ด่วนที่สุด ขอเชิญสมาชิกแสดงความคิดเห็นเพื่อ''ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย''

ในห้อง 'ประกาศจาก เว็บพลังจิต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 20 สิงหาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. krasin

    krasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +2,821
    อยากเสนอให้ทุกวันเสาร์ จัดรายการตอนเช้า เหมือนเล่าข่าว แต่เปลี่ยนเป็นหยิบประเด็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นั้น มาพิจารณาบาปบุญคุณโทษ โดยให้พระและฆราวาสร่วมกันจัดรายการ อย่างเช่น "เมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมามี ส.ส. ออกมาพูดจาแบบนี้ ลักษณะนั้น ควรจะผิดศีลข้อไหนบ้าง" อะไรประมาณนี้ครับ
     
  2. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    พื้นฐาณโครงสร้างสังคมไทยในสมัยก่อนมั่นคงและแข็งแรงอันเนื่องมาจาก การปฏิสัมพันธ์กันระหว่าง 3 เสาหลัก คืิอ วัด บ้าน โรงเรียน

    วัด อบรมสั่งสอนให้เข้าใจเรื่องบาปกรรม ให้มีความละอายและความกลัวเกรงต่อบาป

    บ้าน แนะนำปลูกฝังให้เยาวชนสามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว ส่งเสริมสนับสนุนให้เยาวชนได้เข้าร่วมกิจกรรมของวัด พ่อ แม่ ลูก มีเวลาพูดคุยปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากขึ้น ลดบทบาทของงานลง เพื่อไปเพิ่มบทบาทให้กับบ้าน

    โรงเรียน แนะนำปลูกฝังเรื่องวิชาความรู้สำหรับเลี้ยงชีพบนพื้นฐาณของจริยธรรม คุณธรรม อาจขอวิทยากรจากวัดมาชี้แนะร่วมกับบุลากรครูอาจารย์


    สังคมไทยควรหันมาใส่ใจหรือปรับเปลี่ยนท่าทีให้เป็นไปในแบบข้างต้นที่กล่าวมา
     
  3. สุปราณี(ปู)

    สุปราณี(ปู) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +284
    สิ่งที่คิดจะทำดูแล้วเป็นวงกว้างมาก กว่าจะปฏิรูปโดยใช้ศาสนามาเป็นการนำ ประเทศ ตรงนี้คนที่เป็นผู้นำได้จะต้องมีคุณธรรม เรียนรู้พระศาสนามากพอสมควร และสิ่งสำคัญ ต้องมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา สิ่งสำคัญก็ต้องดำเนินจากผู้นำก่อน และหน่วยราชกาลทุกที่ คนที่จะเป็นผู้นำหน่วยจังหวัด และตำบลก็ต้องมีคุณธรรม และปฏิบัติดีชอบมีศิล สาเหตุที่ทำให้เกิดความวุ่นวายภายในประเทศไทยก็เพราะผู้นำประเทศ ขาดศิลธรรม ไม่มีองค์ศิล ได้แต่นับถือพระศาสนา แต่มักหาโชคลาภเข้าตัวเกิดความโลภมากกว่า การเห็นแก่ส่วนรวม
    ตรงนี้แก้ก็ต้องแก้ที่ผู้นำ และผู้ตาม จะต้องมีความเห็นสอดคล้องกัน เมื่อมีความเห็นที่สวนทางก็ทำให้เกิดปัญหาได้เสมอ หากไม่เข้าใจ ก็ควรที่จะพูดจาตกลงกันด้วยสันติวิธีทั้งสองฝ่าย หากตกลงกันไม่ได้ ต่อไป เหตุการณ์ก็ตกอยู่ที่ต้องฆ่าฟันกันเหมือนเดิม เป็นเพราะไม่มีใครยอมใคร การที่จะบริหารประเทศให้สงบ ปัจจัยร่วมหลายๆฝ่าย ไม่ว่า นายกรัฐมนตรี หรือหน่วยราชการต่างๆ ก็ต้องมีการประสานงานเรื่องของศิลธรรมนั้นนำหน้า มิใช่นำความรู้สึกส่วนตัว เข้าบริหารประเทศ แต่ให้ทำงานด้วยความโปร่งใส และรายงานแก่ประชาชนทราบถึงแนวคิด การปฏิบัติ การปฏิบัติ สามารถทำได้หลายรูปแบบในส่วนของกิจกรรมประจำวัน สิ่งที่ลืมไม่ได้ คือ การปลูกฝังของกฏแห่งกรรม นรก สวรรค์ เมื่อคนเราได้รู้ซึ้งถึงเวรกรรมจริง โดยผ่านการอบรม ด้านสมาธิ สวดมนต์ และเรื่องของเวรกรรมมากขึ้น ความเกรงกลัวต่อบาปก็จะมากตามมาด้วย และการทำผิดในหน้าที่ก็จะน้อยลง ส่วนตัวคนที่มีตำแหน่งสูงสุดใช้อำนาจในทางมิชอบแล้ว จิตใต้สำนึก ของเขาก็จะบอกตัวเขาเอง และผลกรรมที่เขาจะได้รับก็ไม่ไกลตัวออกไปเลย ในส่วนครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ก่อนที่ผู้คนจะออกสู่สังคม เขาก็ต้องอยู่ในสังคมครอบครัว จุดรวมของครอบครัวก็จะต้องมีพระศาสนาเป็นสิ่งนำในชีวิต มีศิล มีคุณธรรม หากครอบครัวมีสิ่งเหล่านี้ ประเทศทั้งประเทศจะร่มเย็นเป็นสุขได้ และจากรากหญ้า สู่ผู้นำประเทศ และจากผู้นำประเทศสู่รากหญ้า ทำทั้งสองทางเพื่อความลงตัวของประเทศชาติ อนุโมทนาค่ะ
     
  4. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,774
    ค่าพลัง:
    +12,932
    สมควรส่งเสริมความมั่นคงทางจิตใจคือความดีงามคือบุญกุศล คนเราย่อมเจริญก้าวหน้าด้วยบุญกุศลในบุญกิริยาวัตถุ 10 เราก็ส่งเสริมให้ทำกัน และที่สำคัญส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ฝึกสมาธิกันบ่อย ๆ โดยสม่ำเสมอเป็นกิจวัตร อย่างน้อยครั้งละ 3 นาที 5 นาทีหรือมากกว่าน้อยกว่านี้ตามโอกาสอำนวย ให้มีการเตือนตนเองและผู้อื่น ๆ รอบข้างเรา และสอนให้ทุก ๆ คนเตือนตนและเตือนผู้อื่นทำสมาธิกันบ่อย ๆ ทำให้การฝึกสมาธิแพร่หลายกว้างขวางเป็นที่รู้จักเข้าใจเป็นปกติโดยเริ่มแต่บัดนี้ ก็เป็นบุญกุศลที่ควรทำในบุญกิริยาวัตถุอย่างหนึ่ง

    ให้ฝึกสติ ฝึกสมาธิบ่อย ๆ ทุกวัน ๆ เท่ากับเราช่วยกันชี้ขุมทรัพย์ ปลูกฝังขุมทรัพย์ เตือนไม่ให้ทิ้งขุมทรัพย์ การฝึกสติ สมาธิ ทำเมื่อไรก็ทำได้ เพียงแต่เราส่งเสริมให้ทำกันบ่อย ๆ ช่วยให้สุขภาพจิตดีเมื่อคนเรามีสุขภาพจิตดี การสร้างสรรค์ก็ดีตามมาความร้อนใจก็ลดน้อยลง ประเทศชาติก็ร่มเย็นเพราะคนในประเทศมีความเย็นใจจากการทำสมาธิกันทุกคน

    การปลูกฝังให้มีการศึกษาฝึกฝนให้มีการฝึกสมาธิบ่อย ๆ นี้เราส่งเสริมให้เป็นวัฒนธรรมประจำตนประจำสังคมตั้งแต่ตัวเราและคนรอบข้างเลยเพราะเป็นประโยชน์ที่สุด ในการเตรียมใจให้พร้อมในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพสูงสุด ฝรั่งมังค่าทางตะวันตกเขาเห็นประโยชน์มากเขาสนใจกันมาก พวกเราควรพัฒนาให้สมที่เราสนใจในการปฏิบัติธรรมและสนใจชักจูงคนอื่นให้ปฏิบัติธรรมกันเพราะเห็นว่าดีมีประโยชน์มากมายมหาศาล

    แล้วสังคมเราก็จะมีการพูดกันเรื่องสมาธิ พูดเรื่องการฝึก เรื่องผลที่ได้รับ ทำให้บรรยากาศดีมาก ๆ เท่ากับพวกเราไม่ประมาท ไม่หลงไปกับความร้อน ทำความดีร่วมกันและพากันไปสู่สิ่งดีงามโดยเริ่มต้นที่ใจเป็นสมาธิแล้วความดีอื่น ๆ ก็ไม่ต้องกังวลเพราะใจดีเป็นเหตุ วาจาดี การกระทำที่ดีก็เป็นผลตามมา เพียงแต่ทำเหตุคือใจให้ดีบ่อย ๆ จิตใจของคนในประเทศเจริญ ผลก็คือประเทศไทยก็ย่อมเจริญทั้งจิตใจ และวัตถุตามมา เมื่อคนไทยใจดี คนทั้งโลกก็เย็นใจและเอาเป็นแบบอย่าง ทำให้โลกร่มเย็นในเวลาต่อมา

    อนุโมทนาครับ

    ป.ล.ยาวเลยครับเพื่อสื่อความหมายที่ชัดเจน หากตรวจดูแล้วจะนำไปก็ตกแต่งเอาตามสมควรนะครับ

    [​IMG]:cool:
     
  5. เจาตา

    เจาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2010
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +217
    ไม่ทราบจะเป็นประโยชน์ไหม...แต่อยากเสนอค่ะ
    อยากให้มีการแทรกข้อปฎิบัติที่ดีตามแนวทางของศาสนาที่สามารถผสมผสาน บูรณาการเข้ากับสังคมโลก มาเป็นแม่แบบของกฏหมาย หรือ ข้อกำหนด ต่างๆ ในสังคม ค่ะ
     
  6. SOMDEJ

    SOMDEJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +353
    ผู้ปกครองไทยทุกสมัย ล้วนใช้ระบบอุปถัมภ์
    ซึ่งเป็นธรรมชาติของขนบธรรมเนียมแบบไทย ๆ
    ขอเพียงใช้ด้วยความมี "คุณธรรม" ของผู้นำ เท่านั้น
    คนจะรักกัน ชาติจะมั่นคง
     
  7. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    แบบย่อสุดๆ

    ในฐานะที่เว็บพลังจิตเป็นตัวแทนสื่อและชุมชนที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาทางอินเตอร์เน็ต
    มีความคิดเห็น ในประเด็นการพัฒนาและส่งเสริมทางด้านศาสนา


    ๑. ส่งเสริม สนับสุนน ภาครัฐและองค์กรพุทธต่างๆ สร้างเว็บไซต์เพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา
    โดยเฉพาะวัดทั่วประเทศ. สื่อธรรมะไหนที่มีอยู่เดิมแล้ว เช่น หนังสือ เสียงธรรมเทศนาและวีดีโอเทป ให้แปลงมาเป็นรูปแบบดิจิตอลแล้วเผยแผ่ในเว็บไซต์

    ส่วนเพื่อชาวต่างชาติ องค์กรไหนที่มีความพร้อมให้แปลสื่อธรรมะเป็นภาษาหลักๆของโลก เป็นการสนับสนุนเพิ่มน้ำหนักให้ไทยเป็นศุนย์กลางพุทธศาสนาของโลกและขยาย นิกายเถรวาท.

    ๒. ส่งเสริมสนับสุนน นำเรื่องศิลธรรมของพุทธศาสนาไปเผยแผ่แบบผสมผสานในสื่อกระแสหลัก
     
  8. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    (k) มาสนับสนุนร่วมด้วยค่ะ คงเป็นวิธีที่ปฏิบัติได้ง่ายที่สุดในเวลานี้ เพราะที่ช่วยกันตอบคงเป็นภาคสนามใหญ่ที่ทุกส่วนต้องร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขกันต่อไป สื่อคอมพิวเตอร์ที่ผ่านทางเวปไซต์จะเป็นเครื่องมือเสริมที่กระจายความรู้ไปถึงประชาชนทุกครัวเรือนได้ง่าย,รวดเร็ว และประหยัด เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ช่วยกันส่งเสริมเวปคุณธรรมดี ๆ ไว้ อย่าให้สูญสลายหายไปค่ะ(k)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  9. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    เพิ่งเห็นหัวข้อค่ะ สั้น ๆ ที่อยากได้ กรมแรงงานช่วยกำหนดออกมาเป็นกฏหมายบังคับใช้กับบริษัท ห้าง ร้าน เอกชน รวมไปถึง หน่วยงานราชการ จัดวันหยุดที่ตรงกับเทศกาลสำคัญทางศาสนา ติดกัน 2-3 วัน ไปเข้าวัดปฏิบัติธรรมกันให้หมด ใครไม่ทำปรับเอาเงินเข้าหลวง
     
  10. K จรูญพันธ์

    K จรูญพันธ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +49
    คนมีศิล ย่อมเป็นคนดี โดยปกติ สนับสนุนคนดีปกครองบ้านเมืองหรือเป็นผู้นำ ก็จะไปรอด
     
  11. Surachai Mankong

    Surachai Mankong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +329
    น่าจะให้ความสำคัญกับวิชาทางพระพุทธศาสนามากกว่านี้ เนื่องจากที่ผมเรียนมาวิชาเล่านี้ลืมจะหายไป เนื่องจากไม่ค่อยให้ความสำคัญกันสักเท่าไร
     
  12. Phuket

    Phuket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +877
    ศาสนาพุทธไม่ว่าจะเป็นนิกายใดๆก็ตามเสื่อมถอยลงไปทุกวัน เพราะมีบุคคลบางกลุ่มหากินกับผู้ที่ทำบุญ ซึ่งเป็นบาปอย่างมาก ทุึกๆวันนี้ก็ยังเห็นอยู่ แต่จะเข้าไปถามก็ไม่กล้า
     
  13. พระปองพล

    พระปองพล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +56
    ขออนุโมทนา กับสองข้อความนี้เจริญพร

    ทุกวันนี้เด็กค่อนข้างจะห่างวัด อยากให้ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้ศึกษาธรรมะกันตั้งแต่เล็กๆค่ะ
    เพราะถ้าเด็กๆมีความเข้าใจธรรมะ รู้บาปบุญคุณโืทษ รู้ประโยชน์ของการทำดี
    เติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไปในอนาคตก็จะหลีกเลี่ยงที่จะทำสิ่งไ่ม่ดี
    เลือกที่จะทำความดีอย่างน้อยก็ให้ตนเอง ไปจนถึงสังคม ประเทศชาติ
    ปัจจุบันการเรียนเน้นด้านวิชาการมากค่ะ วิชาพระพุทธศาสนาเรียนสัปดาห์ละครั้ง ก็ถ่ายทอดได้ไม่เต็มที่
    เด็กยังเป็นไม้อ่อนค่ะ สอนง่าย ถ้าเราสอนให้ดีได้
    เขาก็มีแนวโน้มจะเป็นคนดี คิดดี ทำแต่สิ่งดีๆไปตลอดชีวิต มีลูกหลานก็สั่งสอนลูกหลานต่อ พลเมืองดี ประเทศก็ดีค่ะ<!-- google_ad_section_end -->


    เราสามารถทำให้ธรรมะอยู่ได้ทุกที่ โดยการทำเป็นเสียงตามสาย เหมือนวิทยุชุมชน (ไม่จำเป็นต้องมีโฆษณา) อย่างห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าที่ส่วนมากจะเปิดเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ สุนทรีย์ๆ ระหว่างที่ทำธุระส่วนตัวอยู่ ก็มีโอกาสนั่งฟังไปด้วย ถ้าใครฟังแล้วชอบแล้วสนใจ เค้าจะเริ่มสรรหามาฟังเอง เป็นการปลูกฝังความใฝ่รู้ และปลูกฝังธรรมะไปในตัว (ขอความร่วมมือจากห้างสรรพสินค้า อาจเปิดสลับกับโฆษณาของห้างเองก็ได้เพื่อการค้าส่วนหนึ่งขึ้นกับพิจารณาจากทางห้างฯ)
     
  14. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    สำหรับการปองดอง

    ๑.มีหิริโอตัปะ ละอายต่อบาป
    ๒.ครองพรหมวิหาร ๔
    ๓.อกุลกรรมบท ๑๐
    ๔.ยอมรับกฏแห่งกรรม
    ๕.ให้อภัยทาน
    ๖. สาราณียธรรม ๖ หลักธรรมแห่งความสามัคคี


    หลักธรรมแห่งความสามัคคี สาราณียธรรม ๖

    แสดงกระทู้ - สาราณียาธรรม ๖ : หลักแห่งความสามัคคี • ลานธรรมจักร

    ในทางพระพุทธศาสนา
    พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสหลักธรรมอันจะเป็นแนวทาง
    ในการเสริมสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคมเอาไว้ ๖ ประการด้วยกัน
    ซึ่งอยู่ในหมวดธรรมที่เรียกว่า "สาราณียธรรม ๖ "


    ซึ่งมีความหมายว่า หลักธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง
    เป็นหลักธรรมที่จะเสริมสร้างความรู้สึกที่ดี
    ให้เกิดขึ้นต่อกันและกันอยู่เสมอในยามที่ระลึกถึงกัน
    ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความสามัคคีมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้เกิดขึ้นด้วย

    หากสังคมใดต้องการที่จะเสริมสร้างความสามัคคี
    และความ เป็นปึกแผ่นให้เกิดขึ้น
    ก็ควรที่จะต้องนำเอาหลักธรรมธรรมทั้ง ๖ ประการ ไปใช้อยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ:-

    ๑. เมตตามโนกรรม

    หมายถึง การคิดดี การมองกันในแง่ดี มีความหวังดีและปรารถนาดีต่อกัน
    รักและเมตตาต่อกัน คิดแต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ต่อกัน
    ไม่อิจฉาริษยา ไม่คิดอคติ ไม่พยาบาท ไม่โกรธแค้นเคืองกัน
    รู้จักให้โอกาสและให้อภัยต่อกันและกันกันอยู่เสมอ

    ๒. เมตตาวจีกรรม

    หมายถึง การพูดแต่สิ่งที่ดีงาม พูดกันด้วยความรักความปรารถนาดี
    รู้จักการพูดให้กำลังใจกันและกัน
    ในยามที่มีใครต้องพบกับความทุกความผิดหวังหรือความเศร้าหมองต่างๆ
    โดยที่ไม่พูดจาซ้ำเติมกันในยามที่มีใครต้องหกล้มลง

    ไม่นินทาว่าร้ายทั้งต่อหน้าและลับหลัง
    พูดแนะนำในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ พูดอย่างใดก็ทำอย่างนั้น ไม่โกหกมดเท็จ

    ๓. เมตตากายกรรม

    หมายถึง การทำความดีต่อกัน สนับสนุนช่วยเหลือกันทางด้านกำลังกาย
    มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่เบียดเบียนหรือรังแกกัน
    ไม่ทำร้ายกัน ให้ได้รับความทุกขเวทนา
    ทำแต่ในสิ่งที่ถูกต้องต่อกันอยู่ตลอดเวลา

    ๔. สาธารณโภคี

    หมายถึง การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม
    ช่วยเหลือกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
    ไม่เอารัดเอาเปรียบ และมีความเสมอภาคต่อกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันอยู่เสมอ

    ๕. สีลสามัญญตา

    หมายถึง การปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่างๆอย่าง เดียวกัน
    เคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคล ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน
    ไม่อ้างอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ถืออภิสิทธิ์ใดๆทั้งปวง

    ๖. ทิฏฐิสามัญญตา

    หมายถึง มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกัน คิดในสิ่งที่ตรงกัน
    ปรับมุมมองให้ตรงกัน รู้จักแสงหาจุดร่วมและสงวนไว้ซึ่งจุดต่าง ของกันและกัน
    ไม่ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่ รู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอยู่เสมอ

    หลักธรรมทั้ง ๖ ประการข้างต้น
    เป็นหลักธรรมสำหรับการเสริมสร้างความสามัคคี
    และความเ ป็นปึกแผ่นให้เกิดขึ้นในสังคม
    อันจะนำมาซึ่งความสุข ความสันติ ความมั่นคง
    และความเจริญก้าวหน้าทั้งทั้งหลายทั้งปวง


    ดั่งพระพุทธวจนะบทที่ว่า

    "สมคฺคยานํ ตโป สุโข ความสามัคคีของหมู่คณะเป็นเหตุนำความสุขมาให้"
     
  15. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,604
    ประมวลความเห็น (อ้างอิงโครงหลักที่พี่ WebSnow ประมวลผลไว้แล้ว)

    ข้อเสนอแนะในการพัฒนาประเทศของเว็บพลังจิตดอทคอมที่ประมวลมาจากความเห็นของสมาชิก ประกอบด้วย

    1. ทุกภาคส่วน ควรเรียนรู้และยอมรับในความเห็นที่แตกต่างของแต่ละศาสนา เพื่อลดความแตกแยกทางความคิด โดยภาครัฐควรสนับสนุนให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการนำหลักศาสนามาใช้พัฒนาประเทศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ

    2. ภาครัฐควรสนับสนุนการเผยแพร่หลักธรรมของภาคประชาชนในการจัดทำฐานข้อมูลหนังสือธรรมะ เสียงธรรมเทศนา และวีดีโอเทป เผยแพร่เป็นธรรมทานผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงหลักธรรมได้ง่ายขึ้น

    3. ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก ภาครัฐควรสนับสนุนการแปลหลักธรรมเป็นภาษาต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาอื่น ๆ

    ประมาณ 8 บรรทัดพอดี และครอบคลุมเนื้อหาที่เขาต้องการประมาณ 80 %

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  16. ป่าเป็นกาย

    ป่าเป็นกาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +46
    อนุโมทนาทุกๆ กระทู้....แท้จริงแล้วทุกอย่างดีหมดเพราะเห็นแต่ตัวเองดีอย่างนั้นอย่างนี้..ต้องรู้จักมองว่าคนอื่นๆที่ดูและประเทศทุกคนดี..แต่ดีมากหรือน้อยต่างกัน..
    ด้วยเหตุแห่งเหตุต้องเดินตามกาลเวลาและเกิดการเปลี่ยนแปลงเสมอ..คนเลวใช้ว่าไม่มีผลดีกับคนที่ดีแต่เป็นแบบอย่างที่ไม่ควรเอาอย่างและเป็นผู้ที่จะพลักดันให้เราๆ ทั้งหลายไม่เดินไปในทางน้น...เช่น ไม่มีมารบารมีก็ไม่เกิด..ทุกๆอย่างมีเหตุและปัจจัยจึงเกิดว่าจะพร้อมมูลเวลาใดวันไหน..สำคัญที่เราๆ นั้น..รู้ตัวเรา..รู้เขาดีมากน้อยเพียงใด..ขัดเกลาตัวเราให้มากเท่าที่จะมากได้..เถิด..การเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดกับทั้งโลก..เราๆจงเอาตัวเองให้ผ่านการเปลี่ยนแปลงให้ครั้งนี้ให้ได้..3 หมู่ชนที่จะอยู่ให้ผ่านพ้น..จงมีธรรมในจิตใจ..ไม่ใช้แค่วาจาที่หลอกตัวเองหรือแสดงออกให้ผู้อื่นได้เห็น..วันนี้คุณไม่ต้องไปหาอริยสงฆ์..สิ่งที่จะช่วยคุณได้เราที่สุดคืออริยสงฆ์ที่มีตัวตนในบ้านให้ดีที่สุด..คุณก็จะผ่านสิ่งเลวร้ายได้เร็วเท่านั้น..คุณบิดร..มารดา..ให้เนื้อ..กระดูก..เลือด..ลูก..เอ๋ย..จงทำบุญในบ้านก่อนให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนไปทำกับพระองค์เอก ต่อจากนั้นฝึกตนทำบ้านให้วัดและทำวัดให้เป็นบ้าน..สุขแท้จริงอยู่ที่ใจบุตรแห่งธรรมทั้งหลาย..แต่ถ้าสมบูรณ์แล้วอริยะสงฆ์องค์เอกยุคพุทธกาลสมัยองค์สมเด็จพระโคตโมสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น องค์เอกแห่งรูปงามนามพระสังกจายนะเจ้าหนึ่ง องค์เอกแห่งอริยสงฆ์องคุลิมาโลจะหนึ่ง..ในเทศ...องค์ที่หนึ่ง
    จากคำกล่าวของท่านนั้นยกมา...ท่านจะเกิดเป็นยุคสุดท้ายแล้วสร้างองค์พระแก้วศรีอาริยะเจ้าใหญ่ยิ่งในไทยให้ไพรศาล มีกองบุญกุศลมากล้นเต็มแล้วในชาติกาล บุตรแห่งธรรมจงรู้จักสร้างธรรมทานเทอญ..
    องค์ที่สองครองผ้าสามผื้น..แม้ขมกล้ำกลืนจะทนไม่สนแม้คนหน่า..อยู่องค์เดียวกับสัตว์เลี้ยงเคียงกายา มีแมวลิง..ไก่.แพะ..และฝูงหมา
    รีบเร่งไปให้ได้ใจท่านยากนักหน่า ต้องรู้จักคุณเมตตาท่านสูงยิ่งไม่หย่อนใคร
    ภายนอกกายเข้าชราด้วยอายุ ภายนอกดุไม่สนใจใครหรอกหน่า
    ด้วยธรรมมะในตัวท่านสูงค่า คัดคนเข้า ที่มาหาสูง จริงๆ
    ใครทนได้ รับไว้ พิจารณา ได้คุณธรรม จากสององค์ ปลงคือวางลง แบบจริงๆ
    สาธุ...สาธุ..อนุโมทนากับคุณพระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์..อย่างยิ่งยวด
    พร้อมกับคูณบิดร.มารดา..ครูอุปัฌชายะ..และเทพอินพรมทุกขั้น..และทุกสิ่งในไตรโลกาเทอญ..
     
  17. พระปองพล

    พระปองพล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +56
    อยากจะฝากอีกเรื่องก็คือไม่ใช่แต่จะปลูกฝังพระพุทธศาสนาให้ประชาชนอย่างเดียวแต่ควรให้ทางสำนักงานพระพุธศาสนา หรือ ทางมหาเถรสมาคม เคมงวดกับพระสงฆ์ในวัดต่างๆให้มากขึ้นทั้งทางด้านการปฏิบัติตัวของพระสงฆ์ในวัดนั้นๆการหมั่นอบรมณ์กรรมฐานและปฏิบัติตามพระวินัยอย่างแคร่งครัดเพราะพระสงฆ์นั้นเป็นเหมือนต้นแบบ ถ้าสังสอนเยาวชนไปแล้ว แต่เขากลับไปเห็นแบบ อย่างของ(พ)บางบางคนที่ไม่ดีหรือแม้กระทั่ง(พ)ที่สอนเองก็เป็นแบบอย่างที่ดีไม่ใด้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อาตมามิใด้ดูหมิ่นพระสงฆ์แต่ประการใด แต่หมายถึงบุคคลที่หม่ผ้าแบบพระแต่ทำตัวไม่สมกับสมณสารูป นั้นมีอยู่ (ปลาตายเพียงตัวเดียวนั้นทำให้เหม็นทั้งหมดใด้)จึงสมควรที่จะจัดการกับปัญหานี้ก่อนอันดับแรกคือที่ (ต้นแบบ)
     
  18. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ผมได้อ่านความเห็นของทุกท่านที่ได้กรุณาสละเวลามาร่วมแสดงความคิดเห็นแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ช่วยกันเสนอแนะความคิดเห็นเพื่อนำไปเสนอต่อที่ประชุมในนามของเว็บพลังจิต

    ผมได้ทำการสรุปความคิดเห็นต่างๆ และจะประมวลสรุปนำเสนอภายในกรอบเวลาและข้อกำหนดที่ผู้จัดเสวนา (สำนักงานร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย) ได้ตั้งไว้ หลังจากนั้นจะนำข้อคิดเห็นต่างๆ มาจัดทำเป็นเอกสารฉบับเต็มเพื่อจัดส่งให้แก่ผู้จัดเสวนาภายในสัปดาห์หน้า ดังนั้น หากท่านใดที่มีความคิดเห็นเพิ่มเติมก็ยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้ครับ



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  19. ขวัญ09

    ขวัญ09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +431
    อยากให้บังคับวิชาศีลธรรมเป็นวิชาหลัก เหมือนวิชาวิท และคณิต เพราะจะได้คนเก่งที่มีศีลธรรม คนเก่งฝึกง่าย คนดีมีคุณธรรมฝึกยาก ฝึกคนให้เก่งใช้เวลาไม่กี่ปี แต่คนดีมีศีลธรรมต้องใช้เวลาในการปลูกฝัง ของอนุญาตพูดคำไทยเดิม ว่าคนดีโดยสันดาร กับ คนสันดารไม่ดี ต่างกัน เพราะคนดีโดยสันดารจะคิดดีทำดีถึงมีสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาก็จะหลีกเลี่ยง ส่วนคนสันดารไม่ดี ไม่ใช้ว่าเป็นคนดีไม่ได้ แต่ต้องมีการปลูกฝังและขัดเกลาอบรมมากกว่า เพราะใจเขาจะหลงง่ายกับสิ่งที่ไม่ดี ส่วนจะใช้อะไรในการขัดเกลา ถ้าไม่ใช่คุณของศีลและธรรม คนเก่งแต่ไม่มีศีลธรรมไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็จะมีแต่ปัญหาเพราะจะมีแต่แกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันขาดความมีเมตตาสามัคคี มั่วแต่คิดเอาประโยชน์ใส่ตัวโดยไม่สนใจใคร ส่วนคนดีมีศีลธรรมไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะเข้าใจช่วยเหลือกัน คนในสมัยก่อนเขามีศีลกันมากเขาเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ว่ามีจริงจึงกลัวในสื่งที่ทำไม่ดี แต่คนรุ่นใหม่นี้ไม่เชื่อเรื่องเวรกรรมหรือบาปบุญ จึงทำกันไปตามอารมณ์ที่เกิด เพราะคนรุ่นใหม่เรียนวิชาศีลธรรมน้อยมาก สับแต่ว่าเรียน ไม่มีความเข้าใจ เรียนเหมือนนกแก้วนกขุนทอง พูดได้แต่ไม่เข้าใจความหมาย อย่าว่าแต่เด็กเลยว่าทำไม่สวดมนต์ไม่เป็นเพราะผู้ใหญ่บางคนยังไม่เข้าในพระพุทธศาสนาเลย มีอยู่วันหนึ่งดิฉันเอารูปต้นโพธ์ที่พุทธคยาและรูปพระที่ไปถ่ายจากอินเดียไปขยายเป็นภาพใหญ่ไว้ใส่กรอบ มีคนหนึ่งเห็นและสงสัย จึงถามว่าต้นอะไร ดิฉันจึงอธิบายให้เขาฟัง แต่เขาพูดว่าไม่คิดว่าพระพุทธเจ้าจะมีจริงคิดว่าเป็นแค่นิทานที่เขาเล่ากันมาเท่านั้น ดิฉันจึงคิดว่าควรจะเรียนวิชาศีลธรรมให้เก่งและให้เข้าใจเหมือนวิชาวิท และคณิต และ จะได้บังคับให้เรียนทุกคน ไม่ใช่แค่ให้พระหรือคนปฏิบัติธรรมรู้อยู่แต่กลุ่มเดียว ควรปลูกฝังทั้งแต่เยาวชน จนผู้ใหญ่ จึงจะแก้ปัญหาต่างๆได้ เพราะคนดีมีศีลจะเข้าใจและดูแลตัวเองได้ว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี สิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ เหมือนคำโบราณพูดว่า ควรมีสมบัติผู้ดีไว้บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  20. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ขอฝากพี่ตั้ม และพี่คมน์ เรื่องช่วยรณรงค์ให้ชาวไทยพุทธรักษาศีล 5 กันทุกคนครับ

    ผมเชื่อว่า หากคนเรามีศีล 5 ประจำใจตนเป็นพื้นฐานแล้ว มีแต่จะเจริญขึ้นไป ไม่มีตกต่ำครับ แต่ถ้าว่า จะเจริญขึ้นไปได้มากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับธรรมะอื่นๆ ที่นำมาร่วมด้วย เช่น ทาน ภาวนา หิริโอตัปปะ พรหมวิหาร 4 ฯลฯ

    ขอฝากเพียงข้อความเดียวครับ

    " วันนี้ ท่านรักษาศีล 5 แล้วหรือยัง ??? "
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...