ต้องการคนช่วยกำกับการทำสมาธิค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Warabuavi, 16 พฤษภาคม 2019.

  1. Warabuavi

    Warabuavi สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2019
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    เช่น เราไปถึงไหนแล้วอะไรแบบนี้ อยู่เยอรมันค่ะ ที่นี่ไม่มีคนสอน ใครมีใครช่วยแนะนำด้วยค่ะ
     
  2. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    ลุงแมวเชิญทู้นี้ มีญาติธรรมมา

    ปล. Neowolrd
     
  3. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    อย่าถือว่ามากำกับเลยครับ คิดเสียว่า ศึกษาเพื่อลองทำดู


    ลองศึกษา ไปพลางๆก่อนครับ ลองก้ลองทำตาม ได้ผลยังไงค่อยมาแชร์

    ในนี้มีคนแชร์เยอะ


     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ได้คับได้คับ
    เดี๋ยวลุงแมวพาไปนั่งเรือธรรมะ
    ติดเครื่องเทอร์โบ
    ของหลวงตาฯหลังไมค์ฯ
    อาจจะเข้าท่า555
     
  5. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    สติรู้ กำกับ จิตตสังขาร
    จิตตสังขาร กำกับ ร่างกาย
    ร่างกาย กำกับ ลมหายใจ

    จิต/ธาตุรู้ จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว จากภายในไปภายนอก
    การกำกับนี้ต้องกำกับกันเองจะให้ใครมากำกับให้ไม่ได้

    การให้ภายนอกเข้ามากำกับภายในก็เหมือนกับการให้ธรรมารมณ์เป็นตัวพาให้ขับเคลื่อนไป
    ภายนอกเป็นสภาพแบบไหนภายในก็เป็นไปแบบนั้น หรือ คบคนประเภทไหนก็เป็นคนประเภทนั้น

    ส่วนสติรู้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าคบคนประเภทไหนแล้วเรานั้นจะต้องไปเป็นในแบบคนประเภทนั้น

    การมี สติรู้ + สัปชัญญะ/ความรู้สึก ทั่วทุกอิริยาบถ/ทั่วทั้งร่างกาย
    อย่างต่อเนื่องก็จะทำให้สังเกตได้ชัดขึ้น

    ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆจะอยู่ไม่เกินเนื้อที่สัปปชัญญะ
    การทำความเข้าใจก็ทำความเข้าใจในเนื้อที่ที่มีสัมปชัญญะนี้หละ

    โดยส่วนตัวผู้พิมพ์ ไม่ได้พิมพ์เพื่อจะมาเป็นอาจารย์ หรือ มาเป็นคนกำกับสมาธิอะไรๆให้คุณนะ
    แค่มาแจมความเห็นเฉยๆหนะครับ เป็นการสนทนาธรรมตามกาล อะไรประมาณนี้หนะ
     
  6. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    เวลาเรากำลังทำงาน
    หรือกำลังตั้งใจทำอะไรอยู่
    ล้วนแล้วแต่เป็นสมาธิทั้งนั้นครับ
    ต่างกันก็แค่สมาธิมากหรือน้อยเท่านั้น
    สังเกตุง่าย ๆ ว่าตอนนั้นเราคิดถึงแต่สิ่งที่เราทำในขณะนั้นเท่านั้น
    ไม่คิดเรื่องอื่นเลย นั่นแหละครับสมาธิ

    ส่วนอาการที่เกิดขึ้นในสมาธิแต่ละขั้น
    ก็สามารถบอกได้คร่าว ๆ อยู่ครับ
    ลองอ่าน ถาม-ตอบ ด้านล่างนี้ก็ได้ครับ


    ถาม : พอจะอธิบายลักษณะของฌานใช้งาน ตั้งแต่อุปจารสมาธิจนถึงฌานสี่อย่างคร่าว ๆ ได้ไหมคะ ?
    ตอบ : ไปเปิดตำราดูดีกว่า อาตมาอธิบายไว้เยอะแล้ว

    ถาม : ไม่เหมือนกับทั่วไปไม่ใช่หรือคะ ?
    ตอบ :
    บางทีก็มีรายละเอียดที่เราจะต้องทำให้ถึงจริง ๆ จึงจะเข้าใจในสิ่งที่อาตมาพูดไป ถ้าทำไม่ถึงก็จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ว่ามา ได้แต่คิดว่า คาดว่า ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น..ทำไปเถอะ พอทำถึงเดี๋ยวก็จะเข้าใจเอง

    ความจริงอุปจารสมาธิของพวกเราก็คือตอนนี้ ตอนที่เราตั้งใจทำอะไรบางอย่างโดยที่สติจดจ่ออยู่ตรงหน้า กรณีนี้หมายถึงคนทั่ว ๆ ไปนะ ถ้าคนที่เขาคล่องตัวแล้ว สติที่จดจ่ออยู่เฉพาะหน้าบางทีเขาเลยอุปจารสมาธิไปถึงไหน ๆ แล้ว

    กำลังใจจดจ่ออยู่เฉพาะหน้า ไม่ได้เคลื่อนไปไหน นั่นคือ อุปจารสมาธิ หลังจากนั้นถ้าสามารถกำหนดรู้ลมได้ตลอดสามฐานก็จะเป็น ปฐมฌาน ถ้าลมหายใจเริ่มเบาลง ความรู้สึกเหมือนกับว่าเราหายใจน้อยลง หรือจับลมไม่ได้ บางทีคำภาวนาก็หยุดไปด้วย ก็เป็น ฌานสอง ตรงนี้เป็นหลักที่คนส่วนใหญ่จะต้องเจอ

    พอเริ่มเป็น ฌานสาม บางคนก็รู้สึกว่าตัวแข็ง แข็งเหมือนกับกลายเป็นหิน บางคนก็รู้สึกเหมือนว่าชา เหมือนกับกลายเป็นหินไปทั้งตัวแล้ว บางคนก็รู้สึกว่าเหมือนกับโดนมัดติดกับเสาจนแน่น ตั้งแต่หัวถึงเท้ากระดิกไม่ได้เลย อาการแรกเริ่มก็อาจจะเริ่มจากจุดใดจุดหนึ่ง อย่างเช่นปลายจมูกหรือปาก บางคนนั่ง ๆ อยู่เหมือนกับเม้มปากแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความจริงไม่ใช่ นั่นเป็นอาการที่สมาธิเริ่มทรงตัวมากขึ้น

    ถ้าหากเราไม่ตกใจและไม่กลัว เอาใจกำหนดดูกำหนดรู้ไปเรื่อย ตอนนั้นเราจะลืมไปด้วยซ้ำว่ามีลมหายใจหรือมีคำภาวนาหรือเปล่า ความรู้สึกของเราจะรวมอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งในร่างกาย สว่างโพลงอยู่เฉพาะที่ ไม่รับรู้อาการภายนอก ถ้าอย่างนั้นจะเป็น ฌานสี่ ถึงตอนนั้นแล้วเวลาจะผ่านไปโดยที่เราไม่รู้ตัว บางทีเรารู้สึกว่าเดี๋ยวเดียว ลืมตาขึ้นมาผ่านไปตั้งหลายชั่วโมง

    บางอย่างมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เฉพาะตัวอยู่ พอทำถึงก็อ๋อ..ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง


    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔
    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2019
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ถ้าต้องการปฏิบัติเพื่อไม่เอาอะไร
    ขอแค่สิ้นทุกข์ในปัจจุบันขณะเท่านั้น
    ก็หลังไมค์มาเลยฮับ

    แต่ถ้าต้องการอยากจะนิพพานแบบโหย
    หาอยากได้อยากเป็นไม่ต้องติดต่อมาฮับ
    ตัดสินใจให้เร็วๆ ด้วยฮับ
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ถ้าไม่รีบติดต่อมาเดี๋ยวจะส่งท่าน F กะท่าน ป.
    บินไปหานะฮับ แ5แ5(=แฮ่ะแฮ่ะ)
     
  9. R?MJ

    R?MJ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +7
    นั่งดูจิตตัวเองให้เป็นก่อนครับ
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ดูคลิปโอวาทของหลวงพ่อพุธไปได้ครึ่งเดียวเอง
    ละเอียดมากจึงยาวหน่อยแต่คุ้มฮับ
    เหมาะสำหรับสายพุทโธพุทโธ แบบรัวรัวนะฮับ
    ต้อง 3 รอบแหล่ะจึงจะชัดเจนสำหรับมือใหม่หัด
    ขับ
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ คนช่วยกำกับการทำสมาธิ ที่ดีที่สุด ที่ได้ผลที่สุด "มีอยู่แล้วในตน" สำคัญว่า "รู้จักอาการหรือเปล่า"
    +++ อาการที่ต้องรู้จัก คือ ณ ขณะนั้น ๆ "ตน มีความรู้สึก กาย อย่างไร" และ "ตน มีความรู้สึก จิต อย่างไร"
    +++ อาการที่ "ตน รู้สึก กายและจิต อย่างไร" นี้นี่แหละ คือ "คนช่วยกำกับการทำสมาธิ" ที่ดีที่สุด
    +++ รวมไปถึง "การเริ่มกำหนด ความรู้สึก กายและจิต" จากนั้น "ผลลัพธ์" เกิดขึ้นมาอย่างไร ต่าง ๆ

    +++ "ตน คือ ผู้รู้จัก อาการต่าง ๆ ที่เกิดในตน ที่ดีที่สุด" ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า
    +++ การที่ "เราไปถึงไหนแล้ว" ตรงนี้ "ไม่จำเป็น ที่จะต้อง รู้จัก/ท่องจำ ชื่อของมัน"
    +++ ต่อให้ "รู้จัก/ท่องจำ ชื่อของมัน ได้ทั้งหมด" แต่ ทำไม่ได้ ตามที่ "ท่องจำมา" มันก็เสียเวลา เปล่าประโยชน์

    +++ การที่ "ตนรู้จัก อาการต่าง ๆ ที่เกิดในตน" นั้น คือ การปฏิบัติที่ "แท้จริง"
    +++ ให้รู้จักว่า "อาการแบบใด นำสุขมาให้" และอาการแบบใด "นำทุกข์ มาให้"
    +++ ให้ตน "รู้จักอาการเบื้องต้น" ตามนี้ไปก่อน แล้วจะรู้จัก อาการที่เป็น "กุศล/อกุศล" ต่าง ๆ

    +++ อาการที่กล่าวมานี้ เป็นอาการของ "พระอภิธรรม" ในบทแรก ที่เรียกว่า "ธัมมะสังคิณีมาติกา" นั่นเอง

    +++ ให้เริ่มต้นที่ "ตน คือ ผู้รู้จัก อาการต่าง ๆ ที่เกิดในตน" ให้ได้เสียก่อน
    +++ จนกว่าจะ "ชำนาญ/ได้นิสัย" ในการที่ "ตน รู้จักอาการ ของตน"
    +++ จากนั้น "ไม่นาน" ตนก็จะเป็น "ผู้เดินทาง ไปในกระแสธรรม" ได้ด้วยตน นะครับ
     
  12. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    พระอริยะเจ้าที่สอนทางสมาธิที่ใช้งานได้เพื่อสร้างสติที่เห็นในยูทูปมีสองท่าน หลวงปู่วิริยังค์ หลวงปู่พุธ ท่านอื่นอาจยากจะหยั่งถึง แต่ถ้าไม่คิดมาก อาณาปาณสติ เป็นพื้นฐานที่ดี ก็คือการเอาจิตหรือสติผนึกหรือติดตามที่ลมหายใจ ทำยังไงก็ได้ให้รูจักลมหายใจแบบ ต่อเนื่อง ไม่ต้องไปกำหนดอะไรทั้งนั้น รู้แค่ต่อเนื่อง เห็นแบบไหนก็ให้ค่าแบบนั้น ทำไปจนไม่มีค่า
     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อัสสาสะ ปัสสาสะ แต่ผู้รู้คือสติไม่ใช่ความคิด ลองฝึกดูมันมีประโยชน์
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ใช่ใช่ใช่ รู้ลมคือรู้กาย
    แล้วที่นี้จะรูกิริยาอาการของจิตด้วย
    จะทำไงฮับ
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ถ้าทำอะไรลงไปในเรื่องที่ว่าจะไม่รู้อะไรทั้งนั้นที่เกี่ยวกับจิตเดิมหรือตัวจิต มีเพียงสติที่ตั้งรับเมื่อพ้นจากกายสังขารแล้ว จิตคือสภาวะแห่งบางสิ่งเป็นไปได้ทุกรูปแบบ เปรียบได้กับน้ำและอากาศ เพราะมีภาชนะให้มันมันจึงมองเห็น สิ่งที่เราเห็นจริงไม่ใช่จิต หรือกิริยาจิตใดแต่คือเพียงภาชนะที่เราให้จิตอาศัย แต่หากว่าเราทิ้งภาชนะได้จริง สามส่วนหลังในทั้งหมดสี่ ก็พอที่จะเห็นกริยาจิตที่เกิดขึ้นได้ ธรรมชาติของความไม่มีรูปแบบ ไร้รูปแบบ และ มีรูปแบบ
    ตอบให้แล้วนะ ในกระทู้ของลุงแมวเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...