คำถามด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต

จาก : เคี้ยวอาหารอย่างมีสติ ดั่งการเคี้ยวจักรวาลทั้งใบ พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์

เป็นที่รู้กันว่าคลื่นสมองในระดับที่เป็นสมาธิจะอยู่ในระดับความถี่ที่ต่ำกว่าปกติ
แต่ในทางคอมพิวเตอร์แล้ว ถ้ายิ่ง CPU ใช้ความถี่ในการประมวลผลสูงขึ้นมากเท่าใด
ก็ยิ่งมีความเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากขึ้นตาม
เหตุใด มนุษย์จึงมีความสามารถในการเรียนรู้มากขึ้นในระดับความถี่ที่ต่ำลง?

 

ก่อนหน้านี้สักพักได้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องคลื่นสมองพอดี เดี๋ยวก็อปตรงส่วนนี้มาให้อ่าน ยาวหน่อยนะ
<hr>
<b>ภาวะของคลื่นสมอง</b>
คลื่นสมองเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งได้มาจากการส่ง สัญญาณเคมีทางชีวภาพในร่างกายมนุษย์ การวัดพลังงานไฟฟ้าบริเวณสมองด้วยเครื่องมือ Electroencephalogram (EEG) ทำให้นักวิจัยทางประสาทวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบความจริงว่า การเลือกตอบสนองต่อปัจจัยภายนอกมีผล โดยตรงต่อสภาวะภายในที่เป็นคลื่นสมอง เราสามารถอ่านค่าผลของการวัด และแบ่งคลื่นสมองของมนุษย์ตามระดับความสั่นสะเทือนหรือความถี่ ได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

1. คลื่นเบต้า (Beta brainwave) มีความถี่ประมาณ 14-21 รอบต่อวินาที (Hz) เป็นช่วงคลื่นสมองที่เร็วที่สุด

เกิดขึ้นในขณะที่สมองอยู่ในภาวะของการทำงานและควบคุมจิตใต้สำนึก(Conscious Mind) ในขณะตื่นและรู้ตัว เช่น การนั่ง ยืน เดิน ทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ ในกรณีที่จิตมีความคิดมากมายหลายอย่างจากภารกิจประจำวัน วุ่นวายใจ สับสนหรือฟุ้งซ่าน และสั่งการสมองอย่างไม่เป็นระเบียบ ความถี่ของคลื่นช่วงนี้อาจสูงขึ้นได้ถึง 40 Hz โดยเฉพาะคนในที่มีความเครียดมาก อยู่ในภาวะเร่งรีบบีบคั้น ตื่นเต้นตกใจ อารมณ์ไม่ดี โกรธหรือดีใจมาก ๆ สมองจะมีการทำงานในช่วงคลื่นเบต้ามากเกินไป ในขณะที่หากไม่มีคลื่นเบต้าเกิดขึ้นเลย มนุษย์จะไม่สามารถเรียนรู้หรือทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ในโลกภายนอก

ปรกติสมองคนเราจะมีเส้นทางอัตโนมัติในการรับรู้ความรู้สึก ที่ทำให้สั่งการได้โดยไม่ต้องใช้เวลาในการใคร่ครวญมากนัก ความเป็นอัตโนมัตินี้ส่วนใหญ่จะมีประโยชน์อยู่ในระดับหนึ่งและเป็นเรื่องกลาง ๆ สำหรับชีวิต ช่วยย่นย่อจดจำเรื่องราวจำเจที่ต้องทำซ้ำ ๆ เป็นประจำให้ดำเนินไปได้ บางส่วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อการรอดพ้นจากอันตรายในสถานการณ์คับขัน เช่น การดึงมือออกทันทีเมื่อบังเอิญไปสัมผัสของร้อนจัด

แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ

 

จาก : Morphic Field พฤติกรรมของคนคนเดียวหรือของบางสิ่งก็ส่งผลไปทั่ว

หากการเกิด Morphic Field (หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การกำทอนของเหตุการณ์)
สามารถทำให้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วครั้งหนึ่ง มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแบบเดิมซ้ำเพิ่มมากขึ้น
เป็นไปได้หรือไม่ว่า การที่ "กรรม" สามารถย้อนกลับมาให้ผลแก่ผู้กระทำในลักษณะเดียวกันได้
เป็นปรากฎการณ์เดียวกับการกำทอนดังกล่าวนี้?

 

เรื่อง Morphic Field กับเรื่องกรรม มีความรู้สึกว่า Morphic Field นั้น การกระทำจะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของคนอื่นๆ ด้วย แต่เรื่องกรรมจะส่งผลต่อผู้ที่ทำกรรมนั้น ให้มีประสบการณ์อย่างเดียวกับที่เราทำกับคนอื่น

ดูแล้วอาจะไม่เกี่ยว หรืออาจจะเกี่ยว ก็ตรงที่พฤติกรรมที่เราสร้างไว้ บางทีมันก็อาจทำให้คนอื่นๆ ทำตาม แล้วคนที่โดนก็เป็นเราพอดี

เรื่องนี้รู้ไม่ค่อยเยอะ เลยตอบไม่กระจ่าง

 

ความถี่ต่ำ ไปได้ไกล มีพลังมาก ยิ่งต่ำ ยิ่งมาก แต่เหมือนไม่มีพลัง เป็นเพราะการกำหนดระบบตัวเลขของมนุษย์เรา ที่มีความหมาย ตัวเลขน้อย มีค่าน้อย !!! (เดา...)

 

*** ความถี่ต่ำ กับ ความถี่สูง **** เมื่อเราเป็นคน...มองเห็น แมลงวัน ใช้ชีวิต ด้วยความถี่สูง...เคลื่อนไหวเร็ว กินเร็ว ถ่ายเร็ว ผสมพันธุ์เร็ว นอนเร็ว ตื่นเร็ว โตเร็ว หมดพลังงานเร็ว แล้วก็ตายเร็ว.......เมื่อคนมอง เต่า ใช้ชีวิต ด้วยความถี่ต่ำ เคลื่อนไหวช้า กินช้า ถ่ายนาน ผสมพันธุ์นาน นอนนาน ตื่นนาน โตช้า หมดพลังงานช้า แล้วก็ตายช้า อายุยืนยาว ... เต่าแต่ละตัว บอกว่า ฉันมองเห็น แมลงวันตายไปหลายชาติแล้ว...แมลงวัน ตัวหนึ่งบอกว่า ฉันกินก็แล้ว ถ่ายก็แล้ว ผสมพันธุ์ก็แล้ว นอนจนตื่น ไปแล้วไม่รู้กี่รอบ พี่เต่ายังนอนไม่ตื่นเลย.... - " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เลขมาก เลขน้อย **** มนุษย์...ชอบสะสม ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งมีมากยิ่งชอบ จึงสร้างค่านิยม ชอบมีมาก มากดีกว่าน้อย คะแนนมากดีกว่าคะแนนน้อย....มนุษย์ จึงมองว่า เลขมาก มีคุณค่าสูง กว่าเลขน้อย...๙ จึงมักสูงกว่า และมากกว่า ๑ ...การสะสมทางกายและภาระทางใจยิ่งมีมาก.......มนุษย์ ที่เข้าถึง "สัจจะธรรม" เข้าใจว่า การสะสมสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์ ตัวเลขที่สะสมมาก มักสร้างความทุกข์ให้ภายหลัง... มนุษย์ที่ต้องการ "หลุดพ้น" จากความทุกข์....จึงมุ่งที่จะลด ลดทุกสิ่งทุกอย่างที่ติดตัวมา ลดสิ่งที่เป็นภาระแบกหาม ลดนิสัยที่ไม่ดี ลดพฤติกรรมที่ไม่ดี ให้เหลือศูนย์...มนุษย์ผู้นี้ จึงเห็นว่า การลดน้อยลงของนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด...คือ ที่สุดของการปฏฺบัติ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์...เขาจึงใช้ "สัจจะ"นำชีวิตตนเอง ลดนิสัยวันละอย่าง เป็นประจำวัน จนถึงที่สุดของชีวิต - " หนุมาน ผู้นำสาร "