กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ฝันดีมากท่าน max

 

ฝันถึงหลวงปู้สรวงด้วยครับท่าน9

 

นู๋เหมือนจะฝันดี ฝันถึงหลวงปู่บัวเกตุ บอกว่าถ้าอยากไปนิพพาน ให้ดูหลวงปู่มั่นกับหลวงปู่ดู่ ถ้าอยากไปจะสอนให้ พูดเสร็จนู๋เดินออกมา ใจนู๋มันพูดว่า นู๋อยากรวยทางโลกค่ะ T-T'' บ่งบอกถึงสภาพจิตใจกำลังตกต่ำ เศร้าแท้

 

ไม่เป็นไรครับ เราเป็นมนุษย์ธรรมดา ยังไมไ่ด้บรรลุโสดาบัน ท่ามกลางเศรษฐกิจตอนนี้และ สภาวะหลายๆๆอย่าง ค่อยๆๆฝึกไปครับ แค่มีสติในการดำรงชีวิตไว้ครับ เป็นกำลังใจให้

 

เศรษฐกิจนับจากนี้ไปสาหัสแน่ๆครับ
ความโคไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก
เมื่อพญาควายหมดความอดทนควิคเขาชนกันดังสนั่น
สะท้านโลกานับแรมเดือนยังไม่ยอมหยุด
ตึกรามบ้านช่องทั้งใหม่เก่าพินาศเป็นหน้ากลอง
ผู้คนบริสุทธิ์ล้มตายบ้านแตกสาแหรกขาด
เห็นภาพแล้ว...น้ำตาซึมไหมแม้มิใช่คนไทย
โควิค19เพียงอย่างเดียวก็บอบช้ำไปทั่ว
ข้าวยากหมากแพงไม่เฉพาะคนไทย
ชาวโลกต้องทนรับชะตากรรมทั่วหน้า
ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นๆๆ
เป็นไปตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ราคาก๊าซทยอยปรับขึ้นราคา
ทุกหมวดสินค้าจะขึ้นเป็นเงาตามตัว
สินค้าเกษตรซึ่งเป็นอาหารสำคัญของชาวโลก
ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นแน่นอน
เพราะราคาปุ๋ยปรับขึ้นเท่าตัวรออยู่หน้าบ้านท่านแล้ว
*โคตรเศร้าเลย*


(aegmanmu เขียนได้โดนใจ)
"ไม่เป็นไรครับ เราเป็นมนุษย์ธรรมดา ยังไม่ได้บรรลุโสดาบัน
ท่ามกลางเศรษฐกิจตอนนี้และ สภาวะหลายๆๆอย่าง
ค่อยๆๆฝึกไปครับ แค่มีสติในการดำรงชีวิตไว้"

 

"เป็นบทความทรงคุณค่าที่คัดสรรมาให้อ่าน
ขอพลังแห่งกระแสบุญนำส่งให้คู่สงคราม
ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนได้อ่านด้วย
จะได้เตือนสติ ลด ละ เลิกในบัดดล
นำความสันติสุขกลับคืนสู่ชาวโลก"
...ขออนุโมทนา สาธุๆๆ




สงครามและศาสนา – ว่าด้วยกฎหมายมนุษยธรรมกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา

22/02/2021, บทความ / บล็อค



การใช้สมาธิเพื่อเป็นหลักในการพิจารณาและควบคุมตัวเอง ก็เป็นอีกแนวทางที่สามารถรักษาวินัยและสร้างการตระหนักรู้ในสนามรบ เมื่อเราเข้าใจเรื่องเจตนา การทำสมาธิจะช่วยให้พลรบรู้จักใช้ความอดทน ไม่กระทำการใดๆ ด้วยความโกรธหรือพยาบาท ทำให้สามารถจำกัดการกระทำที่ขัดต่อศีลข้อต่างๆ ได้ การมีสตินำมาซึ่งความสงบและความเข้าใจ หลักแนวคิดในพระพุทธศาสนาจึงเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้พลรบสามารถตัดสินใจอย่างมีจริยธรรม ตามหลักอิทธิบาท 4 ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และ วิมังสา

การยึดถือธรรมะและการมีสติสามารถป้องกันความหลงผิดซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ แม้ว่าหลักธรรมในพุทธศาสนาและข้อกำหนดในกฎหมายมนุษยธรรมจะเกิดขึ้นช้ากว่ากันนับพันปี แต่สิ่งที่ทั้งสองหลักการกล่าวไว้ตรงกัน คือการลดความทุกข์ทรมานอันเกิดจากความขัดแย้ง มองหาหนทางที่จะนำมนุษยชาติไปสู่สันติ อันเป็นจุดหมายร่วมกันของทั้งหลักธรรมและข้อกฎหมาย และเป็นหัวใจหลักของการทำงานด้านมนุษยธรรม


“แม้ในสนามรบเขาจักพิชิตนักรบนับพัน แต่เขาจักเป็นผู้พิชิตสูงส่งหากเขาพิชิตใจตนได้”
-พระธรรมบท ข้อ 103

แม้ศาสนาพุทธจะไม่สนับสนุนการมีอยู่ของสงคราม (ไม่มีสงครามใดที่เป็นธรรม) ถึงอย่างนั้นพุทธศาสนาก็ยอมรับความเป็นจริงของการสู้รบและความทุกข์ทรมานที่สงครามก่อให้เกิด พระพุทธเจ้าทรงใช้ชีวิตในยุคที่เต็มไปด้วยสงคราม หลักธรรมหลายอย่างที่ทรงได้แสดงไว้ สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ และมุมมองต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้เคียงกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International humanitarian law – IHL) อันเป็นกฎหมายที่ถูกใช้ในยามสงครามซึ่งถูกเขียนขึ้นหลังสมัยพุทธกาลเป็นเวลากว่าพันปี


แม้ว่าศาสนาและกฎหมายจะไม่ได้มีข้อกำหนดและบทลงโทษที่ตรงกันทุกประการ หนึ่งในข้อแตกต่างระหว่างกฎหมายกับศาสนา คือกฎหมายนั้นมีสภาพบังคับที่เกิดขึ้นในทันที แต่ศีลธรรมนั้นไม่ได้มีสภาพบังคับไว้แน่นอน ผู้ทำผิดกฎหมายฆ่าคนตายต้องติดคุก แต่ผู้ทำผิดศีลอาจถูกรังเกียจ กีดกัน ไม่สามารถอยู่ร่วมกันกับสังคมที่มีความเชื่อในศีลธรรมนั้นๆ ได้

อย่างไรก็ดี ศาสนามีอิทธิพลอย่างมากต่อกฎหมายทั้งในเชิงวัฒนธรรมและโครงสร้าง ยกตัวอย่างเช่น ศาสนามีส่วนเติมเต็ม ขัดเกลาให้คนอยู่ในกรอบของกฎหมาย ในขณะเดียวกันก็สร้างความชอบธรรม กำหนดพฤติกรรมของผู้ปกครองและพลเมือง ศาสนาสร้างค่านิยมของ “ความดี” ที่ควรได้รับการชื่นชม และการฝ่าฝืนที่นำไปสู่ความชั่วและการไม่ถูกยอมรับ ดังนั้นความเกี่ยวข้องระหว่างกฎหมายและศาสนา จึงเป็นสองสิ่งที่เหมือนจะต่างแต่ก็ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้

สำหรับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศซึ่งกำหนดข้อบังคับชัดเจนต่อการกระทำใดๆ ที่ผิดไปจากที่ตกลงกันไว้ ก็ได้รับแรงบันดาลใจหลายประการที่สืบทอดมาจากแนวคิดทางศาสนา หลักสำคัญของพระพุทธศาสนาคือการไม่ใช้ความรุนแรง เพราะความรุนแรงถูกมองว่าจะนำมาซึ่งผลกรรม ดังนั้นนักรบที่นับถือพุทธศาสนาจึงมีความระมัดระวังต่อผลกระทบของความรุนแรงที่มากเกินความจำเป็นซึ่งตรงกับแนวคิดของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศในเรื่องการใช้กำลังอย่างเหมาะสม ไม่ใช้อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างมากเกินไป และไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ที่ไม่มีส่วนร่วมในการรบอย่างพลเรือนหรือผู้ปฎิบัติหน้าที่ทางการแพทย์

พุทธศาสนาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มุ่งหวังที่จะลดความอันตรายและความทุกข์ทรมานให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด เห็นได้จากเรื่องราวเกี่ยวกับท้าวสักกะผู้นับถือพุทธ แม้จะทำการสู้รบกับอสูร แต่ก็พยายามหลีกเลี่ยงการฆ่าฟันที่ไม่จำเป็นเช่นการทำร้ายนกในรังอย่างไม่ตั้งใจ


หากเรามองถึงความเป็นจริงในการสงคราม การเข้าเป็นทหารของกองทัพย่อมนำไปสู่การผิดศีลข้อที่หนึ่ง (การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ดี หากหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายขัดต่อศีลธรรม พลรบก็มีความจำเป็นที่จะปฎิบัติตามศีลข้อนี้เท่าที่จะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น ใช้ความรุนแรงเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางการทหารเท่านั้น เน้นการใช้กำลังอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงความเสียหายและการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็น

ศาสนาพุทธมีความคาดหวังต่อพระภิกษุสงฆ์และฆราวาส รวมไปถึงผู้ปกครองและเจ้าหน่าที่ทางการทหารที่ต่างกัน ทุกคนล้วนมีความจำเป็นและข้อจำกัด ดังนั้นจึงสามารถเลือกวิธีจัดการกับกรรมตามสถานการณ์ของตนเอง ประเด็นเรื่อง “เจตนา” มีความสำคัญอย่างมากในเรื่องนี้ ความรับผิดชอบส่วนบุคคล การแสวงหาสมดุลระหว่างความจำเป็นทางการทหารและการรักษาศีลในพระพุทธศาสนา ถือเป็นแนวคิดที่มีความคล้ายคลึงกับหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

นอกจากศีลข้อแรกที่เกี่ยวข้องกับการทำลายชีวิต พุทธศาสนายังมีหลักปฎิบัติเกี่ยวกับการไม่ลักขโมย ไม่ว่าสิ่งของนั้นจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม เพราะมนุษย์นั้นมีจิตใจรับรู้ได้ว่าสิ่งใดเป็นของเรา สิ่งใดไม่ใช่ แนวคิดนี้มีความใกล้เคียงกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศเรื่องการไม่ทำลายหรือสร้างความเสียหายที่ไม่จำเป็นกับทรัพย์สินของพลเรืองหรือโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น พลรบยังควรหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่เกษตรและเสบียงอาหาร รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการทำลายศาสนสถานและมรดกทางวัฒนธรรมอื่นๆ เพราะถือเป็นการช่วงชิงความทรงจำ ความเชื่อ และความภาคภูมิใจของบุคคลในพื้นที่นั้นๆ


ศีลที่สำคัญอีกข้อคือการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ซึ่งตรงกับหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศในเรื่องของการใช้ความรุนแรงทางเพศ ประเด็นนี้ถูกกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าพลรบต้องละเว้นจากการข่มขืนและการประพฤติผิดในกามระหว่างทำการสู้รบ

นอกจากข้อกำหนดและหลักปฎิบัติต่างๆ จิตวิทยาแบบพุทธยังได้ลงลึกถึงการวิเคราะห์ว่าสงครามนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร มีเหตุและผลเป็นแบบไหน โดยได้มีการกล่าวเอาไว้ว่าความขัดแย้งนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สภาพจิตใจที่เป็นอกุศลมีรากฐานมาจากความโลภ ความเกลียดชัง และความลุ่มหลง ดังนั้นเราจึงควรใช้หลักความเมตตาและกรุณามาเป็นแกนกลางเมื่อต้องข้อเกี่ยวกับความขัดแย้ง กล่าวคือ เราควรมีความเห็นอกเห็นใจต่อทุกฝ่ายที่ทำการสู้รบ ไม่เกี่ยงว่าเขาผู้นั้นเป็นมิตรหรือศัตรู ดังนั้นจึงต้องรู้จักที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีมนุษยธรรมต่อผู้อื่น ไม่ใช้การทรมานหรือการกระทำที่ก่อให้เกิดความทุกข์ยากโดยไม่จำเป็น แนวคิดเรื่องความเมตตา ตรงกับกรอบข้อตกลงในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่มีการกำหนดให้ผู้ทำการรบต้องให้การดูแลทหารของฝ่ายตรงข้ามที่บาดเจ็บและยอมจำนน, เคารพโรงพยาบาลและสถานพยาบาลอื่นๆ รวมไปถึงประเด็นด้านการจัดการร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติ และการคุ้มครองพลเรือนที่ถูกคุกคามและพลัดถิ่น รวมไปถึงสตรีและเด็ก


การใช้สมาธิเพื่อเป็นหลักในการพิจรณาและควบคุมตัวเอง ก็เป็นอีกแนวทางที่สามารถรักษาวินัยและสร้างการตระหนักรู้ในสนามรบ เมื่อเราเข้าใจเรื่องเจตนา การทำสมาธิจะช่วยให้พลรบรู้จักใช้ความอดทน ไม่กระทำการใดๆ ด้วยความโกรธหรือพยาบาท ทำให้สามารถจำกัดการกระทำที่ขัดต่อศีลข้อต่างๆ ได้ การมีสตินำมาซึ่งความสงบและความเข้าใจ หลักแนวคิดในพระพุทธศาสนาจึงเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้พลรบสามารถตัดสินใจอย่างมีจริยธรรม ตามหลักอิทธิบาท 4 ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และ วิมังสา

การยึดถือธรรมะและการมีสติสามารถป้องกันความหลงผิดซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ แม้ว่าหลักธรรมในพุทธศาสนาและข้อกำหนดในกฎหมายมนุษยธรรมจะเกิดขึ้นช้ากว่ากันนับพันปี แต่สิ่งที่ทั้งสองหลักการกล่าวไว้ตรงกัน คือการลดความทุกข์ทรมานอันเกิดจากความขัดแย้ง มองหาหนทางที่จะนำมนุษยชาติไปสู่สันติ อันเป็นจุดหมายร่วมกันของทั้งหลักธรรมและข้อกฎหมาย และเป็นหัวใจหลักของการทำงานด้านมนุษยธรรม

Tags: Buddhism, humanitarian, ICRC, International Humanitarian Law, กฎหมายกับศาสนา, กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประะเทศ, กฎหมายระหว่างประเทศ, กฎหมายสงคราม, การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ, ศาสนาพุทธ, ศีล


ขอขอบพระคุณแหล่งที่มา
https://blogs.icrc.org/th/2021/02/22/buddhism-and-ihl/

 

หลวงปู่ชอบกล่าวว่า
"เมื่อรู้แพ้รู้ชนะกันแล้วก็ไม่ต้องมาต่อสู้อะไรกันอีก พวกท่านมีฤทธิ์เดชมาก การต่อสู้ของพวกท่านจะทำให้มนุษย์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้รับอันตรายและเดือดร้อนจากการสู้รบของพวกท่านได้ อาตมาขอให้พวกท่านจงปล่อยวางในเรื่องนี้เสีย"
อิสโรนาคราชจึงอ่อนลง...ยอมในคำขอของหลวงปู่ชอบ แล้วก็พากันถอนทัพกลับไปยังบ้านเมืองของตน

**********************************************************


หลวงปู่ชอบเผย...วินาทีเปิดฉาก!! จุดชนวน "สงครามพญานาค" สมรภูมิเดือดแห่งลุ่มน้ำโขง!!

• หน้าแรก
• ข่าววาไรตี้

• 09 ก.ย. 2559
• 3

แชร์ |
รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th
มีเรื่องราวเกี่ยวกับ "พญานาค" อยู่เรื่องหนึ่งที่ "หลวงปู่ชอบ ฐานสโม" เคยเล่าให้ฟัง ... เป็นเรื่องของพญานาคที่ทำสงคราม "นาคายุทธ์" กัน

หลวงปู่ชอบเล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งเป็นปีแรกที่ท่านสร้างวัดป่าม่วงไข่ จังหวัดเลย วันหนึ่ง เวลาประมาณสองทุ่ม ขณะที่ท่านกำลังจะไหว้พระสวดมนต์อยู่ในกุฏิ ท่านได้ยินเสียงคนพูดคุยกันทางด้านหน้าวัดจึงคิดในใจว่า ค่ำมืดป่านนี้แล้วยังจะมีโยมมาวัดอยู่อีกหรือ เสียงพูดกันก็ดังคึกคะนองแบบคนหนุ่ม ท่านกำหนดจิตถึงที่มาของต้นเสียงก็เห็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบต้น ๆ หกคน เดินคุยกันไปทางหน้าวัด ชายหกคนนี้คุยกันว่าจะไปเที่ยวเล่นจีบสาวนาคี (นาคตัวเมีย) ที่เมืองเชียงคาน และที่น่าอัศจรรย์คือ ท่านยังรู้ด้วยว่า ชายหนุ่มกลุ่มนี้เป็นลูกหลานของพญานาคภูผาหมานจำแลงแปลงร่างขึ้นมา

หลังจากนาคาหนุ่มกลุ่มนี้ไปแล้ว หลวงปู่ชอบก็นั่งไหว้พระสวดมนต์อยู่ในกุฏิ แต่ขณะที่ท่านกำลังสวดมนต์อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนไล่ตีกันดังลั่นมาจากทางหน้าวัด ท่านจึงหยุดสวดมนต์แล้วกำหนดดูเหตุการณ์...ก็เห็นชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ไล่ทุบตีชายหนุ่มหกคนที่ท่านเห็นเมื่อตอนหัวค่ำ ชายหนุ่มทั้งหกวิ่งผ่านกุฏิท่านไปแล้วกระโดดลงเขาหายเข้าไปในบ่อน้ำซับหลังศาลาเก่าของวัดป่าม่วงไข่ ฝ่ายชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ที่ไล่ตามมานั้น พอเห็นหลวงปู่ชอบก็หยุดไล่ แล้วพากันร้องบอกว่า "พระ...พระ...!!"

พฤติกรรมทุกอย่างที่พญานาคแสดงออกในขณะนั้น ท่านบอกว่าเหมือนกับมนุษย์เราทุกอย่างเลย!!





หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

หลวงปู่ชอบถามพญานาคหนุ่มกลุ่มนี้ว่า เพราะอะไรถึงต้องไล่ทำร้ายกันจนเข้ามาในวัดซึ่งเป็นเขตอภัยทาน พญานาคหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าตอบว่า

"พวกพญานาคกลุ่มนี้ไปเที่ยวเล่นที่บ้านเมืองของพวกตนแล้วมีเรื่องผิดใจกัน...จึงต้องไล่ทำร้ายกันมาถึงที่นี่ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นวัด แต่ไหนแต่ไรพวกข้าพเจ้าไปมาหาสู่กันก็ไม่เห็นว่าที่นี่จะเป็นวัดมาก่อนเลย"

หลวงปู่ชอบจึงบอกให้พญานาคหนุ่มกลุ่มนี้กลับไปบ้านเมืองของตนเองเสีย อย่ามาเบียดเบียนกันในวัดเลย พวกพญานาคจึงพากันลาท่านกลับไป...ด้วยวิธีจมหายลงไปในธรณีทันที ราวกับว่าดินผาหน้าภูที่นี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการไปการมาของพวกเขาเลย!!

หลวงปู่ชอบเล่าให้ฟังต่อไปว่า หลังจากที่พญานาคกลุ่มนี้จากไปไม่นาน ท่านก็ได้ยินเสียงดังโหวกเหวกอึงคะนึงไปทั่วบริเวณวัด แล้วก็ได้เห็นเหล่าพญานาคกำลังจัดเตรียมทัพ มีไพร่พลถืออาวุธครบมือ เหมือนกับทหารออกศึกในสมัยโบราณอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!!

หลวงปู่ชอบถามพญานาคแห่งภูผาหมานผู้เป็นแม่ทัพว่า

"จะพากันไปออกศึกที่ไหนถึงได้แต่งทัพใหญ่โตมโหฬารถึงปานนี้?"

แม่ทัพพญานาคตอบท่านว่า

"พวกข้าพเจ้าจะไปรบกับพวกพญานาคแม่น้ำโขง ... พญานาคพวกนี้มาหยามหมิ่นรังแกลูกหลานของพวกข้าพเจ้า!"

หลวงปู่ชอบจึงบอกว่า อย่าไปเบียดเบียนกันเลย มันจะเป็นบาปเวรต่อกัน แต่แม่ทัพพญานาคก็ไม่ฟังคำที่ท่านทัดทาน ยืนกรานที่จะออกรบตามมานะศักดิ์ศรีที่เขายึดถือ

และแล้ว...ทัพพญานาคใหญ่แห่งภูผาหมานก็เดินทางไปสู้รบกับ "อิสโรนาคราช" ราชันพญานาคแห่งแม่น้ำโขง เมืองเชียงคาน ที่มีวิมานเมืองบาดาลอยู่ห่างจากปากแม่น้ำเลยสี่ร้อยเมตร







หลวงปู่ชอบเฝ้าดูเหตุการณ์พญานาคทำสงคราม "นาคายุทธ์" กันจนถึงตีสอง แล้วทุกอย่างจึงยุติ ท่านเห็นไพร่พลทหารของพญานาคภูผาหมานแตกทัพหนีเข้ามาทางวัดป่าม่วงไข่อย่างอลหม่าน แล้วก็พากันหายลงไปในบ่อน้ำซับทันที ส่วนพวกทหารพญานาคอีกฝ่ายหนึ่งก็ไล่ตามกันมา ผู้ที่เป็นหัวหน้าแม่ทัพใหญ่ (อิสโรนาคราช) เห็นหลวงปู่ชอบอยู่ที่นี่จึงบอกไพร่พลให้หยุดทัพ

หลวงปู่ชอบถามอิสโรนาคราชว่า เพราะอะไรพวกท่านถึงต้องมารบทัพจับศึกกัน อิสโรนาคราชตอบว่า พวกลูกหลานของพญานาคเมืองนี้ไปมีเหตุวิวาทกับลูกหลานของพวกเขา แล้วเจ้าเมืองพญานาคที่นี่ไม่พอใจจึงยกทัพไปท้ารบประลองฤทธิ์กับพวกเขา

หลวงปู่ชอบกล่าวว่า

"เมื่อรู้แพ้รู้ชนะกันแล้วก็ไม่ต้องมาต่อสู้อะไรกันอีก พวกท่านมีฤทธิ์เดชมาก การต่อสู้ของพวกท่านจะทำให้มนุษย์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้รับอันตรายและเดือดร้อนจากการสู้รบของพวกท่านได้ อาตมาขอให้พวกท่านจงปล่อยวางในเรื่องนี้เสีย"

อิสโรนาคราชจึงอ่อนลง...ยอมในคำขอของหลวงปู่ชอบ แล้วก็พากันถอนทัพกลับไปยังบ้านเมืองของตน

************************************

ที่มา : "ชีวประวัติหลวงปู่ชอบ ฐานสโม" บันทึกโดย ครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา
https://www.tnews.co.th/variety/203917

 

สาธุครับท่าน9

 

มีความฝันมาให้อ่านครับ

 

#EP2
#นิมิตรฝันพระธุดงส์
#ตอนโลหะเหล็กตกจากฟ้า
#วันที่ 4/4/2565
คืนต่อมาข้าพเจ้าฝันไปว่าอยู่แถวที่ทำงาน อยู่ๆก็มีโครงสร้างเหล็กโลหะขนาดใหญ่ตกจากฟากฟ้า สภาพเหมือนโดนไฟลวกจะเป็นสีแดงๆ คล้ายเศษซากของเครื่องบิน ตอนแรกตกลงมา 1 ชิ้น หลังๆตกลงมาเป็นสายฝนเลย มีบางชิ้นผ่านหน้าผมไป บางชิ้นตกมากลางถนน ที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ผู้คนกริ๊ดร้องและวิ่งหนีตาย ผู้คนเริ่มแตกตื่น ผมพยายามเรียกคนให้ออกมา และหาที่หลบ เพราะฝนโลหะตกจนทำลายเมืองราบแน่ จากนั้นผมและผู้คนต่างอพยพกันออกจากเมืองเข้าไปในป่า โดยไม่มีอะไรติดมาเลยสักอย่าง โดยเฉพาะเป้ฉุกเฉินระหว่างเดินทางหาที่หลบพวกเราแวะริมแม่น้ำและหยุดพัก สักพักมีคนในกลุ่มบอกว่ามีพระธุดงส์ ท่างธุดงส์ผ่านมาทางนี้จะมาให้พรพวกเรา กลุ่มของพวกเราจึงนำดอกไม้ ธูป เงิน 9 บาทมากราบพระธุดงส์และท่านก็ลูบหัวผมและให้พร ขอให้โชคดี จงมีสติในทุกๆเรื่องๆ ผมปิติและกราบท่าน และท่านก็เดินธุดงส์ผ่านไป (ท่านว่ามันเป็นเรื่องวิบากกรรม ไม่มีใครหนีพ้น)
ข้อคิดธรรมจากฝัน
"พึงระลึกความตายอยู่ทุกขณะจิต"

 

#EP1
#นิมิตรฝันพระธุดงส์
#ตอนเทศนาธรรม
#วันที่ 3/4/2565
ข้าพเจ้าฝันไปว่าอยู่สถานที่แห่งนึงคล้ายๆกันสนามบิน ข้าพเจ้ากำลังเดินอยุ่กับเพื่อนชื่อเมย์ ก็ได้พบกับพระธุดงส์รูปหนึ่ง ท่านใส่จีวรสีกะ ผิวออกคล้ำๆ ไรผมออกสีขาวๆ ท่านเดินมาที่ผมและมอบแผ่นทองแก่ผม และให้ผมตั้งจิตอธิษฐานขอพรที่สิ่งที่ต้องการ ต่อหน้าซุ้มพระเบญจภาคีทั้ง 5 ที่เป็นผลึกแก้ว ตั้งอยู่ใกล้ๆสนามบิน ผมอธิษฐานว่า"ขอให้มีโชคลาภ จะได้นำไปทำนุบำรุงศาสนาและเลี้ยงดูบิดามารดาและดำรงชีวิต และขอให้สำเร็จทั้งทางธรรมและทางโลก" สักพักมีเด็กวัยรุ่นใส่ชุดลูกเสือเดินผ่านมา ก็โดนพระธุดงส์เชิญมาฟังธรรมด้วย ท่านบรรยายธรรมหลายอย่างให้ข้าพเจ้าและเพื่อนและเด็กๆฟัง หลายอย่าง ระวังนั้นผมเมอลอย แต่รู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องอะไร และมีเด็กไม่ตั้งใจฟังท่านรู้ในวาระจิตและบอกให้คั้งใจฟังธรรมให้ดี เพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ฟังธรรมแบบนี้

ท่านได้พูดว่าไม่ว่าคนสร้างพระจะสร้างออกมาแบบไหน ปางไหน แต่มันก็คือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรา ที่เราเคารพนับถือ เปรียบเสมือนคนมีธรรมในหัวใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็เหมือนได้ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดเวลา หลังจากนี้ถ้าหากมีเหตุการณ์อะไรที่สะเทือนใจ เช่น สูญเสียคนรัก ก็ขอให้ทุกคนมีสติให้มากขึ้น อยู่กับปัจจุบันให้ได้

ข้อคิดธรรมจากฝัน
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขอให้มีสติมากๆ"

 

ความฝันเหมือนเหตการณ์ที่คนทั้งโลกกำลังเผชิญอยู่
สงครามรัสเซีย-ยูเครนช่างโหดร้าย
แล้วมันจะจบวันไหน?

คนที่รู้แน่ชัดแบบฟันธง...มีอยู่คนเดียวคือ....?
(ใครรู้บ้างว่าคนนั่นคือใคร)
ไม่ต้องอาศัยญาน 1,2,3,4 หรอก
.........................
เพราะเป็นคำถามพื้นฐานง่ายๆ
แต่ทำไมนักวิเคราะห์สงครามการเมือง
ไม่กล้าคาดเดา หรือคาดเดาผิดๆถูกๆ
???????

 

อนุโมทนา
ขอให้มีความสำเร็จ

 

Tips&Tricks(วรรคทอง)
หน้า 205 #3087
เป็นความประจวบเหมาะ(อีกคร้้ง)
ที่ช่วงนี้คาใจและอยากรู้ลึกๆเรื่องเทวดาประจำตัว
Wow!!...อาจารย์นพเคยอธิบายไว้ละเอียดยิบ
บังเอิญได้เป็นวรรคทองที่จะนำลงวันนี้พอดี

บุรุษไร้เงา, post: 10965708, member: 111296"
พระประจำวันเกิดสื่อความหมาย
ออกไปในทางสภาวะที่บุคคลนั้น
พึ่งระวังและเข้าใจครับ
ให้ดูที่ท่าทางของมือ
จะพอเข้าใจ คือเป็นอุบาย
ในการวางอารมย์นั่นหละครับ
เช่น(หยาบๆนะครับ)
อาทิตย์ ควรสำรวม กาย วาจาใจ
จ ควรรู้จักยับยั้งช่างใจ
อ ไม่ควรคิดมาก
ควรปล่อยวางเรื่องที่ผ่านมา
พุทธกลางวัน ควรหาเลี้ยงชีพสุจริต แต่พอดี
พุทธ กลางคืน ควรมั่นทำบุญทำทาน
พฤ ควรรู้จักทำใจให้สงบ
ศ ควรรู้จักรับฟังมากกว่าพูด เพราะบางทีสิ่งที่พูดคนไม่เข้าใจ
ส ควรหมั่นดูแลส่งเสริมศาสนา

เทพเทวดา ประจำตัวทางกิริยา
เราจะหมายถึง ท่านที่คอยดูแลปกป้อง
เตือน คุ้มครองระวังภัยให้เรา
รวมทั้งคอยดลจิตดลใจและสั่งสอน
สามารถเป็นใครก็ได้
ระดับไหนก็ได้
ไม่ว่าสายเลือดเดียวกันหรือต่างสายเลือด
ขอเพียงในอดีตเคยมีสัมพันธ์
กันมาทางใดทางหนึ่งครับ
และที่สำคัญคือ สามารถเปลี่ยนแปลงได้
คือเพิ่มหรือลดได้หมด
ในที่นี้ จะรวมพันมิตรทางภพภูมิ
ที่เราสร้างด้วยตัวเราเองด้วย


รู้อย่างไร ว่าตนมีไหม
ชัวสุดคือเคยเห็นด้วยตนเอง
รับรู้ด้วยตนเอง

หรือถามท่านที่พอรู้
ท่านที่พอบอกได้

ปล ทุกคนมีเทพเทวดาประจำตัวหมดครับ
ตราบที่ยังอยู่ภายใต้
ระบบแรงโน้มถ่วงนี้

ที่ควรระวัง คือ พวกสายโชว์มุขเทพ
(ที่อยู่ดีๆมาทักเราว่า มีเทพโน้นนี่นั่นตาม)

 

ผมว่าอเมริกาเนี่ยตัวจิ๊ดเลย

 

ล่าสุดฝันถึงองค์พญายมราชครับ ท่านเดินสวนกับผม แต่ไม่มีใครเห็นนอกจากผม ท่านมาตามหาไม้เท้าของท่าน ฝันมีนัยยะตียากๆอีกแล้ว

 

สรุปไม้เท้า 1
ปู่ยม 9

 

โชคลอยมาทั้งบนล่าง
หลังจากซื้อเสื้อให้หลาน

 

เทพเทวดา ประจำตัวทางกิริยา
เราจะหมายถึง ท่านที่คอยดูแลปกป้อง
เตือน คุ้มครองระวังภัยให้เรา
รวมทั้งคอยดลจิตดลใจและสั่งสอน
สามารถเป็นใครก็ได้
ระดับไหนก็ได้
(บุรุษไร้เงา)


จะเล่าให้ฟัง
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาขณะนอนหลับปุ๋ย
ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู
"ตื่น ตื่น ตื่นได้แล้ว"
ว่าจะนอนหลับต่อเพราะง่วงและเพลียจัด
จากกลางวันแก้ไขท่อน้ำประปาที่รั่วซึมมาหลายเดือน
ค่าน้ำค่อยๆขึ้นจาก300กว่าบาทเป็น400
เดือนล่าสุดเป็น500บาท
จึงต้องขยันขยับร่างกายค้นหาทั่วทุกจุด
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเจอต้นตอแล้ว
ฮึกๆ...แค่นี้เอง...เราขี้เกียจเอง
แต่ก็ใช้เวลาแก้ไขกว่า 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
...ช่างจำเป็นก้ออย่างงี้แหละ

เพราะความเพลีย4ทุ่มจึงหลับสนิท
หลังจากได้ยินเสียงกระซิบข้างหู...ทำไม่สน
ว่าจะหลับต่อเลย...
แต่ แต่ เฮ้ยนี่ไม่ใช่ฝันนะ
...อาจมีอะไรเกิดขึ้น
หลังพลิกตัว...จึงลุกขึ้นทันที
พอลงมาข้างล่าง เงยดูนาฬิกาตี1ครึ่ง
จึงเปิดประตูออกไป
เห็นน้ำประปาเจิ่งนองไปทั่ว
แก้ไขเฉพาะหน้าก่อนคือปิดว๊าวตรงมิเตอร์น้ำ

พอขึ้นไปนอนต่อ
ความคิดจึงผุดขึ้นมา
ใครหนอมากระซิบข้างหูเตือน
"ตื่น ตื่น ตื่นได้แล้ว"
แยกไม่ออกว่าเป็นเสียงชายหรือหญิง
หรือเสียงมาทางซ้ายหรือขวา
...แต่เสียงชัดเจนมากๆ

 

เต็มๆๆเลยท่าน9