จิตส่งออกนอกกายใจ ทำให้ตกจากฌาน ตกจากสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 15 กันยายน 2020.

  1. แอลโอแอล

    แอลโอแอล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +469
    จมแช่ในกาย ตัวเองนี่ก็ยังไม่ตรงนะ ไม่ใช่จมแช่นิ่งๆ
    อาการมันเพลินกาย
    แต่หากเห็นอนัตตาในกายได้อันนี้เริ่มเดินแระ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ทางกิริยา จิตมันไม่ได้ส่งออกหรอกครับ
    ไอ้ที่ ส่งออกจริงๆ มันคือ ตัว วิญญานการรับรู้ ที่ส่งออกจากตัวจิตไปกระทบภายนอกต่างๆ
    หรือ ภายนอกต่างๆ ส่งกระแสเข้ามา ที่ตัวจิตโดยตัววิญญานในจิตมันรับรู้ได้
    แต่รวมมาเป็นภาษาพูดให้พอเข้าใจกันง่ายๆ ว่า จิตส่งออก
    ถ้าไปแปล ตามภาษา เขียน เราจะไม่เข้าใจ เรื่องการส่งออก
    และไม่เข้าใจกิริยาจริงๆของตัวจิต

    คำว่า สมาธิทั่วๆไป มันก็คือ การจดจ่อ อยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด
    จะเรียกว่า การข่มก็ได้ ในทางกิริยา จริงๆ มันก็คือ การลดคลื่นความถี่ของตัวจิต

    แบบแรกทั่วไป เราใช้ระบบลมหายใจแบบอาปาฯ เพื่อเป็นอุบาย ไม่ให้ตัววิญญานการรับรู้นี้มันเกิด
    ตัวจิต มันก็จะค่อยๆลดคลื่นความถี่ลงมาได้เอง เรียกง่ายๆว่า จิตละเอียดขึ้น....

    แบบที่่ สอง ก็คือ การที่ตัวจิต ส่งตัววิญญานการรับรู้ ไปอยู่กับ วัตถุ ภาพ หรือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด
    เช่น อยู่กับหน้าที่การงาน หรือ ในทางกรรมฐาน ก็คือ ไปอยู่กับภาพนิมิต
    แต่ภาพนิมิต ที่จะได้ผลนั้น ต้องเป็นภาพนิมิต ที่เกิดจากการที่ตัวจิตมันสร้างภาพขึ้นมา
    เอง จากสัญญาความจำได้ของมัน ส่งออกไปจากจิต โดยยังมีตัว วิญญานการรับรู้นี้
    นำออกไป ผ่านกาย ผ่านช่องทาง
    สำหรับภาพนามธรรม ที่ไม่ใช่ทางลูกนัยต์ตาปกติ แล้วไปสร้างเป็นภาพขึ้นมา
    ทั่วๆไป จะได้ภาพที่เราเรียกว่า อุคคนิมิต ก่อน คือ ภาพที่พอเรียกได้ถูก
    เพราะมีรูปร่าง มีสี แต่ภาพในระดับนี้ ไม่ได้มีกำลังในตัวมันเอง คือ ไม่มีแรงดึงดูด
    ภาพมักจะมาในลักษณะที่เงียบๆ แม้มีแสงสว่างจร้า แต่ก็ไร้แรงดึงดูด
    ในระดับนี้ ถ้าไปจดจ่อ สามารถสร้างเป็นสมาธิขึ้นมาได้ เรียกว่า สมาธิภายนอก
    เหมาะสำหรับ ไปใช้ในเรื่อง เกี่ยวกับแนวทางพิจารณาเพื่อให้เกิด
    เป็นปัญญาทางธรรมได้

    แต่ถ้าจะสร้างให้ตัวจิต มีกำลังจิตขึ้นมา ต้องพัฒนาไปภาพระดับปฏิภาคนิมิต
    ทีมีกำลังในตัวเอง คือ มีแรงดึงดูด แล้วไปเล่นกับภาพพวกนี้ ไม่ว่าจะย่อ
    ขยายถ้าจะทางการอฐิษจิต จะปั่นวนซ้าย ถ้าจะมาทางพลังงาน
    หรือจะทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่ ถ้าจะไปทางอรูปฌาน


    ส่วนการจะพัฒนาสมาธิให้เข้าสู่สภาวะสงบได้ของมันเองนั้นและยาวนานขึ้น
    ไม่ใช่การเข้าไปอยู่ในสภาวะนั้นๆให้ได้นานๆ ตรงนี้คือ การจมหรือแช่
    มันจะทำให้จิตเราพิการ หรือ ซื่อบื้อได้
    หรือมาจากสมาธิที่ได้ด้วยการข่ม
    หรือสมาธิที่มาจากความชำนาญอะไร


    แต่เป็นการเข้าสู่สมาธิได้ของมันเอง
    จากการปล่อยวางกิเลสได้
    มันถึงจะเป็นสมาธิที่คงสภาพได้
    ตลอดของมันเองไม่ว่า
    ในขณะลืมตาหรือหลับตา

    แบบนี้ถึงจะเรียกว่า เป็นสัมมาสมาธิ
    วิธีการต่างๆ ที่เป็นอุบายในการฝึกสมาธิ
    ไม่ว่าจะแบบภายใน หรือ ภายนอก
    จะยังถือว่า เป็นมิจฉาสมาธิอยู่
    แม้ว่าจะมีความชำนาญในการเข้าแค่ไหน จะเข้าได้ วิสองวินาทีก็ตาม
    หรือว่า จะสามารถนำไปใช้งานได้จริง
    หากยัง มีตัวไปกระทำอยู่
    ไม่ว่า กำลังจิต ความชำนาญ ตบะ ฌาน ญาน ต่างๆไปกระทำให้เกิด
    เพียงแต่ ว่า มันสามารถนำไปใช้งานที่มีประโยชน์ได้อยู่
    แต่ไม่ใช่สมาธิที่แท้จริงครับ

    ''จำเป็นต้องมีความเด็ดขาดในตัด กิเลส''

    คือ ตัดตัว วิญญานการรับรู้ที่ส่งออก จากตัวจิต ที่มันออกไปกระทบกับภายนอก
    หรือ ที่ภายนอกส่งมารวมกับมัน แล้ว ตัวโมหะ โทสะ โลภะ ที่มีอยู่แล้วในจิต
    เราตั้งแต่เกิด มันไปดึงรวมกับตัววิญญานนี้ มาปรุงแต่ง จนกลายเป็นตัวตนของเราก่อน

    สมาธิจะช่วย ในการตัดตัววิญญานตรงนี้
    คือ พอระลึกได้ นึกขึ้นได้ คิดขึ้นได้ ก็ตัดเลยจากสมาธิ
    ส่วนมาก พอระลึกได้ นึกขึ้นได้ คิดขึ้นได้
    ก็มักเผลอไปพิจารณา เพื่อให้มันวาง
    มันยิ่งไม่วาง มันจะวางได้อย่างไร เพราะตัววิญญานมันเกิด
    ร่วมกับความคิดไปแล้ว ยิ่งไปพยายามวาง ยิ่งกลายเป็น
    พยายาม ซ้อนพยายาม สุดท้าย กลายเป็น
    ขุุ่นๆ มัวหมอง หงุดหงิด

    ส่วนการ ค่อยๆคลาย โทสะ โมหะ โลภะ
    เป็นในส่วนของเรื่อง ของการเดินปัญญา ครับ
    ซึ่ง ตัวจิตจะต้องมีความเป็นกลางก่อน
    และมีตัวสติทางธรรม คอยควบคุมตัวจิตที่เป็นกลางนั้น
    ให้รับรู้อยู่อย่างนั้น... มันถึงจะเกิด
    เป็นปัญญาทางธรรม ขึ้นมาได้
    ถึงจะพอไปค่อยๆ คลาย ตัว โทสะ โมหะ โลภะในจิต
    ให้มันค่อยๆคลายได้ในลำดับต่อมา

    ปล. หวังว่าจะพอเข้าใจ...
     
  3. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    กายใจนี่เป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

    การเห็นอนัตตา นี่เรียกว่า สุญญตสมาธิ (สุนยะตะสมาทิ)

    จิตที่เห็นอนัตตาได้
    ผลใดผลนึงต้องเกิด หรืออาจจะแทงตลอดผลสี่

    การมาภาวนาแล้วมาบอกว่า
    เห็นอนัตตา
    เห็นทุกขัง
    เห็นอนิจจัง อันนี่คือเรียกว่ายังเห็นไม่จริง เป็นแต่ปากพูดปากท่อง


    การเจริญสติ ในสติปัฏฐาน

    จะเอาสภาวะของกายของใจ หรือที่เรียก กายไหวจิตเคลื่อน(ความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
    มาเป็นเครื่องระลึก เครื่องมือ สร้างสติ

    จึงเรียกว่า

    สุญญตสมาธิ เห็น อนัตตา
    อนิมิตตสมาธิ เห็น อนิจจัง
    อัปปณิหิตสมาธิ เห้น ทุกขัง


    ทีนี่ หากจะจมแช่
    ท่านให้ชมแช่ ในการพิจารณากาย ร่างกาย อันมีในส่วนอาการ32
    หรือ กรรมฐาน 5 ยกมาพิจารณา จมแช่อยู่อย่างนั้น กลับไปกลับมา ทำซ้ำๆๆๆ

    ทางนี้
    จิตจึงจะเดินเข้าทั้ง สมถะและวิปัสนาไปในตัว
    เห็นผล ในความเป็นไปเอง

    ตัดสิน
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างใดอย่างนึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2020
  4. แอลโอแอล

    แอลโอแอล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +469
    การพิจารณาอสุภะ ทางตา แต่ตัดกามได้
    อันนี้ส่งสมุทัยเต็มๆนะ ก็เป็นการส่งจิตออกนอก
    สู่ภายใน
     
  5. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    มันเป็นการตั้ง นิมิต นึกคิดพิจารณา

    ก้เป็นการทำแบบพินาอาการ 32
    เหมือนกัน คือการทำซ้ำๆซากๆ ผลก็จะออกมาเหมือนกัน
     
  6. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    สำรวมอินทรีย์หน้าจะหมายถึงมีสติตามคอยรักษา
     
  7. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
  8. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ก็ได้หมด
    วันๆนึง อินทรีย์ 6 มันเจอทั้งวัน

    ทำได้ ต่อเนื่อง สุจริตรสามก้เจริญ สติปัฏฐานก้เจริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2020
  9. แอลโอแอล

    แอลโอแอล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +469
    แนะนำว่า กดไมค์พูดได้นะปราบหากใช้มือถือ
    งง
     
  10. แอลโอแอล

    แอลโอแอล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +469
  11. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
     
  12. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    พิมคอม นี่แหล่ะ แป้นโน๊ตบุ๊ค ไม่ค่อยถนัด
     
  13. แอลโอแอล

    แอลโอแอล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +469
    เห็นพิมผิด
     
  14. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014

    จิตเห็นจิต ยังเป็นแค่มรรค
    แต่ จิตที่เห็นพระไตรลักษณ์สามอย่าง ก็คือ
    ความไม่เที่ยง ไม่มีอยู่จริง และ เป็นทุกข์
    จะทำให้ถึงอริยะผลนั่นเอง
     
  15. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    กายจะต้องพิจารณาไปใน ทางไม่เที่ยง จึงจะเห็นผลได้เร็ว
    หากมองกายเป็น อนัตตา มันจะลึกเกินไปมองได้ยาก เห็นผลช้า
     
  16. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    เลอะเทอะ
     
  17. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ทั้งหมดทั้งปวงนี่มีใครรู้บ้างว่าตนเองเกิดมาได้ยังไง รบกวนเหลาให้ฟังหน่อย เอาความจริง ไม่เอามโน ฟังมาเยอะแล้วพวกมโน พวกใกล้เข้าโรงพยาบาล
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ปัญญาก็คือ การคิดได้ว่า
    อะไรคือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
    คิดพิจารณาในสามเรื่องนี้ จะทำให้ใจหลวมได้
    แล้วจะค่อยๆ ปล่อยวางตัวตนของตนเองลงได้
    อะไรที่มันหนักๆ ในใจ มันก็จะค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ
     
  19. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    เราเกิดมา เพราะ กฏแห่งกรรม
    ชักนำให้ไปเกิดเป็นนั่นเป็นนี่
    เพราะว่า ใจของเรายากจะเป็นนั่น ไม่อยากจะเป็นนี่
    สองตัวนี้ก็เลยสร้างภพชาติให้เราไม่หยุดหย่อน
     
  20. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    จิตจะต้อง เป็นกลาง ก่อน
    แล้วจึงจะพิจารณา กฏแห่งไตรลักษณะสามอย่าง ได้
    หากใจไม่เป็นกลาง ใจมันก็จะหมกหมุ่นอยู่ในข้างใดข้างหนึ่ง
    ทำให้พิจารณาได้ยาก เพราะใจมันลำเอียงนั่นเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...