หลานเป็นโรคทางสมองขาดนมผงและอุปกรณ์ช่วย

วันพุธที่ 10 เม.ย. 2562 เวลาเช้าตรู่ ผมได้เข้าไปดูในเฟสบุ๊คจิตอาสาแห่งหนึ่ง เห็นมีเคสต่างๆมาก แต่มีอยู่เคสหนึ่งผมรู้สึกว่า เราสามารถติดตามได้เพราะอยู่ในกรุงเทพฯ และโทรคุยกันรู้เรื่องมากกว่าเคสอื่นๆที่อยู่ทางอิสานหรือภาคอื่นๆที่น่าจะไม่รู้เรื่องเพราะภาษาท้องถิ่น ผมจึงตัดสินใจโทรคุยกับคุณแม่วิว ( เพชรา แก้วลอย ) ผู้ที่ต้องอยู่ห้องเช่าเพื่อเลี้ยงลูกตลอดเวลา เนื่องจากลูกเป็นโรคทางสมอง หลังจากคุยกันรู้เรื่องแล้ว ผมขออนุญาตเธอนำเรื่องมาลงเวปพลังจิต เธออนุญาต และต้นสังกัดข่าวคือเฟสบุ๊คจิตอาสาเจ้าของข่าวก็อนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เนื้อเรื่องดังนี้ครับ

คุณวิวแยกทางจากสามี ( สามีไม่ส่งเสียอะไรเลย ) ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดหลายปีโดยทิ้งห่างไม่ได้เลย คุณย่า ( แม่สามี ) เป็นแม่บ้านทำความสะอาดบริษัทรับจ้างแห่งหนึ่งเงินเดือนประมาณ 10,000.- บาท ได้แบ่งเงินค่าแรงของย่ามาเป็นค่าเช่าห้องพักเดือนละ 2,000.- บาทและค่าอื่นๆอีกเล็กน้อย ไม่เพียงพอแก่การดำรงชีพ โดยเฉพาะคุณย่ามีหลานมาฝากให้เลี้ยง 1 คนกินอยู่ในเงินที่ย่าช่วยเหลือมาสัปดาห์ละไม่ถึง 1 พันบาท คุณภาพชีวิตของคน 3 คนที่มีผู้ป่วยทางสมองซึ่งต้องกินนมทุกๆ 4 ชั่วโมงย่อมไม่เพียงพอ

ต่อมาเฟสบุ๊คจิตอาสาได้ช่วยบอกบุญให้ พบว่ามีผู้ให้ความช่วยเหลือน้อย แต่ก็ขอขอบพระคุณผู้ที่ให้ความช่วยเหลือทุกบาททุกสตางค์และสิ่งของทุกๆชิ้น ความช่วยเหลือมาเพียงเดือนแรกประมาณ 1 พันบาทและสิ่งของบ้าง แล้วก็เงียบหายไป เธอพบว่า เธอมีความลำบากเรื่องค่ารถแท๊กซี่ที่ต้องพาลูกไป รพ. พระมงกุฏทุกๆ 2 เดือนต่อครั้ง ( ค่ารถไปกลับประมาณ 400.- บาท ) ดังนั้น จึงหวังว่า ผมจะช่วยตั้งกระทู้หาเงินค่ารถแท๊กซี่ไปกลับให้เธอได้ ผมเห็นว่า ควรมายกกระทู้เรื่อยๆและยกทั้งเดือนทั้งปี

ท่านที่ต้องการร่วมบุญสามารถร่วมบุญเป็นเงินบริจาคเข้าบัญชีของคุณเพชรา แก้วลอยได้โดยตรง และหรือส่งเป็นสิ่งของตามที่อยู่ด้านล่างได้

หมายเหตุ
ผมขออนุญาตเจ้าของเฟสบุ๊คงานบุญจิตอาสาเจ้าของข่าวต้นสังกัดแล้วโดยผ่านคุณเรย์ กุลธิดาเมื่อวันพุธที่ 10 เม.ย. 2562 เวลาประมาณ 14:00 น. คุณเรย์อนุญาตและอนุโมทนาด้วยแล้วครับ

credit : คุณเรย์ กุลธิดา https://www.facebook.com/meilie.raying?__tn__=,dC-R-R&eid=ARCW0Te1RbIfC8qsoMmgCM5TOMtulyWiO4e2SE0-Patuh2mmkgaXB1_1askqoy0CpNiGUYZPAfMDDL87&hc_ref=ARTxRbCnfYgV-XgivufA7DNc96D1CdMReWVPgByv2zkcmImkwBYdQrx_9KfndfQ2cvw&fref=nf

เลขที่บัญชีร่วมบุญ
ธ. กรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ
เลขที่บัญชี 2344489782
ชื่อบัญชี น.ส. เพชรา แก้วลอย

ที่อยู่ คุณเพชรา แก้วลอย
642/51 เคหะบางกะปิ
เสรีไทยซอย 2 เขตบึงกุ่ม
แขวงคลองกุ่ม
กรุงเทพฯ 10240

เบอร์โทรศัพท์คุณเพชรา 089-0129866

หมายเหตุ
เมื่อวันอังคารที่ 16 เมษายน 2562 เวลาประมาณบ่ายๆ ขณะที่ผมว่างจากงานได้โทรศัพท์ถามคุณเพชราว่า มีใครโอนเพิ่มอีกไหม ? ได้รับคำตอบว่า นอกจากคุณ shaj ที่ซื้อรูปหล่อ ร. 5 จากผม 2,000.- บาท ยังมีอีกท่านหนึ่งโอน 1,500.- บาท รวม 2 ราย 3,500.- บาท ดังนั้นที่เมื่อวานขอผม 4,545.- บาทซื้อของนั้น ไม่มีความจำเป็นแล้ว เนื่องจากคุณย่ากำลังจะให้ค่าใช้จ่ายประจำเดือนอีก 7,000.- บาท จึงขอให้ผมหยุดกระทู้แค่นั้นก่อน และถ้าเมื่อใดขาดจะโทรมาให้ยกกระทู้เพื่อบอกบุญต่อไปครับ

ดังนั้น ผมจึงขอหยุดกระทู้ชั่วคราวตามความประสงค์ของคุณวิว เพชรานะครับ ขอขอบคุณและขออนุโมทนาทุกท่านที่ร่วมบุญครับ

 

เลขที่บัญชีร่วมบุญ
ธ. กรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ
เลขที่บัญชี 2344489782
ชื่อบัญชี น.ส. เพชรา แก้วลอย

 

…...

 

ในภาพคุณวิว เพชรา แก้วลอยกำลังดูแลน้องภูมิตลอดทั้งวัน เพราะต้องดื่มนมผงสูตรพิเศษทุกๆ 4 ชั่วโมง

 

ต้องชงร่วมกับน้ำมันพืช

 

ชุดเหล่านี้หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ครับ ตามร้านขายยาธรรมดาคงหาไม่ได้หรือหาได้ยากครับ

 

ขนาด 50 ml

 

ขออภัยภาพบางส่วนที่ผมโลว์เทค ต้องใช้มือถือถ่ายจากมือถือ ทำให้ภาพไม่ชัดและมีแสงสะท้อน ส่วนภาพที่ชัดนั้นเป็นภาพถ่ายจากเฟสบุ๊คคุณเรย์ครับ

 

กระป๋องใหญ่ประมาณ 1,500.- บาท


ขนาด 700 กรัม ราคา 768.- บาท


กระป๋องเล็ก @ 439.- บาท

 

ผมจำได้ว่านานมากแล้ว ผมเคยชมภาพยนต์เรื่องหนึ่งคล้ายกับเรื่องที่น้องภูมิเขาเป็นอยู่ ผมจึงลองค้นในกูเกิ้ล โดยผมจำชื่อเรื่องภาพยนต์นั้นได้ว่า Lorenzo's Oil พอค้นก็พบเลยครับ ใช่เลย

คุณพ่อในหนังเป็นแพทย์เอง แต่ลูกป่วยด้วยโรคนี้ จุดสำคัญของการค้นพบ Lorenzo's Oil คือการใช้น้ำมันพืชผสมในนมที่ต้องให้ทางสายยางผ่านรูจมูก


ในเคสน้องภูมินี้ผมไม่ทราบว่าใช่เรื่องเดียวกับหนังเรื่องนี้หรือไม่ ? เพราะผมไปจับจุดเชื่อมเรื่องน้ำมันพืช อาจใช่หรือไม่ใช่ อย่างไรก็ดี การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนย่อมดีกว่าการไม่ได้รับการรักษา

 

September 1991 to February 1992 ช่วงที่ภาพยนต์ Lorenzo's Oil ออกฉายในเมืองนอก เกือบ 30 ปีแล้ว การแพทย์ย่อมพัฒนาไปถึงจุดที่น่าพอใจในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ดี เรามาร่วมด้วยช่วยกันนะครับ