เหรียญชินราชคุ้มเกล้า หลังภปร.พ.ศ. 2521

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 8 พฤษภาคม 2019.

  1. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,335
    ค่าพลัง:
    +6,401
    ขอจองครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    พระครูพิชัยณรงฤทธิ์ วัดสิตาราม หรือ วัดคอกหมู กรุงเทพ ผู้รับการถ่ายทอด วิชาการลง ทองนพเก้า จาก หลวงปู่ทอง อุทยญาโณ วัดราชโยธา ประเวศ กทม .เพียงรูปเดียว

    สมัยก่อนท่าน เคยลงข่าวหน้า หนังสือพิมพ์บางกอกไทมส์ พิธีการลงทอง แล้วใช้มีดพร้า คมๆ

    ( เล่มใหญ่) ฟันลง กลางหลัง ดัง แปร๊ก!!!
    ทันที เสียงเหล็กกระทบกระดูก หลังจาก
    ลงทองนพเก้า ครั้งที่2 เสร็จ
    ถึงไม่เข้า ก็เป็นรอย ยางบอน ช้ำ ด้านใน

    พระครูพิชัยณรงฤทธิ์ เป็นศิษย์หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา สมัย ตั้งแต่ยัง เยาว์วัย เนื่องจาก สมัยเด็กวิ่งเล่น ในวัด ท่านเป็นเด็กวัด วัดสามปลื้ม จักรรดิ์

    ซึ่งเป็นวัดที่ หลวงปู่ทอง ได้เดินทางไปมาหาสู่ กับ ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม เป็นประจำ
    หนีความวุ่นวาย จากวัดราชโยธา ก็เอาเรือมาจอด จำวัด พักที่วัดสามปลื้ม 7 วันบ้าง เดือน1 บ้าง
    พระครูพิชัยฯท่านจึงได้ สนิทรู้จักมักคุ้น กับ ลป.ทอง วัดราชโยธา อย่างดี

    จนได้ครอบครองตะกรุดจารใต้น้ำ
    หลวงปู่ทองท่านจารให้ทำ เองกับมือ
    ตอนนั้น พระครู ยัง เด็ก ยังไม่รู้จัก ลป.ทอง
    หลวงปู่ทองท่าน เอ่ย ถามพระจันทร์ ตรงหัวหรือยัง ไอ้หนู พระครูพิชัย ตอบ ตรง แล้ว คับ หลวงปู่
    ลป.ทองท่าน กระโจน ลงน้ำ เป็นชั่วโมง ขึ้นมาจากท่าน้ำ จีวรไม่เปียก พร้อม แผ่น จารตะกรด
    สร้างความอัศจรรย์ แก่ พระครูพิชัยณรงค์ฤทธิ์ อย่างยิ่ง
    สุดท้าย จนได้ ไปเป็นศิษย์รับใช้
    ศึกษาเล่าเรียน วิชาพุทธเวทย์ ไสยเวทย์ ศาสตร์ลี้ลับ กับหลวงปู่ทอง เป็นเวลาถึง 3 ปี เต็มๆ
    วิชาการที่หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ถ่ายทอด ให้หลวงพ่อพระครูพิชัยฯ นั้นมีมากมาย ทั้งทำตะกรุด รดน้ำมนต์ ถอดถอนคุณไสย วิชาเอกอุ โดดเด่น สำคัญ มาก คือ ลงทองนพเก้า

    การลงทองนพเก้า นั้น จะเป็นการลงทอง 9 แผ่น ไว้บริเวณต่างๆของร่างกาย คือ หน้า หน้าอก และหลัง ซึ่งหากจะลงให้สมบูรณ์ต้องลง 3 ครั้ง จะคุ้มครองตลอดชีวิต หากลง 1 ครั้ง คุ้มครอง 3 เดือน 2 ครั้ง คุ้มครอง 3 ปี ถ้าจะให้ ติดตัวตลอดไปต้อง 3 ครั้ง
    การลงทองนพเก้านี้ มิใช่เพื่อทางเมตตามหานิยม
    ดั่งลงนะหน้าทอง ทั่วไป เพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมไปถึง คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตา มหานิยม อำนาจ อีกทั้งยังป้องกันคุณไสย และของที่เขากระทำมาอีกด้วย
    ดังคำที่อาจารย์ท่านให้ลูกศิษย์ พูดกำกับเวลาลงทอง ทุกครั้งว่า "อยู่ คง เหนียว สวย งาม มีอำนาจ"
    สมัยที่หลวงพ่อ พระครูพิชัยฯ
    ยังมีชีวิตอยู่นั้น ทั้งคนดัง ผู้มีอำนาจ นายทหาร แม่ทัพภาค สายพระราชสำนัก ในวัง
    ผู้คน ทุกสาขา เหล่าอาชีพ มาทั่วสารทิศ
    เพื่อ ลงทองนพเก้า นี่ละ ถึงได้มีเงินสร้างโบสถ์ จนทุกวันนี้

    เมื่อลงทอง เสร็จ ก็จะฟันหลังทันที มีดที่ฟัน ไม่ใช่มีดแบบปัจจุบัน แต่เป็นดาบแบบโบราณที่มี ความหนักและ คมอยู่ในตัวเอง ซึ่งการลงดาบที่หลังนั้นนักวิทยาศาสตร์ หลายคน" กระแดะ" ออกมา พูดว่า
    เป็นเพราะหนังตึงจึงมีความยืดหยุ่นให้จึงไม่เข้า ด้วยความคมของมีด จึงไม่กินเนื้อ
    ต้องเข้าใจ ว่าวิทยาศาสตร์ ชอบ นำมาหักล้าง เพื่อให้ฝ่ายตัวเองดูดี
    เคย ได้ร่วมวง เสวนา กับ นักดาบ เล่นมีด รุ่นใหญ่ มันก็ได้แต่บอกว่า "ลองให้พวก นักวิทย์ ที่ออกมาพูดว่าใช้มีดฟันแล้ว ตำแหน่งนี้ หนังตึง แข็ง มีแรงต้านทาน เลยไม่เข้า ความคมไม่ทำงาน
    มาสิ เดี๋ยวจัดให้ดูว่า แผลแหวะ หมอศัลยกรรม ไม่รับเย็บ เป็นยังงัย !!
    ทหารอาชีพ หมวกแดง ไบเล่ ลพบุรี บอกว่า เคส นี้ ฟันเข้า ล้านเปอร์เซ็น มีดกินแผลลึก ไม่ต้องสงสัย

    หลวงปู่ทอง อุทยญาโณ วัดราชโยธา ขณะนั้นหลวงปู่ทอง อายุ ร่วม100 ปี แล้ว
    จึงเรียกได้ว่ารุ่นพระครู พิชัย คง เป็นศิษย์ยุคสุดท้ายว่าได้

    พระครูพิชัยฯ เคยเล่าให้ฟัง

    ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ทอง ท่านได้แสดงวิชา ด้านคงกระพัน กับท่านพระครู ฯ
    โดยนำเอา หลาวแหลม ซัดพุ่งใส่ จนพระครูพิชัย เซ ถลา หัวคะมำด้วยความแรง แต่คมหลาวนั้น กลับไม่ ระคาย ร่องรอย แผลบนผิวหนัง ท่านพระครูพิชัย สักนิด เลย
    ด้านอิทธิปาฎิหารย์ ชื่อเสียง ของหลวงปู่ทอง นั้น ย่อมเป็นที่ ประจักษ์ แก่ หมู่ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ อาชีพเสี่ยง ตลอดจนถึง อาจารย์สัก เสก เลขยันต์ เวทมนต์คาถา เป็นอย่างดี

    อุปนิสัยส่วนตัว ท่านพระครูพิชัยฯ นั้น
    คนที่เคยเป็นศิษย์ ทันท่าน ตอนมีชีวิต
    ต่างรู้กันว่า ท่านเป็นพระพูดจาโผงผาง ไม่เกรงใจใคร
    ขนาดเคย เอากระโถนขว้างใส่ นายทหารก็มี

    ถ้า ใครพูดจาไม่เข้าหู รมย์ไม่ดี
    ไล่ลงกุฏิ เปิดแนบ ก็มี

    ท่าน เป็นพระร้อนวิชามาก สมัยนั้น ในการเข้าหา
    (เพราะอยากเรียนวิชา)
    แต่..บางครั้งด้วยความอยากรู้ ช่างซักถาม จนถึงโต้ตอบกับท่านพระครูฯ ทำเอาท่านพระครู ถึงกับ เอ่ยปาก..

    ..."เออ เอ็งใจถึงมาก เข้ามาใกล้ๆหน่อย
    จะได้ถีบ..ให้กระเด็น..."

    แค่ ลองใจ ที่จริง ท่านเป็น พระเมตตา ใจดี แต่คนเข้าหา ไม่เป็นเท่านั้นเอง
    วัตถุมงคล ของพระครูพิชัย มีประสบการณ์ ทุกรุ่น นะ ด้านคุ้มครอง แคล้วคลาด อย่ามองข้าม เก็บไว้ให้ดีละ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง

    และ พระครูพิชัยณรงค์ฤทธิ์ อดีตเจ้าอาวาส
    เป็น ครู สำคัญ ของ พระอาจารย์ตู่ วรัญญูโต วัดคอกหมู ด้วย

    t=102&_nc_ohc=t_G1MHN4BioAQnQCuSG6r1jFG9_uOhLlnoQ-H8jaKa9O7kVyBdWn9v0Hw&_nc_ht=scontent.fbkk24-1.jpg


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ทอง วัดราชโยธาหลังอาจารย์พิชัยให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลป.ทอง.JPG ลป.ทองหลัง.JPG
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    images?q=tbn%3AANd9GcSiWeqKAMEuYrr1C1WqnJm56GgNuotFsJ8fozitNgLSCtE7g8d_.jpg


    พระยอดขุนพลบุเรงนอง

    • resize-1483454804727.jpg
    พระยอดขุนพลบุเรงนองรุ่นเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่หาได้ยากยิ่ง จากคำบอกเล่าของพระเดชพระคุณหลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยท่านได้เคยอ่านพบใน " ตำราโบราณ " ที่อดีตโบราณคณาจารย์ฝ่ายพม่ารามัญ ได้จดบันทึกไว้สืบต่อกันมานานนับเป็นร้อย ๆ ปี มีดังนี้

    พระยอดขุนพลบุเรงนองของเก่าแก่ดั้งเดิมนั้น เป็นพระพิมพ์ดินดิบผสมว่านยาวิเศษ โดยได้จำลองพุทธลักษณะจาก "พระมหามัยมุนี " (ดังรูปพระพุทธรูปตัวอย่าง) เป็นพระเครื่องที่พระเจ้าบุเรงนอง บรมกษัตริย์ผู้มีพระเดชานุภาพมากแห่งกรุงหงสาวดี ได้โปรดให้ พระมหาฤาษี ภูภูอ่อง ผู้เป็นพระราชครูผู้ใหญ่ ประจำพระราชสำนักแห่งพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งได้สำเร็จมหิทธิฤทธิ์ขั้นสุดยอดด้วยองค์คุณ 4 ประการ คือ ยา ยันต์ ปรอท และ ประคำ จนมีฤทธิ์ มีเดชสูงส่งอย่างยิ่งยวด เป็นผู้จัดสร้างและปลุกเสกขึ้น เพื่อทรงพระราชทานแก่ข้าราชบริพาร และเหล่าทหารหาญ เพื่อใช้ในการศึกสงครามโดยทั่วไป

    โดยแกะพิมพ์จำลองพุทธลักษณะของพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปสำคัญ อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของชาวพม่า ที่มีอายุการสร้างเกือบ 2,000 ปี ที่เดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองยะไข่ แต่ต่อมาได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองมัณฑเลย์ ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
    ซึ่งพระยอดขุนพลบุเรงนองนี้ปรากฎพุทธคุณอันยอดเยี่ยมดีเด่นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในทางเมตตา แคล้วคลาด แต่จะเน้นไปในด้าน "อิทธิฤทธิ์" คือทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุด มหาอำนาจ เป็นหลักใหญ่ จนกระทั่งกองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง สามารถปราบปรามหัวเมืองใหญ่น้อยในทุกหนแห่ง จนราบคาบอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในพงศาวดาร ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุให้พระเจ้าบุเรงนองได้รับพระสมัญญานามอีกพระนามหนึ่งว่า " ผู้ชนะสิบทิศ " ในเวลาต่อมา โดยพระบุเรงนองนี้ พระฤาษีภูภูอ่องได้บรรจุไว้ที่ถ้ำแถวเมืองมะละแหม่ง ใกล้ชายแดนไทย-พม่า อยู่ 2 ถ้ำด้วยกัน คือ ถ้ำผาบง และ ถ้ำผาพะ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าถ้ำทั้งสองแห่งนี้อยู่ที่ไหนกันแน่ อนึ่ง พระมหาฤาษีภูภูอ่องนั้น แต่เดิมเคยบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา มีนามว่า "ญาณรังสี" แต่ต่อมาพระญาณรังสีพิจารณาเห็นว่าการที่พระภิกษุอยู่ในป่า บางครั้งก็มีเหตุให้จำต้องล่วงอาบัติของพระพุทธองค์อยู่เนือง ๆ ก็ให้รู้สึกไม่สะดวกใจ ด้วยเกรงจะเป็นบาปเป็นกรรม พระญาณรังสีจึงลาสิกขาออกมาถือพรตเป็นฤาษี พร้อมตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ รักษาศีล 8 ได้เป็นอย่างดีจนบรรลุอภิญญาสมาบัติขั้นสูงสุด จนได้สำเร็จฤทธิ์อภินิหารอันยอดยิ่งด้วยเหตุถึง 4 สถาน คือ
    1. ยา (รอบรู้ในตัวยาสมุนไพร และว่านยาที่มีฤทธิ์ทุกประเภทอย่างเจนจบ )
    2. ยันต์ (ปรีชาในอักขระคาถายันต์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง )
    3. ปรอท (สำเร็จในการเรียกและใช้ปรอท ธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์กว่าธรรมดา จนถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ )
    4. ประคำ (เครื่องช่วยกำหนดจิตภาวนาให้บังเกิดสมาธิจิต อันเป็นบาทฐานแห่งอภิญญาฤทธิ์ ซึ่งเป็นของมีมาเก่าแก่ สืบทอดมาแต่โบราณกาลนับเป็นพัน ๆ ปี )
    สำหรับเหตุที่หลวงพ่ออุตตมะ (ท่านเป็นพระชาวมอญ ไม่ใช่พม่า และเป็นหนึ่งในพระอาจารย์องค์สำคัญที่สอนในหลวงในการปฏิบัติธรรมด้วยครับ)ได้พระยอดขุนพลบุเรงนองมานั้น เดิมตั้งแต่เมื่อครั้งที่หลวงพ่ออุตตมะยังเดินธุดงค์อยู่ มีเด็กชายชาวกะเหรี่ยงคริสต์คนหนึ่ง (ซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้ากะเหรี่ยง ) ซึ่งอยู่ในเขตประเทศพม่า ได้ป่วยเป็นโรคร้าย จนเพื่อนบ้านต่างพากันทอดทิ้ง ไม่มีใครกล้ามาดูแล และบังเอิญท่านได้ธุดงค์มาพบเข้า ด้วยความเมตตาหลวงพ่อจึงได้ช่วยรักษาจนหาย ทำให้เด็กชายคนนี้นับถือหลวงพ่ออุตตมะเป็นอย่างยิ่ง กาลต่อมาหัวหน้ากะเหรี่ยงคริสต์รายนี้ได้มาเล่าให้หลวงพ่ออุตตมะฟังว่า (ตอนนั้นหลวงพ่อมาอยู่เมืองไทยใหม่ ๆ ราวปี พ.ศ.2490 กว่า ) วันหนึ่งขณะที่พวกตนถูกพวกพม่าตามไล่ล่า จนกระทั่งหนีเข้าไปหลบซ่อนในถ้ำ ๆ หนึ่ง แถวเมืองมะละแหม่ง พวกทหารพม่าได้ใช้ปืนกล และอาวุธสงครามยิงกรอกปากถ้ำ เพื่อฆ่าพวกตนให้ตายคาถ้ำ นับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ นัด จนพวกทหารพม่าคิดว่าพวกกะเหรี่ยงที่อยู่ในถ้ำคงจะตายกันไปหมดแล้ว จึงได้ถอยทัพกลับไป ครั้นพอรุ่งเช้าพวกบรรดากะเหรี่ยงที่ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ก็ออกจากที่ซ่อนในถ้ำมาสังเกตุการณ์ เห็นปลอกกระสุน และลูกปืนตกกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ไม่มีกระสุนแม้แต่เพียงนัดเดียว ที่จะวิ่งผ่านเข้ามาถึงข้างในที่พวกตนซ่อนอยู่ได้ ก็แปลกใจ เลยคิดว่าถ้ำแห่งนี้คงต้องมีของดีของวิเศษอยู่แน่ ๆ เลยสำรวจในถ้ำดูว่ามีอะไรดี จึงได้เจอกับ กองพระขนาดย่อม ๆ ที่วางกองกันไว้อยู่ในถ้ำนั้น แต่พวกตนเป็นกะเหรี่ยงคริสต์จึงไม่ทราบว่าคืออะไร จึงได้นำมาให้หลวงพ่ออุตตมะดู เมื่อได้พิจารณาดูหลวงพ่อก็ทราบทันทีว่านี่คือ พระยอดขุนพลบุเรงนอง ที่เคยได้ยินเรื่องราวมานั่นเอง จึงได้สั่งให้หัวหน้ากะเหรี่ยงคนนี้พาคนไปช่วยกันขนพระออกมาจากถ้ำ และนี่เองคือปฐมเหตุแห่งการ แตกกรุ ของพระยอดขุนพลบุเรงนอง สำหรับพระยอดขุนพลบุเรงนองนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นของดีที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นที่ใฝ่ฝันสำหรับบรรดาศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่ออุตตมะ รวมทั้งผู้ที่รู้ประวัติความเป็นมา เพราะนอกจากผู้ที่รู้ความเป็นมาที่แท้จริง ต่างก็พากันหวงสุด ๆ แล้ว ด้วยระยะเวลาที่ล่วงเลยมาเนิ่นนานถึง 400 กว่าปีมาแล้ว พระบุเรงนองที่สร้างด้วยเนื้อดินผสมว่าน ได้ชำรุดแตกหักไปเป็นอันมาก จึงทำให้มีน้อยคนนักที่จะได้ครอบครองพระยอดขุนพลที่นับเป็นจักรพรรดิ์พระเครื่องแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดีอย่างแท้จริง พระบุเรงนองจะมีด้วยกันหลายพิมพ์ทรง ซึ่งจะมีความแปลกอยู่ที่ว่าแต่ละองค์นั้นจะไม่มีองค์ไหนเหมือนกันเลย จะมีความแตกต่างกันไปเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และส่วนใหญ่ด้านหลังองค์พระ จะมีรูปกบอยู่ บางท่านก็เรียกว่า พระบุเรงนองหลังกบ เพราะคนโบราณนั้นให้ความสำคัญกับกบมาก เพราะดินแดนสุวรรณภูมิบริเวณแถบนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ในทุกๆอย่าง และสัตว์ที่มีสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ก็คือ "กบ" นั่นเอง
    สำหรับพระองค์ที่โชว์นี้ เป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่ออุตตมะรุ่นนี้ นับว่าเป็นของดีที่น่าใช้มากที่สุดอย่างหนึ่งของหลวงพ่อ แต่หลาย ๆ คนไม่ค่อยรู้จัก บางคนก็รู้แต่มองข้ามไป โดยไม่รู้ว่านี่แหละคือ ของวิเศษสุดยอดจริง ๆ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาดังนี้ เมื่อประมาณ พ.ศ.2500 กว่า ๆ หลังจากหลวงพ่ออุตตมะได้มาสร้างวัดวังก์วิเวการามแล้ว ได้มีชาวบ้านจากฝั่งพม่าที่มีความนับถือหลวงพ่ออุตตมะนำเอาพระเนื้อดินผสมว่านพิมพ์หนึ่งมาให้ท่านดู โดยบอกว่าได้พระพิมพ์นี้มาจากถ้ำในประเทศพม่า เมื่อได้พิจารณาดูแล้วหลวงพ่อก็บอกว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่ที่มีอายุการสร้างหลายร้อยปี เพื่อสืบพระศาสนา และใช้ในการรบสมัยก่อน ชาวบ้านผู้นั้นจึงได้บอกหลวงพ่อว่า พระพิมพ์นี้ยังมีอยู่ในถ้ำอีกมากมาย และได้ชวนสมัครพรรคพวกไปขนพระพิมพ์นี้ออกมาถวายหลวงพ่อ ซึ่งระหว่างการเดินทางซึ่งต้องย่ำด้วยเท้าเปล่ามาตลอดทางอันแสนยาวนานนั้น พระบางองค์ที่อยู่ในถ้ำ อยู่ในที่เย็นชื้นมาโดยตลอด เมื่อกระทบกับอากาศร้อน และมีการกระทบเทือนจากการขนย้าย ก็เกิดแตกหักชำรุดเสียหายไปเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อได้พระมาแล้ว ท่านได้คัดเอาพระที่มีสภาพสมบูรณ์ มาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ได้แจกให้กับลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่ไปกราบนมัสการท่าน หลังจากนั้นหลวงพ่อเห็นว่าพระที่แตกหัก และชำรุดก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก หากจะทิ้งไปก็เปล่าประโยชน์ จึงให้ลูกศิษย์เอาพระที่ชำรุดเหล่านั้นไปทำการบดให้ละเอียด แล้วเอามาผสมกับ ผงใบลาน ว่าน เกสรดอกไม้ และผงพุทธคุณของท่านเอง แล้วกดลงบนพิมพ์ที่ทำเลียนแบบพิมพ์ของเก่าขึ้นมาก จากนั้นหลวงพ่อก็ทำการปลุกเสกพระที่สร้างขึ้นอีกเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่ามีพุทธคุณเต็มที่แล้วก็นำออกมาแจกจ่าย พุทธลักษณะของพระผงบุเรงนองออกศึกของหลวงพ่ออุตตมะ สัณฐานคล้ายรูปไข่ผ่าซีก ด้านหน้าเป็นรูปพรพุทธปฏิมากรประทับนั่งขัดสมาธิราบแบบมารวิชัย มีเส้นไขว้เป็นรูปกากบาทบริเวณพระอุระ (อก) เหนือพระอังสา (ไหล่) ทั้ง 2 ข้างปรากฎเส้นเฉียงขึ้นไปดูเหมือนกับสะพายดาบคู่ แต่จริง ๆ แล้วเป็นพุทธลักษณะของพระพุทธปฏิมากรทรงเครื่องแบบศิลปะพม่า ส่วนด้านหลังมีลักษณะอูมเล็กน้อยไม่ปรากฎรายละเอียดและอักขระใด ๆ โดยพระบุเรงนองรุ่นแรกของหลวงพ่ออุตตมะนี้ ทำออกมาเป็น 2สีด้วยกัน คือ สีดำ และสีน้ำตาล ส่วนด้านหลังจะมีทั้งรูปกบและไม่มีรูปกบ พระผงบุเรงนองนี้เป็นพระดีที่น่าใช้ พุทธคุณสูง มีประสบการณ์มาก จึงทำให้มีการเสาะหากันอย่างมากมาจนทุกวันนี้ เพราะเมื่อใครเป็นเจ้าของก็ล้วนแต่หวงแหนทั้งสิ้น โดยหลังจากที่หลวงพ่อได้แจกพระผงบุเรงนองรุ่นแรกนี้จนหมด ก็ได้มีผู้ที่ศรัทธามาขออีกเป็นจำนวนมาก หลวงพ่อท่านจึงได้ทำพระบุเรงนองรุ่น 2ออกมาด้วย โดยพิมพ์ทรงจะแตกต่างกันเล็กน้อย บริเวณพระพักตร์รุ่น 2 จะคมชัดกว่า มีรายละเอียดในพระพักตร์ชัดเจนกว่ารุ่น 1 ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดก็เป็นพระดีมีประสบการณ์ด้วยกันทั้งคู่ สำหรับองค์นี้จะเป็นสีดำ พระสภาพสวยสมบูรณ์ หนา พิมพ์คมชัดมาก เรียกได้ว่าเป็นพระที่มากด้วยพุทธคุณรอบด้านที่สุดยอด แต่ในราคาบูชาที่ไม่แพงเลย อยากให้หลายๆท่านได้พระที่พุทธคุณดีๆไว้บูชา ในราคาที่พอเช่าหาได้ ลองเสาะหาบูชาดูครับ ยังพอมีให้เช่าอยู่ในหลายๆเว็บโดยเฉพาะสายตรง และน่าจะยังไม่มีของทำเลียนแบบ (ลงหน้าปกหนังสือลานโพธิ์ฉบับปี2549แล้ว) ป้อม ปืนใหญ่ แนะนำพระที่พุทธคุณดีๆไว้ให้บูชา ไม่จำเป็นต้องเสาะหาพระที่เซียนปั่นราคาเพื่อพุทธพานิชย์ เซียนพระส่วนใหญ่รวยแล้วครับ แต่เราๆท่านๆบางคนยังไม่รวยเหมือนเซียน เก็บเงินไว้ในยามที่จำเป็นดีกว่า แต่ก็สามารถครอบครองบูชาพระดีๆ ไว้ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นพระบุเรงนองเดิมๆนั้นเนื้อจะค่อนข้างต่างกับที่หลวงพ่อทำใหม่ครับ และราคาก็สูงกว่าด้วย

    ตามบันทึกของพระเถราจารย์ฝ่ายพม่ารามัญ ที่จดบันทึกไว้ว่า พระเจ้าบุเรงนองทรงสร้างไว้เพื่อให้มอบให้แม่ทัพนายกอง ทหารหาญ ใช้ในราชการสงคราม ภายหลังเสร็จราชกิจจึงได้นำไปบรรจุไว้ในถ้ำ พระเครื่องพิมพ์นี้สร้างจากดินผสมว่านยาวิเศษ ปลุกเสกโดยมหาฤาษีบูบูอ่อง ที่กล่าวกันว่าท่านสำเร็จอภิญญาสมาบัติ สามารถแสดงฤทธิ์ได้ เดิมได้บวชในพระพุทธศาสนาและเจริญกรรมฐานจนบรรลุอภิญญา มีญาณสมาบัติและได้สึกมาครองเพศฤาษี และใช้ฤทธิ์ในการช่วยเหลือผู้คนรวมถึงการเผยแพร่ศาสนา และพระพิมพ์นี้ได้จำลองมาจากพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทรงเครื่องมหาจักรพรรดิราช เดิมประดิษฐาน ณ อาณาจักรอาระกัน (ยะไข่) ด้านหลังคือรูปมหาฤาษีบูบูอ่อง ที่มีอิริยาบทกำลังเหาะขึ้นไปนมัสการพระมหาธาตุ ทำให้มีชื่อเสียงและสร้างความศรัทธาให้กับพระเจ้าบุเรงนอง รู้จักในวงการพระเครื่องว่า พระบุเรงนองหลังกบ กรุถ้ำ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี ได้มาจากถ้ำในเขตประเทศพม่า แล้วนำมาแจกสานุศิษย์ในยุคแรกๆ

    พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์ราชวงศ์ตองอู ผู้ปราบปรามเมืองน้อยใหญ่ทั่วภูมิภาคอุษาคเนย์ ตามคติพระเจ้าจักรพรรดิราช
    เนื่องจากสมัยโบราณจะแบ่งเมืองออกเป็นสองประเภทคือ เมืองเอกราชและเมืองประเทศราช จึงทำให้ต้องมีการแข่งขันกันเช่นเดียวกับการค้าในสมัยปัจจุบัน แต่โบราณใช้การยึดครองพื้นที่และทรัพยากร ด้วยการชิงชัยด้วยกำลังและสติปัญญา ไม่ได้ใช้กลยุทธชิงชัยด้วยกลไกทางตลาดในเวทีโลกและสร้างคติชาตินิยมอย่างในปัจจุบัน

    พระองค์คือผู้มีสามสิ่งครบถ้วนจึงได้ชื่อว่า “วีรบุรุษ” คือมีปัญญาเป็นเลิศ มีปณิธานยิ่งใหญ่ มีแผนการล้ำลึก ซึ่งใช้สามสิ่งนี้สร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์ไม่เคยปรากฏว่ามีกษัตริย์พระองค์ใดในภูมิภาคนี้ ทั้งก่อนหน้าและภายหลังรัชสมัยของพระองค์ที่ทำเช่นนี้ได้เทียบเท่าพระองค์ คือ รวมเอาอาณาจักรใหญ่ของชนชาติต่างๆในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ไว้ในอำนาจได้ทั้งหมด เช่น อยุธยา ล้านนา ล้านช้าง ไทใหญ่ พม่า รามัญ กัมพูชาและรัฐต่างๆที่เป็นประเทศราชของอาณาจักรที่กล่าวมา รวมทั้งสิ้นถึง133เมือง มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์และสงบร่มเย็นตลอดรัชมัยของพระองค์

    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็ทรงเจริญรอยตามพระเจ้าชนะสิบทิศบุเรงนอง หากนิยมพระนเรศวรมหาราช ก็ต้องมองว่า ใครคือต้นแบบของพระองค์ ซึ่งก็คือพระเจ้าบุเรงนอง พระองค์นี้นี่เอง

    พระเจ้าบุเรงนองพระองค์ ทรงนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสองสิ่งและจะสักการะก่อนออกทำสงคราม คือพระมหามัยมุนี เมืองยะไข่และพระมหาธาตุมุเตา เมืองหงสาวดี เชื่อกันว่าทรงบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองสิ่งนี้ เพื่อให้ได้ชัยชนะและก็เพราะอำนาจบารมีของทั้งสองสิ่งทำให้พระองค์สามารถปราบปรามและมีชัยชนะในการสงครามทุกครั้ง คำบนบานที่เชื่อกันว่าทำให้พระองค์สัมฤทธิ์ผลก็คือ ทรงบนบานขอให้ชนะศึกเพื่อจะได้สร้างเอกภาพให้กับแผ่นดิน จะได้ไม่ต้องมีใครทำการแย่งชิงรบพุ่งทำสงครามให้ได้เดือดร้อนกันอีก เช่นเดียวกับจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่รวบรวมแผ่นดินจีน ยุติสงคราม 7 แคว้น ที่รบพุ่งกันยืดเยื้อยาวนานถึง 255 ปีได้สำเร็จ ซึ่งหากพระนเรศวรมหาราชไม่ทรงสิ้นเสียก่อนเวลาอันควร อาณาจักรไทย อาจเป็นมหาอำนาจที่สานต่อเจตนาของพระเจ้าบุเรงนองอย่างแน่นอน

    พระบุเรงนองหลังกบ พระพิมพ์นี้ได้รวมเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และปณิธานของยอดคนไว้ ดังนั้นผู้ที่ได้ครอบครองหรือหามาได้ไว้ในครอบครอง จึงเชื่อได้ว่า ต้องเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ไม่เหมือนคนทั่วไป หากทว่าการได้มาซึ่งการครอบครองนั้น เป็นผลมาจากการได้ทราบประวัติและเจตนาการสร้างที่ชัดเจน

    ศาสนาและศิลปะ ไม่มีขอบเขต ไม่แบ่งเชื้อชาติชนชั้น ผู้เข้าถึงสองสิ่งได้ชื่อว่า ไม่มีอคติคือปราชญ์โดยแท้
    https://www.siamamuletclub.com/16308558/พระยอดขุนพลบุเรงนอง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระบุเรงนองออกศึกหลวงพ่ออุตมะ สร้างยุคหลังราวๆ2537 ทันตัวท่านครับผสมมวลสารเก่าที่แตกหัก ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.อุตมะ.JPG ลพ.อุตมะหลัง.JPG
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    %CB%C5%C7%A7%BE%E8%CD%CB%CD%C1%20%C3%D2%C1%B8%C1%DA%E2%C1%202.jpg
    _3_314.jpg
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงพ่อหอม รามธมฺโม
    วัดบางเตยกลาง (เปิ้ง)
    ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี


    ปฏิปทากิตติคุณศีลวัตร "พระครูธีรานุวัตร" หรือ "หลวงพ่อหอม รามธมฺโม" พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง (เปิ้ง) ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หนึ่งในพระปฏิบัติดีรูปหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี

    "หลวงพ่อหอม" นามเดิม เปรื่อง นามสกุล ศีลปี แต่ชาวบ้านตำบลบางเตย นิยมเรียกท่านว่า "หอม" เกิดที่ตำบลบางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี บิดาชื่อ แปลก ศีลปี เป็นชาวฝั่งธนบุรี แถวสามแยกไฟฉายตรงข้ามวัดรวก มารดาชื่อ เปลื้อง (ใจทน) เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

    หลวงพ่อท่านเป็นบุตรโทน อาชีพทำนาและค้าขาย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2459 ในวัยเด็กหลวงพ่อหอมเรียนหนังสือไทย ที่โรงเรียนวัดจันทร์กะพ้อ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จนจบ ม.1 ปัจจุบันเรียกว่า ชั้น ป.5 แล้วลาออกไม่ได้เรียนต่ออีก พอโตวัยหนุ่มได้ช่วยบิดามารดาค้าขาย

    จนมีอายุครบ 21 ปี จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดไผ่ล้อม ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยมี พระอธิการจ่าง เกสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเจริญ ญาติวังโส อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมลำดับต่อมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการช่วง อดีตเจ้าอาวาสวัดเชิงท่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "รามธมฺโม"

    เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2481 ได้จำพรรษาอยู่วัดไผ่ล้อม เรียนพระปริยัติธรรมกับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ จนสอบได้นักธรรม หลวงพ่อหอมมีความสนใจในด้านทำพระเครื่องมาก จึงเรียนวิชาทำพระเครื่องทำตะกรุดและวัตถุมงคลต่างๆ ทุกชนิด เรียนกับอาจารย์มาตลอด ท่านจำพรรษาอยู่วัดไผ่ล้อม 5 พรรษา พอดีเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลางว่างลง ท่านเจ้าคุณพระปทุมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในขณะนั้น และญาติโยมที่วัดบางเตยกลางได้ไปนิมนต์ท่านให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง เมื่อปี พ.ศ.2486 ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุ 27 พรรษา 6

    วัดบางเตยกลาง (วัดเปิ้ง) ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอสามโคก วัดกับที่ทำการอำเภอสามโคกห่างกันประมาณ 200 เมตร ถนนเดียวกันคือ ปทุม-สามโคก-เสนาอยุธยา วัดอยู่ติดถนน ชุมชนส่วนมากจะเป็นคนไทยเชื้อสายมอญ (รามัญ)

    วัดบางเตยกลางเดิมชื่อว่า "วัดแค" สร้างเมื่อปี พ.ศ.2330 ในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาชาวมอญอพยพหนีสงครามมาพึ่งโพธิสมภารอยู่กับคนไทยที่เมืองสามโคก วัดนี้จึงมีสภาพเป็นวัดมอญแปลง และชาวบ้านคนไทยเชื่อสายมอญชอบเรียกว่า "วัดเปิ้ง"

    ต่อมาพระยาอำภัยมหัยสวรรค์กลับจากรบกับเงี้ยว ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดลิ้มกลีบอำภัยมหัยสวรรค์" (ลิ้มกลีบเป็นภรรยาพระยาอำภัยมหัยสวรรค์) ต่อมามีการเปลี่ยนชื่ออีกเป็น "วัดบางเตยกลาง" จนถึงปัจจุบัน แต่ชาวบ้านยังเรียกติดปากว่า "วัดเปิ้ง" อยู่บ้าง

    หลังจากได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง แล้วท่านได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมมากในขณะนั้น โดยสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอระฆัง และสร้างอุโบสถหลังใหม่หมด

    หลวงพ่อหอมเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากองค์หนึ่ง ท่านนิยมสร้างพระเครื่องมาก มีทั้งพระสมเด็จ พระอม ตะกรุด เหรียญและพระพิมพ์ต่างๆ มากมาย ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อหอมได้รับความนิยมอย่างมาก โดยท่านปฏิบัติอยู่ในศีลเคร่งครัดมาก จนชาวบ้านนับถือมาก

    ท่านดูแลวัดวาอารามสั่งสอนลูกศิษย์และญาติโยมให้เป็นคนดีมาตลอดไม่เคยขาดตกบกพร่อง ท่านจะสอนทั้งพระเณรลูกศิษย์ ญาติโยมทุกคนเสมอภาพกันหมด แต่ชาวบ้านกลัวท่านมาก เพราะท่านจะดุ สอนให้เป็นคนดีทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่เคยกลัวใครว่าท่านเลย ท่านเคยพูดว่า "ทำให้เขาไปสวรรค์" สอนสิ่งที่ถูกต้องจนชาวบ้านนับถือท่านมาก เพราะท่านมีเมตตากับทุกคน จึงสอนให้ลูกศิษย์ญาติโยมเป็นคนดีโดยไม่นิ่งเฉย สอนอยู่เสมอมาจนถึงปัจจุบันนี้

    ชาวบ้านนิยมนำพระเครื่องและวัตถุมงคลทุกอย่างของหลวงพ่อหอมติดตัวตลอดเวลา ท่านได้ทำพระเครื่องวัตถุมงคลยมีพุทธคุณสูงมาก ท่านจะลงคาถาที่ท่านได้เรียนจากอาจารย์มาโดยใช้พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ส่วนมากแล้วกำกับด้วย คาถา อักขระขอมว่า กัม กะ ระ นัง ทุกอย่าง กัม กะ ระ นัง นี้คือ การกระทำของตัวเราเองทำอย่างไรได้อย่างนั้น

    เคยมีคนถามหลวงพ่อหอมว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อใช้ในด้านไหนเมตตาหรือคงกระพัน"

    หลวงพ่อหอมบอกว่า "อธิษฐานเอาเองใช้ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเราขาดการนึกถึง คุณบิดา คุณมารดา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็เหมือนเราแขวนดิน" เพราะฉะนั้น หลวงพ่อหอมจะบอกให้นึกถึงและปฏิบัติต่อบิดา มารดา เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ดีชีวิตก็ดีขึ้นเจริญขึ้น

    หลวงพ่อหอมมีอายุ 90 ปี 69 พรรษา ลูกศิษย์และญาติโยมจึงพร้อมใจกันจัดงานทำบุญอายุ 90 ปีขึ้น และฉลองวิหารกับหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อหอมด้วยในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2549

    หลวงพ่อหอม ได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุรวม 91 พรรษา 70 ก่อนหน้านี้ คณะศิษยานุศิษย์ได้นำหลวงพ่อหอม เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนนทเวช เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2550


    .............................................................

    คัดลอกมาจาก ::
    หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 31
    คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6 โดย อนุชา ทรงศิริ
    วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5616

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อหอม วัดบางเตยกลาง ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลป.หอม.JPG ลป.หอมหลัง.JPG
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    images?q=tbn%3AANd9GcRUIe0Q3NpyfEB2-OZ2i5xEBI-NukNzIXuci_UKxfbZY6uiEmkn.jpg

    หลวงปู่เมฆ สฺจจาสโภ (สิทธิราชา) ขลังที่ยังไม่สิ้น
    โดย...กฤปาจารย์
    “การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่สร้างในวันเดียว ต้อง
    ใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่ที่สำคัญคือความอดทน คือ
    ไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้น ทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนไม่ได้ผล ไม่
    ดังดูมันครึ ทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดี ไม่ครึ ต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะ
    เห็นผลแน่นอน ในความอดทนของตน ในความเพียรของตน ต้องถือว่าวันนี้เรายังทำไม่
    ได้ผล อย่าไปท้อ บอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก วันนี้เราทำ
    พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ เดือนหน้าเราก็ทำ”
    พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ใน
    โอกาสเข้าเฝ้า วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๖
    มีหลายท่านอยากให้ผมอัญเชิญพระบรมราโชวาท มาเป็นมิ่งขวัญ มาเป็น
    กำลังใจ เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต สำหรับท่านที่กำลังสงสัย กำลังท้อถอยในการ
    ทำความดี พระบรมราโชวาทนี้ คงเป็นน้ำทิพย์ปลอบประโลมใจให้สร้างความเพียร
    ความอดทน ความเสียสละ เป็นการเดินตาม “รอยเท้าพ่อ”
    ผมเป็นคนชอบสีดำ แม้บางคนจะมองว่าสีดำเป็นตัวแทนแห่งความชั่วร้าย ที่ผม
    ชอบ เพราะสีดำนั้นซื่อสัตย์ไม่หลอกใคร ดำก็เป็นดำไม่มีดำแก่ดำอ่อน ถ้าดำอ่อนเราเรียก
    “สีเทา”
    สีขาว เมื่ออยู่โดดๆไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ ก็ยังดูเป็นสีขาวอยู่ ทั้งที่เป็น
    ขาวมอๆ ที่เห็นว่าขาวๆใช่หาบริสุทธิ์เสมอไปไม่
    เมื่อผมชอบสีดำ ผมจึงชอบคืนข้างแรม เมื่อฟ้ามืดดำ ก็จะเห็นแสงดาวเด่นชัด
    ระยิบระยับงามตา ผมเป็นคนชอบดูดาว แม้ไม่ใช่ขงเบ้งก็ตามที เมื่อผมชอบดูดาว ผม
    จึงชอบสะสมสะเก็ดดาวตก ผมไม่ชอบดูพระจันทร์ เพราะดูที่นามสกุลของผมก็ได้ ก็ดู
    มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ไม่ต้องแหงนหน้าให้เมื่อยคอ
    หลายท่านที่รู้จักมักจะกล่าวหาว่าผมเป็นคน”ปากจัด” บางคนก็ว่าอย่างไม่เกรง
    ใจว่า “ปากหมา” ปากปีจอ ชอบกัด ชอบเหน็บแนม “ แนะแหน” ไปทั่ว แม้เจ้านายก็
    ไม่เว้น บางท่านเคืองพาลจะไม่เผาผีกันก็มี เมื่อมาเขียนหนังสือนิสัยก็ไม่ได้เปลี่ยน ผมก็
    เป็นคนของผมอย่างนี้ เห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรก็จะบอกกล่าว ก็พูดกันตรงๆไม่อ้อมค้อม
    แม้จะไม่ถูกใจใคร แต่ยึดถือความถูกต้อง อย่างนี้ควรจะเรียกปาก “สร้างสรรค์” เสีย
    มากกว่า
    คุยกับ น้องต่อ "รณธรรม ธาราพันธ์" ไม่รู้ว่าชมหรือด่ากันแน่ กล่าวหาว่าตัว
    อักษรของผมติดใบมีดโกนกรีดไปทั่ว แล้วน้องต่อก็หัวเราะ ถามว่าไม่กลัวหรือ? ผมมัน
    เลือดฟันเฟืองเก่า ก็นึกถึงคำกล่าวของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ เมื่อถูกขู่ “กูไม่กลัวมึง”
    “นั่นอาจารย์คึกฤทธิ์นะพี่” “ เออ อย่างน้อยก็มี ฤ เหมือนกันละวะ”
    ใครที่คิดจะทำร้ายผมก็ใจเย็นๆได้ครับ ผมนะฆ่าก็ตาย ไม่ฆ่าก็ตาย อยู่ได้
    ไม่กี่ปีหรอกครับ หมอดูเขาฟันธงว่าผมจะอยู่ได้อีก ๒ ปี เดี๋ยวก็รู้ว่า ธงจะขาดหรือไม่
    เห็นไหมครับตั้งแต่ย่อหน้าแรกมาถึงตอนนี้ ผมกรีดไปหลายคนแล้ว
    มีผู้จดหมายร้องเรียนไปยังคุณอำพล เจน ว่าไปบูชาพระนางพญาทิพย์
    สุวรรณ ที่วัดเกาะสุวรรณาราม แล้วได้รับการต้อนรับที่ไม่ดี พระก็ไม่ได้แล้วยังเสีย
    อารมณ์ เสียศรัทธา พาลจะไม่อยากเข้าวัดต่อไปอีก ผมไม่ทราบท่านไปพบอะไรเข้า
    ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่รายแรกที่เจอ จนผมต้องเอาพระที่มีอยู่มอบให้ไปแทน จนพระที่ผมมีอยู่หมด
    เกลี้ยง หลังจากหลวงพ่อแม้น มรณภาพผมก็ไม่ได้เข้าวัดเลย และคนในวัดผมก็ไม่รู้จัก
    ใคร นอกจากหลวงพ่อองค์เดียว เมื่อรู้ว่ามีของดีจึงแนะนำไป ทราบว่า ทั้งพระนางพญาฯ
    พระสมเด็จฯ ตะกรุด และปลัดขิก ของหลวงพ่อแม้น หมดไม่มีเหลือแล้ว
    การจะไปวัดหรือไปหาครูบาอาจารย์ท่านใด บางครั้งก็ต้องดูจริตของผู้ที่เราไป
    พบด้วยว่าเป็นเช่นใด จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ มิฉะนั้นเราก็จะเกิดทุกข์จากโมหะ เมื่อ
    ครั้งหลวงพ่อคูณ เป็นที่รู้จักกันใหม่ๆ ผู้ที่ไปพบก็รับกันไม่ได้ ครั้นวันเวลาผ่านไปก็เข้า
    ใจว่า “กู” ของท่านหมายถึง “ ผม” หรือ “อาตมา” “ มึง” ของท่าน หมายถึง “โยม” หรือ
    “ท่าน” ก็กลายเป็นว่าหลวงพ่อคูณพูด กู มึง เพราะที่สุดในโลกไป
    ผมเองก็เคยกระเจิงออกจากวัดดังชายทะเล ขับรถไปเกือบ ๒๐๐ กิโลฯ เพื่อ
    เอาชานหมาก ๙ คำมาผสมพระตามคำสั่ง กลับโดนผรุสวาท “กูไม่ให้มึง ชานหมากใคร
    เค้าให้กันง่ายๆ กูให้มึง กูกินลงท้องดีกว่า” ผมโกรธมาหลายปี ไม่เคยเหยียบวัดนั้นอีก
    เลย พร้อมกับเสียงบ่นตามหลังมา “ครูบาอาจารย์มันยังโกรธ” อัตตาในตัวผมสวนกลับ
    ไปว่า “ไม่ใช่อาจารย์กู” ขนาดหลวงตามหาบัว ชานหมากผมยังง้างออกจากปากท่านได้
    แล้วนี่เป็นใคร พระก็ทำให้ฟรีๆ
    ผมโกรธมาหลายปี จริตของคนไม่เหมือนกัน คิดได้อย่างนี้ ความโกรธก็คลาย
    หลวงพ่อบุญมี โชติปาโล วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี ก็เคยทำให้ผู้ที่เข้า
    นมัสการต้องผวา ด้วยคำตำหนิต่างๆนานา ถ้าเราเข้าใจว่าท่านสร้างเกราะป้องกันตัว
    ไม่ให้คนจำนวนมากมารบกวน เพื่อเอาเวลามาปฏิบัติธรรม เราก็จะสบายใจ
    รณธรรม ธาราพันธ์ เคยเล่าให้ฟังว่า มีหนุ่มโคราช ศิษย์หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
    ผ่านไปเมืองอุบลฯ ก็แวะนมัสการหลวงพ่อบุญมี พ่อเงยหน้าหลังจากกราบท่านก็เจอ
    ของแข็ง ลอยมากระทบหัว ท่ามกลางความงุนงงของเจ้าตัว ผลก็แตกซิครับ เมื่อกลับ
    ไปโคราชก็ไปฟ้องหลวงพ่อพุธ เมื่อท่านตรวจแล้วก็ทราบว่าหนุ่มนั้นชะตาขาด หลวง
    พ่อบุญมีท่านทราบ ก็เลยแก้เคล็ดให้ อย่างนี้ก็คงโกรธกันไม่ลง ถ้าเป็นผมคงกลับไปให้
    ท่านปาหัวอีกสักที เผื่อจะได้หายโง่หายบ้าเสียบ้าง
    เรื่องของหลวงพ่อบุญมี โชติปาโล มี “ช็อตเด็ด” อีกมากฝากท่านอาจารย์ใหญ่
    อำพล เจน คนเมืองอุบลฯ ถ้านึกออกก็เขียนเล่าให้แฟนๆอ่านสักที
    เรื่องปากนี่ต้องยกให้หลวงปู่เมฆท่านละ กับวลีอมตะ “ของดีกูไม่มี กูมีแต่ค. .”
    ยังจำติดแน่นสองหู ไม่ได้ทะลุไปไหน คิดถึงทีไร ก็อมยิ้มทุกทีไป
    เรื่องเป่าหัวในงานพุทธาภิเษก ที่เคยเขียนถึง หลวงปู่เมฆท่านจะไม่เป่าให้ใคร
    เด็ดขาด จนกว่าจะเสร็จพิธี นั่นแหละค่อยมาเป่ากันท่านว่า “เจ้าภาพเขาจัดพิธีต้องลง
    ทุน ใช้เงินทองมากมาย เขาไว้ใจเรามาร่วมพิธี เราต้องทำให้เขาก่อน เอาพลังที่เตรียม
    มาใส่ในวัตถุมงคล ให้สมกับที่เขาไว้ใจเรา” จึงน่ายินดี ใครที่มีวัตถุมงคลที่หลวงปู่เมฆ
    เข้าร่วมพิธี ต้องมีพลังขลังของท่านอยู่เต็มเปี่ยมแน่นนอน
    พิธีพุทธาภิเษกครั้งสุดท้ายที่หลวงปู่เมฆ เข้าร่วมคือพิธีที่วัดดวงแข ซึ่งท่าน
    กับหลวงปู่วิเวียนรักใคร่นับถือกัน หลวงปู่ต้องนั่งรถเข็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงอาพาธ
    เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นพิธีใหญ่ มีคณาจารย์ ๖๐ รูป ซึ่งระบือนามใน
    ยุคนั้น ร่วมนั่งปรก ในพิธีครั้งนั้นหลวงปู่ได้ออกจากพิธีเป็นรูปสุดท้าย เรียกว่าเสกทิ้ง
    ทวนกันละ ใครมีพระรุ่นนี้อยู่ในครอบครอง รับรองว่าดีแน่
    เมื่อปี ๒๕๓๐ หลังจากกลับจากร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศน์ฯ หลวงปู่
    เมฆสั่งให้ตามลูกศิษย์ผู้หนึ่งมาพบทันที เมื่อลูกศิษย์ผู้นั้นมาพบ หลวงปู่เปิดฉากทันที
    “ต่อไปนี้มึงไม่ต้องทำพระมาให้กูอีกแล้ว” “ทำไมละหลวงปู่” ถามงงๆ
    “มึงไม่ไว้ใจกู เอาพระของกูไปเข้าพิธีที่วัดบวรฯทำไม?” “หลวงปู่รู้?”
    “เออซิวะ ของๆกูทำไมกูจะไม่รู้” ของที่อยู่ในพิธีคลุมผ้าขาวไว้ เป็นเหรียญรูป
    เหมือนหลวงปู่เมฆ ด้านหลังเป็นรูปฤาษี ผู้สร้างปรารถนาดีเพื่อเพิ่มความเข้มขลัง จึง
    นำไปฝากพิธี นี่แหละเสือที่ไม่ยอมขอเนื้อใครกิน แต่ยอมสละเนื้อของตัวให้
    หลวงพ่อสวัสดิ์ แห่งสำนักเม้าสุขา ชลบุรี ท่านจะปฏิเสธทุกครั้ง ที่มีผู้มาขอให้
    ท่าน “ประสิทธิ์” วัตถุมงคลของท่าน ที่บูชามา “ของทุกอย่างได้ทำมาอย่างดีแล้ว ถ้าไม่
    เชื่อใจกัน ไม่ต้องเอาไป” อหังการเสียไม่มี
    มีหลายท่านสงสัยเรื่องสรรพคุณของ “ไม้เขยตาย” ซึ่งมีอยู่หลายตำนาน ตาม
    แต่ละท้องถิ่นก็เล่าๆ ต่อกันมา แต่ก็คล้ายๆกัน ทางแม่กลองเรียก “ ไม้เขยตาย แม่ยาย
    เป็น”
    แต่หลวงปู่เมฆท่านเรียก “ ไม้เขยตาย แม่ยายตอแหล” ท่านเล่าว่า แม่ยายกับ
    ลูกเขย ออกไปทำนา ระหว่างทางลูกเขยถูกงูเห่ากัด พิษเข้าหัวใจเลยตาย แม่ยายจะ
    แบกศพลูกเขยกลับบ้านไม่ไหวเลยตัดกิ่งไม้ที่อยู่บริเวณนั้น มาคลุมศพลูกเขยไว้
    แล้วกลับบ้านไปตามคนมาช่วยเอาศพลูกเขยกลับบ้าน ยางกิ่งไม้ที่แม่ยายตัดคลุมศพ
    ลูกเขย ก็ไหลเข้าปากลูกเขย ผลลูกเขยก็กลับฟื้นขึ้นมา แม่ยายเมื่อตามคนมาช่วยก็นั่ง
    เกวียนมา แต่พอมาถึงเห็นลูกเขยฟื้น ชาวบ้านเลยหาว่าแม่ยายโกหก เลยเรียกไม้นั้นว่า
    “ ไม้เขยตาย แม่ยายตอแล” นี่ถ้าเป็นแม่ยายบางคน คงถูกบีบคอเป็นของแถม ให้แน่ใจ
    ว่าตายแน่ๆ ก่อนเอาไม้มาคลุม !
    งูกลัวไม้เขยตายจริงหรือไม่ ? ยางไม้เขยตายทำให้คนที่ถูกงูกัดตายฟื้นขึ้นมา
    ได้จริงไม่? คงไม่กล้าชี้ชัด แต่คนรุ่นเก่าแถวบ้านผมเมื่อออกนาต่างห้อยปลัดขิกของ
    หลวงปู่เมฆกันเป็นพวง ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง ก็ไม่เห็นงูมาตอแย ขนาดเป็นฤดูงูผสม
    พันธุ์วางไข่ ซึ่งเป็นช่วงที่งูดุที่สุด เมื่อเห็นรูปหลวงปู่เมฆ นั่งบนงู ไม่ใช่ท่านเกิดปี
    มะโรงนะครับ แต่เป็นความหมายว่า ท่านเป็น “ผู้สยบงู”
    งานประจำปีนมัสการหลวงปู่เมฆ เมื่อปีที่แล้วคุณเรณู ฮิรายาม่า สาวไทยชาว
    เมืองพิจิตร แต่งงานกับหนุ่มคริสเตียนชาวญี่ปุ่น พักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มาบนขอลูก
    กับหลวงปู่เมฆ งานปีนี้คุณเรณู ได้กลับมาอีกครั้งกับทายาทที่อยู่ในครรภ์ พร้อมด้วย
    โชคดีสองชั้น เมื่อตอนตั้งท้องใหม่ๆปรากฏว่าเป็นท้องนอกมดลูก ซึ่งเด็กในท้องไม่มี
    โอกาสรอด คุณเรณูได้ฝนปลัดขิกไม้เขยตายที่ท่านอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์สร้าง มอบให้ไป
    กินกับน้ำ ผลคือเด็กได้เคลื่อนกลับเข้าไปอยู่ในมดลูก สร้างความแปลกใจให้กับคณะ
    แพทย์ชาวญี่ปุ่น ทุกวันนี้สามีชาวญี่ปุ่นของคุณเรณู ห้อยเหรียญหลวงปู่เมฆอย่างเต็ม
    ภาคภูมิลืมไม้กางเขนไปเลย
    ท่านอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเป็นเพราะบารมี ของหลวงปู่เมฆ เพราะท่านจะ
    ทำอะไรก็ขอบารมีของหลวงปู่ทุกครั้ง หลวงปู่สั่งไว้ว่า “ถ้าจะนึกถึงกูให้จุดธูป ๕ ดอก
    ถ้าจะบนให้จุดธูป ๙ ดอก แค่มึงนึกถึงกู เรียก “ปู่” ก็จะสำเร็จ รูปของกู ของๆกูไม่ต้อง
    เสกไม่ต้องทำก็สำเร็จแล้ว”

    เรื่องนี้จะเป็นด้วยสรรพคุณของไม้เขยตาย หรือด้วยพลังบารมีของหลวงปู่
    เมฆ แม้วิทยาการจะก้าวหน้าแต่หลายๆสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ยากที่จะหาเหตุผลทางวิทยา
    ศาสตร์มาอธิบาย
    หลวงปู่เมฆเคยกล่าวว่า “กูยังไม่ตาย กูยังไม่ไปไหน พวกมึงเตรียมสถานที่ไว้ให้
    กูแล้วกูจะมา” ในงานประจำปีของหลวงปู่มีศิษย์มากราบนมัสการมากมาย ท่าน
    อาจารย์อ้วนทั้งเป่า ทั้งรักษาผู้คนไม่หวาดไหว ซึ่งก็จะราบรื่นกว่าปกติ แสดงว่าในช่วง
    งานหลวงปู่ท่านมาอยู่ด้วย
    เมื่อครั้งที่ชายแดนด้านตะวันออกกำลังร้อนระอุ วันหนึ่งก็มีบรรดาทหารพราน
    พากันมาที่วัด เพื่อขอนมัสการหลวงปู่เมฆ บรรดาทหารพรานต่างโชว์ปลัดขิกของ
    หลวงปู่ บอกว่าเพิ่งรอดตายมาจากระเบิดหลังจากที่รับปลัดขิกจากมือหลวงปู่ไม่กี่
    ชั่วโมง ต่างอ้างว่าหลวงปู่ไปแจก ถึงสนามรบที่ตาพระยาเมื่อตรวจวันเวลาที่เหล่า
    ทหารอ้างแล้ว เป็นที่ฮือฮา ปรากฏว่าหลวงปู่นอนอาพาธอยู่ที่กุฏิ !
    เรื่องนี้หลวงปู่ได้แต่หัวเราะฮึๆ ก็แปลกดีนะ
    หลวงปู่เมฆนับถือหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มาตั้งแต่บวชครั้งแรก ท่านจึงแวะ
    เวียนไปมาหาสู่เสมอ แม้เมื่อสึกออกมาก็ยัง ไปมาหาสู่อยู่ ท่านจึงสนิทสนมกับทางวัด
    บางนมโค และแถบคลองบางบาล เมื่อกลับมาบวชอีกครั้ง ท่านจึงมีลูกศิษย์เป็นคน
    แถบคลองบางบาล อยู่หลายรูป เช่น ท่านพระอาจารย์สมศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดปากแพรก
    จังหวัดระยองก็เป็นศิษย์อีกรูปหนี่ง
    หลวงปู่เมฆได้พบอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครั้งเป็นสามเณรอยู่กับท่านอาจารย์สม
    ศักดิ์ จึงชวนมาอยู่ด้วย แล้วถ่ายทอดสรรพวิชาให้ ท่านอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ มีศักดิ์เป็น
    หลานหลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา ท่านอาจารย์อ้วนจึงเป็นสายใยที่ทอดระหว่างวัด
    ลำกระดาน กับย่านคลองบางบาล
    หลวงพ่อเมี้ยนท่านนับถือหลวงปู่เมฆ ท่านรู้จักกันตั้งแต่หลวงปู่ยังครองเพศ
    ฆารวาส ในฐานะผู้เรืองเวท เมื่ออาจารย์อ้วนกลับบางบาลครั้งใด ท่านมักจะฝากกราบ
    นมัสการหลวงปู่เมฆเสมอๆ
    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเมี้ยนสั่งให้อาจารย์อ้วนเอาของที่ท่านขอหลวงปู่เมฆไว้มาให้
    ด้วย ถ้าจะกลับมาที่บางบาลครั้งต่อไป ท่านอาจารย์อ้วนก็นำของที่หลวงปู่เมฆให้เอา
    ไปถวาย หลวงพ่อเมี้ยนสั่นหัว “ไม่ใช่อันนี้ บอกหลวงตาเมฆด้วย” ท่านอาจารย์อ้วนก็
    นำความไปบอกหลวงปู่เมฆ “อ้ายนี่มันพิเรนท์ มันจะเอาปลัดขิกไปกัดกัน” หลวงปู่
    เมฆบ่น ผมเองก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเมี้ยนท่านจะเอาปลัดขิกไปกัดกันอีท่าไหน แต่ก็พอรู้ว่า
    ผู้ทรงวิชาท่านมักมีของเล่นแปลกๆเสมอ ก็หลวงพ่อเมี้ยนนี่แหละที่หลวงปู่เมฆเคย
    ประกาศว่า “ในแถบคลองบางบาล กูยกให้อ้ายเมี้ยนมันคนเดียว”
    วัตถุมงคลของหลวงปู่เมฆเริ่มออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นเหรียญเสมาใหญ่
    เสกเสาร์ ๕ รุ่นบูชาครู ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่นิด กุสุโล วัดสะพาน พระอาจารย์ของ
    ท่านสำหรับพระเครื่องที่ออกที่วัดลำกระดาน เป็นเหรียญ นับเนื่องได้ ๙ รุ่น รูปหล่อ
    ลอยองค์ ๒ รุ่น ล็อคเก็ต ๒ รุ่น นอกนั้นเป็นของที่ขอบารมีสร้าง มีทั้งสร้างล้อพิมพ์ของ
    วัด และสร้างขึ้นใหม่ ให้ดูที่โค๊ดเป็นสำคัญ ทางวัดจะใช้ “อุ” กับ “มะ” นอกนั้นไม่ใช่ครับ
    เมื่อเสี่ยแหยคนดังต้องจบชีวิตด้วยระเบิดรีโมท กำนันแดง เมืองจันทบุรีได้
    มากราบขอของดีจากหลวงปู่เมฆ หลวงปู่ดูแล้วบอก “เอ็งนี่มันไม่ธรรมดา” ท่านได้ให้
    เหรียญสี่เหลี่ยมรุ่นปีพิเศษปี ๒๕๒๙ ไป ก็เหรียญที่ผมเคยบอกว่าทดลองยิงแล้วลูกปืน
    ไหลออกทางปากกระบอกปืน ท่านบอกกับกำนันแดงว่า “กันรีโมทได้” หลังจากหลวงปู่
    ละสังขารได้ ๒ ปี กำนันแดงก็โดนระเบิดรีโมทเหมือนเสี่ยแหย แต่ที่ไม่เหมือนคือกำนัน
    แดงแค่กระดูกเข่าแตกเอง
    เหรียญรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ ทั้งการเสกการสร้าง หลวงปู่ตั้งใจเสกเป็นพิเศษ จึงมี
    ประสบการณ์ “ขลัง”มาก ท่านบอกเอาไว้ป้องกันตัวไม่ใช่ให้ไปเป็นนักเลง ท่านจึงสั่งให้
    เก็บเหรียญรุ่นนี้ไว้จำนวนหนึ่ง ให้นำออกมาเมื่อจำเป็น
    พระเครื่องของหลวงปู่เมฆ มีประสบการณ์ “ขลัง” ทุกรุ่นท่านจึงเป็นขวัญใจของ
    ทหารรั้วของชาติในยุคนั้น เมื่อวันงานประจำปีที่ผ่านมา มีทหารลูกศิษย์ของหลวงปู่ มา
    เล่าให้ฟัง บ้านโดนยิงด้วยปืนบาซูก้า บ้านนะพัง อะไรจะไปต้านไหว แต่คนนี่ซิยังเดิน
    ป๋อมาคุยให้ฟุ้งว่ารอดเพราะอะไรเป็นรูปเหมือนลอยองค์ รุ่นที่ ๒ พร้อมยกนิ้วหัวแม่
    โป้งให้ “ผมละเชื่อเลย”
    ปีพ.ศ.๒๕๒๓ มีหนังสือพระฉบับหนึ่งมาขออนุญาตหลวงปู่ สร้างเหรียญเสมารุ่น
    ไตรมาส วัตถุประสงค์ เพื่อให้ท่านแจก แต่เมื่อเสกเสร็จครบไตรมาส กลับจะออก
    จำหน่าย ท่านเห็นผิดคำพูดจึงสั่งให้ยึดเหรียญรุ่นนี้ แล้วนำไปฝังไว้ที่หลุมลูกนิมิตหลุม
    เอกกลางพระอุโบสถ ท่านบอก “ไม่รักษาสัจจะ กูไม่ใช่พ่อค้า” วัตถุมงคลของท่านจะ
    หนักไปในทางแจก จึงขลังนัก
    มีช่วงปีใหม่ผมได้ไปศูนย์บูชาวัตถุมงคล ที่วัดใหญ่แห่งหนึ่ง เห็นกองวัตถุมงคล
    บรรจุภัณฑ์สวยงาม ที่สะดุดตาคือแถบ “บาร์โค้ด” ที่ติดอยู่ ใจคิดทุกวันนี้วัตถุมงคล
    กลายเป็นสินค้า เหมือนที่ขายตามห้างไปแล้วหรือนี่ ไม่ได้คิดว่าเป็นความทันสมัยอะไร
    หรอกครับ อีกหน่อยมิต้องมี ISO. ควบคุมการผลิต รับรองมาตรฐาน กันเสียแล้วหรือนี่
    ต่อไปเราคงจะได้เห็นมีผู้ร้องเรียน ฟ้องศาลว่า “สินค้าไม่ได้คุณภาพ” เหมือนที่โฆษณาไว้
    “รุ่นนี้มีแล้วรวย” คนเอาไปใช้ไม่เห็นรวยแต่คนสร้างรวยเอารวยเอา
    อย่าทำเป็นเล่นไปนะครับ ก็ขนาดทุกวันนี้เรื่องรูปลักษณ์ ก็ยังฟ้องร้องเรื่อง
    ละเมิดลิขสิทธิ์กัน
    เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ที่ผ่านมา พระครูสุวรรณพัฒนกิจ (ขุนทอง สฺจจาโร) ท่าน
    ได้สั่งให้เปิดกรุที่หลุมลูกนิมิตนำเหรียญเสมาเล็กออกมา และยังสั่งให้เปิดกำปั่นเหล็กที่
    เก็บเหรียญสี่เหลี่ยมรุ่นพิเศษ และเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าพระพุทธชินราช ด้านหลังรูป
    หลวงปู่ ออกมาให้พระอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อมอบให้กับผู้ที่รับเป็นเจ้าภาพ ในงานพิธี
    บรรจุสังขารของหลวงปู่ ณ มณฑปที่สร้างเสร็จแล้ว
    งานเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๑-๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๙ มีพระแจงมาติกา ๕๐๐ รูป นับ
    ว่ายิ่งใหญ่สมกับที่หลวงปู่ได้สร้างคุณประโยชน์ไว้มากมาย ซึ่งงานนี้ต้องใช้ปัจจัย
    จำนวนมาก จึงต้องบอกบุญหาเจ้าภาพ
    สำหรับท่านที่รับเป็นเจ้าภาพบริจาค ๑,๐๐๐ บาท จะได้รับเหรียญ ๔ เหลี่ยม
    รุ่นพิเศษปี ๒๕๒๙ อันลือลั่น ๑ เหรียญ
    ท่านที่รับเป็นเจ้าภาพบริจาค ๕๐๐ บาท รับเหรียญเสมาปี ๒๕๒๗ หรือ
    เหรียญพระชินราช ปี ๒๕๓๑ เหรียญใดเหรียญหนึ่ง
    ติดต่อบริจาคได้ที่พระอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ ถาวรคุโณ หรือกรรมการทุนนิธิหลวงปู่
    เมฆ โทร. ๐-๒๙๙๓-๐๐๓๖ สำหรับท่านที่เคยสอบถาม วัตถุมงคล “ ธนบดีคุ้มทรัพย์
    สาลิกาป้อนเหยื่อ” ที่ผสมผงสาลิกาทิพย์สุวรรณ ก็ออกให้บูชาแล้วครับ นัยว่ามี
    ประสบการณ์ด้านค้าขายดี
    สมาชิกชาวสวนขลัง รีบไขว่คว้ามาเถอะครับของดีของแท้ ที่ไม่ต้องกังขาว่า “
    เงินของเราก็เป็นเงินแท้ๆ แต่ไหงได้ของปลอมมาหว่า” นอกจากนั้นเรายังได้ผลบุญ
    จากการบริจาคครั้งนี้ด้วย
    และผมก็มีข่าวดีอีกครั้งท่านพระอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ ท่านได้เมตตามอบ “ข้าว
    ยอดฉัตรมหามงคล ” ทอง เพิ่ม พูน ประหยัด ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นยอดขุนพล
    ผ่านการเสกจากหลวงพ่อทองฯ วัดลำกระดาน หลวงพ่อเพิ่มฯ วัดป้อมแก้ว หลวงพ่อ
    พูนฯ วัดบ้านแพน หลวงพ่อ ประหยัดฯ วัดลำกระดาน ข้าวยอดฉัตรนี้เป็นโภคทรัพย์
    ครับ มีไว้ติดบ้านติดตัวดีแน่ อย่าช้าครับ
    กติกาเดิม ส่งจดหมายมาที่ผม กฤปาจารย์ ๖๕/๑ หมู่๑๑ ต.ลำลูกกา อ.ลำ
    ลูกกา จ.ปทุมธานี ๑๒๑๕๐ และอย่าลืมสอดซองเขียนที่อยู่ของตัวท่านเอง ติดแสตมป์ ๓
    บาท นะครับไม่ใช่ ๒ บาท มิฉะนั้นผมถูกปรับ และกรุณาอย่ายัดซองมาหลายๆซอง
    น้ำหนักเกินผมถูกปรับอีก และขอความกรุณาอย่าใช้ซองของทางราชการเลยครับ
    เบียดบังของหลวงบาปครับ...

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญไตรมาสหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน ปี2527 ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ(ปิดรายการ)

    ลป.เมฆ.JPG ลป.เมฆหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2019
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ไม่ตอกโค๊ต
    เหรียญนี้สร้างในปี2504 ปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์ในสมัยนั้น เช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง หลวงพ่อสุด วัดกาหลง เป็นต้น ซึ่งได้แจกไปบางส่วนไม่ถึง10%

    ส่วนที่เหลือได้นำมาให้หลวงปู่เดินหนปลุกเสกอีกครั้ง โดยคุณดอกดิน กัลยามาลย์ คุณมิตร ชัยบัญชา คุณภาวนา ชนะจิต เป็นต้น เพื่อแจกให้ผู้เข้าชมภาพยนต์เรื่อง วิญญาณรักดอกประดู่ ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กองทัพเรือ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มา อย่างสูงครับ

    ให้บูชาเหรียญละ 500 บาทค่าจัดส่งEMS50 ครับ มี 2 เหรียญครับ

    เหรียญที่1

    %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%821-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%821%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
    เหรียญที่2

    %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%822-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%822%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu

    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบ หรือทางPMไม่ต้องโพสหลักฐานให้เสียเวลา สมัยนี้โลกออนไลน์ตรวจสอบง่ายหลอกกันยาก แล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  8. wangbao

    wangbao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +151
    ได้รับวัตถุมงคลเรียบร้อยครับ
    ขอบคุณมากครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญสรงน้ำหลวงพ่อแสวง วัดหนองอีดุก สรรคบุรี ชัยนาท ศิษย์หลวงพ่อกวย วัดบ้านแคอีกองค์ครับที่ทันตัวหลวงพ่อ

    ให้บูชา 150บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ (ปิดรายการ)

    e0-b8-a5-e0-b8-9e-e0-b9-81-e0-b8-aa-e0-b8-a7-e0-b8-87-jpg-jpg.jpg 0-b8-a5-e0-b8-9e-e0-b9-81-e0-b8-aa-e0-b8-a7-e0-b8-87-e0-b8-ab-e0-b8-a5-e0-b8-b1-e0-b8-87-jpg-jpg.jpg

    เหรียญรุ่น2 หลวงพ่อแสวง วัดหนองอีดุก

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ (ปิดรายการ)

    ลพ.แสวง.JPG ลพ.แสวงหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2019
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    189-03c8.jpg

    หลวงปู่โง่น โสรโย

    สถิต ณ วัดพระพุทธบาทเขารวก ต.วังหลุม อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร

    ฉายา
    โสรโย
    อุปสมบท
    พ.ศ. ๒๔๘๒ ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม

    หลวงปู่โง่น โสรโย อุปสมบทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยมี ท่านเจ้าคุณสารภาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาพรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทปีแรก พระอุปัชฌาย์ และ พระอาจารย์ผู้อุปการะคือ หลวงพ่อวัง ได้ร้องขอและส่งให้ไปอยู่กับพระสหายของท่าน คือ เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ธมมญาโณ ที่วัดสุวรรณารามราชมหาวิหาร นครหลวงพระบาง ราชอาณาจักรลาว ซึ่งต่อมา เจ้าบุญทัน บุปผรัตน์ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช แห่งราชอาณาจักรลาว ต่อมากรุงเวียงจันทน์แตกใน พ.ศ. ๒๕๑๘ พระองค์ได้เสด็จลี้ภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. ๒๕๒๘

    พิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่โง่น โสรโย
    ณ เมรุชั่วคราว วัดพระพุทธบาทเขารวก
    อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร
    จาก หนังสือโลกทิพย์ ฉบับที่ ๓๘๘ ปีที่ ๒๒ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๕

    วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ คณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนผู้มีความเคารพนับถือได้ร่วมกันประกอบพิธีใน การพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่โง่น โสรโย ณ เมรุวัดพระพุทธบาทเขารวก ตำบลทับคล้อ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่โง่น โสรโย ในครั้งนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่คณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ มิตรญาติ อย่างหาที่สุดมิได้

    หลวงปู่โง่น โสรโย ได้อุบัติมาใช้ชีวิตในสมณเพศ บำเพ็ญประโยชน์และคุณูปการแก่ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา ตลอดถึงสังคมทุกระดับอย่างดียิ่ง เป็นเนติแบบอย่างอันงดงามของผู้ที่จะบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองด้วย ความสะอาดบริสุทธิ์ยุติธรรม มีความกตัญญูกตเวทีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นชีวิตจิตใจ หลวงปู่มีอัธยาศัยเปี่ยมล้นด้วยเมตตา สันโดษ รักสงบ เสียสละ ตามวิสัยของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้ฉลาดในอุบายแนะนำสั่งสอนเหล่าประชากรโดยพุทธวิธี มีกุศโลบายในการรักษาตนให้พ้นจากภัยพิบัติทั้งภายนอกและภายใน มีทัศนวิสัยในการปฏิบัติที่สมสมัย มีจิตใจใฝ่รู้วิชาทุกแขนง นำมาแก้ไขดัดแปลงก่อให้เกิดประโยชน์โสตถิผล ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ทำความแช่มชื่นให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น มีความเยือกเย็นเป็นสุขใจแก่ผู้เข้าใกล้ ด้วยเมตตาบารมีธรรมของท่านอย่างน่าอัศจรรย์

    หลวงปู่โง่น โสรโย อุปสมบทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยมี ท่านเจ้าคุณสารภาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาพรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทปีแรก พระอุปัชฌาย์ และ พระอาจารย์ผู้อุปการะคือ หลวงพ่อวัง ได้ร้องขอและส่งให้ไปอยู่กับพระสหายของท่าน คือ เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ธมมญาโณ ที่วัดสุวรรณารามราชมหาวิหาร นครหลวงพระบาง ราชอาณาจักรลาว ซึ่งต่อมา เจ้าบุญทัน บุปผรัตน์ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช แห่งราชอาณาจักรลาว ต่อมากรุงเวียงจันทน์แตกใน พ.ศ. ๒๕๑๘ พระองค์ได้เสด็จลี้ภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. ๒๕๒๘

    ส่วน หลวงปูโง่น โสรโยในขณะนั้นเป็นพระนวกะ ได้เรียนนักธรรมและบาลีแบบลาว ซึ่งเจ้ายอดแก้ว บุญทัน ทรงรักใคร่โปรดปรานมาก เพราะดั้งเดิมเป็นสายญาติกัน และใช้งานได้คล่อง พูดไทยได้เก่ง เว้าลาวได้ดี ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสก็อาศัยได้ เพราะในระยะนั้นประเทศลาว ยังเป็นอาณานิคม เมืองขึ้นของฝรั่งเศส ท่านจึงต้องการให้พระภิกษุที่เข้ากับชาวต่างชาติรู้เรื่อง อยู่ด้วย เมื่อเวลาว่างท่านให้เข้าป่าเพื่อแสวงหาต้นไม้ที่เป็นยาสมุนไพร เพราะพระองค์ท่านทรงสนใจรับรู้ในเรื่องยาสมุนไพรมาก ตอนเข้าไปในป่าถึงเขตทุ่งไหหิน โดนทหารลาวและทหารฝรั่งจับในข้อหาเป็นจารชนจากเมืองไทยไปสืบความลับ ถูกขังคุกขี้ไก่ ๓๐ วัน พร้อมพระลาว ๒ รูป กับเด็กอีก ๑ คน เด็กคนนั้น คือ เจ้าสิงคำ ซึ่งต่อมาก็คือ ท่านมหาสิงคำ ผู้ทำงานช่วยพวกลาวอพยพร่วมกับสหประชาชาติ อยู่ที่วัดยานนาวา กรุงเทพฯ ท่านจึงไปมาหาสู่บ่อย เพื่อขอความช่วยเหลือให้พี่น้องชาวลาว หลวงปู่โง่นก็ได้ช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ความสามารถจะมี

    เรื่องการติดคุกขี้ไก่อยู่เมืองทุ่งไหหินนั้นสนุกมาก เขาเอาไก่ไว้ข้างบน คนและพระอยู่ข้างล่าง ไก่ขี้ใส่หัวตลอดเวลา เหม็นก็เหม็น ทรมานก็ทรมาน สนุกก็สนุก ได้ศึกษาธรรมไปในตัว ความทราบถึงเจ้ายอดแก้ว พุทธชิโนรสสกลมหาสังฆปาโมกข์ ท่านได้ร้องขอให้ปล่อยตัว แต่ทหารปล่อยเฉพาะพระลาว ๒ รูป กับเด็ก ๑ คน ส่วนหลวงปู่โง่นเขาไม่ปล่อย เพราะเข้าใจว่าเป็นคนไทย ด้วยเหตุที่พูดไทยได้เก่ง ทั้งนี้ ขณะนั้นเป็นช่วงระหว่างสงครามอินโดจีน ฝรั่งยุให้คนไทยกับคนลาวเป็นศัตรูกัน เห็นคนไทยก็จับขังหรือฆ่าทิ้งเสีย จึงมารู้ตัวเข้าคราวหลังว่า เรามันคนปากเสีย ปากพาเข้าคุก เพราะพูดภาษาไทย

    ภายหลังสมเด็จพระสังฆราชลาว ท่านออกใบสุทธิให้ใหม่ โอนเป็นพระลาวเป็นคนลาวไป เขาจึงปล่อยตัวออกมา แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของพวกนักสืบอยู่นั่นเอง จึงกราบทูลลาผู้มีพระคุณ หาทางมุ่งกลับเมืองไทย แต่ไม่รู้จะมาอย่างไร จึงตัดสินใจไปพบคนที่รู้จักรักใคร่คือ ท้าวโง่น ชนะนิกรซึ่งเป็นข้าราชการลาวอยู่ในระยะนั้น ทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง มีแต่หลุมหลบภัยและเสียงปืน ที่พี่ไทยกับน้องลาวยิงกันไม่ขาดระยะ ต้องธุดงค์ปลอมแปลงตัว เดินเลียบชายฝั่งแม่น้ำโขงลงมาทางใต้ ถึงใกล้เมืองท่าแขก ได้รับความช่วยเหลือจากพระลาวที่รู้จักกัน คือ ครูบาน้อย หาทางให้ได้เกาะเรือของชาวประมงข้ามฝั่งมาไทย พอถึงแผ่นดินไทยก็โดนร้อยตำรวจเอกเดช เดชประยุทธ์ และ ร้อยตำรวจโทแฝด วิชชุพันธ์ จับในข้อหาเป็นพระลาวหลบเข้ามาสืบราชการลับในราชอาณาจักรไทย ถูกจับเข้าห้องขัง ฐานจารชน อยู่ ๑๐ วัน ร้อนถึงพระพนมคณานุรักษ์ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าเมือง ได้เจรจาให้หลุดรอดออกมา

    พอพ้นจากห้องขังมาได้ ก็เข้ากราบพระอุปัชฌาย์คือ ท่านเจ้าคุณสารภาณมุณี สั่งให้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมพระกรรมฐานกับ พระอาจารย์วัง ที่ถ้ำไชยมงคล ภูลังกา และไปหา พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ตอนเข้าพรรษา พระอุปัชฌาย์ให้มาจำพรรษาอยู่วัดอรัญญิกาวาส จังหวัดนครพนม

    เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ สอบได้นักธรรมตรี พ.ศ. ๒๔๘๖ สอบได้นักธรรมโท พ.ศ. ๒๔๘๗ สอบได้นักธรรมเอก ต่อมาหนีออกธุดงค์เข้าถ้ำ จำพรรษาที่ถ้ำบ้านยางงอย อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม กับอาจารย์สน อยู่ ๑ ปี พระอุปัชฌาย์รู้ข่าวเรียกตัวกลับ สั่งให้มาอยู่วัดอรัญญิกาวาส จังหวัดนครพนม โดยบังคับให้เป็นครูสอนนักธรรมโท อยู่วัดศรีเทพ ๒ ปี เพราะวัดทั้งสองอยู่ใกล้กัน ไปกลับได้สบาย ผลของการสอนได้ผลดีมาก นักเรียนสอบได้ยกชั้นทั้ง ๒ ปี พระอุปัชฌาย์ชมเชยมาก และปีต่อมาได้เปลี่ยนเป็นครูสอนนักธรรมเวลาเช้า ส่วนเวลาบ่าย หลวงปู่เป็นนักเรียนบาลีไวยากรณ์

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ สอบเปรียญธรรม ป.ธ.๓ แต่ต้องตกโดยปริยาย เพราะข้อสอบรั่วทั่วประเทศ จึงต้องสอบกันใหม่ เกิดความไม่พอใจในวิธีการเรียนแบบสกปรก จึงย้อนกลับไปพึ่งใบบุญของสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศลาว และได้ตั้งใจเรียนแบบลาว สอบเทียบได้เปรียญ ๕โดยสมเด็จพระยอดแก้วสกลมหาปรินายก ออกใบประกาศนียบัตรให้ จากนั้นท่านสั่งให้ไปเรียนต่อที่ประเทศพม่า พอดีขณะนั้นพระภิกษุสงฆ์ในพม่าพากันเดินขบวนขับไล่รัฐบาลของอูนุ มีการจับพระชาวต่างชาติเข้าคุก หลวงปู่โง่นก็พลอยโดนด้วย แต่โชคดีที่พระมหานายกของพม่า คือ ท่านอภิธชะมหา อัตฐะคุรุ ได้ขอร้องและทำใบเดินทางให้เข้าประเทศอินเดีย เลยเข้าไปเมืองฤๅษีเกษ แคว้นแคชเมียร์ ไปฝึกฝนอบรมวิชาโยคะ ๑ ปี เมื่อมีเพื่อนนักโยคะชักชวนขึ้นไปเมืองยางเซะ และเมืองลาสะ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศธิเบต เพื่อศึกษาภูมิประเทศ และหลักการทางพระพุทธศาสนามหายาน

    พ.ศ. ๒๔๙๔ กลับมาเมืองไทย ท่านเจ้าคุณรัชมงคลมุนี วัดสัมพันธวงศ์ ส่งให้ไปเป็นหัวหน้าก่อสร้างพระอุโบสถจตุรมุขหลังใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ที่วัดสารนาถธรรมาราม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง อยู่ได้ ๕ ปี พระอุโบสถจวนเสร็จ ขออำลาหนีไปพักผ่อนชั่วคราว ไปพักอยู่กับญาติๆ ที่เมืองอังกานุย ประเทศนิวซีแลนด์ แล้วไปอยู่แคนเบอร่า ประเทศออสเตรเลีย อยู่แห่งละ ๑ ปี แล้วไปอาศัยอยู่กับญาติโยมเก่า ที่เขาเคยอุปการะอยู่ประเทศลาว ที่เมืองรียอง ประเทศฝรั่งเศส

    พ.ศ. ๒๔๙๘ กลับเมืองไทย ไปช่วยท่านมหาโฮม คือ เจ้าคุณราชมุนี วัดสระประทุม ที่ปากช่อง จากนั้นเดินธุดงค์เข้าป่าเข้าถ้ำหลายแห่ง คือ ถ้ำเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ถ้ำตับเต่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วล่องใต้ไปอยู่ถ้ำจัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ถ้ำขวัญเมือง อำเภอสวี จังหวัดชุมพร แล้วมาถ้ำมะเกลือ เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นขึ้นถ้ำฤๅษี (ถ้ำมหาสมบัติ) ถ้ำเรไร จังหวัดเพชรบูรณ์

    ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ หลวงพ่อแพร คือ ท่านเจ้าคุณเพชราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์องค์ก่อน ได้นิมนต์มาสร้างโรงเรียนประชาบาล วัดท่าข้าม และสร้างพระประธานใหญ่ ไว้ที่เขตอำเภอชนแดน แล้วท่านร้องขอให้ไปอยู่แคมป์สน เขตอำเภอหล่มสัก อยู่ได้ปีเดียว ท่านเจ้าคุณวิมลญาณเวที วัดมงคลทับคล้อ ซึ่งเป็นเครือญาติกันมาก่อน ขอให้มาสร้างฌาปนสถาน และบูรณะศาลาการเปรียญวัดมงคลทับคล้อ พอเสร็จเรียบร้อย ท่านร้องขอให้มาช่วยเหลือประจำอยู่วัดพระพุทธบาทเขารวก เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ เพราะเป็นแดนทุรกันดาร หน้าแล้ง จะขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ ด้วยความเห็นชอบและเลื่อมใสของท่านเจ้าอาวาส ตลอดจนญาติโยม ได้ลงมือพัฒนาสถานที่นี้ให้ได้รับความสะดวกสบายขึ้นหลายอย่าง อาทิ ได้ขุดสระกักเก็บน้ำไว้ในบริเวณหมู่บ้าน เก็บน้ำให้ชาวบ้านไว้ใช้ตลอดปี สร้างถนนจากบ้านวังหลุมถึงเขารวก เป็นระยะทาง ๕.๕ กิโลเมตร และสร้างโรงเรียนประถมศึกษา เป็นอาคารชั้นเดียว ยาว ๕๐ เมตร มีห้องเรียน ๘ ห้อง อีกทั้งปั้นหล่อรูปสมเด็จพระปิยมหาราชไว้ที่หน้าเสาธง มีขนาด ๑ เท่าครึ่ง ตั้งอยู่ตลอดจนถึงทุกวันนี้ วันที่ ๒๓ ตุลาคม ของทุกปี จะให้มีพิธีถวายบังคมพระบรมรูป และแจกทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนไม่น้อยกว่าปีละ ๑๐๐ ทุน ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท ตลอดมาจนทุกวันนี้

    หลวงปู่ได้แปรผันสังขารของท่านเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๔๒ รวมสิริชนมายุได้ ๙๔ ปีเศษ นับว่ามีอายุมากในปัจจุบัน แต่สังขารของหลวงปู่ไม่แก่เฒ่าอย่างที่ทุกคนคิด เพราะท่านมีวิธีรักษาจิต เพื่อชะลอความแก่ไว้ด้วยธรรมสมบัติ มีธรรมสมบัติเป็นจิตใจ จึงเป็นใจที่สงบ อันใจที่สงบนั้น ย่อมไม่แก่ชราคร่ำคร่าดังพระพุทธภาษิต ว่า สตญฺจ ธมโม นชรํ อุเปติ ธรรมของผู้มีใจสงบนั้น ย่อมไม่เข้าถึงความแก่ชราคร่ำคร่า ก็คือการชะลอความแก่ไว้ด้วยธรรมสมบัตินั่นเอง

    คนส่วนมากมักปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรม แต่หลวงปู่ท่านใช้ชีวิตของท่านเดินย้อนรอยกรรม โดยการนำตัวแฝงเข้ามาเป็นอุปกรณ์การเดินทางเพื่อย้อนรอยกรรม จึงทำให้ชีวประวัติของท่านโดดเด่น โลดโผน เป็นวรธรรมคติแก่ผู้ศึกษาและปฏิบัติได้เป็นอย่างดี

    อันปฏิปทาของหลวงปู่โง่น โสรโย นั้น ตรงกับคำว่า “ปะฐะ วิปปะภาโส” แปลว่า ผู้ยังพื้นปฐพีให้สว่างไสว เหมือนดวงอาทิตย์อุทัยที่เป็นดวงตาของโลก มีความชื่นชมยินดีเป็นที่รวมใจ มีรัศมีสีทองผ่องอำไพส่องโลกนี้ เป็นคาถาที่ปรากฏใน โมรปริตร์ ถ้าคิดถึงหลวงปู่ก็ให้เจริญมนต์บทนี้ จะได้รับความคุ้มครองจากธรรมสมบัติตามปฏิปทาบารมีของหลวงปู่โง่น โสรโย เหมือนท่านอยู่กับเราในฐานะตัวแฝง ตลอดไป
    (ข้อมูลจากหนังสือ พระราชทานเพลิงศพ)



    ข้อมูลอ้างอิงจาก : phuttha.com
    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-ngon/lp-ngon-hist.htm
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปหลวงปู่โง่นหลังยันต์มหาลาภลาภให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ (ปิดรายการ)

    ลป.โง่น.JPG ลป.โง่นหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2019
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,335
    ค่าพลัง:
    +6,401
    ขอจองครับ
     
  12. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,335
    ค่าพลัง:
    +6,401
    ขอจองครับ
     
  13. pang2562

    pang2562 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +117
    จองครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    พระผงสองสมเด็จแจกในการครบรอบนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ครบรอบ10ปี เมื่อพ.ศ. 2538 พิธีใหญ่นับร้อยพิธ๊ ทั้งเสกเดี่ยวเสกหรวม แถบจะทุกเกจิ ทุกภาคในปีนั้น เตรียมการหลายปี มวลสารมากมาย
    (ิปิดรายการ)

    สมเด็จ.JPG สมเด็จหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2019
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318

    a.jpg
    https://palungjit.org/threads/ใครรู้จักหรือเคยไปวัดถ้ำดาวเขาแก้วขอรายละเอียดด้วยครับ.93312/



    https://www.thairath.co.th/content/821106

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อประทวน ถ้ำดาวเขาแก้ว ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.ประทวน.JPG ลพ.ประทวนหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2019
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่พวง สุวีโร ( พระครูวีรธรรมานุยุต )

    1647-c416.gif วัดป่าปูลูสันติวัฒนา
    ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี

    นามเดิม พวง สีทะเบียน

    เกิด วันจันทร์ ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑ ตรงกับวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ปี มะโรง บ้านเกิด ณ บ้านปูลู ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
    บิดามารดา นายจุ่น สีทะเบียน และนางมา ขันตีพันธุวงศ์ พี่น้อง ทั้งหมด ๑๔ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๘

    บรรพชา เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓

    อุปสมบท วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ เวลา ๑๕.๔๐ น. ณ อุทกุกเขปสีมากลางน้ำหนองแวง อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร โดยมีพระครูพุฒิวราคม (พุฒ ยโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    เรื่องราวในชีวิต เมื่อท่านอายุได้ ๑๖ ปี ได้ทำงานประมงบ้าง ทำงานต้มสุราบ้าง ไม่นานก็ได้ยินข่าวว่ามารดาป่วยหนักจึงลางานไปเยี่ยมมารดา ก่อนมารดาของท่านจะสิ้นลม ได้สั่งท่านว่า “บวชให้แม่นะ ถ้าลูกไม่บวชให้ แม่จะตายตาไม่หลับ” ท่านยก็รับปากแล้วมารดาก็สิ้นใจ ด้วยจิตศรัทธาอยากจะบวชอยู่แล้ว ในช่วงที่รอเวลาเหมาะที่จะบวชอยู่นั้น ท่านได้แสวงหาฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์อยู่เรื่อย ๆ เช่น ไปฟังธรรมะพระอาจารย์สิงห์ สหธมฺโม พระอาจารย์พร สุมโน พระอาจารย์สีลา เทวมิตโต เมื่อ ถึง พ.ศ.๒๔๙๐ ท่านได้นุ่งขาวห่มขาวอยู่กับพระอาจารย์สีลา เทวมิตโต อยู่ถึง ๒ ปี จึงได้บวช ในช่วงระยะนั้นท่านยังได้ฟังธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่มาแวะเวียนธุดงค์อยู่แถวนั้นด้วย อีกทั้งยังเป็นช่วงที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตอาพาธหนัก ท่านได้ช่วยหามหลวงปู่มั่นไปจนถึงวัดป่าสุทธาวาส และหลวงปู่มั่นก็มรณภาพ ณ ที่นั่น ท่านจึงได้อยู่ช่วยงานถวายเพลิงศพหลวงปู่มั่นจนแล้วเสร็จจึงได้บวช

    หลังจากอุปสมบทแล้วท่านได้ออกปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ได้ออกธุดงค์กรรมฐานไปในเขตหลายจังหวัด ทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือ และได้รับการอบรมกรรมฐานจากครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร เป็นต้น และได้มาก่อตั้งวันป่าปูลูสันติวัฒนา ที่บ้านปูลู ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่พวง สุวีโร มีสหธรรมมิกที่เคยร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกัน หลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร หลวงปู่ท่อน ญาณธโร หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม เป็นต้น

    ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัยองค์หนึ่ง และปฏิปทาอันสืบทอดมาจากองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเป้นกำลังสำคัญในการเผยแผ่ศาสนาธรรม คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กระจายไปทั่วทั้ง ๘ ทิศ ด้วยน้ำเสียงและสำนวนการเทศนาที่ไพเราะน่าฟังของท่านเป็นเหตูให้มีผู้เลื่อง ใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาและองค์ท่านเป็นจำนวนมาก ท่านได้ถึงแก่มรณภาพในขณะกำลังนั่งภาวนา ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ

    มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๖ เวลา ๐๙.๕๐ น. ด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ
    ข้อมูลพิเศษ * คู่นาคที่บวชพร้อมกับหลวงปู่ในครั้งนั้น คือ พระราชญาณมุนี (บุญมี ฐิตปุญโญ) เจ้าคณะจังหวัดสกลนครองค์ปัจจุบัน(พ.ศ. ๒๕๕๐)

    ธรรมโอวาท
    “...คนจะดีหรือเลวก็เพราะจิตนี่แหละเป็นตัวการอันสำคัญ เพราะจิตเป็นธรรมชาติอันวิจิตร จึงทำให้สัญญาคือความจำวิจิตร เพราะสัญญาวิจิตรจึงทำให้ตัณหาวิจิตร เพราะตัณหาคือความทะเยอทะยานอยากวิจิตรจึงทำให้คนเราทำกรรม”


    “...การไม่เกิดนั่นแหละเป็นการดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้ากิเลสยังมีอยู่ มันก็เกิดอยู่ร่ำไป เพราะความคิดเป็นเหตุให้เกิดความอยาก ความอยากเป็นต้นเหตุให้เกิดการกระทำ การกระทำเป็นเหตุให้เกิดการได้คือบุญบาป เมื่อมีบุญบาปก็ต้องเกิดอีกต่อไป...”


    “...สมาธิและปัญญาเปรียบเสมือนตะเกียงและแสงสว่างของมันเอง มีตะเกียงก็มีแสง ไม่มีตะเกียงมันก็มืด ตะเกียงนั่นแหละที่เป็นตัวการแท้ของแสงสว่าง และแสงสว่างเป็นแค่สิ่งซึ่งแสดงออกของตะเกียงโดยชื่อ ฟังดูแล้วเป็นสองอย่าง แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันเป็นของอย่างเดียวกัน และทั้งเป็นอันเดียวกันด้วย..”

    1648-ebc3.jpg

    ภาพหลวงปู่พวง กับหลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ คราวไปนมัสการพุทธสถานอินเดีย

    ข้อมูลอ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14422



    280101-1.jpg

    “เนื้อนาบุญอันประเสริฐ”
    การทำบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลก มีผลานิสงส์มาก สามารถเปลี่ยนภพภูมิญาติพ่อแม่พี่น้องเราได้ ดังเช่นเรื่องที่จะเล่าดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องของหลวงปู่พวง สุวีโร วัดป่าปูลูสันติวัฒนา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ลูกศิษย์รูปหนึ่งของหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู







    280101-2.jpg
    ท่านเล่าว่า ท่านเองได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่ขาว อนาลโย วันหนึ่งนั่งสมาธิเห็นโยมแม่ที่ตายแล้ว ได้เป็นอยู่อย่างอัตคัด ไม่มีผ้านุ่งผ้าห่ม ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย จึงอธิษฐานกับพระประธานว่า “ช่วงเช้าไปบิณฑบาต ขอให้มีคนมาถวายผ้า” ครั้นไปบิณฑบาตก็มีคนมาถวายผ้าขาวจริงๆ ท่านจึงนำผ้าขาวไปย้อมด้วยหินสีแดง แล้วนำไปซักตาก พอแห้งก็นำมาย้อมแล้วซักตากอีกรอบ จากนั้นก็นำไปพับถวายหลวงปู่ขาว กราบเรียนท่านว่า “ขอโอกาสพ่อแม่ครูจารย์ บังสกุลแหน่ อุทิศให้แม่” หลวงปู่ขาว จึงชักผ้าบังสุกุลให้ คืนนั้นหลวงปู่พวง นั่งภาวนาเห็นโยมแม่ มีผ้านุ่งผ้าห่มผืนใหม่ แล้วยังมีผ้าอีกหลายผืนห้อยเต็มไปหมด
    จากนั้นหลวงปู่พวงจึงคิดว่าทำอย่างไร โยมแม่จึงมีที่อยู่ที่อาศัย หลายวันต่อมา มีโยมนิมนต์หลวงปู่ขาว กับพระที่วัดไปสวดมนต์ที่บ้าน หลวงปู่พวง จึงได้มีโอกาสตามไปด้วย ญาติโยมได้ถวายปัจจัย หลวงปู่ขาว จึงบอกกับพระสงฆ์ว่า อัฐบริขารเราก็มีอยู่พร้อมแล้ว ให้นำปัจจัยนี้ไปสร้างกุฏิ และถาน(ส้วม) ตามที่ท่านพวง อธิษฐานไว้ ครั้นเมื่อสร้างเสร็จ หลวงปู่พวง จึงได้น้อมถวายกุฏิ และถาน(ส้วม) แก่หลวงปู่ขาว อนาลโย




    280101-3.jpg
    จากนั้นตกกลางคืน หลวงปู่พวงได้นั่งสมาธิ มองหาแม่ ออกตามหาทั้งคืนก็ไม่เห็น ผ่านไป ๔ วัน จึงไปกราบเรียนหลวงปู่ขาว “ขอโอกาสพ่อแม่ครูจารย์ หาแม่บ่เห็น” หลวงปู่ขาว บอกให้ "ขึ้นสูงๆ” หลวงปู่พวง จึงนั่งสมาธิหาตามยอดไม้ก็ไม่เห็น หรือจะเป็นที่สวรรค์กันแน่ ท่านจึงรวบรวมพลังจิตทั้งหมดขึ้นไปดู จึงเห็นวิมานของโยมแม่บนสวรรค์ เห็นร่างกายที่เป็นทิพย์ของโยมแม่ จึงสบายใจขึ้นว่า โยมแม่พ้นทุกข์แล้ว ก็เพราะด้วยบารมีธรรมของของพระผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ หากเราได้ถวายทานแก่พระภิกษุ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว อานิสงส์ย่อมส่งผลไปถึงญาติของเราแม้นอยู่ปรโลก ก็สามารถให้พ้นทุกข์ พ้นโทษภัยได้ อย่างองค์หลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านจึงถือว่าเป็นเนื้อนาบุญเอกของโลก
    ที่มา FB : เพจพระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จรุ่นแรกติดเกษาหลวงปู่พวง ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลป.พวงกล่อง.JPG ลป.พวง.JPG ลป.พวงหลัง.JPG
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อทองหยด วัดชีสุขเกษม สุพรรรบุรี
    ท่านเป็นอาจารยืของหลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส อ่างทอง ลองหาอ่านประวัติท่านครับ เกจิอาจารย์ยุคเก่าสุพรรณบุรี ถ้าเคยอ่านหนังสือโลกทิพย์ โลกลี้ลับ สมัยก่อนจะมีลงเรื่องราวประวัติท่าน ไว้ แต่พอโลกไซเบอรื โลกดิจิตอล หาอ่านประวัติท่านยากเอาเรื่อง

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.ทองหยด.JPG ลพ.ทองหยดหลัง.JPG
     
  18. pang2562

    pang2562 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +117
    จองครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    รับทราบครับ
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,152
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu

    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบ หรือทางPMไม่ต้องโพสหลักฐานให้เสียเวลา สมัยนี้โลกออนไลน์ตรวจสอบง่ายหลอกกันยาก แล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     

แชร์หน้านี้

Loading...