เรื่องเด่น มีวิธีเช็คยังไงครับว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่รับพยากรณ์แล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ทอนเงิน, 28 มีนาคม 2017.

  1. pandykub

    pandykub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +62
    ได้ความรู้เพิ่มเติมจริงๆ ขอบคุณทุกท่านครับ
    เพราะตามปกติผมไม่ค่อยชอบนั่งสมาธิแบบว่านั่งนิ่งๆพิจารณาตอนนั่งนิ่งๆอ่ะครับ รู้สึกมันช้า เลยตั้งอุบายกับตัวเองไว้ว่า พิจารณาธรรมจากการทำงาน จากการใช้ชีวิตประจำวันของเรานี่แหละ พิจารณาใจเราตอนโกรธ ตอนขุ่นเคือง ตอนเห็นคนอื่นเค้าถือเงินเป็นปึกๆ ตอนฟังเพลงที่ชอบ ตอนเราโดนชมเชย ดูว่าใจเราเป็นยังไง มีผลต่อเนื่องกับร่างกายยังไง พิจารณาทันบ้างไม่ทันบ้างปะปนกันไป บางทีความโกรธครอบงำบ้างเพราะหยุดไม่ทัน บางทีฟังเพลงปล่อยใจเพลิดเพลินไปตามเพลงบ้างเพราะพิจารณาไม่ทัน ผมรู้สึกทำแบบนี้แล้วมีฉันทะในพิจารณาธรรม เพราะเราไม่ต้องฝืนตัวเอง
    ส่วนสภาวะที่มันเกิดขึ้นเอง ผมลองทบทวนดูแล้วว่า เราเอาปัญญาที่เกิดจากการคิดกันในยามปกติไปประหารกิเลสไม่ได้จริงๆด้วยครับ เมื่ออินทรีย์ 5 ของเราสมดุลย์กันดี และเราตั้งใจไว้ตรงเป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อนั้นจิตจะพิจารณาธรรมที่ถูกต้องของมันเอง เราได้แต่เฝ้าดู ไปบังคับไปกะเกณฑ์ไม่ได้
    ตอนนี้ผมเห็นคุณค่าของพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสนิทใจเลยครับ ตอนนี้ตัวเองคิดว่าเกิดมาไม่เสียชาติแล้วเราและพอจะทราบแนวทางเบื้องต้นแล้วว่าพระอริยะเจ้าท่านพบเจออะไร และพอจะกะเกณฑ์แนวทางแล้วว่าที่เราเคยทำมาไม่เสียประโยช์ และเราเริ่มมาถูกทางแล้ว
    ขอบคุณทุกๆท่านครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาถามจากผู้รู้อีกครับเพราะปกติผมชอบทำเงียบๆคนเดียว เจออะไรแปลกจริงๆถึงค่อยมาถาม

    เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,199
    จากคำอ้างอิงของท่านในข้อความสีแดงนะคะ มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ท่านกล่าวไว้ว่า "ที่จิตผมมันคิดมันพิจารณาของมัน มันไม่ได้คิดแยกเป็นสถานที่ต่างๆ มันพิจารณาเป็นองค์รวมไปเลย ไม่มีพื้นที่มาเกี่ยวข้องเลย อธิบายคล้ายๆว่าเป็นสภาวะธรรมที่มันครอบชาติเอาไว้"

    ตามความเข้าใจของตนเองค่ะ จากคำกล่าวของท่าน

    สภาวะของภพ ถ้าจะกล่าวในประเด็นของท่านได้อธิบายว่าคล้าย ๆ เป็นสภาวะธรรมที่ครอบชาติเอาไว้ พิจารณาเป็นองค์รวแล้วมันไม่มีพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องเลย

    ขอนำคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้พิจารณาค่ะ

    ไม่ว่าสรรพสิ่งใดก็ตาม ถ้าสามารถแสดงออกซึ่งความมีอัตตาตัวตนให้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้ สรรพสิ่งนั้นย่อมเป็น "มายา" อันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการกระทำของแก่นแท้ที่เร้นอยู่ข้างในทั้งสิ้น

    (ตามความเข้าใจของตนเองค่ะ ทิฐิความเห็นผิดเป็นก็เป็นอัตตา ที่ถูกสร้างมาในลักษณะอวิชชาความไม่รู้คือความมืดมิดปกคลุมเอาไว้)

    กรรมคือ พลังงานด้านบวกและลบ ที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตสำนึกมนุษย์เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบ ก่อให้เกิดความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ขึ้น
    พลังงานที่เกิดขึ้นนั้นแม้จะนำไปสู่การกระทำหรือการแสดงออกทางกายต่อบุคคลหรือสรรพสิ่งอื่นที่เป็นเงื่อนไขหรือไม่ก็ตาม ถือว่าเป็นการเกิดกรรมนั้น ๆ แล้ว

    พลังงานกรรมที่เกิดขึ้นจะแผ่ผ่านออกมาภายนอกร่างกายได้
    แต่ถ้าเป็นพลังานกรรมด้านลบ มันจะรวมตัวกันเป็น กลุ่มลักษณะคล้ายเมฆหมอกสีดำโดยมีพลังงานด้านบวกหรือการกระทำที่ถูกต้อง ในเรื่องนั้น ๆ ที่มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันไม่ได้กระทำแฝงเร้นอยู่ภายในใจกลางเมฆหมอกสีดำนั้น

    ในการทำกรรมดีและกรรมชั่วแต่ละเรื่องนั้น เป็นการทำงานของใจ จิตจะเป็นตัวบงการ และมีจิตใต้สำนึกมนุษย์นั้นคอยทำหน้าที่เก็บรหัสข้อมูลหรือจดจำไว้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ แม้จิตสำนึกตนเองจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปแล้ว แต่จิตใต้สำนึกมันไม่มีวันลืม รหัสข้อมูลทางพลังงานเหล่านี้ จิตวิญญาณมนุษย์ผู้นั้นจะรับเอาไว้เป็นคุณสมบัติแห่งผลกรรมของตนทุกเรื่อง เมื่อร่างกายดับสังขารลง พลังงานกรรมดังกล่าวจึงถูกเชื่อมโยงไว้กับมนุษย์นั้นในทุกภพชาติ จนกว่าเจ้าของมันจะทำมันให้เป็น กลางให้จงได้เท่านั้น


    ดังนั้น กรรม คือ พลังงานที่เกิดจากคลื่นความคิด และความรู้สึกของมนุษย์ที่เป็นอารมณ์หรือความอยากใด ๆ ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตในกายมนุษย์เมื่อถูกระตุ้นด้วยสิ่งเร้า แล้วจับรวมตัวกันเป็นคล้ายฟองอากาศหรือเมฆหมอก พลังงานกรรมแต่ละกลุ่มจะแยกกันตามคลื่นการสั่นสะเทือนของจิตเป็นเรื่อง ๆ ไม่ปะปนกัน พลังงานกรรมใด ๆ จึงมีคุณสมบัติคงที่ ไม่มีความเป็นอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีปัจจุบัน มีแต่การดำรงอยู่เพื่อรอให้ผู้เป็นเน้าของนั้นมันกำจัดมันหรือชดใช้ตลอดกาล โดยกรรมเหล่านั้นจะคอยติดตามผู้เป็นเจ้าของมันตลอดไป แม้ตายไปก็ยังดำรงอยู่ไม่เสื่อมคลาย

    การเกิดภพชาติของมนุษย์

    จึงได้ก่อกรรมด้านลบเป็นพันธกรรมซ้ำซ้อนขึ้นมากมาย พลังงานกรรมที่เกิดขึ้นไม่อาจสูญหายไปไหนได้ กลุ่มพลังงานกรรมเหล่านั้นจะไร้พลังอำนาจ ก็ต่อเมื่อมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมัน ทำให้แตกสลายกระจัดกระจายไปคนละทิศทางแทรกซึมไปทั่วจักรวาลเท่านั้น คุณสมบัติของกรรมนั้นจึงหมดไป

    ถ้าพิจารณาจากคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะคะ ที่ว่าสภาวะของภพคือสภาวะธรรมที่ครอบชาติเอาไว้ ก็น่าจะหมายถึง พลังงานของกรรม ที่ทำให้เกิดการมีภพชาติขึ้นค่ะ เพราะพลังงานกรรมในแต่ละเรื่องจะเกิดขึ้นจากอารมณ์รู้สึกนึกคิดที่เกิดจากการใช้อารมณ์ คือ จากกิเลสตัณหาเป็นตัวขับเคลื่อนการคิด จึงออกมาเป็นพลังงานกรรมในแต่ละเรื่องที่ไม่ปะปนกัน ให้เกิดความเป็นภพที่ครอบชาติเอาไว้ดั่งเมฆหมอกสีดำของพลังงานกรรมในแต่ละเรื่องราว

    ถ้าเราจะกล่าวถึงเรื่องภพชาติ เราอาจะมองว่า ภพคือ ความมีความเป็น เช่นเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา หรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนชาติคือ เป็นชื่อนั้น เป็นลักษณะนั้น หรือ อย่างไรก็แล้วแต่นั้นอาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่...ตามท่านกล่าวไว้ว่า ที่เกิดพิจารณาเห็นสภาวะภพที่ครอบชาติเอาไว้ตีความให้แคบลงมาอีกนิดน่าจะหมายถึง นิสัยของอารมณ์กรรม ในแต่ละเรื่องราวนั่นเองที่นำพาไปให้เกิดภพชาติสืบต่อกันไปไม่รู้จักจบสิ้น ดั่งที่เคยเปรียบไว้ว่า..ดังเมฆหมอกคล้ายฟองอากาศ ที่ภพคือวิญญาณนำพาไปเกิด ส่วนชาติคือเจตสิก (สัญญา เวทนา สังขาร) ที่เป็นอุปนิสัยที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในวิญญาณ นิสัยอารมณ์กรรมจึงเป็นที่มาของการก่อภพชาตินั่นเองค่ะ

    ทีนี้จากคำกล่าวที่ว่า.....

    ไม่ว่าสรรพสิ่งใดก็ตาม ถ้าสามารถแสดงออกซึ่งความมีอัตตาตัวตนให้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้ สรรพสิ่งนั้นย่อมเป็น "มายา" อันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการกระทำของแก่นแท้ที่เร้นอยู่ข้างในทั้งสิ้น

    ในกลุ่มของเมฆหมอกสีดำของอารมณ์กรรม จะมีคำตอบที่ถูกต้อง คือในใจกลางจะมีแสงสว่างเร้นอยู่ภายใน ถ้าสามารถเข้าถึงแสงสว่างภายในนั้นได้ คือ หมายถึงปัญญาญาณในการตัดสินใจถูกต้องในการกระทำครั้งต่อไป นิสัยอารณ์กรรมนั้นถูกทำให้เป็น กลาง การเกิดภพชาติในเรื่องนั้น ๆ ก็ค่อย ๆ ลดน้อยเบาบางลงไปจนกว่าจะหมด วิญญาณจึงหยุดหมุน จึงหยุดการเกิดดับอีกต่อไป คิดเห็นเป็นประการใดค่ะ เพื่อลองพิจารณา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2018
  3. pandykub

    pandykub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +62
    สภาวะธรรมที่ปรากฎขึ้นนี้ประหลาดและมหัศจรรย์ดีแท้ ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน สิ่งที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันคือการนำสภาวะนั้นมาทบทวน ตรวจทาน สอบถาม นับว่าเป็นวาสนาและกุศลกรรมที่ดีเยี่ยมที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติตามพุทธฎีกา เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆจักสำเร็จดังประสงค์

    เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ
     
  4. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005

    ขอบคุณสำหรับคำตอบครับผม
    ปรารถนาสาวกภูมิครับ พิจารณาตามครูบาอาจารย์หลวงพ่อหลวงปู่ท่านเรื่องพระโพธิสัตว์ครับ
     
  5. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005
    สาธุในธรรมครับผม
    ขอบคุณที่เขียนอธิบายได้เข้าใจง่ายนะครับ
     
  6. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005
    สาธุอนุโมทนาบุญด้วยครับคุณคะนึง
     
  7. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    ความอดทนจะจำได้
    นิพพานกับกรุณา เหมือนถืออยู่ทั้งสองมือ
     
  8. pandykub

    pandykub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +62
    ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ
    -ในกรณีที่จิตมันคิดพิจารณาไตรลักษณะอยู่(มันคิดพิจารณาของมันเอง เราไม่ได้บังคับ หลังจากที่เกิดขึ้นและผมลองมาทบทวนดู จิตมันพิจารณาของมันไป เราที่เฝ้าดูก็เข้าใจสิ่งที่จิตมันกำลังพิจารณาอยู่ด้วย) อยู่ดีๆมันเด้งหลุดออกมาจากสภาวะนั้นเฉยเลย รู้สึกไม่อิ่ม(เหมือนคนเรากินอาหารไปได้ครึ่งหนึ่ง แต่มีเหตุต้องทำให้เลิกกินก่อน ทำให้ไม่อิ่ม ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดแบบไหนครับ) เลยเกิดความแปลกใจ ขบคิดอยู่หลายวัน ว่าเกิดจากอะไร ในกรณีนี้อยากจะสอบถามผู้รู้ว่า จิตมันเด้งออกเองของมันอย่างนี้เป็นเรื่องปกติกับทุกๆท่านหรือเปล่า เพราะแต่ก่อน(ก่อนที่จะเกิดสภาวะดังกล่าว) ผมเข้าใจตามประสาว่าจิตมันจะค่อยๆถอนออกมาเองแบบนุ่มนวลอะไรประมาณนี้อ่ะครับ
    -จากการขบคิดบวกค้นหาจาก Google ผมเลยตั้งสมมติฐานเอาไว้ดังนี้ว่าอาจจะเกิดจาก
    1.อนันตริยกรรม อันนี้ผมไม่เคยกระทำ
    2. อินทรีย์ 5 ยังไม่ได้ส่วนสมดุลย์กัน(อันนี้ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด)
    3.ปรารถนาพุทธภูมิ อันนี้ผมไม่เคยตั้งความปรารถนา

    ปล.ตอนนี้ก็ได้แต่ใช้ชีวิตด้วยความสำรวมมากขึ้น จากแต่ก่อนใจร้อน หุนหันพลันแล่น เพื่ออินทรีย์ 5 จะสมดุลย์กันมากขึ้น
    ขอบคุณทุกคำตอบครับและเจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,199
    พระพุทธองค์ ทรงให้ใส่ใจ อุปมานุสติ
    สิ่งนั้นสงบ สิ่งนั้นประณีต สิ่งนั้นได้แก่
    -ความสลัดคืนสังขารทั้งปวง
    -ความสลัดคืนความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง
    -ความสิ้นไปแห่งความติดใจเพลิดเพลิน
    -ความดับขันธ์ ๕...
    -พระนิพพาน
     
  10. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    กำลังใจและความเข้มข้นดูที่พระแก้วประจำองค์นั่นละครับ
     
  11. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ฝึกมโนมยิทธิก็ช่วยได้นะครับขอลงไปดูพระแก้วที่เมืองบาดาลสวยงามมากครับตอนนี้พระแก้วแดงตั้งไว้รอละครับสวยงามน่าไปกราบมากครับ
     
  12. Supreme Krsn

    Supreme Krsn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2018
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ก็สังเกตุจากรอยพระพุทธบาท
    แต่ไม่ได้เวอร์ขนาดนั้นนะครับ
     
  13. Supreme Krsn

    Supreme Krsn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2018
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ถ้าไม่ได้เป็นพระโพธิ์สัตว์ แล้วเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อรอลงมาจุติ
    สร้างบารมีจนมีบารมี30ทัศน์ และได้รับคำพระยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์แรกๆ
    ได้ยังไงครับ และที่สำคัญที่คุณบอกว่าแค่
    ลายมือธรรมจักรนั้น ผู้ที่ได้พบและรับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าโดยตรงเท่านั้น
    (ไม่ใช่เล่นทำนายกันเอาเองแบบเกจิ
    บ้านเราแบบนี้) ถึงจะมีลายมือเป็นรูปวงกลมทั้งกลางฝ่ามือและเท้าครบ4ด้าน ไม่ใช่ใครก็มีได้เพราะนั้นคือสัญลักษณ์
    ของพระพุทธเจ้า ยกตัวอย่างเช่นรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นมาให้คนกราบไหว้ ที่มีอยู่ตามวัดต่างๆ และ ผู้ที่จะมีบารมี
    เป็นเจ้าของจักรแก้วได้ มีแค่จิตที่เกิดจากพระนารายณ์ได้แบ่งภาคลงมา เท่านั้น
    ลองค้นหารวบรวมข้อมูลดูนะครับ เพราะ
    มันไม่ใช่เรื่องที่บุถุชนโดยทั่วไปจะเข้าใจ
    กันได้โดยง่าย
     
  14. Supreme Krsn

    Supreme Krsn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2018
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ที่ได้รับคำพยากรณ์ไปแล้ว ก็มีเพียง6พระองค์ครับ คือพระศรีอารย์
    ผู้ดูแลท้ายพระกัปล์นี้ ส่วนอีก5พระองค์
    นั้นจะลงมาจุติเพื่อมาตรัสรู้เป็น
    พระพุทธเจ้าในพระกัลป์หน้า
    เพราะพระพุทธเจ้าไม่อาจจะลงมา
    จุติบนโลกนี้พร้อมกันหลายพระองค์ได้
    ( #ผู้ที่ได้รับพุทธพยากรณ์ คือผู้ที่มีโอกาส
    เข้าเฝ้าและได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนโดยตรงเท่านั้น
    ไม่ได้มาจากการทำนายกันเอง
    ของเกจิยุคนี้ )
     
  15. Supreme Krsn

    Supreme Krsn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2018
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    เคยอ่านตำนานพระพุทธเจ้า5พระองค์บ้างไหมครับ เรื่องบุพกรรมฟองไข่
    จะได้รู้ว่าพระศรีอารย์ ทรงได้
    ตรัสรู้ แต่ทรงวางความเป็น
    พระพุทธเจ้าไว้ถึง4ครั้ง
    ก็เพราะเพื่อหาธรรมที่จะสามารถ
    โปรดพระบิดาของตนที่เป็น
    พระยาราชสีห์ได้ โดยใช้เวลาในการบำเพ็ญ16อสงไขย แสนมหากัปล์
    ไม่รวมถึงบุพกรรมสลับดอกบัว
    ที่กล่าวไว้ในพระไตรยปิฎก ๓/๒๐
     
  16. Supreme Krsn

    Supreme Krsn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2018
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ไม่มีคว่มใกล้เคียงเลยครับ
    #ลายมือธรรมจักร
    จะมีเส้นลายมือเป็นวงกลม
    แบบที่มีบนรอยพุทธบาท
    และมีอยู่ตรงกลางฝ่ามือฝ่าเท้า
    ครบทั้ง4ข้าง
     
  17. จันทร์ส่องฟ้า

    จันทร์ส่องฟ้า สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +45
    ครับ เส้นลายมือเปลี่ยนแปลงตามจิตใจ สั่งสมวาสนาไว้อย่างไร จะปรากกฎออกมาที่เส้นลายมือ มีผู้ยืนยัน ดังนั้นจึงมีการดูโชคชะตาได้จากเส้นลายมือได้ เหมือนกับโหวงเฮ้ง ก็ประมาณคล้ายกัน บ่งบอกถึงจิตใจ เป็นรูปลักษณ์ไปตามนิสัย
     
  18. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,312
    ค่าพลัง:
    +5,247
    ลายมือบอกว่า เป็นคนตัดสินใจอะไรค่อนข้างใช้เวลาในการตัดสินใจ แต่สามารถแยกแยะอะไร ๆ ได้ดี เพราะมีปัญญาดีครับ

    มันไม่ใช่ลายจักรหรอกครับ

    มันบอกว่าคุณมีความเครียด ปัญหาทางความคิด อารมย์ มากเท่าไร

    ผมดูลายฝ่ามือไม่เป็นหรอก แต่ ตามเว็บสอนดูลายมือมีสอนครับ อิอิ
     
  19. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ลักษณะ ๓๒ ประการของมหาบุรุษ
    หาอ่านได้นะครับ ว่าเค้าว่ากันมาว่า
    มีเฉพาะพระพุทธเจ้า(พระโพธิสัตว์ชาติสุดท้าย) กับพระจักรพรรดิ์ครับ

    แต่พระโพธิสัตว์จะเป็นนิตย หรืออนิตย(ได้รับพยากรณ์ทางอ้อม) ไม่จำต้องมีลักษณะ 32 ทุกชาติ นะครับ

    นอกจากนี้ พระจักรพรรดิ์ไม่จำต้องเป็นโพธิสัตว์ครับ ถ้าอ่านอานิสงค์ในไตรปิฎกหลายที่หลายคนที่เป็นสาวกภูมิก็เข้าถึงชาติพระจักรพรรดิ์ได้

    ที่มาพูดกันเรื่องลายมือรูปจักร เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของ 32 นะครับ
    ตัวลานจักร ไม่ได้บ่งว่าเป็นนิตยโพธิสัตว์

    แต่แสดงถึง

    สาเหตุที่ทำให้พระพุทธองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะการที่พระองค์นำสุขมาให้แก่มหาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องเป็นผู้นำตั้งแต่ในครอบครัวถึงประเทศชาติ บรรเทาความสะดุ้งหวาดกลัว ปกครองโดยธรรมให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้ทานพร้อมของบริวารอย่างสม่ำเสมอ

    ซึ่งลักษณะแบบนี้ เป็นธรรมที่โพธิสัตว์หรือคนดีที่ไม่ใช่โพธิสัตว์ แต่มีเมตตาจิตมากๆสามารถทำได้

    ดังนั้น ไม่จำต้องเป็นพระนารายณ์ครับ
    เพราะคนที่เดินทางพุทธภูมิ บนบารมี30ทัศน์ มันต้องมีสักวันที่ทำปรมัตถจนได้ เค้าย่อมถึงธรรมอันมาก ฐานะที่จะไปเป็นเป็นพระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์เป็นกันได้ทุกคน ทุกองค์ เคยเป็นพระจักรพรรดฺ์กันมาทั้งนั้น ถ้าท่านบำเพ็ญบารมีกันมา ตั้งแต่ยังไม่เปล่งวาจาด้วยซ้ำไป

    พระพุทธองค์ท่านตรัสสอนพวกเราแล้วว่าชาติกำเนิด ผิวพรรณ (รวมถึงรูปร่างหน้าตา)ไม่ได้ทำให้แตกต่างนะครับ ที่จะมาแบ่งแยกวรรณะ แต่คือความดี

    ถ้าเราเอา ลายมือ ลายเท้า มายึดถือเกินไป คงไม่ดีครับ

    แต่อนุโมทนากับท่านที่มี เป็นกำลังใจว่าพวกท่านทำความดีในข้อนี้ถึงจุด ซึ่งก็ต้องทำต่อไป

    ปล. ขอเพิ่มเติมว่า รูปจักร ที่ว่ามีกัน ไม่มีใครสมบูรณ์เท่ารูปลายของ พระจักรพรรดิ์กับพระพุทธเจ้านะครับ รวมถึงลักษณะ 32 อื่นที่ผมเคยเห็นคนยุคนี้ มีกัน หนึ่ง บ้าง สอง บ้าง แต่ละลักษณะก็ไม่สมบูรณ์เท่านะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2018
  20. pandykub

    pandykub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +62
    บุคคลใดทำให้สัมมาทิฏฐิกำเนิดเกิดขึ้นในสันดานแล้ว การบำเพ็ญทศบารมีจักเข้ารูปเข้ารอย ไม่ออกนอกลู่นอกทางมากจนเกินไป จักเป็นผู้รู้จักทศบารมี เป็นผู้รู้จักแจกแจงทศบารมี เป็นผู้รู้อุบายในการบำเพ็ญทศบารมีตามกำลังแห่งตน เป็นผู้รู้จักผลแห่งทศบารมีที่ตนบำเพ็ญมานั้น
    บุคคลใดที่จิตบังเกิดสัมมาทิฏฐิแล้ว จิตประกอบด้วยฉันทะอันตั้งมั่นเหมาะแก่ตนแล้ว พิจารณาธรรมทั้งหลายแล้วเล็งเห็นทศบารมีธรรม อันจักทำให้ฉันทะของตนประสบผลสำเร็จ จึงเพิ่มพูนทศบารมีธรรมของตนให้ยิ่งขึ้นไป ตามกำลังตามอุบายแห่งตนนั้น

    วันนี้รู้สึกจิตแช่มชื่นมีกำลัง เลยมาแบ่งปันทัศนะคติดูครับ ท่านทั้งหลายมีแนวทาง,กำลังใจในการบำเพ็ญบารมีอย่างไรครับรวมไปถึงบำเพ็ญบารมีไปเพื่ออะไร
    ขอบคุณทุกความคิดเห็นและเจริญในธรรมทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...