ที่ตั้งของทุกข์มันอยู่ที่ไหนกันแน่คับ

งงดีแปลไม่ออกเลยเอามาแปะไว้

 

ถ้ามี เหตุให้แสดง แล้วไม่แสดง

หากเป็น พระ พระพุทธองค์ สั่งปรับอาบัติอีกนะ

ดังนั้น

ซ้อมไว้ฮับ

"จิตไม่เกิดไม่ดับ ไม่มีวันตาย"

[ เวลาพูด ให้เน้น พูดเพื่อหลอกเด็กให้
ลองสนใจ หัดทำท่า ทำทาง ว่าภาวนา
ไปก่อน ไม่ต้องไป ทวงหาผลสำเร็จ
ในอีกแสนกัป หรือ หาเบื้องปลายไม่ได้ ]

 

แปลให้ มีจิต ที่ไหน มีขันที่นั่น
ขันตักอาบน้ำก้ได้ ตักได้ทั้งน้ำดีน้ำเสีย
ตักน้ำดีเอามาใช้ ตักน้ำเสียออกไปทิ้ง

 

หลักๆ ก็เน้นคำว่า "วิบาก" อะฮับ

หากใช้คำว่า วิบาก แปลว่า เหตุก่อนหน้านั้นมี
เจตนาเจือ ละเอียดๆก็ยังมี นิวรณ์เจือ มีอุปกิเลสเจือ

ปฏิสนธิ จึงยังมี ยังมี ภพหน้า ยังมีการไปเกิดอีก

พระราชรี ท่านปรารภว่า การวิจัย ปฏิสนธิวิญญาณ
จะเป็นงาน จำเพาะของ อรหัตถมรรค

แต่บางครั้ง พระราชรี นั่นแหละ ท่านก็ปรารภ
ว่า แค่เจริญ "สติ" ได้ ปฏิสนธิก็ไม่มีแล้ว(เห็นชัดแล้ว)
จึงมีภพอีกอย่างมากไม่เกิน 7 ชาติ

ทีนี้ iตรงคำวา "แค่เจริญสติได้" ตรงนี้จะเกิด
ข้อ วัตร ปฏิปทาไปตาม " ตระกูล ภาษา " อัน
มีกรรมเป็นแดนเกิด

ยิ่ง "มากข้อวัตร" การบรรลุ จะน้อยลง

แสงจะปรากฏอีกครั้งหนึ่งก็ต่อเมื่อ

คุงกระร่อน ไป ตัดแปะ พระสูตร นั่นแหละ แจ่มแมว

 

อาการ เสวนา ใน เวลาใด ที่มีการ
เอา พระสูตรมาแปะ หรือ เกริ่นเพียง
คำ อักขระ เดียว แล้ว ช่วยกัน สาธยาย

พระศาสดา ตรัสว่า นั่นคือ "รูป" ที่งดงาม

ไม่เกี่ยวกับความเป็น สัตว์ เลย
เป็น "รูปขันธ์" ล้วนๆ

 

จิตเกิดดับ อะไร?เป็นปัจจัยให้เกืดดับ..

 

เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว
คำสอนพระพุทธะให้ใช้ปัญญาจัดการกับ
อวิชชาเท่านั้น จึงจะค่อยๆเห็นแสงสว่าง
โดยไม่ต้องกล่าวถึงวิชชา
เพราะเหตุว่าเมื่อปัญญาเกิดอวิชชา
ก็
จะค่อยๆหมดไป (ย้ำว่าค่อยๆหมดไป)
การรู้จักทุกข์ก็จะ
บังเกิดเพราะจะรู้จักขันธ์ 5
ตามความเป็นจริงที่ทรงตรัสรู้(ธาตุดิน.. ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมและวิญญาณธาตุ)
เพื่อให้เกิดสัมมาทิษฐิว่า ธาตุเหล่านั้น
รวมกันเป็นเรา แต่จริงๆมันไม่ใช่"เรา"
ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
การหลงยึดมั่นถือมั่นว่ากายนี้
เป็น"เรา" เป็น"ของเรา" เป็นความไม่รู้ความจริง พระพุทธะทรงสอนมาแบบนี้
คนมีกิเลสหนา(อวิชชาบดบัง)ก็ยังสงสัย
อยู่ดีคับ

 

พระราชบุรีก็ศิษย์หลวงตามหาบัว
พระมหาบัวพูดจิตเที่ยง..
จิตหมดกิเลสทุกประเภท..

 

จิตมี ทุกขัง สามัญลักษณะ ฮับ

เอาเท่านี้ พอ

เรื่อง อะไรเป็น ปัจจัย นั่นมันแค่
เงา ที่เข้าไปตะครุบ

คนภาวนาเป็น เขาไม่ถามกัน มัน กุ๊กๆ

 

ท่อนนี้โดนคับ

 

เชย ระเบิด ระเบ้อ

สำหรับคนที่ ภาวนาเก่งกว่านั้น ท่านจะ พูดต่อ
( แต่โดย วัตถุประสงค์ คือ รอให้ คนอย่างคุง
มะขีดเข้าไป เช่ง พระราชรี แล้ว ท่านก็จะแก้จิตให้ )

แล้วก็ ชี้แจง พระลอ ว่า ทำไมถึง
ทำผ้าป่าช่วยชาติ ทำไมถึงพูดออกไป
ได้ว่า"ไม่เกิดไม่ดับ"

 

ตามความเข้าใจผม
จิต-เจติสิก
แยกกันไม่ออก
เวลาฟังให้แปลเป็นสองนัย

 

จิตมัน ทุกขัง เพราะเหตุใด?

 

ก็ท่านพูดจิตที่หมดกิเลสทุกประเภทแล้วไง

โง่อยู่ได้..

 

เห็นด้วยครับ

 

อย่ามุ่งเอา โดน จิฮับ

ใหเห็น การเข้าไปกระทบ อรรถ นั้น แล้วก็ ดับไป สนิท

หากมี ค้างเติ่ง ก็จะเกิด การกระเดิด รีบมาโพสกระทู้
ว่า ข้าฮู้ ข้าเห็น

เฮีย เปล่าๆปลี้ๆ โดนมันหลอกให้เก่งกระเด้ง

แทนที่จะ โน้มไป ผั๊วะ ไม่ต้อง อิงใคร ใครอิง

บ่จี้(ปัดจัดตัง) เงียบความคำนึงหมายเป็นไปแล้ว(สันทิฏฐิโก)

 

บัญญัติ ในสิ่งที่ พระศาสดาไม่ได้บัญญัติ

สาวก หนา สันติ !!!

 

อันนี้เห็นด้วย ลพ.ที่สอนก้อบอกจิตพุทธะมันไม่ตาย
นึกถึงท่านเทวทัตลงไปนรกนานโข ยังขึ้นมาเป็น พระพุทธเจ้าได้ อย่าเอาเจตสิกเกิดดับที่เราพยามละออก ไปปนกะจิตพุทธะ

 

ทำไมพระศาสดาไม่บรรญัติเหล่า
ก็วิมุติจิต นั้นไง..
หรือจิตวิมุตติ..

 

เรื่องหลวงตามหาบัวเทศน์

ชอบท่อน ท้ายๆ ท่าจะพูดออกมา ว่า จิตที่ไม่เกิดไม่ดับ
จะปรากฎก็ต่อเมื่อ จิตได้รับการซักฟอกกิเลสจนหมด สิ้น กลายเป็นธรรมธาตุ

เป็นโวหาร สำนวน สำหรับท่าน

แต่ถ้า ใคร บอกว่า เจอสิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับ
แต่ก็ยังมีเข้าๆออกๆ ถ้าเป็นพระก็ปาราชิก
ถ้าเป็นเณร ก็โดนหลวงพี่เขกกะบาล

ถ้าเป้นฆราวาส ก็ หลงทำ

อีกอย่าง ถ้าเป็น สำนวนโวหาร หลวงปู่หล้า ท่านจะว่า
พระอรหันต์บัญญัติ จิตไม่ถูก
เหมือนๆแก่จะตาย มาเรียกคุณหนู คุณหนูมันก็ไม่ถูกต้อง