แบบนี้เข้าข่ายพุทธภูมิรึเปล่าครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ukitake, 28 กรกฎาคม 2018.

  1. ukitake

    ukitake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +140
    มีคน ๆ หนึ่ง เขามีความคิดที่จะต่อสู้โดยสันติวิธีเพื่อปลดปล่อยคนจำนวนมากจากการถูกกดขี่ และพยายามชี้ให้เห็นหลักการที่ถูกต้อง นอกจากนี้เขายังต่อต้านการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของผู้มีอำนาจ ที่กระทำต่อผู้ใต้ปกครอง

    อยากถามความคิดเห็นทุกท่านว่า ลักษณะแบบนี้เข้าข่ายพุทธภูมิมั้ยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ต้องถามเค้าดู หรือไม่ก็ ดูจากเค้ายอมเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเป็นพุทธภูมิ ไปอยู่ที่ไหน ส่วนใหญ่จะได้เป็นผู้นำ
     
  3. purinankun

    purinankun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +61
    ก็คงใช่มั่งครับ ถ้ามีบริวานมวลชนเชื่อในหลักการของเขาว่าดีด้วย(เพราะคนเหล่านี้มักอธิษฐานตามกันมา ต่อไปอาจเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าในอนาคตก็ได้) เพราะคนทำพุทธภูมิมักมี คนเห็นด้วยและร่วมด้วยเสมอ(เพราะโพธิ์สัตว์มักเกี่ยวข้องกับคนสัตว์) ก็อย่างว่าอีกว่าต้องดูที่เจตนาด้วยว่าเขาเสียสละขนาดไหน มีผลประโยชน์ต่อการกระทำหรือป่าวก็ต้องดูที่หลักการและเหตุผลครับ
    **ลุงสนามข้างวัดพระแก้ว**;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2018
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    ผู้ที่เข้าใจศาสตร์แห่งการบำเพ็ญเพื่อ พระโพธิญาณแบบที่หลวงปู่ดู่
    หลวงตาม้า ท่านสอน......จะไม่หลบลี้หนีจากหมู่ชน

    จะเข้าไปสู่หมู่ชน แต่ไม่ไหลไปตามกระแสโลก ทุกการกระทบในอายตนะทั้งหก จะเป็นบวก เป็นกุศล เป็นบุญ สั่งสมเก็บไว้ทุกการกระทำ ทุกลมหายใจ ทุกขณะจิตที่จะเป็นได้ตามกำลัง



    ...แม้จะโดนโลกธรรมฝ่ายลบมากระทบ แต่กลับทำให้ท่านได้บุญบารมีเพิ่มและเป็นการชำระเศษชดใช้กรรมเก่าไปในตัว


    ทำนองเดียวกัน กับผู้มีธรรมชาติแห่งการวัฒนาการจิตใจตนสู่ธรรมแห่งการนำตนและสรรพชีวิตออกจากกองทุกข์ จะน้อมนำจิต-ใจตนและชีวิตรอบข้าง ไปสู่คุณธรรมในแต่ละระดับได้ ตามกำลัง ตามเจตนาแต่ละภพชาติ ไม่ว่าจะเกิดเป็นคน สัตว์ หรือภพใดๆ
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    บางชีวิตมีธรรมชาติแห่งความเป็นผู้นำทางคุณธรรม บำเพ็ญสาธารณะกุศล แต่ยังไม่ได้ศึกษาลึกซึ้งในการสั่งสมบารมีสามสิบทัศน์ แต่ศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่ทางนั้นมีอยู่ ...จนกว่าจะตั้งจิตพัฒนาตนสู่ทางนั้น เปล่งสัจจะอธิษฐานสู่ทางนั้น และเริ่มบ่มเพาะการกระทำสู่ทางนั้นด้วย กาย วาจา ใจ
     
  6. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    พุทธภูมิเป็นผู้ที่มีกำลังใจต้องการที่จะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของคนหมู่มากครับ
    ตัวเองลำบากไม่เป็นไร ขอให้ผู้อื่นมีความสุขเป็นพอ
    คือ พอเห็นคนอื่นมีความสุขแล้วท่านที่เป็นพุทธภูมิจะมีความสุขไปด้วย
    กำลังใจพุทธภูมิหลัก ๆ จะเป็นแบบนี้
    ส่วนจะมีกำลังทำได้แค่ไหน อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าสร้างบารมีมามากน้อยแค่ไหนครับ

    ตัวอย่างก็เช่น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่านเป็นพุทธภูมิระดับปรมัตถบารมีอย่างเข้มแล้ว
    ท่านจะมีความพร้อมแทบทุกด้านแล้ว มีความเข้มแข็งมาก

    ส่วนพุทธภูมิระดับบารมีขั้นกลาง เท่าที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกไว้ คือ มีคน ๆ หนึ่ง ในแต่ละวันมักจะใช้เวลาว่าง นั่งเหลาตอก แล้วสวดมนต์พุทธคุณไปด้วย ทำแบบนี้ทั้งวันไม่รู้จักเบื่อ นี้ระดับกลาง

    ส่วนพุทธภูมิบารมีต้น ส่วนใหญ่เรื่องศีลเรื่องอะไรยังไม่รอบคอบนัก แต่เรื่องบุญจะมีความเด็ดเดี่ยวมาก ดังนี้ครับ

    ตายจากคนที่ปรารถนาพุทธภูมิไปรอที่สำนักพระยายมราชแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

    "..วันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2531 ท่านลุงทั้งสองมาชวนอาตมาไปสำนักงานของท่าน เพราะมีการสอบสวนพระโพธิสัตว์ พระท่านมาบอกว่า "ฉันไปด้วย เพราะคนนี้เป็นพระโพธิสัตว์บารมีต้น ความรอบคอบยังน้อย แต่มีความเข้มแข็งดี" ท่านลุงนำหน้าไป มีคนยืนเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ พวกจะลงนรกสอบสวนง่าย ถามอะไรก็พูดไม่ได้ ถามเรื่องบาปก็นิ่ง ถามเรื่องบุญก็นิ่ง พวกนี้เขาจูงไปนรกต่อหน้านับร้อย ต่อมาได้ยินเสียงท่านลุงพูดว่า "เอาพระโพธิสัตว์เข้ามา" เป็นชายร่างใหญ่รูปร่างสมส่วน หน้าผากกว้าง ผิวคล้ำ บ้านอยู่ทางทิศเหนือไม่ไกลภูเขานัก ฐานะพอทำพอกิน แต่กำลังใจเรื่องบุญความเด็ดเดี่ยวมีมาก ชายผู้นี้ตายเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2531 เมื่อเจ้าหน้าที่พาเข้ามาแล้ว พนักงานสอบสวนถามถึงบาป ท่านผู้นี้ตอบได้ฉาดฉานชัดถ้อยชัดคำ

    1)เขาถามถึงปาณาติบาต ท่านรับว่า เคยตกปลา ดักลอบ ดักไซ ดักจั่น ทอดแห ลงข่าย เชือดไก่ เชือดเป็ด
    2)เขาถามถึงอทินนาทาน ท่านตอบว่าไม่ได้ทำ
    3)เขาถามถึงกาเมสุมิจฉาจาร ท่านตอบว่ามี 3 คน เพราะเขาเหงา เขามาหาท่านเพื่อให้บรรเทาความเหงา ท่านก็สงเคราะห์ไปทั้ง 3 คน
    4)เขาถามถึงมุสาวาท ท่านบอกว่า โกหกแน่เพราะชอบสาวโสดวัยรุ่น ต้องโกหกจึงจะมีผล
    5)เขาถามถึงสุรา ท่านบอกว่ากิน

    รวมความว่ากลัวบาปทุกประเภทที่ทำมาถึงอายุ 40 ปีจึงหยุด เพราะสลดใจจึงเริ่มทำบุญ ท่านบอกว่า เมื่อเริ่มทำบุญก็เลิกทำบาปทั้งหมด บูชาพระ เจริญภาวนา รักษาศีลและกรรมบถ 10 ถวายสังฆทานเป็นปกติ เมื่อ 4 ปีที่แล้วมาได้เจริญสมาธิที่วัดท่าซุง ตั้งใจระงับใจทุกอย่างจากบาป ได้ถวายสังฆทาน 5 ครั้ง อุทิศส่วนกุศลให้สัตว์ที่ฆ่า ขอให้อโหสิกรรมตามที่อาตมาแนะนำ ถามว่า "ปรารถนาพุทธภูมิเมื่อไร" ท่านบอกว่า "เมื่อเจริญพระกรรมฐานพอไปสวรรค์ได้ เห็นพระพุทธเจ้าแล้วอยากเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง จึงปรารถนาพุทธภูมิ" เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนเสร็จ ท่านลุงเรียกมาพบให้ยืนยันเรื่องบาปและบุญ ท่านผู้นี้พูดได้คล่องและชัดเจนมาก ท่านลุงเรียกเป็ดมาเป็นพยาน เป็ดยืนยันว่า "คนนี้จับเชือดคอแกงกินกับเหล้า เพื่อเลี้ยงเพื่อน"

    ท่านเรียกไก่ตัวแรกเข้ามาเป็นไก่ตัวผู้ก็ยืนยันเหมือนเป็ด ไก่ตัวที่สองเข้ามาบอกว่า "เธอมีลูก ลูกเธอมีขนเต็ม คนนี้เชือดเธอแกงเลี้ยงเพื่อนกินเหล้า" ไก่อีกสองตัวให้การเหมือนกัน มีปลาเข้ามามาก ท่านบอกว่าพอแล้ว ท่านถามว่า "เธอใจดุร้าย รักเพื่อนมากกว่าตัวเธอเอง เวลานี้เธอจะต้องลงนรกเพื่อนไม่ได้มาลงด้วย" ท่านผู้นี้น้ำตาร่วงก้มหน้าและพูดเบา ๆ ว่า "ผมทำบุญอุทิศให้สัตว์ทั้งหมดขอให้อโหสิกรรม และได้ขอให้ท่านเป็นพยานให้ผมแล้วนี่ครับ" ท่านลุงถามสัตว์พวกนั้นว่า "อโหสิกรรมให้เขาหรือเปล่า" ตอบว่า "อโหสิกรรมแล้ว" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องลงนรกไปสวรรค์ได้ตามบุญ เธอจะไปสวรรค์ชั้นดุสิตเพราะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือจะไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์" ตอบว่า "ชั้นดุสิตยังเข้าไม่ได้เพราะกำลังบารมียังอ่อน ขอไปดาวดึงส์ตามกำลังของบุญ


    ท่านลุงแนะนำพอสมควรแล้วก็ปล่อยให้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก.."

    *คัดลอกจากหนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน เรื่องที่ 80 หน้า 188 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2018
  7. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ตัวอย่าง พุทธภูมิอุปบารมีขั้นกลาง

    พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้แต่ละงานของทางวัดใช้เทียนเพื่อหล่อผางประทีปประมาณ ๑ ตัน มีพระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณหรือท่านมหาปิง แสดงความจำนงถวายไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปกวาดมาหมดวัดสระเกศหรือยัง ? คงกะว่าเทียนทั้งหมดจุดแล้วสว่างรุ่งเรืองแค่ไหน ก็ให้ทางชีวิตของท่านรุ่งเรืองแค่นั้น

    เรื่องของการบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยแสงสว่าง ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือพระอนุรุทธเถระ สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระนามว่าพระพุทธกัสสปะ เมื่อพระองค์ท่านนิพพาน เขาสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอนุรุทธตามประทีปถวาย จุดไฟรอบพระเจดีย์ นอกจากนี้ยังใช้อ่างเติมน้ำมันแล้วก็ควั่นไส้ จุดถวายเป็นพุทธบูชาด้วยการเทินศีรษะเดินรอบพระเจดีย์ ในลักษณะทักษิณาวัตร ถวายเป็นพุทธบูชา

    ฟัง ๆ ดูแล้ว อยากลองทำดูไหม ? เรื่องนี้ต้องฟังตัวอย่างลุงบู๊ ลุงบู๊เป็นคนบ้านทับกฤช จังหวัดนครสวรรค์ ลุงบู๊ทำมาหากินแบบแก้บน ก็คือ ทำไร่ทำสวนไปอย่างนั้นเอง งานหนักตัวเองทำ งานเบาปล่อยลูกเมียดูแล แล้วตัวเองเอาแต่นั่งภาวนา"

    "ลุงบู๊เหลาไม้ไผ่เป็นตอกเส้นเล็ก ๆ สวดอิติปิโสฯ ได้จบหนึ่งก็เด็ดตอกนิดหนึ่งใส่ปีบไว้ ไม่รู้กี่สิบปีบเต็มบ้านไปหมด พอถึงวันพระ ลุงบู๊จุดตะเกียงกระป๋องรอบบ้านเลย กี่สิบดวงก็ไม่รู้ ? แล้วเดินจงกรมรอบบ้านถวายเป็นพุทธบูชาทุกวันพระ

    เวลาคนมาขโมยข้าวของในไร่ในสวน ขโมยกล้วย ขโมยมะพร้าว ขโมยมะนาว ลูกวิ่งมาฟ้อง ลุงบู๊บอกว่า “ให้เขาไปเถอะ ถ้ามีเขาไม่มาเอาของเราหรอก” แกไม่ใช่คนมั่งมี แต่แกเน้นเรื่องของการปฏิบัติภาวนา ตั้งความปรารถนาจะขอสำเร็จพระโพธิญาณในอนาคตกาล เข้าไปในบ้านแกมีแต่ปีบ ในปีบใส่เศษตอกที่นับเอาไว้ว่าตัวเองสวดอิติปิโสฯ ไปแล้วกี่จบ ซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ เลย
    ท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมล หรือว่าหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ของพวกเรานั่นแหละ กราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า “หลวงพ่อครับ..นี่พุทธภูมิระดับปรมัตถบารมีแล้วใช่ไหมครับ ? ” หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า “ยัง..แค่อุปบารมีเท่านั้น” โอ้..แล้วปรมัตถ์เขาทำอะไรกันบ้าง ?

    พวกเราเอาอย่างนั้นบ้างไหม ? ภาวนาทั้งวัน ถึงเวลาลูกเมียก็ส่งข้าวปลาวันละ ๒ มื้อ เวลาที่เหลือภาวนา เดินจงกรม สวดอิติปิโสฯ ได้บทหนึ่งก็เด็ดตอกมานิดหนึ่งใส่ปีบไว้

    พอเห็นเขาทำแล้วรู้สึกอายบ้างไหม ? ว่าเขาอุปบารมีเท่านั้น พวกเราหวังจะไปนิพพานชาตินี้ก็ต้องปรมัตถบารมี ในเมื่อปรมัตถบารมีก็แปลว่าต้องทำให้เข้มกว่าลุงบู๊ ฟังแล้วไปผูกคอตายดีกว่า เผื่อจะได้ไปนิพพานบ้าง..!"

    ที่มา https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3463&page=5
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959

    สาธุ คำสอนหลวงพ่อฯที่ท่านยกมา มีประโยชน์มากครับ และส่งเสริมกำลังใจสำหรับผู้ที่ยังลังเลให้มุ่งไปข้างหน้าได้
    ลดการวิตกครุ่นคิดในข้อบกพร่องที่ใจยังตัดไม่ขาด
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
     
  10. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้าจะกล่าวให้ตรงตามหนังสือเปะๆ มันก็อาจจะไม่ตรงซะทีเดียวทั้งหมดครับ อย่าลืมว่าคนที่ปรารถนาเป็นโพธิแม้แค่เพียงปรารถนาได้วันเดียว เขาก็เป็นเชื้อสายของโพธิครับ อย่าไปเข้าใจว่าต้องเข้มข้นแข้มแข็งตามหนังสือกล่าวทั้งหมด ส่วนใหญ่ที่เราเห็นๆกันคือ ผู้ที่บารมีเข้มแข็งใกล้เต็มหรือเต็มแล้วทั้งนั้น

    แต่คนที่กำลังเริ่มต้นก็มีอีกมากครับ เขาก็เริ่มจากเล็กๆน้อยๆไปก่อนกันทั้งนั้นไม่ใช่กำลังเท่ามดแล้วคิดจะแบกช้าง มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะงั้นถ้าพูดตามที่ถามในข้างบน เราก็ต้องสันนิษฐานว่าเขาอาจจะใช่หรือมีเชื้อหรือเคยปรารถนามาในกาลก่อนชาติใดชาติหนึ่งก็ได้ครับ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะยังระลึกของเดิมไม่ได้หรืออาจจะยังไม่บอกให้ใครรู้ก็เป็นได้ครับ อย่าพึ่งไปตั้งท่าว่าคนปรารถนาแค่เพียงไม่กี่ชาติจะต้องเสียสละเทียบเท่าผู้มีบารมีเต็มแล้วชื่อดังทั้งหลายครับ ทุกคนต้องเริ่มที่อนุบาลหมีน้อยกันทั้งนั้น

    ทำได้เท่าไรก็ถือว่าสะสมบารมีทั้งหมดครับ แม้แต่เพียงว่าชาตินี้ทั้งชาติเคยแผ่เมตตาให้วิญญาณผู้ตกภูมิแค่ครั้งเดียว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาผู้ปรารถนาเป็นโพธิแล้วจะกลับกลายเป็นอย่างอื่นครับ มันขึ้นอยู่กับวาระ บุญวาสนา บารมี วิบากกรรม ของแต่ละคนในแต่ละชาติที่จะเอื้ออำนวยให้ได้ทำมากทำน้อยกว่ากันด้วยครับ
     
  11. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เห็นว่าดีก็ทำไปอย่าไปคิดเยอะ...จำไว้ว่า...นอกจากบางสิ่งและสิ่งเดียวเท่านั้นที่เลือกได้...แต่ถ้ายังไม่ใช่ก็ไม่มีสิทธิ์เลือก...ทุกสิ่งเป็นไปตามผลแห่งกรรมที่เคยกระทำมาแล้ว...เพียรระลึกรู้ให้ได้ว่า...กรรมที่เป็นอดีตควรหรือไม่จะยึดมั่น...กรรมที่เป็นปัจจุบันและอนาคต...เพียงพอหรือยังในการพิจารณา...ถ้าพอแล้วก็ละมันอันที่สร้างทุกข์ทั้งแก่ตนและผู้อื่น...ก็น่าจะมีเท่านี้...เหลือแต่กรรมอันอาจจะเป็นประโยชน์ควรกระทำ...ไม่มีคำว่าเล็กน้อยเลย...เช่น...เป็นคนยากไร้...แต่มีความอยากจะช่วย...แต่ไม่มีเงิน..เลยใช้แรงช่วยอย่างตั้งใจ...หรือมีเงินแค่เล็กน้อยสำหรับผู้อื่นคือเล็กน้อย..เช่นเหลือเงินห้าบาทเพื่อซื้ออาหารทานแต่เห็นคนที่ทุกข์ยากกว่า...เลยยกให้....หรือเกิดศรัทธาในบวรศาสนาเลยยกให้โดยไม่หวังอะไร...จนบางครั้งคนอื่นเข้าใจว่า...ทำบุญแล้วทุกข์นั่นก็เรื่องของคนอื่น..แต่เราทำแล้วมีความสุขสบายใจที่ได้ทำนั่นก็เรื่องของเรา...แต่เริ่มแรกคงกลัว..ถ้ามีปัญญา ศรัทธา วิริยะ อยู่หรือรู้แน่ว่ามี...จะไม่มีวันกลัว...อีกเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...