ที่ตั้งของทุกข์มันอยู่ที่ไหนกันแน่คับ

ถ้าที่ตั้งของทุกข์มันอยู่ที่กาย(สังขาร)
กับที่จิต(สังขาร)
ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ซึ่งมีการเกิดดับตลอดเวลาบังคับหรือ
ควบคุม
ไม่ได้
เมื่อทุกข์ทั้งหลายมาอาศัยเป็นที่ตั้ง
บนสิ่งเกิดดับ ทุกข์ย่อมต้องเกิดดับ
ตั้ง
อยู่ไม่ได้ด้วย
นอกจากผู้ไปหลงไปยึดธาตุขันธ์ ดินน้ำไฟลม
และวิญญาณธาตุ
ว่าเป็นตัวเรา เป็นกายจิตของเรา
จึงต้องหลงยึดทุกข์ทั้งหลาย
ว่าเป็นทุกข์ของเรา
แถมมาด้วย ถูกต้องไหมคับ

 

ตาม ปสก. ส่วนตัว
ขอตอบแบบสั้น ๆ ว่า...
ทุกข์อยู่ที่ จิต ท่านนั้นแหละครับ
เพราะเนื่องจาก(อวิชชา) ความไม่รู้ เข้าครอบงำ
ประกอบกับ ความไม่มีสติในตน
จึงไม่เห็นจิตที่แท้ของท่านเองแหละครับ /

 

อ่านโจทย์ไม่เข้าใจ จะตอบให้
ตรงคำถามได้ยังงัยฮับ

 

ขอโทษครับ รีบอ่านไปหน่อย (ดูแต่หัวข้อ)
ขอตอบสั้นๆ ว่าใช่ครับ

 

แล้วมันมีส่วนตรงกับที่พระพุทธองค์ทรง
ชี้ทางหรือเปล่าคับ

 

ผมได้ตอบไปแล้ว และท่านคิดเห็นประการใดล่ะครับ

 

จากปสกทดฟธ.มาเพราะอวิชชามันบังปัญญา
ไม่ให้เห็นความจริงว่า กาย(สังขาร)กับจิต(สังขาร)
มันเป็นสิ่งที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมา
ตามธรรมชาติของมัน
แต่เราไปหลงยึดว่าสิ่งปรุงแต่งขึ้นจาก
ธาตุ
4 บวกกับวิญญาณธาตุ 1
นั้นเป็น"เราเป็น" ตัวตนของเรา"
ทำให้หลงยึดมั่นถือมั่น และต้องปกป้อง
มันจนถึงที่สุด เมื่อถูกล่วงล้ำก้ำเกิน

 

ท่านก็เข้าใจถูกต้องแล้วนี่ครับ..

แต่ผมมีคำถามที่ผมอยากจะถามท่าน เพราะผมไม่เข้าใจ ไม่เคยเรียนบาลีมาเลย

จึงขอถามว่า จิต(สังขาร) ในความหมายท่าน คืออะไร ครับ..?

 

ตามที่ผมเข้าใจและให้นิยามส่วนตัว
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (มันคือ) ประเภทการรับรู้ของจิต ก็เท่านั้นนี่ครับ

 

สังขาร=ปรุงแต่ง
แต่ความหมายโดยลึกซึ้งนั้นมากมายนัก
ต้องศึกษาโดยละเอียด
จะฟังแค่ใคร หรือตำราไหน.กล่าวยังงัย
ก็ไม่ละเอียดเท่าความหมายในพระธรรม

 

แล้วท่านให้ความหมายโดยนัยยะส่วนท่านว่าอย่างไรครับ

 

แนะนำให้ฟังธรรมให้มากๆ เท่านั้น
ความเข้าใจจะเพิ่มขึ้นที่ละน้อย
แต่ละคำในภาษาธรรมะ
ของพระพุทธองค์ต้อง
ทำความเข้าใจโดยละเอียดและต้อง
ใช้เวลาและสติสัมปชัญญะ
พอสมควรคับ
ไม่งั้นกล่าวธรรมะ ทีไรจะเพี้ยนทุกที
แต่ไม่มีคนเตือน คับ

 

ถ้าท่านอิงตำราทุกบรรทัด ท่านคงต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านยึดต่อไป แต่ถ้าท่านสามารถตีความและให้คำนิยามได้ด้วยตนเอง และมีความเชื่อมั่น ท่านก็จะเข้าใจและทำได้เอง โดยอาจจะแทบไม่ต้องเปิดตำราทุกหน้า

 

ทุกอย่างที่ปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมะนั้น
เป็นไปเพื่อการละ เพื่อการวาง
ตัวตนหรือของตน
จะไปเอาหรือไปมีอะไรเป็นของตนอีกเล่าท่าน
ถึงบอกให้ไปฟัง ฟัง ฟัง ฟัง
ให้มากเท่ามาก ไม่งั้นกล่าวผิด
ตะพึดตะพือ
จะโน้มไปทางโชว์ตัวตนเสมอๆ สุดท้ายก็
เมาธรรมะเถียงกันไปมาผิดทั้งคู่
ถ้าเถียงเพื่อเอาชนะ

 

แล้วท่านพอจะบอกความหมายที่ท่านเข้าใจสิ่งนี้ว่าอะไร..?
(ขอให้ตอบแบบสั้นๆ ให้ผมเห็นภาพตามด้วยนะครับ)

ผมจะได้ตาสว่าง / ขอบคุณครับ

รูป=?
เวทนา=?
สัญญา=?
สังขาร=?
วิญญาณ=?

 

หาฟังเรื่องขันธ์ 5 ที่ความยาวคลิป
ไม่ต่ำกว่า 30 นาทีถึง 1 ชม.สัก 3
คลิป 3 ผู้แสดงหรือมากกว่านั้น
แล้วจะค่อยๆ ตาสว่างด้วยสติ
ปัญญาของท่านเอง (ไม่มีวิธีอื่นที่
เด็ดกว่าหรือเร็วกว่านี่คับ)

 

สิ่งที่ผมถาม คือ ผมต้องการความเข้าใจที่ท่านคิด ผมไม่ได้ต้องการจากที่อื่นเพราะผมเปิดอ่านเองได้ แต่ท่านล่ะเข้าใจยังไง. ผมยังไม่รู้..บอกได้มั้ยครับ

 

ผมเองก็ก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เก่งอะไร / แต่ถ้าท่านรู้ความหมายที่ผมถามก็ช่วยชี้แนะด้วย แต่ขอให้เกิดจากความคิดของท่านล้วนๆ นะ ไม่ต้องอิงความรู้ตำราจากที่อื่น / ครับ

 

แล้ว สิ่งนี้ท่านว่ามันคืออะไร ใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณล่ะ...?

 

ศึกษาธรรมะด้วยการเริ่มต้นทำความเข้าใจ
กับต้นตอของทุกข์
โดยเริ่มต้นเข้าใจขันธ์ 5 คือเดินมาถูกทาง
ไม่อ้อมค้อมเสียเวลา แม้จะต้อง
ย้ำทวนกับเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็จะเป็นไปเพื่อ
การกำจัดความหลงยึดมั่นถือมั่น
ลดมิจฉาทิษฐิ
เพราะความสิ้นยึดในสังขารขันธ์(ขันธ์5)
นำไปสู่ความไม่เหลือตัวตนให้เป็นที่ตั้ง
ของทุกข์
ไม่มีอะไรจะกล่าวอีกแล้วสำหรับเรื่อง
ขันธ์5 ที่เหลือจัดการเอาเองคับ