วัตถุมงคล หลวงพ่อตัด วัดชายนา จ.เพชรบุรี

จากหมายเหตุที่ใส่ดอกจันท์ไว้ในข้อมูลด้านบน เนื้อตะกั่ว เป็นเนื้อที่น่าแขวนบูชามากๆ เพราะ...

เหรียญอายุวัฒนมงคลเนื้อตะกั่ว สร้างเพียง 100 เหรียญ
ปั๊มจากยันต์ตะกั่วแปดทิศ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์
อีกหนึ่งวัตถุมงคลในตำนานของท่าน สร้างจำนวนน้อย เพียงไม่กี่ชุด ตอกโค๊ดหมายเลขไว้กำกับจาก 1 - 8
ผมเองก็ไม่ทราบว่าค่านิยมเล่นหากันขนาดไหน
รูปก้อนตะกั่วเป็นของพี่ท่านหนึ่งซึ่งให้ข้อมูลไว้ว่า พี่ท่านนี้ท่านมีอยู่ 3 ก้อน ปัจจุบันเหลือเก็บไว้เป็นก้อนหมายเลขหนึ่ง ส่วนอีกสองก้อน

ก่อนที่จะจัดสร้างเหรียญรุ่นนี้พี่เค้าได้ไปขอเมตตาหลวงพ่อตัด จารอีกฝั่งจำนวนทั้งหมด 3 ก้อนและปลุกเสกให้ ก่อนที่จะนำตะกั่วไปปั๊มเป็นเหรียญอายุวัฒนมงคลหลวงพ่อตัด วัดชายนา 2 ก้อน

ปั๊มได้เหรียญเนื้อตะกั่วล้วนๆจากแผ่นยันต์แปดทิศหลวงปู่สุขประมาณ 100 เหรียญ ในความรู้สึกผมก็คิดว่า ถ้าไม่มีศรัทธานี่ยากที่จะตัดใจทำได้เหมือนกันนะครับ เพราะเท่าที่ทราบมาราคาตะกั่ว 1 ก้อนนั้นไม่ใช่ถูกๆเลยทีเดียว

หลายๆหลวงพ่อ หลายๆครูบาอาจารย์ท่านก็เคยพูดรับรองไว้ว่า “ตะกั่วเนื้อหวานจารง่าย เสกได้เข้าเนื้อ” และ “ตะกั่วมีค่าดั่งทองคำ”

นี่คือเหตุผลว่าทำไมเหรียญอายุวัฒนมงคลเนื้อตะกั่วถึงเป็นเนื้อที่น่าห้อย..... ด้านล่างจะเป็นก้อนตะกั่วที่ยังเหลืออยู่เพียง 1 ก้อนจาก 3 ก้อน และ เหรียญอายุวัฒนมงคลเนื้อตะกั่วที่สร้างเพียง 100 เหรียญเท่านั้น

 

ประสบการณ์ของนายตำรวจท่านหนึ่งครับ

ให้ภาพบรรยาย

 

รายการที่ 40 เหรียญอายุวัฒนมงคล หลวงพ่อตัด วัดชายนา

เหรียญนี้เป็นเนื้ออัลปาก้า สร้าง 300 เหรียญ

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

รายการที่ 41 ตะกรุดเงินแท้ หลวงพ่อตัด วัดชายนา(หลวงพ่อจารเอง)


เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์วัดชายนาว่าตะกรุดจารมือของวัดชายนาที่โด่งดังไปทั่วประเทศนั้น 99% จะไม่ใช่ตะกรุดที่หลวงพ่อตัดจารเอง จะมีศิษย์ที่ได้รับการครอบครูช่วยจาร เช่นพระอาจารย์ทินผู้ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อตัด และ ศิษย์ท่านอื่นๆอีก 2-3 คนเป็นผู้จาร แล้วหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกให้เท่านั้น

ในส่วนของตะกรุดที่หลวงพ่อตัดท่านจารเอง จะหายาก มีน้อยมากๆและเป็นที่หวงแหนแก่ลูกศิษย์ลูกหา เพราะท่านไม่จารให้ใครเรื่อยเปื่อย หากเข้าไปผิดจังหวะไม่ดูกาละเทศะแล้วก็อาจจะโดนเอ็ดตะโรออกมาแน่นอน
ส่วนมากที่พบเจอตะกรุดที่หลวงพ่อตัดท่านจารก็จะเป็นเนื้อตะกั่วและไม่ตอกโค๊ดซะส่วนมาก

ตะกรุดดอกนี้เป็นตะกรุดเนื้อเงินแท้ หลวงพ่อตัดจารเอง ยาวเพียงนิ้วนิดๆเท่านั้น หายากด้วยครับไซส์นี้ ขนาดกำลังน่าพกพาน่าบูชามากๆ ตอกโค๊ดวัดชายนาเต็ม นิยม
เลี่ยมพลาสติกพร้อมอาราธนาขึ้นคอแล้วครับ
ตะกรุดเนื้อเงินแท้ๆแบบนี้เรียกว่ามีน้อยจริงๆ เป็นหนึ่งในวัตถุมงคลลิมิเต็ดอิดิชั่นของหลวงพ่อตัด หายากครับผม

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

ราว10ปีก่อนมีกลุ่มศิษย์ได้เข้าไปกราบหลวงพ่อตัด
ก่อนจะลากลับ
ก็เหลือบไปเห็นผ้าจีวรผืนยาวพอประมาณซึ่งเป็นผืนที่หลวงพ่อใช้เช็ดหน้าเช็ดปากเป็นประจำ สภาพยับยู่ยี่ วางอยู่ใกล้ๆที่หลวงพ่อนั่งอยู่
หลวงพ่อตัดท่านหยิบผ้าเก่าๆผืนนั้นขึ้นมา เอาไปขยุ้มกำอยู่ในมือ จ่ออยู่ที่ปากเสกแล้วเป่า 3ที เสร็จแล้วโยนมาให้ พร้อมกับพูดว่า

“เอาไว้แทนตัวกู”

...........

ที่ต้องการจะสื่อคือแค่เศษผ้า เศษจีวร หลวงพ่อท่านเป่าแค่พรวดเดียวก็เสกของนั้นให้เสมือนแทนตัวท่านได้แล้ว จิตท่านถึงแล้วไม่ว่าจะเสกอะไรก็ใช้ได้เหมือนกันหมด

สำหรับประสบการณ์ของผ้าจีวร ก็เคยลงไว้ให้ได้ศึกษาในกระทู้นี้แล้วตามอ่านกันได้ครับกับ “จีวรคุ้มครองชีวิต”

 

รายการที่ 42 ปลัดขิกไม้กาฝาก หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2550 (1)

ปลัดขิก เป็นวิชาที่หลวงพ่อตัดท่านชำนาญที่สุดแล้วล่ะครับ จริงๆแล้วก็ต้องบอกว่าหลวงพ่อตัดท่านดังปลัดขิกมาก่อนตะกรุดเสียอีก จากการสืบค้นข้อมูล ท่านเสกได้ตั้งแต่เป็นพระหนุ่มแล้ว เมื่อก่อนพระที่บวชอยู่ในสมัยที่ท่านมาสร้างวัดชายนาใหม่ๆก็จะแอบดูหลวงพ่อตัดท่านปลุกปลัดขิกจะได้ยินเรื่องบอกต่อกันมาว่าเวลาหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกปลัดขิกนั้น ปลัดขิกจะวิ่งไปทั่วห้องเลยทีเดียว...

โดยผู้ที่พกพาปลัดขิกของหลวงพ่อตัดนั้นก็พบเจอประสบการณ์ต่างๆมากมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น เมตตามหานิยม คงกระพันหมากัดไม่เข้า การค้าขาย(สมัยก่อนแม่ค้าแถบท่ายางจะนิยมเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดตัวเล็กๆเลี่ยมทองห้อยกัน และจะไม่นิยมนำมาโชว์ใคร) หรือแม้กระทั่งเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดไปใช้ไล่ฝนก็มี
ในปัจจุบัน เซียนใหญ่ที่เป็นสายปลัดขิกก็ยกให้ปลัดขิกของหลวงพ่อติด 1 ใน 5 ของปลัดขิกที่ดีที่สุดในประเทศครับผม

ปลัดขิกตัวนี้เป็นไม้กาฝาก พระอาจารย์ทินท่านจารด้วยเหล็ก หลวงพ่อตัดปลุกเสกในปี 2550 ขนาด 1.75 นิ้ว พกพาง่ายสะดวก แต่ว่ากันจริงๆไซส์ขนาดนี้หาไม่ง่ายนะครับ


มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองครับผม ขอบพระคุณครับ

 

รายการที่ 43 ปลัดขิกไม้กาฝาก หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2550 (2)

ปลัดขิก เป็นวิชาที่หลวงพ่อตัดท่านชำนาญที่สุดแล้วล่ะครับ จริงๆแล้วก็ต้องบอกว่าหลวงพ่อตัดท่านดังปลัดขิกมาก่อนตะกรุดเสียอีก จากการสืบค้นข้อมูล ท่านเสกได้ตั้งแต่เป็นพระหนุ่มที่วัดเขากระจิวแล้ว เมื่อก่อนพระที่บวชอยู่ในสมัยที่หลวงพ่อตัดท่านมาสร้างวัดชายนาใหม่ๆก็จะแอบดูหลวงพ่อท่านปลุกปลัดขิกจะได้ยินเรื่องบอกต่อกันมาว่าเวลาหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกปลัดขิกนั้น ปลัดขิกจะวิ่งไปทั่วห้องเลยทีเดียว...

โดยผู้ที่พกพาปลัดขิกของหลวงพ่อตัดนั้นก็พบเจอประสบการณ์ต่างๆมากมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น เมตตามหานิยม คงกระพันหมากัดไม่เข้า การค้าขาย(สมัยก่อนแม่ค้าแถบท่ายางจะนิยมเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดตัวเล็กๆเลี่ยมทองห้อยกัน และจะไม่นิยมนำมาโชว์ใคร) หรือแม้กระทั่งเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดไปใช้ไล่ฝนก็มี
ในปัจจุบัน เซียนใหญ่ที่เป็นสายปลัดขิกก็ยกให้ปลัดขิกของหลวงพ่อติด 1 ใน 5 ของปลัดขิกที่ดีที่สุดในประเทศครับผม

ปลัดขิกตัวนี้เป็นไม้กาฝาก พระอาจารย์ทินท่านจารด้วยเหล็ก หลวงพ่อตัดปลุกเสกในปี 2550 ขนาด 1.75 นิ้ว พกพาง่ายสะดวก แต่ว่ากันจริงๆไซส์ขนาดนี้หาไม่ง่ายนะครับ

มีผู้บู้ชาแล้วครับ

 

รูปหล่อรูปเหมือนแทนตัว หลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา

เมื่อปี พ.ศ. 2540 หลวงพ่อตัด ปวโรได้เลื่อนสมณศักดิ์ป็นพระครูชั้นเอกในสมณศักดิ์เดิมคือพระครูบวรกิจโกศล ในวาระอันเป็นมงคลนี้ หลวงพ่อตัดท่านได้ดำริที่สร้างเหรียญเนื้อโลหะ(เหรียญรุ่นสาม) รูปหล่อเล็กขนาดห้อยคอ(รูปหล่อรุ่นแรก) รูปหล่อบูชาขนาด 5 นิ้ว และรูปหล่อใหญ่ขนาดเท่าองค์จริงขึ้นมา โดยท่านได้จัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นเป็นครั้งแรกของวัดชายนา โดยท่านนิมนต์หลวงพ่อผล วัดหนองแขมและพระสงฆ์ในวัดชายนามาสวดมนต์และร่วมปลุกเสกพระรุ่นนี้ กำหนดพิธีปลุกเสกถึง 3 วัน 3 คืน คือวันที่ 17 -19 พฤษภาคม ปี 2540

หลวงพ่อตัดท่านเล่าให้ฟังว่า การทำพิธีครั้งนี้จัดรูปแบบเหมือนพิธีพุทธาภิเษกของวัดราชบพิตรฯ โดยใช้ผ้าขาวปูด้านล่างและคลุมด้านบนกองวัตถุมงคลทั้งหมด โดยหลวงพ่อตัดท่านจะมาเสกวันละ 2 ครั้งคือตอนหัวค่ำเวลาประมาณสองทุ่ม และตอนเช้ามืดเวลาประมาณตีสามโดยวัตถุมงคลชุดนี้เป็นวัตถุมงคลชุดแรกที่มีรูปหล่อลอยองค์ของท่านอยู่ด้วย

อันรูปหล่อลอยองค์นี้เป็นวัตถุมงคลที่หลวงพ่อตัดท่านตั้งใจทำเป็นพิเศษ ท่านพิถีพิถันในทุกขั้นตอนแม้กระทั่งการนั่งเป็นแบบให้ช่างถ่ายรูป ท่านก็นั่งแบบมีเคล็ดวิชาแฝงอยู่ด้วย นัยว่าเป็นเคล็ดเพื่อให้เกิดคุณวิเศษแบบที่ท่านตั้งใจ ผู้เขียนเคยถามท่านว่ารูปหล่อลอยองค์ไม่มีอักขระหรือยันต์ใดๆหลวงพ่อเสกอย่างไร ท่านก็ตอบเลี่ยงๆ แต่สรุปได้ความว่าหลังจากบูชาพระและครูบาอาจารย์เรียบร้อยท่านจะเริ่มจากการตั้งธาตุประชุมธาตุ หนุนธาตุก่อน หลังจากนั้นจึงเรียกอาการ 32 กำหนดให้มีตัวมีตน จากนั้นท่านก็อัดปราณของท่านเข้าไปในรูปหล่อเพื่อให้รูปหล่อนี้มีปราณหรือพลังงานของท่านอยู่ภายใน ด้วยจุดประสงค์ของหลวงพ่อตัดที่จะให้รูปหล่อเหล่านี้มีพลังของท่านเพื่อแทนตัวของหลวงพ่อตัดได้ จากนั้นท่านจึงจะเสกด้วยพระคาถา พระปริตร และอัญเชิญพลังของคุณครูบาอาจารย์มีพระรัตนตรัยเป็นที่สุดลงสถิตในรูปหล่อลอยองค์ของท่าน แม้กระทั่งล็อกเกตรุ่นต่างๆและรูปหล่อลอยองค์รุ่นอื่นๆ ท่านก็บอกว่าท่านเสกแบบนี้เหมือนกัน

ที่มั่นใจว่ารูปหล่อนี้เป็นที่รวมของพลังแห่งพระรัตนตรัยและแรงครูบาอาจารย์ทั้งหลายเพราะหลังจากพุทธาภิเษกรูปเหมือนเท่าองค์จริงท่านเสร็จแล้ว ก็มีการอัญเชิญขึ้นบนศาลา หลวงพ่อตัดท่านจะให้ลูกศิษย์ทำสำรับอาหารคาวหวานไปถวายที่รูปหล่อท่านทุกวัน ทั้งๆที่ตอนนั้นหลวงพ่อตัดท่านยังทรงสังขารอยู่ แต่ที่ท่านนำไปบูชาคือแรงครูที่สถิตในรูปหล่อท่านอยู่ก่อน และเมื่อหลวงพ่อตัดท่านมรณภาพแล้ว ท่านจึงไปสถิตรวมกับครูของท่าน ณ รูปเหมือนเท่าองค์จริง ดังที่ท่านเคยสั่งศิษย์ไว้ว่า

"มีอะไรให้มาบอกที่นี่ เดี๋ยวกูจะทำให้"

หมายถึงเมื่อท่านละสังขารไปแล้ว ให้มาบอกท่านที่รูปเหมือนของท่าน ด้วยความที่ท่านมีเมตตาต่อศิษย์ของท่าน ท่านจึงตั้งใจปลุกเสกอย่างดีที่สุด ถ้าศิษย์ผู้นำไปบูชาปฏิบัติตัวดี มีศีลมีสัตย์ จะสามารถขอพรหรือบอกกล่าวเล่าปัญหาขอให้ท่านช่วยเหลือต่อรูปหล่อของหลวงพ่อได้ประดุจขอต่อตัวท่านโดยตรง เห็นผลกันมาแล้วหลายคนเพียงระลึกถึงท่านเชื่อมั่นและศรัทธา พรนั้นจะสัมฤทธิ์ผล ไม่มากไปไม่น้อยไปและไม่เกินกรรมที่ทำได้

 

รายการที่ 44 ปลัดขิกไม้มะยม หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2525

ปลัดขิก เป็นวิชาที่หลวงพ่อตัดท่านชำนาญที่สุดแล้วล่ะครับ จริงๆแล้วก็ต้องบอกว่าหลวงพ่อตัดท่านดังปลัดขิกมาก่อนตะกรุดเสียอีก จากการสืบค้นข้อมูล ท่านเสกได้ตั้งแต่เป็นพระหนุ่มที่วัดเขากระจิวแล้ว เมื่อก่อนพระที่บวชอยู่ในสมัยที่หลวงพ่อตัดท่านมาสร้างวัดชายนาใหม่ๆก็จะแอบดูหลวงพ่อท่านปลุกปลัดขิกจะได้ยินเรื่องบอกต่อกันมาว่าเวลาหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกปลัดขิกนั้น ปลัดขิกจะวิ่งไปทั่วห้องเลยทีเดียว...

โดยผู้ที่พกพาปลัดขิกของหลวงพ่อตัดนั้นก็พบเจอประสบการณ์ต่างๆมากมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น เมตตามหานิยม คงกระพันหมากัดไม่เข้า การค้าขาย(สมัยก่อนแม่ค้าแถบท่ายางจะนิยมเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดตัวเล็กๆเลี่ยมทองห้อยกัน และจะไม่นิยมนำมาโชว์ใคร เวลาจะค้าขายอะไรก็ว่าคาถา บอกกล่าว แล้วเอาปลัดขิกไปจิ้มๆที่ของที่ข้าวของที่จะขาย ทำให้ขายดี) หรือแม้กระทั่งเอาปลัดขิกหลวงพ่อตัดไปใช้ไล่ฝนก็มี
ในปัจจุบัน เซียนใหญ่ที่เป็นสายปลัดขิกก็ยกให้ปลัดขิกของหลวงพ่อติด 1 ใน 5 ของปลัดขิกที่ดีที่สุดในประเทศครับผม

ปลัดขิกตัวนี้เป็นปลัดขิกไม้มะยม ปี 2525 ศิลป์แกะมาตรฐานนิยม ตัวนี้จะจัดอยู่โซนที่เป็นที่ต้องการเนื่องจากติดรอยเทียนมนต์จินดามณีที่หัว(เทียนที่หลวงพ่อตัดท่านหยดบนปลัดขิกขณะปลุกเสกแล้วว่าคาถามนต์จินดามณี) ขนาดยาว 2.25 นิ้ว กำลังพกพาเลยครับ แบบนี้เก็บไว้ใช้บูชาตัวเดียวจบครับผม


มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

ขอจองครับ

 

รับการจองครับผม ขอบพระคุณครับ

 

รายการที่ 45

“กินไม่หมด ไม่มีอด ต้องบูชารูปที่หลวงพ่อตัดอุ้มบาตร”

รูปหล่ออุ้มบาตร หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2552

เนื้อเงิน หายาก สร้างเพียง 39 องค์เท่านั้น

ปลุกเสกที่วัดในวันที่ 29 เมษายน 2552 ฤกษ์ 15.39 น.

พระเกจินั่งปรกสี่ทิศในพิธี

1.หลวงพ่อคง วัดเขากลิ้ง

2.หลวงพ่อผล วัดหนองแขม

3.หลวงพ่อแถม วัดช้างแทงกระจาด

4.หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน

โดยมีหลวงพ่อตัด วัดชายนา นั่งปลุกเสกคลุมอีกชั้นนึง


ตะกรุดมนต์จินดามณีหายากและราคาแพงมากๆไปแล้ว บูชารุ่นนี้ได้ทั้งมนต์จินดามณีและได้ทั้งรูปลักษณ์หลวงพ่อตัด เรียกว่า 2 in 1 เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาอาราธนาบูชาในช่วงเวลาแบบนี้ครับ


องค์นี้เลี่ยมเงินสั่งทำหนาๆพร้อมแขวน

มีผู้บูชาแล้วครับผม

 

หนึ่งในพระเครื่องชุดสำคัญของหลวงพ่อตัด วัดชายนา ก็คือพระสมเด็จและขุนแผนเยี่ยวชะนี

หลวงพ่อตัดท่านได้นำมวลสารพิเศษตามเคล็ดลับโบราณผสมเพิ่มเติมเข้าไปในเนื้อผงพุทธคุณและว่านต่างๆ มวลสารนั้นก็คือผงเยี่ยวชะนี ฟังจากชื่อแล้วไม่น่าที่จะนำมาสร้างวัตถุมงคลได้ แต่ความจริงแล้วผงเยี่ยวชะนีเป็นยาเสน่ห์ชนิดหนึ่ง เป็นตำราที่ได้รับถ่ายทอดกันมาในหมู่ชนชาติลาวโซ่ง หรือไทยทรงดำแห่งหมู่บ้านเขากระจิว บ้านเกิดของหลวงพ่อตัดนั่นเอง ยาเสน่ห์ชนิดนี้สร้างขึ้นจากส่วนผสมหลายชนิดเช่น ยอดสวาท ยอดรักซ้อน ดอกกาหลง และมวลสารลี้ลับอีกหลายอย่าง นำมาผสมตามตำรา จนสำเร็จเป็นผงเยี่ยวชะนี หลวงพ่อตัดจึงให้นำผงชนิดนี้ใส่ไปในพระเครื่องเพียงบางรุ่น เพื่อให้เกิดผลทางมหาเสน่ห์ ลุ่มหลง เป็นเมตตามหาละลวย นอกจากนั้น ในการเสกพระเครื่องที่ให้ผลทางเมตตา หลวงพ่อตัด ท่านจะเสกหนุนด้วยมนต์จินดามณีด้วยเสมอ อันมนต์จินดามณีของวัดชายนานั้น เคยสอบทานแล้วไม่ซ้ำกับสำนักใด เป็นมนต์จินดามณีที่มีแรงครูแรงมาก สอบสายครูย้อนไปจนถึงแม่นางพันธุรัตน์ ขอบารมีให้ช่วยน้อมนำมาซึ่งลาภสักการะ โชคลาภแก้วแหวน เงินทองทั้งหลาย เปรียบเหมือนเป็นมนต์ที่แม่มีเมตตาต่อลูก เปรียบดังแก้วสารพัดนึกจึงเรียกว่า "มนต์จินดามณี" มนต์บทนี้ต้องได้รับการประสิทธิ์ประสาทที่ถูกต้อง แรงครูท่านจึงจะเมตตาช่วยเหลือได้เต็มที่ ด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่า พระผงของวัดชายนาชุดที่มีส่วนผสมของผงเยี่ยวชะนีไม่ว่าจะเป็นสมเด็จเยี่ยวชะนีหรือขุนแผนเยี่ยวชะนีจะมีประสบการณ์อย่างมากมาย ทั้งเรื่อง เสน่ห์ เมตตามหาละลวย และโชคลาภ ท่านว่าปรารถนาสิ่งใด ลองตั้งใจอธิษฐาน หากไม่มีกรรมมาขวาง ก็จะสำเร็จได้ด้วยพรของมนต์จินดามณี ลองดูเถิด อย่าสงสัยเลย


สมเด็จเยี่ยวชะนีพิมพ์นิยมบล็อกแรก ปี 2548

1.แบบฝังตะกรุดทองคำ 3 ดอก สร้างจำนวน 1 องค์

2.แบบฝังตะกรุดทองคำ 2 ดอก สร้างจำนวน 1 องค์

3.แบบฝังตะกรุดทองคำ 1 ดอก สร้างจำนวน 95 องค์

3.เแบบไม่ฝังตะกรุด สร้างประมาณ 20 องค์

ซึ่งชุดนี้จะเป็นชุดบล็อคแรกของพิมพ์สมเด็จเยี่ยวชะนีพิมพ์มาตรฐานนิยม เรียกว่าใส่ผงเยี่ยวชะนีกันแบบไม่ยั้งเลยครับผม

ในปี 2548 - 2549 ยังมีการสร้างสมเด็จพิมพ์นี้อีกหลายครั้ง แต่ล่ะครั้งก็ทำไม่มาก ส่วนใหญ่จะฝังตะกรุดตอกโค๊ด วชน หรือไม่ฝังตะกรุดต้องดูจากเนื้อ และไม่ได้บันทึกจำนวนที่แน่นอนไว้

พระพิมพ์สมเด็จเยี่ยวชะนีนั้น มวลสารสำคัญที่ขาดเสียไม่ได้ก็มีอยู่ด้วยกัน 4 อย่างคือ
1.ยอดสวาท
2.ยอดรักซ้อน
3.ยอดสาวหลง
4.เยี่ยวชะนี
แต่ถึงกระนั้นภายหลังก็มีการเพิ่มว่านและมวลสารที่เน้นหนักในด้านเมตตามหาเสน่ห์อีกหลายอย่างใส่เพิ่มเติมเข้าไปเต็มที่ในการสร้างแต่ละครั้งเพื่อให้เป็น “ยาเสน่ห์ตำรับไทยทรงดำ(ลาวโซ่ง)” ตามตำรา

ปัจจุบันถือว่าสมเด็จเยี่ยวชะนียุคปี 2548 เป็นพระเครื่องของหลวงพ่อตัดที่จะเหลือเพียงแต่ชื่อเท่านั้น แทบไม่มีออกมาปรากฎหมุนเวียนเปลี่ยนมือ

ผู้ที่ศึกษาสะสมใหม่ๆควรศึกษาลักษณะ เนื้อหามวลสาร ของแต่ละปี หรือปรึกษาผู้รู้ที่ท่านมั่นใจ เพื่อที่จะไม่พลาดซื้อผิดปีผิดราคาครับผม

ลงไว้เป็นตัวอย่างให้ศึกษาครับผม
สมเด็จเยี่ยวชะนี หลวงพ่อตัด วัดชายนาปี 2548 ฝังตะกรุดทองคำ สร้าง 95 องค์ คราบแป้งเดิมๆตอนกดบล็อค องค์นี้หลวงพ่อตัดเมตตาจารนะเมตตามหามงคลด้วยหมึกน้ำเงิน



สมเด็จเยี่ยวชะนี หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2548 ไม่ฝังตะกรุด สร้าง 2 องค์ องค์นี้หลวงพ่อตัดเมตตาจารนะเมตตามหามงคลให้สามตำแหน่งด้วยหมึกน้ำเงิน นิยมสุดของสายครับผม

 

ปลัดขิกหลวงพ่อตัด วัดชายนา

ปลัดขิกเป็นวิชาที่หลวงพ่อตัดท่านถนัดที่สุด เรียกว่าตรงกับจริตของท่าน หลวงพ่อตัดสำเร็จการเสกปลัดขิกตั้งแต่ท่านยังเป็นหนุ่ม เริ่มเรื่องคือขณะนั้นวัดเขากระจิวได้จัดพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้น หนึ่งในพระเกจิในยุคนั้นที่ได้รับการนิมนต์ก็คือหลวงพ่อชุ่ม วัดกุฏิบางเค็ม หลวงพ่อชุ่มท่านได้ปลุกเสกปลัดขิกจนกระโดดออกจากโบสถ์วัดเขากระจิว
พอหลวงพ่อตัดท่านเห็นเข้าก็จึงเกิดความสนใจอยากรู้และอยากเรียน จึงตามไปเรียนกับหลวงพ่อชุ่มที่วัดกุฏิบางเค็มจนสำเร็จ เคยมีศิษย์ถามหลวงพ่อตัดท่านว่า

“ทำไมหลวงพ่อชุ่มท่านปลุกเสกปลัดขิกให้ขยับไปมา หรือกระโดดได้?”

หลวงพ่อตัดท่านก็ตอบว่า

“เป็นการคุมธาตุ”

ศิษย์ท่านนั้นก็ถามต่อว่า

“แล้วหลวงพ่อเรียนมาหมดมั้ย?”

หลวงพ่อตัดท่านก็ตอบกลับมาทันที

“กูก็เรียนมาหมดแหละ”

....ถ้าเรียนมาหมดแสดงว่าท่านทำได้ และถามต่อว่าทำไมท่านไม่ทำให้คนเห็นว่าท่านเสกปลัดขิกให้ขยับไปมา หรือเคลื่อนที่ได้? หลวงพ่อตัดท่านเคยตอบสั้นๆว่า

“อวดอุตริ”

สมัยที่หลวงพ่อตัดท่านยังอยู่ที่วัดเขากระจิว เวลากลางคืนพระที่บวชสมัยนั้นมักจะแอบดูหลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกปลัดขิกอยู่ในห้องเป็นประจำ และจะเห็นว่าปลัดขิกที่หลวงพ่อตัดท่านปลุกเสกนั้นจะวิ่งไปวิ่งมาอยู่ภายในห้อง แต่ถ้าเช้ามาไปถามท่าน ท่านก็จะเลี่ยงๆตอบว่า

“ฮื้อ ตาฝาด”

หลวงพ่อตัดท่านไม่ได้ปฏิเสธว่าท่านทำไม่ได้ แต่การที่จะทำให้คนธรรมดาทั่วไปอย่างเราๆรู้หรือเห็น ก็ถือเป็นการอวดอุตริ ผิดข้อวินัยสงฆ์ ซึ่งหลวงพ่อตัดท่านให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากๆ

นอกจากหลวงพ่อชุ่มหลวง จากการค้นคว้าในตำราที่หลวงพ่อตัดท่านจดไว้ด้วยลายมือของท่าน ท่านเรียกมาเยอะมาก ไม่ใช่แค่หลวงพ่อชุ่มท่านเดียว เรียกว่าเกจิในยุคนั้นใครทำได้ทำเป็น ท่านก็จะไปขอเรียนด้วยหมด ศิษย์อย่างผมเองก็ต้องบอกและเล่าด้วยความมั่นใจว่าหลวงพ่อตัดท่าน “เจนจบ” ในวิชาปลัดขิก

วันนี้ขอลากันไปกับปลัดขิกงาช้าง ที่หลวงพ่อตัดจารเอง และปลุกเสก ที่สุดของปลัดขิกสายวัดชายนาครับผม

ไผ่ บ้านพุทธคุณ

 

มีดหมอฉายา หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2550
ด้ามไม้ ฝักไม้ อุดผงพุทธคุณ จีวร เกศาของหลวงพ่อตัด
ตอกโค๊ดรันหมายเลข สร้างเพียง 100 เล่ม
อีกหนึ่งวัตถุมงคลที่ออกมาหมุนเวียนเปลี่ยนมือกันน้อยมาก และเป็นที่ต้องการของผู้ศรัทธาหลวงพ่อตัดครับผม ส่วนตัวผมเองก็เฝ้ารอมาหลายปีกว่าจะได้มาครับผม

 

รายการที่ 47 พระลีลาทุ่งเศรษฐี เนื้อดินเผา หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2548

พิมพ์ลีลาทุ่งเศรษฐีนี่ก็เป็นอีกหนึ่งพิมพ์สำคัญและมีน้อย โดยพิมพ์นี้หลวงพ่อตัดท่านเป็นคนกำหนดยันต์ด้านหลังเองว่าให้ใส่คาถาหัวใจเศรษฐี ท่านเรียกว่า "ลีลาทุ่งเศรษฐี" และยังบอกกับศิษย์ท่านหนึ่งไว้ว่า "ลีลาก้าวหน้าดี" ก็สมกับที่หลวงพ่อตัดท่านเอ่ยไว้ เพราะประสบการณ์ที่ได้ยินมาจะเป็นทางด้านเมตตาก้าวหน้าในชีวิต การงานหนาหูมากครับ
พ่นทองเดิมจากวัด สภาพสวยมากๆ หน้าตาติดชัดทั้งสององค์ หายากแล้วครับสภาพนี้
พระอาจารย์ทินเมตตาจารหมึกกำกับให้ด้านหลัง
ราคาเบาๆ อาราธนาแขวนพึ่งพุทธคุณได้ต้องรุ่นนี้ครับ

มีมาแบ่งให้บูชาสององค์ องค์ละ 450 บาท พร้อมจัดส่งครับผม

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

รายการที่ 48 รูปหล่อเบ้าทุบเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อตัด วัดชายนา ปี 2552

รุ่นนี้ถือว่าน่าแขวนน่าบูชาที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง โดยการเสกวัตถุมงคลประเภทรูปหล่อรูปเหมือนของหลวงพ่อตัด ท่านจะแบ่งจิตของท่านเข้าไปในรูปหล่อนั้น ทำให้รูปหล่อของท่านก็เป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่ใช้สื่อสารกับหลวงพ่อท่านได้อย่างดีที่สุดครับ
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเป็นรุ่นที่หลวงพ่อตัดท่านได้เรียกให้ผู้สร้างรีบนำมาให้ท่านเสก เพราะท่านบอกว่าเดี๋ยวจะไม่ทัน(คือท่านจะละสังขารแล้ว)
รุ่นนี้หลวงพ่อตัดปลุกเสกเดี่ยวในโบสถ์วันที่ 11 เมษายน 2552
นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่ไม่มีปัญหาเรื่องของเก๊ เสริม พิเศษใดๆ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีข้อมูลชัดเจนที่สุด
องค์นี้เป็นเนื้อสัตตะโลหะ สภาพสวยมาก จมูกไม่บี้แบน เลี่ยมพลาสติกหนาๆพร้อมอาราธนาขึ้นคอครับผม

มีผู้จองบูชาแล้วครับผม

 

จองรายการที่ 48 รูปหล่อเบ้าทุบครับ