Video clip: กังฟูวัดเส้าหลิน

ชอบมากครับ

 

ขอบคุณคุณ Xiao Fong ลี้น้อยมีดบิน ด้วยค่ะ
ขนาดพระวัดเส้าหลิน ฉันมังสวิรัติยังมี พลังได้ขนาดนี้
เคยอ่านเจอว่าฤาษี หรือโยคีก็กินมังสวิรัติกัน
เขาบอกว่า.. เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด
โยคีทั้งหลายได้บัญญัติการกินอาหาร แบบมังสวิรัติ
เพราะเชื่อว่าวิธีนี้ ช่วยให้จิตวิญญาณ รวมเป็นหนึ่งเดียว กับจักรวาลได้

 

กังฟูวัดเส้าหลิน ตำนานวิทยายุทธสะท้านยุทธจักร ​

​

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- / icon and title --><!-- message -->กังฟูเส้าหลิน ศิลปะการต่อสู้อีกชนิดหนึ่งของจีนอันลือเลื่องมานานหลายพันปี ปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมทั้งในเมืองจีนต้นกำเนิดและโด่งดังไปทั่วโลก ศิษย์วัดเส้าหลินอย่าง ปึงซีเง็ก อั้งฮีกัว โอ้วฮุ่ยเคี้ยง หลายกระบวนท่าการฝึกวิชาต่อสู้ของหลวงจีนถูกหยิบยกมาโลดแล่นในหนังกำลังภายในบนแผ่นฟิล์มและจอแก้ว


สำหรับหลวงจีนวัดเส้าหลินแล้ว กังฟูเป็นมากกว่าศิลปะการต่อสู้ แต่ยังหมายถึงหนทางเข้าสู่แก่นธรรมะ

ท่องยุทธจักรเส้าหลิน

สำนักเสี้ยวลิ้มยี่ หรือ เส้าหลินซื่อเรียกตามที่ตั้งซึ่งอยู่ในป่าเชิงผาเสี้ยวซิก เสี่ยวลิ้มยี่แปลว่าวัดป่าที่เชิงผาเสี้ยวซิก จึงเรียกว่าเสี้ยวลิ้มยี่ (เสี้ยวหมายถึงสันเขา หรือภูผา ,ลิ้มแปลว่าป่าหรือดงไม้ ,ยี่แปลว่าวัด)

ตำนานวัดเสี้ยวลิ้มยี่หรือเส้าหลินในหนังสือสกัดจุดยุทธจักรมังกรหยก ของถาวร สิกขโกศล อธิบายว่า ปัจจุบันในเมืองจีนมีวัดเส้าหลิน 3 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่บนสันเขาเสี้ยวซิก แห่งภูเขาซงซัว (ซงซาน) มณฑลฮ่อหนัง(เหอหนัน) ต้นกำเนิดศาสนานิกายเซน ผู้ให้กำเนิดวัดนี้คือพระพุทธภัทรเถระ เจ้าชายในศากยวงศ์ บวชแล้วมาเผยแผ่ศาสนาที่เมืองจีน ทางกษัตริย์วุ่ยเซี่ยวเหวินตี้ โปรดให้เลื่อมใสศรัทธา จึงทรงสร้างวัดเส้าหลินถวายเป็นที่พำนัก

ต้นกำเนิดของวิชากำลังภายในอันได้แก่ พลังลมปราณและวิทยายุทธ์ของวัดเสี้ยวลิ้มยี่ คงจะมีขึ้นตั้งแต่สมัยพระพุทธภัทรเภระ เหตุเพราะสถานที่ตั้งของวัดเส้าหลินจัดตั้งอยู่ในป่า เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด พระในวัดจึงต้องมีวิทยายุทธ์ไว้ต่อสู้ป้องกันตัว และวิทยายุทธ์นี้ได้พัฒนามาเรื่อย

เส้าหลินแห่งที่สองตั้งอยู่ที่ภูเขาปั้วซัว(ผานซาน) สร้างสมัยราชวงศ์หงวน อีกแห่งตั้งอยู่ที่ภูเขากิ๋วเน้ยซัว(จิ่วเหลียนซาน) มณฑลฮกเกี้ยน(ฟูเจี้ยน) เรียกสำนักเสี้ยวลิ้มใต้คู่กับสำนักเสี้ยวลิ้มเหนือที่ภูเขาซงซัวสำนักใหญ่

วิทยายุทธ์ของวัดเสี้ยวลิ้มยี่หรือวัดเส้าหลินก้าวหน้ามาก ในสมัยราชวงศ์เหม็ง(หมิง) หลวงจีนเซียวซัง(เสี่ยวซาน) ได้เป็นแม่ทัพออกศึกชายแดนถึง 3 ครั้งเป็นเหตุให้วัดเส้าหลินได้รับพระราชทานแท่นปักธง และสิงโตหินซึ่งยังตั้งอยู่หน้าวัดจนกระทั่งทุกวันนี้ ตั้งแต่วัดเส้าหลินเจริญรุ่งเรืองได้ขยายสาขาไปทั่วประเทศ

ปลายราชวงศ์สุย(พ.ศ.1124-1161) บ้านเมืองเกิดจลาจล วัดมีที่ดินและทรัพย์สินจำนวนมากจึงต้องจัดกองกำลังคุ้มกัน ต่อมาในราชวงศ์ถัง(พ.ศ.1161-1450) การฝึกวิทยายุทธของพระได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักเต็มที่ถึงขนาดมีกองทัพพระยามศึกสงครามออกลาสิกขาไปป้องกันประเทศ พอเสร็จกลับมาบวชใหม่

ครั้นแมนจูล้มล้างราชวงศ์เหม็งสถาปนาราชวงศ์เช็งขึ้น สำนักเสี้ยวลิ้มใต้ทำหน้าที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการต่อต้านชาวแมนจู จนในที่สุดพระจักรพรรดิหยงเจิ่งได้ส่งกองทัพมากวาดล้างและเผาวัดเส้าหลิน

บางตำรากล่าวถึงตำนานวัดเส้าหลินสร้างขึ้นราว ค.ศ. 525 โดยพระสงฆ์ Bodhidharma เดินทางจากวัดทางตอนใต้ของอินเดียเผยแผ่ศาสนาในจีน ต่อมากลายเป็นนิกายมหายานหรือเซน เห็นว่าหลวงจีนส่วนใหญ่มีสุขภาพอ่อนแอไม่สามารถเจริญกรรมฐานอย่างเคร่งครัด จึงหัดให้หลวงจีนฝึกฝนร่างกายควบคู่กับปฏิบัติธรรม

การสอนของพระ Bodhidharma ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นที่มาของวรยุทธวัดเส้าหลินที่สง่างามและทรงพลัง (Shaolin Chuan (หมัดเส้าหลิน)หรือ Shaolin Ch'uan Fa (เพลงหมัดเส้าหลิน)

กังฟู:วิทยายุทธ์ประตูเข้าถึงธรรม

วัดเส้าหลินดั้งเดิมนั้นถูกทำลายไป ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิหยงเจิ่งส่งกองทัพมากวาดล้างและเผาวัด อย่างไรก็ตามกังฟูเส้าหลินที่มีรากฐานจากวันเส้าหลินแห่งแรกได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองจีนและทั่วโลก ในส่วนของวัดเส้าหลินที่ถูกเผาทำลาย ปัจจุบันมีการทำนุบำรุงบูรณะหลายต่อหลายครั้ง ตามคำบอกเล่าของคณะหลวงจีนจากวัดเส้าหลิน มณฑลเหอหนาน

 

โถ .. กระทู้นี้เขาไม่ได้ แจกวีดีโอ น้ะจ้ะ

เอาท่ากายบริหาร แบบสำนักวัดเส้าหลิน ไปลองฝึกดูนะคะ




การฝึกบริหารร่างกายแบบวัดเส้าหลิน สำหรับสตรี เด็กและคนชรา<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comhttp://www.palungjit.org/board/ /><O> </O>[/COLOR]
[COLOR=blue]<O></O>[/COLOR]

<O></O>[COLOR=navy]๑. ยืนตัวตรงขาถ่างเล็กน้อย สะบัดมือ ๒-๓ ที ยืดอก หายใจเข้าลึกๆ ระบายลมออกช้าๆ ทางปาก ๓ ครั้ง[/COLOR][COLOR=navy]<O> </O>[/COLOR]
[COLOR=navy]<O></O>[/COLOR]
[COLOR=navy]๒. ค่อยๆ กางแขนขึ้นช้าๆ ฝ่ามือคว่ำจนแขนกางตรงระดับไหล่ ยืดอก หายใจลึกๆ ๓ ครั้ง [/COLOR]
[COLOR=navy]<O></O>[/COLOR]
[COLOR=navy]๓. ค่อยๆ พลิกฝ่ามือช้าๆ ช้าๆ จนหงายขึ้นเต็มที่ (แขนตรง) แล้วยกแขนทั้งสองหุบขึ้นไปช้าๆ ช้าๆ จนฝ่ามือทั้งสองขนานกันอยู่เหนือศีรษะ แขนเหยียดตรง ยืดอก หายใจลึกๆ ๓ ครั้ง[/COLOR]
[COLOR=navy]<O> </O>[/COLOR]
[COLOR=navy]๔. ค่อยๆ งอข้อศอกลงมา ปลายมือจรดกันอยู่เกือบแตะศีรษะ แบะอกเต็มที่ ข้อศอกเป็นกง หายใจลึกๆ ๓ ครั้ง<O> </O>[/COLOR]
[COLOR=navy]<O></O>[/COLOR]
[COLOR=navy]๕. ค่อยๆ พลิกเฉพาะฝ่ามือให้หงายขึ้นช้าๆ จนหงายขึ้นเต็มที่แล้ว จึงค่อยๆ ยกมือดันขึ้นฟ้าอย่างช้าๆ จนฝ่ามือชูสูงสุด (คล้ายคนยอมแพ้)<O> </O>[/COLOR]
[COLOR=navy]<O></O>[/COLOR]
[COLOR=navy]๖. ค่อยๆ กวักฝ่ามือลงมาช้าๆ แขนตรงตลอดเวลา ครั้นฝ่ามือลงมาขนานโคนขาให้เราค่อยๆ ก้มตัวลงช้าๆ ตามจังหวะฝ่ามือที่เลยไปข้างหลัง ขาต้องตรงไม่งอเข่า [/COLOR]
[COLOR=navy]<O></O>[/COLOR]
[COLOR=navy]๗. เมื่อก้มสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ให้ค่อยๆ ยืนขึ้นจนตัวตรง หายใจลึกๆ ๓ ครั้งแล้วค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งยองๆ เท้าราบ เอื้อมมือโอบเข่า หงายฝ่ามือจรดปลายนิ้วเข้าหากัน หายใจเต็มพุง ๓ ครั้ง<O> </O>[/COLOR]
[COLOR=navy]<O></O>[/COLOR]
[COLOR=navy]๘. คลายมือออกแล้วค่อยๆ ทรงตัวขึ้นยืน โดยหงายฝ่ามือ ปลายนิ้วจรดกัน ค่อยยกฝ่ามือขึ้นมาตามจังหวะการทรงตัวขึ้นจนตัวตรง และฝ่ามือขึ้นมาถึงระดับหน้าอก ค่อยพลิกฝ่ามือคว่ำลงปลายนิ้วจรดกันอยู่ ค่อยๆ ลดลงไปจนฝ่ามือสุดแล้ววกมาแนบข้างลำตัว<O> </O>[/COLOR]
[COLOR=navy]<O></O>[/COLOR]
[COLOR=navy]จบ ๑ รอบให้กลับเริ่มรอบใหม่ที่ข้อที่ ๒ วนกลับมาถึงข้อ ๘ ประมาณ ๑๐ รอบ หรือ ๑๐ นาที ในเวลาที่สะดวก<O> </O>[/COLOR]

[CENTER]<CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER><TABLE width=<TBODY><TR><TD width="100%"></TD></TR><TR><TD width="100%">ท่ากายบริหารแบบสำนักวัดเส้าหลินสำหรับสตรี เด็กและคนชรา ช่วยลดไขมันหลังโคนขา หน้าท้องและลำแขน




</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>[/CENTER]
ขั้นตอนการฝึกพลังลมปราณ (เหมาะสำหรับผู้ชาย ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงหรือคนสูงอายุที่สุขภาพไม่แข็งแรง)<O> </O>
<O></O>
<O></O>
<O></O>๑. ยืนตัวตรงเท้าห่างกันเล็กน้อย มือกำแน่นเกร็งกล้าม หายใจลึกๆ ๓ ครั้ง ค่อยๆ กางแขนช้าๆ เสมือนหนึ่งว่ากำลังยกตุ้มเหล็กหนักๆ ขึ้นจนเสมอไหล่<O> </O>
<O></O>
๒. กางแขนเหยียดฝ่ามือออกจนสุด หายใจลึกๆ เต็มปอด ๓ ครั้ง เกร็งกล้ามแขนขนานพื้นตลอดเวลา ค่อยๆ พลิกฝ่ามือหงายขึ้นช้าๆ เสมือนผลักประตูฝืดๆ<O> </O>
๓. จนมือหงายขนานพื้น หายใจลึกๆ เต็มปอด ๓ ครั้ง แขนตึงค่อยๆ ยกแขนหุบขึ้นช้าๆ เกร็งกล้ามเสมือนยกของหนักขึ้นไป<O> </O>
<O></O>
๔. จนแขนขึ้นสูงสุด ท้องแขนกระทบใบหู ยืดตัวตรง หายใจลึกๆ ๓ ครั้ง<O> </O>
<O></O>
๕. เกร็งกล้ามเนื้อเสมือนยกกระถางหนักๆ ชะลอลงมาช้าๆ จนฝ่ามือทั้งสองขนานกันอยู่ในระดับใบหน้า ยังเกร็งกล้าม<O> </O>
<O></O>
๖. ค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ จนนั่งเท้าราบ หายใจเต็มพุง ๓ ครั้ง มือทั้งสองยังคงขนานกันอยู่ท่าเดิม<O> </O>
<O></O>
๗. ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ จนตัวตรง แล้วเกร็งกล้ามเนื้อแขนขยายฝ่ามือออกช้าๆ เสมือนกระถางเหล็กขยายตัวออก เราต้องเกร็งมือกดต้านกันไว้ หายใจเร็วแรงเหมือนกำลังปล้ำสู้กันกับผู้ร้าย<O> </O>
<O></O>
๘. แต่กระถางเหล็กขยายออกแรงกว่า จึงดันมือค่อยๆ กางออกจนสุดแขนเหยียดตรง ฝ่ามือคว่ำลง ยืดอกเต็มที่ หายใจลึกๆ เต็มปอด ๓ ครั้ง ค่อยๆ ลดมือลงช้าๆ จนมาอยู่แนบลำตัว (ครบท่าบริหาร ๑ รอบ) ให้ฝึกวันละ ๑๐ นาที ประมาณ ๕ รอบ หรือจนกว่าเหงื่อจะออก<O> </O>
<O></O>


<O></O>
<O>ที่มา http://www.sakulthai.com/DSakulcolum...1&stauthorid=2

</O><!-- / message -->
ขอบคุณ คุณเกษม