หลักสูตรเกี่ยวกับ Self-Improvement หรือ Life Coaching ไม่เห็นมีอะไรมากกว่าเรื่อง Common Sense

หลักสูตรพวก Self-Improvement หรือการอบรม Life Coaching มันไม่มีอะไรมาก ไม่ต้องไปเสียเงินเรียนเลย หลักการทั้งหลายจริงๆเป็น common sense อยู่แล้ว ถ้าท่านอยากจะรู้จักตัวเอง พัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ และไปให้ถึงเป้าหมาย ตามที่ผู้เขียนเคยอ่านๆมา ก็ซ้ำๆกันไปมา ดังนี้

ข้อ 1 ตั้งเป้าหมายให้ชีวิต ข้อนี้ทุกสำนักก็มี คนเรามันต้องมี plan เหมือนแผนที่ชีวิต จะเป็นเรื่องของครอบครัว งาน หรืออะไรก็ว่าไป หรือบางคนอาจจะต้อง Balance เอา ไปอ่านตัวอย่างจากหนังสือที่ฝรั่งเขียนก็ได้ ก็ลอกๆกันมา 7 Habits of Highly Effective People หรือเล่มอื่นๆก็ได้ เล่มละสองสามร้อยบาท นั่งอ่านไป ดีกว่าไปเสียค่า course

ข้อ 2 มีความเพียรทำตามแผนให้ได้ Execute plan อย่างมุ่งมั่น จะเป็นจะตายก็อย่าเลิก ไม่ว่าจะ Fail สักกี่ครั้งก็จงอย่าหยุดยั้ง สิ่งนี้คือข้อแตกต่างระหว่างคนสำเร็จกับคนล้มเหลว

ข้อ 3 การทบทวนย้อนกลับมาปรับปรุงข้อดีข้อเสียของตัวเอง แนว Kaizen รวมถึงการปรับเปลี่ยนแผน Strategy ได้ในกรณีที่แผนเดิมไม่เป็นไปตามคาด

ข้อ 4 มีและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้าง อย่าลืมว่าความสำเร็จของเรามีมีปัจจัยภายนอกจากคนอื่นด้วย หากัลยาณมิตร ญาติพี่น้อง สามี/ภรรยาที่ดีมา support

ข้อ 5 พัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง หาความรู้ใหม่ เพื่อเพิ่มพูนทักษะต่างๆ ทักษะการพูด เขียน นำเสนอ ทักษะการขายของ ทักษะการโฆษณา เพื่อเอื้อต่อการทำงานให้สำเร็จ

ข้อ 6 มีใจรักเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน อันนี้พระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องฉันทะในอิทธิบาท4 ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ (ความเพียร) จิตตะ (มีใจจดจ่อ) วิมังสา (คิดทบทวนแก้ไข) แค่ธรรมอิทธิบาท4 ก็ทำให้ทุกอย่างในโลกสำเร็จได้แล้ว (ถ้าไม่หวังไว้ไม่เวอร์เกิน) พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้มาก ถือเป็นที่สุดแห่ง Life Coach องค์หนึ่ง และธรรมมะที่ท่านมาสอนก็ Free to everyone

ข้อ 7 ให้อะไรแก่สังคม ความช่วยเหลือและโชคชะตาที่ดีต่างๆจะกลับมาหาตัวคุณ อันนี้เขียนไว้ในหนังสือหลายๆเล่ม เมื่อเรามีจิตใจที่ดี มันก็จะดึงดูดสิ่งดีๆกลับมาหาเรา

ข้อ 8 สร้างพื้นฐานและเพิ่มพลังให้แกร่งจากภายใน อันนี้เน้นเรื่องจิตใจ (Mind) จิตใต้สำนึก (Subconscious Mind) เรื่องจิตใจก็มาจากการทำสมาธิหรือทำความสงบ (ทุกศาสนามีพูดอยู่) ส่วนเรื่องจิตใต้สำนึกก็เป็นเรื่องของการสั่งให้จิตช่วยทำงานตามแผน หนังสือหลายเล่มก็พูดไว้ ไปหาอ่านได้ เช่น Napoleon Hill ที่มี่เรื่อง inspiring อื่นๆด้วย นอกจากนี้เรื่องร่างกาย (Body) ก็จงอย่าละเลย หมั่นออกกำลังกายสร้างกำลังไว้ไม่ให้เจ็บป่วยง่าย เพราะจิตใจและร่างกายต้องสมบูรณ์ทั้งคู่ ถึงจะได้มีพลังชีวิตลุยต่อไปอย่างเต็มที่

เอาแค่นี้ก็เยอะแล้ว ทำให้ได้หมดก็สุดยอดแล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินให้ใครมา coach
ถ้าหากผู้เขียนเปิดสอนเอง ก็จะทำตามสูตรสำเร็จต่างๆดังนี้ แล้วก็เพิ่มพวก Case Studies ต่างๆ หรือให้ท่านเขียนทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ให้ท่านที่จ่ายเงินอบรมใช้เวลาคิดแล้วมา discuss กัน (ผู้เขียนก็นั่งอยู่เฉยๆให้ท่านคิด สบายไป) แล้วก็เฉลยนิดหน่อย ผู้เขียนก็อาจแต่งภาษาดีๆงดงามสละสลวยให้ท่านที่เสียเงิน Wow กันสักเล็กน้อย (บางอันก็อาจลอกตำราฝรั่งมา)...จบ (เผยแพร่ใน fb ผู้เขียน "ผ่านพบไม่ผูกพัน"

 

จริงค่ะ หาเวลาเข้าวัด หาพระอาจารย์สายปฏิบัติสอนกรรมฐานได้มากกว่าหลักสูตรอีกโขค่ะ

 

ถูกต้องเลยท่าน หลักสูตรพระพุทธเจ้าสอนก็ครอบคลุมอยู่แล้ว ท่านสอนฆราวาสให้ดำรงชีวิตให้เจริญด้วย