มนุษย์ต่างดาวมาเตือนภัย(1)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย sen-seko-iya, 23 เมษายน 2018.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หายนะ..ภัยธรรมชาติที่กำลังมาเยือน

    เผยแพร่เมื่อ 23 พ.ย. 2011
     
  2. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    มีใครมาเตือนอะไรเพิ่มอีกไหมครับ 2011-2018 จะเข้า 2019 อีกแย้ว
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สรุปรวมเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

    เผยแพร่เมื่อ 15 มิ.ย. 2012
    ดูคำทำนายได้ ตั้งแต่นาทีที่ 29.00 เป็นต้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิราช
    (จากคำทำนายของศาสนาอิสลาม)


    ผยแพร่เมื่อ 29 มิ.ย. 2015

    ยุคทองและการปรากฎกายของมะฮฺดี "ในช่วงเวลานี้ ประชาชาติของฉันจะใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายไร้กังวล ชนิดที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย แผ่นดินจะให้ดอกผลและจะไม่หวงอะไรเอาไว้เลย" (สนัน อิบนุมาญะฮฺ) "บางคนที่เพาะปลูกธัญพืชไปจำนวนหนึ่ง ก็จะได้ผลกลับมา 700 เท่า บางคนจะหว่านเมล็ดพืชไปไม่กี่กำมือ แต่จะเก็บเกี่ยวได้ถึง 700 กำมือ ถึงแม้จะมีฝนตกลงมาอย่างมากมาย แต่มันก็จะไม่ตกลงมาอย่างไร้ค่าเลยแม้แต่หยดเดียว" (อิบนุฮาญัร อัลฮัยตามี , อัลเกาล์ อัลมุคตะซอร ฟีอะลามัต อัลมะฮฺดีย์ อัลมุนตะซารฺ หน้า24)
     
  5. ดาราแฟร์

    ดาราแฟร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,660
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ครับผม ขออนุญาตครับ
    You Are Number One.
     
  6. ดาราแฟร์

    ดาราแฟร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,660
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ญี่ปุ่น อากาศหนาวมั้ยครับ.
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    .. Ok พวกเราทุกคนจะมีเวลาอีกเพียง 1 ปี นะครับ คือปี 2562 นี้ เรามาช่วยกันเต็มที่กันนะครับทุกคน..และในปี 2563.. เราจะผ่านทุกเหตุการณ์ไปด้วยกัน เพื่อไปสู่ยุคใหม่ด้วยกันคับทุกคนผม..

    อ้าว....อย่างนี้ผมก็กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะอีกแล้วซิครับ ถ้าเลื่อนออกไปได้เรื่อยๆ แบบนี้ คนชั่วก็จะยิ่งได้ใจ เข้ามาเบียดเบียนข่มเหงคนดีมากยิ่งขึ้นไปอีกนะครับ พอถึงปี 2563 จะบอกให้ใครเชื่อได้อีกละครับ ว่าภัยใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว.....
     
  8. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    คำตอบนี้ท่านรู้ดีมากที่สุด ท่านรับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 49 แล้ว ผ่านมา 12 ปีแล้ว ก็เลื่อนกันมาตลอดนั่นเพราะมันไม่ทางเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกแล้ว ยุครุ่งเรื่องมากที่สุดก็คงจะเป็นช่วงปี 55-56 หลากหลายคำทำนายและสำนัก ซึ่งผลสรุปก็ออกมาชัดเจนว่า หน้าแหกกันไปจนต้องหนีหายหน้าไปจากเวป สิ่งเหล่านี้เหมือนถูกสร้างมาให้ผู้คนกลัวตายและหันมาทำความดีกันมากกว่า

    ท่าน เกษม อย่าโทษว่าตัวเองเป็นเด็กเลี้ยงแกะเลย เพราะเด็กเลี้ยงแกะตัวจริงนี่ก็คือพวกที่มาแจ้งเตือนภัยพิบัตินี่ล่ะ ท่านแค่เอาข้อมูลพวกนี้มาบอกเล่าแต่นั้นเอง
    ถ้าสังเกตให้ดีๆ คำทำนายเดิม หรือ ของเดิมเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยแล้วเปลี่ยนแค่ตัวเลขปีข้างหลังเท่านั้นเอง จำได้ว่าท่านเซฟกระทู้รวบรวมเอาไว้ลองไปไล่เทียบเอานะแล้วจะพบว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง
     
  9. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    โผล่มาอีกคนละ ทุกอย่างเหมือนเดิมเลย
    "ส่วนหลังจากสิ้นปีนี้ ปี 2555 ทุกอย่างจะค่อยๆเกิดขึ้น และเปิดเผยออกมา..
    แต่กำหนดการณ์ครั้งใหญ่ คือ เมษายน 2556"


    ตอนปลายปี 55 ก็มีคนโพสข้อความในลักษณะทำนองนี้ เดี๋ยวไม่เกิดตามคำทำนายก็เปลี่ยนเลขปีข้างหลังไปเรื่อยๆ อีกนั่นล่ะ สรุปแล้วไม่รู้เชื่อใครดีบอกไม่ตรงกันซักคนทีหลังไปคุยให้เข้าใจตรงกันก่อนแล้วค่อยมาโพสนะ
     
  10. Hello!world

    Hello!world Just a Game

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +437
    ใครจะะมากอบกู้... ถ้าไม่แน่ใจอย่ามาพูด
    เอาให้แน่ใจก่อนดีกว่าไหม
    เดี๋ยวเมื่อถึงเวลาก็บอกเลื่อนอีก
     
  11. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    สรุปสั้นๆ ให้เลยเผื่อบางคนอ่านแล้วกำกวม "ไม่เกิดตามคำทำนายใดๆแน่นอน" ก็อ้างกันไปเรื่อยๆ พอไม่เกิดก็บอกไม่เกิดอ่ะดีแล้วมี Something บลาๆๆๆ มาทำให้เลื่อนออกไป แล้วซักพักก็มากำหนดวันเอาคำทำนายเก่าๆมาเขียนใหม่เปลี่ยนเลขท้ายของปี อยากขอให้เจ้าของโพสมีสติมากกว่านี้การกำหนดวันเวลาตายตัวแบบนี้ผิดกฎหมายหลายข้อนะ โทษมันหนักเอาเรื่องอยู่นะ "นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ"

    ท่าน Junip น่าจะผ่านเหตุการณ์ช่วงปี 2012 ในเวปนี้มาแล้ว มันเลื่อนอีกแน่นอนเลื่อนไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด
     
  12. Hello!world

    Hello!world Just a Game

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +437

    ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ.. ไม่เกิดมันก็ดีแล้ว
     
  13. ดาราแฟร์

    ดาราแฟร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,660
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ครับผม ขออนุญาตครับ
    อากาศขนาดนี้ กำลังเหมาะพอดีครับผม.สบายๆๆๆ...
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ที่สุดแห่งเทคโนโลยี (จักรแก้ว) ยุคชาววิไล

    universe-475x356.jpg


    กรกฎาคม 5, 2018

    เมื่อนั้น พระราชาก็เริ่มคิดค้นถึงเทคโนโลยีขั้นสูงสุด ที่เป็นที่รวมของทุกสิ่งทุกอย่าง คือ เป็นเครื่องมือที่สามารถจะดึงอณูธาตุที่มีในอากาศมาขึ้นรูปเป็นวัตถุสิ่งของต่างๆได้ตามปรารถนา โดยไม่ต้องได้ตัดไม้เพื่อมาทำกระดาษ ไม่ต้องขุดดินระเบิดหินเพื่อมาทำซีเมนต์หรือก้อนอิฐ ไม่ต้องผลิตคอมพิวเตอร์เป็นจอๆ แบบมีแป้นควบคุมนี้มาใช้ ด้วยว่า ข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้ มีความสิ้นอายุไป แล้วก็กลับกลายเป็นของเสียในภายหลัง มีความล้าหลัง มีคุณสมบัติหลายอย่างไม่ตรงตามปรารถนา ประกอบกับในเวลานั้น ปัญหาขยะในโลกก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าเทคโนโลยีที่พยายามพิจารณาดีแล้วนั้นจะก่อมลพิษน้อยก็ตาม แต่มันก็ยังมีอยู่ สืบต่อไปในระยะกาลประมาณหนึ่ง ก็มีอันต้องสะสมกันล้นพื้นที่ได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ พระราชาจึงพิจารณาเพื่อสร้างวัตถุอันเป็นที่สุดแห่งเทคโนโลยีขึ้นมา คือจักรรัตนะ หรือจะเรียกว่า เครื่องควบคุมพลังงานหรือธาตุในจักรวาลให้เป็นไปตามใจปรารถนา ก็ได้

    ก็จักรรัตนะนี้นั้น เมื่อปรากฏสำเร็จขึ้นมาแล้ว จะมีคุณสมบัติในการควบคุมธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในขอบเขตเท่าที่ใจนึกได้ โดย เครื่องมือชนิดนี้จะตอบสนองโดยตรงต่อความนึกของมนุษย์ ในการป้อนข้อมูลเข้าจักรรัตนะ จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยแป้นพิมพ์ ไม่ต้องอาศัยหน่วยความจำภายนอก และขอบเขตในการควบคุมธาตุ กว้างใหญ่ไปเท่าที่ใจของผู้เป็นเจ้าของจะนึกถึงได้ … จักรรัตนะนี้ รับข้อมูลเข้าไปในรูปของอารมณ์จิต จึงมีอานุภาพเป็นทิพย์ มีความสามารถในการเร่งพลังงานข้ามมิติแห่งกาลเวลาเข้าไปยังภพภูมต่างๆในต่างมิติได้ สามารถจะไปนรกสวรรค์ได้ ไปพรหมโลกได้ คือ ไปได้ทุกที่ที่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เท่าที่ใจของเจ้าของจะนึกถึง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ก็จะใช้งานแค่ในขอบเขตจักรวาลหนึ่งเท่านั้น ไม่ค่อยนำไปใช้งานข้ามแกแล็กซี่นัก แต่ในความจริง จักรรัตนะ สามารถเดินทางข้ามแกแล็กซี่ได้

    เมื่อต้องการจะเข้าไปศึกษาเรื่องราวของวัตถุธาตุในจักรวาล เช่น โครงสร้างดาวโลกชมพู โครงสร้างดวงอาทิตย์ หรือเนบิวลา หรือวัตถุอื่นใดในวงกว้างนั้น จักรรัตนะจะเร่งพลังงานเข้าไปไว้ในระดับทิพย์ที่ไม่แตะต้องกับธาตุ4แบบมนุษย์ แล้วแทรกซึมเข้าไปในเนื้อวัตถุธาตุเหล่านั้นได้ มีการนำเสนอโครงสร้างของดวงดาวเหล่านั้นได้คล้ายอย่างที่คอมพิวเตอร์นำเสนอข้อมูลในรูปกราฟฟิก จะต่างกันก็แค่ว่า จอมอนิเตอร์สำหรับจักรรัตนะแล้ว เป็นจอที่ไม่มีขอบเขตแน่นอน

    ไม่ใช่เพียงเท่านั้น จักรรัตนะนั้นเอง ยังมีกำลังอำนาจในการขยายอณูแห่งธาตุเข้าไปยังระดับโครงสร้างที่เล็กลงๆไปเรื่อยๆได้ตามปรารถนา เรียกจักรรัตนะว่า เป็นเครื่องมือสารพัดจะนึก สารพัดจะใช้ก็ได้

    เพราะเหตุที่จักรรัตนะมีความพิเศษอย่างนี้ จึงมีอานุภาพครอบงำแม้กระทั่งอานุภาพของเหล่าเทวดา จึงมีอำนาจในการจัดอารักขาป้องกันภัยอันตรายให้พระราชาได้ตามที่พระราชาปรารถนา

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้รู้แจ่มแจ้งโลก เมื่อกล่าวถึงโลกในมุมอันเป็นทีสุดแห่งความเจริญในด้านความรู้เทคโนโลยี พระองค์จึงกล่าวถึง จักรรัตนะนี้ ว่า เป็นสิ่งพิเศษสูงสุด และตรัสเรียกพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้สามารถก่อเหตุปัจจัยให้เหมาะสมในการปรากฏจักรรัตนะนั้นว่า เป็นอัจริยะมนุษย์ เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นอัจริยะมนุษย์ คือสามารถคิดค้นสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจจะคาดคิดถึง แม้กระทั่งจะจินตนาการว่ามันมี มนุษย์ทั้งหลายก็ไม่กล้าจะจินตนาการ แต่บุคคลพิเศษผู้นั้น กลับมีกำลังปัญญาข้ามกรอบมนุษย์ทั่วไปนั้นไป จึงกล่าว่า พระเจ้าจักรพรรดิเป็นบุคคลพิเศษ และเพราะความที่พระเจ้าจักรพรรดิทำประโยชน์เกื้อกูลโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ จึงดำรงอยู่ในฐานะที่ควรเคารพสักการะ ควรแก่การระลึกถึง ผู้ที่ระลึกถึงพระเจ้าจักรพรรดิ มีผลให้เข้าสู่สุคติภูมิได้ หลังจากตายเพราะกายแตก

    พระเจ้าจักรพรรดินั้นเอง คือพระธรรมราชา เป็นราชาโดยธรรม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลก ในคุณสมบัติต่างๆ
    แม้จะอย่างนั้นก็ตาม พระเจ้าจักรพรรดิผู้พิศษเยี่ยงนั้น ก็เปรียบไม่ได้แม้เสี้ยวหนึ่งในแสนโกฏิเสี้ยวแห่งองค์คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย

    ต่อไปจะได้กล่าวถึงวิธีการสร้างจักรรัตนะ

    หลักการสร้างจักรรัตนะ

    ขั้นตอนการออกแบบ

    การออกแบบจักรรัตนะนั้น ประกอบไปด้วยสองส่วน คือส่วนฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ (ให้พิจารณาเทียบเคียงกับเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันในปัจจุบันนี้)

    การออกแบบฮาร์ดแวร์ของจักรรัตนะ

    ฮาร์ดแวร์ คือส่วนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์นี้
    จักรรัตนะจะถูกออกแบบให้มีรูปเหมือนกงล้อ คล้ายจานบิน คล้ายๆล้อเกวียน แต่ซี่ของจักรรัตนะนั้น จะไม่ปล่อยเป็นซี่แบบอากาศเหมือนซี่รถจักรยาน หากแต่จะบุไว้เป็นตาๆ หากแบ่งส่วนออกก็จะได้สามส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนดุมจักร๑ ส่วนกำหรือซี่จักร๑ และส่วนกงจักร๑

    ส่วนดุมจักรนั้นจะอยู่ตรงกลางสุด ใช้เป็นแกนหมุนได้ ทำมาจากแก้วไพทูรย์
    ส่วนซี่หรือกำของจักรคือส่วนที่อยู่ตรงวงกลาง มีอยู่พันซี่คือ การขีดเส้นในแนวรัศมีของวงจักร และมีการแบ่งซี่เหล่านั้นออกเป็นวงย่อยๆ หรือเรียกว่าเป็นแทร็กๆก็ได้ ช่วงกำของจักรนี้ เมื่อลากตัดวงด้วยแนวซี่จักรแล้ว ก็จะได้เซกเตอร์ของซี่กำ แต่ละเซกเตอร์เอง ทำจากแก้วมีค่าหลากสีสัน มีการสลักรูปต่างๆไว้ในแต่ละเซกเตอร์ คือ รูปแบบต่างๆของแกแล็กซี่ รูปแบบต่างๆของดวงอาทิตย์ ของดวงจันทร์ ของโลก ของเทวดาเหล่าต่างๆ และรูปที่เกี่ยวกับมนุษย์ คือสัญลักษณ์ทั้งหมดที่สลักไว้ จะครอบคลุมเรื่องราวทั้งหมดในแกแล็กซี่

    ในส่วนกงจักรนั้น จะแบ่งออกเป็นร้อยเซกเตอร์ พระอรรถกถาเรียกว่า ร้อยคัน และในแต่ละเซกเตอร์นั้นจะประดิษฐานฉัตรไว้ มีแถวลวดลายดอกไม้ทองคำแล่นโดยรอบขอบเขตแต่ละเซกเตอร์ของกงนั้น วัสดุที่ใช้ทำคันกงจักร คือ แก้วแดงบริสุทธิ์

    หากมองจักรรัตนะในทิศเบื้องบน จะเห็นรูปจักรรัตนะ คล้ายกับดวงอาทิตย์ทอแสงสีรุ้งโดยรอบ แล้วก็มีประกายรุ่งเรืองด้วยแสงจากแก้วมณีแต่ละสี คือ แก้วสีต่างๆที่นำไปทำจักรรัตนะนั้น เปล่งแสงได้ด้วย โดยตรงดุมนั้นจะมีรัศมีรุ่งเรืองที่สุด

    ทีนี้มาดูลายวงจรของจักรรัตนะบ้าง

    คอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ มีแผ่นPCBเป็นแผงวงจรนำไฟฟ้าเข้าไปผ่านIC ที่มีคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งใตไอซีเหล่านั้น มีลายวงจรเล็กๆ มีความละเอียดระดับไมครอน และในอนาคตยังจะพัฒนาให้ผลิตไอซีที่เล็กลงไปยิ่งกว่านั้นอีก จนท้ายที่สุด มนุษย์จะค้นพบว่า วัสดุทุกชนิด มีคุณสมบัติในการจำทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะสารกึ่งตัวนำ และลักษณะวิธีการอ่านข้อมูลในอณูธาตุเหล่านั้นเอง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบฉายกระแสไฟฟ้าเพื่อตรวจจับสัญญาณแม่เหล็ก หรือฉายเลเซอร์กระทบอะไรเทือกนี้ ..

    ในส่วนนี้ บางที ในอนาคตอันใกล้ มนุษย์อาจสามารถใช้โมเลกุลของธาตุเพียงโมเลกุลเดียวในการทำตัวCPU ของคอมพิวเตอร์ก็ได้ เมื่อมนุษย์เห็นโครงสร้างของอุตอมได้ละเอียดขึ้น มีเครื่องมือระดับละเอียดปานนั้น

    ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมนุษย์ศึกษาถึงความเกี่ยวพันระหว่างจิตกับธาตุ4 แล้ว มนุษย์ก็จะสามารถสร้างวงจรความจำ ทำวัตถุให้เป็นวัสดุเมมมอรี่ได้ โดยการใช้กำลังจิต เมื่อรู้ไปถึงนั่น มนุษย์ก็จะอธิบายได้ถึงการทำเครื่องลางของขลังในสายเทคโนโลยีทางนามว่า มันก็หลักคล้ายๆกับเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์นี้

    คือ ผู้ทีเขาเรียกว่า เป็นผู้อัดพลังจิตนั้น ทำการบริกรรม เพ่งอารมณ์มุ่งหมายอยู่ อธิษฐานไว้ว่า วัตถุนี้ ให้มีคุณสมบัติอย่างนี้ เมื่อกระทบกับกระแสจิตอย่างนี้ของคนนี้ ทำนองนี้นะครับ ซึ่ง คุณสมบัติ ความพิเศษพิศดารของเครื่องลางของขลังเหล่านั้น จะมีอานุภาพมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความรู้แจ้งชัดของผู้อัดพลัง คือ ผู้ป้อนซอฟต์แวร์ให้แก่วัสดุนั้นเอง ซึ่งโดยมากแล้ว ผู้ที่ศึกษาทางการทำเครื่องลางของขลัง เรียนด้วยวิธีสืบทอดกันมา ไม่รู้แจ้งชัดในความข้อนี้ คุณสมบัติของเครื่องลางของขลังจึงกินอาณาเขตแคบๆ ใช้งานได้แคบๆ ทั้งๆที่สามารถประยุกต์ไปใช้งานให้กว้างขวางกว่านั้นมากมาย

    สิ่งที่เด่นชัดที่สุดในเรื่องเกี่ยวแก่เทคโนโลยีทางนามที่ประสานกับหลักการคิดแบบเทคโนโลยีทางวัตถุนี้แล้ว ก็คือ จักรรัตนะ นี้เอง

    คงเคยได้อ่านพบกันมาบ้างว่า ได้ยินว่า เมื่อพระราชาจักรพรรดิพาจักรรัตนะพัดผันไปยังที่ใด มนุษย์ หรือบุคคลใดๆที่มีความคิดว่าจะหยิบศาสตราวุธขึ้นมาเพื่อจะทำร้ายพระองค์หรือทำร้ายใครๆนั้น จะไม่สามารถหยิบจับอาวุธขึ้นมาได้ นั่นก็ด้วยอานุภาพของจักรรัตนะ ซึ่ง พระราชาได้โปรแกรมให้ตอบสนองกับสัญญาณจิตรายบุคคลว่า เมื่อบุคคลนึกคิดอย่างนี้ ขอร่างกายของเขาจงตอบสนองอย่างนี้ เพราะร่างกายมนุษย์หรือเทวดาเอง ก็ประกอบขึ้นมาจากธาตุ 4 ทั้งนั้น
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การออกแบบซอฟต์แวร์จักรรัตนะ

    ขั้นตอนที่ยากที่สุดของจักรรัตนะก็คือการออกแบบซอฟต์แวร์นี้เอง สมมติว่าออกแบบฮาร์ดแวร์ใช้เวลาสัก 1-3 ปี การออกแบบซอฟต์แวร์อาจจะใช้ 20-200 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัญญาของพระราชาองค์นั้นๆว่า แล่นไปช้าเร็วเท่าไรในการออกแบบ

    การออกแบบซอฟต์แวร์นั้น พระราชาจะต้องประมวลเรื่องระดับความคิดของบุคคลต่างๆที่มีในโลกว่ามีกี่ระดับ แล้วก็แยกแยะงานที่คนแต่ละระดับจะสามารถใช้งานจักรรัตนะได้ ว่า ใครจะใช้งานได้ในขอบเขตใดบ้าง

    เช่นว่า การใช้งานจักรรัตนะในเชิงของการเดินทางจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่งด้วยวิธีการย้ายโมเลกุล หากว่าพระราชาอนุญาตให้มนุษย์ทุกคนใช้เทคโนโลยีนี้อย่างอิสระ จะเกิดอะไรขึ้น? ก็ต้องตอบได้อย่างไม่สงสัยว่า ความวุ่นวายจะเกิด เดี๋ยวก็เดินทางไปโผล่ห้องนอนของคนนั้นคนนี้ แล้วไปทำกรรมลามกต่างๆมากมายได้ง่าย ด้วยเหตุอย่างนี้ พระราชาจะโปรแกรมไว้ว่า ในการเดินทางนั้น จะมีการกำหนดจุดในการปรากฏ เป็นท่า เป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองอะไรทำนองนี้ ทั้งๆที่จริง จักรรัตนะสามารถจะส่งคนไปปรากฏในที่ใดๆก็ได้ แต่พระราชาไม่อนุญาตให้ผู้อื่นใช้จักรรัตนะในฟังก์ชันนั้นได้เท่านั้นเอง เพื่อประโยชน์ที่เหมาะสม

    พระราชาก็จะมาพิจารณาเรื่องการเดินทางว่า จะต้องมีลำดับเริ่มต้นอย่างไร คือ เริ่มจากการเดินทางในบ้านในเมืองนั้นก่อน โดยให้ประชาชนกำหนดจุดสถานีขนส่ง หรือป้ายรถเมล์เป็นจุดๆในการเข้าและออก แล้วพระราชาก็จะเป็นผู้ป้อนโปรแกรมว่า อนุญาตการเดินทางด้วยการย้ายมวลสาร ในระหว่างจุดนี้กับจุดนี้ ทำนองนี้ พระองค์จะกำหนดเป็นจุดๆไป แม้การเดินทางทางอากาศ ด้วยวิธีการเหาะไปก็ตาม อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน พระราชาก็จะอนุญาตการใช้จักรรัตนะในกิจการการเดินทางด้วยการเหาะไว้ กำหนดเพดานเหาะไว้ กำหนดท่าเข้าท่าออกไว้ เพียงแค่ผู้ใช้งาน ต้องการเดินทาง ก็อธิษฐานกำหนดจุดเข้าจุดออกเท่านั้น จักรรัตนะก็จะควบคุมอณูธาตุในอากาศให้มีความหนาแน่นเข้า ยกร่างกายคนๆนั้นขึ้นสู่เพดาน แล้วก็ส่งไปด้วยระดับความเร็วที่กำหนดไว้ ทำนองนี้

    พระราชาไม่ได้พิจารณาการใช้จักรแค่ในมุมนั้น หากแต่ยังพิจารณาการใช้ประโยชน์จักรรัตนะในมุมของการผลิต มีการกำหนดเจ้าหน้าที่ควบคุมการผลิตว่า ใครสามารถเป็นเจ้าหน้าที่ผลิตสินค้าได้ เหมือนการเดินทางอย่างนี้ บางทีก็ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ในการกำหนดจุด มีการกำหนดโปรแกรมว่า ก่อนที่ประชาชนทั่วไปจะเดินทางได้ ต้องเข้าพบเจ้าหน้าที่คนนั้นก่อน บอกเจ้าหน้าที่ว่า ต้องการไปลงที่เมืองนั้นๆ ตำแหน่งนั้นๆ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะกำหนดจุด แล้วก็บอกอนุญาต เมื่อเจ้าหน้าที่อธิษฐาน จักรรัตนะจึงจะทำงานในการควบคุมพลังงานแบบนั้นให้สำเร็จ ….

    ผู้อ่านลองคิดดูเถิดว่า มีกิจการอะไรบ้างในโลกนี้ ที่พระราชาต้องประมวลเข้ามาแล้วจัดลำดับ เพื่อทำซอฟต์แวร์คือเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นอารมณ์จิต แล้วก็อัดอารมณ์จิตนั้นบรรจุไว้ในนิมิตแห่งรูปในจิต แล้วก็อธิษฐานดึงนิมิตนั้นขึ้นมาสู่ความปรากฏเป็นธาตุ4ขึ้นมา

    จะเห็นว่า ต้องได้พิจารณามากมายหลายเรื่องทีเดียว ทั้งเรื่องของมนุษย์และสัตว์ดิรัจฉาน เป็นต้นว่า เมื่อใดราชสีห์เกิดสภาพคิดว่าต้องการกินอาหาร แล้วเกิดความพยายามว่าจะค้นหาอาหาร เมื่อนั้น อาหารตามที่ราชสีห์ปรารถนานั้นจงปรากฏในเบื้องหน้าราชสีห์นั้น เป็นต้น … เมื่อราชสีห์ได้รับอาหารแล้ว ก็จะไม่ออกล่าเหยื่อ ก็จะไม่ฆ่าเนื้อ เนื้อก็จะอยู่เป็นสุข ไม่ถูกเบียดเบียน สัตว์ทั้งหลายล้วนได้อาหารตรงตามปรารถนา อย่างนี้เป็นต้น

    นั่นคือ สภาพคิดทั้งหมดที่พระราชาต้องได้พิจารณานั่นล่ะว่า จะให้เกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อเกิดสภาพคิดอย่างนี้ในสัตว์ตัวนี้ ผู้มีปกติคิดอย่างนี้ มีศีลอย่างนี้ ทำนองนี้ แล้วจงได้ความสำเร็จตามนี้ หรือว่าจงได้ความสำเร็จเป็นอีกอย่างหนึ่ง

    และเมื่อพิจารณาแล้ว จะเห็นว่า ท้ายที่สุด ถึงจะมีเทคโนโลยีดีระดับนั้น สูงสุดระดับนั้น ก็ไม่อาจจะทำให้คนดีกลับชั่ว คนชั่วกลับดีได้ ไม่อาจทำคนไม่รู้ให้กลับรู้ ทำคนรู้ให้กลับไม่รู้ได้ ความเจริญหรือเสื่อมเฉพาะบุคคล เกิดขึ้นเป็นไปตามกรรมที่บุคคลนั้นๆกระทำแก่ตนเอง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว สัตว์ทั้งหลายในยุคพระเจ้าจักรพรรดิ ค่อนข้างอ่อนโยน เอื้อเฟื้อ อารีย์ เมตตากัน โดยมาก หลังจากตายเพราะกายแตก จึงเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์

    ต่อไปจะได้กล่าวถึงกระบวนการสร้างจักรรัตนะ

    กระบวนการสร้างจักรรัตนะ

    หลักการสร้างจักรรัตนะ กับหลักการน้อมนำขุมทรัพย์จักรพรรดินั้น ใช้หลักเดียวกัน คือ ขึ้นกับกำลังจิต แต่ ขุมทรัพย์จักรพรรดินั้น เกิดจากกำลังบุญของบุคคลคนเดียว ส่วนจักรรัตนะนั้น เกิดจากกำลังบุญของบุคคลนั้น+กำลังจิตมวลรวมของหมู่มนุษย์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า การประชุมพร้อมกันแห่งเหตุปัจจัยเพื่อความปรากฏของจักรรัตนะนั้น จะต้องได้อาศัยจิตรวมจากหมู่มนุษย์โดยมากด้วย ซึ่งกระแสจิตเหล่านั้นจะไหลเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่ายพลังจิตขึ้น โดยมีความจดจ่อจิตจ้องรวมลงที่พระราชาผู้เป็นต้นเหตุให้พวกเขาเหล่านั้นได้ดำรงชีวิตอย่างสุขสบาย

    ทุกๆวัน พระราชาจะออกแสดงธรรม อบรมพสกนิกรของพระองค์ แล้วพิจารณาราชกิจในการบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชน มีการอบรมสัมมาทิฏฐิให้ แล้วในช่วงวันอุโบสถ พระราชาจะหลีกเร้นอยู่แต่ผู้เดียว แล้วเพ่งธรรมอยู่ คือ ระลึกถึงอาการของจักรรัตนะ ระลึกถึงอาการมาของจักรรัตนะ ระลึกถึงการใช้งานจักรรัตนะ ซึ่งกระบวนการนี้คือการป้อนซอฟต์แวร์นั่นเอง แต่ โปรแกรมที่พิจารณานั้น จะยังไม่ได้ถูกอธิษฐานด้วยกลไกแห่งฤทธิ์ ตราบที่พระราชายังลงใจไม่ได้ว่า ซอฟต์แวร์ที่พิจารณานั้น เข้าถึงความบริบูรณ์ดีแล้ว ซึ่ง ที่จุดแห่งความบริบูรณ์อันนั้น เมื่อเข้าถึง จะรู้เฉพาะตนเอง จิตจะสงบรำงับลงจนถึงบาทแห่งฤทธิ์เอง

    ในระหว่างที่บรรเทาทุกข์ให้ประชาชนนั้น กระแสเมตตาเพราะความกตัญญูรู้คุณในพระราชาของประชาชนในราชธานีเองและในต่างประเทศก็จะจดจ่อหลั่งไหลเข้าไปสู่พระราชาผู้มีคุณเช่นนั้น แล้วพระราชานั้นอาศัยกระแสจิตเหล่านั้นที่ประสานกันเองโดยอัตโนมัติ มาเป็นปัจจัยหนึ่งในการอธิษฐานถึงความปรากฏแห่งจักรรัตนะ

    ด้วยอาการอย่างนี้ จักรรัตนะจึงมิได้สำเร็จมาจากการประกอบที่โรงงานแห่งใดแห่งหนึ่งบนพื้นดิน หรือบนเทวโลก หรือพรหมโลก หากแต่อุบัติขึ้นมาจากความประชุมพร้อมแห่งกำลังจิตที่กลมกลืนเป็นอันเดียวกันของมหาชน คือ มหาชนนั้น มีความรักความเคารพเป็นอันเดียวกันในพระราชาผู้มีพระคุณของเขานั่นเอง

    ในช่วงที่ปรากฏจักรรัตนะนั้น วันเดือนปี การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ และฤดูกาลจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ หนึ่งเดือนมี30วัน 12เดือนเป็น1ปี ทำนองนี้ แม้ฤดูร้อนฤดูหนาวฤดูฝนก็ปรากฏสม่ำเสมอ อันเป็นผลจากกระแสจิตมวลรวม ซึ่งไม่มีสูตรคณิตศาสตร์ที่จะใช้ในการคำนวณ เนื่องจากเป็นเรื่องของนามที่ยากจะหยั่งวัดปริมาณอารมณ์ได้

    เพราะความที่จักรรัตนะสำเร็จได้มาจากกำลังแห่งกระแสจิตมวลรวม จักรรัตนะ จึงมีอานุภาพเป็นทิพย์และตอบสนองโดยตรงต่อกระแสจิตของสัตว์ จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยการป้อนข้อมูลทางคีย์บอร์ดหรือกระแสไฟฟ้า
    เพราะความที่จักรรัตนะ สำเร็จมาจากอธิษฐานของพระราชา จักรรัตนะจึงอยู่ใต้อำนาจจิตของพระราชาเท่านั้น ไม่ขึ้นแก่อำนาจจิตของบุคคลอื่น แต่ เพราะความที่ปัจจัยประกอบของจักรรัตนะมาจากกระแสจิตมวลรวมของสัตว์ พระเจ้าจักรพรรดิจึงสามารถแยกแยะขอบเขตอำนาจการใช้งานจักรรัตนะในบุคคลต่างๆได้

    และเพราะความที่จักรรัตนะ ตกอยู่ใต้อำนาจจิตของพระราชาและสามารถจะกำหนดให้ตกอยู่ใต้อำนาจของบุคคลใดๆได้ตามขอบเขตกำหนด พระราชาจึงอบรมพระราชโอรสองค์โต ผู้จะสืบวงศ์จักรพรรดิให้รู้ถึงวิธีการเข้าควบคุมอำนาจจักรรัตนะได้ว่า กระแสจิตเท่าใด มีความระลึกรู้รอบคอบในการบริหารราชกิจเท่าไร จึงจะสามารถหมุนจักรรัตนะได้เหมือนอย่างที่พระเจ้าจักรพรรดิสามารถกระทำ และเมื่อพระราชโอรสองค์นั้นอบรมจิตตนเข้าถึงภูมินั้น ความรู้เฉพาะตนจะปรากฏแก่จิตพระราชโอรสเองว่าสามารถหมุนจักรได้แล้วโดยไม่ต้องรอพระราชาอนุญาต เมื่อนั้น พระราชโอรสจะได้ชื่อว่า เป็นผู้เข้าถึงนามแห่ง ปริณายกรัตนะ ต่อแต่นั้น พระราชโอรสจะเข้าไปพบพระราชาเองโดยธรรม เพื่อขอแบ่งเบาพระราชกิจในการบริหารบริษัท
    เช่นกัน

    ขุนคลังของพระเจ้าจักรพรรดิเอง ก็อบรมจิตตน จูนจิตเข้าไปตามคำแนะนำของพระราชา จนสามารถจะใช้อำนาจจักรรัตนะในการใช้อานุภาพแห่งตาทิพย์ในการเห็นทรัพย์ทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ ในที่ต่างๆ ทั้งในแผ่นดิน ในแม่น้ำ ในมหาสมุทร หรือในอากาศ ในดวงดาวในอวกาศ เป็นต้น .. นอกจากเห็นทรัพย์แล้ว ขุนคลังนั้นยังมีความสามารถในการใช้จักรรัตนะในการดึงธาตุต่างๆเหล่านั้นจากที่นั้นๆมาไว้ในที่ๆตนกำหนดไว้ได้ด้วย … เมื่อขุนคลังอบรมตนได้ถึงขีดนั้น จะเกิดญาณแจ่มชัดแก่จิตเองว่า ตนสามารถ แล้วเขาก็จะเข้าไปพบพระราชา เพื่อประกาศความสามารถตนในการแบ่งเบาราชกิจเกี่ยวแก่เรื่องทรัพย์ทั้งหลาย….. เมื่อนั้น่ขุนคลังจึงได้ชื่อว่า คหปติรัตนะ

    เรื่องวิธีการอบรมจิตเพื่อความถึงฝั่งแห่งปริณายกรัตนะ คหปติรัตนะนั้น สำหรับผู้ใส่ใจอยากรู้ ก็สามารถหาอ่านเอาได้ในพระไตรปิฎก และข้อจำกัดคือ ปริณายกรัตนะ พัฒนามาจากพระราชโอรสองค์โต ผู้มีนิสัยใคร่ต่อสิกขา…. ส่วนขุนคลังแก้วนั้น เป็นขุนคลังของพระราชาเอง เป็นผู้มีปัญญา ฟังโอวาทพระราชา แทงตลอดในวาทะเหล่านั้นได้… นั่นก็คือ บุญของท่านเหล่านั้น เนื่องอยู่กับพระเจ้าจักรพรรดิ ไม่อาจปรากฏโดดๆได้ คล้ายอย่างตำแหน่งเอตทัคคะในศาสนาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตำแหน่งเหล่านั้น เนื่องกับพระพุทธเจ้า การอบรมบารมีตนเพื่อถึงฝั่งแห่งบารมีนั้น จึงไม่อาจละการคลุกคลีกับเจ้าต้นบุญในเรื่องนั้นๆ เพราะความที่สิ่งเหล่านั้น มิอาจปรากฏสำเร็จได้ด้วยลำพังตน ไม่เหมือนพระเจ้าจักรพรรดิกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นโจกหมู่ เป็นผู้นำหมู่ ไม่ต้องเดินตามหลังใครนอกจากธรรม
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความเป็นอยู่ของมนุษย์หลังจากความปรากฏจักรรัตนะ

    เมื่อจักรรัตนะปรากฏแล้ว ในช่วงใหม่ๆ หมู่มนุษย์บางส่วน จะยังไม่กล้าใช้บริการจักรรัตนะในการเดินทาง ในการผลิตสินค้า ในการนิรมิตอาหารประหนึ่งมนุษย์เป็นเทวดา เพราะความไม่รู้เกี่ยวแก่จักรรัตนะว่า สิ่งที่ปรากฏต่อหน้านั้น มันฝันไปหรือว่า มันเป็นความจริง อาหารที่นิรมิตขึ้น กินแล้วจะมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนอาหารที่ได้มาจากการขวนขวายขุดพืชตัดผักแร่เนื้อเถือหนังสัตว์มากินหรือไม่?

    แต่ในราชธานีของพระเจ้าจักรพรรดินั้น ผู้คนใช้บริการจักรรัตนะโดยไม่นานนักก็ชิน เพราะในบ้านเมืองของพระราชาผู้เช่นนั้น สิ่งอัศจรรย์ปรากฏเป็นปกติ เป็นต้นว่า ต้นกัลปพฤกษ์ หรือว่าผีสางเทวดา เรื่องของฤาษีชีพราหมณ์ผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ฤทธิ์อภิญญา เหล่านี้ จะเป็นเรื่องปกติในบ้านเมืองนั้น

    ทีนี้ เมื่อเทคโนโลยีจักรรัตนะปรากฏแพร่หลายไป มนุษย์โดยมากในโลกก็จะเริ่มใช้สอยจักรรัตนะในการเดินทาง ในการผลิตเครื่องใช้ ผักผลไม้และอาหารต่างๆ โดยไม่ต้องไปทำไร่ไถนาไม่ต้องทำมาค้าขายก็ได้ แต่ว่า แม้จะเป็นอย่างนั้น การหาเก็บผัก พืชผล ศึกษาสัตว์ ล่าสัตว์เหล่านี้ ก็ยังมีอยู่ในพวกมนุษย์บางเหล่า เพราะพวกที่คึกคะนองนั้น มีอยู่ในทุกกาลทุกสมัย เขาจะรู้สึกเหมือนกับว่า สิ่งที่ได้มาง่ายๆ มันไม่อร่อย ไม่เร้าใจ ทำนองนี้

    ในตอนที่จักรรัตนะปรากฏแล้ว เรื่องการใช้การสัญจรทางรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ ก็จะหมดความจำเป็นลง แต่ก็ยังมีผู้ใช้ยานพาหนะเหล่านั้นอยู่ตามความนิยมแต่ละบุคคล จนเวลาผ่านไปหลายปี หลายสิบปี การพัฒนาเทคโนโลยีทางวัตถุที่ต้องใช้กำลังแรงกายแรงความคิดของมนุษย์เหมือนเทคโนโลยีตอนกลางนี้นั้น ก็จะขาดการสืบต่อ ทำให้คนโดยมากไม่ค่อยจะสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุนัก แต่จะหันไปศึกษสิ่งต่างๆ สสารต่างๆในมุมของวิทยาศาสตร์ทางจิต คือพิจารณาเรื่องจิตเป็นองค์ประกอบด้วย

    หากว่าในยุคนั้นยังมีพระพุทธศาสนาอยู่ ผู้คนก็จะเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในโลก บางส่วนก็จะตัดกิเลสเข้าถึงธรรมของพระศาสดาได้ง่าย

    วันเวลาผ่านพ้นไป พระเจ้าจักรพรรดิผลัดองค์จาก1 ไป 2 ไป 3 4..5..6 ..7 …8 ยิ่งเวลาผ่านไปนาน มนุษย์ก็ยิ่งขาดความรู้ความใส่ใจในเทคโนโลยีเดิม จนถึงวาระหนึ่ง คือ รุ่นลูกรุ่นหลานพระเจ้าจักรพรรดิ ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ไม่อาจสืบวงศ์จักรพรรดิ ไม่อาจยังจักรรัตนะให้ปรากฏได้ ในเมื่อนั้น ความวุ่นวายจะกลับเกิดแก่โลก

    เมื่อสิ้นพระเจ้าจักรพรรดิและขาดการสืบต่อเทคโนโลยีแห่งจักรรัตนะ ในยามนั้น ผู้คนปรากฏหนาแน่นไปในโลก เพราะความที่อาหารหาได้ง่าย …..แต่พอพระเจ้าจักรพรรดิสิ้นไปแล้ว การเดินทางไปมาหาสู่กันของมนุษย์ก็จะลำบากขึ้นนิดหน่อย เขาก็จะพากันกลับมาศึกษาเทคโนโลยีล่าสุดในทางวัตถุ แล้วก็ประดิษฐ์คิดค้นเพื่อนำกลับมาใช้งานดังเดิม

    ในช่วงจากนั้นมา มนุษย์ก็จะเริ่มกลายออกจากความรู้ทางนามออกไป จิตใจก็หยาบขึ้น แต่ความรู้ทางวัตถุจะรู้กันทั่วไป เขามีความรู้ขนาดที่ว่า จะเอาอะไรผสมอะไรแล้วทำเป็นอาวุธได้ เมื่อความวุ่นวายถึงขีดที่สุด มนุษย์ก็จะเข่นฆ่ากันด้วยความรุ้อันนั้นเอง

    เหมือนอย่างที่เราเคยได้ยินว่า เมื่อมนุษย์มีอายุขัย สิบปี เด็กอายุ5ปีจะแต่งงานและควรมีลูก เมื่อมนุษย์มีอายุขัยสิบปี จะมีสันดานดุจสัตว์ป่า สมสู่กันไม่เลือกว่าลูกว่าแม่ว่าพ่อหรือพี่น้อง และเต็มไปด้วยโทสะ จับอะไรขึ้นมาก็กลายเป็นอาวุธนำเข้าประหัตถ์ประหารกันสิ้นไปเสียโดยมาก เว้นแต่ในท่านผู้กลัว ที่คิดว่าใครอย่าทำร้ายเรา แม้เราก็อย่าทำร้ายใคร แล้วพากันหนีเข้าป่า ผ่านไปเจ็ดวัน เขาก็ฆ่ากันไปเสียเกือบสิ้น เมื่อสงครามใหญ่ของสัตว์มนุษย์ยุติลงในตอนนั้น พวกหลบเข้าป่าก็จะกลับมาสู่เมือง พบหน้ากันแล้วก็ดีใจว่า ท่านทั้งหลาย ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ? แล้วก็พากันปรึกษากัน ดำรงอยู่ในศีล จนอายุกลับเจริญขึ้น ทำนองนี้

    ทั้งหมดทั้งสิ้น ก็เกิดมาจากความรู้ ความรู้ที่นำไปใช้ในทางผิด กับความรู้ที่นำไปใช้ในทางถูก

    ที่มา www.wasulab.com
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระศรีอาริย์เจ้าโลก บทที่ ๕ พระนครผู้มีบุญและสัตตรัตนะ

    nirvanacity-1200x638.jpg

    หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดยรหัสยญาณ

    ในคริสต์ศาสนา ความในพระคัมภีร์วิวรณ์บอกว่า เมื่อ คริสต์ศักราชครบ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว พระเยซูคริสต์เจ้าจะเสด็จ ลงมาปกครองโลก โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่นครเยรูซาเลม และการปกครองของพระเยซูในครั้งนี้จะกินเวลารวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ ปี

    ในคติทางพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ได้มีความเชื่อในหมู่ของ ชาวพุทธในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะชาวพุทธของ เมืองไทยว่า ภาคเหนือของไทยจะถูกสถาปนาขึ้นเป็นมหาอาณาจักรสัมมาทิฏฐิพระอิศวรเป็นเจ้า หรืออินทราธิราชจึงนําเอาปราสาท ๓ หลังขึ้นมาตั้งไว้บนแผ่นดิน คือ ปราสาทแก้ว ปราสาททอง ปราสาทเงิน กว้างหลังละ ๔ กิโลเมตรเท่ากันทั้ง ๓ หลัง แล้วเนรมิตกําแพงแก้วล้อมปราสาททั้ง ๓ หลัง กว้างยาวเท่ากันด้านละ ๑๖ กิโลเมตร เอาแก้วมณีโชติมาติดไว้บนยอดธาตุ รัศมีของแก้ว นั้นจะสว่างแจ้งไปโดยรอบถึง ๔ กิโลเมตร กลางคืนจะสว่างเหมือนกลางวัน พระนครที่อินทราธิราชสร้างนั้นจะได้นามว่า “อินทราการนคร” จะมีต้นกาลพฤกษ์ทิพย์ ๔ ต้น เกิดขึ้นทั้ง ๔ ด้าน แพงเมือง ต้นกาลพฤกษ์นี้น่าจะได้แก่ ศูนย์รวมของสิ่งต่างๆ ทำนองเดียวกับศูนย์การค้าหรือช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ในปัจจุบัน

    84582be3fa5764c.jpg

    เมื่อพระศรีอาริย์ดํารงตําแหน่งบรมจักประมุขโลกแล้ว ก็จะขนเอาเงินที่ เกิดขึ้นด้วยบุญบารมีทั้งหลายมาให้โรงกษาปณ์สร้างเหรียญเงิน และเหรียญทอง เหลือที่จะประมาณแล้วก็กว้านซื้อเอาสรรพวัตถุ สินค้าทั้งหลาย เป็นต้นว่า เครื่องยนต์กลไกต่างๆ เสื้อผ้าต่างๆ เครื่องสําอางต่างๆ ฯลฯ จากโรงงานทั้งหลายทั่วโลกมารวมไว้ใน โรงทาน (เทียบได้กับศูนย์การค้าในปัจจุบัน)

    เมื่อผู้ใดปรารถนาอัน ใด ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยเซ็นจ่ายให้ตามความปรารถนา เช่น รถยนต์ จักรเย็บผ้า นาฬิกา เสื้อผ้า ฯลฯ จะไม่ลําเอียงและเอาเงินเอาทอง ใครเลยเพราะพระศรีอาริย์ไม่ใช่พ่อค้าการเงิน แต่เป็นพ่อค้าการ บุญ จึงเรียกกันอีกนามหนึ่งว่า “ผู้มีบุญ” หรือ “บุญฤทธิ์ หาใช่ “อิทธิฤทธิ์” ซึ่ง “บีบคนลงเป็นทาส” หรือ “เหยียบคนลงเป็นขี้ข้า” ดังเช่นในทุกวันนี้

    ufo-1024x544.jpg

    จานผีหรือจานบิน คือบุรพนิมิตแห่งจักรแก้ว สัตตรัตนะ คือแก้ววิเศษ ๗ ประการ ซึ่งเป็นสมบัติของพระบรมจักรพัตราธิราชนั้นคืออะไรและเป็นไฉน? คือ

    (๑) จักรแก้ว
    (๒) ช้างแก้ว
    (๓) ม้าแก้ว
    (๔) มณีแก้ว
    (๕) นารีแก้ว
    (๖) ขุนพลแก้ว
    (๗) ขุนคลังแก้ว

    ในจักรวัตติสูตรแห่งคัมภีร์อังคุตตรนิกายท่านพรรณนา คุณวิเศษของจักรแก้วไว้ว่า:
    “จักรแก้วนั้นมีลักษณะเหมือนกงรถหรือกงเกวียนประกอบ ขึ้นด้วยคุมหรือกงหรือกํา ซี่กําแห่งจักรแก้วนั้นมีถึง ๑๐๐๐ ซี่

    และมีรัศมีต่างๆ เมื่อผัดผันไปในอากาศ จะมีเสียงครางกระหึ่ม ประกอบด้วยความไพเราะเหมือนดนตรีทิพย์ องค์บรมจักรจะ ดํารัสสั่งให้ทําอะไรก็ได้ เช่น คําว่า “ปะวัตตะตุ ภะวัง จักกะระตะนัง” แปลว่า “จักรแก้ว ท่านจงยังอานุภาพให้เป็นไปในกาลบัดนี้” เมื่อ จักรแก้วแสดงอานุภาพ เช่น หอบองค์บรมจักรเหาะลอยไปใน อากาศนั้น น้ําในแม่น้ําและทะเลทั่วไปจะตีฟองกระฉอกขึ้นเป็น ฝอยจนถึงกงจักร แก้วแหวนเงินทองก็จะลอยขึ้นจากท้องน้ําท้อง ทะเลตกไปอยู่บนพื้นดิน ประชาชนพลโลกก็จะเพลิดเพลินด้วยการ เก็บเอาสมบัติอันมีค่าเหล่านั้นด้วยความพอใจ อนึ่งจักรแก้วนี้ มี ความเร็วอย่างที่สุด เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่ พระเจ้าบรมจักรย่อม จะไปตรวจจักรภพต่างๆ ด้วยกําลังของจักรแก้ว แล้วกลับมาเสวย พระกระยาหารเช้าทันทุกวัน! (พระบรมจักรไม่นอนตื่นสาย)

    การเคลื่อนไหวของจักรแก้ว ในคัมภีร์นั้นกล่าวว่า:

    “เมื่อจักรแก้วปาฏิหาริย์ไปทั่วโลกนั้น คนทั้งหลายจะโต้ เถียงกันไม่รู้สิ้นสุด บ้างก็ว่าแสงประหลาด บ้างก็ว่านิมิตร้ายและดี ของโลก บ้างก็ว่าพระเจ้าบันดาล บ้างก็ว่าดาวบิน บ้างก็ว่า วิทยาศาสตร์บันดาล บ้างก็ว่าจิตศาสตร์บันดาล” เมื่อสงครามโลก ครั้งที่สองสงบไม่นาน จานผีหรือจานบินก็ลอยอยู่เหนือประเทศ ต่างๆเกือบทั่วโลก ชาวอเมริกันพากันยืนยันว่า “จานผีมีรูปร่าง คล้ายจักรหรือจานมหึมา ครางซึ่งๆ ไปบนอากาศมีรัศมีสีสันอย่าง น่ากลัว และมีจ่าฝูงคล้ายเครื่องบินผีควบคุมไปด้วยมีความเร็ว ชั่วโมงละ ๑,๒๐๐ ไมล์ จะเป็นอํานาจวิทยาศาสตร์หรือจิตศาสตร์ ก็ยังไม่มีใครเข้าใจตลอด จานผีจึงลึกลับอยู่”

    ผู้เขียนเข้าใจว่า “จานผี” หรือ “จานบิน” หรือ “ยูเอฟ.โอ” นั้นไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากจิตศาสตร์ของพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์ = บันดาลให้เกิด เพื่อเป็นลางนิมิตให้ชาวมนุษย์เตรียมตัวคอยพบ

    325_1600x1200.jpg

    จักรแก้วแห่งศรีอาริยยุคในอนาคตอันใกล้นี้โดยเฉพาะเท่านั้น หรือ ใครจะเห็นอย่างไรก็มีเสรีภาพ

    จักรแก้วนั้น ตามธรรมดาย่อมจมอยู่ในมหาสมุทรเป็น จักรพรรดิของแก้วแหวนเงินทองใต้ท้องมหาสมุทรฉะนั้นมหาสมุทร จึงได้นามอีกอย่างหนึ่งว่า “อะเนกะระตะโน” แปลว่า “มากไปด้วย แก้ว” ในคัมภีร์กล่าวว่า “ในท้องมหาสมุทรที่ลึกที่สุดนั่น มีแก้ว มุกดาน้อยใหญ่ มีขนาดกลมยาวต่างๆ กัน แก้วมณีสีแดงและสีเขียว แก้วไพฑูรย์มีสีสองสถาน คือมีสีดังทองและดอกตึก แก้วบางอย่าง มีสีสันเป็นสังข์ต่างๆ เช่น สังข์ทักขิณาวัฏและสังข์ทองขนาน และ และสังข์เป่า เป็นต้น แก้วศิลาสีดํา และสีขาวดั่งสีมุก เป็นต้น แก้ว ลายมีสีดั่งทองก็มีมาก ด้วยเหตุว่าสะดือทะเลส่วนลึกที่สุดนั้น ย่อม เต็มไปด้วยแก้วและมากไปด้วยแก้วสีต่างๆ สุดที่จะรําพัน แต่ ข้าพเจ้าอาจยืนยันว่า จะมีอยู่ที่สะดือทะเล ริมเกาะมินดาเนา ใกล้ เกาะฟิลิปปินส์ (ลึก ๓๕,๔๑๐ ฟุต ซึ่งลึกที่สุดในโลก) หรือสะดือ ทะเลตสดาโรราใกล้เกาะญี่ปุ่น (ลึก ๒๗,๙๓๐ ฟุต ที่ ๒ ในโลก) หรือจะมีอยู่ที่ไหนอีก ก็ไม่มีใครทราบ แต่ต้องมีแน่ตามตํารากล่าว มิฉะนั้นจะเรียกมหาสมุทรว่า “อเนกะระตะโน” ไม่ได้ แต่เมื่อพระ บรมจักรมาปรากฏแก่โลกแล้ว จิตตานุภาพแห่งบุญฤทธิ์จะดึงดูด เอาจักรวิเศษนั้นมาก่อน และจักรวิเศษก็จะดึงดูดเอาแก้วต่างๆ ขึ้น มาภายหลัง เราจะทราบข้อเท็จและจริงกันในยุคนั้นแน่ๆ มิฉะนั้น ตํารับตําราเหล่านี้ก็จะต้องถูกเผาไฟทิ้งหมด ศาสนาพุทธก็จะทรุด โทรมกันเพียงนี้เอง เป็นเรื่องโกหกตอแหลกันมานับพันๆ ปี และ จะงมงายสืบต่อกันไปอีก อนึ่ง จักรรัตนะ แปลกันว่า “โคตรเพชร”

    พลานุภาพของจักรแก้ว จักรวิเศษนั้นเมื่อมาปรากฏเป็น สมบัติของผู้มีบุญคนใดแล้ว ก็ห้ามซึ่งผู้อื่นมิให้มาเป็นพระเจ้าบรม จักรเกิดคู่กันได้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในคัมภีร์อัฏฐานสูตรแห่ง อังคุตตรนิกายว่า

    “อัฏฐานะเมตัง ภิกขะเว อะนะวะกาโส ยัง เอกิสสา โลกะ ธาตุยา เทวะราชาโน จักกะวัตตี อะปุพพะอริยะมัง อุปปัชชะยัง” ซึ่งแปลว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าจักรพัตราธิราช อันได้มา บังเกิดในจักรวาลอันนี้ ย่อมมาบังเกิดแต่ที่ละพระองค์ จะได้มา บังเกิดพร้อมกันถึง ๒ พระองค์นั้นหามิได้”

    พระอรรถกถาจารย์กล่าวว่า บุคคลใดมีบุญญาธิการมาก สมควรที่จะเป็นพระเจ้าบรมจักร และเมื่อจักรแก้วมาถึงผู้นั้นแล้ว ก็หมดเขตที่พระเจ้าบรมจักรองค์อื่นมาปรากฏเป็นคู่กันได้อีก ต่อ เมื่อจักรแก้วอันตรธานแล้ว พระเจ้าบรมจักรองค์อื่นจึงจะมา บังเกิดสืบต่อไปได้ ทะวิธา จักกะระตะนัง อันตะระธานัง และจักร แก้วซึ่งจะอันตรธานนั้น ก็อันตรธานด้วยเหตุ๒ ประการ คือ (๑) อีก ๗ วันพระเจ้าบรมจักรจะออกทรงบรรพชา (๒) อีก ๗ วัน พระเจ้า บรมจักรจะทิวงคต มิฉะนั้นจักรวิเศษก็จะอันตรธานมิได้

    อันการที่พระเจ้าบรมจักรมาเกิดคู่กันในดวงพิภพนี้มิได้ก็ ด้วยเหตุผล ๓ ประการ คือ

    (๑) เพื่อจะตัดเสียซึ่งการวิวาทกันคือ ประชาชนฝ่ายหนึ่งก็จะว่าพระเจ้าของเราเป็นใหญ่กว่าของท่าน อีกฝ่ายหนึ่งก็จะว่าพระเจ้าของเราประเสริฐกว่าของท่าน

    (๒) จะให้ เห็นเป็นอัศจรรย์ เพราะพระเจ้าบรมจักรเป็นมหัจฉริยบุคคล ซึ่ง มหัศจรรย์ในโลก ถ้าบังเกิดคู่กันถึง ๒ พระองค์ ก็ไม่เป็นบุคคล มหัศจรรย์ได้

    (๓) จักรแก้วนั้นมีมหิทธาศักดานุภาพล้ําเลิศประเสริฐ กว่าวัตถุใดๆ ทั้งหมด ย่อมบันดาลให้พระเจ้าบรมจักรเป็นเจ้าโลก คือ ครอบครองไปได้ทั่วทวีป ทั่วประเทศ ตลอดจนเกาะเล็กเกาะ น้อยในท้องทะเล ก็ย่อมเข้ามาอยู่ในจักรแก้วทั้งสิ้น เมื่อมาบังเกิด คู่กันแล้วจะเรียกว่า “เจ้าโลก” ไม่ได้ อาจเป็น “เจ้าครึ่งโลก” เพราะ ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง มิฉะนั้นโลกนี้ก็จะถอยหลังกลับไปสู่กลียุค แห่งสงครามมหาวินาศ ซ้ําร้ายกว่าเก่าอีกครั้ง ๑๐๐ เท่า ๑๐๐๐ ทวี

    “สังยุตตะวัณณะนายัง วุตตั้ง” ท่านพรรณนาไว้ในคัมภีร์ สังยุตตนิกายดังนี้:

    (๑) สมมติเทว คําว่า “พระเจ้าสมมติเทพ” ด้วยเหตุว่า ประชาชนสมมติตั้งไว้ในฐานะเป็นใหญ่ดุจเทพ

    (๒) ขัตติย คําว่า “พระเจ้าขัตติยะ” หรือ “กษัตริย์” ที่เรียกกันว่า “พระเจ้าแผ่นดิน” ด้วยเหตุว่า เป็นใหญ่ในดินแดนและเรือกสวนไร่นา

    (๓) ราชา คําว่า “พระราชา” หรือ “พญา” ด้วยเหตุว่า ยังสัตว์โลกทั้งหลายให้ยินดี ด้วย สังคหวัตถุ ๔ ประการคือ

    ๑. ทานัง ให้วัตถุอุปโภคบริโภค ตามสมควร
    ๒. ปิยะวาจา เจรจาด้วยวาจาที่อ่อนหวาน
    ๓. อัตถะ จะริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
    ๔. สะมานัตตะตา ความเป็นผู้มีตนเสมอท่าน ไม่ถือตัว

    (๔) จักกะวัตติ คําว่า “พระเจ้าจักรพัตราธิราช” ด้วยเหตุว่า ทรงตักเตือนซึ่งจักรแก้ว ด้วย วาจาอันเปล่งออกด้วยบุญญานุภาพ ในเมื่อจักรแก้วมาถึงนั้นว่า

    “ปะวัตตะตุ ภะวัง จักกะระตะนัง” แปลว่า จักรแก้วอันเจริญจง ปราบปราม จักรแก้วอันประเสริฐจงไป

    อนึ่ง จักรแก้วกับมณีแก้ว ทั้งสองอย่างนี้ในคัมภีร์กล่าวไว้ว่า เป็นรัตนะอันศักดิ์สิทธิ์ มีมหิทธาศักดานุภาพล้ําเลิศ อาจนําเอาฝูง มนุษย์เหาะลอยไปในอากาศเป็นจํานวนหมื่น แสน โกฏิ ได้อย่าง สบาย โดยไม่ต้องติดเครื่องยนต์กลไกใดๆ ไว้ที่ก้นของผู้เหาะดัง เช่นการเหาะของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ (ปรากฏข้อความในคัมภีร์ พุทธวงศ์และจักกวัตติสูตร) พระเจ้านันทราชบรมจักร ในศาสนา พระพุทธเจ้ามังคละ แม้อีก ๗ วันพระองค์จะเสด็จออกทรงบรรพชา และจักรแก้วกําลังจะอันตรธานอยู่แล้ว ถึงกระนั้นก็ยังพาบริวาร ประมาณหลายสิบล้านเหาะลอยไปบวชในสํานักพระพุทธมังคละ สิ้นด้วยกัน ทั้งนี้ก็เนื่องจากจักรแก้วนี้มีอานุภาพมากมายเหลือหลาย อันเราจะได้ประสบพบข้อเท็จและจริงในอนาคตอันใกล้นี้

    ที่มา https://www.wasulab.com/lord-sri-ariya5/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2018
  18. pleแบม

    pleแบม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    602
    ค่าพลัง:
    +1,427
    ถ้าเป็นได้ดังนั้น ขอโมทนากับผู้มีบุญที่ได้มาเกิดในยุคนั้น ส่วนตัวเราก็ต้องอยู่ทน และทนอยู่
    จนกว่าสังขารถูกทวงคืน
     
  19. karokwat

    karokwat นารายณ์ ❤️ ลักษมี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +317
    Kumpulan Foto Terbaik Krisna di Mahabarata11.jpg vishnu-lakshmi-NN85_l.jpg c2e69d43875b955bba20d27a08d0860c--krishna-art-lord-vishnu.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...