สิ่งที่ทำตอนนี้ถูกทางหรือหลงทาง

สวัสดีพี่ๆทุกๆท่านครับผมอยากจะทราบว่าระหว่างวันผมพยายามจับจิตรตัวเองให้ใสปราสจากสิ่งเจือปนกำหมดให้มันอยู่ตรงแถวๆสะดือเกือบๆหน้าอกเพราะจุดๆตรงนี้เวลามีอารมโมโหมันจะหมุนขึ้นมาจากแถวๆนี้ครับผมเลยจับอยู่ตรงนี้เพื่อจะได้รู้ทันแล้วระงับมันก่อนที่มันจะแสดงฤทออกมาทางกายผมอยากทราบว่ามีวิธีไหนที่จะดับตัวกิเลสที่หมุนตัวขึ้นมาได้ขาดสิ้นบ้างครับหรือทำให้บาบางลงไปบ้างก็ยังดีขอบคุณครับ

 

ก็ถูกแล้วในอุบายวิธีคลายทุกข์แต่ในละคนครับ

ถ้าทำวิธีไหนแล้วมันคลายได้จริง ผลมันก็เกิดกับเราแล้วครับ

ประเด็นหลักๆคือ ถ้าทำวิธีนั้นๆแล้วทุกข์จากกิเลสเผาใจเบาบางลงก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ ธรรมมี 84,000 ไม่มีอันไหนถูกมากไปกว่ากัน

อยากให้กิเลสหมด ส่วนตัวว่าคงไม่หมดครับ มีแต่กำลังใจเหนือกว่ากิเลส มันก็ลดลงไป

 

ขอบคุณครับ

 

จะตัดกิเลสขาดสิ้นได้ ต้องเป็นพระอรหันต์ ครับ

ถ้าคนเราทั่วๆไป ทำได้แต่ระงับไม่ให้กิเลสกำเริบ โดยการทรงอารมณ์ สมาธิ ระงับ นิวรณ์ 5 ไม่ให้เกิด

เวลาใช้ชีวิตประจำวัน ให้ ปฏิบัติ ภาวนา อานาปานสติ มีสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก อย่าหายใจทิ้งเฉยๆ แล้วบริกรรม ภาวนากรรมฐานที่เราเลือกปฏิบัติ ไปด้วยครับ

จะช่วยให้เราระงับกิเลสหยาบๆ ได้ ไม่ให้เกิด กำเริบได้ด้วยกำลังของ สมาธิ ฌาน ครับ

เริ่มจาก ทาน ศีล ภาวนา ครับ

จิตเกาะ บุญ กุศลกรรม กิเลสอกุศลกรรมก็แทรกได้ยาก ถ้าเราเป็นคนมีศีลมีธรรมรักษา

 

ขอบคุณครับ

 

เป็นการตัดตอนธรรมารมย์เบื้องต้นที่ดีฮับ

 

แชร์ข้อมูลเผื่อเป็นทางเลือกน่ะครับ
ส่วนตัว
บางทีเผลอๆ ก็มาตลอด
แต่ถ้าจับได้ทัน ระลึกรู้
..
ก็จะทำแบบว่า
นึกถึงอิริยบถ "ใบหน้าตนเองกะลังยิ้ม"
พร้อมกับ บริกรรมคำว่า "ยิ้มๆๆๆ " อยู่ในใจ
บริกรรมไปเรื่อยๆ
ตลอด
พร้อมกับดำเนินชีวิตไปตามปกติ
มันก็จะลืมๆ ไป
หลังจากนั้นก็จะ
พอผ่อนคลาย
หายได้
...
บางทีถ้าจับได้ไว
ก็จะหายไวเหมือนกัน
..
แต่บางครั้งแช่และเข้าไปแทรกแซงนาน
กว่าจะเอาให้หายได้ ก็สุดๆ เหมือนกัน
ก็ยากเป็นหลายชั่วโมง
ก็มีครับ
..
แต่ถ้าจับได้เร็ว
เปอร์เซนจะหาย
ก็เร็วมากน่ะครับ
..
ลองทำดูน่ะครับ
เผื่ออาจจะถูกกับจริต
..
เป็นกำลังใจน่ะครับ
สู้ๆๆ
..

 

ก็ถูกแหละ แล้วแต่คนชอบแบบไหน สะดวกแบบไหน

ต้องเข้าใจก่อนว่า ความโกรธ ความใคร่ ความหิว ... อะไรพวกนี้ยังไงมันก็ต้องเกิด แต่การที่เราจะไประงับมันต้องมี สติ ก่อน ดังนั้นสตินี้แหละสำคัญเมื่อคุณรู้ว่ากำลังจะโกรธ สติจะเข้ามาเตือนจะเอาไงกับมันดี ปล่อยมันโกรธไป หรือ ระงับมัน หรือ แก้ปัญหาพวกนี้ซะ ...

ถ้าจะฝึกก็ควรมีสติอยู่ตลอดนั้นแหละ มักนิยม จับลมหายใจมากกว่า เพราะมันง่าย เป็นสิ่งที่เราต้องทำแน่ๆอยู่แล้วและสามารถทำได้ตลอด ผลประโยชน์ร่วมที่ตามมาก็เยอะอยู่

 

ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณครับ

 

ในทางปฏิบัติที่ผมใช้อยู่ถ้ามีอารมณ์มากระทบ เช่น โทสะ มากระทบก็มีสติรู้ว่ามีอารมณ์ภายนอกมากระทบ และไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งให้บานปลายแค่รู้พอ แต่ถ้าเกิดสติตามไม่ทันเกิดการนึกคิดปรุงแต่งไปแล้ว ก็ให้ตั้งสติดูที่ลมหายใจเข้าออก จะสังเกตเห็นความแปรปรวนของลมหายใจ ให้พยายามควบคุมลมหายใจให้เข้าสู่สภาวะปกติที่เคยหายใจแบบผ่อนคลายสบายๆ (ระงับกายสังขารคือลมหายใจให้เข้าสู่สภาวะปกติ) ก็จะคลายโทสะลงได้ ถ้าฝึกบ่อยๆ จนชินสติจะมาดูที่ลมหายใจแบบกึ่งอัตโนมัติ {ให้ดูหลักปฏิจจสมุปบาทประกอบ หลักการก็คือใช้สติเป็นเครื่องกั้นกระแสการนึกคิดปรุงแต่ง (สังขาร) ก่อนที่จะเลยเถิดไปเป็น เวทนา-สัญญา-กิเลส/ตัณหา-อุปาทาน ตัดวงจรการเกิดทุกข์ตั้งแต่ต้นทาง ให้มีสติรู้แล้ววางไม่คิดนึกปรุงแต่งต่อ อีกอย่างก็อาจจะอาศัยเทคนิคใช้อารมณ์แก้อารมณ์ เช่น โทสะแก้ด้วยเมตตา+อุเบกขา ลองนึกถึงเวลาที่เห็นเด็กเล็กทำอะไรแล้วไม่ถูกใจเรา บางครั้งอาจจะรู้สึกหงุดหงิดบ้างแต่ด้วยความที่เห็นเป็นเด็กยังไม่ค่อยรู้เรื่อง เราก็ไม่อยากจะไปถือสาหาความมาก ปล่อยๆ ไปบ้าง บ่อยๆ เข้าเราก็จะมองเป็นเรื่องธรรมดา}

 

ขอบคุณครับ

 

อนุโมทนาเจ้าของกระทู้ที่มีความตั้งใจครับ หายใจแรงๆลึกๆก็ช่วยได้นะครับ

 

ตัดกิเลสในใจคะน้อง
ถือศิล หมั่นภาวนา และ ศิล 5 กรรมบถ10 ให้เป็นฐานของจิตคะ
ช่วยประคองได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่กรรมด้วยคะเพราะถ้าถึงเวลากรรมให้ผล เราก็จะเจอเป็นคลื่นลูกใหญ่เลยคะ
หมั่นทำบุญให้ทาน ถือศิล ภาวนา
ฝึกกาย ฝึกใจ ด้วยนะคะ
โมทนาคะ

 

ที่หมุนๆขึ้นมาคือตัวจิตที่มันเกิด
ดีแล้วที่สัมผัสได้แต่
ต้องเจริญมาสติให้ต่อเนื่องในระหว่างวันจริงๆ
เพื่อสร้างสติทางธรรมเข้าไปควบคุม
มันไม่ให้เกิดก่อน จนจิตแยกรูปแยกนามได้คือจะต้องทันตั้งแต่ที่มันผุดขึ้นจากจิตให้ได้

ไอ้กิริยาหมุนคือขั้นท้ายๆ
ก่อนหน้ามันจะมีหมุน
ก่อนที่จะเป็นวงกลม และหมุนคล้ายก้นหอย
ตามด้วยกำลังผุดแบบตรงๆ
ต้องทันในขั้นผุดตรงนี้ให้ได้ก่อน


แล้วค่อยมาว่าเรื่องเดินปัญญาต่อ
และถึงจะมาพูดเรื่องการละคลาย
กิเลสภายหลังครับ

ปล มันมีลำดับอยู่ มาถูกทางแล้ว
เป็นกิริยาอย่างหนึ่งสำหรับคน
อายุไม่มาก(ไม่เกิน ๕๐- ๕๕)จะต้องเจอปกติ
ก่อนที่จิตจะแยกรูปแยกนามได้ปกติครับ

 

ขอบคุณครับขอความของพีทำให้ผมได้วนกลับมาพิจรนาได้ตรงแก่นสารมากครับผมจะทำกำลังใจให้มากขึ้นเพื่อจะได้มีแรงก้าวต่อนะครับ