ความเคลื่อนไหวของรูป นามทุกสรรพสิ่งไม่มีใครบังคับควบคุมได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 14 ธันวาคม 2019.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ทุกรูป(กาย)ทุกนาม(จิต)ที่เคลื่อนไหว ถ้าหลงยึดว่านี่
    เป็น
    กายเราเคลื่อน
    นั่นเป็นกายเขาเคลื่อนไหว นั่นคืออวิชชา

    ทำให้หลงยึดไปว่ามีตนผู้กระทำ หรือมีเขา
    เป็นผู้กระทำ
    จึงเป็นอวิชชาตามหลักปฏิจจสมุปบาทะ
    ที่ถูกคือกาย แบะจิต เคลื่อนไหวไปตามเหตุปัจจัย(วิบากกรรม)

    ใครสิ้นยึดกายจิตว่าเป็นของตน ก็จะ
    ได้แค่รู้เฉยๆ ไม่ไปเสวยอารมย์เหล่านั้น
    จะเป็นกุศล หรืออกุศลก็ล้วนเป็นสังขาร
    ทั้งสิ้น
    สิ้นทุกข์เพราะสิ้นความยึด ตามคำสอน
    ขององค์สัมมาฯ กันเสียทีคับ
     
  2. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อย่าว่า อย่างงู้นอย่างงี้เลยนะ

    จะขอ จัดอีกสักครา

    สังเกตไหมฮับว่า "ลืมกรรมปัจจุบัน" แล้วออกเชิงปรารภ
    ทั้งหลายทั้งปวง เป็น "กรรมเก่าอย่างเดียวให้ผล" พอเห็น
    ลงแบบนั้น ก็ถูกขังอีก ...กลายเป็น "ทิฏฐิ62 หมวดกรรมเก่า"
    แล้วก็จะแล่นไปสู่ การพยากรณ์ได้ เห็นเป็นเรื่อง มีพรหม
    กำหนดเกณฑ์ชะตาไว้หมดแล้ว แม้นจะ บรรลุ ตอนไหน
    เวลาไหน ( พอตรึกแบบนี้ จิตจะผลิกเป็น ท้อถอยกำลัง
    แบบ บักโงบะ รอคนมาเรียก รอคนมาเตือน รอเวลา รอ
    จังหวะ รอ...ฯลฯ )

    ต่อไปเป็น ปริยัติ

    พระศาสดา เจอกับพระสารีบุตร วันหนึ่ง ก็ทักกับพระสารีบุตร
    ว่า เณร ชื่อ "......." อีก 7 วันจะมรณะภาพ ...ปรารภแค่นี้ก็เงียบไป

    พระสารีบุตร เห็นว่า เณรจะตาย ก็เลยไปบอกเณรว่า ให้กลับ
    บ้านไปหาแม่ ไม่ต้องอยู่ภวานาแล้ว ( พระสารีบุตร เล็งไปว่า
    คงอดมรรคผลในชาตินี้แล้วก็ควรจะไปทำบุญกับแม่ อรหันต์ที่บ้าน )

    ที่ไหนได้ เลย 7 วัน เณรเดินกลับมาหา หน้าตาเฉย

    พระสารีบุตร ก็รีบไปหา พระศาสดาทันที ......

    "(ไหนหละ) ข้าแต่พระศาสดา เณร ที่ว่าจะตายใน 7 วัน
    ข้าพเจ้าให้กลับไปลาแม่ แต่ทว่า วันนี้เลย 7 วันแล้ว
    ก็ยังเห็นเดินกลับมา "

    พระศาสดา จึงได้ กำหนดรู้อยู่เสี้ยววินาที ก็ปรารภว่า

    "ระหว่างทางกลับบ้าน เณร ไปเห็น ปลาในแก่งน้ำ
    แห้งแล้วช่วยชีวิตปลานั้น ทำให้ได้ วิบากกรรมใหม่
    ยั้งผลวิบากกรรมเก่าที่ต้องตายลงไป "


    ปล. ดังนั้น เวลาเห็น "สูตรลับ" หากเป็น พระป่า จะเน้น
    เม้มปากแล้วนั่งลง หากเมื่อไหร่ "พูดออกมาว่า เท่านี้
    ใช่ อย่างอื่นเปล่า" ก็มีแนวโน้มว่า ............................

    ปล2. การแสดงธรรมนั้นยาก การฟังธรรมนั้นยาก กาล
    ใดควรแสดงอย่างไร พระศาสดา รวบเข้ามาเป็นใบไม้
    4 ใบ และ อนุเคราะห์ไว้หมดแล้ว ไม่ต้องหา "สูตรลับ"
    อะไรอีก ....การแสดงธรรม จึงควร มีเหตุให้แสดง จึง
    จะแสดง .....เหตุของการแสดงธรรมนั้น พระศาสดาตรัส
    บอกง่ายๆ เมื่อมีผู้ ปรารภทุกข์เพื่อหาอุบายนำออก
    ( + เมื่อมีการ จาบจ้วง แสดงธรรมข้ามพระเศียร พระโอษถ์ )

    ปล3 แม้นธรรมที่แสดงนี้ พอจบ หรือ เคลื่อนเวลาไป
    ก็จะมี สภาพ ผิดกาลเทศะไป เหมือนกันหมด
    การอันตรธาน สุญญตา อนัตตา จึงปรากฏด้วยเสมอ
    จึงอย่าพึงเห็นว่า เข้ามาห้ามการแสดงธรรม อดไลค์ อดแชร์
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ยังงี้แหล่ะ ฟุ้งซ่านในธรรม
    จิตคิดปรุงย้อนหน้าย้อนหลัง อยู่กับรู้ได้ก็หายฟุ้ง
    ผลั๊วะ
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ถ้ามีการอรรถาธิบายก็จะต้อง
    เป็นบัญญัติและเป็นสิ่งที่ดับไปแล้วทุกทีไป
    และจะดูเหมือนไม่ใช่ธรรม
    เพราะไม่เป็นปัจจุบันขณะ
    ธรรมะที่จะพ้นจากความข้อง
    จึงต้อง รู้ อยู่ในปัจจุบันเท่านั้น
    นอกนั้นธรรมเมา
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อือ..... "รูปกาย/นามกาย" ไม่ใช่ นาม (จิต) เน้อ...
    +++ สิ่งใดที่ "จิตยึดเอาเป็นตน สิ่งนั้นเป็นกาย" ตรงนี้แล..."กาย"

    +++ Well come to the "I Robot"
    +++ "กาย แบะจิต" เป็นยังงัย ลุงแมว... มัน "แบะ" ยังงัย
    +++ ถ้า "จิต แบะกาย" ยังพอสรุปว่าเป็น "อสุภะ" ได้ 555... เอิ๊ก...
    +++ แค่นี้ก่อนนะ ... 555... แบะต่อไม่ออกแล้ว... 555...
     
  6. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    วิญญาณ/รับรู้ ไป กระทบ/ผัสสะ กับสิ่งต่างๆ ออกไปรับรู้รูป
    ใจ = มโนวิญญาณ มีสภาพนึดคิดปรุงแต่งไปตามที่ไปกระทบ

    ในทางเซนก็มีเรื่องเล่าที่ว่า
    ธงไม่ได้ไหวลมไม่ได้ไหว แต่ใจท่านต่างหากที่ไหว

    รูปเป็นผลจากวิญญาณที่ออกไปกระทบได้ผลเป็นสุข เป็นทุกข์ เป็นเฉย
    แก้ที่เหตุก็ต้องกลับมาแก้ที่ใจ

     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ธงมันก็ไหวนั่นแหล่ะฮับ
    แต่ใจไม่ไหวตามเพราะใจจริงๆ(จิตแท้)
    มันเป็นความว่างที่มีแต่ความรู้
    แต่ปรุงแต่งหรือเคลื่อนไหวอะไรไม่ได่
    แค่มีสภาพรู้.สิ่งที่ปรากฎขึ้นในใจโดย
    ธรรมชาติ ฮับ
     
  8. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แล้วถ้าจิตแท้เป็นที่เวิ้งว้างรอการกระเพื่อมละลุง ถ้าไม่กระเพื่อมคือไม่มีอะไรกระทบ แต่เป็นไปได้หรือที่จะไม่มีอะไรกระทบ แบบอื่นเรียกจิตแท้รึไม่ ไม่รู้เพราะไม่สนใจอยู่แล้ว
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    จิตแท้ หรือจิตพุทธะ ไม่ได้เวิ้งว้างว่างเปล่า
    ตามคนส่วนใหญ่นึกคิดกัน
    ว่างก็จริงแต่มีสภาพรู้ประจำความว่าง
    นั้นและอยู่ภายในทุกส่วนในรูปกายของ
    ทุกรูปนามนี่แหล่ะ
    ทำหน้าที่รู้ แต่ไม่ไหลตามไม่มีอาการกระเพื่อม
    ใดๆ ที่กระเพื่อมได้ก็ยังเป็นเเค่อาการทางจิต
    ของจิตสังขาร
    ซึ่งมีสภาพเป็นไตรลักษณ์ ที่ต้องใช้
    สติสังเกต
    อาการเกิดดับ เกิดดับภายในความว่างของ
    จิตเดิมแท้นั่นแหล่ะ ฮับ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "ดี"
    +++ เมื่อมี "กระทบ" ก็ย่อมต้องมี "กระเพื่อม"
    +++ นี่เป็น "กฏตามธรรมชาติ ที่ปรากฏ ตามความเป็นจริง"
    +++ เพียงแต่ว่า "เรากระเพื่อม หรือ มันกระเพื่อม"

    +++ หากเป็น "เรากระเพื่อม" ก็คือ "กูกระเพื่อม"
    +++ นี่แล... กระเพื่อมเป็น "ตัวกู"
    +++ หากเป็น "มันกระเพื่อม" ก็คือ "มันกระเพื่อม"
    +++ นี่แล... กระเพื่อมไม่ใช่ "กู"

    +++ ยามใดที่ "การกระเพื่อม ถูกรู้" ยามนั้น "ไม่ยึด"
    +++ ยามใดที่ "กู กระเพื่อม" ยามนั้น "ยึด" แน่นอน

    +++ นี่แล "กู/กาย" และ "กาย/กู"
     
  11. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ไม่รู้นะลุงแต่ขี้เกียจรอแล้วตั้งหนึ่งปี ดูดูลุงจะเป็นประเภท ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยจริงๆ มันไม่ใช่ส่วนใหญ่นึกคิดหรอก คำถามกระจอกงอกง่อยคือ จิตมีอาณาเขตรึไม่ แต่ทำไมเราให้มันมี อันนี้ต่างหากที่คำว่า ส่วนใหญ่ที่ว่ากับส่วนน้อย ใครเขาเห็นอะไรกันแน่ อาจเป็นไปได้นะ ที่คนส่วนใหญ่คิดแต่เป็นไปไม่ได้ที่คนส่วนใหญ่จะรู้อาณาเขต เรารอให้มันเกิดปรากฏการณ์โดยส่วนใหญ่หรือไม่ก้อถ้าเหตุการณ์แบบนี้ผลปรากฏจะเป็นอย่างไร ที่ว่ามันกว้างใหญ่ก็เพราะว่ามองดีดี ความจริงมันก็ไม่ได้ซ้อนกันในสิ่งที่กระทบ เราจะเอาอะไรไปเห็นว่าซ้อนกันละ ถามว่ามันคนละครั้งคนละคราวรึเปล่าน่าถามกว่า เอาเถอะลุงเห็นแบบนั้นมันเป็นเรื่องประหลาดมากสำหรับผมเพราะว่าผู้เห็นจิตย่อมไม่อิงสิ่งใดเลย จิตมันคือจิต แต่เหตุที่ตั้งมาจากรูปนาม แต่รูปนามมันไม่ใช่จิตเป็นเพียงเครื่องระลึก ไม่ใช่เหตุของจิตพุทธะ จิตแท้ หรือจิตเดิมแท้ อย่างไร การระลึกได้ในทุกอณู ก็ไม่ใช่รูปอยู่ดี น่างงเนอะลุงแมว สรุปดีกว่า เราไม่สามารถให้รูปลักษณ์ของจิตได้จริง มันไม่ใช่การละเมอว่าไหลไปไหลมา อันนั้นมันไม่ใช่จิต มันคือการละเมอ ถ้ารู้แล้ว บอกตรงๆ พูดว่าเวิ้งว้างมันยังดูประหลาดเลย มันควรจะพูดว่า ถ้าไม่มีอะไรมากระทบก็ไม่เห็นหรืออะไรๆกับสิ่งที่รับรู้นั่นและนอกเหนือจากกาย งงซ้ำไปอีก แล้วจะกระทบได้ไง แหงละ ฌานไม่มีฤทธิเดชอะไรๆแบบนั้น แต่ ขันธ์มี เท่าแต่ดูมัน ปัญหาคือ เห็นอะไรก่อนกัน เห็นขันธ์แล้วจึงเห็นจิต หรือ เห็นจิตแล้วจึงเห็นขันธ์ คำตอบก็มีแค่หนึ่งเดียวเช่นกันนะลุงแมว
     
  12. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ขอกระแซะนะลุงแมว ถูกใจโพสต์พี่ธรรมชาติ อะนะ เข้าใจรึเปล่าที่เขาสื่อ
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    รู้ทุกคิด เห็นทุกคิด ในทุกๆ
    ขณะจิตอยู่กับรู้ นั่นแหล่ะทางรอดและ
    มีโอกาสเห็นธรรมแท้ นะเอ้อ...
     
  14. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    สติรู้นี้ไม่ต้องใช้เจตนา สภาพที่ลุงเล่าแล้วเล่าอีก
    แม้ไม่ได้ตั้งใจ/ไม่มีเจตนา ก็สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติครับ

    ไม่ได้คุยข่มลุงนะประมาณว่าอีซี่มากอะ อะไรประมาณนี้ อิอิ

    แต่ที่พิมพ์แจมไปก็เพราะเห็นว่าลุงพิมพ์ว่า ไม่ยึด บ่อย
    แต่กิริยาจิต ที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป

    ในส่วนที่ เกิดขึ้นแล้ว ก็ก่อนหน้านั้นหละครับถอยมาซักหนึ่งลำดับ
    มันมีตัวที่ออกไปยึดไปแล้วมันถึงได้เกิดขึ้นมาได้ไง

    สติรู้ไม่ไหวเพราะอยู่คนละสถานะกับกิริยาจิตแต่รู้ทุกกิริยาจิต
    แล้วก็พิมพ์ประมาณหากอยู่กับรู้ก็เป็นอันว่า
    ก็รู้กิริยาจิตที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป กายก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    ก็เลยเข้าใจไปว่า ไม่ยึดแล้ว ทั้งร่างกาย และ จิต
    รู้เห็นการเกิด ขึ้นตั้งอยู่ ดับไป แบบธรรมชาติ
    ในขณะ ที่ตัวที่ทำให้ เกิดขึ้นมานั้น ก็ยังมีอยู่
    โดยรวมก็คือก็ยังมียึดอยู่นั้นหละครับ

    หมดเชื้อเกิดได้เนี๊ยตามความเข้าใจผมนี้มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ
    หากมีการเกิดขึ้นผลที่เกิดขึ้นมานี้มาจากเหตุอะไรต้องไปชำระให้ถึงต้นตอครับ
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ มัน "เกิด/มีอยู่" นานมาแล้ว
    +++ มัน "มีมาก่อน" ที่ เจตนา จะถือกำเนิดมาเสียอีก
    +++ จิงจิง EZ มาก ๆ เลย
    +++ หาก หา "จะไม่รู้"
    +++ ต้องหยุด หา "จึงจะรู้"

    +++ วิธีง่าย ๆ คือ "ลองทำให้ ตนเอง ไม่รู้" ดูซิ
    +++ ลงเอยว่า "งัย ๆ มันก็ ยังรู้อยู่ดี" ทำให้ "ไม่รู้" ไม่ได้เลย

    +++ เชื้อเกิด "ไม่มีวันหมด" สังขตธรรม นั่นแล เป็นเชื้อเกิด
    +++ และ สังขตธรรม ก็ ไม่มีวันหมด เช่นเดียวกับ อสังขตะธรรม

    +++ ท่านจึงใช้ คำศัพท์ว่า "ข้ามฝั่ง" มาอยู่ฝาก "อสังคตะ" ซะ

    +++ วิธีง่าย ๆ คือ "ลองทำให้ ตนเอง ไม่รู้" ดูซิ
    +++ ลงเอยว่า "งัย ๆ มันก็ ยังรู้อยู่ดี" ทำให้ "ไม่รู้" ไม่ได้เลย


    +++ ตรงนี้ คือ "สติรู้" นั่นแล...
    +++ ตรงนี้แล... "วิชชา"
    +++ ลองทำให้มันเป็น "ไม่รู้ (อวิชชา)" ไง ๆ ก็ไม่สำเร็จ
    +++ แต่เห็นว่า "ลุงแมวคง ไม่ทำ หรอก" อ่าน ๆ ไปงั้น ๆ แหละ

    +++ สำหรับคนอื่น ให้ลองทำ ง่าย ๆ EZ ๆ ดังนี้

    +++ 1. "นั่งหลับตา" 2. อาการ "มันก็ยังรู้อยู่ดี" มีอยู่เอง นั่นแล...
    +++ 3. กำหนด "ทำอาการ รู้อยู่ดี ให้มันหายไป"
    +++ 4. กำหนด "ทำลายล้าง" อาการ รู้อยู่ดี "ที่ ตนเป็น อยู่" ให้สาปสูญ

    +++ 5. หาก "ยิ่งทำ" สติสัมปชัญญะ ยิ่งมายิ่ง "เจิดจ้า" ถือว่า "ทำถูก"
    +++ 6. สติสัมปชัญญะ ยิ่งมายิ่ง "คมชัด" แบบ จะจะ ชัดเจน ถือว่า OK

    +++ ตรงนี้เป็น วิธีทำ ง่าย ๆ EZ ๆ ที่จะ "รู้จัก สติรู้" โดยไม่ต้องให้ เหตุ/ผล อะไรมาก
    +++ เมื่อ "รู้จัก สติรู้" แล้ว ก็ "อยู่กับรู้" จนได้นิสัย
    +++ จากนั้นก็จะเป็น "ดำรงค์สติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า" ไปได้เอง
    +++ ที่สำคัญคือ "อย่าให้สภาวะอื่น เข้ามาบดบัง สติรู้" ตรงนี้ เท่านั้นแล...
     
  16. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    มันก็จะมาตามคำอธิบายของพี่ธรรมชาติอีกนั่นแหละ ที่รู้นั่นรู้อะไร ยังไปตีความอยู่ หรือเท่าแต่รู้ แล้วเป็นก่อนหรือพอดีหรือหลัง ธรรมแท้ๆ คือ ก็ไม่รู้นะคืออะไร แต่อะไรที่มันไม่พอดีคือไม่ใช่ บางทีก็เรียก ศีล บางที ก็สมาธิ บางทีก็ปัญญา รึเปล่าไม่รู้ แต่ข้อสรุปมีมาครบถ้วนแล้ว
     
  17. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    จริงๆก็ไม่มองลงไปไหนหรอก แค่นึกถึง ถ้าว่าด้วย กาย เวทนา จิต ธรรม ที่ทั้งหมดต้องอาศัยสติจึงเห็นสภาพธรรม นึกถึงสัมโพชฌงค์ ก็คงไม่พ้นสิ่งทั้ง สี่ ที่ควรพิจารณา สี่ สิ่งนี้ น่าจะเห็นธรรมนะลุงแมว
     
  18. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ถ้าทางไปมีสี่ทาง ตอนนี้ถึงไหนแล้ว ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เห็น จริงอยู่ถ้ากระจ่างในบางอย่างก็เห็นทุกอย่าง แต่หากจับจดในทุกอย่าง อย่างน้อยต้องรู้ว่าตรงไหนแค่ไหน จิตแท้ก็เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้น ของธรรมทั้งหมด
     

แชร์หน้านี้

Loading...