรูสุดยอด เป็น The avengers
เป็น X-men และหาก
ติดในลาภ ชื่อเสียง ติดสุขแล้ว
มันจะทำให้ท่านยิ่งห่าง
วงการใช้งานทางจิตสากลทั่วไป
เรียกว่าถอยหลังลงทะเล
(ลงคลองยังพอหาเจอ)

กำลังท่านมันจะไม่พอ
ที่จะทำให้ไปถึงระดับ
ปัญญาญาน ที่รู้สาเหตุของการเกิด
และรู้ในกระบวนการเกิด ตลอดจน
เหตุที่ดับและกระบวนการมัน
ได้ครบวงจร
อย่างที่คาดไม่ถึง.
เราจะติดอยู่ในแค่กระบวนการ
ระหว่างแต่คิดว่ามันเป็นที่สุดได้
อย่างคาดไม่ถึง โดยไม่รู้ตัว


ปล แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง พอขำๆ

 

ใครเก่งสมาธิจิต ไปช่วยเด็ก13คนเถอะ ใครเก่งอยากเห็น ที่บอกว่าจิตทำงานได้ขอดูๆ

 

ถ้าไม่มีความสามารถทางจิตเลยซักแอะ
แต่มีความสามารถโม้ได้ระดับโลก
และไม่รู้เรื่องวิบากเลย เพราะจิต
ทำงานไม่ได้ แต่โม้ว่ามีพระพุทธเจ้า
มาบอกว่าตนเองวิเศษ
และมัวแต่โม้ว่าตนเองเป็นระดับ
สกิทาปัญญาอ่อน แต่ไม่รู้
เรื่องการแยกรูปแยกนามพื้นฐาน
และไม่มีแม้แต่วิญญาณ
มาขอส่วนบุญ
ไม่รู้อะไรเลยเรื่องทางภพูมิ
แต่สะเออะอ้างอิงระดับสูง
มายกย่องตนตนเอง

เนื่องจากโม้มากเรื่องการปฎิบัติ
แต่ไม่เคยฝึกกรรมฐานอะไรสำเร็จซักกอง
และจะไม่สำเร็จเลยซักกองในชาตินี้
ก็เลยไม่รู้เรื่องมารยาท
ทางด้านญานวิถีอะไรเลย

พระเกจิมีความสามารถทางจิต
เยอะแยะ แต่ท่านรู้จักในเรื่อง
มารยาททางด้านญานวิถี
และกฏแห่งกรรม และการวางตัว


ไม่เหมือนไอ้หน้าโง่ ขี้โม้ ขี้อวดตน
ไม่มีความสามารถใดๆ
ได้แต่ใช้ปาก ใช้วาจา
ระดับภูมิจิต อสูรกาย
เข้ามาสะเร่อ โชว์ภูมิจิตใจอับปีรย์
จังไรของมัน. ในกระทู้
เกี่ยวกับ กิริยาทางสมาธิ

เรียกว่า โง่ทั้งด้านปฎิบัติ
และโง่ทางด้านมารยาททางสังคม

ปล หายไปเพราะน้ำอสุจิเคลื่อน
สบายใจแล้วหละซิ เบาตัวแล้วเนาะ
ทำใจได้แล้วเนาะ
เลยมาโชว์โง่ ไอ้ กะบือ ตู่
ว่าจะเอาหลักฐาน ขี้โม้มันมาประจาน
แห๋มๆมันรีบล๊อกกระทู้เลย
ที่แท้ก็ ตุ๊ดแต๋ว ดีๆนี่เอง ^_^

กระทู้เรื่องเกี่ยวกับผลของสมาธินะ
ย้ำอีกที บอกไว้เพราะตรรกะไปแล้ว

 

อ้าวกล่าวหาคนอื่น มีใครพูดเกรอว่ามีพระพุทธเจ้ามาบอก ขอหลักฐานหน่อยนะ ครั้งก่อนกล่าวหาผมว่าผมพูดว่าตนเองเป็นอนาคามี ตอนนี้มีกล่าวกาอีกว่าผมพูดพระพุทธเจ้ามาบอก ตกลงคุณเป็นคนเช่นไรมิทราบ นักปฏิบัติแบบใส่ความคนอื่นเหรอ มันบาปนะ และมาด่าผมทำไมอ่ะ งง หรือเป็นอุปนิสัยครับ

 

555 อสุจิเคลื่อน คุณเหรอ ผมไม่อ่ะ จิตผมแข็งแรงพอ

 

ตกลงพลังติตคุณที่คุยว่ามีมากมายใช้อะไรไม่ได้เลย ช่วน เหรคนไม่ได้เลน แล้วจะมีไปทำอะไรครับ ให้เอามาใช้เลิกกิเลสก็ไม่ทำ ให้ช่วยคนก็ไม่ได้กลัวเสียมารยาท อ้างกฏแห่งกรรม ยิ้ม ชอบด่าคน5

 

หัวเราะที่หลังดังกว่าเสมอ
คุยกับพวกตอแหล มันมักไม่ยอมรับ
และถามหาหลักฐาน และได้ทีก็เก๊ทับทันที
วันนี้ พี่น้อง จะได้เจอ ไอ้ตู๊ดตอแหล
ขี้โม้ว่าเป็นสกิทาคามี
โม้ว่า ทำอสุจิไม่ให้เคลื่อนได้ เหมือนพวกขันที
แล้วว่า ตนเองบรรลุธรรม
โม้ด้วยว่า มีพระพุทธเจ้ามาบอกมันด้วย
แต่ด้วยที่มันโม้มาก คิดเอาเองไว้เยอะ
ความจริง มุขอันสเปริม์ เคยใช้มานานแล้ว
แต่หายไปพักหนึ่ง พอมาเริ่มใหม่ได้นาน
ก็เลยมาโม้อีก และก็หายไปอีก




แสดงว่าโง่จริงๆ ไม่อ่านที่อธิบาย
มันกะเล่นส่วนตัว
๕๕๕ เสร่อเข้ามาตอบ ต่อท้าย ประชด
ประชัน

ได้ตามข่าว ครูบาร์ทางเหนือมีชื่อ
ตามข่าวสมเด็จพระสังฆราชไหม
ระดับนั้นโปรขนาดไหน
แล้วคิดว่าไอ้หน้าโง่ ตอแหล
ไร้ความสามารถทางจิต
อย่างมะรึง ที่มาแดกดัน
หรืออย่างข้าพเจ้าจะมีปัญญา
ทำอะไรได้ คือนอกจากมะรึง
จะไม่รู้เรื่องวิบากกรรมอะไร
ยังโชว์ นิสัยระยำๆ ตอแหล
กล่าวหาได้อีก

เอ่อถ้า ไอ้ Nopphakan มันเคยโม้
ว่ามันโคตรเก่ง ได้ฌาน ๘๐
เหมือนคนอื่นๆ
หรือคุยว่ามัน
บรรลุคุณธรรมอย่างไอ้ bigtoo
แล้วมะรึงมาแดกดัน
ยังพอสมเหตุสมผล


แต่ไอ้ตุ้ด ตอแหลอย่าง มะรึง
นอกจากไม่ตอบเนื้อหาตามกระทู้แล้ว
เข้ามาแสดงสันดานถ่อย
แสดงว่าแค้นส่วนตัว ๕๕๕
เด่วจัดให้นะ

ป่านนั้นบอกว่า
ตนเองเป็นสกิทา คงเป็นประเภทสกิทาปัญญาอ่อน. เรื่องอนาคามีจบไปแล้ว
บอกแล้วว่าคุณไม่ได้พูด แต่มาแสดง
ว่าตนละเรื่องกามได้ มันบอกคนอื่นเป็นนัยยะ
ว่าตนเองเป็นอนาคามี ไอ้ฟายยยย
พอได้ทีหละเล่นตรูคืนเลยนะ


และด่า ไอ้ตู๊ดตอแหลมัน
ไม่บาปหรอก จิตใจมันต่ำไร้กำลังจิต
ไร้บารมี ผียังไม่เคยมาขอส่วนบุญ
มุขนี้ใช้ไม่ได้ผลนะ ไอ้ตรรกะเสื่อม ขี้อิจฉา

มะรึงกล้าสาบานไหมหละ ๕๕๕
ทำไมไม่มาโม้เพิ่มเรื่องอสุจิเคลื่อน
อย่ามาเนียน อย่าเอามาอ้าง
เพื่อยกว่าตัว
เป็นระดับสกิทาปัญญาอ่อน
อิอิ ประกันได้ว่า มะรึงทำไม่ได้แล้ว
๕๕๕๕๕ อย่ามาเนียน.....

๕๕๕ สกิทาปัญญาอ่อน ย้อนไปอ่านเหตุผล
ข้างบนนะ จะได้ไม่โชว์ โง่ซ้ำซาก
กะว่าโม้ ไอ้ปัญญา ระดับนึกคิดเอาของ มะรึงเจ๋งหละซิ
ก็บอกแล้ว ว่าไม่เคยโม้ว่าตัวเองเก่ง
กะจะแดกดัน ดิสเครดิสคนอื่นๆละซิ
ช่วย ย้อนไปอ่านนะ อย่าโง่
๕๕๕





เอ๊าาาาาาาาาาาาาๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้ User ที่เอาภาพมาลง นี่ใครวะ
คงไม่ใช่ ไอ้ตู๊ดตอแหล จอมสร้างภาพ แดกดัน
ที่มันบอกว่า มันเป็นสกิทาหรอกนะ......๕๕๕๕๕๕๕๕
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ปล. มองเห็นหรือเปล่าวะ.........ที่แท้ ก็ไอ้ขี้โม้ นิสัยตู๊ด จอมแดกดัน
หรือ ตู๊กขี้อิจฉา ที่ไร้ตรรกะ
ก็บอกแล้ว ว่าสมองด้านซ้ายของมะรึง มันเสื่อมไปนานแล้ว
ก็ไม่เชื่อกัน สม นะ น้ำ มะรึง เป็นไง มุขอ้างบาป
บอกแล้ว ว่ามันใช้ไม่ได้หรอก...๕๕๕๕๕๕ ขำยังดาวอังคาร

กระทู้ ดักกระบือ แถมยัง กระบือ ใจตู๊ด
ล๊อกกระทู้ หนีไป ก็ดีแล้ว
สมน้ำหน้า หาเรื่องก่อนเองนะ ช่วยไม่ได้ ๕๕๕

 

สาบานอะไรเหรอ ผมถามคุณนะที่ชอบคุยมีพลังจิตมากมาย ทำไมไม่ไปข่วยเขา

 

๑. ไม่เคยโม้เหมือนมะรึง (ทำไม่โง่จัง
เคยเห็นโม้เหมือนมะรึงไหมไอ้กระบือ) และรู้เรื่องกฎแห่งกรรมและมารยาททางญานวิถี
ความจริงเคยพูดเรื่องนี้มาแล้วหลายวันในกระทู้อื่น แต่มะรึง สันดานระยำ
จ้องเล่นงานเป็นบุคคล

๒.อ่านบ้างใครไปช่วยมาแล้วท่านระดับไหนอย่ากระบือ
และวันนี่ใครช่วยอีกเป็นระดับ
สมเด็จพระสังฆราช
คือต้องรู้ตัว และต้องเจียม
กะลาและความสามารถ
และบารมีตัวเองบ้าง
ก่อนจะมาแดกดันใคร


๓. ไหนบอกว่า ตรูใส่ความกระบืออย่างมะรึง
ทำไม มะรึงไม่พูด. เรื่องพระพุทธฯ


ก็บอกแล้วว่าสมองซีกซ้าย มะรึงเสื่อม
มะรึง ถึงไม่มีตรรกะ เหตุผล
การใช้ความคิด และการเขียน

ทั้งๆที่เขียนไป ๓ รอบ แต่อ่านไม่เข้าใจ
แต่เรื่องระยำ ดิสเครดิส ที่มาจากการปฎิบัติแบบมโน จนกลายที่เป็นสันดาน
เจือกเก่งนักแล. สม นะ หน้า มะรึง

บอกแล้ว ว่ามุขบาป ใช้กับชื่อนี้
ไม่ได้ผล เพราะมะรึง ไร้บารมี
ไม่มีแม้ผีมาขอส่วนบุญ
ที่สำคัญไร้กำลังจิต
ที่หลังจำไว้ อย่าสะเออะ
เล่นมุขนี้กับใคร
เพราะคิดว่าตนมีอะไรเหนือใคร
ไอ้สกิทาปัญญาอ่อน

จึงได้แต่โม้หน้าด้าน ตอแหลชาวโลกไปวันๆ

ถามอีกครั้งว่า มะรึงกล้าสาบานไหม
ว่าอสุจิมะรึงไม่เคลื่อน ไอ้กระบือ
ไม่ใช่มาเล่นเรื่องกำลังจิตกับตรู
เพราะตรูไม่เคยบอกว่าตรูมี
และตรูแค่คนธรรมดา
ความสามารถธรรมดา
และไม่ใช่คนดีอะไร
พูดไปหลายรอบแล้ว

ตรรกะง่ายๆแค่นี้เข้าใจไหม
ไอ้กระบือ ตู๊ดตู่

สรุป
เรื่องพระพุทธฯ มาบอก
ทำเป็นเงียบ. ฟายยยยย
และกล้าสาบานไหม
ว่าอสุจิ ไม่เคลื่อน
หลังจากล็อกกระทู้ ๓ กระทู้
ล่าสุด ไอ้กระบือ

 

หลักฐานหน่อยซิ ที่ว่าผมบอกพระพุทธเจ้าบอกมา เด็กน้อยเหรอต้องสาบาน คนปฎิบัติเขาตรงต่อตนเองครับ

 

ห๋าาาา ถึงกับเงิบชั่วคราว

คือว่า มะรึง
ไม่ได้ตั้งใจตอแหลเนาะ
ฉายา ตู๊ดตอแหลได้มาเพราะฝีมือ
ขนาดมีหลักฐานเห็นๆ
หลักฐานข้างบนไง
ลงไว้ ๓ รูปข้างบน
ไม่ทราบว่า เครื่องมีปัญหา
หรือว่าสมองมีปัญหา
ไม่เห็นจริงๆหรือ
๕๕๕๕

ปล ผมมันแค่เด็กน้อย
เลยขอท้าผู้ใหญ่ ที่เข้ามาหาเรื่อง
เข้ามาแดกดันเด็กน้อยอย่างคุณ
ว่าถ้าแน่จริงกล้าสาบานไหม
ว่าอสุจิไม่เคลื่อนหลังจาก
ล๊อกกระทู้ล่าสุด ๕๕๕
ครั้งที่ ๓ แล้วนะกล้าไหม
แค่นี้เอง ไม่เห็นมีอะไร ๕๕

นี่หละเค้าเรียกว่าอาการ
สมองซีกซ้ายเสื่อม
น่าสงสารจัง
คงไม่รู้ตัวจริงๆ ^_^
โทษฐานแสดงกล้าม
ในกระทู้พระคำข้าว

สม นะ หน้า

 

ผมว่าครบ3ปีจะมาบอกสักหน่อย ผมคนจริงไม่ได้แต่มาคุยอวดว่าทำได้ ผมทำได้จริงไม่พุ่งปิ๊ดหรอก สุดท้ายก็ยอมรับตนเอง คุณพูดเองนะว่าไม่มีดีอะไรเลย