อยากทราบว่า ผมนั่งสมาธิ จนถึงขั้น ที่เห็นคลายอุโมงในการนั้งสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ongmmm, 24 มิถุนายน 2019.

  1. ongmmm

    ongmmm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2019
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อยากทราบว่า ผมนั่งสมาธิ จนถึงขั้น ที่เห็นคลายอุโมงในการนั้งสมาธิ มันหมายความว่าไงหราคับ ขอผู้รู้ช่วยบอกที่
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ผม เป็นแค่ผู้เกือบจะรู้ ขอตอบนะ
    เกือบจะรู้ เพราะว่า จิตผม มัน ได้พุ่งทะลวง ไปตามอุโมงคฺนั้น อย่างรวดเร็ว มวกๆ...ผมกลัวว่ามันจะพาไป ในที่ที่ผม ไม่ชอบ...ผมพอมีสติ ผมจึงทำการ ขัดขืน ฝัน รั้ง เบรค มันสุดชีวิต...อิอิ..จนเหมือนว่า มันเกือบ ออกจากปากอุโมงค์นั้นได้...แต่ ตัวผม เบรคได้ โดย หงายหลังฟาดเตียงเลย เหงื่อแตกซิกๆ
    ตื่นเต้วครับตื่นเต้ว...ผมเลยเป็นได้แค่ ผู้เกือบจะรู้...

    ถ้าให้ผม วิจัยนะ..มันคง เป็นสภาวะที่..จิตเราเคยเก็บกด เก็บความอยากมาหลายชาติ ว่า อยากมีตาทิพย์ อยากไปเห็นนั่นเห็นนี่..ล่ะมั้ง.?
    พอ กำลังฌาณ เหมาะสม..จิตจึง..ได้ ไปตามนิมิตร ตามความอยากนั้น..
    ผมตอบได้แค่นี้ครับ..จากผู้เกือบจะรู้ อิอิ
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ถ้าหากตอนนั้น ผมปล่อยให้มันออกจากอุโมงค์..ไปโผล่ที่ไหนซักแห่ง และได้ไปรู้เห็น..ในสิ่งต่างๆ ผมคิดว่า ผมก็คง จะหลงตัวเอง ไปอีกนานเลย ว่า ตนเอง มีดี เป็นผู้วิเศษ...มีตาทิพย์..ป่านนี้ คงตั้งตัวเป็น สำนักไปแล้วมั้ง...ตอนนั้น เพราะผมฝึก จ้อง วงกลมสีแดง...มันเลย เป็น วงรู อุโมงค์ หลอกจิตเอา
    ..
    ดังนั้น ต่อมา ผมจึง..เลิกนั่งสมาธิ...หันมาฝึกสติปัฏฐานแทน
    แล้วครูอาจารย์ ทางภพภูมิ ท่านก็จะมาสอนทาง ความฝันแทน
    ...
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    เวลาประกอบ กรรมฐาน ต้องตรวจ
    ทานอาการ "ตั้งจิตไว้ตรง"

    คำว่า "ตั้งจิตไว้ตรง" คือ การมนสิการ
    ตระหนักชัดๆว่า สังสารวัฏเปนทุกช์

    พอกำหนด ใจอย่างแยบคายว่า
    สังสารวัฏเปนทุกข์ จะเกิดการ
    เหน "เหตุของความเปนอย่างนี้"

    นะ

    ถ้าตั้งจิตไว้ตรง จขกท จะมีจิต
    ที่ทวนกระแสเหน "เหตุ" จะช่วย
    ให้ไม่ต้องไปคำนึงถึง "ส่วนผล"

    กรรมฐานจะ "เดินมน" (อ่าน มะนะ)
    ได้ด้วยตนเอง ไกลจากความ
    ประมาทห่างจาก "ธรรมมีเพื่อนสอง"
    คือ ไม่ต้องถามใครว่า "ขั้นไหน"
    "ถึงไหน" "อย่างไรต่อ"

    จิต จะมีความคล่องตัวในการ เข้า
    อยู่ ออก ..... การเหนวิเศษ ....พร้อม
    การทราบชัดว่า "ไม่เข้าไปส่วนสุด"
    เหนไปว่า "เท่านี้ใข่ อย่างอื่นเปล่า"
    จนเกิด อุปทาน กลัวเหนนั่น เหนนี้
    ไม่เหนนั่น ไม่เหนนี่ ....

    ไม่ต้องอิงกลุ่มฝึก ตกอยู่ในกรอบ
    ลัทธิ ลิขสิทธิ์คำสอน จิตวิทยาหมู่
    ทำตามๆกันไป เพราะมีเพื่อนร่วม
    พยักหน้า ไม่มีแตกแถว

    ทราบชัดหนทางเดินคนเดียว เอกา
    ยา น มัคโค .....ตรัสรู้เองโดยชอบ
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อ้าว.เผด็จการนี่นา
    คนเดียวหัวหาย
    สองคนเล่าปังตาย
    สามคนเล่าปังตาย
    สี่คนเล่าปังตาย
    ห้าคนเล่าปังก็ยังตาย
    ...
    ตกลง จะไม่ให้ถามใครเลยเหรอ..ถามผีเล่าปัง ได้บ่อ.?
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    "!ชาย" ไปหาเหตุ จิฮับ

    ตา เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ...ตาไม่เที่ยง
    น้า จร เหนอะไรใน ข้อความ

    สัญญา เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง
    สัญญาไม่เที่ยง น้า จร อ่าน
    แล้ว ชาย เอ้ย สาว ไปหา
    เหตุ แล้วต้องรอ ผล อะไร

    เดินมน ( อ่าน มะนะ ) ไปตรงๆ
    เผลอแล้วรู้ ๆ
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    "การมีเพื่อนสอง" เปนคำในพระไตร
    ปิฏก หมายถึง อาการ หลงลืมไปว่า
    หูไม่เที่ยง ตาไม่เที่ยง ...วิญญานไม่เที่ยง

    ทำให้เวลา ฟังธรรม ก้เข้าใจไปว่า
    ใช้ หู ตา กาย ... ใจ สดับรับธรรมะ

    พอไปทำแบบนั้น ก้ เข้าข่าย สดับ
    ธรรมจากผู้อื่น ทำตามๆกันไป พยัก
    หน้าบรรลุธรรม จิตวิทยาหมู่

    แทนที่จะ มุดอุโมง ออกอุโมง ก้ทราบ
    ชัดว่า มันเกิดขึ้น เพราะมีเหตุ คือ
    ความเพียร หมดเหตุ อุโมงค์ก้ไม่
    ปรากฏ ย่อมดับไปเปนธรรมดา
    ไม่ต้องไปนั่งกลุ้มว่า ขั้นไหน
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    จานลายเล่าปังคัฟ
    ไหนว่าจะพาจิตยิ้ม ไปปั้นดินให้เป็นอุกาบาต
    ทำไมถึงปล่อยให้จิตยิ้มไปเป็นองค์แม่จิตจักรวาลซะได้
    นั่นมัน ลัทธิมนุษย์ต่างดาวไปแล้ว
    อิอิ
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แค่ภาพนิมิตหลอกผู้ปฏิบัติ ที่ขึ้นมาหลอกให้เราเห็น อย่าไปสนใจ ให้เรากลับมาที่กรรมฐานกองเดิมที่เราปฏิบัติ ให้มีสติ จดจ่ออยู่กับคำบริกรรมในกรรมฐานตามเดิม ถ้าไปส่งจิตออกไปสนใจ จนเผลอฟุ้งซ่านหลุดจากคำบริกรรม จิตจะไม่รวมลงสมาธิ ครับ

    เราปฏิบัติกรรมฐานกองไหนอยู่ เราย่อมรู้ผลของกรรมฐานกองนั้น ใน 40 กรรมฐาน ไม่มีกรรมฐานกองไหน บอกให้เราตามดูอุโมงใดๆ เพราะจะหลงไม่รู้ตัว แล้วคิดว่าตัวเองดีได้คุณวิเศษบลาๆๆ

    เราปฏิบัติกรรมฐาน สมถะกรรมฐาน เราต้องการจิตสงบ รวมเป็นหนึ่ง มีสติอยู่กับคำบริกรรม ไม่ฟุ้งซ่านไปกับ นิมิต ต่างๆ ที่ไม่ใช่กรรมฐานที่เราปฏิบัติ ครับ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงคำว่า "ที่เห็นคลายอุโมง" นั้น เป็นแบบ

    +++ คุณ "แค่เห็นเฉย ๆ" หรือเป็นอาการที่ "คุณหล่นลงไปในอุโมงค์"
    +++ คำศัพท์ ที่คุณระบุมานั้น เป็นแค่ "เห็นเฉย ๆ" ตรงนี้ ไร้สภาวะในทางธรรม

    +++ แต่ถ้าหากเป็นอาการ "หล่นพุ่งไปในอุโมงค์" ตรงนี้ "ไม่ใช่แค่เห็น"
    +++ ตรงนี้เป็นอาการที่ "ตน ของคุณ หล่นลงไปในอุโมงค์"
    +++ ดังนั้น คุณควรระบุชี้อาการ ณ ขณะนั้น ให้ตรงกับที่คุณเป็นตรงนั้นก่อน นะครับ
     
  11. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +4,559
    สาธุๆ

    อันนี้ฟังเป็นนิทานนะครับอย่าไปคิดมาก เรื่องนิมิต เห็นอโมงค์ หรือเห็นบ่อ ให้ท่านกำหนดรู้จนถึงที่สุดของอุโมงค์ หรือที่สุดของบ่อเลย ถ้าท่านไม่กลัวตาย หรือกลัวเป็นบ้าเพราะหลงนิมิต ท่านจะได้พบนิมิตที่จะบอกว่าอดีตท่านมาจากไหน เคยเกิดเป็นอะไรมาบ้างนะครับ

    ของพวกนี้เป็นดาบสองคม ควรดำเนินจิตบนทางสายกลาง มันจะรู้ก็ให้มันรู้ มันจะเห็นก็ให้มันเห็น ไม่ต้องไปบังคับมัน และไม่ต้องไปอยากรู้อยากเห็นมัน เราเป็นแค่ผู้ดูอย่างเดียวก็พอครับ ^_^
     
  12. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014

    หลุดจากอุโมงค์ไป ก็คือ กายทิพย์ ในโลกวิญญานนั่นเอง
    ให้เอาจิตตามอุโมงค์ไปเรื่อยๆ
     
  13. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +4,559
    ไม่ใช่กายทิพย์ ไม่ใช่โลกวิญญาณครับ เพียงแต่เป็นการระลึกชาติเท่านั้นเอง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าตายแล้วไม่สูญ ภพ ชาติ มีจริงเท่านั้นครับ

    ส่วนโลกวิญญาณ หรือกายทิพย์ทั้งหลายต้องอาศัยทิพจักขุญาณครับ เป็นคนละแบบกับนิมิตนี้

    ถ้าสนใจจะเห็นโลกอื่น หาอ่าน หาฟังจากหลวงพ่อวัดท่าซุง(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านสอนไว้ครบถ้วนหมดทุกอย่างแล้วครับ อยู่ที่เราจะทำได้ขนาดไหน
     
  14. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ปล่อยมันไป แค่เห็น จะอย่างไรก็แค่เห็น กายเราที่ตับต้องได้เวลากลัวก็หลับตาจึงไม่เห็น ความกลัวแม้เบาลงแต่คงยังมี ส่วนที่เห็นใช้อะไรเห็นก็ดับลงซะ ความกลัวนั้นจะเบาบางลงได้
     
  15. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014

    ท่านไม่มีกายทิพย์ แล้วท่านจะไปโลกวิญญาน ได้อย่างไร
    กายทิพย์ของท่านมีอยู่ แต่ท่านยังมองไม่เห็น
    เพราะยังฝึกได้ ไม่แน่นิ่งพอ จิตยังไม่ละเอียดพอ
     
  16. ใต้สรวงสวรรค์ ตรีเอกภาพ

    ใต้สรวงสวรรค์ ตรีเอกภาพ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +11
    ส่วนตัวผมไม่ได้นั้งนะแต่เคยนั้งรู้สึก
    ตอนก่อนจะนอนมีปลายอุโมงวิ่งผ่านมา
    ที่หน้าผากแล้วเราก็มุ้งตรงไปเรื่อยไปๆ
    แต่ไม่ได้สนใจอ่ะไรมากเพราะเคยเป็น
    4-5 ครั้งและ เหมือนจะเป็นปลายอุโมง
    สำหรับเค้า เผาศพ รึปลายอุโมงข้างๆ
    ซองบุหรี่ที่เค้ามีรูปติดอยู่รึเปล่าไม่รุ
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ แสดงว่า an old man ทราบเรื่อง "ภายในอุโมงค์" ตรงนี้แล้ว
    +++ มีน้อยคนเหลือเกิน ที่จะ รู้เรื่อง ข้างในอุโมงค์ได้

    +++ ไอ้พวกที่บอกว่า "นิมิตหลอก" พวกนั้น มันไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้หรอก
    +++ เรื่อง จิตอยู่ในคูหา ทำนองนี้ ในพระไตรปิฏก ก็เคยมีกล่าวไว้
    +++ การสำรวจ "คูหาจิต (อุโมงค์)" นี้เป็นส่วนย่อย ๆ ส่วนหนึ่งของ "วิชชา 3"
    +++ หาก an old man เคยสำรวจ "คูหาจิต" ตรงนี้มาแล้ว
    +++ ก็ลองหา "จุดถอนจิตในคูหา" ดู จะพบเองว่า ณ บริเวณนี้ คือ "จุดปัจจุบัณ"
    +++ หาก สำรวจบริเวณ ก่อนถึง จุดถอนจิต จะพบได้ว่าเป็น "อดีตของตน"
    +++ หาก สำรวจบริเวณ เลย จุดถอนจิต จะพบได้ว่าเป็น "อนาคตของตน"
    +++ อตีตัง+อนาคตัง อยู่ในนี้แหละ "คูหาจิต"
    +++ ตรงนี้ "มโนยังงัย ก็ มโนไม่ออกหรอก" เรียกว่า "พ้นมโน" ก็ยังได้
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ที่ an old man กล่าวมานี้ "ตรงกัน" กับการฝึกของกลุ่ม
    +++ และยืนยันอีกอย่างหนึ่งว่า "ความตายไม่มี มีแต่ เวรกรรมและวิบาก" เท่านั้นแหละ
    +++ ที่มัน เกิดไปเกิดมา ทุกวันนี้ ก็เพราะ "กรรมและวิบากบันดาล"
    +++ ดังนั้น "จงทำดีละเว้นความชั่ว" ในสัมมัปปธาน 4 ของโพธิธรรม 37 จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ สำคัญมาก ๆ
    +++ ยินดีที่ได้พบ นักปฏิบัติด้วยกัน นะครับ
     
  19. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ผมขอแทรกถามหน่อยนะครับ
    มีวิธีเข้าไปในอุโมงค์มั้ยครับ ท่านอาจารย์ธรรมชาติ อิอิ ?
     
  20. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    เมื่อภาวนา จนจิตรวมตัดอารมณ์ภายนอกทั้งปวงทั้งหมด แล้วจิตตั้งอยู่เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีอารมณ์ใดๆ นอกจากอารมณ์ภวังค์
    เรียกว่า ภวังคุปัจเฉทะ
    ความรู้สึกจะเกิดนิมิตมีอาการต่างๆ
    เช่น เพลินในแสงสว่าง เพลินในรูป
    เมื่อจิตถอนจากอารมณ์ดังกล่าว
    จะรู้เรื่องก็เป็นแค่ลางๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...