ความยากที่ธรรมชั้นลึกแบบนี้ ฆราวาสผู้นุ่งขาวจะได้ฟัง บัดนี้ปรากฏเป็นของง่ายที่ได้ฟัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย zero2zero, 12 กุมภาพันธ์ 2021.

  1. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    อนาถปิณฑิโกวาทสูตร

    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่
    พระวิหารเชตวัน อารามของ
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี

    ก็สมัยนั้นแล
    อนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ทนทุกขเวทนา
    เป็นไข้หนัก จึงเรียกบุรุษคนหนึ่งมาสั่งว่า
    มาเถิดพ่อมหาจำเริญ
    พ่อจงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ
    แล้วจงถวายบังคมพระบาทพระผู้มีพระภาค
    ด้วยเศียรเกล้าตามคำของเรา
    แล้วจงกราบทูลอย่างนี้ว่า

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    อนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ทนทุกขเวทนา
    เป็นไข้หนัก
    ขอถวายบังคมพระบาท
    พระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า"

    อนึ่ง
    จงเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรยังที่อยู่
    แล้วจงกราบเท้าท่านพระสารีบุตร
    ตามคำของเรา
    และเรียนอย่างนี้ว่า

    "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
    อนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ทนทุกขเวทนา
    เป็นไข้หนัก"
    ขอกราบเท้าท่านพระสารีบุตรด้วยเศียรเกล้า
    และเรียนอย่างนี้อีกว่า

    "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ โอกาสเหมาะแล้ว
    ขอท่านพระสารีบุตรจงอาศัยความอนุเคราะห์
    เข้าไปยังนิเวศน์ของอนาถบิณฑิกคฤหบดีเถิด"
    บุรุษนั้นรับคำอนาถบิณฑิกคฤหบดี
    แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

    พอนั่งเรียบร้อยแล้ว
    ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    อนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ทนทุกขเวทนา
    เป็นไข้หนัก
    ขอถวายบังคมพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ต่อนั้น
    เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรยังที่อยู่
    กราบท่านพระสารีบุตรแล้วนั่ง
    ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว
    จึงเรียนท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า

    "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
    อนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ทนทุกขเวทนา
    เป็นไข้หนัก"
    ขอกราบเท้าท่านพระสารีบุตรด้วยเศียรเกล้า
    และสั่งมาอย่างนี้ว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ โอกาสเหมาะแล้ว
    ขอท่านพระสารีบุตรจงอาศัยความ
    อนุเคราะห์เข้าไปยังนิเวศน์
    ของอนาถบิณฑิกคฤหบดีเถิด
    ท่านพระสารีบุตรรับนิมนต์ ด้วยดุษณีภาพ
    ครั้งนั้นแล
    ท่านพระสารีบุตรนุ่งสบงทรงบาตรจีวร
    มีท่านพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ
    เข้าไปยังนิเวศน์ของอนาถบิณฑิกคฤหบดี
    แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาแต่งตั้งไว้ ฯ

    พอนั่งเรียบร้อยแล้ว
    จึงกล่าวกะอนาถบิณฑิกคฤหบดีดังนี้ว่า

    "ดูกรคฤหบดี ท่านพอทน พอเป็นไปได้หรือ
    ทุกขเวทนาทุเลา ไม่กำเริบ
    ปรากฏความทุเลาเป็นที่สุด
    ไม่ปรากฏความกำเริบละหรือ ฯ"

    อ."ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ
    กระผมทนไม่ไหว เป็นไปไม่ไหว
    ทุกขเวทนาของกระผมหนัก กำเริบ
    ไม่ทุเลา ปรากฏความกำเริบเป็นที่สุด
    ไม่ปรากฏความทุเลาเลย ฯ"

    "ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ
    ลมเหลือประมาณกระทบขม่อม ของกระผมอยู่
    เหมือนบุรุษมีกำลังเอาของแหลมคมทิ่มขม่อม
    ฉะนั้น กระผมจึงทนไม่ไหว เป็นไปไม่ไหว
    ทุกขเวทนาของกระผมหนัก กำเริบ
    ไม่ทุเลา ปรากฏความกำเริบเป็นที่สุด
    ไม่ปรากฏความทุเลาเลย ฯ"

    "ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ
    ลมเหลือประมาณเวียนศีรษะกระผมอยู่
    เหมือนบุรุษมีกำลังให้การขันศีรษะด้วยชะเนาะ
    มั่นฉะนั้น กระผมจึงทนไม่ไหว เป็นไปไม่ไหว
    ทุกขเวทนาของกระผมหนัก กำเริบ
    ไม่ทุเลา ปรากฏมีความกำเริบเป็นที่สุด
    ไม่ปรากฏความทุเลาเลย ฯ"

    "ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ
    ลมเหลือประมาณปั่นป่วนท้องของกระผมอยู่
    เหมือนคนฆ่าโค หรือลูกมือคนฆ่าโคผู้ฉลาด
    เอามีดแล่โคอันคมคว้านท้อง
    ฉะนั้น กระผมจึงทนไม่ไหว เป็นไปไม่ไหว
    ทุกขเวทนาของกระผมหนัก กำเริบ
    ไม่ทุเลา ปรากฏความกำเริบเป็นที่สุด
    ไม่ปรากฏความทุเลาเลย ฯ"

    "ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ
    ความร้อนในกายของกระผมเหลือประมาณ
    เหมือนบุรุษมีกำลัง ๒ คน
    จับบุรุษมีกำลังน้อยกว่าที่อวัยวะป้องกันตัวต่างๆ
    แล้ว นาบ ย่าง ในหลุมถ่านเพลิง
    ฉะนั้นกระผมจึงทนไม่ไหว เป็นไปไม่ไหว
    ทุกขเวทนาของกระผมหนัก กำเริบ
    ไม่ทุเลา ปรากฏความกำเริบเป็นที่สุด
    ไม่ปรากฏความทุเลาเลย ฯ"

    สา. "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นจักษุ
    และวิญญาณที่อาศัยจักษุจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นโสต
    และวิญญาณที่อาศัยโสตจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นฆานะ
    และวิญญาณที่อาศัยฆานะจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นชิวหา
    และวิญญาณที่อาศัยชิวหาจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นกาย
    และวิญญาณที่อาศัยกายจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นมโน
    และวิญญาณที่อาศัยมโนจักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิด ฯ"

    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นรูป
    และวิญญาณที่อาศัยรูปจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเสียง
    และวิญญาณที่อาศัยเสียงจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นกลิ่น
    และวิญญาณที่อาศัยกลิ่นจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นรส
    และวิญญาณที่อาศัยรสจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นโผฏฐัพพะ
    และวิญญาณที่อาศัยโผฏฐัพพะจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นธรรมารมณ์
    และวิญญาณที่อาศัยธรรมารมณ์จักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"

    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นจักษุวิญญาณ
    และวิญญาณที่อาศัยจักษุวิญญาณ
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นโสตวิญญาณ
    และวิญญาณที่อาศัยโสตวิญญาณ
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นฆานวิญญาณ
    และวิญญาณที่อาศัยฆานวิญญาณ
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นชิวหาวิญญาณ
    และวิญญาณที่อาศัยชิวหาวิญญาณ
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นกายวิญญาณ
    และวิญญาณที่อาศัยกายวิญญาณ
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นมโนวิญญาณ
    และวิญญาณที่อาศัยมโนวิญญาณ
    จักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"

    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นจักษุสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยจักษุสัมผัส
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นโสตสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยโสตสัมผัส
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นฆานสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยฆานสัมผัส
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นชิวหาสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยชิวหาสัมผัส
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นกายสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยกายสัมผัส
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นมโนสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยมโนสัมผัส
    จักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"

    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเวทนาเกิดแต่จักษุสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยเวทนา
    เกิดแต่จักษุสัมผัสจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเวทนาเกิดแต่โสตสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยเวทนา
    เกิดแต่โสตสัมผัสจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเวทนาเกิดแต่ฆานสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยเวทนา
    เกิดแต่ฆานสัมผัสจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเวทนาเกิดแต่ชิวหาสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยเวทนา
    เกิดแต่ชิวหาสัมผัสจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเวทนาเกิดแต่กายสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยเวทนา
    เกิดแต่กายสัมผัสจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเวทนาเกิดแต่มโนสัมผัส
    และวิญญาณที่อาศัยเวทนา
    เกิดแต่มโนสัมผัสจักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"

    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นปฐวีธาตุ
    และวิญญาณที่อาศัยปฐวีธาตุจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นอาโปธาตุ
    และวิญญาณที่อาศัยอาโปธาตุจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเตโชธาตุ
    และวิญญาณที่อาศัยเตโชธาตุจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นวาโยธาตุ
    และวิญญาณที่อาศัยวาโยธาตุจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นอากาสธาตุ
    และวิญญาณที่อาศัยอากาสธาตุจักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"

    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นรูป และวิญญาณ
    ที่อาศัยรูปจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเวทนา และวิญญาณ
    ที่อาศัยเวทนาจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นสัญญา และวิญญาณ
    ที่อาศัยสัญญาจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นสังขาร และวิญญาณ
    ที่อาศัยสังขารจักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นวิญญาณ และวิญญาณ
    ที่อาศัยวิญญาณจักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"

    ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล
    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นอากาสานัญจายตนฌาน และ
    วิญญาณที่อาศัยอากาสานัญจายตนฌาน
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นวิญญาณัญจายตนฌาน และ
    วิญญาณที่อาศัยวิญญาณัญจายตนฌาน
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นอากิญจัญญายตนฌาน และ
    วิญญาณที่อาศัยอากิญจัญญายตนฌาน
    จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน และ วิญญาณที่อาศัยเนวสัญญานาสัญญา-
    ยตนฌานจักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"

    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล

    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นโลกนี้
    และวิญญาณที่อาศัยโลกนี้จักไม่มีแก่เรา

    พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    เราจักไม่ยึดมั่นโลกหน้า
    และวิญญาณที่อาศัยโลกหน้าจักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"


    "ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล
    ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
    อารมณ์ใดที่เราได้เห็น ได้ฟัง ได้ทราบ
    ได้รู้แจ้ง ได้แสวงหา ได้พิจารณาด้วยใจแล้ว
    เราจักไม่ยึดมั่นอารมณ์แม้นั้น
    และวิญญาณที่อาศัยอารมณ์นั้นจักไม่มีแก่เรา
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้เถิดฯ"



    เมื่อท่านพระสารีบุตรกล่าวแล้วอย่างนี้
    อนาถบิณฑิกคฤหบดี ร้องไห้ น้ำตาไหล

    ขณะนั้นท่านพระอานนท์ได้กล่าว
    กะอนาถบิณฑิกคฤหบดีดังนี้ว่า
    ดูกรคฤหบดี
    ท่านยังอาลัยใจจดใจจ่ออยู่หรือ ฯ

    อ. "ข้าแต่พระอานนท์ผู้เจริญ
    กระผมมิได้อาลัย มิได้ใจจดใจจ่อ
    แต่ว่ากระผมได้นั่งใกล้พระศาสดา
    และหมู่ภิกษุที่น่าเจริญใจมาแล้วนาน
    ไม่เคยได้สดับธรรมีกถาเห็นปานนี้ ฯ


    อา. "ดูกรคฤหบดี ธรรมีกถาเห็นปานนี้
    มิได้แจ่มแจ้งแก่คฤหัสถ์ผู้นุ่งผ้าขาว
    แต่แจ่มแจ้งแก่บรรพชิต ฯ


    อ. ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ
    ถ้าอย่างนั้น ขอธรรมีกถาเห็นปานนี้
    จงแจ่มแจ้งแก่คฤหัสถ์ผู้นุ่งผ้าขาวบ้างเถิด


    เพราะมีกุลบุตรผู้เกิดมามีกิเลสธุลีในดวงตา
    น้อย จะเสื่อมคลายจากธรรม
    จะเป็นผู้ไม่รู้ธรรม โดยมิได้สดับ ฯ


    ครั้งนั้นแล
    ท่านพระสารีบุตรและท่านพระอานนท์
    กล่าวสอนอนาถบิณฑิกคฤหบดี
    ด้วยโอวาทนี้แล้ว จึงลุกจากอาสนะหลีกไป ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2021
  2. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ท่านอนาถบิณฑิก อยู่ใกล้พระพุทธเจ้า
    มาตลอดจนจะสิ้นลม
    ยังไม่ได้ยิน ได้ฟัง ธรรมะชั้นลึกเลย
    ธรรมะชั้นลึกจะรับรู้
    พูดคุยกันแต่ในพระภิกษุ
    พวกเราถือว่าโชคดีมามากที่เกิดมายุคนี้
    เข้าถึงพระสูตรง่ายมาก
    ผมว่าแทบจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
    ในสังสารวัฏนี้เลยก็ได้นะครับ
    ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
    และคำสอนพระุทธเจ้า แพร่หลายไปในโลก
    เข้าถึงง่าย
    เหมือนอุปมาของพระพุทธเจ้า ในเรื่องเต่าตาบอด
    เป็นความยากมากๆๆๆๆ
    พ้นชาตินี้ไป จะมีโอกาสแบบนี้ไหมก็ไม่รู้
    เหมือนประตูที่ถูกปิด
    ไม่รู้ว่าจะมีใครมาเปิดเมื่อไหร่
    เราต้องไปหลงเกิด หลงตาย
    เป็นหมู เป็นหมา คนพาไปเชือด
    กันอีกกี่ชาติ อีกนานแค่ไหน
    ถึงจะได้พบคำสอนแบบนี้อีก

    images (6).jpeg
     
  3. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ว่าด้วยการได้ความเป็นมนุษย์ยาก

    [๑๗๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาปฐพีนี้มีน้ำเป็นอันเดียวกัน บุรุษโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงไปในมหาปฐพีนั้น ลมทิศบูรพาพัดเอาแอกนั้นไปทางทิศประจิม ลมทิศประจิมพัดเอาไปทางทิศบูรพา ลมทิศอุดรพัดเอาไปทางทิศทักษิณ ลมทิศทักษิณพัดเอาไปทางทิศอุดร เต่าตาบอดมีอยู่ในมหาปฐพีนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นได้บ้างหรือหนอ?

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่เต่าตาบอด ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอเข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นเป็นของยาก.

    พ. ฉันนั้นภิกษุทั้งหลาย
    การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก
    พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก
    ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองในโลกก็เป็นของยาก
    ความเป็นมนุษย์นี้เขาได้แล้ว พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลก และธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็รุ่งเรืองอยู่ในโลก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
    จบ สูตรที่ ๘

    ..........................
    - ฉบับหลวง ๑๙/๔๔๘/๑๗๔๔.
     
  4. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    ผมแวะเข้ามาทักทายคุณ @zero2zero ครับ (^_^) Long time no see ดีใจที่คุณ @zero2zero กลับมาโพสต์และแสดงความคิดเห็นอีกครั้งนะครับ… ด้วยข้อจำกัดทางสติปัญญาทางโลกและทางธรรมของผม… ผมจึงไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นใดๆ ในเวลานี้ ณ จุดๆนี้ครับ… จึงได้เพียงแค่แวะมาดูเงียบๆ สงวนท่าที... แล้วจากไปพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆครับ (^__^)
     
  5. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
  6. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626


    เพิ่งเคยเห็นท่านพุทธทาส ปกติได้ยินแต่เสียง กับหนังสือ ดูท่านพุทธทาสวางตัวดีมาก แม้จะถูกดึงคำถามให้เกี่ยวกับการเมือง แต่ท่านก็ตอบเพียงในส่วนของธรรมะ

    #เลยเอาลิงก์มาฝาก เผื่อคุณ รชต ยังไม่เคยเห็นครับ
     
  7. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    พระอริยะเจ้า ท่านพยายาม วางตัวเป็นกลาง
    ไม่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง
    พยายามอธิบายข้ออรรถข้อธรรมชั้นสูง
    ปฏิบัติตัว ได้ถูกต้องดีงามแล้ว

    แต่ คนถาม กลับถามไปโยงกับ การเมือง และ เรี่องคอมมิวนิสต์
    นี่อาจจะพาให้ พระอริยะเจ้า ตนที่นั่งที่ลำบากได้
    คนถาม ก็จะติดกรรมหนักโดยไม่รู้ตัว
    หาก พระอริยะเจ้ารูปนั้น อธิบายความไม่ถูกต้อง
     
  8. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2021
  9. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  10. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  11. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  12. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  13. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ธรรมของทั้งสองท่าน บอกได้ถึงภูมิธรรม
    จริตส่วนตัวผมจะชอบธรรมท่านพุทธทาส
    ผมฟังธรรมไม่เยอะ จะประมาน 3-4 ท่าน
    จะวนๆอยู่ประมานนี้ครับ
    แล้วก็ฟังเสียงอ่านพระไตรปิฏก
    พอได้ฟังบางทีมันซาบซึ้งในธรรม
    ใจมันมักจะคิดว่าผม คุกเข่าข้างพระพุทธองค์
    ฟังธรรมอยู่ พอบางประโยค บางตอน
    ที่ซาบซึ้งมาก
    จะเหมือนความรู้สึกอยากก้มกราบ ไม่เงยหน้า
    หมอบอยู่อย่างนั้น เพราะมันเข้าใจแบบลึกซึ้ง
    ผมเชื่อว่าบางคนที่ฟังธรรม
    น่าจะมีคนที่รู้สึกแบบเดียวกับผมครับ
     
  14. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ว่าจะถามที่คุยกันครั้งสุดท้าย.. ก็ลืม
    ตกลงเห็นไตรลักษณญาณตอนไหนคะ ขับรถหรือนอน
     
  15. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    บางทีสภาพแวดล้อมรอบๆก็ถูกแต่งขึ้น เพื่อปิดบังสภาพแวดล้อมจริง (มั้ง)ครับ
     
  16. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    ขอบคุณครับ (^_^) ขอโทษทีที่ reply ตอบคุณพี่@หมูไม้ละ5 ช้าไปนิดนะครับ … พอดีผมเพิ่งกลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครับ… เอาบุญมาฝากครับพี่ (^__^)

    ปล. ผมชื่อ รชฏ นะครับ ไม่ใช่ รชต ครับ (^_^)


    อาจจะหล่อไม่ค่อยมาก... แต่ท่ายากนั้นมีเยอะ.PNG
     
  17. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    ผมเห็นด้วยกับคุณอานิลกาญจน์ครับ (^_^) สาธุครับ (^__^)

    1.PNG
     
  18. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    เขิลเลยเรียกผิด! 55
    อนุโมทนากับการปฏิบัติด้วยครับ ยุวพุทธยังจัดงานฟังธรรมวันเดียวที่เชิญ วิทยากรมา 4 คนบรรยายธรรมอยู่ไหมครับ ผมเปิดหน้าเว็บเข้าไปดูยังไม่เห็นครับ หรือยุวพุทธไม่จัดมาหลายปีแล้วหรือเปล่า อยากพาแม่ไปฟังธรรมครับ

    #เข้าคอร์สมาหลายวันได้แนวทางปฏิบัติยังไงมาบ้างครับ
     
  19. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    ไม่เป็นไรครับพี่ (^_^)
    “The only man who never makes mistakes is the man who never does anything.”
    "คนที่ไม่เคยทำผิด คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย" กล่าวไว้โดย Theodore Roosevelt, ประธานาธิบดีคนที่ 26 ของสหรัฐอเมริกา… คุณพี่@หมูไม้ละ5 พิมพ์ชื่อผมผิดจาก รชฏ เป็น รชต ผมพอรับได้ครับ… แต่ขอร้องว่าอย่าพิมพ์ชื่อหรือเรียกผมผิดเป็น มาริโอ้ หรือ ณเดชน์ นะครับ… ผมถือว่าไม่ให้เกียรติ… เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรงครับ (^_^)

    สาธุครับพี่ (^_^)
    ถ้าคุณพี่@หมูไม้ละ5 สะดวกและมีเวลาว่าง ผมอยากให้คุณพี่@หมูไม้ละ5 ลองพิจารณาคลิ๊กเข้าไปในหน้าแรกของ Website ยุวพุทธฯตาม Link https://ybat-course.trcloud.co/site/index.php นี้นะครับ จากนั้นเลื่อนลงมาดูที่ ปฏิบัติธรรมและกิจกรรม ครับ คลิ๊กเข้าไปพิจารณาดูที่ กิจกรรมบุญ ๑ วัน ตาม ภาพปลากรอบ ด้านล่างนี้ครับ เพื่อจะได้อ่านรายละเอียดว่ามีกิจกรรมฟังธรรมวันเดียวที่ตรงกับความสนใจและความสะดวกของเราหรือไม่? อย่างไรครับ
    1.PNG
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณพี่@หมูไม้ละ5 ในจิตและเจตนาที่เป็นกุศลของคุณพี่ที่อยากจะพาคุณแม่ไปฟังธรรมด้วยครับ... สาธุครับพี่ (^__^)


    ด้วยข้อจำกัดทางสติปัญญาทางโลกและทางธรรมของผม… และมารยาทของนักปฏิบัติอันดีที่ควรปิดวาจา… ผมขอสงวนท่าที… ไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นใดๆ ในเวลานี้ ณ จุดๆนี้กับคำถามนี้ของคุณพี่@หมูไม้ละ5 ครับ… ผมทำได้เพียงแค่แวะมาดูเงียบๆ สงวนท่าที... แล้วจากไปพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากครับ (^__^)
     
  20. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    “The only man who never makes mistakes is the man who never does anything.”
    เห็นภาษาอังกฤษแล้วผมอยากจะร้องไห้ ดีนะครับที่แปลให้เสร็จ.. เอาเป็นผมเรียกคุณ "รชต" เป็น aka ล่ะกันครับพิมพ์ง่ายดี 55

    ผมเห็นตารางยุวพุทธแล้วตาลาย(ในเว็บ) แต่ในลิงก์ เหมือนคุณรชต จะใบ้หวย 404 ไว้นะครับ แต่ยังไงขอบคุณมากครับ ผมเคยพาแม่ไปฟังธรรมครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว แม่ชอบ นอกจากฟังธรรมยังมีข้าวฟรีด้วยครับ แม่ผมเลยชอบเป็นพิเศษ แต่โครงการนี้น่าจะไม่มีแล้วมั้งครับ จากการดูคร่าวๆ เลยลองถามคุณรชต น่าจะรู้ภายใน เพราะเท่าที่เห็นคุณรชตไปปฎิบัติที่ยุวพุทธบ่อยครับ เห็นแล้วคิดถึงตัวเองสมัยก่อนไปปฏิบัติบ่อย เดี๋ยวนี้แทบไม่ได้ไปเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...