ให้บูชาวัตถุมงคลพ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย techapunyo, 20 มีนาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    พญางั่งนั่งแพะลอยเคราะห์องค์ครู(บุรุษผู้ปลดเปลื้องกฏแห่งสรรพสิ่ง)
    ปิดรายการนี้ครับ
    2020-03-20_144352.jpg
    2020-03-20_144459.jpg




    วิชาหนึ่งที่พ่ออาจารย์ท่านได้รับสืบทอดมาแต่องค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และก็ยังไม่เคยสร้างเลยแม้แต่ครั้งเดียว ท่านเรียกตามความเข้าใจของท่านว่าวิชาลอยเคราห์

    ตะกรุดนี้สร้างยากมากเพราะเป็นวิชาชั้นสูงที่ท่านต้องลงจารเสกเก็บไว้เมื่อถึงกาลถึงวาระจริงๆเท่านั้น เป็นของที่มีอานุภาพมาก ท่านว่าความหมายมันก็ตรงตัว คือลอยอยู่เหนือเคราะห์กรรม คล้ายๆกับการตกตะกอนของน้ำ เคราะห์กรรมอยู่ส่วนหนึ่ง น้ำอยู่ส่วนหนึ่ง ลอยแยกจากกัน เคราะห์กรรมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรา ดุจดั่งว่าเวทย์วิชานี้คือกำแพงที่ขวางกั้นน้ำกับตะกอนเช่นนั้น ที่ว่าสร้างยากนั้นก็เพราะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ท่านว่าไม่มีใครอยากจะทำให้กันหรอก ตอนเรียนมาท่านก็ย้ำหนักหนาว่าต้องเลือกคนให้ ไว้ทำยามบ้านเมืองคับขัน ประชาชนเดือดร้อนข้าวยากหมากแพง

    พ่ออาจารย์ท่านก็สร้างเก็บไว้ ลงจารไว้ตามวาระโอกาสที่นานๆจะมีฤกษ์เสียครั้งหนึ่ง โดยลงจารในฤกษ์ที่กำหนดทำสะสมมาเรื่อยๆ แต่ตอนลงนั้น ท่านไม่ได้ลงเฉพาะวิชาลอยเคราะห์ ท่านเพิ่มในส่วนของไสยเวทย์เข้าไปด้วย ท่านว่ากลืนกันทั้งพุทธทั้งไสย วิชาที่เพิ่มเข้าไปนี้แต่เดิมเป็นวิชาของพราหมณ์ในยุคทมิฬโบราณ วิชานี้แม้บ้านเมืองที่ล่มจมก็กู้ขึ้นมาได้ ช่วยเร่งผลิดอกออกผลให้เจริญรุ่งเรือง ลบล้างคำสาปคำสาบานอันติดเนื้อต้องตัวมาแต่อดีตชาติ

    คำสาปคำสาบานอันเราได้ล่วงเกินผู้หนึ่งผู้ใด ในชีวิตหนึ่งๆของสัตว์โลกที่วนเวียนอยู่ในสงสารวัฏนี้ ท่านว่าเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราสั่งสมสิ่งเหล่านี้มามากมายเพียงไหน จะรุ่งโรจน์มันก็รุ่งไม่ได้เพราะติดทั้งกรรมทั้งคำสาปแช่งต่างๆมากมายที่ประเดประดังกันเข้ามา

    ตะกรุดลอยเคราะห์นี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าจะทำให้เพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น ท่านว่าเราสร้างเพื่อหวังประโยชน์ใหญ่ ไม่ได้สนใจว่าจะเคราะห์หรือจะกรรม เพียงแต่จะสืบสานพระเวทย์โบราณกับของที่ครูบาอาจารย์ท่านมอบฝากไว้ให้มาเพียงนั้น วิชาสองส่วนนี้ถ้าแยกกันก็แล้วไป ถ้ารวมกันนั้นจะเป็นสุดยอดวิชาในสายบุญฤทธิ์ที่หาสิ่งใดมาเทียบเคียงเสมอเหมือนมิได้ คนใช้ต้องติดเนื้อติดตัวไว้เสมอเพื่อให้บรรเทาเคราะห์กรรมตนเอง ซ้ำยังลบล้างคำสาปคำสาบานความอาฆาตมาตรร้ายอันติดเนื้อต้องตัวมานับแต่อดีตกาล อย่าว่าแต่ปัญหาส่วนตัวเลย วิชานี้แม้บ้านเมืองก็ยังกู้ได้ ให้ผลใหญ่ถึงปานนั้น เอาไปเพื่อหวังประโยชน์ใหญ่ นั่นคือปลดทุกข์ของสัตว์ สัตว์ทั้งหลายนั้นจมเคราะห์จมทุกข์ แต่ก็ยังไม่หมดหวัง เพื่อจะออกจากทุกข์นั้น หาใช่เพื่อต้องการเสวยสุข แต่เพื่อต้องการโอกาสและสิ่งที่ดีกว่า จะได้ทำบุญเพาะบ่มอบรมจิตตนเอง เดินไปในสายบารมีเราจึงทำตะกรุดลอยเคราะห์นี้เสียครั้งหนึ่ง

    วิชานี้ ไม่ได้ส่งผลแต่เพียงการลอยบาปลอยเคราห์กรรม ลบล้างคำสาปคำสาบานอาฆาตมาตรร้ายต่างๆเท่านั้น แต่ยังกันและแก้ได้สารพัดด้วย เป็นทั้งมหากันในตัวเอง ไม่ให้มีสิ่งอุบาทว์จัญไรใดมาย่ำยีบีฑา เพื่อที่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ กันทั้งคุณไสยอวิชชา กันไว้ดุจเกราะเพชรปกป้องตนเองเช่นนั้น ท่านว่ากันไว้นี่แหละดี คนเราถ้าเจออุปสรรคไม่มีอะไรมากันเอาไว้มันเจริญยาก ซ้ำยังแก้ แก้ที่ว่านี้คือแก้ไขพฤติการณ์ของเจ้าของให้มีความเห็นถูก แก้ในโรคร้ายสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ตกต้องชะตาของผู้บูชาอยู่ แก้สิ่งที่จองจำชีวิตเราไว้เดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ท่านว่ารู้เองเห็นเอง สิ่งพวกนี้หายหมด ใครที่ทำอะไรไม่เจริญ หาเช้ากินค่ำ หรืออยากประสบความสำเร็จ ด้วยเกรงว่าจะติดเวรกรรมคำสาปสรรค์ใดๆ ท่านว่าเลิกคิดไปได้เลย เราทำไว้ให้ดีแล้วแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวจริงๆเท่านั้น ให้เจ้าของและผู้ที่คู่ควรเขามาเอาไปใช้บูชา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงตะกรุดลอยเคราะห์เสร็จท่านก็เสกเก็บไว้ ท่านว่าเสกจนเต็มวิชา ต่อมาท่านได้รับนิมิตรจากครูบาอาจารย์ให้ทำเครื่องรางที่จะช่วยลูกศิษย์อันมีวาระกรรมต้องกัน เกิดในยุคเดียวกันกับท่าน ท่านได้รับนิมิตรให้ทำพญางั่ง(อีหง่างโบราณ)ขึ้นมา ท่านว่าวิชานี้แต่เดิมหาคนทำยาก ของเก่าๆบางคนเอาไปใช้เพื่อทำเสน่ห์ทำให้เป็นของต่ำต้องอาถรรพ์ไปก็มาก ท่านจึงจะบูรณาการทำไว้เสียใหม่

    โดยพ่ออาจารย์ท่านได้ทำเป็นพญางั่งนั่งแพะ ท่านว่าวิชาพญางั่งนี้ เป็นปางอวตารขององค์พระศิวะเจ้า(ครูพระสยม)ในพระชาติหนึ่ง เพราะเป็นปางอวตารที่จะลงมาเฉพาะเหตุการณ์จริงๆ ถึงแม้พระภาคเต็มก็ไม่สามารถแก้ไขในส่วนของปัญหาได้ ท่านลงมาเพื่อปลดเปลื้องกฏเกณฑ์ต่างๆในสังคมที่กำหนดขึ้นมาทำให้ธรรมชาตินั้นวิปริต จนพระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถดำรงค์พระองค์อยู่ได้ต้องลงมาช่วยเมื่อถึงกาลถึงวาระนั้น โดยพญางั่งที่ทำนี้ท่านว่าต้องทำด้วยไศวะศาสตร์ เข้าให้ถึงองค์พระศิวะจะทำโดยวิธีอื่นไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเป็นเพียงเครื่องรางธรรมดา ไม่ใช่รูปแบบของมหาบุรุษที่ลงมาเพื่อปลดเปลื้องชะตาชีวิตของสรรพสิ่ง เมื่อทำแล้วท่านว่าผู้ใดรู้ตัวว่าโดนกดดัน ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม คือหาความยุติธรรมไม่ได้ในชีวิต โดนกดดัน โดนกดขี่ข่มเหง นี่แหละตรงเรื่องเอาไปใช้เลย เพราะว่าท่านคือผู้ปลดปล่อยสรรพชีวิตออกจากการโดนดูถูกเหยียดหยาม โดนผู้อื่นรังแกอย่างแท้จริง

    ครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านได้ทำโดยลงวิชาอีหง่างโบราณไว้ด้วย ท่านว่าใช้ได้ครอบจักรวาลทั้งยังเป็นเสน่ห์สุดๆ เป็นสัญลักษณ์ของพ่อ เป็นรูปแบบของการกำเนิด ลูกคนใดที่ขาดที่ไม่มี ขอกับพ่อ อะไรก็เกิดขึ้นได้เพราะพ่อชูองค์กำเนิด พ่อมีทุกสิ่ง ให้ได้ทุกอย่าง เรื่องหญิงสาวคู่ครองนั้นยิ่งกว่าจอมเจ้าชู้ใดๆ แต่หลักใหญ่ที่ท่านทำเพื่อแก้กฏเกณฑ์เวรกรรมต่างๆในชีวิตผู้บูชา

    โดยท่านทำเป็นพญางั่งนั่งเอกเขนกอยูบนหลังแพะ ซึ่งแพะนั้นท่านว่าสำคัญนัก เพราะมันเป็นตัวรับเคราะห์กรรมแทนเจ้าของ แพะของท่าน ท่านว่ามันกินบาปเคราะห์เป็นอาหาร ซ้ำยังเป็นแพะตัวผู้ตัวจ่าฝูงที่เป็นเอกด้านเสน่ห์มหานิยม ตัวผู้จ่าฝูงตัวเดียวได้ตัวเมียทั้งฝูง พญางั่งนั้่งแพะนี้ท่านทำเพื่อให้คนใช้นำไปบูชาเพื่อหวังให้ออกจากทุกข์จริงๆ

    จะเห็นได้ว่าท่านอัญเชิญตะกรุดลอยเคราะห์ที่ทำได้ยากมากมาฝังไว้ด้านหลังทุกองค์ ท่านว่าเอาเข้าจริงๆ ไม่มีอะไรที่จะเข้ากันและเสริมส่งกันได้ ดีไปกว่านี้อีกแล้ว พญางั่งนั่งแพะนี้เป็นยอดวิชาเสน่ห์แบบหาตัวจับยาก อยู่ไหนเราก็เหมือนยอดบุรุษได้เขาทั้งหมด คำว่าได้คำเดียว ได้แล้วไม่มีเสีย ได้แล้วเราก็เป็นต่อเขา มันเสริมส่งกันไปหมดจะเอาไปทำงานไปทำอะไรมันก็ดีทุกอย่าง ท่านว่าแล้วแต่ใจจะใช้เลย

    * วิธีเลี้ยง
    ให้นำพญางั่งใส่ถ้วยไว้ แล้วตอกไข่ใส่ไป อธิษฐานให้พ่อนั้นเสพย์นั้นกิน หลังจากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ซักสองชั่วโมงแล้วนำมาล้างน้ำทำความสะอาด จะทำอาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละครั้งก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งทำท่านยิ่งมีฤทธิ์มาก ยิ่งทำยิ่งขัลง เวลาจะบนอะไรก็ให้บนด้วยไข่นี่แหละ จะของานหรือหมายตาใครก็บอกท่าน ยิ่งใช้ยิ่งแรง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสิ่งนี้เป็นของกายสิทธิ์ไม่ต้องใช้คาถาใดๆ ทำใจนิ่งบอกล่าวสื่อสารกับท่านด้วยภาษาใจ ขอให้ใช้ ยิ่งใช้ยิ่งแรง จะนำไปทำพวงกุญแจก็ได้หรือพกไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ได้ หรือพกในที่ลับก็ได้ เป็นของกลางๆ ไม่จำเป็นต้องห้อยคอ แต่ถ้าพกในที่ลับมันจะกินเสนียดและช่วยล้างความอุบาทว์จัญไรต่างๆที่ติดตัวเรามาแต่เดิมได้ไวเป็นพิเศษ

    ท่านสั่งให้บอกเค้ากันสั้นๆ แม้เคราะห์อันเกิดกับมหานคร เกิดแต่สรรพชีวิตหมู่มาก วิชานี้ยังแก้ไขได้ จากตกต่ำแล้วทำให้เจริญได้ นับประสาอะไรกับตัวบุคคล ท่านว่าอย่าอธิบายมากไปกว่านี้ลำพังวิชางั่งนั่งแพะ ท่านว่าตอนท่านเชิญญาณครูบาอาจารย์ต่างๆมาช่วยกันเสกก็ได้รับการยืนยันมากแล้วว่านี่มันพระเจ้าชู้นี่น่า ไม่มีขุนแผนหรือเครื่องรางใดๆจะมีคุณทางเสน่ห์มากไปกว่านี้

    * บูชาได้ทั้งหญิงและชาย พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าถ้าไม่ปรารถนาจะให้เป็นเสน่ห์ก็บอกกล่าวกับท่าน ว่าขอเพียงมาเกื้อกูลให้ชีวิตลูกดีขึ้นเท่านั้นพอ เพราะดวงจิตท่านไวเราพูดเราบอกอะไรไปท่านรู้หมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2021
  2. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    ลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ตำรับหลวงปู่ยิ้ม (ลูกรัก)
    ปิดรายการนี้ครับ
    90067393_227814378623343_8740860906717577216_n.jpg
    90317647_582646385930644_1055477192105918464_n.jpg

    ตำนานแห่งเครื่องรางที่เลอเลิศด้วยสรรพคุณ จนทำให้มีสนนราคานับแสนบาทเเละได้ชื่อว่าหาของเเท้ดูยังยากของหลวงปู่เฒ่ายิ้ม เเห่งวัดหนองบัว คงไม่มีสิ่งใดเกินกว่าลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์หรือที่พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าลูกรักนี้

    พ่ออาจารย์ท่านได้มีนิมิตรถึงหลวงปู่ยิ้มผู้เป็นหนึ่งในสายบรมครูของท่านได้ปรารภให้ฟังว่า วิชานี้ไม่มีใครสร้าง ที่สร้างก็มั่วกันเสียมากเเต่งเรื่องอวดอ้างไปต่างต่างนานา ทำเเล้วก็ทำไม่เหมือนของเดิมที่เราทำไว้ ขาดใจขาดสิ่งสำคัญทำมาเป็นกะพี้ คุณก็เรียนเอาไว้เเล้ว ช่วยสร้างให้ที อย่าให้มันกลายเป็นของที่ถูกลืมไปเสียเลย

    พ่ออาจารย์ท่านได้รับปากหลวงปู่ยิ้มไว้ ท่านจึงมีดำริสร้างลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ตำรับหลวงปู่ยิ้มหรือลูกรักนี้ขึ้น

    ต้องบอกกันก่อนว่า วิชานี้เป็นวิชาของหลวงปู่เฒ่ายิ้มเเห่งวัดหนองบัว ที่ปัจจุบันของเเท้ๆหายากมากใครมีก็หวงเเหน ลูกหนึ่งมีสนนราคานับเเสนบาท แค่ไอ้ลูกกลมๆนี่เเหละมันมีอะไรดีถึงปานนั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริสร้าง เเต่จะทำไม่ให้ทับรอยครูของหลวงปู่ยิ้ม อนาคตผ่านไปซัก 100 ปี จะเล่นหาก็จะสามารถเเยกออกจากกันได้

    วิชานี้พ่ออาจารย์ท่านได้ใช้พระยันต์เเละวิชาของหลวงปู่ยิ้มตำรับเดิมเมื่อกว่า 100 ปี แบบที่หลวงปู่ยิ้มท่านทำไว้มาลงอักขระ จะต่างกันเพียงเเค่ของหลวงปู่ยิ้มนั้นลงในกระดาษสา ส่วนของพ่ออาจารย์นั้นท่านลงในเเผ่นตะกั่วบางๆชนิดบางเฉียบ เป็นอักขระบังคับลงเต็มสูตรทั้งหน้าเเละหลัง ซึ่งงานพุทธพาณิชย์นั้นจะขาดสิ่งนี้ที่เรียกว่าหัวใจของลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ไป ไม่รู้ใครคิดทำเเต่ทำเสีย นอกครูไปเลยเพราะทำเพียงเเต่คิดว่าจะให้ได้ในปริมาณมากๆ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าทำเช่นนั้นไม่ได้กว่าจะได้เเต่ละลูกฤกษ์ลงฤกษ์บังคับฤกษ์เสกต่างต่างนานนั้นทำไม่ง่ายๆเลย

    เมื่อได้เเผ่นตะกั่วเเล้วท่านจะนำมาพับทบไปทบมาจนมีขนาดเล็กที่สุดไม่ได้ม้วนเเบบตะกรุด ระหว่างพับนั้นท่านก็จะเสกไปด้วย เมื่อเสกเเล้วก็ค่อยๆทำเก็บไว้เช่นนั้น

    หลังจากนั้น ท่านให้นำด้ายสายสิญจน์ที่ซื้อจากสาวพรหมจรรย์ห้ามต่อราคา ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ซื้อด้ายนี้จากร้านประจำของท่าน ท่านว่าพรหมจรรย์เเน่ เพราะเเม่ค้าที่ขายนั้นเป็นลูกสาวคนรู้จักของท่านเอง ยังเป็นเด็กเล็กๆหน้าตาสวยงามน่ารักอยู่เลย เมื่อได้มาเเล้วพ่ออาจารย์ต้องนำสายสิญจน์กลุ่มนั้นมาชำระเเช่ในน้ำค้างบริสุทธิ์เสียรอบหนึ่งก่อน(ถือเคล็ดพรหมจรรย์เเละความบริสุทธิ์) จากนั้นก็เสกเดินมนต์เสน่ห์ไปจนกว่าด้ายจะเเห้งดีซึ่งใช้เวลายาวนานมาก ไม่ใช่ทำให้เเห้งเพราะตากเเดด

    เมื่อได้ด้ายสาวพรหมจรรย์ที่เสกจนสำเร็จเเล้ว ท่านจึงจ้างเด็กสาวพรหมจรรย์คนนั้นให้มาสาวด้ายบนเเกนกลางเเผ่นอักขระยันต์ที่ท่านลงไว้ ท่านว่าตัวเด็กเองนั้นความรู้สึกนึกคิดยังเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์อยู่ จนได้เครื่องรางเป็นลูกกลมๆตามตำราวิชาสายหลวงปู่ยิ้ม เสมอที่หลวงปู่ยิ้มท่านทำไว้เเละตั้งใจให้พ่ออาจารย์ท่านต่อตำรา

    จากนั้นจึงนำน้ำรักดำ มาลงอาคม ก่อนที่จะเเช่ทีละลูก เเละนำมาตากลมไว้ให้เเห้งสนิท พ่ออาจารย์ว่าพอเราทำตามขั้นตอนทำตามเคล็ดวิธี มันสำเร็จเสียก่อนที่เราจะเสกอีก เพราะท่านยืนมองลูกอมที่รอเเห้งเเล้วหัวเราะอยู่เช่นนั้นเสมอๆ

    เราเคยถามว่าขำอะไรขนาดนั้น ท่านก็ชี้ให้ไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเห็นมดตัวใหญ่ๆตอมลูกอมจนมิด จากลูกรักสีดำกลายเป็นสีเเดงเพราะตัวมดทั้งลูกก็มี บางลูกมดก็ช่วยกันยกนับสิบๆตัวไม่รู้ว่ามันจะขนกันไปไหนเช่นนั้น เราจะไปไล่มดให้ พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ต้อง ปกติมดตัวเล็กๆช่วยกันยกของหนักๆของกินมันยังยกขึ้น นี่มดตัวใหญ่มากๆย้ำว่ามากๆนับสิบๆหลายสิบตัวรุมกันยกลูกรัก มันยกกันไม่ขึ้น ทั้งหัวทั้งตัวเปรอะน้ำรักดำๆกันไปทั้งหมด พ่ออาจารย์ท่านก็ยืนขำอยู่เช่นนั้น ท่านว่ามันไม่มีวันจะยกขึ้นหรอก เเม้เเต่สัตว์เดรัจฉานมันยังรู้ยังสัมผัสได้ถึงพลังเเห่งเสน่ห์ ขนาดอยากมีไว้ครอบครองเป็นของมัน นับประสาอะไรกับคน

    เมื่อเเห้งสนิทดีเเล้วพ่ออาจารย์ท่านได้ทำข้อตกลงกับบรมครูหลวงปู่เฒ่ายิ้ม โดยเชิญท่านมาช่วยเสก เเต่มีข้อเเม้ว่า ตัวพ่ออาจารย์นั้นท่านยอมทำให้เเล้วใช้กายเนื้อท่านเป็นสื่อทำให้ ตามสัญญาที่รับปากกันไว้ ตัวพระคุณเจ้าเองก็ต้องลงให้เต็มที่ อดีตทำไว้เช่นไร ไอ้ลูกละเป็นเเสนนั้นมันทำอย่างไร ต้องเสกให้ได้เช่นนั้น หลังจากตกลงรับคำเเล้วท่านจึงเชิญหลวปู่ยิ้มครอบญาณบารมีท่านไว้ที่ลูกอมทุกลูกจนท่านใช้ตาในมองว่ามีงรังษีมีรัศมีกระจ่างชัดจึงมั่นใจว่าเต็มเเล้ว ใครหาลูกละเป็นเเสนไม่ได้มาเอาที่นี้ลูกนี้ไปใช้ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าได้ชื่อว่าเท่ากันเหมือนกันทุกอย่าง เพราะเสกโดยหลวงปู่ยิ้มเช่นกัน

    ลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ตำรับหลวงปู่ยิ้ม หรือที่เรียกว่าลูกรักนี้ดีอย่างไรทำไมคนเค้าหากันเเทบพลิกเเผ่นดิน ท่านว่าชื่อก็คือเคล็ด ชื่อเเบบไหนพุทธคุณก็แบบนั้นเลย

    ลูกอมนี้ในสมัยก่อนหลวงปู่เฒ่ายิ้มเเห่งวัดหนองบัว ท่านได้ทำไว้ให้กับศิษย์ของท่านบางคนเท่านั้น ย้ำว่าบางคน ให้เอาลูกอมนี้เหน็บชายพก ชายผ้า ชายกางเกงไว้ ใครที่ไม่มีเมียรับรองว่าได้เมียสมใจสมกับชื่อลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์เเละที่สำคัญคือได้เเต่สาวพรหมจรรย์สมดั่งชื่อ จนเกิดเป็นตำนานที่ว่า เหน็บลูกอมด้ายสาวพรหมจรรย์ของหลวงปู่ยิ้ม ยาจกก็มีเมียได้ ใครได้เหน็บได้ครอบครองลูกอมนี้กล่าวกันว่าบุคคลผู้นั้นจะมีเสน่ห์เมตตาเหมือนดั่งพ่อขุนเเผน อดีตพ่อเมืองกาญจนบุรีสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เลย วิชาตำรับหลวงปู่ยิ้มนี้พ่ออาจารย์บอกว่าไม่ไกลกัน พกไว้ดีๆ จะเป็นคนมีเสน่ห์มาก ให้ใช้กันอย่างระวัง หลวงปู่ยิ้มนี้เเน่ขนาดที่ว่าเเม้เเต่กรมหลวงชุมพรยังเป็นศิษย์ท่าน นิมนต์ท่านมาที่วังให้อยู่ถ่ายทอดวิชาให้เสมอๆ เเละตัวพระองค์นั้นยังคาดตะกรุดสามกษัตริย์ที่หลวงปู่ยิ้มทำให้ติดพระวรกายตลอดเวลา

    พ่ออาจารย์กล่าวว่าสมัยหลวงปู่ยิ้มท่าน ทำให้กับคนที่เดือดร้อนหาลูกหาเมียไม่ได้ไม่เป็นที่ชอบไม่เป็นที่นิยม เเต่มาคราวนี้เราคิดเพียงว่าทำให้เพื่อสืบทอดสายวิชาไว้เท่านั้น ใครจะบูชาก็ได้เราไม่ว่าถือว่าเป้นวาสนาของเค้าที่ได้ครอบครอง ขอให้เป็นคนดีเเล้วกัน

    - ย้ำอีกรอบว่าวิธีใช้ให้พกไว้ในกางเกงหรือจะทำเป็นพวงกุญเเจก็ได้ห้อยคอก็ได้ ควรเลี่ยมเสียก่อนกันด้ายจะคลายตัว ท่านว่าผู้ใดได้ใช้ ได้ครอบครองมีเสน่ห์นักหนาเสมอด้วยพ่อขุนเเผนทีเดียว ทำไว้เพื่อสืบวิชาเพียง 20 ลู

    คาถาบูชา
    โอมจิตตัง มหาจิตตัง โอมจิตต้อง ท้องน้อยติดกัน หัวใจมึงอยู่มิได้ ร้องไห้มาหากู โอมกะชิกกะชิก จุด จิต สวาหะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2020
  3. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585
    ขอจองรายการนี้ครับ ขอเลขบัญชีทางข้อความด้วยครับ
     
  4. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    รับทราบครับ แจ้งเลขบัญชีไปแล้วครับ
     
  5. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    มงคลจ้าวทรัพย์บ่วงบาศกลืนกิน(มหาวงจรแห่งการเปลี่ยนแปลง)
    ปิดรายการนี้ครับ
    1.jpg
    2.jpg

    พ่ออาจารย์ท่านว่าแต่โบราณนั้นมักจะมีคนตามหานาคบาศมาใช้กันอยู่ทุกยุคทุกสมัย แต่ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายดาย แม้หาได้ก็ต้องรู้วิธีทำให้ขลังให้ศักดิ์สิทธิ์ ถึงกระนั้นที่หากันไม่ได้ก็เอาหินเอาศิลาอาถรรพ์หรือสิ่งที่มีดีในตัวเองมาแกะสลัก แม้ตัวท่านเองในอดีตก็ใช้วิธีหล่อหลอมเอาเพราะท่านให้เหตุผลว่าทำได้ง่ายและสะดวกกว่า เพราะหากจะทำบ่วงบาศกลืนกินนี้โดยผงอาถรรพ์ทั้งหลายตามที่ท่านรู้และได้เรียนมาแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าจริงๆนั้นทำได้ยากอย่างยิ่ง ยากเสียยิ่งกว่าการหล่อ การแกะสลัก หรือไปตามหาเอาของจริงมาใช้เสียอีก ด้วยหลายๆสิ่งที่นำมาบดโขลกผสมกันนั้นล้วนมีอาถรรพ์ในตัวตนของมัน และบางอย่างนั้นก็เป็นสมบัติเมืองบาดาลที่นาคราชเขาหวงพอๆกับชีวิตเขา

    นัยยะที่ซ่อนเร้นอยู่
    คนจะรู้แต่เพียงว่านาคบาศเป็นอาวุธเทพที่ดูแปลกตาและทรงกำลังมาก แต่จะไม่ค่อยรู้ถึงอาถรรพ์และความหมายโดยแท้จริง พ่ออาจารย์ท่านว่านาคบาศก์นั้นเป็นมากกว่าอาวุธ หากทำได้จริงแล้วจะมีค่าเลิศกว่าสมบัติสวรรค์หรือวิมานอากาศใดๆทั้งสิ้นด้วยเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอนันต์มีรูปเปรียบเป็นวงแหวนจักรวาล ดังนั้นพลังของบ่วงบาศจึงหมายถึงพลังของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ด้วยรูปงูที่คาบหางกลืนกินร่างกายของตัวเองนั้นเป็นอาถรรพ์อย่างหนึ่งนั่นคือคติของการดับและการเกิดใหม่ได้ด้วยตนเองสิ่งนี้จะเรียกว่าการก่อเกิดก็ได้ เพราะกำหนดมหาวงจรแห่งการกำเนิดได้เองเช่นนี้นาคบาศจึงถือเป็นเทพอาวุธที่มีชีวิตอันอยู่นอกเหนือจากกฎสามัญปกติ เรียกง่ายๆคือเป็นชีวิตที่ไม่ได้มาจากการสร้างของพระเป็นเจ้าเพราะไม่ถูกควบคุมโดยวัฏจักร ไม่ได้อยู่ในกฏไตรลักษณ์ เป็นการเกิดโดยปราศจากผู้ให้กำเนิด ซ้ำคนแต่โบราณยังนับถือตรานาคบาศนี้ว่าเป็นเครื่องหมายแทนองค์สุริยเทพ แทนวงจรความเป็นนิรันดร...แทนโลกแห่งจิตวิญญาณ เป็นของวิเศษอันมีคุณช่วยส่งเสริมแก่นพลังชีวิตของผู้ใช้ให้ไม่มีวันหมดเหมาะแก่การสร้างสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้โดยการอิงอาศัยพื้นฐานจากปัจจัยเดิมของตัวเองโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวตนดุจนาคบาศนั้นที่สร้างชีวิตใหม่ขึ้นได้เองโดยการกลืนกินชีวิตเดิม ดังนั้นวงจรนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมดุลย์ มีจังหวะที่เกิดขึ้นโดยสม่ำเสมอ ดุจงูที่ค่อยๆเขมือบร่างกายตัวเองช้าๆ ไม่ตะกละกินพรวดพราด ซ้ำยังเปรียบได้กับวงจรของกาลเวลาเพราะงูนั้นเคลื่อนที่ดุจการเดินของเข็มนาฬิกาถือเป็นเคล็ดที่แม้แต่คนจีนเองก็ยังชอบและนับถือมาก

    เพราะจังหวะที่สม่ำเสมอนี้จึงสื่อถึงสมดุลยภาพ สมดุลระหว่างข้างบนกับข้างล่างที่ดูราวกับเครื่องหมายอนันต์เช่นนั้นอาถรรพ์ของบ่วงบาศนี้ยังจะช่วยสร้างสมดุลยภาพระหว่างพลังสองสิ่ง(นั่นคือพลังชีวิตของเราที่จะเชื่อมต่อในกิจการที่เรากระทำอยู่ณ.ปัจจุบันเวลานั้นๆ) ด้วยการเคลื่อนตัวโดยการหมุนตัวดุจกงจักรจึงเป็นดั่งเทพอาวุธที่ใช้ทำลายผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย เป็นความตรงกันข้ามที่แฝงไปด้วยความสมดุลย์ พ่ออาจารย์ท่านยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นเมื่อไม่มีก็ต้องได้ ต้องมี โดยไม่สนกฏของพระเป็นเจ้าเช่นนั้น ดังนั้นผู้ที่มีอาถรรพ์แห่งบ่วงบาศนี้ครอบงำอยู่จึงมีปัจจัยให้รอดพ้นจากอำนาจแห่งกรรมอันหนักหนา หรือลิขิตชะตาที่ตายตัว และแม้แต่พลังแห่งวิถีดวงดาวที่กำหนดชะตาได้ ด้วยเป็นมหาวงจรที่ไม่เกื้อหนุนโดยกฏไตรลักษณ์ดังนั้นบ่วงบาศนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงว่ามันมีพลังพิศดารมากนัก เพราะสิ่งนี้คือพลังแห่งการกลับคืนสู่นิรันดร์(ช่วยให้คนใช้เดินไปได้สุด,ไปสู่จุดสูงสุด) ทั้งเป็นการเริ่มต้นในความสิ้นสุด(แม้วิบัติถึงขั้นเสียหายก็มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ) ทั้งยังเป็นเครื่องหมายของการเกิดใหม่มิรู้จบดั่งงูที่เกิดดับไปเรื่อยๆ(ไม่ว่าจะทำอะไร ทำกี่อย่างก็แจ้งเกิดขึ้นได้ทุกอย่าง) นี่จึงเป็นมากกว่านาคบาศก์และเป็นมายามิติที่เป็นเอกเทศ ไม่ได้จำกัดว่านี่เป็นพญานาคนะคนที่บูชาครุฑจะใช้ไม่ได้ เพราะนี่เป็นมหาสัญลักษณ์ที่เรียกว่าตราบใดที่ชีวิตยังมีพลังงานอยู่ย่อมใช้ได้เสมอกัน และสัญลักษณ์นั้นยังมีอำนาจมากพอที่จะปราบเทพเดรัจฉานอย่างครุฑลงได้

    อาถรรพ์พลิกชีวิตคน
    เพราะเหตุใดบ่วงบาศนี้ที่แม้แต่ครูบาอาจารย์และผู้เข้มขลังขมังเวทย์ในคาถาอาคมและพลังจิตทั้งหลายยังต้องเสาะหามาพกติดตัวกันนับแต่อดีตจนปัจจุบัน พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นคือพลังแห่งการกลืนกิน กับพลังของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อยู่ในกฏของไตรลักษณ์นั่นแหละที่ผู้มีจิตอัศจรรย์แล้วทั้งหลายยังต้องการ ด้วยทุกสิ่งนั้นล้วนอยู่ในวัฏจักรแม้จะทรงวิชาหรือมีอำนาจจิตแรงกล้าสักปานใดก็หนีไม่พ้นข้อนี้ ดังนั้นครูบาอาจารย์จึงมักจะบอกกับศิษย์ที่เรียนวิชาสำเร็จแล้ว หรือแม้แต่สหธรรมิกที่หวังดีต่อกันยังแนะนำในช่วงที่สหายนั้นเจอวิกฤติหรือหาทางออกไม่ได้ให้เสาะหานาคบาศนี้มาใช้ติดตัว ด้วยนาคบาศนั้นจะยังผลพลิกชีวิตผู้บูชาได้นั่นเอง เพราะอาถรรพ์แห่งการกลืนกินและเปลี่ยนแปลงวงจรชีวิตนั้น ถือได้ว่าเป็นยอดอาถรรพ์ที่จะทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ง่ายมากขึ้น พ่ออาจารย์ท่านยกตัวอย่างบ่อนใหญ่ๆในประเทศจีน ประเทศเขมรว่าเขาจะหางูกินหาง คืองูสองตัวกินกันจริงๆซึ่งหายากมากแล้วฝังกลบไว้ในบ่อน เมื่อเราเข้าไปในบ่อนก็จะเป็นอาถรรพ์ให้โดนกลืนกินอยู่ตลอดเวลา คนที่เข้ามาเล่นจึงเปรียบเสมือนเป็นเหยื่อ เจ้าของบ่อนที่จะกินเขาได้อยู่ตลอดเวลาและกินอย่างสม่ำเสมอ ในทางกลับกันหากเรามีนาคบาศนี้ติดตัวและเข้าไปในบ่อนก็จะล้างอาถรรพณ์ได้ทั้งหมดเช่นกัน ดังนันผู้ที่มีนาคบาศจึงยืนอยู่เหนือกฏด้วยการเป็นผู้กลืนกินได้ตลอดเวลา ทำอะไรก็กินคนอื่นเขาหมดเมื่อเรามีนาคบาศนี้ติดตัว แม้อยากให้เป็นอาถรรพ์ก็ให้เอานาคบาศไปฝังไว้ที่ธรณีประตูให้คนที่เดินข้ามไปมานั้นต้องอาถรรพ์เมื่อเข้าสถานที่เราก็ได้ จะเอาไปฝังหรือกลบก็ได้ทั้งในบ้านหรือในห้องเราก็ตามเป็นการล้างอาถรรพ์ผู้ที่เดินเข้ามาสู่ที่ของเรา แม้เขามีของดีอะไรก็แน่ใจได้ว่าจะต้องโดนกินอย่างแน่นอน ในกรณีที่สถานที่นั้นก่อสร้างไปแล้วไม่สามารถฝังหรือทำอาถรรพ์ได้ตามวิธีนี้ก็ให้แขวนไว้ด้านบนเพื่อให้คนเดินลอดเช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ใช้ได้ดุจเดียวกันพกไว้กับตัวเราก็กินเขา เข้ามาในที่ของเรา เขาก็เสร็จเรา เอาว่ายังไงก็ได้กิน จะใช้ทำการค้า ทำธุรกิจหรือใช้ทางกามคุณก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการขวนขวายของผู้บูชา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะทำนาคบาศเนื้อผงนั้นท่านว่าถ้าจะทำเพียงเอารูปลักษณ์อย่างง่ายๆขอไปทีเช่นสมัยนี้นิยมทำกันย่อมทำได้ไม่ยากเลย แต่หากจะทำให้มีพลังงานยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงแล้วนั่นย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะการหามวลสารต่างๆนั้น บางอย่างทั้งชีวิตของการเดินป่าหาของอาถรรพ์ก็ไม่สามารถหาได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าตัวท่านนั้นยังดีที่ได้ของตกทอดมากจากครูบาอาจารย์อยู่บ้างจึงสร้างขึ้นมาได้ไม่ยากนัก สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ
    - สังขารพญานาค
    - ซากไข่พญานาค
    - ก้อนแป้งผัดหน้านางนาคกัลยา
    ท่านว่าของเหล่านี้ต้องมีให้ครบสูตรนำมาผสมกับน้ำมันนาคสังวาสจึงจะใช้ได้ นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้เพิ่มอาถรรพ์แห่งคุณวิชาด้วยการลบถมผงนาคเกี้ยวทุกตระกูลที่มีอานุภาพมากเข้าไปด้วย,ซ้ำยังใช้มวลสารธาตุกายสิทธิ์,ดินแม่น้ำโขง,หินนาคราช,หินแม่น้ำโขง,เหล็กไหลพญานาค,แร่สะเก็ดดาว,ผงยันต์วะพันตัว,ผงวาสนา,ผงนาคบาศ,ผงนาคสวาท,ผงนาคเกี้ยวชู้,ผงกำลังนาคแสนตน,ผงอิทธิเจ,ผงนะปัดตลอด,ผงมหาเศรษฐี ,ผงมหาลาภ,ผงพระเจ้าเงินตรา,ผงวิชาเทพเจ้าแห่งการพนัน,ผงวิชาเสี่ยงดวง,ว่านมหาลาภ,ว่านนาคราช... พ่ออาจารย์ท่านว่าผงวิเศษแต่ละอย่างนั้นย่อมมีคุณใช้ได้นับพันนับหมื่นช่อง และเมื่อผสมผงนั้นครูเทพครูพรหมทั้งหลายท่านยังช่วยกันใช้อำนาจส่งต่อพลังงานการหมุนวนเป็นวงจรมหาวัฏฏะอย่างมีนัยยะพ่ออาจารย์ท่านว่าเหล่าครูท่านช่วยทำให้ด้วยความเมตตาเพื่อให้พลังนั้นหมุนวนถ่ายเทได้ไม่มีจุดสิ้นสุด

    เมื่อสำเร็จแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าการเสกนั้นต้องชุมนุมพญานาคทุกตระกูลให้มาคายยอดพิษของตนเอาไว้นับจำนวนแสนๆโกฏิและต้องชุมนุมเหล่ามหาเทพ มหาพรหมให้มาช่วยกันสร้างและสำเร็จนาคบาศนี้ให้ได้คูรสูงสุดอย่างแท้จริง ด้วยแต่โบราณเชื่อสืบกันมาว่าหากทำสำเร็จแล้วมีอาถรรพ์ต้องตำราแม้ผู้ใดได้ไว้ในครอบครองหรือมีไว้พกพา ก็จะช่วยให้มีกินมีใช้ไม่มีอดตลอดทั้งปีทั้งชาติ เป็นของวิเศษนำพาให้บังเกิดโชคบังเกิดลาภแก่ผู้ครอบครอง และยังใช้ป้องกันเขี้ยวงาได้ทั้งบ่วงนาคบาศยังจะช่วยปกป้องคุ้มครองภัยทั้งหลาย(ภัยพิบัติ) และยังเป็นสิ่งที่จะช่วยปราบมารทั้งหลายที่มาราวีชีวิตเราให้อ่อนกำลังลงด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าใครพกไว้ย่อมมีกินไม่รู้หมดสิ้นดั่งงูที่กินหางและเมื่อใดที่มันกินไปจนถึงหัว มันก็จะคลายลำตัวออกมาแล้วก็จะกลืนกินกันไปอยู่อย่างนั้นเป็นวงจรอนันต์ไม่รู้จบ

    ดั่งนาคบาศหรือศรของอินทรชิตที่ได้จากพระพรหมเมื่อยิงไปก็จะเป็นงูรัดศัตรูบีบคั้นไว้จนสิ้นใจ ดังนั้นบ่วงบาศนี้จึงได้ชื่อว่าบ่วงผูกมัดเพราะใช้จับอะไรก็ได้ไม่มีวันหลุด ต่อให้เป็นสิ่งสูงศักดิ์ล้ำค่าชนิดเห็นหัวไม่เห็นหางเช่นครุฑหรือกินนรีนาคบาศนี้ก็ยังจับได้(พ่ออาจารย์ท่านว่าจับได้ทุกอย่างไม่หลุดมือจิตดีๆก็อธิษฐานเอาเลยว่าจะจับอะไร จะใช้กับงาน ใช้กับตำแหน่ง ใช้กับหัวหน้า คู่ทำการค้า ใช้กับเพศตรงข้ามย่อมได้ทั้งสิ้น)เป็นบ่วงเชือกที่แข็งแรงที่สุด แม้พญาครุฑเจ้าแห่งนกก็ยังกลัวบ่วงนาคบาศนี้เช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าเอาตามครูบอกคือสามารถชนะทุกอย่างหรือชนะหมด จะใช้ทำน้ำมนต์เสริมดวง ป้องกันภูติผีและคุณไสย เป็นเมตตามหานิยมแคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายดีมีกินไม่มีอด ใช้ในการการเสี่ยงโชค มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม ท่านว่าถ้ามองในแง่เครื่องรางก็มีอาถรรพ์ครบทุกด้านตั้งแต่คุ้มครองป้องกัน ล้างอาถรรพ์ จับมัดวิญญาณร้าย มัดใจ ผูกจิต ไปจนกระทั่งโชคลาภมหานิยม แต่ที่นอกเหนือจากผู้ทรงฌาณหรือทรงวิทยาคมมักจะแสวงหากันแล้วแม้คหบดี พ่อค้า หรือผู้ปรารถนาความเจริญก้าวหน้าในกิจการก็ยังมักแสวงหาบ่วงบาศนี้เช่นกันเพราะรู้ว่ามันเป็นของกินบ่เซี่ยง กินไม่หมด อยากได้อะไรก็รวบก็รัดได้รุนแรง จึงมีความเชื่อกันด้วยเรื่องอิทธิพลของการผูกมัด มัดจิต มัดใจเพศตรงข้าม เพศเดียวกัน คนที่เราชอบ ไม่จำเพาะศัตรู แม้แต่ภูตผีปีศาจ ศัตรูเรา ลูกค้า คนที่มาเล่นการพนัน นาคบาศสามารถผูกมัดได้หมด

    ถ้าบูชาด้วยความเคารพจักชุ่มเย็นเปรียบเหมือนมีพญานาคมาอยู่ด้วย ทำอะไรก็ไม่มีเสียมีแต่ได้ตลอดทุกครา..ทั้งบ่วงบาศนี้ยังใช้เชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ นาคบาศที่มีคุณอย่างแท้จริงนั้นได้มาครอบครองไม่ง่ายเลย ในอดีตจึงนับเป็นสิ่งล้ำค่าที่บุคคลผู้ใฝ่หาและแย่งชิงกันถึงขนาดฆ่าฟันกันเลยก็มี แม้หลวงปู่ศุขแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่าอาจารย์ของเสด็จเตี่ยก็ยังบ่วงนาคบาศไว้ครอบครอง พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้แล้วคงจะไม่ได้รบราฆ่าฟันกับใคร ดังนั้นจึงทำให้ไว้ป้องกันตัว ให้อธิษฐานคล้องบ่วงรวบรัดในสิ่งที่เราต้องการ ในสิ่งที่เราปรารถนาให้เอาไปใช้เกิดความชุ่มเย็น สงบสุข กินไม่หมด..แม้ใครกล้ามาต่อกรเราก็ต้องแพ้ทั้งหมด ผู้ถือบ่วงจะต้องชนะทุกสิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าบ่วงบาศนี้ปกติจะมีอยู่หลายระดับและมีแต่พญานาคระดับนาคราชขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีบารมีใช้บ่วงนาคบาศได้ ท่านว่าหนนี้เราทำเป็นเนื้อผงให้เต็มสูตรไว้หนเดียวเพื่อหมายใจจะให้คนใช้เอาไว้ใช้กินเงิน กินทอง กินโชค กินลาภมาแก่ผู้ครอบครองเป็นคลังสมบัติ ใช้ให้ทรัพย์สินงอกเงย หากเอาใส่ไว้ในที่เก็บทรัพย์ก็จะป้องกันทรัพย์สินไหลออก และสำหรับผู้ที่ชอบเสี่ยงโชคก็ขอให้เขาชนะทุกอย่าง ..เอาแค่นี้ก็มีชีวิตดีขึ้นแล้ว

    พ่ออาจารย์ท่านว่าให้พกติดตัวโดยทำเป็นพวงกุญแจหรือจะนำขึ้นแขวนคอก็ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในสถานที่ซึ่งมีอาถรรพ์ เรียกว่าชีวิตต้องอาถรรพ์ก็ดีหรือที่อยู่ที่ทำกินต้องอาถรรพ์ก็ดีทั้งบ้านติดทางสามแพร่ง บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน บ้านที่อยู่ต่ำกว่าบ้านข้างๆ หรือใครที่โดนข้างบ้านกดขี่ หรือรู้สึกว่าเขาทำพิธี ทำสิ่งใดข่มหรือสะกดเรา ก็ให้เอาบ่วงบาศนี้แขวนไว้หน้าบ้าน หรือบางบ้านมีต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าบ้านต้นไม้นั้นข่มบ้านเราหากแขวนนาคบาศไว้ที่หน้าบ้านแม้ต้นไม่นั้นมีภูติผีหรือรุกขเทวดารักษาอยู่เขาก็จะออกไปไม่นานต้นไม้นั้นก็จะตาย ดังนั้นบ่วงนี้จึงใช้แก้อาถรรพ์ได้ทุกประการตามแต่ใจจะปรารถนา ทั้งการพกนาคบาศติดตัวจะช่วยปราบสิ่งที่ไม่ดีต่างๆที่จะมาหาเราได้อีกด้วย

    *** บ่วงบาศนี้ฝังพลอยอธิษฐานสารพัดนึกทุกองค์(คละสี) ด้านหลังฝังตะกรุดนาคบาศที่พ่ออาจารย์ท่านลงวิชากำกับไว้ทุกดอก

    คาถาบูชา
    โอม เอหิ พญานาคะสุปัณณานัง สิทธิชะนาจิตตัง อุมะอะ โชคลาภจงบังเกิด (ใช้เสี่ยงโชค)
    โอม เอหิ พญานาคะสุปัณณานัง พุทโธภะคะวา พุทธังสิทธิชะนาจิตตัง ธัมมังสิทธิชะนาจิตตัง สังฆังสิทธิชะนาจิตตัง อิติปิโสภะคะวา พุทธมัดใจ โมเรียกมา บ่วงทัพพะนาคา เยติ โอมประสิทธิเม (ใช้ทางเมตตามหาเสน่ห์ เรียกคู่)
    โอม เอหิ พญานาคะสุปัณณานัง สิทธิชะนาจิตตัง อิติปิโสภะคะวา พุทธังปิด ธัมมังปิด สังฆังปิด มะอุอะ (กันผี กันภัย)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2021
  6. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    พยนต์หมามหานิลดำเมตตาเข้าไส้(เสน่ห์หน้าหมา)
    ปิดรายการนี้ครับ
    90331184_2535144050062263_8431113023585779712_n.jpg
    90615544_148009793188318_2862138172802859008_n.jpg

    ยุคก่อนสมัยหลวงพ่ออ่ำวัดหนองกระบอก เจ้าตำนานแพะมหาเสน่ห์ก็เคยใช้เขาควายเผือกฟ้าผ่าแกะหมาพยนต์ให้ลูกศิษย์ใช้ ว่ากันว่าเฮี้ยนและหายากกว่าแพะแท้ๆมากมายนัก แม้พ่ออาจารย์ท่านก็เคยเอาดินมาปั้นเสกหมาพยนต์ให้คนใช้ จนถึงท่านก็ยังปั้นไว้ใช้เองตามศาสตร์วิชาการสร้างหมาพยนต์หรือหมานิลดำโดยหมานิลดำของท่านนั้นท่านจะรักมันมากและมักบอกเป็นนัยน์ๆเสมอๆว่าเห็นแบบนี้มันเก่งนะมันมาช่วยเราหลายครั้งแล้ว ซึ่งท่านว่าศาสตร์เหล่านี้เขาให้คุณมากเพราะหมานั้นซื่อสัตย์กับมนุษย์เป็นที่สุด

    ด้วยคุณสมบัติต่างๆอันหาได้ยากนานาประการของพยนต์หมานิลดำ ได้แก่
    - ยอมรับเราเป็นเจ้านาย
    - เชื่อฟังคำสั่ง
    - คอยติดตามเราไม่ห่างดุจเงาตามตัว
    - คอยเตือนภัยบอกเหตุร้ายให้รู้ตัว
    - เข้าใจความคิดและการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตลอดจนบุคลิกของเรา
    - ปกป้องเมื่อมีภัย
    - พยายามเข้าหาเราด้วยตัวเองและเขาจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเรา
    สิ่งต่างๆเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้จะทำวัวธนู ควายธนู หรือพยนต์สัตว์เทพใดๆเขาก็ไม่ได้ให้ค่าความซื่อสัตย์จงรักภักดีหรือใส่ใจเรา ทั้งจะพยายามเข้าหาเราด้วยตัวเองตลอด เรียกได้ว่าผู้เป็นนายต้องอยู่ในสายตาตลอดเช่นพยนต์หมานิลนี้ เพราะเขาต้องการสื่อสารกับเราและต้องการพึ่งพาเรา เล่นกับเรา เป็นภาวะที่เอื้อเฟื้อความอารีย์ซึ่งกันและกันเช่นนั้นเองเขาจึงซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับเรามากด้วยเห็นว่าเราเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา และผู้ที่บูชาพยนต์หมามหานิลดำนั้นจะรู้ได้เองว่าเขาชอบผลประโยชน์ที่เท่าเทียม อันนี้พูดกันง่ายๆคือขออะไรเพียงมีตัวล่อ มีเรื่องบน มีของกินเข้ามาล่อมาเสนอเอาว่าสำเร็จไวแน่นอนชนิดทำงานได้ทันตาเห็น เป็นข้อแลกเปลี่ยนง่ายๆยิ่งเราให้เขาก็ยิ่งคืนให้เช่นนี้ ทั้งความรักความรู้สึกก็จะยิ่งผูกพันธ์กันมากขึ้นไปเรื่อยๆ

    ด้วยความเก่ง ความซื่อสัตย์จงรักภักดีและคุณสมบัติเฉพาะตัวงของพยนต์หมามหานิลดำที่เขาเห็นเราเป็นเพื่อนและใส่ใจความรู้สึกนึกคิดเราตลอดเช่นนั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจจะทำพยนต์หมาให้ใช้อย่างเป็นทางการไว้ซักรุ่น ซึ่งท่านว่าเราจะทำให้เพียงครั้งเดียวเพราะวิชาเหล่านี้ถ้าทำให้สุดๆจริงๆแล้วล้วนมีอาถรรพ์อยู่มาก โดยท่านตั้งใจปั้นหุ่นเทียนให้มีลักษณะคล้ายหมาจิ้งจอกด้วยเหตุผลว่าหมาท่านต้องเก่ง เป็นหมานักล่า จะมาหงอยๆซึมๆนั้นใช้ไม่ได้ ท่านทำให้เป็นจิ้งจอกเพราะต้องการไหวพริบ ความเจ้าเล่ห์ ความฉลาด ปราดเปรียว มีสัญชาติญาณดิบ มีความเป็นนักล่า เพื่อจะให้ให้คนนำไปบูชาสามารถใช้ด้เหมาะแก่ยุคสมัยไม่ใช่เอาไว้เป้นเพื่อนเฝ้าบ้านเท่านั้น แต่ยังต้องล่าเหยื่อ หาทรัพย์ ทั้งยังคิดเป็นคอยช่วยเหลือเจ้านายเวลาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ

    ทั้งหมาพยนต์นี้ยังเป็นวิชาทางด้านเมตตาชั้นยอดอันโดดเด่นไม่มีใรเหมือนชนิดหนึ่งด้วย เพราะลักษณะของลูกหมาตัวเล็กๆนั้น ย่อมดูน่ารัก น่าใคร่ น่าเอ็นดู ใครเห็นก็เมตตา ใครเห็นก็อยากเข้าหา อยากเข้ามาเล่นด้วย เรียกว่าเราพกหมาพยนต์ไว้ใครเห็นใครก็ชอบ อยากเล่น อยากหยอก ซึ่งคุณสมบัตินี้พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าคนมีไหวพริบดีเขาจะรู้ว่าใช้ได้หลายทางเช่นเอาไปใช้กับเจ้านายเขาก็รักเขาก็วางใจ ที่เคยไม่พอใจนึกโกรธเราเคืองเราพอเห็นหน้ามันก็วูบไปหมดลืมไปสิ้น ถ้าเอาไปใช้กับเพื่อนเขาก็รักคอยเกื้อกูลเราเช่นนั้น และวิชาหมานิลดำนั้น ท่านว่าพกเขาไว้เถิดจะมีกินมีใช้ตลอดแม้ไม่ต้องขออะไร เพราะหมามันไม่มีวันอดตาย คนโบราณเขาเชื่อเขาถือกันยิ่งนักว่าหมาไม่เคยอดตายดังนั้นวิชานี้จึงดีทางความอุดสมบูรณ์ ความบริบูรณ์อย่างลงตัวเรียกว่าขาดอะไรก็เติมเต็มสิ่งนั้น จะใช้ให้เขาเฝ้าเจ้าของ,เฝ้าทรัพย์ หรือจะใช้ให้ล่าให้หาล้วนใช้ได้ทั้งสิ้น พอได้ไปให้ตั้งชื่อให้เขาด้วย หรือว่าจะเรียกเจ้ามหานิลก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าใครคิดร้ายหรือเล่นไม่ซื่อกับเรา ถ้าใครทำอันตรายปองร้ายหมายชีวิตเราอันนี้เขาจะไปปรากฏกายให้มันเห็นโดยมาเป็นรูปกายสีดำตาแดงตัวใหญ่เรียกว่าไปเตือน และอาจจะไปลงโทษมันผู้นั้นตามระดับความเหมาะควรแก่โทษที่เขาปองร้ายเช่นนี้ และหากผู้บูชาเห็นเขาเองก็ให้รู้ตัวไว้ถ้าเขามาแบบน่ารักๆเป็นลูกหมาตัวเล็กๆนั่นก็คือเขามาเล่นด้วย แต่ถ้าวันไหนเขามาให้เห็นเป็นสุนัขดำตัวใหญ่โตตาแดงเมื่อไหร่ให้รู้ไว้ว่าเรากำลังมีเคราะห์ภัยหรือดวงเรากำลังจะตกกำลังจะเจอเรื่องไม่ดี ให้รีบเอ่ยนามเรียกชื่อเขา บอกให้เขาช่วยเสียแต่เนิ่นๆแล้วคราเคราะห์ตลอดจนเหตุเภทภัยทั้งหลายก็จะระงับไปเอง ***ตรงนี้ให้จำไว้ให้ดีเพราะเขาจะใส่ใจเรามากและถือว่าเขามาเตือนเราแล้ว ถ้าเราไม่เอ่ยปากเคราะห์ภัยนั้นก็จะมาถึงตัว

    เพราะวิชานี้น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเพราะมันใช้กินเคราะห์ภัย เตือนบอกเหตุร้าย ทั้งเฝ้าระวังคอยป้องกันเราไปเสียทุกอย่าง พออะไรมาที่ดูไม่ดีๆนี่เขาจะรีบเตือนเรา เอาว่าถ้าเราอนุญาติหรือเอ่ยปากเขาจะเขมือบสิ่งเหล้านั้นทันทีเช่นนี้ เราจึงบอกได้คำเดียวว่ามันเก่งมากและมันก็เคยช่วยเรามาเยอะแล้ว

    เมื่อท่านใช้ธาตุกายสิทธิ์สูตรเล่นแร่แปรธาตุของท่านหล่อหลอมพยนต์มหานิลดำขึ้นมาท่านยังได้ทำวิชาฝังตะกรุดสำคัญไว้ด้วย นั่นคือตะกรุดวิชาเสน่ห์หน้าหมาหรือหมาเข้าไส้นั่นเอง อันวิชานี้ก็มีตำนานพื้นเมืองสืบทอดกันมาว่า
    " เมื่อโบราณการนานมา มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งทางภาคเหนือ มีพระธิดาที่มีรูปโฉมงดงามมาก เป็นที่หมายปองของเจ้าเมืองน้อยใหญ่ต่างปรารถนาจะได้นางมาเป็นมเหสี แต่พระธิดานางนั้นก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับกษัตริย์เมืองใดเลย จนเรื่องความงามนี้ไปเข้าหูกษัตริย์นักรบเมืองใหญ่ผู้มีฝีมือการรบเก่งกล้า มีวิชาอาคมดี และที่สำคัญมีพระฤาษีที่ทรงฤทธิ์แก่กล้าเป็นที่ปรึกษา แต่ด้วยเป็นกษัตริย์นักรบที่ภาพลักษณ์โหดเหี้ยมกระหายเลือดและรูปโฉมไม่งดงาม เมื่อส่งพ่อสื่อส่งของไปบรรณาการและสู่ขอ เจ้าหญิงจึงปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใย กษัตริย์นักรบหนุ่มรู้เช่นนั้นก็โมโหโกรธายกทัพเข้าตีเมืองหวังหักชิงเอาด้วยกำลัง พระบิดาองค์หญิงก็ออกรบต้านไว้เต็มกำลังก็มิอาจสู้ได้ ทหารประชาชนต่างบาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เจ้าหญิงเห็นดังนั้นก็สลดพระทัยตัดสินใจกลั้นใจตายในห้องบรรทมหวังให้เรื่งทุกอย่างยุติไปพร้อมกับความตายของนาง กษัตริย์นักรบหนุ่มหลังตีพิชิตเมืองได้พอทราบข่าวก็เสียใจและเจ็บแค้นใจที่พระธิดาเลือกความตายแทนที่จะเลือกตนจึงปรึกษาพระฤาษีผู้อาจารย์ อาจารย์ท่านนั้นจึงใช้พระเวทย์นำดวงจิตของพระธิดาใส่ในร่างของสิงโตหวังจะหาทางแก้ไขให้นางฟื้นด้วยวิชา แต่เมื่อดวงจิตของพระธิดาไปอยู่ในร่างสิงโตก็เกิดดุร้ายไล่กัดทหารล้มตายลงเป็นอันมาก พระฤาษีท่านนั้นจึงย้ายดวงจิตเจ้าหญิงไปไว้ที่หมาตัวเมียตัวหนึ่ง แต่ด้วยสัญชาติหมา เมื่อติดสัด ก็วิ่งร่านไปหาเพศผู้เพื่อเสพสังวาส ด้วยอาถรรพ์ร้ายแรงใดไม่ทราบได้ไม่ใช่แต่หมาด้วยกัน แม้แต่ ม้า วัว ควาย ยันคน ต่างมาหลงเสน่ห์นางหมาพากันมาร่วมเสพสังวาสกับนางกันทั้งเมืองจนเป็นเรื่องวิปริตอาเพศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โบราณจารย์ท่านจึงได้ผูกวิชาเสน่ห์หน้าหมาหรือหมาเข้าไส้ขึ้นมาเช่นนั้น"

    ด้วยเป็นวิชาที่ไม่ค่อยปรากฏผู้สร้างมากนักเพราะจะหาผู้รู้จริงทำได้จริงยากยิ่ง อีกทั้งวิชานี้มีเคล็ดการสร้างและวิธีการปลุกเสกพิสดารสร้างได้ยากมากๆ ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจว่าจะทำไว้ซักหนแต่ท่านจะไม่พูดไปถึงทางเสน่ห์ราคะแบบต้นสายวิชา ท่านว่าท่านพูดมากไม่ได้เอาแค่เมตตานี่แหละคนเราเมตตากันมันก็รักกันเอง(ท่านพูดเป็นนัยน์ๆไว้เท่านี้) พ่ออาจารย์ท่านจารตะกรุดปลุกวิชาเสกจนเกิดนิมิตรตรงตามตำราจึงเห็นแจ้งว่าสำเร็จ แล้วจึงนำตะกรุดนี้ฝังลงไปในหมาพยนต์มหานิลดำตอนหล่อหลอม ด้วยตะกรุดเสน่ห์หน้าหมานี้เวลาใครเอาไปใช้ท่านว่าจะเป็นเสน่ห์เมตตาในลักษณะของหมาหยอกไก่นั่นคือหยอกกันคุยกันแบบทีเล่นทีจริง ไปไหนก็มีคนรัก คนนิยมชมชอบ อยากเข้ามาหาไปจีบสาวเขาก็ไม่กลัวต่างก็ยอมเปิดใจให้กับเรา ดังนั้นวิชานี้จึงมีดีทางตี้ซี้หรือจะเรียดว่าตีสนิทก็ได้เพราะขึ้นชื่อว่าคนแล้วหากลองสนิทใจกันเมื่อไหร่ ที่เหลือก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้วเช่นนั้นวิชานี้จึงเป็นวิชาเสน่ห์ชั้นสูงตำรับสายขาว เป็นเสน่ห์มหานิยมดึงดูดผู้คนให้อยากเข้ามาพบปะเจรจาด้วย เจ้านายก็รักเมตตา คนรักก็รักเมตตาอยากอยู่กับเราเพราะเขาอยู่กับเราแล้วเขามีความสุข คนทั่วไปหรือเพศตรงข้ามก็อยากเข้ามาหาเรา ใครที่โกรธเคืองหรือไม่ลงลอยกัน ก็จะมีน้ำใจอ่อนลงอยากเข้ามาหาเรา ***พ่ออาจารย์ท่านว่าแต่โบราณวิชานี้จึงไม่ทำกันบ่อย เพราะมันจะเป็นเหมือนวิชากล่อมจิต กล่อมประสาทเขา ใช้ในการกล่อมจิตใจคนที่เราอยากเข้าหาให้เผยความในใจออกมาและดลจิตดลใจให้รักและซื่อสัตย์กับเราดั่งหมารักนายของมันเช่นนั้น ท่านว่าทำให้หนนี้แล้วจะไม่ทำอีกเลย ใครมีวาสนาก้มาเอาไปเพราะเราทำให้เพียงแค่นี้

    ทั้งความเชื่อแต่โบราณนั้นยังเชื่อว่าสุนัขจะเป็นผู้นำพาเจ้านายไปหาขุมสมบัติ เมื่อได้เลี้ยงสุนัขดีก็จะมีวาสนาดี หรือทางอียิปต์เขาก็เชื่อว่าเทพหน้าสุนัขนั้นเป็นผู้นำพาในโลกวิญญาณทั้งสุนัขดำยังเป็นสัญลักษณ์ของการตายแล้วเกิดใหม่ พ่ออาจารย์ท่านว่าเพราะคตินี้ท่านจึงทำพยนต์มหานิลดำขึ้นด้วยถือเป็นสิริมงคลไว้อย่างหนึ่ง ด้วยใครที่เขามีชีวิตทุกข์ยากจะได้เปลี่ยนชีวิตตัวเองเสมือนตายแล้วเกิดใหม่ จะได้เจอเพื่อนเจอผู้นำทางไปหาวาสนาและโชคลาภที่ประเสริฐยิ่งๆขึ้นไปตามอาถรรพ์ของพยนต์มหานิลดำเช่นนี้


    คาถาบูชา
    โอม วาวาคุปุเน คุวิสสุสัง มะ มะ สวาโหมติด

    ใช้ทางเสน่ห์ว่า โอม พระญาหน้าหมา คันกูไปนอนที่ขอนไม้จนก้านพอโป่งใบ ตกไปตางใดก็หื้อรักกูกูจักเนรมิตรเป๋นผม นางก็ลู่กันชิงกันเกล้ากูจักเนรมิตรเป๋นเข้า นางก็ลู่กันชิงกันกินกูจักเนรมิตรเป๋นดิน นางก็ลู่กันชิงกันย่ำสองพร่ำรักกู แท้เนอนางเนอเออนางรัก โอม สาวหุมติด

    *** ผู้บูชาเวลาจะกินข้าวทุกมื้อ ให้ใช้ช้อนเขี่ยข้าวกับอาหารมาไว้ที่มุมจานกองเล็กๆกองหนึ่งและตั้งจิตเรียกมหานิลดำให้เขากินกับเรา พ่ออาจารย์ท่านว่าจะได้ไม่ต้องเปลืองหรือเสียเวลาไหว้ให้อาหารเขา และเรายังจะได้ผูกสัมพันธ์กับเขาให้ใช้ชีวิตอยู่กับเราไปตลอดเค้าก็จะติดและซื่อสัตย์กับเรามากยิ่งๆขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2021
  7. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    พ่องั่งลอยเคราะห์คลายปมปลดพันธนาการ รุ่น เทพกะซิบ(ปะคำเทพวิชามหาสูบ)
    ปิดรายการนี้ครับ
    90356682_583699385556924_2727642148101947392_n.jpg
    90519062_2618375745153923_4145972969241313280_n.jpg

    พ่ออาจารย์ท่านได้รับนิมิตรให้ทำพญางั่ง(อีหง่างโบราณ)ขึ้นมา ท่านว่าวิชานี้แต่เดิมหาคนทำยาก ของเก่าๆบางคนเอาไปใช้เพื่อทำเสน่ห์ทำให้เป็นของต่ำต้องอาถรรพ์ไปก็มาก ท่านจึงจะบูรณาการทำไว้เสียใหม่

    ท่านว่าวิชาพญางั่งนี้ เป็นปางอวตารขององค์พระศิวะเจ้า(ครูพระสยม)ในพระชาติหนึ่ง เพราะเป็นปางอวตารที่จะลงมาเฉพาะเหตุการณ์จริงๆ ถึงแม้พระภาคเต็มก็ไม่สามารถแก้ไขในส่วนของปัญหาได้ ท่านลงมาเพื่อปลดเปลื้องกฏเกณฑ์ต่างๆในสังคมที่กำหนดขึ้นมาทำให้ธรรมชาตินั้นวิปริต จนพระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถดำรงค์พระองค์อยู่ได้ต้องลงมาช่วยเมื่อถึงกาลถึงวาระนั้น โดยพญางั่งที่ทำนี้ท่านว่าต้องทำด้วยไศวะศาสตร์ เข้าให้ถึงองค์พระศิวะจะทำโดยวิธีอื่นไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเป็นเพียงเครื่องรางธรรมดา ไม่ใช่รูปแบบของมหาบุรุษที่ลงมาเพื่อปลดเปลื้องชะตาชีวิต คลายปม แก้พันธนาการของสรรพสิ่ง เมื่อทำแล้วท่านว่าผู้ใดรู้ตัวว่าโดนกดดัน ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม คือหาความยุติธรรมไม่ได้ในชีวิต โดนกดดัน โดนกดขี่ข่มเหง นี่แหละตรงเรื่องเอาไปใช้เลย เพราะว่าท่านคือผู้ปลดปล่อยสรรพชีวิตออกจากการโดนดูถูกเหยียดหยาม โดนผู้อื่นรังแกอย่างแท้จริง

    ครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านได้ทำโดยลงวิชาอีหง่างโบราณไว้ด้วย ท่านว่าใช้ได้ครอบจักรวาลทั้งยังเป็นเสน่ห์สุดๆ เป็นสัญลักษณ์ของพ่อ เป็นรูปแบบของการกำเนิด ลูกคนใดที่ขาดที่ไม่มี ขอกับพ่อ อะไรก็เกิดขึ้นได้เพราะพ่อยกมือกวักเข้าหาตน พ่ออาจารย์ท่านเป่ากำกับด้วยนะเข้าหา เสมือนพ่อมีทุกสิ่ง ให้ได้ทุกอย่าง ถ้าลูกปรารถนาพ่อย่อมเรียกเข้ามาหามาประเคนให้ได้ทั้งสิ้น เรื่องหญิงสาวคู่ครองนั้นยิ่งกว่าจอมเจ้าชู้ใดๆ แต่หลักใหญ่ที่ท่านทำเพื่อแก้กฏเกณฑ์เวรกรรมต่างๆในชีวิตผู้บูชา

    งั่งชุดนี้เป็นชุดพิเศษ เพราะพ่ออาจารย์ท่านหล่อด้วยแร่เงินยวงเข้ากับธาตุกายสิทธิ์และชนวนตะกรุดลอยเคราะห์ วิชาลอยเคราะห์เป็นวิชาชั้นสูงที่ท่านต้องลงจารเสกเก็บไว้เมื่อถึงกาลถึงวาระจริงๆเท่านั้น เป็นของที่มีอานุภาพมาก ท่านว่าความหมายมันก็ตรงตัว คือลอยอยู่เหนือเคราะห์กรรม คล้ายๆกับการตกตะกอนของน้ำ เคราะห์กรรมอยู่ส่วนหนึ่ง น้ำอยู่ส่วนหนึ่ง ลอยแยกจากกัน เคราะห์กรรมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรา ดุจดั่งว่าเวทย์วิชานี้คือกำแพงที่ขวางกั้นน้ำกับตะกอนเช่นนั้น ที่ว่าสร้างยากนั้นก็เพราะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ท่านว่าไม่มีใครอยากจะทำให้กันหรอก ตอนเรียนมาท่านก็ย้ำหนักหนาว่าต้องเลือกคนให้ ไว้ทำยามบ้านเมืองคับขัน ประชาชนเดือดร้อนข้าวยากหมากแพง

    ที่สำคัญเลยพ่องั่งคลายปมนั้น ท่านอธิษฐานจิตจนสำเร็จมีตัวมีตนและกำกับวิชาเทพกะซิบไว้ด้วย เพื่อให้คนที่บูชาเวลาเรียกใช้งานหรือบูชาจะสัมผัสพ่องั่งได้ด้วยจิต เช่นการบอกเหตุล่วงหน้า พกติดตัวช่วยเตือนภัย คุ้มครองป้องกันอันตราย ช่วยเรียกโชคลาภเงินทอง บอกกล่าวค้าขายร่ำรวย บอกโชคลาภเลขหวยนิมิตได้ด้วย หรือจะเสี่ยงโชคก็ช่วยได้เสริมดวงการพนันให้ชนะได้ ซ้ำเป็นเครื่องรางมหาเสน่ห์ ตามหาความรัก ตามของหาย หรือจะบนบอกขอเรื่องการงานก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสมาธิของผู้ที่บูชา ท่านว่าเรียกพ่องั่งเทพกะซิบกระซิบมาใช้งานไม่ยากอย่างที่คิดขอเพียงเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ และงั่งรุ่นนี้ *....ท่านว่ายิ่งพูดคุยกับเขาบ่อยๆ พูดเองเออเองถามเองตอบเองเหมือนเลี้ยงกุมารทองยิ่งดียิ่งนัก ตอนทำแรกๆอาจจะไม่รู้สึกแต่พอได้พูดคุยกับเขาแล้วท่านว่ามันจะมีตัวรู้คอยตอบคำถามเราเอง ยิ่งทำบ่อยๆเสมือนได้พูดคุยโต้ตอบกัน จิตสัมผัสเราจะเฉียบคมขึ้น ไปเสี่ยงดวงบนบอกขออะไรกับพ่องั่งก็จะเร็วขึ้น

    ด้านหลังท่านฝังปะคำเทพวิชามหาสูบเอาไว้ เป็นประคำที่ท่านตั้งใจทำเพื่อบรรจุพ่องั่งโดยเฉพาะโดยใช้ผงสิริชมพูนุชอันเป็นสุดยอดวิชาเสน่ห์เมตตาค้าขายมาผสมกับผงเทพวิชามหาสูบผสานกับผงวิชาการทำประคำพระเจ้าคุ้มเรือน

    เกี่ยวกับเทพวิชามหาสูบก็จะพูดถึงรายละเอียดคร่าวๆดังนี้
    เทพวิชามหาสูบวิชานี้มักจะใช้ในการดูด ถ่ายเทพลัง สูบพลังจากสิ่งต่างๆเข้าสู่ตัวตนของผู้ใช้ ทั้งยังสลายพลังอาถรรพ์หรืออวิชชาให้สูญสิ้นไปอีกด้วย ท่านว่าฟังเหมือนง่ายแต่ติดที่ว่ามันใช้ได้ไม่มีข้อจำกัดนี่สิ เรียกว่าใช้ทั้งสูบทั้งสลาย แต่ที่อันตรายก็เพราะความคิดพิเรนทร์เพราะบางคนก็คิดจะใช้สูบมนต์จากครูบาอาจารย์ตนเอง ท่านว่าพิเรนทร์ถึงขนาดที่ว่าพระเกจิบางรูปที่รู้และสำเร็จวิชานี้เคยคิดแม้แต่จะสูบวิชาของพระพุทธเจ้าก็มีมาแล้วแต่ก็ทำไม่สำเร็จ พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าวิชานี้ด้วยจิตใจคนนั้นไม่มั่นคงจึงไม่ถ่ายทอดให้กับใคร ให้ใช้แต่เพียงคุณของวิชาที่ลงในไว้เท่านี้ก็พอ จำเพาะเท่านี้ท่านว่าก็เป็นคุณมหันต์ไม่มีข้อจำกัดใดๆแล้ว

    เกี่ยวกับผงมหาสูบวิชานี้ที่น่ากลัวแท้ที่จริงแล้วอยู่ที่เรื่องมหาสูบตามชื่อวิชานอกจากใช้สูบมนต์ สูบวิชาได้ทุกสิ่งแล้ว สิ่งที่สูบมานั้นก็ไม่ได้สูญเปล่า ไม่ได้ทำไว้เพื่อให้เราเอาไปรังแกใคร สูบมาแล้วก็ไม่ได้หายไปไหน ท่านว่าพลังงานที่ให้คุณต่างๆอันสูบมานี้ก็จะมาเสริมส่งเรา เป็นบารมีของเรา

    แต่เดิมนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่สำเร็จวิชานี้ ที่เอาดีทางอาคมไปลองดีสูบวิชาคนก็มี แต่คนที่เรียนมาเหมือนกันแล้วเขาฉลาดเล่นทางอาคมเอาวิชานี้ไปสูบเงินสูบทองจากปุถุชน สูบบารมีจากคนจากสถานที่ต่างๆจนกลายเป็นเศรษฐีสืบวงศ์ตระกูลมาได้หลายชั่วโคตรก็มี ท่านจึงว่าวิชาเหมือนกันต่างกันที่คนใช้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร ถ้าใช้เป็น หมายถึงใช้แล้วคิดเป็นก็จะได้ดีเกินคนโดยไม่ยาก

    ตรงนี้ท่านว่าให้ใช้ความคิดมากๆ อย่าสักได้แต่ว่าคาด ยกมือไหว้ขอๆเอาให้พ้นๆไป ท่านว่าคิดซักเล็กน้อย วิชานี้เอาจริงๆยิ่งใช้ยิ่งดี พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งใช้เป็นมันยิ่งสนุกนะเวลาเราพกอาราธนาตะกรุดนี่ไปตามสถานที่ต่างๆ ตามวัดวาอารามทั้งหลายเราก็นั่งภาวนาอธิษฐานสูบบารมีเข้าไปเพิ่มให้กับตัวเอง คนที่วาสนาต่ำ ดวงตก ดวงแตก ดวงกาลกิณี ติดวิบัติ ติดพระเคราะห์ใดๆก็ตามให้ไปทำเถิด สูบบารมี สูบอำนาจตบะต่างๆของพระอริยะเจ้าที่ท่านเหลือทิ้งไว้ตามสถานที่ของท่าน พ่ออาจารย์ท่านว่าพ้นกรรมกันได้ง่ายๆเลยถ้าใช้เป็น ไปอธิษฐานสูบเอาได้ไม่ต้องกลัวหมด คนที่ฉลาดหน่อยเวลาเขาไปธนาคารไปสถาบันการเงินการคลังก็จะอธิษฐานสูบสัญญาความจำได้หมายรู้ต่างๆเพื่อเปิดวาสนาทางการเงินเข้าไป ให้ดวงเราชีวิตเราผูกพันธ์กับเงิน กับโชคลาภตลอดเวลา ท่านว่ามันอยู่ที่วิธีคิดแล้วเอาไปใช้ ยิ่งคิดมากๆก็ยิ่งใช้ได้หลายทาง ยิ่งใช้เป็นก็ยิ่งสนุก อยากมีวาสนาด้านไหนก็เอาไปสูบเอาตรงนั้น สถานที่นั้นๆ ท่านว่านี่คือคนที่คิดแล้วใช้ให้เป็น ไม่ใช่พกแล้วสูบไปเรื่อย เช่นนี้ชีวิตก็คงที่ ฤทธิ์ บารมีอะไรทั้งหลายมันกินไม่ได้ แต่ถ้าเล่นเป็นตะกรุดนี้นับว่ามีค่าควรเมืองจริงๆ

    พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากสูบวิชา สูบเงิน สูบทอง สูบมหาโชค มหาชัย มหาลาภที่ว่าบันดาลโชค เปิดวาสนา ทำให้ทรัพย์งอกเงย แข่งขันสิ่งใดก็แพ้ไม่เป็นแล้วแล้ว ไม่เพียงพลังงานเหล่านี้จะเกื้อหนุนสูบเข้ามาหาตัวเราตลอดเวลา ท่านว่าเรื่องเหล่านี้เด็กๆไปเลย มนต์วิชามหาสูบนี้แท้จริงแล้วเขาใช้กันได้มากกว่านั้น

    นอกจากการสูบทั่วไปแล้ว ท่านว่าของที่ทำได้ยากเช่นสูบเอาฤทธิ์ เอาตบะ บารมี สูบจนตนเองกลายเป็นร่างกายสิทธิ์ก็ยังทำได้ ตบะบารมีและฤทธิ์เดชเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤติของบุคคลทั้งหลาย เมื่อเราสูบมาสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็จะกลายมาเป็นของเรา เสริมส่งตัวเรา นี่คือที่สุดของวิชามหาสูบที่แท้จริง เรียกว่าตัวเราเป็นศูนย์ ไม่มีอะไรซักอย่าง แต่สูบจนมีได้ทุกอย่างในโลก สูบจนตัวเองเป็นกายสิทธิ์เสมอด้วยเทพยดาเช่นนั้น

    ดังที่กล่าวไปพ่ออาจารย์ท่านว่ามันให้คุณมากสำหรับคนที่ใช้เป็นและมันก็น่ากลัวมากสำหรับคนทำผิดคิดชั่ว ครั้นจะปล่อยให้เสื่อมสูญไปก็น่าใจหาย เช่นนี้วิชานี้หลายๆคนจึงไม่ถ่ายทอดและไม่ทำ ครูบาอาจารย์บางคนเขาก็กลัวศิษย์คิดล้างครู พ่ออาจารย์ท่านพิจารณาเห็นว่าหากเราไม่ถ่ายทอด เราก็เพียงนำวิชามาทำไว้ ให้คนอาราธนาเขาได้ใช้คุณวิชา เช่นนี้เค้าก็จะเชิดชูคุณครูบาอาจารย์แต่หนหลัง ไม่ผิดครู ล้างครู เพราะเขาใช้ได้ด้วยมีตะกรุดที่เราเสกด้วยคุณวิชาจนสำเร็จรู้เพียงคาถาเพื่อใช้ส่วนหนึ่งแต่หาได้รู้วิชาจริงๆไม่ เช่นนี้ท่านว่าก็จะได้ใช้กันได้แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไร

    ท่านว่าให้ถือเสียว่าเป็นของคู่ตัว ใครรับไปก็ให้นอบน้อมในคุณเทพ เทวดาและครูบาอาจารย์ ด้วยสิ่งนี้เป็นเทพวิชาที่ลึกลับมาก ต่างจากพุทธคาถาหรือธรรมคาถาใดๆ อันเทพวิชานั้นย่อมใช้ได้และให้คุณไว เห็นผลสัมฤทธิ์ชัดเจนต่างจากอำนาจคุณพระทั้งจุดประสงค์โดยตรงของวิชานี้ก็ชัดเจนยิ่งว่าขัดกับทุกๆหลักการ ดังนั้นคนใช้อาราธนา * สิ่งที่ต้องมีก็คือความเชื่อ ยิ่งเชื่อมากก็ยิ่งใช้ได้เร็วมาก ยิ่งศรัทธามากก็ยิ่งสูบได้มาก การที่เราจะสูบอะไรจะได้มากหรือน้อย ท่านว่าต่อจากนี้ไป มันขึ้นอยู่เพียงแค่ว่าเขามีความเชื่อหรือศรัทธามากแค่ไหนเท่านั้นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงวิชามหาสูบมาทำปะคำสำคัญเพื่อฝังพ่องั่งแก้ปมโดยเฉพาะ ท่านว่าลำพังงั่งก็ยอดขลังแล้ว ถ้ารวมกับวิชามหาสูบและเทพกะซิบนั้นจะยิ่งเฮี้ยนและให้คุณมากจนประมาณความสำเร็จใดๆไม่ได้เลย เข้าทำนองว่าเก่งมาก มีฤทธิ์มาก สงเคราะห์ได้มาก ท่านว่าเอาไปกันนะ ให้เอาไปใช้ อย่าเอาไปเก็บ พ่องั่งนี้ยิ่งใช้ยิ่งขลัง ยิ่งสัมผัสเนื้อตัวเราบ่อยเท่าไหร่เขาก็ยิ่งช่วยเราได้มากเท่านั้น

    * วิธีเลี้ยง
    - ให้นำพญางั่งใส่ถ้วยไว้ แล้วตอกไข่ใส่ไป อธิษฐานให้พ่อนั้นเสพย์นั้นกินให้อิ่ม หลังจากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ซักสองชั่วโมงแล้วนำมาล้างน้ำทำความสะอาด จะทำอาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละครั้งก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งทำท่านยิ่งมีฤทธิ์มาก ยิ่งทำยิ่งขลัง เวลาจะบนอะไรก็ให้บนด้วยไข่นี่แหละ จะของานหรือหมายตาใครก็บอกท่าน ยิ่งใช้ยิ่งแรง
    - พ่ออาจารย์ท่านว่าสิ่งนี้เป็นของกายสิทธิ์ไม่ต้องใช้คาถาใดๆ ทำใจนิ่งบอกล่าวสื่อสารกับท่านด้วยภาษาใจ ขอให้ใช้ ยิ่งใช้ยิ่งแรง จะนำไปทำพวงกุญแจก็ได้หรือพกไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ได้ หรือพกในที่ลับก็ได้ เป็นของกลางๆ ไม่จำเป็นต้องห้อยคอ แต่ถ้าพกในที่ลับมันจะกินเสนียดและช่วยล้างความอุบาทว์จัญไรต่างๆที่ติดตัวเรามาแต่ชาติกำเนิดเดิมได้ไวเป็นพิเศษ
    - ท่านสั่งให้บอกเค้ากันสั้นๆ แม้เคราะห์อันเกิดกับมหานคร เกิดแต่สรรพชีวิตหมู่มาก วิชานี้ยังแก้ไขได้ จากตกต่ำแล้วทำให้เจริญได้ นับประสาอะไรกับตัวบุคคล ท่านว่าอย่าอธิบายมากไปกว่านี้ลำพังวิชางั่งนั่งแพะ ท่านว่าตอนท่านเชิญญาณครูบาอาจารย์ต่างๆมาช่วยกันเสกก็ได้รับการยืนยันมากแล้วว่านี่มันพระเจ้าชู้นี่น่า ไม่มีขุนแผนหรือเครื่องรางใดๆจะมีคุณทางเสน่ห์มากไปกว่านี้

    บูชาได้ทั้งหญิงและชาย พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าถ้าไม่ปรารถนาจะให้เป็นเสน่ห์ก็บอกกล่าวกับท่าน ว่าขอเพียงมาเกื้อกูลให้ชีวิตลูกดีขึ้นเท่านั้นพอ เพราะดวงจิตท่านไวเราพูดเราบอกอะไรไปท่านรู้หมด

    * วิชางั่งเป็นวิชาที่แปลก ผู้เลี้ยงจะรู้กันดีว่ายิ่งใช้ยิ่งแรง ยิ่งเลี้ยงดูมากๆหลายตนก็ยิ่งสำเร็จมาก จะเห็นได้จากผู้ศรัทธาบางคนเวลาสงัดและอยู่ในชีวิตส่วนตัวจะเอาสายคาดเอวห้อยพ่องั่งทีสามสี่สิบตนมาแขวนไว้รอบเอวเลยก็มี จากคนต่ำชั้นไร้ชื่อไม่ถึงสิบปีเปลี่ยนเป็นเศรษฐีพันล้านมีชื่อเสียงโด่งดังในหลายประเทศก็มีมาให้เห็นแล้วเพราะอานุภาพของพ่องั่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าอยู่ที่ความศรัทธา พ่องั่งนี้ยิ่งศรัทธาเขาก็ยิ่งแรง ท่านว่าเคล็ดบางอย่างมันบอกกันได้เท่านี้จริงๆ ที่บอกนี่ก็ยิ่งกว่าชี้โพรงให้กระรอกแล้ว จะใช้อย่างไรแต่เอาว่าเชื่อเถอะวิชานี้สร้างมาให้ใช้เข้ากับศรัทธา เขาแรงจริงๆ ...เพราะงั่งเปลี่ยนชะตาคนได้ จากจัณฑาลวรรณะที่ถูกสาปให้ได้กับเจ้าหญิงกลายเป็นมหาราชายิ่งใหญ่กว่าพระราชาทั้งหลายก็ปรากฏมาแล้ว ท่านว่าเครื่องรางนี้แปลก ยิ่งโดนกดขี่ กดดัน โดนรังแกก็จะยิ่งได้ดีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว พ่ออาจารย์ท่านว่ายุคนี้ที่เอางั่งคลายผมออกมาให้บูชานั้น เพราะทุกการงานและสายอาชีพแทบจะโดนกดขี่ ถูกกระทำ รังแกทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2020
  8. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    พญาลูติกาขย้ำเหยื่อยันต์แปดทิศชุดพิเศษ(อุดผงยาดักมนุษย์สมบัติ)
    ให้บูชา 900 บาท รวมส่งครับ
    90545993_501039844118689_4518462679525883904_n.jpg
    90357233_563619317844342_8308515333900075008_n.jpg

    วิชาพญาลูติกาหรือแมงมุมล่อเหยื่อ ดักเหยื่อ ขยำเหยื่อนี้ก็เรียก เป็นวิชาพิเศษของพ่ออาจารย์ท่าน ที่เน้นใช้งานจริง เร็วจริง ให้ผลจริง เกี่ยวกับการใช้งานให้เครื่องมงคลช่วยล่อ ช่วยดัก บุญวาสนาและสิ่งดีงามรวมไปถึงทรัพย์โภคสมบัติและโชคลาภทั้งหลาย

    โอกาสสำคัญในวาระสุดพิเศษนี้ที่หลายคนถามหาแต่พลาดพระเจ้าประทานธรรมไปนั้น พ่ออาจารย์ท่านให้นำแมงมุมชุดพิเศษ ชุดเล็กที่ท่านทำเข้ากับยาดักมนุษย์สมบัติไว้ เป็นแมงมุมชุดแรกที่ท่านเทขึ้นอุดผงยาและลงวิชาพิเศษเพื่อแก้ทาง แก้ปัญหา แก้วิชา ของคนทำมาหากินไม่ขึ้นเพื่อให้คนที่ชอบสายดูด สายดัก หรือหวังประสบความสำเร็จในมนุษย์สมบัติทั้งปวงได้อาราธนา

    แมงมุมชุดพิเศษนี้เราเรียกว่าชุดยันต์แปดทิศ ที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างตามลักษณะใยและการดักของยันต์แมงมุมให้มีอานุภาพดักแปดทิศ ติดแปดเรื่อง ได้แก่
    - ชื่อเสียง ตำแหน่ง อำนาจ ความเจริญรุ่งเรือง
    - ความสุขสมหวังทางชีวิตคู่
    - ความสำเร็จของบุตรธิดา บริวารปรองดอง
    - ความช่วยเหลือเกื้อกูลย์เวลาตกที่นั่งลำบาก
    - ความเจริญในกิจอาชีพ
    - ความรู้การบ่มเพาะตนเอง
    - ความปรกติสุขของครอบครัว สุขภาพแข็งแรง
    - ความมั่นคงในชีวิต

    ท่านว่าชุดนี้ท่านแก้เคล็ดคนใช้ด้วยการเอาแมงมุมมาลงจารอักขระเรียกสูตรนะมีในทิศก่อนจะอุดผงยาดักมนุษย์สมบัติ ท่านว่าเมื่อเสกแล้วพลังงานทั้งหมดย่อมเชื่อมต่อกันเป็นแรงดึงดูดจากนะมีในทิศกลายเป็นมั่งมีในทิศทั้งแปด ตัวนี้ท่านว่าดีมาก อยู่ทิศไหนก็มั่งมี อยู่ทิศไหนก็ได้ ก็ดักติด ได้ดักเหยื่อ ล่อเหยื่อ ขย้ำเหยื่อไม่คลาดแคล้ว

    นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงตะกรุดวิเศษสองดอกกำกับแมงมุมชุดพิเศษไว้ ดอกหนึ่งคือดักวาสนา ดอกที่สองคือดักเงิน ท่านว่าเอาเอาตรงๆมีเงินมันก็ดุจมีทุกสิ่ง ดักเงิน ดักโชคลาภให้อยู่กับตัวเราและเพิ่มวาสนาไปเรื่อยๆต่อยอดให้มากขึ้นเท่านี้ แมงมุมชุดนี้ท่านจึงว่าเป็นที่สุดจริงๆทั้งด้วยวิชาแมงมุมรวมไปถึงกลคาถามั่งมีในทิศทั้งแปด ทั้งยังผงยาดักมนุษย์สมบัติและตะกรุด ท่านว่า"สมบูรณ์ด้วยมายา เป็นพยนต์ที่มีฤทธิ์มาก" ถึงขนาดที่พ่ออาจารย์ท่านอุทานว่า"แมงมุมชุดนี้ให้คุณมากเกินกว่าจะประมาณการณ์ใดๆได้"

    ทำไมหลายๆคนถึงขนาดกล่าวขานว่าเป็นไอเท็มที่โกงสุดๆ ...ก่อนอื่นก็จะขอนำวิชาแมงมุมของพ่ออาจารย์ท่านมาลงไว้อีกคำรบหนึ่ง ให้พิจารณกัน***......เมื่อกล่าวถึงวิชาสายธรรมเวทย์ ที่เป็นบทวิชาสำคัญอันเกี่ยวเนื่องกับความสุขอย่างหยาบทั้งหลายที่จำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิตไม่ใช่สิ่งปราณีตสูงสุดคือบรมสุขหรือพระนิพพาน ด้วยวิชาสำคัญนั้นทำไมถึงเปลี่ยนชีวิตคนได้ง่ายๆ วิชาอะไรที่ทำให้ฐานะเปลี่ยนแปลง ไม่เหนื่อยและไม่ต้องลงแรงมาก เครื่องมงคลอะไรที่เป็นทั้งเหยื่อล่อแล้วก็ใช้ล่อเหยื่อในเวลาเดียวกัน ใช้เพื่อการกินเหยื่อแบบกว้างๆตามแต่จะอธิษฐาน เปรียบเปรยทำนองว่าลงแรงทำอะไรต้องได้ผล แม้อยู่กับที่ยังต้องอิ่ม ต้องได้กิน ไม่ถูกคนอื่นแย่งกิน เป็นวิชาเกี่ยวกับการกางอาณาเขตในทิศทั้งแปดเพื่อทำการสร้างพื้นที่พิเศษ เอาไว้ทำการดักจับหรือที่เราเรียกว่าสร้างเหยื่อล่อไว้ล่อเหยื่อก็เรียก

    พญาลูติกาล่อเหยื่อที่ท่านหล่อขึ้นมาจากยันต์วิชาเฉพาะทางอันเป็นวิชาบังคับในการทำแมงมุมนี้ วิชาแมงมุมนั้นสำคัญอย่างไร “แมงมุมเป็นสัตว์สะอาด อาหารของมันเป็นอาหารที่หมดอายุแล้ว แมงมุมไม่ใช่นักล่าที่แสวงหาชีวิตของผู้อื่นกินเป็นอาหาร เหมือนสัตว์อื่น เพราะแมงมุมจะชักใยดักเหยื่อไว้ ในที่ๆเหยื่อจะมองเห็นได้ ไม่ใช่ว่าซ่อนหรือดักไว้ในที่ลับตา” แมงมุมจะคอยเฝ้าเหยื่อที่อยู่ปลายใยของตัวเอง จะไม่เห็นแมงมุมวิ่งไปรอบหรือไล่เหยื่อให้มาติดใยที่ปลายใยของตนเอง แต่เหยื่อจะเข้ามาติดใยเองเพราะหมดบุญหรือถีงที่ตาย ซี่งเมื่อเข้ามาติดในใยแมงมุมแล้วนั่นคืออาหารที่แมงมุมจะกินเพื่อต่อชีวิต แมงมุมจะกินของเหลวในตัว ซากที่เหลือจะทิ้่งลงมาด้านล่างเพื่อเป็นอาหารของมดและแมลงเล็กๆด้านล่าง ไม่เสียเปล่าประโยชน์.....พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้สำคัญ มีความหมายลึกซึ้งทุกด้าน นั่นคืออยู่เฉยๆก็มีเข้ามาป้อนถึงปาก ลงแรงครั้งเดียวก็มีเข้ามาเรื่อยๆ มีมาให้กินถึงที่ แม้จะรู้ว่าเป็นกับดักติดแล้วต้องตายก็ยังมีเหยื่อเข้ามาพร้อมที่จะติดตลอดเวลา

    พ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกพญาลูติกานี้จนมีชีวิตเคลื่อนไหวได้ในนิมิต เป็นการสำเร็จวิชาแมงมุมชักใยขั้นสูงสุดก่อนนำมาอุดยาดักนี้ ท่านว่าใยแมงมุมนี้ดักจับได้ในธาตุทั้งสี่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีก็ตาม เป็นแรงดึงดูดที่แผ่อำนาจออกไปทุกสารทิศ ดุจจุดที่เรายืนอยู่คือมิติของแมงมุม คืออาณาเขตของเรา เปรียบตัวเราเป็นแมงมุมท่านเปรียบเหยื่อกับลาภสักการะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนกระทำกิจใด ลาภสักการะย่องไหลหลั่งมาไม่ขาดสายทีเดียว ท่านว่าเมื่อแมงมุมชักใยล่อเหยื่อให้เข้ามาติดกับ แม้จะอยู่ในที่เปิดเผยเห็นได้ชัดเจน ก็ยังมีเหยื่อเข้าติดใยด้วยอำนาจดึงดูดและชักชวนเข้าหาสอดผสมกัน ดุจเราคนใช้ แม้พิจารณาเห็นว่าจะไปทำด้วยเล่ห์และวิธีใดเพื่อประโยชน์ในกิจของชีวิตแต่ละคน ท่านว่าให้เปรียบตัวเราเป็นแมงมุมกินเหยื่อ จะเอาไปใช้ด้านใดทั้งการเจรจา จีบสาว การทำงาน ธุรกิจ การพูดคุยที่มีผลประโยชน์ ทุกคู่สนทนา ทุกคนที่เราเข้าหา เขาทุกคนคือเหยื่อที่ติดใยรอเรากินทั้งหมด ท่านว่าวิชานี้สำคัญเพราะมันได้กินแน่นอน เขาหนีไม่รอดเลย

    ท่านได้อุดแมงมุมด้วยผงยาดักมนุษย์สมบัติ ท่านว่าผงนี้มีคุณอย่างประเสริฐ ถ้าใครหวังเอาดีทางโลก ปรารถนาชีวิตแบบคฤหัสถ์ที่สุขสบายก็ให้ใช้บูชาเถิด บรรพชิตอย่าได้แตะต้องเลย ด้วยผงยาดักนี้จะนำมาซึ่งลาภ ยศ สุข สรรเสริญ อันเป็นเหตุเพิ่มพูนความสำเร็จทุกสิ่ง ปัจจัยความสมบูรณ์แห่งความเป็นมนุษย์มี 8 ประการ คือมนุษย์สมบัติทั้งแปด เรียกว่าสมบัติแห่งความเป็นมนุษย์ที่ทำบุญมาดีแล้ว
    1. รูปร่างหน้าตาสวยงาม ครบบริบูรณ์
    2. มีทรัพย์สมบัติมาก บริบูรณ์ ไม่ขาดแคลน ขัดสน
    3. มียศถาบรรดาศักดิ์ เกิดในตระกูลสูง
    4. มีเกียรติยศชื่อเสียง เป็นเคารพยกย่อง
    5. มีเพื่อนที่ดี มีบริวารมาก
    6. ฉลาด มีสติปัญญาดี แก้ปัญหาเก่ง
    7. มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์
    8. มีอายุยืนยาว
    มนุษย์สมบัติทั้งแปดประการนั้น แม้ผู้ใดทำมาดีแล้ว มีมาแล้ว ก็จะช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายทั้งนี้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างบารมีต่อไป พ่ออาจารย์ท่านว่าคุณสมบัติทั้งหมดนั้นให้ผลต่อเนื่องกันใครมีครบก็ถือว่าเกิดมามีบุญ เป็นผู้ใหญ่ ทำการณ์ใหญ่ สมบูรณ์ด้วยยศ วาสนา บรรดาศักดิ์ มีอำนาจมาก ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็เจริญรุ่งเรือง ล้มไม่ได้ พ่ายไม่เป็น แต่หากใครบกพร่องขาดสิ่งใดไปแล้ว บางคนแม้พากเพียรทั้งชีวิตก็ไม่อาจจะมีขึ้นมาได้ซักข้อหนึ่ง ท่านจึงทำผงยาดักมนุษย์สมบัติขึ้นเพื่อเติมเต็มกระบวนการพื้นฐานทุกสิ่งตามที่มนุษย์ขาด ตามที่ควรจะมี ควรจะเป็น

    ผงยาดักมนุษย์สมบัตินี้ นอกจากจะเติมเต็มความบริบูรณ์ทางคุณสมบัติความเป็นมนุษย์แล้ว ยังใช้ได้อีกมากมายหลายทางโดยเฉพาะทางเมตตามหาเสน่ห์ด้วย ถึงขนาดที่พ่ออาจารย์ท่านออกปากว่าถ้าไม่ทำของเปลี่ยนลิขิตฟ้า ผงนี้ควรจะเอาไปกดขุนแผนซักรุ่นเสียจริงๆ ด้วยผงนี้ท่านว่าผู้ใดได้ครองก็นับว่าเป็นเสน่ห์ พกพาไว้ก็มีสง่าราศี จะเจรจาสิ่งใดก็ดี ซื้อง่ายขายคล่อง ยิ่งเฉพาะเพศตรงข้ามหรือแม้แต่เพศเดียวกันล้วนรักใคร่เมตตา ที่ว่าเป็นผงยาดัก นั่นคือผงยาที่มีฤทธิ์รุนแรงทางใจ ทางมายาศาสตร์ ถึงขั้นว่าอยากได้ใครเอาผงนี้แช่กับน้ำมันเพียงเท่านั้น ใช้ป้ายได้ทั้งสิ้น ป้ายไว้ตรงไหน ไม่เลือกว่าจะที่ใด ใครที่เราปรารถนา ใครได้จับ ได้สัมผัส ล้วนมีใจโอนอ่อนผ่อนตามอารมณ์ของเราผู้ต้องประสงค์ คนสมัยเก่ามักจะใช้กันเช่นนี้ ทั้งป้าย ทั้งดีด มีอิทธิคุณยิ่งนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าดักได้ทุกสิ่งด้วยมติแห่งครูบาอาจารย์ ท่านเกรงวิชาจสูญไปครั้นจะทำให้ใช้ก็กลัวเป็นบาปกรรม จะเอาไปเล่นทางเสน่ห์ก็กลัวจะเสียของกันไป จึงเอามากดเป็นองค์พระให้หมดสิ้น ผู้ใดได้ครอบครองพระเนื้อผงยาดักมนุษย์สมบัตินี้ ท่านให้ตั้งจิตปรารถนาให้ดี ชีวิตขาดตกบกพร่องอะไร เรียกง่ายๆคือไม่มีอะไร ก็อธิษฐานดักเอา ท่านว่าดักได้ทุกสิ่ง ขาดทรัพย์ก็หมายทรัพย์ ขาดคู่วาสนาก็หมายคู่เรียงเคียงหมอน ขาดมิตรภาพ ขาดบริวาร ขาดวาสนา ขาดบารมี ขาดสุขภาพที่ดี สิ่งใดๆในโลกนี้ล้วนแต่ไม่เกินก็ขาด หากสิ่งใดขาดท่านว่าตั้งจิตปรารถนาบอกเสด็จพระใหญ่ ขออานุภาพยาดักนั้นให้คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตเราทางไหนก็ว่าไป ด้วยคุณพระ คุณยา คุณครูบาอาจารย์ดลให้เป็นไปด้วยพุทธานุภาพ ทุกสิ่งย่อมสมแก่ใจ...

    นอกจากจะดักและปรับเปลี่ยนพื้นฐานชีวิตให้อยู่ในความสมควรตามกรอบสูงสุดของมนุษย์สมบัติอันควรจะมีแล้ว ยังแผ่อำนาจออกไปในมหาทิศทั้งสี่กับอีกสี่ทิศย่อยด้วยวิชาแมงมุมชักใยเมื่อส่งเสริมเข้ากับอานุภาพของยาดักแล้ว ท่านว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องห้าม นั่นคือข้างบนเขาห้ามไม่ให้เราพูด บอกคร่าวๆได้แค่เป็นวิชาดักซ้อนกับดัก นั่นคือดักได้ทุกสิ่งไม่หลุดรอด ขอเพียงคนใช้ตั้งความปรารถนาดีๆ ท่านว่าขึ้นอยู่กับใจตัวเองนั่นแหละว่าปรารถนาสิ่งใด

    คาถาบูชา
    นะกะรีกะรานังบังเกิด โอมจิตรามณีมหามันตรานัง ปัญจะทานังยะสัง ทาสาทาสีโกมัง ปัสสันติสิเน่หัง มาตาปุตตังวะโอรสัง สัพเพชนา พหูชนา สัพเพปุริสา พหูปุริสา สัพเพอิตถี พหูอิตถี สุวันนะระชะตัง มะหาสุวันนะระชะตัง อังคะตะเศรษฐี มหาอังคะตะเศรษฐี มิคะตะเศรษฐี มะหามิคะตะเศรษฐี ปุริเศษะวา อิตถีวา พราหมมะณีวา มะอะอุ มานิมามา สาวังคุณณังภวันตุเม สาวังคุณณังภวันตุมา

    ท่านว่าวิชาแมงมุมนี้คนที่ใช้ก็กลายเป็นยอดของคน เจริญรุ่งเรืองอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพเขาทั้งสิ้น ก็มีเอาไว้ให้เฉพาะผู้ที่มีปัญญาและวาสนาร่วมกัน เพราะวิชาเช่นนี้ท่านว่าทำไม่ได้บ่อย ทุกอย่างล้วนมีแต่ข้อห้ามเพราะครูท่านไม่อยากให้ทำมาก จึงตั้งใจทำหนนี้ครั้งเดียว ท่านจะอธิษฐานผูกจิตให้ดุจเราคนใช้เป็นแมงมุมที่คอยชักใยล่อเหยื่อ ท่านว่าสุดแต่ใจจะใช้งานคิดว่าอะไรคือเหยื่อก็คือสิ่งนั้นที่จะติดใยหลีกหนีไม่ได้

    * พญาลูติกาชุดนี้เป็นชุดพิเศษ ที่พ่ออาจารย์ท่านลงวิชาไว้พิเศษจริงๆเพื่อให้คนอาราธนาได้มีโชค วาสนาดีเพราะเขาให้คุณแรงกว่า หนักกว่า ท่านว่าทำไว้หนเดียวบูชากันให้ดีชีวิตก็เปลี่ยนได้ง่ายๆ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2020
  9. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    ตะกรุดสังวาลย์พระธรรมแต่งร่าง+น้ำมันจ้าวชีวิตโคตรเศรษฐีอมฤตโชค (ลืมตาอ้าปาก,เปิดทางรวย)
    ปิดรายการนี้ครับ
    90427340_500237833963880_3934292044314312704_n.jpg
    90441801_498150557738523_3282231312026435584_n.jpg

    น้ำมันจ้าวชีวิตโคตรเศรษฐีอมฤตโชคนั้นจัดเป็นน้ำมันของเก่าที่มีอายุมากกว่า100ปี #พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยก่อนคนที่มารับต้องนำทองมาขอทีละ5บาทครูท่านจึงให้ใช้ เพราะถือเป็นน้ำมันชั้นสูงสุดในบรรดาน้ำมันสายวาสนาโชคลาภทั้งหมดและยังประกอบพิธีสร้างทำได้ยากยิ่ง ท่านเรียกสั้นๆว่าน้ำมันโคตรเศรษฐี(เป็นน้ำมันที่สืบทอดมาในตระกูลของพระอริยเจ้าท่านหนึ่ง...ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าเราจะไม่ขอออกนามท่าน) น้ำมันนี้ต้องหาวันดีไปทำพิธีกรรมเพื่อเอาน้ำมัน..ในตำราว่า..ถ้าผู้ไม่มีอาคมแก่กล้าอย่าได้บังอาจทำเพราะอาจต้องอาถรรพ์ถึงตายได้(พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันพูดไม่อายเลยนะว่าตัวเองก็ยังไม่คิดจะทำเพราะมวลสารที่ใช้ทำแต่ละอย่างล้วนเสี่ยงตายทั้งนั้นแค่คิดจะทำก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว)เมื่อได้มาครบแล้ว..ก็ให้เสกมวลสารก่อนรอบหนึ่งเสก7โบสถ์, 7เสาร์ ,7อังคาร, 7จันทร์ดับ ,7วันเพ็ญ..วิชาเหล่านี้ปัจจุบันจึงหาได้น้อยนักเพราะทำได้ยากยิ่งและสูญหายไปมาก ท่านว่าของแต่ละอย่างที่ว่าหายากทำยากคือเขากำหนดสถานที่หาที่เอาไว้ทั้งสิ้นไม่ใช่ว่าจะไปเก็บที่ไหนก็ได้กว่าจะรวบรวมได้ครบจึงยากขึ้นไปอีก จะบอกแต่คร่าวๆได้แก่ ยอไม่ตกดิน,ไม้ไก่กุ๊ก,ว่านสาลิกาลิ้นทอง,ว่านสาลิกาชนิดหัว,ว่านกาหลง,ว่านดอกทองมหาอุดม,ว่านมหาลาภ,ว่านจักรพรรดิ์,ว่านกวักพระพรหม,ว่านกวักมรกต,ว่านพระฉิมพลี,ว่านนางคุ้ม,ว่านแม่โพสพ,ว่านเศรษฐร้อยล้าน,ว่านมหาโชค,ว่านอุดมโชค,ว่านเศรษฐีก้านทอง,ว่านรวยไม่เลิก,ว่านบังลังค์เศรษฐี,ว่านเสน่ห์จันต่างๆ,ดอกรักซ้อน,ดอกรัก,ดอกมะรุม,ลูกยอ,รากยอ,ต้นยอไม่ตก,ดอกพิกุล,ดอกจัน,ดอกเข็มขาว,ดอกบานไม่รู้โรย,ดอกบัวทั้ง4 ,ต้นไทรต้นตาลตายคาต้น,กาฝากรัก,กาฝากยอยอ,กาฝากมะยม,ย่านสะบ้าข้ามคลอง,ลูกสวาทล่องวารี,รากไม้เล่นวารี นำมาหุงเข้ากับผงวิเศษต่างๆเช่น ผงกำเนิด,ผงนอโม,ผงอาการสามสิบสอง,ผงยันต์โสฬสมงคล,ผงยันต์ปฐมอักขระ,ผงยันต์ปถมังสูตร,ผงยันต์นพเคราะห์ทั้ง 9 ดวง,ผงยันต์หัวใจวันทั้ง 7,ผงดวงตราพระอิศวร,ผงดวงตราพระนารายณ์,ผงดวงตราพระพรหม,ผงดวงตราพระพาย,ผงดวงตราพระอินทร์,ผงดวงตราพระลักษมี,ผงยันต์ธาตุ 4,ผงยันต์เทพชุมนุม,ผงยันต์ทางเสน่ห์,ผงเทพนิมิตร,ผงเทพรัญจวน,ผงมหาลาภ,ผงพุทธนิมิต,ผงหัวใจขุนแผน,ผงเทพจินดามณี,ผงประกาศิตพระร่วง,ผงชาตรี,ผงรักซ่อนชู้,ผงเทพบันดาลทรัพย์,ผงเทพเศรษฐี,ผงนางกวัก,ผงพระฉิมพลี,ผงมณฑาสวรรค์,ผงลบคืนจันทร์เพ็ญ ...ท่านว่าผงลบต่างๆเองก็ต้องลงอักขระเลขยันต์ในวันเวลาตามวิชาทั้งทำการปลุกเสก-ร่ายโองการตลอดพิธีลบผงเพื่อให้เกิดฤทธานุภาพสูงที่สุด เมื่อจะหุงก็ต้องแต่งเครื่องพลีกรรมขึ้นบูชาเทวดาทั้งสิบหกชั้นฟ้ารวมถึงบูชาเทวดานพเคราะห์บวงสรวงครูบาอาจารย์ ผู้ที่กวนก็ต้องเลือกวันและเวลาเกิดอีกสามคนเวียนวนกวนกันตามยามต่างๆ,ทั้งยังต้องใช้คนที่เกิดอีกฤกษ์ยามหนึ่งเป็นคนคอยเติมฝืนสุมไฟใส่เชื้อ,คนเทน้ำมัน,คนใส่มวลสารว่านยานี่ก็อีกอย่างล้วนแต่ต้องใช้ฤกษ์และเวลาเกิดตามกำหนดทั้งสิ้นซ้ำยังต้องเป็นคนที่ดำรงค์พรหมจรรย์มาตลอดชีวิต(พ่ออาจารย์ท่านจึงว่ายากนักที่จะทำได้อีก)ไม้ที่ใช้กวนก็ต้องใช้ไม้ชัยพฤกษ์,ไม้พลับพลา ไม้ที่ทำเชื้อเพลิงก็ต้องใช้ไม้เทพทาโร,ไม้ราชพฤกษ์,ไม้ยอ,ไม้รัก,ไม้ขนุน,ไม้มะยม แม้การหุงน้ำมันก็ต้องใช้ก้อนเส้าแบบโบราณโดยใช้ไม้กางหยาง,ใช้กะทะทองสำริดรอบกระทะพันด้วยหญ้าคาปักเฉลวเพชรสามด้าน,วางก้อนเส้าสามก้อนลงยันต์ทุกจุดทั้งไม้กางหยาง,ก้อนเส้าในกะทะ,ก้นกะทะ,หูกะทะ,ขอบกะทะ,แม่ไฟ,ไม้ฟืนต้องลงอักขระกำกับทุกอย่าง การหุงใช้วิธีเดียวกับการกวนเกษียณสมุทรมีการตั้งโลกธาตุ,มีพิธีการปลุกว่าน,การชุมนุมยา,เซ่นไหว้ว่านยา ,เซ่นไหว้เหล่าเพชรพญาธรแลคนธรรพ์ที่รักษาหัวว่านต่างๆ ต้องบูชาไฟตามสูตรแต่โบราณ ทั้งต้องนำใบยาใบว่านมาลงอักขระเลขยันต์ให้ครบสูตรก่อนจะเคี่ยว ขณะหุงก็จะปลุกเสกเดินธาตุ,เรียกธาตุ,ชุมนุมธาตุและร่ายโองการมหาโชคต่างๆ ต้องขับเคลื่อนและดึงพลังจากธรรมชาติมาลงในกระทะน้ำมันโดยห้ามน้ำมันพุ่งลงในกองไฟเป็นอันขาดทั้งไม้ฟืนที่ใส่ก็ห้ามดึงออกจนได้น้ำมันว่านมหาลาภชั้นเลิศที่ไม่ข้น,ไม่หนืด,ไม่เหม็นหืนเป็นน้ำมันชั้นสูงแล้วจึงเริ่มปลุกเสกในฤกษ์อมฤตโชคทั้ง 7 วันได้แก่ อาทิตย์ 8,จันทร์ 3,อังคาร 9,พุธ 2,พฤหัส 4,ศุกร์ 1,เสาร์ 5 และใช้ฤกษ์พิเศษปลุกวันจันทร์เพ็ญอีก 4 วัน,ใช้ฤกษ์จันทรคราส 3,สุริยะคราส 3,ใช้ฤกษ์ชัยโชค 1,มหาสิทธิโชค 1,สิทธิโชค 1 ท่านว่ากระทำให้ครบตามกำลังเทวดาเท่ากับกำลังเทวดาซึ่งกว่าจะปลุกเสกให้ครบและเกิดอาถรรพ์ทั้งลมพัด,ฟ้าผ่า,ฝนตกแดดออกแลเหตุผิดธรรมชาติที่ปรากกฏชัดตรงตามข้อกำหนดนั้น ท่านว่ากว่าจะหุงได้ยากกว่าไปหามวลสารเสียอีกเพราะมีสูตรทำขลังให้ตายตัวเช่นนั้นแต่โบราณท่านจึงหวงและปกปิดนักแม้จะใช้ยังต้องแลกด้วยทองคำ เพราะว่ากว่าจะทำได้นั้นไม่ง่ายเลยบางครู,บางยุค,บางสมัยเกิดมาแล้วตายไปก็ไม่มีวาสนาจะได้ทำ

    เช่นนั้นน้ำมันจ้าวชีวิตโคตรเศรษฐีอมฤตโชคจึงเป็นน้ำมันที่เน้นพุทธคุณทางเมตตามหาลาภ เรียกเงินเรียกทอง เป็นน้ำมันที่สร้างจากแรงครู,แรงวิชา,ว่านยาล้วนๆไม่มีพรายไม่มีมนต์ดำใดๆทั้งสิ้น ผู้ใดได้บูชาย่อมเกิดเสน่หา-เมตตา,เกิดโชคลาภเงินทองแก่ผู้ครอบครอง,มีคนนิยมชมชอบ,ทั้งจักบังราศีไม่ให้อับ,ไม่มีคนคิดร้าย,แม้แต่เทพเทวายังเมตตาแก่ตัวเรา เพียงใช้เจิม-ใช้ทาตามตัววันละนิดตามร่างกายหรือผสมน้ำอาบก็ได้ผลดีแลเหมาะสำหรับบุคคลที่ใช้ของทางโชคลาภไม่ขึ้น ใช้ของทางโชคลาภมาหลายอย่างแต่ไม่เป็นผล ท่านว่านี่เป็นมหาโชคชั้นสูงเพียงใช้พกพาก็เห็นผลแค่ครอบครองไว้ก็เป็นที่รักแก่มนุษย์ เทพ เทวดา และสัตว์ทั้งหลาย ครูแต่เดิมท่านว่าผู้ใดใครมีนับได้ว่าประเสริฐกว่าคนทั้งหลายยิ่งนัก จะแก้อาถรรพ์คนที่ดวงขาดโชค,ขาดวาสนา หรือแม้แต่ต้องอาถรรพ์ต่างๆทั้งเล่นผี,เล่นพรายมากเกินไปจนใช้ของโชคลาภไม่ได้ผล,หรือพวกของเข้าตัวท่านว่าสามารถใช้น้ำมันทาตัวหรือผสมน้ำอาบได้เพื่อขับสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายช่วยเสริมราศีเราให้ดีที่สุด คนที่ใช้ประจำท่านว่าจะเป็นเสน่ห์ในตัวแม้จะต้องการสิ่งใด ย่อมได้สมหวังตามปราถนาถ้าจะใช้เพื่อการใดเป็นเฉพาะสามารถอธิษฐานบอกครูเทพที่รักษาน้ำมันเอาได้แลเพราะน้ำมันนี้ผู้ใดได้ไว้ครูย่อมเข้ารักษาให้ปลอดภัยทั้งเจริญในโชคลาภมากด้วยเงินทอง เจริญด้วยพรสวัสดิมงคลทุกประการ

    ในยุคสมัยนี้พ่ออาจารย์ท่านมักจะพูดลอยๆออกปากเสมอว่า สงสารพวกคนที่หากินยากจะทำอะไรธุรกิจก็ฝืดเคืองกันไปเสียหมด เรียกว่าข้าวยากหมากเเพงลืมตาอ้าปากกันยาก สิ่งที่เราพอจะทำได้นอกจากให้กำลังใจก็คือใช้วิชาทำมงคลวัตถุนี่เเหละดั่งที่เคยกล่าวไปเเต่ต้นว่าท่านไม่ประสงค์ให้ลูกศิษย์อดอยากยากจนหรือต่ำกว่าใครเขา ท่านจึงมักทำวิชาเกี่ยวกับเรื่องเงินทองโชคลาภเสมอ เพื่อให้ถูกจริตกับยุคสมัยซึ่งจะเลวร้ายลงไปอีกมากหลังกึ่งพุทธกาล ท่านว่าใครที่เขาเล่นเสน่ห์ซักวันหนึ่งเขาก็จะมาตามเก็บของที่ช่วยเรื่องเงินทองโชคลาภเเบบเน้นๆเอง เพราะในยุคนี้มันต่างออกไปจากอดีต เงินหมื่นเงินเเสนนั้นไม่ได้มีค่าซื้อบ้านได้เป็นหลังๆ ไหนจะภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ร่วมโลก ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายที่จะทวีเเละหนักขึ้น พ่ออาจารย์ท่านอยากให้เตรียมพร้อมกันไว้ดีกว่ามาตามเเก้ที่หลัง ถ้าจะเล่นวัตถุมงคลท่านว่าอย่าลืมด้านโชคลาภโภคทรัพย์เด็ดขาด *เช่นนั้นท่านจึงตั้งใจเปิดน้ำมันสำคัญซึ่งหายสาบสูญไปนานตามกาลเวลานี้แบ่งให้เอาไปใช้กันเพราะวิชานี้นับว่าเป็นวิชาเอกที่หาคนทำคนสืบทอดได้ยาก ผู้ใดได้บูชาเเล้วให้เจริญรุ่งเรืองไปจนตัวตาย ชีวิตจะมีเเต่ความเจริญในลาภสักการะมิรู้ขาด มีได้สมประสงค์ทุกสิ่งที่พึงจะปรารถนา ถือว่าเป็นยอดวิชาที่สร้างขึ้นเพื่ออนุเคราะห์คนที่จะขอรับไปบูชาจริงๆ ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านได้นำน้ำมันนี้มาบอกกล่าวเชิญมหาเศรษฐีทั้ง 9 ในสมัยพุทธกาล ขอบารมีท่านทั้งหลายมาทำมาลงสงเคราะห์เฉพาะอีก เพื่อจะได้มั่นใจว่าน้ำมันนี้คนรับไปบูชาจะได้ร่ำรวยกันจริงๆ เพราะบารมีของมหาเศรษฐีทั้ง 9 ซึ่งเป็นอริยบุคคลนี้ เเต่ละท่านร่ำรวยระดับอภิมหาเศรษฐีกันเลยทีเดียว บุคคลเหล่านี้ถึงจะใช้จ่ายเเม้สมบัติพร่องไปเเต่เพียงน้อยพระภูมิเเละเทวดาทั้งหลายก็ต้องหามาเติมให้เต็มคลังมิรู้จักขาดตกบกพร่อง เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อเสวยสุขทางโลกเลยจริงๆก็ว่าได้ท่านไม่ได้กล่าวอะไรมาก เพียงเเต่บอกว่า เอาไปใช้ รู้จักการให้ทานอย่าได้ขาดนะ จะได้ลืมตาอ้าปากได้ มีได้เหมือนคนอื่นเขาไม่น้อยกว่าใครเขา น้ำมันของครูสอน,ครูฝึกของเรา ครูเราไม่ได้ทำคนเดียวหรอกนะ ก่อนใช้อย่างน้อยก็นึกถึงมหาเศรษฐีพุทธกาลทั้ง 9 ท่านนั่นแหละ จำท่านเอาไว้ให้ติดปากนึกถึงท่านเมื่อใช้น้ำมัน เพราะน้ำมันนี้พวกท่านมาช่วยกันลงช่วยกันสงเคราะห์ นึกถึงท่านก่อนใช้กุศลก็จะได้เกิดมีบุญหล่นทับหัวทับตัวกันทุกคน ดีอย่างไรเราพูดไปก็เท่านั้น น้ำมันชุดนี้เราบอกได้แค่ให้บูชาเอาไว้ใช้สืบรุ่นลูกรุ่นหลานนะ รักษากันดีๆ

    ซ้ำในขวดน้ำมันสำคัญนั้นท่านยังได้ทำวิชาเฉพาะลงตะกรุดสังวาลย์พระธรรมแต่งร่างเอาไว้ด้วย เพื่อให้ใช้เสริม,หนุนเข้ากับน้ำมัน เพราะตะกรุดนี้ถือเคล็ดพระธรรมแต่งร่างถือเคล็ดมหาบังเกิดคือเคล็ดลับการเกิดของสรรพสัตว์ทั้งปวงทั้งหลาย ทำอะไรก็ให้บังเกิดแต่ผลดี,บังเกิดโชค,บังเกิดลาภ,บังเกิดเงิน,บังเกิดทอง,บังเกิดทรัพย์ เป็นสูตรวิชาทำมาหากินของคนโบราณท่านว่าใช้เพื่อแต่งร่างเราให้เป็นคนใหม่ ใช้อานุภาพพระสัทธรรมเจ้าอันประเสริฐดั่งน้ำอมฤตรสแต่งร่างแต่งชีวิตที่เสื่อมโทรมเพราะถูกกาลเวลากัดกร่อน แต่งจิตใจที่สึกหรอไปตามห้วงวิบาก พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยปกตินั้น มวลสรรพสัตว์ทั้งหลายย่อมหลงไหลวนเวียน ดำเนินชีวิตไปด้วยปัจจัยสามสิ่ง นั่นคือ กิเลส,กรรม,วิบาก เช่นนั้นตะกรุดสังวาลย์นี้ท่านจึงสร้างแบบเฉพาะกาล คือสร้างขึ้นมาเพื่อชะลอหยุดยั้งกฏของมหาวัฏฏะที่เกิดขึ้นกับผู้ใดผู้หนึ่งอันเกี่ยวเนื่องมาจาก กิเลส กรรม วิบากเหล่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระเวทย์แลพระธรรม(อาตมัน)ท่านมีดำริว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำลายความทุกข์และคราบน้ำตาของหมู่สัตว์ทั้งผอง ชนทั้งหลายที่มีศรัทธาต่อธรรม ต่อจิตวิญญาณสูงสุด คนเหล่านั้นจะต้องถึงซึ่งบรมสุขท่านจึงกรุณาให้พ่ออาจารย์ทำตะกรุดสังวาลย์ที่จะสะกดทับกิเลส กรรม วิบาก อันเหนี่ยวรั้งฉุดดึงให้ชีวิตคนตกต่ำ ตกอยู่กับความมืดไม่พบแสงสว่างหาทางออกอย่างไรไม่ได้การสะกดทับคือสะกดวัฏฏะทั้งสามของมโนวิญญาณอันเคยทำกรรมหรือมีสัญญากรรมตลอดจนวนเวียนชดใช้ผลกรรมซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยกิเลส กรรม วิบากทั้งหลาย วัฏฏะทั้งสามนี้ไม่ได้หายไปไหนแต่ด้วยเมตตาของอาตมันท่านจะทับจะสะกดไว้ให้โอกาสเราได้ประกอบกุศลสร้างคุณงามความดี พบเจอกับความสุขอันปราศจากทุกข์ใดมาเบียดบัง ท่านว่าครูมีคำสั่งไว้ว่า"ศิษย์นั้นก็ไม่ต่างจากลูกในไส้อย่างใด เพราะเราห่วงเขาเหมือนพ่อห่วงลูก หากเขาคิดถึงเราถ้าไม่ช่วยเขาแล้วเราจะช่วยใคร" ท่านว่าทำตะกรุดสำคัญเพื่อเข้ากับน้ำมันครั้งนี้ไม่ใช่แค่จะตัดกรรมหรือริดรอนกรรมด้วยอานุภาพแห่งคุณวิชาของบูรพาจารย์ แต่จะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจเหนือวัฏฏะทั้งสามอันไม่เคยปรากฏมีมาก่อน พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์อาตมันท่านทำให้จนเป็นดาบสองคม มีคุณอนันต์จนกลัวว่าคนได้ไปจะลำพองใจนำไปใช้ในทางที่ผิด ท่านว่าให้จำไว้เสมอคนที่บูชาไปจงอย่าเกียจคร้าน อย่าลำพองใจ อย่าเดินไปตามกระแสของโลก ให้เร่งขวนขวายประโยชน์เบื้องหน้าหมั่นสร้างตบะสั่งสมบารมีประกอบคุณธรรมความดีให้ถึงพร้อมจึงจะไม่เสียเจตนาของเรา พ่ออาจารย์ท่านมีดำริในภายหลังก่อนออกให้บูชาว่าตะกรุดแลน้ำมันชุดนี้ผิว่ากาลเบื้องหน้าหากหาผู้มาบูชาหรือรับไปไม่ได้ ท่านตายเมื่อไหร่ก็ให้ทำลายลงไปพร้อมกันกับตัวท่านเสีย เพราะกลัวใจคนไม่ดีจะนำไปใช้ จนกระทั่งองค์อาตมันท่านแจ้งเหตุว่าถึงเวลาแล้ว คนที่เขารอคอยและมีวาสนาจะครอบครองก็มีครบแล้ว ให้ท่านวางใจได้เพราะทุกคนที่เอาไปใช้ย่อมเป็นคนดีท่านจะคัดสรรค์คนของท่านให้เอง

    ด้วยสังวาลย์พระธรรมแต่งร่างนี้เป็นของสูงแต่เดิมตะกรุดสายสังวาลย์ต่างๆก็เป็นการทำวิชาเครื่องคาดสำหรับพระมหากษัตริย์และแม่ทัพนายกองอันประกอบด้วยสรรพคุณที่ทรงพลานุภาพอย่างถึงที่สุดอยู่แล้ว ท่านไม่อยากจะให้วิชาเหล่านี้สูญหายไปประกอบกับถึงเวลาอันดีที่จะสร้างเเละเสกเอาไว้ให้กับผู้ที่ต้องการรับสุดยอดของดีไว้บูชาจึงได้จัดทำตะกรุดนี้ขึ้น ในเรื่องของฤกษ์ยามที่จะต้องคัดฤกษ์มงคลสูงสุดลงให้เเก่ผู้บูชาซึ่งพ่ออาจารย์ก็เลือกฤกษ์เพียงสองฤกษ์เท่านั้นที่จะใช้ลงตะกรุดนี้ประกอบไปด้วย ราชาฤกษ์ เเละเพชฌฆาตฤกษ์ โดยทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เนื่องมาจากท่านตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดนั่นเองสำหรับตะกรุดสังวาลย์ชุดนี้มีความยากในการลงไล่อักขระตามกลบทนั้นถือว่ายากอยู่แล้วเพราะเป็นมหายันต์ชั้นสูงและเป็นยันต์ชุดเทพวิชาคือไม่มีปรากฏมาแต่ก่อนในโลกนอกจากบรมครูองค์อาตมัน(จิตแห่งพระเวทย์และพระธรรม)ท่านจะนิมิตบอกให้ใช้เฉพาะตัวของท่านเองเท่านั้นเป็นตะกรุดชุดที่นานๆจะทำออกมาที นานทีปีหนจึงจะมีให้เห็นเอาเป็นว่าสังวาลย์พระธรรมแต่งร่างนั้นจะต่างจากตะกรุดทั่วๆไปตั้งแต่ความสูงส่งขององค์ต้นวิชา นั่นจึงถือว่าเป็นตะกรุดตระกูลสูงเช่นนั้น ซ้ำในชุดหนึ่งนั้นมีสี่ดอก ในแต่ละดอกย่อมมีสถานที่การลงแตกต่างกันออกไปเมื่อทำเสร็จแล้วท่านจะต้องนำมาคาดติดตัวไว้ตลอดเวลาในการประกอบพิธีต่างๆ ทั้งในพิธีอุปราคา จันทรคราส-สุริยคราส และเเม้เเต่พิธีบนดอยต่างๆของท่าน ซึ่งท่านจะสอบพลังของตะกรุดที่คาดนี้อยู่เนืองๆ จนแน่เเท้แก่ใจว่าเป็นยอดแล้วถึงถอดออกมาเป็นชุดๆ ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีพลานุภาพมากยากที่จะประเมิณค่าได้ ทั้งหาผู้สืบทอดและทำได้ยากเนื่องจากเป็นวิชาขององค์อาตมันมีพลานุภาพปรากฎในทุกด้านในทุกทิศทางแม้ตะกรุดนี้อยู่ที่ใดก็จะแผ่รัศมีออกไปในทิศทั้งสิบ เปรียบดังเกราะแก้วกำแพงเหล็กที่ป้องกันภัยและเสนียดจัญไรจากทุกสารทิศไม่ให้มากล้ำกรายผู้บูชาได้ ทั้งยังมีอานุภาพสุดแต่ใจนึก พ่ออาจารย์ท่านอธิษฐานจิตให้ตะกรุดสังวาลย์นี้สอดคล้องรับกันกับอารมณ์ปรารถนาในใจตัวคนถือคนใช้ ท่านหมายถึงว่าแม้ผู้บูชาใครจะปรารถนาอะไรก็แล้วแต่สิ่งที่ปรารถนาไว้ก็ไม่สามารถหลุดรอดพ้นหนีออกไปได้เลย สังวาลย์ทั้งสี่นี้จะดลบันดาลให้ทุกสิ่งไม่สามารถหลุดรอดออกไปได้ตามคำอธิษฐาน แม้ว่าจะปรารถนาลาภยศชื่อเสียงเงินทองความเจริญก้าวหน้า สิ่งต่างๆเหล่านี้เมื่อได้มาแล้วจะต้องอยู่กับเราไปตลอดไม่รู้จักคำว่าตกต่ำลงเลย เปรียบดั่งต้องพันธนาการจับสิ่งใดไว้ได้ก็ไม่รู้หลุดรู้เคลื่อนเลยฉันใดก็ฉันนั้น ท่านการเสกตะกรุดนี้ต้องทำให้ได้ถึงขั้นใช้ตะกรุดได้ดั่งใจ วิชานี้ท่านว่าทำยาก กว่าจะจารและสำเร็จตะกรุดดอกนึงนั้น บทพระคาถามีหลายคาบหลายบทมาก ต้องเสกแยกทีละดอกๆ สำเร็จทีละดอก ท่านว่าตะกรุดที่จะใช้ได้ดั่งใจปรารถนานี้คือเอาไปแล้วต้องใช้ได้ดั่งใจนะ เพราะวิชานี้มีแรงครูสูงมีธาตุรู้ของครูบาอาจารย์อยู่กับองค์ตะกรุด ท่านว่าครูท่านบอกเอาไว้ อยากได้อะไรปรารถนาสารพัดในปฐพี ให้จ้องที่ตะกรุดแล้วนึกเอา มันมีเท่านี้จริงๆ นึกเอานั่นแหละแล้วจะได้เอาทุกสิ่ง ไม่ว่าลาภสักการะเงินทองความเจริญรุ่งเรืองสิ่งใด ท่านว่ามีไม่รู้หมดตราบใดที่ยังนึกคิดได้ ให้นึกแต่สิ่งที่ดีๆจะได้ไม่ผิดเจตนาของครูบาอาจารย์

    ชุดตะกรุดสังวาลย์ในน้ำมันนี้ท่านว่าแม้เราไม่นำพาติดตัวพกอาราธนา***เพียงแต่อาราธนาน้ำมันจุนเจิมหน้าผากเท่านั้นก็มีผลเสมอคาดด้วยสังวาลย์นี้ไปกับเราทุกที่เช่นเดียวกันมีอานุภาพครอบฟ้าคลุมดินตามแต่จะอธิษฐานท่านว่าวิชานี้เเล้วเเต่จะเอาไปใช้เลย เป็นไปได้ทุกเรื่อง สำเร็จได้ทุกเรื่อง แต่วิชานี้มีความพิเศษไม่เหมือนใครอยู่อย่างหนึ่ง หากผู้คาดผู้บูชา ทำคุณงามความดีทำบุญทำกุศล ตะกรุดจะยิ่งทวีพลังเเละอานุภาพเพิ่มมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ท่านว่าเป็นวิชาที่แปลกพลังไม่ตกไม่เสื่อมมีแต่จะรอวันเพิ่มขึ้น มากขึ้น ขยายขึ้น สูงขึ้นทุกวัน ผู้ที่บูชาจะหนุนนำชักพาให้เจอแสงสว่างพบกับสิ่งดีงาม ประหนึ่งเราได้อานิสงค์มีธรรมคุ้มกาย

    พ่ออาจารย์ท่านว่าน้ำมันชุดนี้กลิ่นว่านยาจะหอมมากๆทั้งใสเหมือนตาตั๊กแตน ท่านว่าให้ดูเอาเถิด สีน้ำมันนั้นมันกลืนๆกันอยู่ จะเหลืองก็ไม่เหลือง จะเขียวก็ไม่เขียว จะฟ้าก็ไม่ฟ้า***แต่ให้จำเอาไว้ให้ดีว่าเมื่อได้ไปนั้น เราเห็นน้ำมันเป็นสีอย่างไรในตาเรา วันไหนถ้าสีน้ำมันเปลี่ยนไป ท่านว่านั่นแหละจะรวยใหญ่ ครูท่านแสดงนิมิตบอกแล้วล่วงหน้าให้รู้เนื้อรู้ตัว เฉพาะตัวน้ำมันนั้นท่านเคยนำมาออกมาให้คนที่เดือดร้อนเรื่องธุรกิจการหากินบูชาไปหลอดหนึ่ง ปรากฏว่าเขาระงับความต้องการและกิเลสของตนไม่ได้สุดท้ายจนท้ายที่สุดหลอดน้ำมันก็อันตรธานหายไป ท่านว่าพอมี,พอได้ก็หลงอยู่ในกามในกิเลส ไม่ได้รู้เลยว่าถือของสูงขนาดไหนอยู่และใครเขาเป็นคนช่วยฉุดขึ้นมา ที่จะสำนึกประกอบคุณงามความดีทำบุญทำกุศลเอาพระธรรมใส่ตนมาปฏิบัติเช่นนั้นยังไม่มี ท่านจึงเก็บน้ำมันชุดนี้ไว้ไม่ยอมนำออกมาให้ใครได้บูชาอีกเลยจนวาระนี้


    ***วิธีทำหวย
    ให้ทำกลางคืนในดึกสงัด ท่านว่าทำเงียบๆคนเดียวอย่าไปบอกใคร เมื่อจะทำให้จุดธูปสิบหกดอก จุดเทียนสองเล่ม เตรียมดอกไม้หรือพวงมาลัยคล้องขวดน้ำมันไว้ตั้งจิตบูชาครูบาอาจารย์ทั้งชั้นฟ้า ทั้งครูเทพ ครูพรหม ครูฤาษี มหาเศรษฐีพุทธกาลทั้งเก้า และองค์อาตมันเป็นที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ขอลาภกับครูท่าน ถ้าเรามีวาสนาก็ให้ท่านโปรดให้เราเห็น โดยนำกระดาษมาแผ่นหนึ่งเขียนเลข 0-9 ล้อมกันไว้เป็นวงกลม อธิษฐานบอกครูบาอาจารย์นำน้ำมันนั้นแตะลงตรงกลางวงกลมหนึ่งที ภาวนาคาถาว่า"สัพเพชะนา พะหูชะนา เมตตาสุขัง จะมหาลาภัง ปิยังมะมะ" แล้วก็แตะน้ำมันบริเวณหนังตาซ้ายขวาแล้วจึงเข้านอน พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้ามีวาสนาแรงจะถูกหวยหลับไปตัวเลขจะมาเป็นสีแดงๆในนิมิตฝันของเรานั่นเลย แต่ถ้าไม่ได้ฝันเห็น พอตื่นมาท่านให้จ้องแผ่นกระดาษตัวเลขนั้นโดยหลับตาและลืมตาครั้งหนึ่งเห็นเลขใดเป็นเลขแรกก็เอาตัวนั้น ท่านว่าจะสองตัวหรือสามตัวก็ทำตามนี้โดยการหลับตาและลืมตาสองถึงสามครั้ง(ให้ทำได้เฉพาะคืนก่อนวันหวยออกเท่านั้น) ได้เลขอะไรก็ตามอย่าได้บอกกับใครเด็ดขาด รู้คนเดียวและซื้อคนเดียวเท่านั้น


    คาถาบูชา
    โอมพุทธังบังเกิด ธัมมังบังเกิด สังฆังบังเกิด พระเจ้าประเสริฐบังเกิดเป็น ออ อา ออ แอ ออเมตตา อาเอ็นดู ให้พระธรรมอุปถัมภ์ ให้พระธรรมค้ำชู ยกกูหนีไกลวัฏฏะทุกข์แต่ใดไม่มาแผ้วมาพาน อนิจจาพุทโธ พุททังมาโส ธัมมังมาโส สังฆังมาโส มาแล มาแล มาเชย มาชม มา ออ แอ ฤ ฤา ธัมมังมาโส เมตตามาโสมาสิมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2020
  10. chu2563

    chu2563 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +51
    เหรียญหล่อจิ๋วแม่ย่าเทวดามหาปราบโลก จองครับ
     
  11. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    ลูกสะกดทุกข์ฝังตะกรุดเม(มหาสะท้อน)
    ปิดรายการนี้ครับ
    90057136_643093686263346_7101113367439343616_n.jpg
    90443888_673300423443763_2910121856671416320_n.jpg

    เป็นที่จับตารอกันมายาวนาน สำหรับตะกรุดมหาสะท้อนแต่ละสูตรซึ่งนานทีปีหนจะมีออกมาให้ร่วมทำบุญบูชากันซักครั้ง เพราะพ่ออาจารย์ท่านไม่ทำพร่ำเพรื่อนั่นเอง

    ในการสร้างวิชามหาสะท้อนครั้งนี้ ท่านเมตตาทำมาในรูปแบบลูกสะกด พ่ออาจารย์ท่านว่าลูกสะกดนี้เป็นของสำคัญสายเสด็จพระใหญ่ เพราะต้องหามวลสารลบผงทำผงไว้ให้เป้นผงสำเร็จในระดับแรกก่อน ท่านเรียกผงนี้ว่าผงสะกดทุกข์ เมื่อลงผงสะกดทุกข์เสร็จแล้วจึงจะนำมาปั้นเป็นลูกสะกดโดยสอดตะกรุดเมหรือมหาสะท้อนไม้ภายใน

    อันลูกสะกดทุกข์นี้ ท่านว่าใช้ได้สารพัดครอบฟ้าคลุมดิน อะไรที่เกี่ยวกับทุกข์มันสะกดไว้ได้ทั้งสิ้น เป็นการทำวิชาเพื่อข่มใส่ ให้หยุด ให้รั้ง ให้ชะลอไว้ ให้ทุกข์และความตึงเครียด ความศร้าหมองทั้งหลายชะลอตัว ท่านว่าผงนี้ทำยาก ทำได้ไม่มาก เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสะกดทุกข์ สะกดความทุกข์เข็ญทั้งหลาย ผงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าลองพกไปดูเถิด นอกจากสะกดทุกข์แล้วยังจะทำให้จิตใจสดชื่น ทำให้ใจสูง มีกำลังใจมากอย่างน่าประหลาด

    ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำมาปั้นทำเป็นลูกสะกดทุกข์สอดตะกรุดเมไว้ภายใน พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยปกติแล้วตะกรุดมหาสะท้อนธรรมดาก็แรงพอใจอยู่แล้ว แต่ลูกสะกดทุกข์ที่มีมหาสะท้อนนี้ยิ่งกว่านั้นเพราะใช้กันและแก้ได้แม้กระทั่งตัวทุกข์ของสรรพสัตว์

    โดยปกติสำหรับตะกรุดมหาสะท้อนนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าจะเน้นทางปกป้องคุ้มกันตลอดจนคุ้มครองและให้ผลสะท้อนกลับเท่านั้น ซึ่งต่างจากลูกสะกดทุกข์ฝังตะกรุดเมนี้เพราะตำรับนี้จะมีครบรสในลูกเดียว ท่านว่าได้ไม่ต้องห้อยกันหลายอย่างบูชากันหลายดอก เพราะท่านทำให้ยิ่งกว่ามหาสะท้อนเสียอีก

    ตะกรุดเมนี้เราทำไว้ให้ใช้กัน สะท้อนโรคเวรโรคกรรมได้ทั้งสิ้น ไม่มีข้อแม้ใดเลยเพราะเป็นกันสะท้อนที่สำเร็จด้วยคุณแห่งวิปัสสนาขององค์พระทั้งแสนโกฏิ การสำเร็จตะกรุดมหาสะท้อนด้วยคุณแห่งวิปัสสนาขององค์พระแสนโกฏิอันมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นอาทินั้น นอกจากยากและใช้เวลานานแล้ว แต่ผลที่ได้ท่านว่าก็คุ้มกับเวลาที่เสียไปหลายปี เพราะท่านว่าจะอธิบายให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ ให้ดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้เวลามีคนคิดร้ายหรือกระทำการณ์ใดๆหมายรังแกพระบรมศาสดา ท่านว่าสิ่งนั้นย่อมสะท้อนย้อนกลับไป ไม่ต้องรอชาติหน้าฉันใด ผลกรรมนั้นเห็นคาตากันในชาตินี้ ตะกรุดมหาสะท้อนที่สำเร็จด้วยบารมีองค์พระทั้งแสนโกฏิในนิพพานก็มีคุณเช่นนั้น ท่านว่าบอกได้เท่านี้นะ

    เนื่องจากเป็นของสำคัญและทำได้น้อย พ่ออาจารย์ท่านว่าพูดมากไม่ได้ คนเอาไปเค้าก็รู้เองเห็นเอง ชื่อเขาก็บอกตรงๆอยู่แล้วว่าลูกสะกดทุกข์ ดังนั้นคนมีความทุกข์ก็ต้องใช้ และคงเป็นครั้งเดียวที่เราจะทำตะกรุดมหาสะท้อนในรูปแบบลูกสะกดทุกข์เช่นนี้

    เพราะว่าของแบบนี้เขามีเจ้าของทุกคน อย่าปรามาส อย่าดูถูก นี่แหละเล็กดีแต่รสโต มีอานุภาพเกินตะกรุดเมปกติไปมากมาย ด้วยเสด็จพระใหญ่ท่านเมตตาทำให้เอง ลำพังผงสะกดทุกข์นี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าเราขอเสด็จท่านไว้ ให้คนเอาไปใช้ต่อเติมความสุข ต่อชะตาวาสนาตน ลูกสะกดนี้อย่าเอาไปใช้รังแกใคร อย่าเอาไปสะกดหรือกลั่นแกล้งใคร ท่านว่านอกจากสะกดทุกข์แล้วมันยังสะกดได้ทุกสิ่งด้วยเช่นภยันตรายต่างๆ แต่ตรงนี้เราจะไม่พูด เพราะพูดเยอะไปคนจะเอาไปเล่นไปทำโทษแก่ชีวิตสัตว์ทั้งหลายเช่นนี้ย่อมไม่จำเป็นต้องใช้


    คาถาบูชา
    อิติปิโสภะคะวา สัมมาที่ไหน สัมไปที่นั่น นะอยู่หัว โมอยู่ท้าย ศัตรูคิดร้าย มรณะสันติ โอม มะกระดอนศรทอง เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา ขอให้สะท้อนย้อนกลับไป ด้วยเดชเดชะแห่งมะอะอุนี้เทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2020
  12. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    มงคลเสน่ห์เจ้าชู้ยักษ์มหาคนธรรพ์ชิงดวง(ร่างเดียวกัน)
    ปิดรายการนี้ครับ
    89939180_549644405686473_5715039073542864896_n.jpg
    90349058_231839151302133_600014387314425856_n.jpg

    จากตำนานสีผึ้งพยองคำของครูบาติสหวุ่นนะ ซึ่งกล่าวได้ว่าหายากและมีอาถรรพ์สูงเสียยิ่งกว่าของหลวงปู่ทาบ จนกลายเป็นสีผึ้งในตำนานที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญพระเวทย์หรือแม้แต่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายล้วนแต่ปรารถนาที่จะได้มาครอบครอง

    จำเนียรกาลแต่เดิมนั้น พ่ออาจารย์ท่านพูดถึงสีผึ้งพยองคำของครูบาติสหวุ่นนะแห่งวัดไม้ฮุงว่าเป็นโอสถทิพย์ ซึ่งมีวิธีการทำแปลกประหลาดและพิศดารมาก นับแต่ต้องรวบรวมขี้ผึ้งอาถรรพ์ตลอดจนว่านยาสำคัญหลายชนิด ซึ่งตัวยาและมวลสารต่างๆนั้นพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าอย่าเสียเวลาไปคิดถึงเลย ปัจจุบันมันทำไม่ได้แล้ว ยากเสียยิ่งกว่าหาของทิพย์ที่เทวดาให้เสียอีก ซ้ำไหนยังจะต้องนำมาเข้ากับว่านยาอาถรรพ์ที่ปลูกไว้เอง กว่าจะสำเร็จเป็นยอดสีผึ้งอันดับหนึ่งของแผ่นดินนั้น ทำไม่ง่ายเลยทีเดียว

    ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่ออาจารย์ถึงหวงแหนสีผึ้งพยองคำเป็นที่สุด ท่านเมตตาเล่าว่าสีผึ้งตำรับนี้ต้องหุงกันถึงสามหน ท่านว่าหุงแต่ละหนก็ยิ่งยากและยิ่งหุงก็ยิ่งพิศดารมากขึ้นไปอีก หนแรกต้องหุงต่อหน้าพระประธานในพระอุโบสถเพื่อประจุวิชาจนสำเร็จเสียครั้งหนึ่งก่อน

    หนที่สองต้องนำไปหุงตรงทางสามแพร่งที่มีคนเดินสัญจรกันผ่านไปมา อาศัยอาถรรพ์ที่ว่าทางสามแพร่งนั้นแต่เดิมเมื่อครั้งโบราณจะเป็นที่ชุมนุมคน คนจะไปมาหาสู่หยุดพูดคุยกันดุจว่าเป็นจุดนัดพบกัน ครูบาเฒ่าต้องนำไปหุงตรงทางสามแพร่งนี้หุงไปบรรจุอาถรรพ์และวิชาไป จนกว่าจะมีคนกล้าที่จะถามทักว่าครูบาท่านมาทำอะไร แล้วก็จะได้รับคำตอบไปว่า ฉันมาทำยาวิเศษมาทำโอสถทิพย์ ทิพย์โอสถอันล้ำเลิศในโลกแดนดินที่จะบันดาลให้ถึงสิ้นซึ่งความร่ำรวยและเป็นมหาเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง พูดได้ว่าถ้าไม่มีคนถามก็หุงไปเถอะ หุงเรื่อยไปไม่ทักก็หยุดไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น แล้วจะมีซักกี่คนกันที่จะกล้าเข้าไปทักเวลาพระทำพิธีเธอก็คิดเอาเถอะ

    เมื่อสำเร็จสองวาระแล้ว วาระที่สามนั้นท่านจะต้องสืบหาเพื่อรอเวลาสำเร็จโอสถทิพย์หรือสีผึ้งพยองคำนี้ นั่นคือต้องรอจนกว่าจะมีผู้หญิงที่ตายท้องกลม และในท้องต้องเป็นลูกคนแรก หญิงนั้นต้องไม่เคยมีบุตรมาก่อนแลบุตรนั้นก็ต้องเป็นผู้ชาย ฝังไว้ป่าช้าไหนท่านก็ต้องไปบวงสรวงขุดศพเขาขึ้นมา ให้ลูกศิษย์เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาใหม่ จากนั้นจึงให้ลูกศิษย์ที่หน้าตาดีที่สุดและต้องเป็นชายหนุ่มพรหมจรรย์เท่านั้นโอบกอดศพไว้จากด้านหลัง แล้วนำขันสัมฤทธิ์ที่ใส่สีผึ้งพยองคำนี้วางไว้บนมือศพนั้น ซึ่งมีมือของลูกศิษย์ท่านรองอยู่ด้านล่างอีกที เมื่อได้เช่นนี้แล้วหลวงปู่ก็จะใช้อาคมบริกรรมคาถา โดยให้ศิษย์ท่านจับมือศพอีกข้างหนึ่งกวนสีผึ้งไป เมื่อถึงจุดสำคัญท่านจะให้สัญญาณให้ลูกศิษย์ปล่อยมือทั้งสองข้างจากศพนั้น ปล่อยให้เขา(ผีสาวตายท้องกลม)กวนสีผึ้งเอง ปล่อยให้เขากวนเองโดยไม่มีใครบังคับโดยใช้อาคมของท่าน จนกระทั่งผีสาวนั้นกวนไปก็จะค่อยๆยกมือขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อจะนำยอดโอสถวิเศษอันเลิศล้ำตำราหรือสีผึ้งพยองคำนี้เทใส่ปากของตน ด้วยคุณวิเศษของสีผึ้งพยองคำหากผีนั้นทำสำเร็จแม้ได้ดื่มกินทิพย์โอสถจะทำให้ภูติผีนั้นมีฤทธิ์มากถึงขั้นกลายเป็นนางพญาผีดิบอมตะยากแก่การกำราบ เมื่อผีสาวเตรียมซดโอสถทิพย์ ยกขันสัมฤทธิ์พยองคำเข้าไปจนใกล้ปาก ครูบาเจ้าต้องแย่งเอาขันสีผึ้งจากมือภูติผีนั้น แล้วจึงทำการสะกดเขาให้กลับไปนอนอยู่สภาพเดิมในหลุม เมื่อทำได้เช่นนี้จึงได้ชื่อว่าเสร็จพิธีการทำสีผึ้งพยองคำอันเลิศล้ำตำรา

    พ่ออาจารย์ท่านว่าอย่าว่าแต่มวลารมหาวิเศษตลอดจนว่านยาบังคับเฉพาะทางเลยหาเพียงเท่านั้นก็นับว่ายากแล้ว แต่นี่วิธีทำยังยากเข้าไปใหญ่ เมื่อสำเร็จแล้วโอสถทิพย์หรือสีผึ้งพยองคำนี้ก็ล้วนเป็นที่ปรารถนาของมหาชน คนอันจะต้องการของทิพย์ของเทวดามาติดกาย ด้วยว่าอิทธิฤทธิ์ตลอดจนอานุภาพของพยองคำนี้จะเสมอด้วยคำของครูบาเจ้า ที่ว่าจะบันดาลให้ถึงสิ้นซึ่งความร่ำรวยและเป็นมหาเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง จนมีการกำหนดราคาบูชากันขึ้นเมื่อ 80 ปีที่แล้วว่า สีผึ้งพยองคำนี้จะให้บูชาในราคาตลับละ 100 บาท ซึ่งตอนนั้นทองคำยังบาทละไม่ถึงร้อย เรียกว่าเป็นของค่าควรเมืองที่โด่งดังในตำนานฝ่ายเหนือ ผู้ได้เป็นเจ้าของก็หวงแหนไว้เพื่อให้ตกถึงมือลูกหลานไม่คิดจะบอกหรือแบ่งปันให้ใครไม่แม้เพียงกล่าวถึงพยองคำโอสถสวรรค์นี้ เพราะถือคติว่าใครจะยอมแบ่งปันความร่ำรวยดวงชะตาตลอดจนอานุภาพที่เป็นมหาเสน่ห์อย่างเหลือล้ำให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่วงศ์สกุลเดียวกับตน นับว่ามีราคาที่สูงมากถึงขนาดที่ว่าคนอยากได้กันมากทำทุกทางเพื่อให้ได้ครอบครองพยองคำ จนท่านตั้งกฏไว้ว่าใครนำเงินมาทำบุญกับท่าน 10 บาท เมื่อ 80 ปีที่แล้ว ท่านจะนำเข็มเย็บผ้าตรงด้านรูเข็มจิ้มไปในสีผึ้งพยองคำ งัดออกมาได้เท่าไหร่ก็ให้นำไปได้แค่นั้น แน่นอนว่าขนาดย่อมไม่ต่างจากตัวมดเลย แต่คนก็ยังนิยมไปเอามาจนหมดเกลี้ยง


    พ่ออาจารย์ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพ่อหนานศิษย์ในอาคมของครูบาเจ้าผู้เป็นต้นตำรับการทำพยองคำ ซึ่งพ่อหนานท่านนี้เป็นผู้มีชาติตระกูลสูงสืบสายเลือดเจ้าฝ่ายเหนือ ซ้ำยังมีทรัพย์สมบัติมาก ไม่เพียงแต่ได้วิชาเอกจากครูบาติสหวุ่นนะ แต่ยังร่วมทำบุญเป็นเงินหลายร้อยบาทในสมัยนั้นเพื่อครอบครองทิพย์โอสถหรือที่เรียกกันว่าสีผึ้งพยองคำนี้ไว้ด้วย โดยท่านได้มอบมาให้พ่ออาจารย์ส่วนหนึ่ง

    เมื่อมีคนรู้ว่าพยองคำอยู่กับท่านทำให้มีคนสนใจอยากบูชากันมาก ท่านจึงตัดความรำคาญเพราะไม่รู้จะแจกเขาอย่างไรดี ท่านว่าคนสมัยนี้ให้ไปก็เลอะมือเผลอๆจะไม่รู้ค่าเอาไปทิ้งขว้าง เสียดายเจตนาและความพยายามของครูบาอาจารย์ ท่านจึงนำพยองคำมาปั้นเป็นเม็ดๆขนาดเม็ดถั่วเขียว แล้วทำการบรรจุพยองคำลงไปในขวดแก้วขวดละสามเมล็ด หลังจากนั้นจึงบรรจุของมงคลวิเศษอื่นๆไปรวมเป็นห้าสิ่งห้าชั้น ได้แก่
    - ชั้นล่างสุดลำดับแรก โอสถทิพย์สีผึ้งพยองคำ พ่ออาจารย์ท่านบรรจุลงไปขนาดเมล็ดถั่วเขียวสามเมล็ด ท่านว่าทำเช่นนี้ไม่ต่างจากให้เปล่าแต่อย่างใด เพราะแปดสิบปีก่อนเงินสิบบาท ยังได้บูชาเพียงแค่ปลายรูเข็มเท่านั้น

    - ชั้นที่สอง ท่านบรรจุสีผึ้งตบะพยัคฆ์ของครูท่านลงไป ท่านว่าสีผึ้งนี้มีอานุภาพมากไม่ต่างจากพยองคำเลย เพราะวิธีการทำนั้นต้องใช้น้ำมันเสือนำมาเคี่ยวกับหน้าผากเสือแล้วจึงใส่ว่านยาอาถรรพ์ลงไปอีกมาก ท่านว่าเป็นมหาตบะ มหาอำนาจ มหาสะกด ทำให้เค้ากลัวเรา ยอมเรา ครั้นคร้าม หวั่นเกรง ให้เกียรติเรา ดุจเราเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าชีวิตที่มีอำนาจเหนือกว่าสัตว์ทั้งหลาย ท่านว่าเสือสะกดได้ทั้งป่าฉันใด สีผึ้งตบะพยัคฆ์ของครูท่านนั้นก็ไม่ต่างกัน
    - ชั้นที่สาม ท่านใส่สีผึ้งน้ำตานางมัทรีลงไป ซึ่งสีผึ้งนี้ท่านทำเองโดยการนำน้ำตาเทียนมหาชาติกัณฑ์มัทรี มาเคี่ยวกับว่านไก่แดง น้ำตาปลาพะยูน กัวเผาะ(น้ำมันช้างตกมัน) น้ำตาเด็กร้องไห้ตามแม่ ไม้ไก่กุก ไม้วัวลืมคอก กาฝากรัก กาฝากมะยม ผงเสน่ห์ทั้งห้า ผงนางฟ้าทั้งแปด และว่านยาเสน่ห์สูตรเฉพาะอีก 108 ชนิดเคี่ยวด้วยพระเวทย์เสน่ห์ตำรับขอมโบราณล้วนๆ ท่านเรียกสีผึ้งของท่านว่าน้ำตานางมัทรี ท่านว่าแค่นี้ก็แรงแล้ว ถึงขนาดว่าไม่ได้เห็นหน้าแล้วน้ำตาไหลทีเดียว

    - ชั้นที่สี่ ท่านใส่ผงยาแฝดเก่าของครูท่าน ท่านว่าผงเสน่ห์ยาแฝดนี้มีอิทธิคุณแรงกล้านัก เอาไปใช้ทำเดรัจฉานวิชา ทั้งคนทำคนใช้ก็รังจะลงแต่นรกเสียอย่างเดียว ท่านจึงนำมาบรรจุไว้ ท่านว่าไม่ต้องใช้หรอก เอาแค่พกติดตัวก็เป็นเสน่ห์ดึดงดูดเพศที่เราปรารถนาอย่างถึงที่สุดแล้วเพราะท่านเสกวิชาสำทับไว้

    - ชั้นที่ห้า ท่านบรรจุด้วยผงวิเศษ ที่ท่านเรียกว่าผงเทวดาเล่นแป้ง ผงนี้สำคัญนักท่านว่าต้องเข้าป่าบุกถ้ำได้จึงจะเอาออกมาได้ ผงเทวดาเล่นแป้งนี้เทวดาเขาทำรอเราอยู่ในถ้ำ ไม่ง่ายเลยที่จะนำออกมาท่านว่าเป็นของสูงยิ่งนักจึงบรรจุไว้ด้านบนสุด ทั้งราชเสน่ห์ ราชนิยม มนุษย์ชื่นชม เทวดานิยม พระพรหมเมตตา มีครบทุกทางพกไว้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต จะเข้าหาใคร จะเอ่ยปากเจรจากับผู้ใดเขาก็โอนอ่อนให้ดั่งใจทั้งนั้น

    เมื่อท่านบรรจุของอาถรรพ์ทั้งหมดลงในขวดแล้ว จึงนำไปบรรจุใส่ไว้ในด้านหลังเครื่องรางที่ท่านสร้าง ซึ่งท่านเรียกว่าร่างเดียวกันหรือมหาคนธรรพ์ชิงดวง พ่ออาจารย์ท่านสร้างมหาคนธรรพ์ชิงดวงนี้โดยผูกวิชาอิ้นคู่ไว้ด้วย เรียกว่าท่านทำอย่างลงตัวที่สุด ท่านว่าที่ทำเครื่องรางมหาคนธรรพ์ชิงดวงนี้ เพราะเทพคนธรรพ์ทั้งหลายเค้าอยู่ใกล้กับมนุษย์มาก มีตั้งแต่ระดับสูง ระดับกลาง ระดับต่ำ ที่อาศัยอยู่ในท้องมหาสมุทรก็มี ที่อาศัยอยู่ตามกลิ่นเครื่องหอมก็มี ที่อาศัยอยู่บนบริเวณต่างๆของพืชพรรณก็มี ทิพย์สภาวะของเทพคนธรรพ์นี้เรียกว่ามีอยู่ทุกที่ ทั้งบนบก ใต้ดิน ในน้ำ และในอากาศและประชากรเค้าก็มีมากและอยู่ใกล้กับเรามากจนแทบจะหายใจรดกัน เพียงแค่เราไม่รู้ตัว

    เทพคนธรรพ์นั้น เป็นเทพกลุ่มพิเศษที่มีความอ่อนไหวในกามคุณตลอดจนกามารมณ์อย่างถึงที่สุด ท่านว่าขุนแผนก็ขุนแผนเถอะ มาเจอมหาคนธรรพ์เข้าไปคนละเรื่องกันเลย เพราะชีวิตเขานั้นใช้ไปกับการเสพย์สม เสพสุข สนุกสนาน ร่าเริงบันเทิงใจไปกับสิ่งสวยงามด้วยทิพย์สภาวะ พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อจะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะไม่ใช่เพียงแต่ทำให้มีคุณครบรสทางด้านโลกีย์วิสัยทุกทางที่มนุษย์ปรารถนา แต่ยังจะทำให้มีอานิสงค์ใหญ่ มีคุณใหญ่เกื้อกูลผู้ใช้อย่างแท้จริงด้วย ดังนั้นจึงใช้บารมีของเทพคนธรรพ์ธรรมดาไม่ได้ ภูมิต่ำก็ไม่ได้ ในนภากาศก็ไม่ได้ จำจะต้องใช้มหาคนธรรพ์ทั้งห้าจึงจะเห็นควรว่าเหมาะสม

    พ่ออาจารย์ท่านว่ามหาคนธรรพ์ทั้งห้านี้ก็คือเทพบดีที่อยู่ในสวรรค์ มีอาญาสิทธิ์ยิ่งใหญ่ปกครองคนธรรพ์ทุกภพภูมิ ซึ่งมหาคนธรรพ์ทั้งห้านี้จะอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีท้าวธตรฐจอมเทพแห่งจตุโลกบาลเป็นหัวหน้า ในคณะมหาคนธรรพ์ทั้งห้า จะประกอบไปด้วย
    - ท้าวธตรฐราช จอมเทพจตุโลกบาลฝ่ายตะวันออกผู้มีอาญาสิทธิ์ปกครองเทพเจ้าในจาตุมหาราชิกาสวรรค์ฝ่ายตะวันออกเหนือจอมเขายุคุนธรไปจนเถิงกำแพงจักรวาล
    - ท้าวสุมะธัมมา จอมเทพคนธรรพ์ในปกครองของท้าวธตรฐ มีอำนาจดูแลคนธรรพ์ทั้งหมดในตรีโลกฝ่ายตะวันออก
    - ท้าวพิมพะสุรกะ จอมเทพคนธรรพ์ในปกครองท้าวธตรฐ มีอำนาจดูแลคนธรรพ์ทั้งหมดในตรีโลกฝ่ายใต้
    - ท้าวทีระมุขะ จอมเทพคนธรรพ์ในปกครองท้าวธตรฐ มีอำนาจดูแลคนธรรพ์ทั้งหมดในตรีโลกฝ่ายตะวันตก
    - ท้าวปัญจสิขร จอมเทพคนธรรพ์ในปกครองท้าวธตรฐ มีอำนาจดูแลคนธรรพ์ทั้งหมดในตรีโลกฝ่ายเหนือ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาเทพคนธรรพ์นี้ยิ่งกว่าเสน่ห์จำพวกเพชรพญาธรใดๆ เพราะเป็นระดับเทพบดีของเหล่าคนธรรพ์หรือมหาคนธรรพ์ทั้งห้าอันมีอานุภาพบงการทัพเหล่าคนธรรพ์ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเทพคนธรรพ์ทั้งหลายในโลกมนุษย์นั้นจะมีโทสะบ้างให้คุณมนุษย์ก็มาก ให้โทษมนุษย์ก็มาก ทำให้รวยให้เจริญรุ่งเรืองมีหน้ามีตาก็ได้ ทำให้ฉิบหายก็ได้ ท่านว่ามีอำนาจสิงสู่ดุจเทพเจ้าฝ่ายมารของท้าวมาลัย ท่านว่าทุกวันนี้คนสับสนและจำกันผิดไปหมด มักจะไปจำว่ามารหรือเทพในปรนิมมิตวสวัตตีสวรรค์เป็นเทพคนธรรพ์ไป เพราะปัจจุบันเทพคนธรรพ์ฝ่ายต่ำแย่งบทมารไปแล้วอย่างสิ้นเชิง พ่ออาจารย์ท่านว่าเพื่อจะไม่ให้เขาทำอันตรายแก่เรา ตลอดจนให้เขาช่วยเหลือเราทุกด้านตามที่เราปรารถนาอย่างถึงที่สุด ท่านจึงทำพระผงมหาคนธรรพ์ชิงดวงขึ้น เพื่อไม่ให้ประชากรคนธรรพ์ฝ่ายต่ำที่มีล้นโลกทำอันตรายผู้ถือครองได้ ซ้ำยังต้องตามช่วยเหลือเราด้วยอำนาจแห่งมหาคนธรรพ์ทั้งห้าอันได้แก่จอมเทพจตุโลกบาล

    พ่ออาจารย์ท่านว่ามหาคนธรรพ์ชิงดวงนี้ท่านใช้ผงวิเศษทำนั่นคือผงชมพูนุช ท่านว่าผงนี้ดีทางเสน่ห์เมตตาเหลือเกิน เพียงแค่ละอองผงปลิวไปต้องบ้านไหนก็ทำให้เค้าหลงเราทั้งบ้าน ท่านจึงนำผงชมพูนุชที่ท่านสร้างไว้ มานวดกับน้ำมันวิเศษและว่านยาชนิดต่างๆที่มีอานุภาพมาก จากนั้นจึงลบผงวิชาชิงดวงใส่ลงไปด้วย ท่านว่าคนใช้มหาคนธรรพ์นี้เวลาจะต้องแข่งขันกับใคร ล้วนแพ้เขาไม่เป็นเลย ในปัจจุบันนั้นท่านว่าทุกสิ่งมันเป็นการแข่งขันกันหมด ทั้งสังคม การงาน เพื่อนฝูง ความรัก หากอยากได้อะไรล้วนแต่ต้องแข่งขันกับเขาทั้งสิ้น ผงชิงดวงนี้ท่านว่าเอาว่าอยู่ใกล้ใคร ก็จะกดดวงเขาไว้ไม่ให้เหนือเรานั่นแหละ ชิงชัยชนะ ชิงความสำเร็จ ชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรเป็นของเรากลับมา

    พ่ออาจารย์ท่านว่านี่สำคัญนักคนใช้จะต้องมีคุณธรรมกำกับจิตใจด้วย ใจต้องสูงเป็นยอดคน ไม่นำไปอธิษฐานใช้ทำบาปกรรมที่ไหน ท่านว่าอยากมีลาภ อยากทำงานให้สำเร็จ ให้ไร้พ่ายไร่คู่แข่ง ให้รวย ให้เจริญมั่นคง ให้ความรักหวานชื่น จะให้จีบติดให้เค้ารักเราแต่ผู้เดียวท่านว่านี่ทุกอย่างเลยอยู่ในผงชิงดวงหมดแล้ว ท่านจึงตั้งใจมากที่จะขอเสด็จพระใหญ่ลบผงชิงดวงนี้อาราธนาอาถรรพ์พุทธคุณในสมเด็จท่านช่วยกันสำเร็จผงชิงดวงขึ้นมา

    พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านแกะพิมพ์มหาคนธรรพ์แบบอิ้นคู่ ซึ่งท่านเรียกว่าร่างเดียวกันเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของการให้กำเนิดเป็นกฤติยาคมแฝด ไม่ว่าอวิชชาคุณไสยที่เขาจะตั้งใจปล่อยมาหรือลมเพลมพัดก็ดี ตลอดจนคุณผีคุณคนที่กระทำหรือตั้งใจจะเข้าสิงเราก็ดี อะไรไม่ดีท่านว่ามันสะท้อนกลับไปหมด ไม่ก็ไหลลงไปฝากพระแม่ธรณีไว้หมด แม้พกไว้ก็จะปรับธาตุขับถ่ายสิ่งไม่ดีอันสะสมหรือตกตะกอนไว้ในร่างกาย ไม่ว่าจะโรคร้ายหรือจิตวิญญาณแปลกปลอมที่ไม่ควรจะมีอันมายึดเกาะเราทำร้ายเรา ท่านว่าขับออกหมด อยู่ไม่ได้ มหาคนธรรพ์นี้ท่านว่าไม่ใช่ของต่ำของผี แต่สำเร็จด้วยอานุภาพแห่งเทพยดาชั้นสูง พกไว้จะมีแต่สง่าราศีหาราคีอันใดมิได้

    พระผงมหาคนธรรพ์ชิงดวงนี้ ด้านหน้าท่านฝังตะกรุดไว้สองดอก และด้านหลังก็ฝังไว้สองดอกเช่นกัน ตลอดจนฝังเครื่องรางอาถรรพ์ไว้อีกชนิดหนึ่งด้วย ได้แก่
    - สมิงเฒ่าคาบนาง พ่ออาจารย์ท่านว่าแค่คิดจะทำข้างบนก็ส่งเสือมายืนอยู่ตรงหน้าท่านเเล้ว รอจะแฝงญาณเข้ามาเลย ท่านว่าสาบเสือมาแต่ไกล พักเดียวยืนอยู่ตรงหน้าท่านเหมือนแมวตัวใหญ่แค่จะใหญ่กว่าแมวสิบเท่าแค่นั้น สมิงเฒ่าคาบนางนี้ ท่านสร้างด้วยเนื้อธาตุกายสิทธิ์ เป็นรูปหน้าเสือคาบนาง ท่านว่าสมิงเฒ่าคือเจ้าแห่งเสือสมิงทั้งหมด เป็นผู้ปกครองเจ้าแห่งป่าแห่งพงไพรอย่างแท้จริง ท่านว่ามีฤทธิ์มาก จะอย่างไรไม่รู้แต่ที่รู้คือมีจิตบนบอกอธิษฐานได้ดั่งใจเพราะแรงด้วยตบะแห่งสมิงเฒ่า สมิงเฒ่านี้เปรียบดุจสมิงจ่าฝูงได้ตัวเมียทั้งป่า ได้ทรัพย์สินความอุดมสมบูรณ์ทั้งป่า ท่านว่าไม่พูดอะไรมากบอกได้คร่าวๆเท่านี้ ที่เหลือนั้นท่านว่าอยากได้อะไรก็ให้ตั้งนิมิตเอาเอง นึกถึงเสืออ้าปากคาบและกลืนกินสิ่งที่เราต้องการ สมิงเฒ่าอิ่มเราก็อิ่ม ฉันใดก็ฉันนั้น

    - ตะกรุดลูกอมเนื้อเงินสองดอกด้านหน้า ดอกหนึ่งท่านกำกับหัวใจมหาคนธรรพ์ทั้งห้าที่ท่านเชิญมาไว้ ให้ประสิทธิ์ประสาทสิทธิ์วิชชา ตลอดจนอำนวยลาภผลและคอยช่วยเหลือในทุกเรื่องที่เราต้องการ อีกดอกหนึ่งท่านลงด้วยหัวใจบ่วงตัณหา ท่านว่าตัณหาทั้งสามนั้นผสมเป็นรูปนามก่อเกิดกามคุณ ความสุขทุกสิ่ง ใครที่ยังขาดยังไม่มีสิ่งใดก็จะได้บริบูรณ์ครบไม่ขาดไม่พร่อง

    - ตะกรุดสองดอกด้านหลัง พ่ออาจารย์ท่านลงหัวใจสวรรค์หลงทางด้วยมนต์สวรรค์หลงทางของท่านหนึ่งดอก ท่านว่าตัวนี้ก็หลงหัวปักหัวปำ ใช้ให้เป็นเพราะมันได้ทุกทาง จะให้คนรักหลง เพื่อนหลง คนในครอบครัวหลง ลูกน้องหลง เจ้านายหลง เพื่อร่วมงานหลง ท่านว่าออกตามจริตเลย ถ้าเราคนดีอยู่ที่ไหนของมันก็ดีให้ทำจิตดีๆ อีกดอกหนึ่งท่านลงวิชามารกลับใจไว้ ท่านว่าทิพย์กายทั้งหลายที่เคยรังแกหรือให้ร้ายเรา ที่ไม่เคยช่วยเหลือเรา ไม่เคยเหลียวมองเราเขาจะเปลี่ยนกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือคอยช่วยเหลือดูแลเราตลอด จะไม่ได้รับโทษหรือการรังแกจากเทพฝ่ายมารตลอดจนคนธรรพ์และวิทยาธรเลย ซ้ำศัตรูที่เกลียดกันทะเลาะกันก็จะกลับมาดีกัน ลดอคติต่อกันในที่สุด ท่านว่าเป็นวิชาที่มีคุณใหญ่หลวงอีกอย่างหนึ่ง

    พ่ออาจารย์ท่านสร้างมหาคนธรรพ์ชิงดวงไว้เพียงเก้าองค์ ท่านว่าคนที่มีวาสนากับพยองคำมีอยู่เท่านี้ เกินนั้นไปย่อมไม่มี ท่านเคยนำมาออกให้คนที่เดือดร้อนเรื่องครอบครัวบูชาไปองค์หนึ่ง ปรากฏว่าเขาระงับความต้องการและกิเลสของตนไม่ได้สุดท้ายองค์พระก็อันตรธานหายไป ท่านจึงเก็บไว้ไม่ออกมาให้ใครบูชาอีกเลยพร้อมกับเรียกพระผงรุ่นนี้ว่าเจ้าชู้ยักษ์ จนวาระนี้ท่านปรารภว่าคนที่ดีที่เค้าเดือดร้อนอยากมีชีวิตสมบูรณ์ก็ยังมีอยู่ กาลเบื้องหน้าสิ่งที่ไม่คาดหมายจะเกิดขึ้น ท่านจึงถือคำของบูรพาจารย์ครูบาติสหวุ่นนะ นำมหาคนธรรพ์ที่มีส่วนผสมตลอดจนฝังพยองคำของท่านไว้มาให้ผู้มีวาสนาต้องกันบูชา จะได้บันดาลให้พบความร่ำรวยตลอดจนเสน่ห์เมตตาอย่างที่สุดให้เกิดกับชะตาชีวิตตามปกาศิตในครูบาเจ้าท่าน

    คาถาบูชา
    จิเจรุนิจิตตัง เจตะสิกกัง รูปัง นิพพานัง ตังนิพพุตัง ทะนะมะพะ ปฐวีธาตุทีฆังวา พะกะสะจะชีวังจุตะติ มะอะอุ เอหิจิตตัง จิตมนุษย์หญิงชายทั้งหลายทั่วทั้งแผ่นดิน เอหิมานิมามา มีจิตมารักกู ทุกผู้ทุกคน อุอะมะเกลื่อนกล่นกันมา อะมะอุรักกูอย่าขาด สัพพะรักกู มหารักกู ภวันตุเม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2020
  13. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    มงคลโกญจนาทไอยราวัต(จอมสรวงอินทรามหาจักรพรรดิ)
    ปิดรายการนี้ครับ
    90426563_505995637022684_2430895912659189760_n.jpg
    90514791_686861105399109_139767409861984256_n.jpg
    ด้วยคติความนิยมที่เชื่อมั่นแต่โบราณกาลและให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งหลายๆคนคงจะรู้จักและคุ้นชินกันอยู่แล้วกับนามพระอินทร์

    "พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ใด...ในคราแรกเริ่มเดิมทีอุบัติขึ้นเป็นสิ่งแรกที่มีเจตภูต
    พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดซึ่งพิทักษ์เทพเจ้าทั้งหลายด้วยอานุภาพแห่งพระองค์
    พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดซึ่งโลกทั้งสองต้องตระหนักด้วยเดชานุภาพ และศักดานุภาพของพระองค์
    พระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นแล มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย...คือ พระอินทร์

    ...พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดบังคับโลกที่สั่นสะท้านให้นิ่งได้
    ทำความมั่งคงให้แก่ขุนเขาที่หวั่นไหว พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดสร้างสวรรค์ขึ้น
    พระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นแล มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย...คือ พระอินทร์"

    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างเครื่องมงคลเหรียญหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณขึ้นมาและใช้ฝังวัตถุมงคลของท่าน หากแต่เหรียญชุดนำฤกษ์อันมีความสำคัญยิ่งยวดท่านกลับเก็บรักษาไว้ เหรียญสำคัญนี้พิเศษอย่างไรทำไมจึงไม่ออกให้บูชาเมื่อนานมาแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะนอกจากการเชิญและเสกด้วยกำลังของพระอินทร์แล้ว ในเหรียญนำฤกษNนี้ท่านยังทำวิชาเชิญกำลังของช้างเอราวัณมาประสิทธิ์.. ปลุกเสก เล่นฤทธิ์ ตั้งอาการ อบรมบ่มเพาะจนปรากฏเสียงช้างร้องโกญจนาทก้องดังดุจมีชีวิตเป็นสัญญาณมงคลตลอดเวลา

    ความสำคัญของผู้ที่ได้บูชาช้างเอราวัณอันมีอานุภาพเต็มนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาเป็นสัตว์มงคลที่ทรงกำลังที่สุด มีหน้าที่ดูแลโลก ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์ร่วมกับพระอินทร์ เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ยิ่งใหญ่ คอยดูดน้ำจากโลกขึ้นไปให้พระอินทร์บันดาลเป็นฝนตกลงมาจึงถือคติว่าเขาดูดความเจริญรุ่งเรืองและสวัสดิมงคลเข้าหา ให้พร้อมเสมอที่จะโปรยปรายดั่งละอองฝนตกต้องตัวเรา พ่ออาจารย์ท่านว่าที่จริงแล้วช้างเอราวัณนั้นเป็นเอกทางโชคลาภและโภคสมบัติทุกชนิด

    ....หลายคนเฝ้าถามหามงคลสักการะพิเศษ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าพระอินทร์ชุดนี้เราเน้นขับพลังงานของช้างเอราวัณให้เด่นเป็นที่สุด อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าช้างมงคลนี้ขออะไรได้อย่างนั้นในสายศิษย์ของเทพบุตรเอราวัณจะรู้กันดี ว่านอกจากจะมีฤทธิ์แรงกล้าแล้ว ยังขอได้ทุกอย่าง หากเดือดร้อนขาดที่พึ่งแม้รางวัลที่หนึ่งท่านก็ให้ด้วยความเมตตา หรือจะบนบานศาลกล่าวสิ่งใดก็สำเร็จทันตาเห็น แต่สิ่งที่ผู้บูชาต้องพึงสังวรณ์ไว้ก็คืออย่าปากพล่อย ขออะไรเล่นๆ ขอเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ขอส่งๆจนลืมหรือบนบานสำเร็จแล้วแก้ไม่ได้ เพราะนั่นจะเป็นปัจจัยนำความพินาศมาสู่ตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ระลึกไว้เสมอว่านี่คือจอมกษัตริย์ของเหล่าเทวดา มีอำนาจมากที่สุด ที่ผ่านมาท่านว่าเหรียญนี้มีค่าดุจแก้วสารพัดนึก ดุจของวิเศษเทวโลก แต่เมื่อมีคุณอนันต์ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน ด้วยมนุษย์นั้นหลงลืมคุณของเทวดาท่านเคยให้บูชาออกไปก็เห็นได้ถึงสันดานนิสัยที่ได้ดีแล้วลืมตัว ท่านจึงเก็บเอาไว้เรื่อยมา จนเห็นว่าโลกตอนนี้เดือดร้อนและอยู่ยากขึ้น ด้วยการช่วยเหลือและแก้วิกฤติให้กับชนผู้ศรัทธาเป็นหน้าที่ของเทวราช เป็นความรับผิดชอบของพระอินทร์เจ้ากับช้างเอราวัณอยู่แล้ว ท่านจึงขอเมตตาจอมเทพออกโปรดมนุษย์

    พระอินทร์เป็นมหาเทพที่ยิ่งใหญ่เหนือชีวิตของมนุษย์และสรรพสัตว์ มีหน้าที่ปกป้องดูแลโลกให้พ้นจากสิ่งเลวร้ายต่างๆ เป็นผู้นำเหล่าเทพเจ้าไปกำจัดอสูรร้ายในหลายคราว เมื่อโลกหรือประชาเดือดร้อนขึ้นมาคราใด นั่นหมายถึงมีเหตุร้ายได้เกิดขึ้น เมื่อนั้นพระอินทร์ก็จะออกจากสวรรค์ แปลงกายเป็นสัตว์ที่มีร่างกายกำยำ แข็งแกร่ง เพื่อลงมาปราบยุคเข็ญ...หลายๆครั้งที่คนเดือดร้อนตามวาระการกระทำและผลกรรมของตัวเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าจึงจำเป็นที่ต้องใช้สัตว์และเทพเจ้าอันมีอานุภาพใหญ่ดูดดึงสวัสดิมงคล พิทักษ์รักษา ทั้งขับออกซึ่งอวมงคลทั้งหลาย ผู้ที่บูชาช้างเอราวัณในปกครองของพระอินทร์นี้ จะมีอำนาจมาก เป็นที่เกรงกลัวของเหล่าอวิชชา ภูติผี คุณไสยต่างๆบรรดามีทั้งสิบสองชาติ สิบสองภาษา ทั้งยังเป็นเหตุที่มาแห่งความเจริญก้าวหน้า ความสำเร็จ ท่านว่าความปรารถนาอันสูงส่งและอำนาจที่สุกงอมรอบุคคลผู้นั้นอยู่ ขอเพียงอาราธนาท่านด้วยใจชีวิตจะเจริญเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดในหน้าที่การงาน โอกาสในกิจการที่แสวงหาและการกระทำทั้งหลายจะไม่สูญเปล่า พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้หลายคนทำอะไรไปก็เสียแรงเปล่า แต่หนนี้ท่านว่าเอาเถอะ รับรองว่าไม่มีสูญแน่นอน "ทุกการกระทำจะได้รับผลตอบแทนที่ควรค่าแก่ความพยายาม ปู่พระอินทร์ท่านบอกเราแบบนี้"

    เหรียญนำฤกษ์นี้ พ่ออาจารย์ใช้ธาตุกายสิทธิ์หล่อเข้ากับตะกรุดมหาจักรพรรดิทุกสูตรของท่านล้วนๆ ด้วยวิชาลงตะกรุดจักรพรรดิ์นั้นมีหลายสูตรหลายพระยันต์ ท่านจึงรวบยอดมาจบที่องค์นี้ทั้งหมดเลยเน้นๆว่ายอดของจักรพรรดิ์ทุกสูตรห้อยองค์เดียวจบไม่ต้องตามหาอะไรใช้อีกในสายจักรพรรดิ์ท่านว่าเนื้อพระนั้นใช้แทนตะกรุดจักรพรรดิ์ได้เลยอุปเท่ห์เดียวกันทั้งหมด
    "อนึ่งถ้ากุลบุตรผู้ใดจะใคร่ปรารถนาลาภยศ ให้ลงมหายันต์นี้ใส่แผ่นหินก็ได้ แผ่นทองคำ แผ่นทองแดง แผ่นเงิน หรือแผ่นตะกั่วก็ได้ เอาแช่น้ำบูชาไว้ ยิ่งแช่ในขันสัมฤทธิ์ยิ่งดีนัก เอาน้ำนั้นกินบ้าง ใส่ศีรษะบ้าง ลูบหน้าบ้าง บำบัดโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายและทั้งอายุก็ยืนยาว บังเกิดลาภยศตามแต่จะพึงปรารถนา อธิษฐานเอาเถิดจะสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการ

    ถ้าจะให้มีตบะเดชะให้เอาพระยันต์นี้ลงทำเป็นตะกรุดผูกเอวไว้ ให้รูดตะกรุดไว้ข้างหน้า ใครเห็นใครกลัว ใครเห็นใครรักแล ถ้าจะเล่นการพนันให้รูดตะกรุดนี้ไว้ข้างหน้า อธิษฐานว่าจะเอาเท่าไรพึงเอาเท่านั้นเถิด พึงตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์ ได้ดังความปรารถนา ไม่แพ้แก่การพนันแล

    อนึ่งถ้าจะให้คนมาเกี่ยวข้าวในนาของเรา หรือจะทำการค้าขายให้ขายสินค้าได้คล่อง ๆ ให้เอามหายันต์นี้ลงใส่ผ้าขาว ทำเป็นธงปักไว้ ลมพัดไปทางไหน ผู้คนหลั่งไหลมาทางทิศนั้นแล หรือจะทำเป็นตะกรุดแช่น้ำมนต์ เอาน้ำมนต์ประพรมสินค้าก็ได้ ซื้อง่ายขายคล่อง แลถึงแม้ว่าผีเข้าอยู่ ให้เอาน้ำมนต์นี้ประพรม ผีก็หนีออกไปสิ้น

    ถ้าจะประจัญด้วยข้าศึก ให้ลงพระมหายันต์นี้ทำเป็นธงใส่ในผืนผ้าขาว แล้วอธิษฐานยกธงโบกขึ้นไปทางทิศไหน ข้าศึกแตกหนีไปทางนั้น ธงนี้เอาบูชาไว้กับบ้านเรือนใด กันเสนียดจัญไร กันฟ้าและกันไฟก็ได้แล

    ถ้าจะกันโจรผู้ร้ายมิให้ทำอันตรายแก่เราได้ ให้เอากรวดและทรายมา เอาน้ำมนต์ที่แช่ตะกรุดนั้นประพรมกรวดทรายเข้า แล้วเอากรวดทรายนั้นหว่านล้อมให้รอบบริเวณบ้านเรา อธิษฐานขอบารมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จงมาช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย บรรดาคนที่คิดร้ายต่อเราเข้ามาเหยียบถูกกรวดถูกทรายที่เราหว่านโปรยไว้ จะต้องบังเกิดมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานาแล อุปเท่ห์มหายันต์นี้มีมากมายเหลือจะคณานับ ใช้ได้ทุกประการ"
    ที่สำคัญคือหล่อนำฤกษ์เนื้อพิเศษนี้ท่านยังฝังตะกรุดพิเศษนั่นคือกำลังช้างตกมันไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าช้างตกมันคือช้างที่ดุมาก มีกำลังมากที่สุดในช่วงชีวิตของช้างเชือกนั้น ดุมาก ท่านถือคติว่ายิ่งดุมากยิ่งให้คุณมาก ยิ่งมีฤทธิ์มากยิ่งสำเร็จมาก ท่านจึงใช้ตะกรุดนี้ขับกำลังของช้างเอราวัณให้ช่วยเหลือชนผู้ศรัทธาได้มากที่สุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่นนี้ท่านจึงว่าเหรียญหล่อนี้จึงสำคัญนัก ..เพราะขออะไรก็ประสิทธิ์ดีทุกเรื่อง

    เหรียญชุดพิเศษนี้พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าเนื้อธาตุจักรพรรดิ์ ไฉนนำฤกษ์ถึงพิเศษ เพราะด้วยชนวนปกติของรุ่นนี้ก็อลังการแล้วทั้งตะกั่วอวนตีนแห ยันต์นะปถมัง ยันต์ต่างๆ เมือรวมกับกายสิทธิ์ธาตุและตะกรุดมหาจักรทุกสูตรท่านจึงเรียกว่าธาตุจักพรรดิ์ *ทำไมต้องตะกรุดจักรพรรดิ์ สำคัญอย่างไรเมื่อใช้วิชามหาจักรพรรดิ์สร้างพระอินทร์(พ่ออาจารย์ท่านว่าฤทธิ์ของมหาจักรพรรดิ์แห่งเทวโลก หรือที่รู้กันดีในชื่อเทวราชอินทราจะยิ่งประสิทธิและสมบูรณ์ยิ่ง มากกว่าในขั้นกว่า มากกว่าการสร้างรูปท่านและเชิญเสกประสิทธิ์แบบธรรมดาอย่างเทียบไม่ติด เหมือนเชิญพระอินทร์เจ้าแวดล้อมด้วยสมบัติมหาจักรพรรดิ์ถ้วนทุกประการอาราธนาไปด้วยทีเดียว มีอำนาจใช้ธาตุจักรพรรดิ์หนุนชะตา เปลี่ยนวิถีชีวิตคนได้ด้วยอาญาสิทธิ์ของพระอินทร์)

    โดยบูราณาจารย์ท่านสรรเสริญคุณวิเศษของยันต์ที่สำคัญนี้ไว้ว่าสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ เป็นโภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรือง บรรเทาทุกข์โทษ ฯลฯ ซึ่งถ้าพิจารณาในเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ์ที่กล่าวว่าจะมีสมบัติ ๗ ประการ หรือรัตน ๗ ประการ คือ ๑. จักรแก้ว ๒.ช้างแก้ว ๓.ม้าแก้ว ๔.มณีแก้ว ๕.นางแก้ว ๖.ขุนคลังแก้ว และ ๗.ขุนพลแก้ว แล้วจะเห็นได้ว่าคุณวิเศษที่บุราณาจารย์ท่านพรรณาเอาไว้เรื่องยันต์กับสมบัติจักรพรรดิ์นั้นสอดคล้องกัน

    ใครที่ถามหาพระจิ๋วๆสวยๆองค์เล็ก ถามหาตะกรุดจักรพรรดิ์ ที่ผิดหวัง ที่บ่นหนัก อยากได้บารมีพระมหาจักรพรรดิ์ใช้รุ่นนี้เลย บอกได้คำเดียวว่ารุ่นนี้สวยคลาสสิคมาก ทั้งมีน้อยออกให้บูชาได้เพียงหนเดียว แถมพิเศษสุดๆนั่นคือพระอินทร์นี้ทรงช้างไอยราพรตหรือเอราวัณ ท่านว่าชุดนี้เราหล่อด้วยโลหะคนละแบบกับตอนทำฝังด้วยเป็นการเทนำฤกษ์ แม้ตอนปลุกเสกก็เชิญท่านลงเต็มกำลัง สำคัญที่สุดคือช้างไอยราพรตลงมาเต็มภาคเสียงตึงตัง....กระทำโกญจนาทประกาศสวัสดิมงคลยิ่งใหญ่ ด้วยเขาฮึกเหิมในพละกำลังตามเล่ห์กลอำนาจของตะกรุดที่ฝังอยู่ดลให้เป็นไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเหรียญนี้จะแรงมาก และมีกำลังมาก แรงไม่ตก แรงตลอด ด้วยความฮึกเหิมของสัตว์เทพที่มีอำนาจมากแลมีหน้าที่พิเศษนี้

    แต่เดิมนั้นเคยมีการขอร้องส่วนตัวเข้ามาหลายครั้ง ให้พ่ออาจารย์ท่านสร้างองค์อมรินทร์หรือพระอินทร์ให้บูชา ในกรณีที่ผู้ประสงค์ขอบูชาอยากได้ไว้เป็นของดีประจำตัวของตน ถึงกระนั้นก็ได้รับการปฏิเสธจากท่านมาโดยตลอด โดยท่านให้เหตุผลว่ายังไม่ได้ขอไม่ได้คุยจะไปสร้างรูปท่านได้อย่างไร

    พ่ออาจารย์ท่านรู้ดีว่า การสร้างพระอินทร์นั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ในคติความเชื่อทางฝ่ายพุทธ พระอินทร์คือประมุขแห่งเทวสภา ซึ่งเป็นศูนย์รวมของสวรรค์ในทุกๆ ชั้นและยังเป็นราชาเเห่งทวยเทพในพิภพดาวดึงษ์ ซึ่งมีความรื่นรมณ์สูงสุด

    พ่ออาจารย์ท่านได้รับเทวบัญชาต่อเนื่องให้สร้างรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ...ด้วยเหตุว่าสรรพสัตว์นั้นดำรงค์อยู่ในท่ามกลาง เบื้องบนนั้นมีจอมเขาพระสิเนุราชมีพระอินทร์ประทับเป็นประธานแห่งเทวสภาในฉกามาพจรภูมิ เบื้องล่างนั้นก็มีพระแม่ธรณีศรีวสุนธราสถิตย์ปกครองอยู่ ครูท่านจึงประสงค์จะให้สัตว์ที่ตกถึงทุกข์มีพลังศักสิทธิ์เกื้อหนุนดูแลไม่ว่าจะเหนือฟ้าหรือใต้พิภพก็ตาม พ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำตะกั่วอวนตีนแหที่ท่านลงยันต์นำมาแช่น้ำมนต์เก็บไว้มาทำพิธีหลอมหล่อพร้อมทั้งจารแผ่นยันต์บังคับนะปถมัง 14 นะและพระยันต์ 108 ใส่ลงไปด้วย พร้อมกับอักขระหัวใจพระอินทร์

    - เหรียญหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระอินทร์นั้นเป็นประธานเทวสภาและเป็นตำแหน่งของราชาแห่งทวยเทพทั้งมวล ปกครองทั้งสวรรค์ คุมทัพเทพเจ้าทุกวิมานในอากาศ เป็นตัวแทนของจอมเทพในสวรรค์ทั้งหกชั้น ในส่วนของช้างเอราวัณเทพบุตรนั้นท่านเป็นเทพบุตรสายนาคาซึ่งมีบารมีมาก มีฤทธิ์มาก ด้วยว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังธรรมอยู่เสมอ เมื่อพระอินทร์จอมเทพประสงค์จะเสด็จที่แห่งใด เอราวัณเทพบุตรก็จะนิรมิตรรูปกายของตนเป็นพญาช้างสามสิบสามเศียร เมื่อพระอินทร์เสด็จขึ้นประทับแล้ว เทพยดาที่เหลืออีก 32 องค์อันเป็นสหชาติและมีบุญบารมีเสมอกันกับพระอินทร์ก็จะเสด็จประทับขึ้นพร้อมกัน พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเสกยากนักเป็นเหรียญที่มีเทวานุภาพมาก มันยากและมากกว่ารูปที่เห็น เพราะโดยพิธีแล้วท่านต้องเชิญเทพบดีทั้ง 33 ลงมาสถิตย์พร้อมกันที่ช้างเอราวัณนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระวรุณ พระประชาบดี สุริยเทพ จุลรถ มหารถ อเนกวัณณ และพระองค์อื่นๆโดยพร้อมกัน ไม่ใช่ว่านึกจะทำก็ทำเสียเฉยๆ จึงเป็นตราสัญลักษณ์พิเศษที่มีอำนาจมากเมื่อเสกอย่างถูกต้องแล้วท่านว่าเวลาไปที่แห่งหนไหนก็สั่นสะเทือนไปทุกภพภูมิ ด้วยอานุภาพของเทพยดาทั้ง 33 พระองค์อันเป็นจอมเทพบดีแห่งดาวดึงส์ และช้างเอราวัณนี้ เมื่อจะมีความสำคัญบอกกล่าวอย่างไร มีกิจธุระอย่างไรให้ระลึกถึงองค์พระอินทร์อันเป็นประธานเพียงองค์เดียวให้มั่นคงกระทำสัตย์อธิษฐานไป พ่ออาจารย์ท่านว่าความนั้นย่อมตกและทราบทั่วถึงกันทั้งดาวดึงส์นอกจากพระอินทร์แล้วจอมเทพอีกทั้ง 32 พระองค์ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเราด้วยไม่รวมเหล่าเทพบริพารทั้งดาวดึงส์สวรรค์ท่านว่าเพียงแต่อธิษฐานเอาก็พอ ไม่จำเป็นอย่าไปบนอะไรท่านมากเพราะท่านมีใจจะช่วยกันอยู่แล้ว พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ในพิภพดาวดึงส์นั้นเทพยดาโปรดที่จะสร้างบารมีร่วมกันกับมนุษย์ท่านจึงเชิญตัวนายมาเสียให้ครบในคราเดียวเพราะเมื่อนายมา บริษัทแวดล้อมทั้งหลายก็ย่อมจะมาด้วย และเขามีหน้าที่สำคัญเป็นสัญญาใจที่จะช่วยเหลือมนุษย์อยากเห็นมนุษย์ได้ดีและกลับขึ้นไปรวมอยู่กับเขาในท้ายที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นโอกาสดีนะ ดีที่จะได้อยู่กับพระอินทร์ อยู่ในสายตาของท่าน ทำให้ท่านพอใจ อีกนัยน์หนึ่งตายไปไม่ต้องกลัวตกนรกเลย หากเธอยังเป็นคนดีรู้จักประกอบการกุศลอยู่บ้าง ก็พระอินทร์นั่นแหละจะเป็นพยานในการสร้างกุศลของเธอเตรียมวิมานในดาวดึงส์ไว้รอเธอ สำคัญถึงปานนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเหรียญนี้ทำได้ไม่เยอะเพราะธาตุจักรพรรดิมีน้อย ให้สังเกตุเอาเองว่าเหรียญนั้นจะสวยงามแบบธาตุโบราณ เนื้อในองค์พระจะเป็นผลึกเป็นเกล็ดแก้วต่างจากเนื้อตะกั่วหรือเงินยวงทั้งหลาย ท่านว่าเป็นของพิเศษ เกิดในวาระพิเศษ และผสมด้วยธาตุพิเศษ ท่านอนุญาติให้นำออกมาให้บูชากันให้ใช้ได้ทั่วถึงโดยย้ำว่าพระหนึ่งองค์นั้นดุแลได้หนึ่งชีวิต *แต่หากต้องการอาราธนาบารมีช้างเอราวัณให้ดีกับตนเองตลอดชีวิต ดีทันตาเห็น และทรงอานุภาพสูงสุด ท่านว่าให้เอาหนึ่งองค์บูชาไว้กับตัว อีกองค์หนึ่งอาราธนาท่านมารักษาบ้านหรือพระพุทธรูปที่เรากราบไหว้บูชาโดยวางท่านไว้ที่พระพุทธรูปนั้นพร้อมทั้งเขียนวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟาก ฝากใส่ทับไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป

    * เหรียญหล่อนี้ให้บูชาเพียงหนเดียว มีขนาดกะทัดรัดสวยงามเหมาะแก่การห้อยคอ ท่านว่าให้ไว้เป้นขวัญและสิริมงคลชีวิต ให้ตกต้องสืบต่อไปในลูกหลานที่ศรัทธาสายปู่พระอินทร์จริงๆ เคยทำบารมีร่วมกับท่านก้มาเอาท่านไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2020
  14. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    พระปิดตาเนื้อผงเปิดวาสนามหาอุดม(ได้แล้วได้อีก)
    ให้บูชา 2000 บาท รวมส่งครับ
    90527931_224803508708122_835492227084976128_n.jpg
    90013440_228768888316144_7728879527023083520_n.jpg
    นับแต่โบราณกาลสืบมานั้นหากปรารถนาจะสร้างเครื่องมงคลที่มีอิทธิคุณหนักไปทางชุ่มเย็น เห็นผลทาง เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาดแล้ว ก็มักนิยมทำเป็นรูปพระภควัมปติหรือพระปิดตากันมาก โดยเฉพาะเจาะจงให้ใช้เนื้อผงมวลสารวิเศษต่างๆเป็นหลักมากกว่าจะใช้โลหะธาตุอื่นๆ กอปรกับความนิยมของพระเครื่องพระปิดตาเนื้อผงของหลวงปู่โต๊ะมีสูงมาก และมีหลายๆคนมักจะถามว่าพ่ออาจารย์ท่านได้สร้างพระปิดตาจัมโบ้แบบของหลวงปู่โต๊ะไว้บ้างหรือไม่ ซึ่งท่านก็รับแต่เพียงว่า เราทำไว้ แต่ยังไม่ได้เวลา

    จำเนียรกาลผ่านไป อาหารการกินชีวิตความเป็นอยู่และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเบื้องหน้านั้น ท่านเห็นว่าคนจะอยู่ได้ยากหากปราศจากวาสนาและลากสักการะนานาทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำรินำพระปิดตาที่ท่านได้บรรจงสร้างสรรค์ไว้ดีแล้วออกมาให้ร่วมทำบุญกัน

    พระปิดตาเนื้อผงเปิดวาสนามหาอุดม(ได้แล้วได้อีก)นั้น อุบัติขึ้นจากความตั้งใจของครูบาอาจารย์ โดยครูสมเด็จท่านได้นิมิตสอนพ่ออาจารย์ถึงการทำผงวิเศษที่เรียกว่าผงเปิดวาสนามหาอุดม ซึ่งเป็นผงเปิดวาสนาบารมีเฉพาะทาง โดยพ่ออาจารย์นั้นท่านได้พูดถึงตัวผงเปิดวาสนามหาอุดมว่า คนเรานั้นเมื่อพูดถึงคำว่าวาสนาแล้วเราจะนึกไปถึงคนที่เขาโชคดี มีโชคอยู่เรื่อยๆไม่รู้หยุดรู้หมด คิดว่าคนเช่นนี้คือคนวาสนาดี ซึ่งแท้จริงแล้วเจ้าตัววาสนานี้มันเกิดจากผลแห่งบารมีที่ตนได้กระทำไว้เป็นเหตุให้เกิดขึ้น มิใช่อยู่ดีๆมันจะเกิดขึ้นได้เอง หากแต่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสร้างบารมี เป็นคนมีบารมีมากก็พลอยให้มีวาสนาดีไปด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่ามีแต่ตัวเราเองเท่านั้น ที่จะรู้ว่าตัวเองมีบารมีอยู่หรือไม่ แล้วชีวิตทุกวันนี้ในเมื่อมีบารมีอยู่ทำไมกลับไร้วาสนา ทั้งๆที่ทำบุญให้ทานปฏิบัติภาวนามิได้ขาด แต่ทำไมกลับผีซ้ำด้ามพลอยเจอแต่เรื่องแย่ๆไม่เว้นวัน

    ท่านว่าการทำผงเปิดวาสนามหาอุดมนี้ ก็คือผงเปิดโลก ผงที่ใช้เปิดบารมีช่วยให้คนมีวาสนาหลีกเร้นเคราะห์ภัยที่จะเกิดไม่ให้เข้าถึงตัวนั่นเอง ผงเปิดวาสนามหาอุดมนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าทำไมต้องมหาอุดม เพราะโบราณจารย์และครูสมเด็จท่านสอนว่ามหาอุดมนั้นก็คือที่สุด สูงสุด เป็นความบริบูรณ์พูลพร้อมในทุกสรรพสิ่งอย่างเลอเลิศ อย่างสูงสุดสมบูรณ์ไม่มีประมาณ ดังนั้นผงเปิดวาสนามหาอุดมนี้ก็คือที่สุดของผงที่ใช้เปิดบารมีให้คนเต็มคน ให้คนกลายเป็นคนที่บริบูรณ์ถึงพร้อมด้วยวาสนาและความโชคดีนานัปการ พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นผงที่ครูท่านเมตตาสงเคราะห์เพื่อให้ใช้ให้ปรากฏเฉพาะกาล ในเฉพาะยุคสมัยเท่านั้น ท่านว่าเป็นสิ่งที่กระทำได้ยากเพราะสุดท้ายก็ต้องให้เหล่าองค์พระอรหันต์ช่วยกันอธิษฐานบารมีอันเป็นบารมีเฉพาะทางเพื่อให้ผงนี้มีกฤติยาคมสูงสุดแตกต่างจากมงคลสักการะทั่วไป

    พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตาเล่าถึงพระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะไว้ว่า ในตอนนั้นหลวงปู่ท่านได้มวลสารผงพระเก่าของวัดระฆังและบางขุนพรหมไว้มาก ท่านจึงได้อาราธนาบารมีสมเด็จโต ใช้ผงเก่าที่ชำรุดแตกหักเหล่านั้นมาสร้างพระเครื่องของท่าน จนพระเครื่องของท่านกลายเป็นพระที่มีอภินิหาริย์มากดุจเดียวกัน ดังนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านมีดำริจะสร้างพระปิดตา ท่านว่าจำเป็นที่จะต้องใช้มวลสารเก่าของครูสมเด็จผสมด้วยผงวิเศษทั้งห้าประการเป็นผงตั้งต้น นอกจากนั้นแล้วเพื่อให้ได้อานุภาพสูงสุดตามแบบอย่างพระปิดตาที่ควรจะมีท่านจึงได้ลบถมผงวิเศษอีกสองชนิดเป็นการเฉพาะ ถึงอย่างละ 108 หน ประกอบด้วย
    - ผงยันต์มหาละลวยตัวเต็ม พ่ออาจารย์ว่าผงนี้เมื่อลบถมต่อเนื่องกันถึง 108 ครั้ง ซึ่งเป็นการลบผงที่กระทำได้ยาก ส่งผลให้ผงนี้มีอานุภาพมากเกินกว่าจะบรรยายได้ ท่านว่าพูดกันสามวันก็ไม่จบ โดยปกติแล้วผงนี้จะมีคุณมากท่านว่าแค่เศษผงหากได้พกพาอาราธนาแล้วจะช่วยยกสง่าราศีทำให้ผู้บูชาเป็นที่รักของคนทั้งหลายไม่ว่าจะชายหรือหญิง ใครไม่รู้จักก็อยากเข้ามาหาเข้ามาทำความรู้จักเรารักเราดุจพี่น้องร่วมสายโลหิต ซ้ำยังเป็นตบะเดชะดีนักช่วยให้คนเกรงใจเรามีอำนาจดังพระยาราชสีห์เวลาจะทำอะไรก็ไม่ขัดใจเป็นทั้งเมตตาและมหาอำนาจประสานกันอยู่ในที และยังกันกระทำกันภัยอันตรายด้วยประการทั้งปวง ท่านว่าอธิบายได้คร่าวๆเท่านี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้มีอานุภาพมากถึงกับกล่าวได้วาหากใครได้พบ นับว่าเป็นบุญวาสนาของบุคคลผู้นั้น แม้จะมีชีวิตอาภัพมาจากไหนก็ตาม นับจากนี้ไปจะไม่รู้จักคำว่าอาภัพเลย

    - ผงยันต์สุกิตติมา พ่ออาจารย์ท่านได้ทำการลบถมถึง 108 หนเช่นเดียวกัน ท่านว่าบางที่ก็เข้าใจผิดว่าเป็นยันต์มหาละลวย เนื่องจากมีคุณด้านมหาเสน่ห์อย่างโดดเด่นนี่เอง พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้ดีนักไม่ดีจริงไม่ใช้สืบกันมาตั้งแต่พระสังฆราชแพแน่นอน ท่านว่ามีคุณทางเมตตาอย่างเอก ถึงกับปรารถนาให้สตรีใดมาหาเราเขาก็จะมาหาเราดังปรารถนา แม้มีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งครอบครัวไม่ลงรอยกันก็จะคืนดีกันโดยไวนี่คือเมตตาอย่างเอกถึงขนาดที่ว่าทะเลาะกันอยู่ก็เปิดปากด่ากันไม่ลง นอกจากนั้นแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้ยังมีดีทางหนุนดวงชะตาด้วยพลิกดวงกลับจากร้ายให้กลายดีแบบเชื่อขนมกินได้ ซ้ำเมื่ออาราธนาติดตัวไว้ ด้วยอำนาจของคุณวิชาพ่ออาจารย์ว่าผงนี้ยังจะช่วยขับไล่ปัดเป่าเสนียดจัญไรออกไปพ้นจากร่างกาย พ้นจากชีวิตทีเดียว

    เมื่อท่านได้นำผงมวลสารทั้งหมดมาผสมกันแล้ว ท่านยังได้ผสมผงเกษรว่านและดอกไม้มงคล ตลอดจนผงคตวิเศษและน้ำมันจากบูรพาจารย์ต่างๆนวดหมักไว้กับเนื้อพระ ก่อนจะกดพิมพ์องค์พระขึ้นมา ซึ่งพระปิดตาเนื้อผงเปิดวาสนามหาอุดม(ได้แล้วได้อีก)นั้น พ่ออาจารย์ท่านได้พิถีพิถันในการเสกมาก เพราะเป็นพระที่ใช้เกี่ยวกับเรื่องเปิดบารมี ต้านทานผลกรรมและกฏแห่งกรรมทั้งหลาย ท่านว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มจึงมีรายละเอียดมาก ทั้งต้องอาราธนาเสด็จพระใหญ่ และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่มีประมาณในจักรวาลแสนโกฏิมาช่วยกันคุมพิธีไหนจะองค์อรหันต์และเทพพรหมมากมาย

    ซึ่งองค์พระปิดตานั้น พ่ออาจารย์ท่านได้ฝังอิทธิมงคลศักดิ์สิทธิ์หลายชนิดลงไปด้วย ได้แก่
    - พญาพยนต์เพชรฆาตต่อหัวเสือ พ่ออาจารย์ท่านได้นำรังต่ออาถรรพ์ที่ท่านพลีมาตามวิธีการของท่าน มากดเป็นพยนต์ต่อหัวเสือ เพื่อที่จะฝังในพระปิดตาโดยเฉพาะ ท่านว่าคุณปกตินั้นต่อจะเปิดทางโชคลาภวาสนาบารมีให้กับผู้บูชาอยู่แล้ว ทั้งต่อเงินต่อทอง ต่อโชคลาภวาสนาบารมีต่างๆ แต่พญาพยนต์เพชรฆาตต่อหัวเสือนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าท่านใช้วิชาผูกหุ่นพยนต์เป็นกฤติยาคมแฝดด้วย ดังนั้นตัวต่อนี้ยังคอยปกป้องรักษาดูแลเจ้าของดุจทาสผู้ซื่อสัตย์ แม้ใครมารังแกหรือทำร้ายเราท่านว่าเค้าจะได้ผลกลับคืนสนองไปในสิ่งที่ตัวเองกระทำ พ่ออาจารย์ท่านว่าดูอย่างตะกรุดมหาสะท้อนนั่นเป็นไร เพียงแค่อาถรรพ์แห่งคุณวิชาก็ให้ผลปานนั้นแล้ว แต่นี่คือหุ่นพยนต์ที่มีชีวิตจิตใจ ท่านว่าก็คิดเอาเองแล้วกันว่าเค้าจะตอบสนองขนาดไหน ซ้ำยังช่วยเราได้หลายเรื่อง วันไหนติดขัดอะไร ให้ตั้งนึกถึงเจ้าตัวต่อนี้ให้ดี บอกเค้าไปว่าต่อโชคให้พ่อหรือแม่ทีสิ ต่อวาสนาให้พ่อหรือแม่ทีสิ คือจะทำอะไรที่คิดว่ามันหมดมันไปต่อไม่ได้แล้ว ให้อธิษฐานกับเค้า เดี๋ยวทางจะมา ไม่หยุดไม่หมดและจะได้ต่อออกไปเรื่อยๆ ถึงขนาดที่พ่ออาจารย์ท่านพูดติดปากเกี่ยวกับตัวต่อนี้ว่าได้แล้วได้อีกทีเดียว ท่านว่าคนเราส่วนใหญ่มีหลายประเภท มีทั้งที่ไม่เคยได้รับเลยก็มี หรือที่ได้แต่พอได้แล้วจะตันก็มี ดังนั้นท่านจึงผูกพญาพยนต์เพชรฆาตต่อหัวเสือขึ้นมาเป็นการเฉพาะท่านว่าสิ่งนี้ใช้แก้ทางกัน ซ้ำท่านได้อธิษฐานบอกกล่าวท้าวทั้งสี่ตลอดจนเทพยดาอันจำแลงเป็นตัวต่อนี้ให้คอยช่วยเหลือต่อวาสนา ต่อลาภผล ต่อสิ่งที่ดีทุกประการให้เหมาะสมตามลักษณะการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลออกไปไม่รู้หมด ท่านว่าสิ่งใดดีกับเขาก็ให้ต่อสิ่งนั้นออกไปเรื่อยๆเขาจะได้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต ให้ชีวิตเขาได้แล้วได้อีกไม่รู้หมดรู้พอนั่นเอง
    - ลูกอมหัวใจแม่นางฟ้า
    พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นวิชาลบผงมหาเมตตาขั้นสูงเป็นการทำลูกอมที่ให้ผลด้านเสน่ห์เมตตาอย่างเอก โดยท่านว่าจะเรียกลูกอมหัวใจแม่นางฟ้าหรือได้นางฟ้าก็ได้ ท่านว่าเรื่องนี้เราไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ แต่เอาเป็นว่าให้เข้าใจตรงกันคือ แม้ใครไร้คู่ก็จะได้คู่ครองที่ดี เอาว่าผลมันออกมาตามเจตนาพื้นฐานของจิตใจคนใช้ หากมีคู่อยู่แล้วก็จะช่วยให้ได้อยู่ในสังคมที่ดี ได้เจอคู่เจรจาหรือเพื่อนร่วมงานที่ดี ท่านว่ามันเป็นพลังอาถรรพ์แปลกๆที่จะทำให้เราเจอแต่คนดีๆทำให้ชีวิตเรา ทำให้เราเจริญขึ้น เป็นวิชาอาถรรพ์วิชาหนึ่ง ท่านว่าจะใช้ทางเสน่ห์ชู้สาวก็ได้ หรือจะใช้ทางเมตตาเขาหาคนเพื่อจะเจราจาก็ได้
    - ตะกรุดเปิดขุมทรัพย์ เป็นวิชาที่ท่านลงตะกรุดฝังไว้ด้านหลังองค์พระหนึ่งคู่ ท่านว่าวิชานี้ทำยากมากเพราะอักขระเลขยันต์นั้นล้วนมีความสัมพันธ์กับดวงดาว เป็นวิชาที่จะเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนวิถีดวงชะตาของคนอย่างแท้จริง ท่านว่ามันจะดึงจะดูดสิ่งดีๆให้เข้ามา ถ้าใครหวังจะเอาดีทางโชคลาภก็จะได้ตามนั้น บังเกิดโชคลาภอยู่เนืองๆมีความเจริญในลาภสักการะ ท่านว่าทำยากกว่าจะสำเร็จเพราะต้องเสกถึงยี่สิบเอ็ดศุกร์ หกอาทิตย์ สิบห้าจันทร์ แปดอังคาร สิบเจ็ดพุธ สิบเก้าพฤหัสทีเดียว
    - ตะกรุดแฝดหัวใจมหาเวสสันดร
    พ้ออาจารย์ท่านว่าพระเวสสันดรคือพระผู้มีแต่ให้ มีสมบัติจักรพรรดิ์ใครขออะไรเป็นยกให้เขาหมด ท่านว่าท่านลงเอาไว้ให้เป็นตะกรุดที่ฝังด้านหน้าองค์พระ เพื่อให้ผู้ขอได้รับในทุกสิ่งๆตามแต่ที่ขอที่ปรารถนากัน แม้ว่าจะขอทรัพย์ขอสิ่งใดๆก็ตามทีจากองค์พระก็ให้ได้รับสิ่งนั้นสมความปรารถนาตั้งมั่นดุจดังว่าเราได้ขอกับพระเวสสันดดรมหาโพธิสัตว์เมื่อปางก่อนนั้นทีเดียว ท่านว่าขอได้ทุกสิ่งแม้แต่ลูกในอกท่านก็ยังให้
    - ทับทิมเสกหลวงปู่ดู่ พ่ออาจารย์ท่านฝังไว้ตรงพุงพระภควัมปติ ท่านว่าเป็นเคล็ดให้คนที่ร่างกายหรือชีวิตนี้ยังไม่มีสมบัติหรือทรัพย์สินใดๆติดตัว หรือมีแล้วก็ยังไม่พอไม่เสมอใจไม่เท่าเทียมใครเขา ท่านว่าตอนฝังนี้ท่านสวดคาถาเรียกลาภยัดไปด้วย ถือเคล็ดที่ว่ามีเพชรเต็มพุง มีคลังสมบัติมหาศาลอยู่กับตัวอยู่ในร่างกายใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดเพราะมันเป็นของติดตัวติดกายเราเช่นนี้แก้อาถรรพ์ชีวิตที่ยังไม่มีไม่ได้ของทุกคนอยู่ในตัวเองด้วยอำนาจบารมีของหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด

    พ่ออาจารย์ท่านเสกพระปิดตามานานหลายปี ทั่งเชิญครูส่งครูและประกอบพิธีต่อชะตาสืบชะตาท่านว่าเสกจนมั่นใจว่าเต็มแล้วไม่มีที่ให้ลงอะไรแล้ว ท่านจึงให้นำออกมาบูชา

    คาถาบูชา
    สุกิตติมา สุภาจาโร สุสีละวา สุปาคะโต ยัสสะสิมา วะเจธิโร เกสะโรวา อะสัมภิโต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2020
  15. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    พระโกยทรัพย์กอบวาสนาไตรภูมิ(มหากัจจายนะโปรดสัตว์ทรงวิชาพัดโบก)
    ปิดรายการนี้ครับ
    89879572_220192992673435_5726490804973731840_n.jpg
    90431609_194418911855337_7247970544241344512_n.jpg

    วิชาพัดโบกนั้น แต่โบราณที่ทำไว้จนโด่งดังเห็นจะมีหลวงปู่กราด หลวงปู่ทิม หลวงปู่อี๋เช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านก็เช่นกันที่ผ่านมาเคยมีคนถามหาว่าพ่ออาจารย์ท่านลงวิชาพัดโบกแบบเต็มวิชามั๊ยอยากจะได้ไว้บูชา เพราะพวกเขารู้กันดีว่าวิชานี้เป็นของในตำนาน หาคนลงคนเสกได้ยาก ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ให้บอกแต่เพียงว่า ครูเก่าครูก่อนครูผู้เฒ่า ท่านทำของท่านมาดีแล้ว อยากได้ก็ไปหาเอาโน่น หลวงปู่กราด หลวงปู่ทิม หลวงพ่ออี๋โน่น ซึ่งทุกคนล้วนแต่บ่นกันไม่หยุด เพราะของเก่าแท้ๆนั้นหาได้ยากและมีราคาแพง ใครทันได้ยุคนั้นก็หวงแหนดุจมรดก จะให้ไปหาของเก่านั้นมันเกินกำลังและไม่รู้จะไปหาที่ไหน

    เมื่อคนถามมาเยอะขึ้น ท่านจึงนำพัดโบกที่ท่านทำไว้มาฝังหลังพระโกยทรัพย์กอบวาสนาไตรภูมิ ..โดยพ่ออาจารย์ท่านว่าพัดโบกของเรานั้นเราทำด้วยเคล็ดวิชา แตกต่างจากครูในอดีตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา นอกจากจะลงวิชาพัดโบกไว้แล้ว ยังเป็นพัดแก้วของจักรพรรดิ เป็นวิชาพัดโบกสายจักรพรรดิ

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำด้ามไม้ตาลปัตรของครูบาอาจารย์ยุคเก่าก่อนมาแกะเป็นรูปพัดวาลวิชนี เพื่อถือเคล็ดที่จะปัดเสียซึ่งอุบาทว์จัญไรทั้งปวงออกไป ให้ชีวิตกลับตาลปัตรในบัดดลทันที ที่เลวร้ายให้กลับมาดี ที่ดีก็ให้พบชะตาวาสนาที่สูงขึ้น ทั้งพัดนี้ยังใช้พัดความเจริญ โชคลาภ ความสุขเข้ามาได้ โบกความทุกข์ โรคภัย กรรมเวรให้ออกไปก็ได้ ท่านว่าสำหรับคนที่สถานการณ์ชีวิตตึงเครียด วิชาพัดโบกนี้จะช่วยผ่อนลงได้ ทั้งขจัด ปัด ขับไล่ รักษา เยียวยา ทำให้คลายลง ทุเลาลง บรรเทาลง แก้ความลำบากยุ่งยากขัดข้องให้หมดไป ทั้งนี้เพราะเป็นวิชาสายบารมี เป็นพัดโบกมหาจักรพรรดิจึงต่างจากวิชาพัดโบกโดยถ้วนทั่ว ท่านว่าเป็นของเล่นพระอรหันต์ เป็นของใช้เทวดา

    ท่านว่าวิชานี้ทำยาก เมื่อได้ด้ามตาลปัตรมาแล้วก็ต้องเอามาแกะ เสร็จแล้วเอาไปแช่ไว้กับเครื่องยาในสายวิชาการทำพัดโบกทั้ง ไม้ไก่กุก ไม้แหย่แย้ ขมิ้นขาว ไพลดำ ฯลฯ ซึ่งว่านบางตัวอย่างไพลดำนี่ท่านว่าก็เป็นของที่ทรงอิทธิคุณในตำนาน มีค่าเสมอเหล็กไหลน้ำหนึ่งทีเดียว ดังนั้นการจะทำพัดโบกเต็มวิชาได้แต่ละครั้งมันมีพิธีมากมาย ขาดไปก็ไม่สำเร็จ เมื่อได้วัสดุอาถรรพ์เหล่านี้มาแล้ว จึงนำมาบดให้ละเอียดและปลุกเสกตามกรรมวิธีอีกรอบหนึ่ง แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำมันว่านเพื่อแช่พัดโบกตาลปัตรนั้น พอได้ฤกษ์งามยามดีจึงนำไปปลุกเสกด้วยคาถาพัดโบกอีกคำรบหนึ่งพร้อมทั้งเชิญบารมีพระมหาจักรพรรดิลงมาช่วยสำเร็จวิชาพัดนี้ด้วย ท่านว่าต้องเสกจนพัดไม้นั้นสั่นสะเทือนเหมือนต้องลม บ้างก็ปลิวก็กระเด็นออกนอกพาน จึงจะถือมาสำเร็จตามตำรา ถ้าเสกแล้วไม่สั่นพัดวางอยู่นิ่งๆท่านว่าใช้อย่างไรก็ใช้ไม่ได้ เพราะเสกไม่สำเร็จ ไม่มีอานุภาพ

    อันพัดโบกนี้จะใช้เป็นเมตตามหานิยม ท่านว่าแม้พกไว้เฉยๆกับตัว คนที่ที่ค้าขายก็จะขายของดีเป็นเทน้ำเทท่า ที่ทำกิจการอื่นๆลูกค้าก็จะเข้ามาก อุดหนุนมาก เป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย แต่ถ้าจะเล่นทางผู้หญิงอย่างเดียว ท่านว่าพัดนี้ให้ต้องลมพัดไปทางทิศไหนที่มีสตรีที่เราหมายปอง สตรีนั้นเมื่อถูกต้องพัดโบก แม้ว่ากำลังไถนาอยู่ก็ถึงกับทิ้งคันไถตามชายที่มีพัดโบกไปทันที แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อได้เขาเป็นภรรยาแล้วต้องเลี้ยงดูเขา ห้ามทิ้งขว้างอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเกิดโทษภายหลัง

    วิชานี้นับว่ามีอุปเท่ห์หลายอย่างไม่ว่าจะเรียกคน เพียงนึกถึงใครให้ท่องคาถาพัดโบกแล้วยืนเหนือลมให้ลมพัดแล้วอธิษฐานไปทำไม่เกินเจ็ดวันคนที่เรานึกถึงต้องมาหา ถ้าเกลียดใคร ใครมาบ้านอย่างเจ้าหนี้มาทวงหรือคนที่เราไม่ต้องการมาหาภาวนาคาถาจากที่โบกเข้ามาก็ให้เปลี่ยนเป็นโบกออกไป คนที่เราไม่ต้องการพบเขาจะกลับไปทันที

    หลายๆคนจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าวิชานี้นอกจากจะเอาไว้โบกใช้เป็นเสน่ห์ให้หญิงสาวลุ่มหลงชนิดเดินตามกลับบ้านแล้ว ยังนำไปใช้ในทางที่ดีๆให้ธุรกิจ กิจการตนเองเจริญรุ่งเรือง มีคนอุดหนุน มีคู่ค้าเยอะกว่าปกติได้อีกด้วย เรียกได้ว่าวิชาพัดโบกพิเศษนี้จะใช้พัดให้คนมาหาก็ได้ หรือแม้แต่จะใช้โบกให้กลับไปก็ได้ถ้าเราไม่ต้องการประสบพบหน้า พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้ได้หลายทางขึ้นอยู่กับเจตนาว่าจะดีหรือชั่ว จะใช้ทางไหน จะโบกเอาอะไร ท่านว่าถ้าโบกเป็นก็ได้ทรัพย์สินศฤงคาร ได้สิ่งที่ดีในชีวิต

    วิชาพัดโบกนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจจะทำเต็มวิชาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ท่านว่าไม่ใช่เพราะเครื่องยาหายากและบางอย่างมีราคาสูงมากจนประเมินค่านับแสนนับล้านบาทแม้กระทั่งขาดซักอย่างยังไม่ได้ แต่ที่ยากจริงๆคือทำแล้วต้องเสกให้สำเร็จปรากฏเหตุนิมิตต้องตำราถึงจะมีอิทธิคุณเสมอด้วยของที่ครูเก่าก่อนท่านทำไว้

    ท่านได้พิจารณาดีแล้วจึงนำพัดโบกเต็มวิชานี้มาฝังไว้ด้านหลังองค์ครูพระมหากัจจายนะของท่าน ...เมื่อครูให้สร้างพระสังกัจจายน์ออกจาริกโปรดสัตว์ พ่ออาจารย์ท่านได้รับนิมิตจากครูพระมหากัจจายนะให้ปั้นรูปท่านซึ่งพ่ออาจารย์ถือเป็นบรมครูสายเอกของท่านในลักษณะปางนี้ มีหลายครั้งที่คนสอบถามเข้ามาว่าเมื่อไหร่หนอท่านจะทำพระสังกัจจายน์ซักที เป็นเดือน เป็นปี ก็แล้ว ทำไมยังไม่เอาออกมาให้บูชา เราก็ได้แต่บอกเขาว่ารอก่อนๆ ยังไม่ถึงเวลา ท่านเตรียมของท่านไว้แล้ว ทำทั้งทีท่านก็อยากจะเอาให้ดีที่สุดเหมือนกัน

    ทำไมพ่ออาจารย์ท่านถึงสร้างพระมหากัจจายนะ ...พ่ออาจารย์ว่านอกจากท่านจะเป็นเอกด้านลาภสักการะ เป็นผู้มากเมตตาจนแม้แต่พระอินทร์เจ้าสวรรค์ยังต้องลงมาถวายปรนนิบัติท่านแล้ว คติแห่งการสร้างรูปพระมหากัจจายนะนี้จะดีเด่นสุดๆทางมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ความเจริญด้วยลาภผล เอกลาภ ลาภสักการะทั้งปวง แต่ของเรานี้ยังอธิษฐานไปทางเปิดสมอง เปิดภูมิปัญญาให้กับชนที่ศรัทธาอีกด้วย ท่านว่าสมัยนี้คนมีกรรมทางความคิดกันมาก พอคิดผิดก็ทำผิด ดำเนินชีวิตแบบผิดๆแก้ไขไม่ได้ เรียกว่าพอก้าวไปผิดก้าวเดียวแล้วนั้นก็ถึงกับล่มจมทันที ส่งผลในระยะยาวให้ชีวิตที่เหลือไปต่อไม่ได้

    พ่ออาจารย์ท่านจึงได้หล่อพระมหากัจจายนะไว้ด้วยธาตุกายสิทธิ์ ครูพระสังกัจจายน์ของท่านนี้ดีอย่างไร ท่านว่าแต่โบราณกาลมา นี่แหละคือที่สุดของพระมหาเถระที่ทรงภูมิรู้และวิชชา ซ้ำยังนำความอุดมสมบูรณ์ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินศฤงคารมาสู่ผู้ศรัทธา ทั้งตัวท่านยังประกอบด้วยสิริโฉมงดงามเป็นเลิศยังความเข้าใจผิดให้เกิดแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย แม้ดำเนินไปที่แห่งใดเทพเทวาตลอดจนมนุษย์ก็ตื่นตระหนกประดุจดั่งว่าสมเด็จพระชินสีห์เจ้าได้เสด็จมาเอง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าที่อื่นจะทำอย่างไรเราไม่รู้ แต่วิชาการสร้างพระสังกัจจายน์ของท่านนั้น มันอยู่ที่ศรัทธาของผู้บูชา ยิ่งศรัทธามากยิ่งให้ผลมาก วิชานี้ตอบสนองกับความศรัทธาโดยตรง ให้คุณเด่นทุกเรื่องรวยทุกทาง ถามว่าจะใช้ด้านไหน มีด้านไหนบ้างที่ไม่มีจะง่ายกว่า ไม่ว่าจะเมตตามหานิยม ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง โชคลาภ เสี่ยงโชค เป็นเสน่ห์ติดตาต้องใจแก่สตรีเพศ นำความปลอดโปร่งแจ่มใสมาสู่ผู้บูชา แม้จะเรียนศึกษาหรือใช้งานสรรพวิทยาเหล่าใด ก็จะเรียนได้ไว เรียนได้สำเร็จ นำวิชาไปประกอบกิจได้อย่างแตกฉาน

    พร้อมกันนั้นท่านยังได้ขอเมตตาครูพระในนิพพานทำวิชาให้ โดยให้องค์พระมหากัจจายนะสำเร็จรูปท่านเอง ท่านว่าพระเถระเจ้านั้นเป็นครูที่ดี กอปรไปด้วยเมตตาสูงสุดไม่เลือกชนชั้นวรรณณะไม่เลือกว่าองค์พระสังกัจจายน์นี่ประดิษฐานไว้ที่ไหนจะช่วยใคร พวกเธออย่าทำเป็นเล่นไปนะ ถึงจะใส่วิชาพระสังกัจจายน์เอาไว้ แต่เวลาเสกก็ยากใช่ที่เพราะต้องกราบอาราธนาพระมหากัจจายนะในนิพพานท่านลงมาเสกสำเร็จรูปเหมือนของท่านด้วยองค์ท่านเองมีอานิสงค์มากนัก คนที่บูชาจะรู้ได้ว่าอยู่กับบุญ เสวยบุญ ปรารถนาสิ่งใดตั้งใจให้สงบ ปล่อยใจให้ว่างเปล่า อธิษฐานไปกับพระมหากัจจายนะนี้ มโนอธิษฐานนั้นย่อมไปถึงพระเถระเจ้า ท่านว่าเดี๋ยวรู้เอง

    เมื่อเสกแล้วท่านได้เชิญบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าหนุนอีกคำรบหนึ่งด้วยนั่นคือบารมีของพระพุทธทีปังกรกับพระพุทธกัสสปะนั้นด้วยว่าจะอนุเคราะห์สัตว์โลกผู้ยากในกาลสืบไปภายหน้าโดยพระองค์ท่านได้รับคำอาราธนา ด้วยบารมีพระทีปังกรนั้นมีกำลังแข็งมากแรงมาก ส่วนพระกัสสปะนั้นจะเย็น สดชื่นและนุ่มนวล แต่เป็นเอกลาภมหาศาลทั้งคู่ เป็นที่สุดแล้วในโคตรวงศ์พระชินสีห์ทั้งปวงที่จะพึงมีพึงเกิดขึ้น อันธรรมดาว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ทุกพระองค์มีบารมีเต็มเหมือนกันหมด เรื่องลาภสักการะนั้นก็เช่นกัน แต่สำหรับสองพระองค์นี้ถือเป็นที่สุดในพุทธวงศ์จริงๆ

    พร้อมกันนี้ท่านยังได้ขอเมตตาครูพระมหากัจจายนะไว้ให้สงเคราะห์ลูกหลาน ด้วยว่าโลกนั้นเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ลาภผลจากการทำมาหากินจึงไม่เพียงพอ ท่านจึงขอให้ครูพระและเทพเทวดาสัมมาทิฏฐิที่รักษาวิชาพัดโบกนั้นได้อนุเคราะห์ผู้บูชาสมควรแก่กาลและยุคสมัย พ่ออาจารย์ท่านว่าใครที่ทำมาหากินลำบากก็ให้การเสี่ยงโชค ลาภลอยที่ได้มาง่ายๆฟลุ๊คๆเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ใครที่ทำธุรกิจก็ให้เจอคู่ค้าคู่อุปถัมภ์ที่ดีใหญ่โตเจริญยิ่งๆขึ้นไป ***เมื่อจะเสี่ยงโชคนั้นท่านว่าจะซื้อหวยหรือทำอะไรก็ดีให้อธิษฐานกับองค์พระแล้วโบกพัดเข้าหาตัวเรา เมื่อทำแล้วเกิดปิติขนลุกขนชันท่านว่าจะทำอะไรก็เร่งทำเถิดสำเร็จแน่ แม้เสี่ยงดวงซื้อหวยก็ถูกแน่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หากทำแล้วรู้สึกเฉยๆ ท่านว่างวดนั้นให้ระงับไว้ก่อนอย่าไปเล่นมันเลยจะเสียเงินเปล่า หรือถ้าจะทำกิจการใดๆที่มีนิมิตว่าไม่สำเร็จก็ให้ขอบารมีองค์พระท่านช่วยเหลือ

    คาถาบูชา
    ขอลาภพระมหากัจจายนะ กัจจายะนะมะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภังภะวันตุเม ลาเภนะอุตะโมโหติ โสระโหปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง สัพพะลาภา สะทาโสตถิ ภะวันตุเม
    คาถาใช้พัด นะโมพุทธายะอิติปิโสภะคะวา อิติปาระเมตตาตึงสา อิติสัพพะมาคะตา คนทั้งหลายรักหลงยุมาคะตา อิติโพธิมะนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม พิศวาสหลงใหล พิสมัยแนบเนื้อ ใจจิตคิดถึงเคล้าคลึงวิญญา นะเมตตา โมกรุณา พุทเป็นที่รัก ธาให้เห็นประจักษ์ ยะให้ยินดี ยะละลวยหันตะวา ธาเมามัว พุทพาเอาตัวมาหา โมมาสมสู่ นะรักกูอยู่จนวันตาย โอมจิตติจิตติ หญิงชาย เห็นหน้าจงงงงวยจงใจรัก ใจอ่อนละมัย ไปมาหาสู่ ให้เร่งมา รึลือ รึลือ เอหิพรหมมาจิตตังมาด้วยพระวินัย ยันเถตังถิตังกะระณียัง เมตตังงจิตติ ขันติมะอิตถีโยจะปุริสา สมณพรหมณา เมตตาจะมหาราชา สัพพะเสน่หาจะปูชิโต สัพพะสุกขังมหาลาภัง ราชาโกธังวินาสสันติ สัพพะโกธังวินาสสันติ ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโยพรหมมานะมุตตะโม จิตติมาหา เอหิพันธะ ปิยังมะมะ

    ครูพระมหากัจจายนะทรงวิชาพัดโบกนี้สำคัญนัก แม้พ่ออาจารย์ท่านยังอาราธนาติดตัวเสมอ ท่านว่าแก้เรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายในชีวิตเราดีแท้ ด้วยท่านเป็นผู้รู้แจ้ง เป็นผู้มากเมตตา เรื่องใดแก้ไม่ตกหมักหมมมานาน เป็นปัญหาโลกแตกอาราธนาขอบารมีท่านล้วนคลี่คลายทันตาทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านถึงกับออกปากว่าอย่าว่าแต่เรื่องมนุษย์เลย แม้ปัญหาเทวดาท่านก็แก้มาเยอะแล้ว ยิ่งครูพระมหากัจจายนะนี้เราใส่พัดโบกของเราไว้ด้วย ท่านว่าจะยากอะไรกัน อะไรร้ายๆไม่ดีก็ให้มันเข้ามา ขอบารมีคุณพระรัตนตรัยยกพัดขึ้นพัดออกไป ก่อนออกทำงานหรือตื่นนอนก็ดีอธิษฐานใจดีๆพัดสิ่งไม่ดีออกไปให้หมด ท่านว่านั่นจะเป็นวันที่ดีไม่มีเรื่องยุ่งยากน่ารำคานใจใดมารบกวนเราได้เลย ถ้าชีวิตมีเวรกรรมมาก สำนึกรู้ตัวว่ากฏแห่งกรรมดำเนินและสนองต่อเราในด้านลบอยู่ ท่านว่าก็อธิษฐานเอาพัดนี้นี่แหละ พัดไอ้โรคเวรโรคกรรมออกไปจากตัวเราให้ทุเลาบรรเทาลงเสีย พัดเข้าตัวเองปัดออกไปให้หมด ****เราบอกได้เท่านี้ว่าให้ขยันทำหน่อยเดี๋ยวดีเอง วิชาพัดโบกนี้ใช้ได้หลายทางไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2021
  16. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    พยนต์รับกรรมมหายักษาผจญมาร (ตายแทนตัว เจ็บ ช้ำ ชั่ว รับแทน )
    ปิดรายการนี้ครับ
    89728067_2481662882087503_8174031433891840000_n.jpg
    89947715_3379474298735450_7383568464276881408_n.jpg
    เมื่อจะกล่าวถึงวิชาหุ่นพยนต์แล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าการผูกหุ่นนั้นก็มีขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์หรือนำไว้ใช้งานในหลายกรณี ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเจตนาการผูกหุ่นแต่ละครั้งนั้นแตกต่างกันออกไปเช่นอาจจะผูกขึ้นเพื่อดูแลรักษาสถานที่ได้แก้บ้าน วัด เจดีย์เหล่านี้ หรืออาจจะผูกขึ้นเพื่อปกป้องคนอาราธนาจากปืนจากศาสตราวุธต่างๆ แม้จะผูกหุ่นเพื่อใช้ทำลายคน ทำร้ายคน ภูติผีร้าย วัวธนู ควายธนู กุมารผี หรือจะผูกเพื่อเฝ้าสมบัติแผ่นดินเฝ้าทรัพย์สินก็ยังได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าอุปเท่ห์ของการผูกหุ่นนั้นมีมากมาย จะผูกเป็นหุ่นไปดลจิตดลใจให้ทำมาค้าขึ้นผู้คนเข้าหารักใคร่เช่นนี้ก็มี แต่สิ่งทำได้ยากที่สุดและถือว่าเป็นขั้นสูงสุดในสายการผูกหุ่นพยนต์ พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นคือการผูกหุ่นเพื่อใช้เป็นตัวตายตัวแทน เรียกว่าเจ็บ ช้ำ ชั่วให้หุ่นรับกรรมแทนเราทั้งหมด เป็นหุ่นที่จะรักษาคนใช้แม้มีโรคภัยอาการเจ็บป่วยก็ต้องรับไว้เอง ท่านว่าหุ่นประเภทนี้ผูกได้ยากที่สุดและต้องใช้อำนาจจิต อำนาจของกรรมฐานมาผูกเขา ไม่ใช่หุ่นผีหุ่นพรายอาฆาต เพราะถ้าเป็นหุ่นผีเขาจะรับกรรมแทนเราไม่ได้ด้วยกรรมเดิมของเขาก็มีมากอยู่แล้ว

    พ่ออาจารย์ท่านสรรเสริญวิชาผูกหุ่นพยนต์ที่มีอานุภาพอย่างแท้จริงอยู่สองตำรับ นั่นก็คือวิชาผูกหุ่นของหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า กับวิชาผูกหุ่นของหลวงปู่เฒ่ายิ้ม แห่งวัดหนองบัวผู้โด่งดัง ซึ่งท่านบอกว่าสองปรมาจารย์นี้หุ่นที่ผูกกินกันไม่ลงเลย อันที่จริงวิชาผูกหุ่นเป็นวิชาเก่าแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยการสร้างหุ่นพยนต์นั้นสามารถสร้างได้จากวัตถุอาถรรพณ์หลายอย่างไม่ว่าจะโลหะอาถรรพ์,ดินอาถรรพ์ ,ไม้อาถรรพ์ ,ขี้ผึ้งอาถรรพ์ เพราะของอาถรรพ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าวัสดุที่นำมาผูกหุ่นนั้นคล้ายกับการสร้างวัวธนูและควายธนู โดยคนสมัยก่อนมักจะนิยมสร้างหรือผูกหุ่นพยนต์เอาไว้เพื่อใช้เฝ้าบ้านเรือนทรัพย์สิน แม้แต่เจดีย์เก่าที่มีกรุสมบัติก็ยังผูกพยนต์เฝ้าพิทักษ์รักษาทรัพย์สมบัติแผ่นดินนั้นไว้ เรียกว่าที่ใดที่มีหุ่นพยนต์รักษาหากมีผู้คิดจะไปลองดีผู้ไปขุดหาสมบัติต้องเกิดอาเพศมากมายดั่งที่เคยมีบันทึกไว้เป็นหลักฐานยืนยันมาแล้วในการขุดพบสมบัติของโบราณตามเจดีย์เก่าทั้งหลาย

    เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจจะผูกหุ่นที่ใช้เป็นตัวตายตัวแทนทั้งเจ็บ ช้ำ ชั่วให้หุ่นรับกรรมแทนตัวคนใช้ทั้งหมดเป็นหุ่นที่จะรักษาคนใช้แม้มีโรคภัยอาการเจ็บป่วยก็ต้องรับไว้เองตำรับที่ผูกยากที่สุดนี้ โดยจะใช้วิชาและมวลสารต่างๆสองสาย คือสายหลวงปู่ศุขกับสายหลวงปู่เฒ่ายิ้มมาสร้างหุ่นพยนต์ และท่านยังกำชับว่า ฉันจะขอบารมีทั้งสองท่านรวมไปถึงองค์พระมหากัสสปะเถระเจ้าผู้เป็นต้นตำรับวิชาหุ่นพยนต์ให้มาสำเร็จหุ่นพยนต์ให้ฉันด้วย (ท่านว่าพยนต์ขององค์พระมหากัสสปะนั้นมีอานุภาพมากถึงขนาดพระอินทร์ต้องยกกองทัพเทพลงมาปราบทีเดียว)

    โดยการวบรวมมวลสารต่างๆได้แก่ตะปูที่ใช้ตรึงโลงศพที่ถูกเผาไหม้เป็นขี้เถ้าแล้วจากเตาเผาท่านว่าสิ่งนี้เป็นของที่มีกฤติยาคมแฝดเพราะใช้ตรึงอาถรรพ์ตรึงวิญญาณร้ายไม่ให้อาละวาดได้ดีนัก คนโบราณจะตีดาบกำราบผีทำมีดหมอก็จะใช้ตะปูตรึงโรงนี่แหละ ท่านจึงนำมาบดโขลกตำให้ละเอียดแล้วนำมาเข้ากับผงลบยันต์โสฬสมงคล,ผงยันต์อิติปิโสแปดทิศ ,ผงยันต์เกราะเพชร,ผงยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์,ผงยันต์บารมีสามสิบทัศน์,ผงยันต์อาวุธเทพทั้งสี่,ผงวิชาธาตุทั้งสี่,ผงพยนต์ดำ,ผงพยนต์แดง,ผงวิชาเทพพยนต์,ผงยันต์เทพนิมิต,ผงยันต์จตุโรบังเกิดทรัพพย์,ผงนะมหาลาภ,ผงนะมหาเศรษฐี จากนั้นจึงนำผงมาบูชาไฟซัดด้วยใบไม้อีกเจ็ดชนิดอันได้แก่ใบตาล,ใบลาน,ใบขนุน,ใบคูณ,ใบพยุง,ใบรัก,ใบจันทร์ แล้วจึงนำผงทำหุ่นมาเผาเข้ากับหญ้ามหาปราบหรือหญ้ากลางทุ่งที่รอดไฟไม่โดนไฟไหม้ทั้งๆที่หญ้าในบริเวณเดียวกันโดนไฟไหม้หมดจัดเป็นของอาถรรพ์มีเทวดารักษาอยู่ เมื่อได้ผงทำหุ่นแล้วท่านจึงนำผงมานวดกับมวลสารทำหุ่นพยนต์ที่ท่านเตรียมไว้เพื่อเสริมอิทธิคุณให้หุ่นพยนต์ ได้แก่ดินกลางถ้ำ,ดินยอดจอมปลวก,ตะใคร่เจดีย์เก่า,ดินโป่ง,ดินทางสามแพร่ง,ตะใคร่เสมาเจ็ดวัด,ว่านสาวหลง,ว่านศรนารายณ์,ว่านเพชรแดง,ว่านเพชรใหญ่,ว่านเพชรน้อย,ว่านสิงหโมรา,ว่านกระจาย,ว่านครอบจักรวาล,ว่านกล่อมนางนอน,ว่านพระตะบะ,เชือกผูกหัวเกวียน,เชือกประกำ,รกช้าง,ไคลเสาตะลุงช้าง,เถาวัลย์หลง,หญ้าคาโบสถ์ร้าง,ฟางข้าว,ปอ,ป่าน,ชันโรง,ผงไม้พญงิ้วดำ,ผงไพรดำ,ผงไม้มะขามโปร่งฟ้า,ผงไม้กาหลง,ผงไม้รัก,ผงไม้มะยม,ผงไม้ยอ,ผงไม้ขนุน,ผงแร่เกาะล้าน,ผงแร่เขาอึมครึม,ผงแร่เหล็กไหลเพลิง,ผงแร่เหล็กไหลตาน้ำ,ผงแร่เหล็กไหลนาคา,ผงแร่ดูดทรัพย์

    เมื่อได้ผงทำหุ่นแล้วพ่ออาจารย์ท่านจึงนำผงทั้งหมดไปคลุกน้ำรักและนำมาปั้นเป็นรูปหุ่นพยนต์ด้วยมือขึ้นทีละตนในฤกษ์ยามมงคลคืนพระจันทร์เต็มดวง โดยท่านกำหนดเรียกหนุนธาตุเปิดอาการทั้งสามสิบสอง กำหนดจิตให้เกิดนิมิต เห็นหุ่นพยนต์นี้เคลื่อนไหวมีชีวิตแล้วนำมาลงเหล็กจารสดลงในเนื้อหุ่นพยนต์ทีละตน ท่านว่าจารไปปลุกเสกรอไป โดยหุ่นพยนต์ชุดรับกรรมนี้พ่ออาจารย์ท่านจะฝังสิ่งมงคลอาถรรพ์ต่างๆ ดังนี้
    - ตะกรุดรับทุกข์เป็นตายแทนตัว พ่ออาจารย์ท่านว่าอันนี้เราพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเป็นวิชาจากองค์ธรรมท่านให้มา เอาว่ามันก็ใช้ตรงตามชื่อของตะกรุดนั่นเลย พ่ออาจารย์ท่านลงจารฝังไว้เป็นแกนกลางให้หุ่นพยนต์ ดุจเป็นจุดประสงค์หลัก เป็นหน้าที่ เป็นแก่นพลังงานที่ไม่มีวันเหือดแห้งให้หุ่นนั้นรับชั่ว รับเคราะห์ รับโรคภัย สิ่งใดเจ็บช้ำท่านว่าให้เข้าหาตะกรุดนี้พยนต์รับแทนไปทั้งหมด
    - แร่ปัญจะมหาคีรี ถ้าจะทำหุ่นพยนต์ให้แข็งต้องใช้แรงเทวดาห้าองค์เข้าพิทักษ์รักษาตามส่วนต่างๆเป็นฤทธิ์เป็นเดชให้พ่อยักษ์อีกทีหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าแร่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าขุนเขาที่ท่านรวบรวมไว้นำมาฝังตามจุดต่างๆของหุ่นพยนต์นั้น เป็นแร่กายสิทธิ์ธาตุที่มีเทวดาเจ้าป่ารักษา เป็นแร่ที่เกิดขึ้นในแต่ละขุนเขาดุจของวิเศษที่ให้คุณนานัปการ เป็นดั่งแก้วสารพัดนึกที่จะค้ำคูนช่วยเหลือผู้เป็นเจ้าของให้มั่นคงจีรังได้ดั่งยอดเขา ช่วยค้ำคูนให้เจริญรุ่งเรืองเปรียบดั่งขุนเขาที่เป็นบ่อเกิดแห่งความอุดมสมบูรณ์เป็นที่พักพิงของสรรพชีวิตน้อยใหญ่ เมื่อนำมาฝังแล้วก็ดุจว่าหุ่นนั้นมีฤทธิ์เยอะขึ้นด้วยกำลังของเทวดาที่เข้ารักษาจุดต่างๆทั้งห้าองค์ เป็นการเสริมอาถรรพ์หุ่นด้วยเทวานุภาพ
    - ก้อนกายสิทธิ์ธาตุ เป็นก้อนแร่ที่พ่ออาจารย์ท่านนำปรอทที่ท่านดักมาหุงเข้ากับแร่พลวง แร่ตะกั่วขอมพันปี แร่ดีบุก และชินเงินเก่าสมัยต่างๆเทออกมาเป็นก้อนกายสิทธิ์ธาตุ ท่านว่ามีอานุภาพแรงดุจปรอทสำเร็จ ท่านจึงนำมาฝังไว้เป็นใจหรือจุดหัวใจหุ่นพยนต์ หุ่นนั้นจะได้สำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังมีอานุภาพมากจะเหาะเหินรุ่งเรืองด้วยตนเองนั้นเป็นกายสิทธิ์

    ท่านนำมามาปลุกเสกเรียกธาตุสี่คือดิน น้ำ ไฟ ลม หนุนธาตุ ตั้งธาตุ เรียกอาการสามสิบสองปลุกเสกพระคาถาย่อส่วน ขยายส่วน ปลุกเสกพระคาถาดำดิน ล่องหนหายตัว กำบังตัว แล้วจึงนำหุ่นวางบนฝ่ามือทีละตัว ท่านว่าต้องเสกจนหุ่นลุกขึ้นมาได้เองจึงจะสำเร็จ จากนั้นจึงขอบารมีครูพระมหากัสสปะเถระเจ้าตำรับตลอดจนหลวงปู่ศุข หลวงปู่เฒ่ายิ้มมาสำเร็จหุ่นพยนต์นี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเรากำหนดจิตตามไปดูว่าครูท่านทำอย่างไร ท่านว่าครูท่านปลุกเสกเดินกระแสจิตทั้งด้านอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ให้แบบดึงพลังจักรวาลจากทั้งสิบทิศผูกหุ่นกันแบบเต็มกำลัง ซ้ำยังผูกเป็นหุ่นมหายักษ์ผูกเป็นหุ่นจักรพรรดิ์ก็เลยกลายเป็นหุ่นยักษาจักรพรรดิ์แล้วจึงนำมาครอบวิมานแก้ว ครอบฉัพพรรณรังสีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้เป็นราชาแห่งพยนต์ จนพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเสกจนล้นไม่มีอะไรให้เราทำอีกแล้ว

    อิทธิคุณของหุ่นพยนต์นั้น กล่าวคือเป็นพรายกระซิบ บอกเหตุ เตือนภัยที่กำลังจะมาถึง รับเคราะห์แทนเจ้าของได้ เสริมดวงบารมีด้านบริวาร บอกโชคให้ลาภ บอกหวย เรียกเงิน เรียกทอง เรียกทรัพย์ ไปค้าไปขายมีโชคลาภเป็นเมตตามหานิยม เข้าหาสาวมหาเสน่ห์ ทั้งเสี่ยงดวงพนัน กันคุณไสยไล่อัปมงคล ไล่ผีเร่ร่อนได้ ช่วยทำมาค้าขาย เรียกคนเข้าร้าน ธุรกิจการงาน เฝ้าบ้าน เฝ้าของ เฝ้ารถ ทรัพย์สินเงินทอง กันขโมยใช้ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง(ไม่ว่าทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ) กันรังสี กันโรคระบาด ทั้งภูติผีปีศาจ อีกทั้งคุณไสยล้างอาถรรพณ์สิ่งที่ไม่ดีไม่บริสุทธิ์ทั้งคุณผี คุณคน คุณมนต์ คุณคาถา คุณหนัง และสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ กันพวกเขี้ยวงาใต้น้ำ คนโบราณเชื่อว่าใครมีหุ่นพยนต์มาครอบครองก็จะเปรียบเสมือนมีเงาคอยตามตัวปกป้องคุ้มครองยามเดินทางไปที่ต่างๆ หากวางบูชาไว้หน้ารถก็เปรียบเสมือนมีตัวเราเองอยู่ในรถคันนั้นเฝ้าดูแลแทนตัวเรา อธิษฐานใช้ได้ท่านบอกถึงเวลาเอาไปใช้เถิดเดียวรู้เอง มีทุกข์ มีภัยมาไม่ต้องกลัวปล่อยให้มันมา เดี๋ยวหุ่นเขาจะรับเอาไว้เอง แต่อย่าได้ลำพองใจว่ามีของดี ไม่ใช่มีหุ่นแล้วจะเที่ยวเกเร สร้างปัญหา รังแกใครก็ได้ หากทำบ่อยๆระวังครูท่านจะตำหนิให้เกิดโทษ ท่านว่าของดีก็ต้องอยู่คู่กับคนดีด้วย ท่านว่าปกติหุ่นพยนต์รุ่นนี้จะให้ใช้เฉพาะเป็นรายบุคคลไป แต่สถานการณ์บ้านเมืองปากท้องและชีวิตในปัจจุบันของหลายๆคนนั้นไม่ค่อยจะดี ท่านว่ายิ่งนานก็ยิ่งหนัก ท่านจึงอนุโลมให้นำออกมาให้ใช้บูชากัน โดยมีข้อแม้แค่ว่า ขอให้คนที่เอาไปเป็นคนดี ขอแค่เป็นคนดีเรื่องอะไรมันก็ดีไม่ต้องไปกลัว

    ในยุคสมัยนี้ยากแก่การที่จะหาพระเกจิอาจารย์ใดที่ผูกและกำกับหุ่นพยนต์ได้ดั่งอดีตเช่นหลวงปู่ยิ้ม หลวงปู่ศุข พ่ออาจารย์ท่านว่าเห็นๆกันได้ทั่วว่าจะใช้น้ำมันพราย ใช้กระดูกผี ใช้ชิ้นส่วนศพเช่นผมผีตายโหง ผ้าห่อศพต่างๆ เอาของที่มีอาถรรพ์ของผีของวิญญาณที่ตายไม่ดีมาทำหุ่นพยนต์ เพราะอยากได้อาถรรพ์ อยากได้ของแรงๆไม่ได้สนชีวิตคนใช้ว่าจะเป็นอย่างไร ท่านว่าหุ่นที่แรงอย่างนี้นับว่าแรงเสียเปล่าเพราะเขาใช้งานช่วยเราไม่ได้มากซ้ำยังเป็นโทษมากกว่าคุณเราจึงไม่ใช้ของที่เกี่ยวกับศพมาทำหุ่นเรา พ่ออาจารย์ท่านว่าหุ่นเราสำเร็จด้วยอานุภาพผงวิเศษกับคุณว่านยาและวิชาผูกหุ่น นี่ถ้าเราไม่ขอบารมีท่าน(หลวงปู่ยิ้ม หลวงปู่ศุข)ไม่เชิญครูพระมหากัสปะมาช่วยผูกหุ่นรุ่นนี้ก็ยากจะสำเร็จหุ่นรับกรรมได้เพราะตั้งใจทำไว้ให้เป็นที่สุดในสายวิชาพยนต์นั่นคือใช้รับเคราะห์กรรมแทน แม้ผูกขึ้นมาแล้วก็ต้องเรืองฤทธิ์ดั่งเทพยดา

    หุ่นพ่อยักษ์นี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าจริงๆต้องเรียกพ่อยักษ์จักรพรรดิ์ ท่านว่าเราทำให้เต็มที่แล้ว มีตัว มีญาณบารมีครูบาอาจารย์ มีอิทธิฤทธิ์ มีธาตุทั้งสี่ มีวิญญาณขันธ์ห้าครบสูตรตามตำรา จะใช้อธิษฐานอะไรก็ตามแต่จะใช้เถิด ใครที่บูชาปรารถนาจะเสี่ยงโชคหากมีโชคมีลาภหุ่นพยนต์หรือพ่อยักษ์ของฉันก็จะมาปรากฏตัวในความฝันให้เห็น เป็นยักษ์บ้าง เป็นฤาษีบ้าง เป็นพระจักรพรรดิ์บ้าง เป็นคนแก่บ้าง คนหนุ่มบ้าง หรือเด็กบ้าง บอกโชคบอกลาภให้เห็นเป็นประจำ

    คาถาบูชา
    โอมปลุกปลุก กูจะปลุกพ่อหุ่นด้วยอะหังนุกา อยู่แล้วรักษาอย่าไปอื่น ขอให้อายุมั่นขวัญยืน ทำมาค้าได้มีโชคมีชัย ลาภมา เงินมา ทองมา นะนะนะนะ อะถันโธโมสิตังวะคะลึงคะลัง นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ อิสวาสุ สุสวาอิ จิเจรุนิ จิตตัง เจตสิกัง รูปัง นิมิตตัง อิติภูตะ เอหิจิตตัง มานิมามา นะมะพะทะ ยังกิญจิ ระตะนังโลเก วิชชะติวิวิธัง ปุถุระตะนัง พุทธะสะมัง นัตถิตัสสะมา โสตถี ภะวันตุเม
    แก้วแหวนเงินทองทรัพย์สินใดในโลกนี้ มนุษย์หรือปุถุชนจะไขว่คว้าหามาได้โดยไม่ยากแต่ของวิเศษดีเลิศประเสริฐยิ่งกว่าพระพุทธคุณนั้นไม่มีอีกแล้วที่ดีกว่านี้ ด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัยขอพ่อยักษ์จงมาโปรดลูกคนนี้ให้ลูกกินอิ่มนอนหลับ จะเอาอะไรก็ขอให้ช่วยให้ลูกสมปรารถนา

    *** หุ่นพ่อยักษ์นี้พ่ออาจารย์ว่าพกไว้ติดตัวทำพวงกุญแจได้ คาดเอวได้ ใส่กระเป่ากางเกงได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2021
  17. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    มงคลฟื้นวาสนาไก่เถื่อนเจ้าฟ้าพญาแถน(ตะกรุดมือเรียกทรัพย์วิชาเรียกเงิน)
    ปิดรายการนี้ครับ
    90386188_597294750861493_932961703799291904_n.jpg
    90349559_698873674190835_9175493631224578048_n.jpg
    ย้อนกลับไปในอดีตกาลอันยาวนานนับหาประมาณกาลเวลามิได้ เมื่อพระกกุสันโธเสวยพระชาติเป็นไก่ป่านั้น ในกาลต่อมาก็มีการนำชื่อสัตว์เหล่านั้นมาตั้งเป็นนามของพระพุทธเจ้า เป็นรูป เป็นนาม เป็นอาการสามสิบสองของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสปะ พระโคตโม พระศรีอริยเมตไตย เช่นนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะทำพญาไก่เถื่อนตามตำรับสมเด็จพระสังฆราชสุก ให้ทรงคุณวิชาสูงสุด ขลังที่สุด ท่านจึงได้เอ่ยอ้างอดีตชาติแห่งสมเด็จพระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นปฐมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ พร้อมเชิญบารมีของพระองค์อาราธนามาสำเร็จเครื่องมงคลเพื่อให้ได้พญาไก่เถื่อนที่มีอานุภาพสูงสุด..มีอานุภาพมาก แม้ผู้ใดได้บูชาเป็นนิจสินก็จะเกิดลาภสักการะทั้งยศฐาบริวารไหลหลั่งมามิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น กิจการที่ประกอบล้วนราบรื่นเป็นไปด้วยดีไม่มีอุปสรรค แม้จะทำนา ทำสวน ทำไร่ผลการเกษตรก็เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญามีมโนสำนึกแจ่มใสดุจพระพุทธโฆษาจารย์อันได้ชื่อว่ามีปัญญามากในหมู่สงฆ์ทั้งหลาย ถ้าอาราธนาติดตัวไว้เวลาจะเดินทางไปหนใด ไปทำกิจการงานใดหากมีอันตรายก็ให้คลาดแคล้วจากภัยทั้งหลายดีนักแล หากบูชาอย่างมีสติหมั่นสั่งสมคุณงามความดีตามหลักวิธีองค์คุณสมบัติของพญาไก่เถื่อน ในบั้นปลายก็จะบรรลุพระนิพพานด้วยเมตตาบารมีนี้เอง

    ในยุคสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เห็นจะมีแต่สมเด็จพระสังฆราช(สุก ไก่เถื่อน) ที่ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวิชานี้ เพราะท่านสามารถใช้คาถาจนไก่ป่าเดินเข้ามาจิกอาหารจากมือท่านได้ แม้ท่านเดินไปที่ใดไก่ป่าที่ได้ชื่อว่าตื่นกลัวมนุษย์อย่างถึงที่สุดก็เดินตามท่านไปเป็นฝูง ด้วยไก่ป่านี้มีนิสัยปราดเปรียว มักจะคอยหนีคนหนีภัยอย่างเดียวเพราะเชื่องกับคนยาก แต่ท่านก็ยังสามารถเสกข้าวด้วยเมตตาให้กินจนไก่ป่าที่หวาดกลัวภัยของมนุษย์นั้นเชื่องได้ ท่านปฏิบัติตามองค์คุณแห่งไก่ป่าจนถึงซึ่งมรรคผลนิพพานเป็นที่สุด

    เกี่ยวกับวิชาไก่ของพ่ออาจารย์นั้น ท่านว่าไก่เป็นสัตว์ให้คุณที่มีสัญลักษณ์ต่างๆตามร่างกายอยู่ 5 ประการ คือ
    ตัวไก่ หมายถึง ความขยัน ทำมาหากิน
    หงอนไก่ หมายถึง สติปัญญา
    เดือยไก่ หมายถึง อาวุธ
    การต่อสู้ หมายถึง ความกล้าหาญ
    การขันตอนเช้า หมายถึง ความยึดมั่น
    ดังนั้น เมื่อท่านทำไก่แก้วพญาแถนหรือไก่เถื่อนของเจ้าสวรรค์ ท่านจึงใส่ใจในองค์คุณทั้งหมดของวิชาไก่เป็นพิเศษ ท่านว่าหากเสกให้มีชีวิตจิตวิญญาณลงอาการสามสิบสองเฉยๆใครก็ทำได้ แต่การสร้างไก่ให้เพียบพร้อมด้วยคุณทั้งห้าจนแสดงผลตอบสนองแก่ผู้ใช้นั่นแหละ จึงจะเป็นไปได้ยาก ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ตรงตามคุณห้าประการนั้น ทำให้ได้ดั่งที่สมเด็จพระกกุสันโธท่านรับสั่งไว้ เพื่อให้ได้ไก่แก้วที่เก่งที่สุด

    พญาไก่เถื่อนที่พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตาลงคาถาวิชาโบราณเรียกอักขระคาถาแผ่นจารทั้งตัวขอม ตัวธรรม ทั้งเวทย์สวรรค์ ทั้งอักษรปัลวะหล่อหลอมขึ้นมานั้น ท่านว่าชนวนมวลสารมีไม่มากทำได้น้อย ท่านจึงหลอมออกมาเป็นตัวเล็กๆเพื่อให้ง่ายต่อการพกพา อันพญาไก่นี้นอกจากดีด้านทำมาหากิน คือหากินง่าย หากินเก่ง กินไม่เหลือ กินไม่เลือก เรียกว่าโชคลาภอยู่ที่ไหนก็พร้อมขุดคุ้ยกันจนกว่าจะเจอแล้ว แม้นผู้ใดได้อาราธนาท่านว่าให้สังเกตุดูนะวันนั้นเจ้าจะมีสติ มีคติ มีมโนสำนึกที่แจ่มใส มีกำลังใจสูงส่งอย่างน่าประหลาด ก็ไอ้กำลังใจตัวนี้แหละที่จะเปลี่ยนชะตาคนได้จะดูดดึงมงคล ลาภสักการะ และเรื่องราวดีๆที่มันตรงกับความคิด ความต้องการจะเข้ามาหาเจ้าได้ทำอะไรก็ล้วนสำเร็จด้วยกำลังใจทั้งสิ้น ทั้งยังทำให้มีปัญญามากดั่งพระพุทธโฆษาจารย์ด้วยคติและสติพร้อมมโนสำนึกนั้นใสกระจ่างแล้วนั่นเอง

    ทั้งคุณแห่งไก่ป่านั้นยังขันขานได้ไพเราะนัก ครูบาอาจารย์แต่โบราณท่านยกคุณสมบัติไว้ว่าเสียงไก่ป่าขันดุจเสียงสาลิกาสวรรค์ ดังนั้นวิชาไก่เถื่อนที่เสกเต็มวิชาจึงเป็นทั้งเมตตามหาเสน่ห์ เป็นทั้งอาถรรพ์ทำให้วาจาคำพูดนั้นน่าฟังน่าเชื่อถือยิ่งกว่าลงสาลิกาใดๆ ทั้งยังเป็นอาถรรพ์ที่จะปลอบประโลมสิ่งมีชีวิตแลจิตวิญญาณรอบด้านให้ผ่อนปรน ให้รู้สึกสบายตัวอย่างน่าประหลาดด้วยวิชาไก่เถื่อนแท้ๆนั้นเป็นกระแสเมตตาเจโตวิมุติที่ใช้เพื่อปลดปล่อยพันธนาการจิตวิญญาณของตนเองและผู้อื่นโดยถ้วนทั่ว ด้วยการปลอบประโลมนี้สรรพสัตว์ มนุษย์และเทวดาทั้งหลายล้วนจะเกิดความรู้สึกดี ความปรารถนาดี ความเมตตาแก่เจ้าของไก่เถื่อนนี้ตามคติวิชาเมตตามหานิยมขั้นสูงสุด เป็นกระแสเมตตาเจโตวิมุติที่ชุมเย็นเป็นที่สุด

    นอกจากนั้นท่านว่าเสียงไก่ธรรมดายังใช้ปลุกคนได้ แล้วเสียงขันพญาไก่เถื่อนนั้นเล่า พ่ออาจารย์ท่านถึงกับอุปมาไว้ว่า"กลในไก่ขันให้คนตื่น" ด้วยคำๆนี้ เฉพาะคำๆนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่ามีค่ายิ่งยวดนักเพราะคำๆนี้สมเด็จพระกกุสันโธท่านรับสั่งไว้ อุปมาดั่งชีวิตที่เงียบสนิท ชีวิตที่หลับใหล ไร้สีสัน ไร้ชีวิตชีวา คือชีวิตที่หยุดความก้าวหน้าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว ชีวิตเหล่านี้ล้วนแต่จะตื่นขึ้น ตื่นเพื่อเจริญก้าวหน้า ตื่นพ้นจากอวิชาและอกุศลกรรมทั้งหลาย ด้วยอาถรรพ์คุณวิชาพญาไก่เถื่อนนี้เองอันนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นการตื่นทางโลกียะ อีกส่วนหนึ่งคือการตื่นขึ้นทางโลกุตระโดยนัยยะของคำพูดนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามันกว้างมากนะ ถ้ามีสติพอจะระลึกได้ คงรู้ว่าการตื่นนั้นหมายถึงการตื่นรู้ ตื่นจากความเป็นปุถุชนกลายเป็นอริยบุคคล ตื่นจากห้วงทุกข์เข้าสู่พระนิพพานดุจดั่งสมเด็จพระสังฆราชสุกเช่นนั้น นี่คือการตื่นตามองค์คุณพญาไก่เถื่อนอย่างแท้จริง

    เช่นนั้นวิชาพญาไก่เถื่อนนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงพูดว่าทำได้ยากและมีความลึกซึ้งมากนัก ถ้าไม่ได้สมเด็จพระสังฆราชสุกแลบารมีสมเด็จพระกกุสันโธแล้ว จะทำไก่เถื่อนนี้ให้เต็มวิชาได้คงหาใครที่ทำสำเร็จไปกว่าทั้งสองท่านแล้วเป็นไม่มี นอกจากนี้อำนาจพญาไก่เถื่อนยังได้ชื่อว่าเป็นตบะเดชะยิ่งนัก หากพูดถึงตบะแล้วหลายคนจะนึกถึงตบะเสือหากแต่ตบะของพญาไก่เถื่อนที่ใช้สะกดสรรพชีวิตนั้นเป็นตบะที่เกิดจากพลังเมตตาต่างจากตบะที่น่าหวาดกลัวของสัตว์อื่น ทั้งคุณแห่งวิชาพญาไก่เถื่อนของพ่ออาจารย์นั้น ท่านว่าให้พกติดตัวไว้เถิด ใจเราจะเกิดลางสังหรณ์พิเศษที่เรียกว่าญาณหยั่งรู้ขึ้นมา ไอ้ญาณตัวนี้นั้นสำคัญนักเพราะอาจสามารถรู้ใจคนได้ รู้ความคิด รู้น้ำใจของเค้าที่จะปรากฏชัดอยู่ในความรู้สึกของเราดุจพญาไก่เถื่อนที่รู้กลิ่นตัวคน รู้ว่าใครมาดีมาร้ายหมายชีวิตเช่นนั้น เมื่อหยั่งรู้น้ำใจผู้อื่นแล้วท่านว่าให้เชื่อความรู้สึกตัวเองเป็นที่สุดเถิดแล้วจะรู้ว่าใครเขาร้ายหรือดีกับเราและเราควรจะปฏิบัติตอบเค้าเช่นใด

    และด้วยอำนาจแปลกประหลาดของไก่เถื่อนเจ้าฟ้าพญาแถนนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าปกติภูติผีปีศาจจะเกรงกลัวไก่เถื่อนนัก มงคลไก่เถื่อนนี้ก็เช่นกันผีร้าย วิญญาณบาปทั้งหลายล้วนเกรงกลัวจะตกตายด้วยอำนาจพญาไก่ยิ่งนัก ที่สำคัญที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าสำคัญเหนือกว่าผีเลยก็คือคน เพราะคนนี่แหละที่เลี้ยงผี ทั้งผีที่เป็นวิญญาณ กับผีในจิตใจที่คิดโทษให้ร้ายรังแกคนอื่น ท่านว่าด้วยอาถรรพ์พญาไก่เถื่อนที่ท่านลงไว้นี้นับว่าแปลกมาก เพราะใครมีมีผีในใจ ใครที่มาร้ายไม่หวังดีกับเรา ถึงเขาจะมาได้แต่เขาล้วนล้มหมด ท่านว่าคนล้มสมัยนี้ลุกยากนะ มันยิ่งกว่าแพ้ภัยตัวเองเสียอีกเพราะหากชีวิตเขาล้มแล้วย่อมไม่เหลืออำนาจใดๆมารังแกเราอีกเลย นี่คืออาถรรพ์แห่งพญาไก่เถื่อนที่จะมาเปลี่ยนชีวิตคน นั่นคือไม่ว่าใครก็ข่มเราไม่ได้ ล้วนล้มหายตกต่ำไปทั้งสิ้นพ่ายแพ้แก่อำนาจเรา

    พ่ออาจารย์ท่านนอกจากจะเสกไก่ให้เป็นมหาภูติมีชีวิตแล้ว ท่านยังลงคุณห้าประการให้ครบเพราะตั้งใจจะทำไว้ให้คนยกระดับขยับฐานะกัน เขาจะได้ลืมตาอ้าปากได้ด้วยการทำมาหากิน โชคลาภวาสนาการเงินนั้นสำคัญ และไก่เถื่อนก็มีความสามารถทางขวนขวายทรัพย์จะเห็นได้จากคนโบราณที่สังเกตจากพฤติกรรมของไก่มาประกอบเปรียบเทียบไว้ว่าไก่ฝูงหนึ่ง มักมีตัวผู้เป็นจ่าฝูงเพียงตัวเดียว แต่มีตัวเมียล้อมรอบนับสิบ นี่จึงเป็นกฤติยาคมแฝดทางมหาเสน่ห์ ทั้งยังสื่อว่าแม้บุรุษเพียงคนเดียวก็ยังหาเลี้ยงภรรยาได้นับสิบ พญาไก่เถื่อนนี้จึงเก่งทางขวนขวายทรัพย์มาก พ่ออาจารย์ท่านว่าเราพูดอะไรมากไม่ได้ บอกได้แค่เก่งมากจนเหลือกินเหลือใช้เผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ทุกชีวิต ด้วยอานุภาพไก่เถื่อนมีคุณดั่งแก้วสารพัดนึก นึกสิ่งใดย่อมสมปรารถนาในสิ่งนั้นทุกอย่าง ขอเพียงให้ศรัทธาเชื่อมั่นไว้เถิด จะเกิดลาภผลอย่างประเสริฐ ทั้งเป็นทางอยู่ยงคงกระพัน เป็นเมตตา เป็นมหาอำนาจ มีตบะเดชะครบถ้วน แม้มีบูชาไว้และหมั่นภาวนาพระคาถาให้ได้ทุกวันแล้วไซร้ย่อมเป็นเจ้าคนนายคน ไม่มีวันอับจน มีผู้คนเมตตาอุปถัมภ์โดยตลอดแล

    แต่ทั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องพื้นๆ ท่านว่าจริงอยู่ที่เสกไก่พยนต์เป็นไก่ฟ้า ไก่แก้ว ใช้ได้ทั้งการป้องกันตัว ข่มภูติผีปีศาจทั้งหลาย แต่ถ้าหากทำไก่อาคมทั้งทีแล้วทำได้ดีเพียงเท่านั้น ท่านกึงกับพูดไว้ว่า "เราถือว่าน่าผิดหวัง"

    พญาไก่ของพ่ออาจารย์นี้ท่านเรียกว่ามงคลฟื้นวาสนา เพราะท่านตั้งใจทำให้วาสนาที่หดหาย จืดจางลงด้วยเหตุผลอันประกอบด้วยปัจจัยหลักๆหลายด้านเช่นเหตุผลทางเศรษฐกิจ การเงิน การจับจ่ายใช้สอยที่ฝืดเคือง... ด้วยปัจจัยต่างๆรุมเร้าท่านว่าแม้คนดวงดีมีวาสนาก็ยังหากินยาก ดังนั้นพญาไก่ของท่านจึงเป็นมงคลฟื้นวาสนาอย่างแท้จริงเพราะท่านนำวิชาทำตะกรุดมือเรียกทรัพย์(วิชาเรียกเงิน) ของหลวงพ่อเงินวัดบางคลานที่หาคนทำได้ยากมาลงไว้ที่ไก่ด้วย

    ท่านว่าเมื่อทำวิชานี้จะต้องใช้เงินจริงๆมาทำ เริ่มตั้งแต่เอาเงินมาลงอาถรรพ์พระเจ้าเงินตรา และข้อสำคัญตัววิชาที่ลงตะกรุดกับเงินเสกนี้ก็แยกจากกันไม่ได้ด้วยนะท่านว่าเป็นกฤติยาคมแฝด ดุจว่าตะกรุดนี้เรียกเงินมาเข้ามือเราตลอด ท่านใช้เงินเป็นตัวล่อเพื่อให้ไก่ไปหาเงิน ใช้เงินแท้ๆที่เปรียบดั่งขุมทรัพย์แผ่นดินเสกให้เชื่อมโยงเงินทั้งหมดเข้าด้วยกัน ด้วยว่าเงินหายอาถรรพ์หายท่านว่าวาสนาก็หมดดังนั้นท่านจึงต้องผนึกเงินไว้กับไก่ เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงทำผงเงินล้านด้วยสูตรหลวงพ่อปานเพื่อผนึกเงินไว้กับไก่ท่านว่านอกจากกันเงินเสกหายยังจะได้ขอบารมีสองพระอริยะเจ้าทั้งหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อปานมาสงเคราะห์อีกพร้อมๆกัน ท่านเสกให้ไก่วิ่งเข้าหาเงิน ฉกฉวยทรัพย์ ขุดคุ้ยโอกาส เมื่อตะกรุดในไก่ผนึกกับเงินอยู่ที่ตัวไก่ก็เสกให้ไก่หาทรัพย์คาบเงินวิ่งเข้ามือเราตลอดตามสายวิชาหลวงพ่อเงินที่ใช้เงินล่อเงินเข้ามาไม่หยุดเราเป็นเจ้าของก็มีหน้าที่ฉกฉวยนั่นเอง ซึ่งวิชานี้ท่านประยุกต์มาจากวิชาเรียกเงินของหลวงพ่อเงิน โดยวิชานี้ท่านว่าสมัยก่อนหลวงพ่อเงินท่านทำให้ใครมีแต่รวยขึ้นถ่ายเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าหลวงพ่อเงินนั้นท่านไม่ได้มีดีเฉพาะคงกระพันหนังเหนียวนะ แต่ท่านเรียกเงินให้ลูกศิษย์เปลี่ยนฐานะได้สมชื่อท่านเลย เพียงแต่ท่านเลือกทำ เลือกคนรับ

    พ่ออาจารย์ท่านลงวิชาเรียกเงินไว้ ท่านจึงตั้งชื่อไก่ว่ามงคลฟื้นวาสนา เพราะท่านทดลองแล้วถึงสองหน
    - หนแรก เอาให้เศรษฐีโรงงานที่โดนพิษเศรษฐกิจเจ๊งจนคิดฆ่าตัวตายเอาไปใช้ฟื้นตัวจนมีดอกออกผลมากกว่าเก่าสมัยเป็นเศรษฐีได้ เรียกว่ากลับมามีชีวิตใหม่เลิกคิดฆ่าตัวตายมีแต่คิดจะขยายกิจการอย่างเดียวเท่านั้น
    - หนที่สอง นำไปให้คนชาติแขกที่นับถือท่านทำกิจการส่งออกผ้าที่ฝืดเคืองพลิกกับมาขายดีกว่าตอนที่สร้างกิจการได้
    ท่านว่าวิชาของหลวงพ่อเงินนี้ไม่ธรรมดาหรอก ไม่เช่นนั้นสมัยก่อนคงไม่ต้องเลือกคนเพื่อรับวิชา ท่านว่าทำทีก็ทำยากต้องทำไก่ ลงตะกรุด ลงผง เสกเงินลงอาถรรพ์พระเจ้าเงินตรากว่าจะเอาทั้งหมดมาผูกเข้าด้วยกันเป็นเป็นมงคลอาถรรพ์ที่ใช้ให้คนฟื้นตัวตั้งตัวได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านว่าวิชานี้อาถรรพ์สูงถึงขนาดว่าถ้านำมาลงในตัวคนแทนแล้วแม้บุคคลผู้นั้นตายไป นำศพไปฝังไว้ตรงไหน สถานที่ตรงนั้นแม้เป็นป่าช้าก็ยังเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นนิคมหรืออาณาจักรได้

    ด้วยปัจจุบันนี้ท่านว่าการทำมาหากินหลายๆคนบอกว่าแย่ลงเพราะคนไม่ยอมใช้จ่ายด้วยปัจจัยต่างๆที่รุมเร้ารอบด้านในการดำรงชีวิตระดับชาวบ้าน ทั้งรายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูง มีการใช้จ่ายไม่จำเป็นจากสิ่งที่ไม่คิดคิดมากมายหลายทาง ทุกอย่างไม่สอดคล้องกันเลย ท่านจึงพิจารณาให้เอาไก่เถื่อนเจ้าฟ้านี่แหละไปใช้แทนกัน ท่านว่าเพราะไก่นี่เก่งมากมีดีหลายเรื่อง และวิชานี้ก็ไม่ใช่จะทำได้บ่อยเพราะท่านอธิษฐานขอหลวงพ่อเงินไว้เพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวที่จะใช้วิชาเรียกเงินของหลวงพ่อ วิชามือเรียกทรัพย์ของหลวงพ่อมาเรียกทรัพย์ให้เข้ามือ

    คาถาบูชา
    เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุภู ภูกุตะกุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2021
  18. Akkra1978

    Akkra1978 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +1,478
    ผมขอบูชา ลูกสะกดทุกข์ฝังตะกรุดเม ครับ ขอทราบหมายเลขบัญชีธนาคารด้วยครับ
     
  19. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    รับทราบครับ แจ้งเลขบัญชีทางข้อความแล้วครับ
     
  20. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    ตะกรุดสะกดทุกข์สะท้อนกรรม(มหาสะท้อน) ชุดพิเศษ
    ให้บูชา 550 บาท รวมส่งครับ
    91143380_606323239923098_8535775406584758272_n.jpg
    สืบเนื่องจากมีความต้องการสูงและหลายๆท่านอยากบูชาไว้ใช้หลายๆดอกเผื่อลูกหลานในครอบครัวให้ใช้เพื่อความสบายใจด้วย รวมไปถึงของที่อื่นนั้นราคาบูชาค่อนข้างสูงมาก ทั้งยังมั่นใจในคุณวิชาของพ่ออาจารย์เนื่องจากเคยพบเจอประสบมากับตัวแล้ว จึงอยากอ้อนวอนให้ท่านลงตะกรุดมหาสะท้อนให้

    "ก็ต้องย้อนกลับไปก่อนถึงต้นสายวิชาที่ทำนั่นคือหลวงพ่อวัดท่าซุง ถือเป็นสุดยอดวิชาตะกรุดของหลวงพ่อ ซึ่งช่วงราวๆปี ๒๕๒๗-๒๕๒๘ ในวัดจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีทำไสยศาสตร์คุณไสยดำเพื่อหวังจะทำร้ายทั้งพระและฆราวาสในวัด พระท่านมาบอก หลวงพ่อเลยเมตตาทำให้พิเศษเฉพาะเป็นการภายใน โดยบรรดาลูกหลานจะลงชื่อกันไว้ แล้วนำแผ่นทอง เงิน นาค หรือตะกั่วมากันเอง แล้วก็นำใส่พานไปให้หลวงพ่อปลุกเสก ตอนแรกหลวงพ่อก็ลงมือจารด้วยตัวท่านเอง สักพักหมาหอนลั่นกันทั้งวัด หลวงพ่อก็หยุดจาร เมื่อปลุกเสกเสร็จ หลวงพ่อก็บอกว่า พระท่านมาบอกว่าไม่ต้องจารทั้งหมดหรอก จะไม่ไหว ให้กำหนดจิตทำ ท่านเลยกำหนดจิตตามพระท่านสั่ง ปรากฎว่าตะกรุดทุกดอกในพานนี้ ขึ้นเป็นตัวอักขระตามเนื้อตะกรุดครบทุกดอกเลย จะมีจำนวนไม่มาก ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๘ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้เมตตาสงเคราะห์ศิษย์ใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ โดยอนุญาตให้นำแผ่นทองคำ แผ่นนากหรือแผ่นเงิน(ตามกำลังของแต่ละคน) มาทำเป็นแผ่นตะกรุด เรียกกันว่าตะกรุดเม ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก “ เม สัมมุกขา สัพพา หะระติ เต สัมมุกขา ” ท่านได้เมตตาจารยันต์ให้ ส่วนใหญ่เป็นยันต์องค์พระและมีอุณาโลมอยู่ด้านบน บางแผ่นท่านจารอักขระเพิ่มเติมให้ และมีอยู่แผ่นหนึ่งที่ท่านเมตตาจารเป็นกรณีพิเศษโดยด้านหนึ่งเป็นยันต์ท่านปู่พระอินทร์ (ยันต์ปัญจพุทธา) อีกด้านเป็นยันต์ท้าวมหาชมภู ที่กล่าวว่าเป็นกรณีพิเศษนั้นเนื่องจากในขณะนั้นหลวงพ่อท่านมีภาระกิจมากทั้งงานสอนพระกรรมฐาน งานศูนย์สงเคราะห์ฯ งานเจริญศรัทธางานก่อสร้าง ฯลฯ เวลาพักผ่อนของท่านน้อยมาก ท่านยังสละเวลาจารแผ่นยันต์ให้ ผู้ที่ได้รับแผ่นยันต์ชุดนี้มาตั้งแต่ต้นหรือได้รับตกทอดมาในภายหลังล้วนแล้วแต่มีความชุ่มชื่นใจ อิ่มใจในความเมตตาของท่าน

    ตะกรุดเม นั้นมีอานุภาพในการสะท้อนกลับ ไม่ว่าใครทำดีทำชั่วกับผู้ใช้ตะกรุด ผลดีผลชั่วนั้นจะย้อนคืนไปยังผู้ทำเป็นร้อยเท่าพันทวี “ เม สัมมุขขา สัพพา หะระติ เต สัมมุขขา ” คาถานี้ถ้าทำถึงที่สุดท่านว่าแม้แต่ลูกปืนที่ยิงมาก็จะย้อนกลับไปหาผู้ยิงเอง ข้อควรระวัง อย่าเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนหรือสัตว์กำลังคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ได้ และห้ามให้เด็กใช้อย่างเด็ดขาด

    ในเรื่องของตะกรุดเม(มหาสะท้อน) หลวงพ่อกล่าวว่า "ที่เขาห้ามให้เด็กใช้ เพราะว่ามหาสะท้อนย้อนกลับทุกอย่าง แล้วย้อนกลับหลายเท่า ถ้าเราเผลอไปตีเด็ก เราอาจจะโดนอะไรที่หนักกว่านั้นคืน เขาเลยห้ามไม่ให้เด็กใช้ และห้ามเข้าไปในที่ที่คนหรือสัตว์กำลังคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ออก จะโดนย้อนกลับหมด"

    มี คนสงสัยว่า ในเมื่อตะกรุดสะท้อนผลร้าย การอาราธนาตะกรุดให้คุ้มครองจะเป็นการทำร้ายคนอื่นหรือไม่ ก็ต้องขอออกความเห็นว่า การอาราธนาตะกรุดเมเหมือนการใส่เกราะคุ้มครองตัวเอง ถ้าเขาเตะลูกบอลมาใส่คุณ ลูกบอลก็ย่อมสะท้อนกลับไปหาเขา สิ่งที่เขาได้รับเป็นการกระทำของเขาหรือคุณเองล่ะ? และสำหรับผู้ที่คิดดีทำดีต่อผู้อื่นตะกรุดย่อมสะท้อนผลดี สรุปว่า ถ้าไม่มีเจตนาจะทำร้ายใคร แกล้งใคร ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เคยมีคนสงสัยว่า ถ้าพกตะกรุดทั้งคู่แล้วชกกันจะเป็นอย่างไร ท่านว่าคนที่กำลังใจเข้มแข็งกว่าก็ได้เปรียบกว่า แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีตะกรุดแล้วเผลอไปล่วงเกินคนที่พกตะกรุดเข้า ก็ให้ขอขมาโทษผู้ที่พกเสีย...ถ้าทำทัน และขอขมาพระรัตนตรัยด้วย"

    วิชาทำตะกรุดมหาสะท้อนนั้นมีหลายสายและคุณวิชานั้นก็ให้ผลคล้ายๆกัน แต่ในสายหลวงพ่อจะเป็นมหาสะท้อนสายบุญฤทธิ์ที่ใช้บารมีองค์พระท่านสงเคราะห์ให้ ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้เมตตาตัดสินใจจะลงให้ผู้บูชาที่จองมาเป็นกรณีพิเศษ ที่จริงท่านไม่อยากจะทำเลย ท่านว่าจะเป็นบาปกรรมแก่สัตว์ทั้งหลายให้เขาเดือดร้อน แต่มันก็มีข้อแม้ที่ครูบาอาจารย์สั่งไว้ว่า ถ้าเขาขอให้ช่วยก็ต้องทำให้ ด้วยว่าโลกและสังคมปัจจุบันนี้ล้วนมีแต่การแก่งแย่งและต่อสู้กันทุกที่ มีการรังแกกดขี่หรือทำร้ายกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ท่านว่าสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นภัยในวัฏสงสาร ตะกรุดมหาสะท้อนของพ่ออาจารย์พลจึงได้เกิดขึ้น

    วิชาของท่านนั้นแปลกเเละรุนแรง แปลสั้นๆตรงตามตัวเลยก็คือ ใครที่ผูกใจเจ็บเรา ใครที่ด่าเรา ใครที่คิดร้ายเรา ใครที่เขาใช่เล่ห์หรือกระทำให้ชนะหรือได้ดีกว่าเราพูดง่ายๆคือมาร้ายไม่ใช่มาดีจะเกิดผลกลับไปทันทีให้มีอันเป็นไปฉิบหายหรือตายเป็นที่สุด ในขณะเดียวกันสิ่งที่ตรงกันข้ามก็คือคนที่เขาทำดีกับเราผลดีก็ย่อมสะท้อนกลับไปเช่นกัน ท่านว่าดีมาก็ดีกลับ ร้ายมาก็ร้ายกลับ ผลแห่งการกระทำนั้นจะย้อนกลับไปเป็นร้อยเท่าพันทวี พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาทำตะกรุดนี้เหมือนกระจกสะท้อนเงาตนเอง ดุจกฏเหล็กแห่งสังสารวัฏนั่นคือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเวรกรรมควรระงับด้วยการไม่จองเวร ที่ทำให้ก็เพราะอนุรักษ์วิชาเท่านั้น อย่าไปคิดมุ่งร้ายกับใคร เพราะเราไม่ได้กร่อนสูตรย่อสูตรเราลงให้เต็มทั้งหมด ดังนั้นผู้ใด้จึงควรตั้งอยู่ในจิตที่วางไว้ในอุเบกขาวางเฉยต่อผัสสะความรู้สึกโกรธเกลียดเป็นผู้มีเมตตาเป็นอารมณ์ก็จะใช้ตะกรุดนี้ขึ้นในทางที่จะเจริญรุ่งเรือง คิดว่ามีไว้กันตัวมิได้มีไว้ทำลายผู้อื่น

    คาถาบูชา (ท่านว่า ไม่ต้องใช้ เพราะเสกมาดีเเล้วเเต่หากจำเป็นจะภาวนาก็ภาวนาได้)
    อักโกจฉิมัง อะวะธิมัง อะชินิมัง อะหาสิเม เย จะ ตัง อุปะนัยหันติ เวรัง เตสัง นะสัมมะติ
    * ซึ่งเป็นพุทธภาษิตบทหนึ่งใช้เตือนใจเราภาวนาเหมือนเป็นปริศนาธรรมก็พอ ส่วนเรื่องลงวิชาพ่ออาจารย์ท่านทำให้เต็มที่เเล้ว

    ตะกรุดนี้เป็นของอันตราย เพราะใช้สะท้อนเเม้เเต่ผู้ที่คิดร้ายประสงค์ร้าย ท่านว่าถ้าตามครูสอนเรารู้ตัวคนทำหรือคนที่คิดไม่ซื่อกับเราด้วยให้เขียนชื่อนามสกุลสอดใส่ตะกรุดไป หากเขาทำจริงจะเกิดผลรุนแรงถึงขั้นวิบัติฉิบหายเเละล้มตายได้ แต่บาปกรรมนั้นเธอคิดว่าเธอจะรับไหวมั้ย ท่านว่าไม่ใช่ตะกรุดเอาไว้ทำร้ายคนแต่เป็นใจคนที่เอาไปทำร้ายกันเอง ถ้าเราใช้ตะกรุดทำร้ายผู้อื่นนั่นแสดงว่าเราก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นเดียวกับเขา พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ที่ทำให้ก็เพื่อให้พกอาราธนาเฉยๆ ทำให้เพื่อเป็นของกันตัวเท่านี้ก็แรงพอแล้ว ถ้าเขาเป็นคนดี ถ้าเขาไม่ได้คิดไม่ซื่อ ไม่ได้ว่าร้ายเรามันก็จะไม่เกิดผลอะไร

    * นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงวิชาพิเศษที่เรียกว่าสะกดทุกข์ไว้ เพื่อให้ผู้บูชามีแต่ความสุขความเจริญในการประกอบอาชีพทำมาหากิน ซึ่งวิชานี้ท่านจะทำน้อยครั้งมาก ท่านว่าเมื่อสะท้อนกรรมแล้วก็ต้องสะกดทุกข์ด้วย ชีวิตจึงจะเจริญ จะใช้แต่สะท้อนปลดีปลร้ายใส่คนอื่นนั้นตนเองย่อมไม่ได้รับประโยชน์อะไร ดังนั้นตะกรุดชุดนี้ท่านจึงลงให้แบบพิเศษเพื่อให้ผู้บูชาคลายเคราะห์กรรมที่ติดขัดบางช่วงเวลานั้นๆ

    เอาไว้พกทำข้อมือเอาไว้ห้อยคอเพื่อความสบายใจได้ทุกอย่างตามแต่สะดวก อย่าได้เอาไปใช้ในทางที่ผิดเลย ท่านว่าเป็นตะกรุดดอกเล็กๆ เอาไว้ให้เด็กให้ผู้หญิงห้อย ให้คนที่เรารักเราเป็นห่วงห้อย คนเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดนี่ห้ามห้อย(ถ้าอยากให้เด็กห้อยเพราะรักลูก พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ห้อยได้เป็นบางเวลา อย่าให้เค้าห้อยไปโรงเรียน หรือขณะที่เราทำโทษเขาก็ให้ถอดออกเสียก่อน) ให้ประสิทธิไว้เฉพาะกับคนดีเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2020
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...