ความเลวของผมตามที่สัญญาว่าจะเล่าในกระทู้ มีคำทำนายฯ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 29 พฤศจิกายน 2018.

  1. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ไม่กำหนดลำดับก็แล้วกันครับ เพราะหนึ่งมีสองก็ต้องมี มันจะเป็นการกดดันตัวเองให้เอาความเลว ที่ผมยังไม่สามารถชี้ให้คนอื่นเดินไปในทางที่ถูกได้มาเล่านะครับ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นชวนคนอื่นให้ทำเลวไป ที่ผมเล่าเรื่องเลว ๆ ของตัวเองไม่ได้เป็นการอวดอ้างความเลวของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ แต่ เพราะไม่อยากให้มีคนทำตาม อยากให้ทุกท่านฟังเป็นอุทาหรณ์

    ความเลวของผม เรื่อง เป็นคนชอบยัดเยียด และเป็นคนอารมณ์ร้อน

    ผมเป็นคนที่มักยัดเยียดอุดมการณ์ของคนให้คนอื่นครับ

    การยัดเยียด ก็คือการให้โดยที่เขาไม่พร้อมจะรับ
    หรือ ให้โดยที่เขาไม่อยากได้อะไรจากเรา เพราะเขาไม่ชอบเราหรือแนวทางของเราก็ใช่เหมือนได้เหมือนกัน ซึ่งผมเป็นคนประเภทหลังมากกว่า


    ผมเคยหลงว่าตนมีหน้าที่สำคัญ เมื่อก่อนผมเคยบ้าเป็นพระจักรพรรดิ์ ก็ยัดเยียดธรรมะเพี้ยน ๆ ธรรมะที่ยังไม่ชัดแต่มโนเอง ให้คนอื่นไปทั่วแหละครับในเว็บไซต์นี้แหละครับ แต่ผมลบทิ้งไปแล้วเป็นส่วนใหญ่

    ตอนนี้ เริ่มรู้แล้วว่า ที่ผ่านมาตนได้ยัดเยียดคนอื่นอย่างไรก็ค่อย ๆ เพลาลง
    เหลือแต่การยัดเยียดด้วยมานะทิฐินี่ยังยั้งตัวเองไม่อยู่เท่าไร

    ก็คือการโต้ตอบความรู้สึกที่เราไม่ชอบไปตรง ๆ แล้ว พูดในสิ่งที่เราคิดว่าดีกับเราอยู่แล้วและฝ่ายตรงข้ามควรจะรับฟังออกไป

    เช่น

    นักปฏิบัติพูดว่า กรรมฐานต้องทำอย่างนี้ ๆ ๆ เท่านั้นนะ ผมให้คุณอย่างนี้ คุณไปทำมา

    ส่วนเรา มีความคิดว่า
    1. เราไม่ได้ขอ เขาให้เอง เขากำหนดเรา และเรายังไม่ได้ยอมรับเขา
    2. เรารู้นิสัยตัวเอง เราจึงไม่อาจทำอย่างที่เขาบอกมาได้

    เราก็มีความคิดว่า คนเราแต่ละคนต่างกัน วิธีการปฏิบัติของคนแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน
    เราจึงพูดออกไปตามที่เราคิด

    โทษของการโต้แย้งคนอื่น
    ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาแนะนำมามันก็ไม่เสียหาย เพราะ มันใช้ได้กับคนส่วนใหญ่
    ส่วนสิ่งที่ผมพูด อาจจะเป็นการขัดขวางการก้าวหน้าทางธรรมของคนอื่น เพราะ อาจจะมีคนเห็นด้วยกับผม และเลือก ที่จะทำตามใจตนเอง คือ ปฏิบัติอย่างที่ตัวเองชอบแทนทำให้หมดโอกาสที่จะปฏิบัติธรรมตามหลักสูตรทางโน้นแล้วเกิดความก้าวหน้าไป

    สาเหตุ
    การที่ผมมีความคิดเห็นอย่างนี้ เพราะ ผมเคยผ่านการปฏิบัติแบบกดดันตัวเองเร่งตัวเองมาแล้วครับ และมันไม่บังเกิดผล ผมพบว่าผมไม่มีความพอดีกับแนวทางนั้นเท่าไร หรืออาจจะยังไม่เข้าใจความเคร่งครัดระดับนั้นได้ดีพอ และยังไม่รู้จักตัวเองจนมักทำอะไรเกินตัวอยุ่เสมอ ก็เป็นได้
    ท้ายที่สุด มันได้มาแต่ความทุกข์ล้วน ๆ และเราไม่มีปัญญาพอที่จะก้าวผ่านความทุกข์นั้นไปได้ ผลที่ได้เลยมีแต่ความรู้สึก ทุกข์ล้วน ๆ ไร้ค่า ท้อถอย เลยรู้ว่าวิธีนั้นไม่เหมาะกับตัวเองเท่าไร
    และประกอบกับผมเป็นคนไม่ชอบการยัดเยียดเป็นทุนเดิมอยุ่แล้ว ก็เลยโต้ตอบไปด้วยมานะทิฐิ ดังกล่าว

    แต่ในมื่อผมท้อกับการปฏิบัติแบบเดิม และไม่ชอบความเครียด ผมเลยต้องเสาะแสวงหาแนวทางการปฏิบัติใหม่ ที่เหมาะกับความไม่เอาไหนของตัวเอง

    ผมจะไม่พูดว่าวิธีนั้นคืออะไร เพราะผมไม่ได้รู้แจ้งอะไร ไม่บังอาจเป็นอาจารย์ของใคร

    และผมจะไม่แนะนำพวกท่านให้หาทางที่เหมาะกับตัวเองก่อนอย่างผม เพราะผมยังเลวอยู่
    เพียงแต่ ผมอยากให้ท่านลองปฏิบัติตามวิธีของครูบาอาจารย์ที่ท่านศรัทธาไปก่อน ถ้าไม่ก้าวหน้า ค่อยเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ใหม่ครับ

    พระธรรมมีหนึ่ง ครูบาอาจารย์มีได้หลายรูป หลายคน วิธีสำเร็จมรรคผล มันมีลำดับที่ก้าวข้ามไม่ได้ของมันอยู่ แต่ทางในการสำเร็จมรรคผลมีหลายทาง ถ้าท่านได้อาจารย์ที่ดี ท่านปฏิบัติธรรมก้าวหน้า ก็ฟังอาจารย์ของท่านไป ดีแล้ว แต่ถ้าท่านปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า มีความท้อถอยในการปฏิบัติธรรม กำลังใจถดถอย แต่ยังไม่ท้อถอยในมรรคผล อย่ายึดติดในคำสอนของพระอาจารย์แค่รูปเดียว คนเดียวครับ ไม่ได้บอกว่าไม่ให้รักอาจารย์เหล่านั้นนะ แค่เราก็ต้องแยกจากท่านให้เป็น เหมือนที่เรารักพ่อแม่เรา แต่ต้องแยกตัวไปเรียนรู้ ไปทำงานไปอยู่ที่อื่น เป็นต้น ลองเปลี่ยนแนวทางดู และทดลองเดินตามแนวทางนั้น เผื่อจะเจอแนวทางที่เหมาะสมกับท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2018
  2. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    คัดมาจากกระทู้ มีคำทำนายฯ และมีแก้ไขเพิ่มเติมเล็กน้อย
    ///////////////////////////////////////////////////////
    ผมคิดว่า ผมยอมรับสภาพตัวเองมาได้สักพักหนึ่งแล้วครับ แต่ จนแล้วจนรอด แม้เราจะยอมรับสภาพแย่ ๆ ของตัวเองได้แล้ว เราก็ยังไม่รู้จักตัวเองได้ทั้งหมด

    มันมีอะไรในตัวเราที่เราไม่รู้มาให้เรารู้จักได้เรื่อย ๆ ครับ

    การทำความรู้จักกับตัวเองในตอนนี้ของผม มันเสี่ยงนรก เสี่ยงอบายภูมิเอามาก ๆ
    เพราะผมตัดสินใจทำความรู้จักตัวเองโดย ปลดปล่อยด้านมืดของตัวเองออกมาให้หมด

    แล้วดูว่า เวลาตัวเองทำเรื่องแย่ ๆ อะไร ลงไปแล้ว แล้วตัวเองรู้สึกชอบก็อ้อ สิ่งนี้เรายังเลวอยู่ ก็เก็บไว้หาทางแก้ไข ถ้าเวลาตัวเองทำเรื่องอะไรแย่ ๆ ลงไปแล้วเราไม่ชอบ ก็อ้อ เราไม่ชอบนะ โกรธก็รู้ว่าโกรธ ไม่พอใจก็รู้ว่าไม่พอใจ ไม่อดกลั้น ไม่ข่มอารมณ์ ไม่ฝืนตัวเอง

    แล้วลองทำอะไรดี ๆ ดูบ้าง อย่างเช่น หาฟังธรรมเปลี่ยนอาจารย์ไปเรื่อย ๆ ชอบก็ฟัง ไม่ชอบก็ฟัง เทียบกัน อันไหนชอบที่สุดเลือกฟังอันนั้น แต่ การฟังธรรมที่ถูกต้องมันเป็นเรื่องที่เราทำได้ยาก เพราะเราไม่รู้ว่าธรรมะที่ถูกต้องเป็นอย่างไร เราต้องหาทางระแวง ระวังกันเอาเอง แต่ธรรมไหนที่ตรงกับความเชื่อของเรา เราก็หาฟังอันนั้น
    เช่น ผมเชื่อว่านิพพานแล้วไม่เกิด ผมก็เลือกฟังอาจารย์ที่สอนว่านิพพานแล้วไม่เกิด

    ต่อไปก็คงจะหาเรื่องดี ๆ ทำล่ะมั้งครับ ให้มีความรู้สึกด้านที่เป็นกุศลให้จิตได้ยึดเกาะบ้าง

    ผมคิดว่าที่ผ่านมาที่การทำสมถะของตัวเองไม่ก้าวหน้าคงเพราะว่า ผมไม่ค่อยจะมีความสุขกับอะไรเลยนี่แหละมั้งครับ

    ถามว่ากลัวนรกหรือเปล่า กลัวสิครับ จะเหลือเหรอ แต่มันก็ดีกว่าว่ากังวลว่าจะต้องลงนรก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วไม่กล้าทำอะไร
    แล้วทำไมยังทำ แลกกับความรู้สึกอิสระ เพื่อมีจิตใจที่ปลอดโปร่งในการเรียนรู้ธรรม เรียนรู้โลก เพราะผมเป็นคนความอดทนน้อย เมื่อมีทุกข์เวทนาเกิดขึ้น ใจมันก็ชอบปรุงเรื่องแย่ ๆ มาหลอกมาหลอนตัวเองทำให้ยิ่งทุกข์ ก็เลยช่างหัวมัน ไม่อยากสนนรกสวรรค์มันแล้ว(เป็นโทสะ) ลุยแบบบ้า ๆ มันโลด ***ผมรู้ว่ามันผิดครับ และเป็นวิธีที่ไม่ควรเลียนแบบ***
    แล้วถ้าเกิดได้ลงนรกจริง ๆ จะทำยังไง ก็คงต้องยอมรับมันให้ได้แหละครับ
    ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


    **** คนมีสติดี ๆ ไม่ควรทำอะไรบ้า ๆ แบบผมนะครับ
    โกรธรู้ว่าโกรธก็พอ หนีปัจจัยที่ทำให้โกรธได้ก็ควรหนีไปก่อน ไม่ควรตามน้ำไป วิธีของผมใช้ได้แค่กับผมคนเดียว เพราะ ผมมีสภาพจิตไม่เหมือนพวกท่าน จึงต้องทำอะไรบ้า ๆ เช่นนี้ ****
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2018
  3. nan_nori

    nan_nori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +799
    ถ้าอึดอัด ก็ลองนั่งสมาธิในท่าที่สบายตัวไม่เกร็ง คำภาวนาใช้คำที่ง่ายๆตามใจ ไม่ต้องไปบังคับให้นั่งได้นานๆ ประมาณ 5นาทีพอ ถ้าเมื่อยก็เดินจงกรม เดี่ยวซักพักก็ชิน
    แล้วค่อยๆเพิ่มเวลาไป ชิวๆ

    ถ้าขี้เกียจก็ไปเล่นเกมส์ จบปิ๊ง
     
  4. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผลจากการผิดศีลข้อมุสาฯ โดยประพฤติมิชอบทางวาจา มีผลขัดขวางการปฏิบัติธรรมได้ คือ ทำให้จิตใจไม่สงบ ว้าวุ่น ร้อนรน ทำให้ทิฐิมานะเกิด กรณีต่อปากต่อคำกับคู่สนทนา

    หากผิดข้อมุสากับคนที่รัก เมตตา จะทำให้จิตใจหดหู่ กระวนกระวายใจ ร้อนรน เป็นกังวลใจ

    ผมได้สังเกตเห็นผลในข้อนี้แล้ว แต่ไม่อาจรัับประกันตนว่าจะไม่ผิดศีลข้อมุสาได้อีก เพราะยังต้องการเรียนรู้ต่อไป

    ท่านทั้งหลายไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2018
  5. nan_nori

    nan_nori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +799
    คำทำนายอะไรช่างหัวมัน ไม่ต้องไปสนใจ
    ......เอาจริงๆคือให้รู้แล้วระวังไม่ให้ผิดอีก เพราะวิบากตรงนี้ทำให้พูดอะไรไปก็ไม่น่าเชื่อถือ ข้อมุสา น่ะ
     
  6. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ใช่ แม้จะพูดความจริง แต่การพูดจาส่อเสียด การประพฤติผิดทางวาจาอื่น ๆ ก็มีผลครับ ขอบคุณมากที่ช่วยเสริมให้ครับ

    มานะทิฐินี่อันตรายเหมือนกันแฮะ ชนะมาก ๆ ก็ทำให้เหลิง
    ทำให้บางครั้งเราไม่ยอมฟังเหตุผลของคนอื่น
    ทำให้เราไม่มองแง่ดีของสิ่งที่คนอื่นคิด ทำให้เราเป็นคนใจร้าย

    ผมว่าผมต้องทำศีลสังวรณ์ซะแล้ว
    พยายามจับกายเวทนาของตัวเองแล้ว ช่วงนี้บางครั้งรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองกลายเป็นหน้าของยักษ์ หรืออสูรกาย ไม่เห็น แต่รู้สึก มีเขี้ยวโง้งเชียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...