ให้ทานกับคนที่มีศีลมีธรรมน้อย

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย piromsuparp, 7 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. piromsuparp

    piromsuparp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +2,754
    ตายจากคนอเมริกันที่ให้ทานกับคนที่มีศีลมีธรรมน้อยจึงไปเกิดเป็นภุมเทวดาที่มีบุญน้อยมาก

    "..ปี ๒๕๓๒ อาตมาไปสอนพระกรรมฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่พักที่รัฐเวอร์จิเนีย เวลาประมาณตี ๒ เศษๆ ตื่นขึ้นมาครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นผู้ชายผอมๆ คนหนึ่งเดินล่องใต้ หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่หมวกเหมือนหมวกญวน รูปร่างท้วมๆ เดินสวนทางกับชายผู้นั้น ผู้ชายคนนั้นถือไม้คานมาแต่ผู้หญิงถือกระจาดมา พอถึงตรงหน้าผู้หญิงก็วางกระจาดเข้าไปแย่งไม้คานผู้ชาย ผู้ชายเกือบเสียท่าเพราะผอมกว่า ก็มีฝรั่งคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งค่อนข้างผอมเดินออกไปจากที่พัก ไปห้ามสองคนนั่นให้เลิกแย่งไม้คานกัน พอฝรั่งคนนี้เดินไปใกล้จะถึงสองคนนั้น ต่างคนต่างแยกกันไป แสดงว่าเกรงใจฝรั่งคนนี้ เมื่อฝรั่งคนนี้เดินเข้ามา ก็ถามว่า "คุณเป็นภุมเทวดาที่นี่หรือ"

    เธอก็ตอบว่า "ใช่ครับ ผมเป็นภุมเทวดารักษาที่นี่" จึงถามว่า "คุณเอาบุญมาจากไหน ที่นี่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา และทำไมจึงเป็นเทวดาที่มีบุญน้อย ภุมเทวดาถือว่าเป็นเทวดาที่มีบุญน้อยกว่าเทวดาทั้งหมด คุณน่าจะบำเพ็ญกุศลให้มีบุญมากกว่านั้น" เธอตอบว่า "ในเมื่อผมมีเท่านี้ จะให้ผมได้ขนาดไหน" ถามว่า "คุณทำบุญอะไร"

    เธอก็ตอบว่า ในสมัยที่ผมเป็นมนุษย์ ผมเป็นคนอเมริกันเป็นคนรวยมาก ชอบทำบุญมากคือการให้ทาน แต่ทว่าผมให้ทานกับคนที่มีศีลมีธรรมน้อย คือศีล ๕ ไม่บริสุทธิ์ บางคนก็มี ๑ บ้าง ๒ บ้าง บางคนก็ไร้ศีลไร้ธรรม ธรรมะในการปฏิบัติก็ไม่มี เห็นแก่ตัวมาก ผมทำบุญมากคือให้ทานแบบนี้มาหลายปีเพราะเป็นคนรวย เมื่อตายจากความเป็นคน จึงมีอานิสงส์ไปเกิดเป็นเทวดาที่มีบุญน้อยมาก คือเป็นภุมเทวดา.."
    [b-wai]
     
  2. คนแปลว่ายุ่ง

    คนแปลว่ายุ่ง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    จริงอยู่การทำบุญต้องเลือกที่ทำ ถ้าคิดที่จะทำบุญให้ได้บุญมาก

    แต่ถ้าเราเปลี่ยนความคิดหล่ะ ว่าเราจะทำทานแทน ทานให้ 1 ครั้งอาจได้บุญน้อย ได้มาก มันก็ได้บุญ แต่เมื่อเราคิดว่าการให้ของเรามันเป็นทาน คือไม่ยึดติดกับการให้ ไม่คิดว่าจะได้สิ่งใดตอบแทน
    สิ่งที่เราได้อย่างแรกอย่างแน่นอน คือ ใจที่ไม่ยึดติดสิ่งใด เพราะเราไม่คำนึงถึงสิ่งที่ให้ ไม่สนใจว่าเราให้ทานกับใคร มันก็คือการ " ละ "

    สิ่งที่ได้ต่อไปคืออะไร มันก็คือ จาคะ
    จาคะ ไม่มี บารมี 10 ก็ไม่เต็ม ........

    แล้วลองมานึกกันดูว่าการให้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทน ไม่คำนึงถึงผู้รับว่าเป็นใคร มันคืออะไร มันคือการสละสิ่งที่เราต้องใช้ ให้ผู้อื่น และ ละ จากการยึดติดต่าง ๆ ผมว่าการทำ จิต ให้ ละ และ สละ จากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นของเราได้สักวันละ 1 วินาที ก็น่าจะได้บุญเยอะนะ

    ที่โพสขึ้นมาไม่ได้ขัดแย้งกับกระทู้ข้างบน แต่อยากเปิดประเด็นความแตกต่างระหว่างบุญ กับ ทาน ในการให้ครั้งหนึ่งที่อาจะให้ในวาระเดียวกัน ผู้รับก็เป็นคน ๆ เดียวกัน แต่ผู้ให้คิดต่างกัน ผลที่ได้ก็จะไม่เสมอกัน
     
  3. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    การทำทานได้บุญมากหรือน้อยไม่สำคัญเท่ากับการทำเพื่อการขจัดกิเลสตัวตน ให้เบาบางลงและรู้จักการที่จะให้มากขึ้น...ค่ะ

    อนุโมทนาค่ะ ^-^
     
  4. ก.แก้วคำ

    ก.แก้วคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +71
    ขออนุโมทนาสาธุสำหรับทุกๆความเห็นครับ
    อย่าไปคิดมากเรื่องทำบุญได้มากได้น้อยเลยครับ ถ้ามัวแต่จะคิดว่าต้องรอทำบุญที่มีอานิสงมากๆอย่างนั้นแล้วล่ะก็ อาจจะทำให้เราพลาดในการทำความดีในโอกาสต่างไปเพราะจิตมัวไปคิดว่าได้บุญน้อยเลยไม่ทำ การทำบุญทำทีละนิดละหน่อยสะสมไปเรื่อยๆก็เป็นกองบุญที่ใหญ่ได้ และอีกอย่างถ้าเราไม่คิดมากไปใจเราก็เป็นสุขอยู่แล้ว มีโอกาสก็ทำไปเถอะครับ เป็นกองทุนสำหรับหนุนนำพาเราไปสู่ภพภูมิที่ดีครับ
     
  5. คนแปลว่ายุ่ง

    คนแปลว่ายุ่ง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    อนุโมทนาด้วยเช่นกันครับ เห็นด้วยอย่างแรงกับที่เขียน เราให้เพื่อละ ให้เพื่อตัด ตัดอะไรดี ตัดความอยาก...(ไอ้ที่จุดๆ นี่มันอยากเยอะอ่ะ ไม่จำกัดเลย) ตัดตัวหลง (หลงว่าไอ้นั่นก็ของเรา ไอ้นี่ก็ของเรา) สุดท้ายไม่ขอตัดอะไรอ่ะ ขอตัดอวิชชาก็พอ (อีกล้านชาติ จะตัดได้มั๊ยเนี่ยเรา เฮ้อ)
     
  6. STha

    STha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +927
    แล้วถ้าพระโสดาบัน ให้ทานกับผู้มีศีล(อาจ)ไม่ครบ
    หรือพระอรหันต์ สงเคราะห์ผู้ต้องขัง
    จัดว่าเป็นบุญแบบไหน
     
  7. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    การทำบุญที่เจ้าของกระทู้นำมาแสดงนั้น เป็นความฉลาดทางธรรมและผลบุญและเนื้อนาบุญที่ดีที่ควรจะทำ หากยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลกมนุษย์และต้องใช้ปัจจัยในการดำเนินชืวิต พระพุทธเจ้าและพระอริยะท่านจึงนำผลของการให้ทานมาให้ฟัง ให้ใช้ปัญญาในการทำบุญ หากท่านที่คิดว่าจะทำกับใครก็ได้ ไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดต่อไปภายในภาคหน้า ทำบุญโดยไม่เลือกก็เป็นเรื่องของบุคคลประเภทนั้น ห้ามกันไม่ได้ เพราะมีบุคคลต่างความคิด ต่างประเภทเช่นนี้อยู่ จึงทำให้โลกมีทั้งคนรวยและจน ซึ่งก็เป็นธรรมดาโลก หากไม่คำนึงถึงความคล่องตัวในอนาคตในชาติหน้า ก่อนที่จะเข้าพระนิพพาน และคิดเห็นดีแล้วว่าสามารถทนถูกเบียดเบียนจากท่านที่มีฐานะที่ดีได้ สามารถอยู่จนๆแบบมีความสุขได้ก็ทำบุญโดยไม่เลือกเนื้อนาบุญไป การที่พระท่านนำเรื่องนี้มาสอนท่านหมายให้คนที่ยังไม่ถึงพระนิพพานมีความคล่องตัว ไม่เดือดร้อนเป็นทุกข์จากการหาเลี้ยงชีพ เมื่อการเงินคล่องตัว ความทุกข์ในการทำมาหาเลี้ยงชีพก็น้อยลง มีเวลาไปปฏิบัติธรรมจนสามารถบรรลุธรรมได้ในขณะเป็นฆราวาส หากตีความหมายของผลบุญเนื้อนาบุญในทางที่ผิดเพี้ยนไป ก็เป็นเรื่องของบุคคลนั้น เปรียบเสมือนการปลูกข้าวปลูกผัก หากดึงดันจะปลูกในที่ดอน น้ำเข้าไม่ถึงแถมดินก็ไม่ดี แล้วจะหวังได้กินข้าวกินผักนั้นได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยไหมเล่า เราต้องปลูกในดินที่ดีถึงจะได้ผลที่ดี พระพุทธเจ้าท่านสอนในสิ่งที่ท่านรู้ ท่านเห็นและมีประโยชน์ ท่านจึงสอนเอาไว้ หากคิดว่าทำแล้วคิดแล้วดีกว่าท่านก็คงไม่มีใครไปว่าอะไรหรือช่วยอะไรได้ ก็คงต้องกินข้าวกินพืชที่มีนอนเจาะไชมีลำต้นที่ไม่แข็งแรงอดมื้อกินมื้อไปแทนที่จะมีกินได้ มุมมองมีต่างมุม แต่มองในต่างเรื่อง นำผลมาประมวลในสิ่งที่ไม่เข้ากัน ผลก็จะออกมาตามที่ท่านนั้นประมวล แต่เมื่อเห็นตามสัมมาทิฐิเมื่อไหร่ก็จะช่วยผ่อนทุกข์ตามเหตุตามปัจจัย
    อนึ่งการ ละ หรือ จาคะ ในความเห็นของผมถือว่าสมบูรณ์แล้ว ๑๐๐ % เมื่อคิดจะให้ ตัวจาคะให้ผลแล้วเต็มร้อยไม่ว่าจะให้กลับคนทุศีล คนมีศีลหรือ สัตว์เดรัจฉาน ไม่เกี่ยวเนื่องกับตัวปัญญาที่เลือกเนื้อนาบุญที่จะทำ เป็นคนละส่วนกัน เช่นหากเราคิดจะให้ทานกับสรพิษร้ายที่เป็นสัตว์เดรัจฉาน พระท่านบอกผลบุญที่ได้จะน้อยกว่าคนไม่มีศีล ทีนี้ตัวปัญญาต้องมาขบคิดว่า เอ ให้มันไปแล้วมันจะฆ่าเราไหมหนอ เราจะมีชีวิตอยู่สร้างบุญต่อในโลกมนุษย์ไหมหนอ ตัวนี้คือความสืบต่อสืบเนื่องในผลที่เราจะมีโอกาสทำบุญได้มากกว่าที่เราอยู่ในปัจจุบัน ต้องแยกให้ออกจากกัน เมื่อเราจน เราทำบุญได้น้อยหรือเราตายเพราะเราไปทำบุญกับสัตว์ร้ายแล้ว โอกาสที่จะสร้างบุญสืบต่อจะมีมากเท่ากับคนที่มีชีวิตอยู่และคนที่มีทรัพย์มากกว่าได้อย่างไร เช่น เรามีเงิน ๒ บาท มีซื้อของให้สัตว์ไปแล้วหมดตัว เราทำโดยไม่เลือกเนื้อนาบุญ การละเงินนั้นมันละไปแล้ว จาคะเต็มไปแล้ว บังเอิญมีพระอริยะเดินผ่านมา เราไม่มีเงินจะทำบุญแล้ว โอกาสก็สูญเปล่าไป เทียบกับคนที่เขามีเงินล้านบาท เขามีโอกาสให้ทั้งสัตว์ ให้ทั้งพระ มีโอกาสทำบุญได้มากกว่าเรา ตัวละ เขาก็ละเหมือนๆกับเรา แล้วอย่างนี้เราจะทำบุญโดยไม่ใช้ปัญญา ไม่หาเนื้อนาบุญก็เป็นเรื่องของท่านนั้นแล้ว ท่านอื่นไม่สามารถช่วยท่านได้ ธรรมของพระพุทธเจ้าละเอียดอ่อน หากเข้าไม่ถูกไม่ตรง ควรสอบถามพระดีๆ ยิ่งเป็นอริยะยิ่งดี จะได้ไม่เข้าใจบิดเบือน นำมาวิเคราะห์รวมกันปนกันในเรื่องที่ต่างกัน ผลที่จะเกิดก็จะต่างกันไป หากวิเคราะห์ได้ถูกต้องตามหลักของท่านก็จะเกิดผลอันมากมาย เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2012
  8. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    พระโสดาบัน และพระอริยะ จิตท่านหลุดไปสู่อริยะภูมิ ท่านปิดอบายภูมิแล้ว ท่านสงเคราะห์คนด้วยความเมตตา มิได้มองว่าคนนั้นถูกหรือผิด เป็นโจรเป็นขโมย ท่านมิได้มองแบบมนุษย์โลกมองครับ ท่านมองสัตว์โลกด้วยความสงสาร ต่างจ่ากที่ท่านที่ยังไม่ถึงอริยะชาติมอง ท่านไม่ต้องหาเนื้อนาบุญที่จะต้องทำเพราะท่านจบกิจไม่ต้องลงมาเกิดอีกแล้ว หมายถึงอรหันต์นะครับ ไม่รวมโสดาบันที่ต้องกลับมาเกิดอีก แต่ความเมตตากรุณาจะไม่ต่างกัน เป็นคนละเรื่องกับคนธรรมดาๆที่ต้องหาเนื้อนาบุญ ต้องวิเคราะห์ตามปัญญาบารมีธรรมของแต่ละคนครับ หากไม่เข้าใจคงอธิบายให้ฟังยาก ท่านไม่ต้องปลูกข้าวปลูกผัก ท่านรอเวลาที่จะละสังขารเมื่อมันหมดอายุลง แต่ก็ดำเนินชีวิตตามปกติของโลก ท่ามกลางความเสื่อมไปของสังขาร ตามกาลเวลา เพียงจิตท่านไม่ทุกข์ไม่สุข จนกว่าท่านจะละสังขาร เจริญในธรรมครับ
     
  9. Tanyong03

    Tanyong03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +343
    ขออนุโมทนาด้วย กับทุกความเห็น ถึงจะมองต่างกันบ้าง ก็เป็นมุมมองของแต่ละคน เราเป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าใจในการให้ทานสำหรับคนไม่มีศีล และการทำบุญกับผู้มีศีล การให้ทานของเราบางครั้งก็โดนเตือนว่าไม่ฉลาดในการให้ทานมากเกินไปไม่เลือกคน แต่เราก็ไม่ย่อท้อ เราให้ทานตั้งแต่สัตว์ คนที่มีน้อยกว่าเรา ด้อยโอกาสกว่า โดยไม่สนใจว่าทานไปแล้วเขาจะเอาไปทำอะไร ทำบุญกับวัดที่สะดวกหรือตักบาตร กับพระที่เราไม่สามารถทราบได้ว่าศีลท่านเต็ม227ข้อหรือไม่ แต่ก็ทำเพื่อให้ท่านมีอาหารขบฉัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะหาโอกาสสะดวกไปทำบุญกับพระอริยะสงฆ์ เราโชคดีที่ได้ไปกราบมาแล้วหลายองค์ได้ทำบุญกับท่าน ไม่ว่าจะเป็นหลวงตาบัว หลวงปู่ผ่าน หลวงปู่แฟ็บ หลวงตาแบน หลวงปู่บุญพิน หลวงปู่อ้ม หลวงปู่อว้าน หลวงพ่อสุธรรม การทำบุญที่ผสมผสาน เราก็จะได้หลายๆทาง ทำไปเถอะค่ะการให้ทานเพราะความเมตตา นำมาซึ่งรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขของผู้ได้รับเสมอ ในขณะเดียวกันก็หาโอกาสไปทำบุญกับพระอริยะสงฆ์ด้วย ตามโอกาสของเรา อนุโทนาสาธุด้วยค่ะ
     
  10. PNPNC

    PNPNC Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +38
    ทำทานเพื่อขจัด กิเลส ลดความตระหนี่ เห็นแก่ตัว

    อย่าไปสนใจเลยครับว่า ผู้รับจะเป็นเช่นไร เราจะได้รับผลบุญมากน้อยแค่ไหน

    แค่เมื่อได้ทำแล้ว ใจสุข สุขใจ ก็เพียงพอแล้วครับ

    เจริญในธรรมครับ ทุกท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...