กองทัพนาคา นักรบแห่งวารี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โยเดียร์, 27 มกราคม 2011.

  1. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    อิ่มใจแค่ "กูมี"!
    ขวนขวายหามาเพิ่ม มาสะสม
    เพื่อละทิ้ง ไว้เบื้องหลังทั้งสิ้น

    "หามาเพื่อทิ้ง" คำนี้ถูกต้องที่สุดแม้แต่....ร่างกาย...... ยังต้องละทิ้งไว้เช่นกัน เมื่อเกิด....ต้องการกำทุกอย่างไว้ในมือ ทรัพย์สมบัติเกียรติยศ หากกำทั้งโลกไว้ในอุ้งมือได้คงทำ ยามตาย...แม้ไม่แบเขาก็พยายามแบมือให้ มือที่กำจริงแท้ว่างเปล่า มิมีสิ่งใดยึดไว้ได้ ชีวิตยังยึดมิได้ แล้วจะยึดสิ่งใด?
    ...คืนลม แด่ลม ให้นำไป
    คืนน้ำ แด่โลกให้ ชื่นฉ่ำหล้า
    คืนไฟ ให้อบ- อุ่นโลกา
    คืนดิน เป็นธุลีพา ตกคืนดิน..
    หากกายหยาบนำธาตุใดมาใช้ ท้ายสุดต้องคืนธาตุนั้นเหลือแต่กายทิพย์ที่ละลิ่วไปตามอำนาจแห่ง "จิตา"
    มนุษย์ แล สรรพสัตว์ เป็นดั่งดั่งนี้เสมอ... ฤามีทางอื่นไป!

    โอม! ชะยะ ขอชัยชำนะจงบังเกิด แด่เราผู้เป็น "อณู" แห่งเดวะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2011
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สวัสดีเพื่อนมนุษย์ผู้หลงภพภูมิ..ใช่มั้ย?
    ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้เป็นเวลาพอสมควรนะ บางกระทู้ก็ดีมีสาระ บางกระทู้ก็ลองภูมิกัน บางกระทู้เหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อนก็ไม่ปาน สรุปว่า...เมื่อสัมมาทิฏฐินาคพบเจอกับมิจฉาทิฏฐินาค อะไรจะเกิดขึ้น?...

    ลองอ่านบทความนี้ดูนะ (คัดมาจาก rombodhidharma.net | ร่มโพธิธรรมดอทเน็ต เพื่อสัจธรรมแห่งพุทธะ พระนิพพาน หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต)

    ทำไมสัมมาทิฏฐิถึงได้มาเป็นข้อแรกในอริยมรรคมีองค์ 8 ?

    ก่อนที่จะเข้าใจความหมายของคำว่าสัมมาทิฏฐิให้ตรงเนื้อหาจริงๆ ก็ควรจะมาทำความเข้าใจกับคำว่ามิจฉาทิฏฐิกันก่อน

    มิจฉาทิฏฐินั้นแปลแบบทื่อๆได้ว่า ความเห็นผิด แต่ความเห็นผิดนั้นมาจากอะไรถ้าไม่ใช่โมหะที่บังสัจธรรม นั่นก็แปลว่าความเห็นผิดนั้นก็มาจากการเอาตัวกูเข้าไปเห็น เข้าไปรู้ เข้าไปเข้าใจ รู้ตรงที่กูรู้ หรือกูแจ้งนั่นแหละ ผิด!!!

    นี่คือความหมายของความเห็นผิดที่แท้จริง ก็ถ้าโมหะยังครอบอยู่ เห็นอะไรก็ผิด คิดอะไรก็ผิด รู้อะไรก็ผิด อะไรก็ผิด อะไรๆก็....ผิด

    ในความหมายที่แท้จริงของมิจฉาทิฏฐินี้ แปลได้ว่าทั้งหมดในความเป็นปุถุชนนั่นแหละ ผิดเรียบ!!! มิจฉาทิฏฐิทั้งนั้น เห็นผิดทั้งนั้น เพราะมีตัวตนในรู้ในเห็น มันจึงไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ เป็นไงเล่าทีนี้...จะเชื่อตัวเองอีกไหม? ตนยังเป็นที่พึ่งแห่งตนได้อีกหรือเปล่า หรือจะพึ่งองค์พุทธะดี? ปุถุชนนะถ้าตีความคำสอนองค์พุทธะทีไรนะ เข้าข้างตัวเองทุกที แบบที่เรียกว่าติดทิฏฐินั่นแหละ

    สัมมาทิฏฐินั้นเป็นข้อแรกใน "อริยมรรค" มีองค์แปด

    อริยมรรค คือ มรรคแห่งอริยะ ไม่ใช่ให้ไปทำเลียนแบบ เห็นตรง เห็นถูก เห็นชอบอะไรของปุถุชนน่ะ มั่วทั้งนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิบนมิจฉาทิฏฐิอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม?

    ดังนั้นสัมมาทิฏฐิจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ หมดโมหะ(หมดหลง) หรือนอกเหนือมันทั้งอวิชชาและวิชชานั่นแหละ(นิโรธ) มันจะแจ้งซึ่งสัจธรรมชนิดที่ไม่มีความหลงมาบดบังเลยแม้แต่น้อย รู้หรือเห็นแบบหมดโมหะ หมดหลงนี้แหละที่เรียกว่าเข้าใจตรง เห็นตรง เห็นแบบไร้ตัวเราซ้อนลงไปในเห็น รู้แบบไร้ตัวเราซ้อนลงไปในรู้ ซึ่งตัวเราก็คือความหลงหรือโมหะนั่นแหละ นี่คือ สัมมาทิฏฐิแห่งอริยมรรคของจริง ไม่ใช่ของเลียนแบบโดยปุถุชน เพื่อปุถุชน เป็นไปเพื่อความเป็นปุถุชน

    สัมมาทิฏฐิจึงเป็นข้อแรกที่ทำให้เราเห็นตรง "ต่อสัจธรรม" ว่า สิ่งไหนที่พระพุทธเจ้าสอน สิ่งไหนไม่ใช่ มันจะแยกออกจากกันได้ชัดเจนแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนั้นก็จะทำให้เราเข้าถึงเนื้อหาสัจธรรมได้อย่างถูกต้องตรงๆ ไม่ใช่คิดเอาเอง วิเคราะห์เชื่อมโยงเอาเอง อนุมานเอาเอง แบบปุถุชน ผู้ที่ตรงเนื้อหาสัจธรรมแล้วสามารถเรียกได้ว่า "ตรัสรู้" เลยก็ไม่ผิด อันนี้ว่ากันตรงๆ ส่วนไอ้ความหมายแบบเห็นตรง เห็นชอบที่อธิบายกันแบบงงๆ น่ะ โยนทิ้งไปเถอะ เห็นตรง ตรงไหนเล่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไม่รู้จะอธิบายแบบปลายเปิดเอาไว้หาอะไร จะให้ตีเป็นปริศนาท้าทายความคิดหรือไง?

    สัมมาทิฏฐิของอริยะนั้นไร้ตัว ไร้ตนเข้าไปแบก เข้าไปใช้ ทุกอย่างเกิดเองเป็นเอง แล้วสัมมาทิฏฐิก็ไม่ใช่เข็มทิศอะไรด้วย เพราะการที่หมดโมหะนั่นแหละมันจึงเห็นสัจธรรมของจริงไปเอง เห็นตรงต่อสัจธรรมไปเอง ถ้ายังคิดว่าสัมมาทิฏฐิเป็นเข็มทิศที่ชี้ทิศทางที่ถูกต้องก็แสดงว่ายังมิจฉาทิฏฐิอยู่นะจะบอกให้ จะชี้ไปหานิพพานงั้นเหรอเล่า

    โดยความหมายที่แท้จริงแห่งสัมมาทิฏฐินี้เอง เป็นเหตุให้หลวงพ่อจะบอกอยู่เสมอว่า อย่าเอาความเป็นสัตว์ไปโปรดสัตว์ หรือ ถ้ายังเป็นสัตว์อยู่ก็ช่วยใครไม่ได้ เพราะมันไม่จบ เราต้องสว่างก่อน แจ้งในสัจธรรมก่อน ถึงจะเกื้อกูลสรรพสัตว์ได้จริง เปรียบเทียบง่ายๆคือ คนที่อยู่ในนรกขุมเดียวกัน หรือหลงทางเหมือนกัน (หมายถึงมิจฉาทิฏฐิเหมือนกัน) ใครเล่าจะช่วยให้เราขึ้นจากนรก หรือกลับไปยังทางที่ถูกต้องได้ มันก็เป็นเพียงเนื้อหาการใช้กรรมล้วนๆ ช่วยๆกันวนไปวนมาไม่จบไม่สิ้น

    ผู้ที่จะอนุเคราะห์คนอื่นและชี้ทางให้คนอื่นได้จริง ก็มีแต่ผู้ที่ตรงต่อสัจธรรมเท่านั้น ทั้งนี้ก็โดยอาศัยสัมมาทิฏฐิแห่งอริยะนั้นแหละช่วยชี้นำให้สรรพสัตว์ได้ออกจากสังสารวัฏ เพราะสังสารวัฏทั้งหมดนั่นคือภัยล้วนๆ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยแม้แต่น้อย

    ใครยังไม่สว่างแจ้งซึ่งสัจธรรมก็อย่าไปสร้างกรรมด้วยการเสนอตัวเป็นกัลยาณมิตรกับใครเป็นดีที่สุด จะได้ไม่ก่อกรรมให้ตัวเองอีก ให้ตัวเองแจ้งในสัจธรรม่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน โอเค๊!!

    แล้วทุกท่านทราบมั้ยว่า ส่วนที่มืดบอดที่สุดของมนุษย์อยู่ที่ไหน?...ติ๊ก...ต่อก...ติ๊ก...ต่อก
    เฉลย...อยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ ยังไงเล่า...รัก โลภ โกรธ หลง แค้น อาฆาต จองเวร ความขุ่นมัวต่างๆ... มันตกตะกอนนอนเนื่องอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ...จริงๆ นะ ลองมองดูก้นบึ้งของหัวใจตัวเองดูซิ ว่าจริงรึเปล่า?
     
  3. โยเดียร์

    โยเดียร์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอโทษจากใจจริง เราไม่ทราบ แต่อยากล่วงกรรมท่านทำไมไม่รู้ซิสงสารมั้งการที่พี่ทำให้บุพการีเสียใจทั้งทางกายหรือวาจา ทั้งชาตินี้ก็ดีอดีตชาติก็ดี นั้นเป็นบาปที่ประดุจดังทำร้ายเทวดารักษาตน พี่ได้รับสิ่งที่ประเสริฐมากแล้ว นั่นคือ บุตรชาย ที่มีชาติกำเนิดในภพภูมิที่สูง แต่อยู่ที่ท่านแล้วว่าจะเลี้ยงดู เทวดาชั้นสูงที่ตนได้มาเช่นไร หากเลี้ยงให้ดีเลี้ยงให้ได้ใจแม่ท่านจะพบสุขสุดประเสริฐเอง หากเลี้ยงให้เป็นทรชน ท่านจะพบแต่ทุกข์เข็นไปจนวาระสุดท้าย

    ถาม คนเราจะประสบผลสำเร็จในการมีชีวิตวัดกันที่ใด ?

    ตอบ ไม่ใช่ที่เงินทอง ชื่อเสียง เกียติยศ แต่วัดกันที่วาระสุดท้ายของชีวิตหากท่านหมดห่วงหมดกังวลในทุกๆเรื่อง ก่อนดับสังขารไปนั่นแลท่านได้ไปถึงจุดสุงสุดของการมีชีวิตแล้ว แต่หากยังมีห่วงยังมีเรื่องที่ตนยังไม่ได้ทำ นั่นแลท่านได้มาถึงจุดสุงสุดของความล้มเหลวแล้ว เพราะท่านมิอาจแก้ไขอะไรได้อีกแล้วต้องจากคนรัก จากลูกน้อยโดยที่ตนยังหวงหาอาทร
     
  4. โยเดียร์

    โยเดียร์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +15
    ถึงพี่วัชรินทร์<!-- google_ad_section_end --> ช่างงดงามและไร้ที่ติโดยแท้
     
  5. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    พ่อน้องเคยพูดไว้ว่า ตอนเกิดมาและยังมีชีวิตอยู่ การเจอความทุกข์เป็นเรื่องปกติของกฎแห่งกรรมของมนุษย์ แต่ถ้าถึงวาระสุดท้ายถ้าตายไปแล้วท่านก็ยังเป็นทุกข์อยู่นั่นแหละ ท่านเสียชาติเกิดเป็นคน -- น้องมาพิจรณาดู นั่นคือความจริงดังที่พ่อ กล่าวไว้ การที่คนได้เกิดมาในทางความเชื่อในพุทธศาสนา นั้นประเสริฐที่สุดคะ เพราะมนุษย์ สามารถทำบุญได้ สามารถถึงพระนิพพานได้ หากระยะเวลาที่ยังไม่สิ้นสุดความเป็นมนุษย์นั้นท่านมัวแต่เป็นทุกข์ จนจบชีวิต บุญที่ท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นก็ยังไม่มีความหมายเลย พญานาคหมั่นที่จะ บำเพ็ญเพียรเพื่อถึงมรรคาก็ยังนิพานไม่ได้เพราะติดที่ชาติกำเนิดเป็นเดียรฉาร ... เป็นมนุษย์ประเสริฐที่สุดแล้วคะ

    อีกอย่าง อย่าลืมว่า หากเราไม่เคารพพระองค์แรกที่ให้กำเนิดชีวิต
    ก็ไม่มีพระหรือเทพองค์ใดๆ อวยพรให้เราหรอกคะ
    พระองค์แรกของลูกประเสริฐที่สุดแล้วคะ
    ตั้งใจไว้ปี๋ใหม่เมืองนี้จะไปขอขมากราบเท้าบุพการี
    เพราะด้วยความอวิชชาตัวน้องเองก็เถียงท่านซะเหลือเกิน

    จะมีใคร รักเราได้เท่า บุพการี เพราะกายาของลูกถูกสร้างมาจาก เลือดน้ำเหลืองและทุกอวัยวะในร่างของบิดรมารดา
    ขอให้บทความเบื้องต้นนี้ได้เป็นวิทยาทานที่ดีต่อ ลูกๆทุกคน ที่จะเริ่มทดแทนคุณคนที่เขารักเราสุดดวงใจ
    จะบูชาเทพองค์ไหนพระองค์ไหน จะยิ่งใหญ่กว่าชั้นฟ้าหรือเป็นที่สุดของจักรวาล
    แต่ถ้าไม่บุชาพระองค์เเรกของลูก ก็ไม่มีทางที่พระหรือเทพองค์ใดจะให้พร
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กุมภาพันธ์ 2011
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอบคุณค่ะ ร่วมด้วยช่วยกัน
     
  7. โยเดียร์

    โยเดียร์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +15
    เบรคเรื่องของเรามาฟังพี่สาวเราเล่ากันบ้าง พี่สาวของเราคนนี้เป็นคนบุญเยอะ ถ้าเอ่ยนามไปหลายท่านคงรู้จักดี แต่อันนี้เราขอไม่เอ่ยนามนะ เพราะพี่สาวเราเค้าเขียนมาเล่าเราเป็นการส่วนตัว เราจึงขอเค้ามาลงเพื่อเป็นวิทยาทาน แก่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย จะเอามาลงเลื่อยๆนะ ขอตั้งชื่อเรื่องเพื่อให้ง่ายสำหรับคนติดตามอ่านนะครับพี่

    พรหมในร่างมนุษย์(1)

    [​IMG]



    ขอบคุณนะคะน้องโยเดียร์ นึกว่าลืมพี่ซะแล้ว ที่เห็นมืดๆ นั่นหน่ะ องค์แม่คงไม่อยากให้เห็น พี่มีพระแม่อุมาเทวีภาคบุญญฤทธิ์ ขี่เสือ (เสือไม่อ้าปาก) หันข้าง มี 8 กร เป็นเทวดาประจำตัวค่ะ อยากฟังเรื่องของพี่จริงๆ เหรอ ชาติปัจจุบันแล้วกันนะ

    ก่อนที่จะมาเกิดจำได้ว่าตัวเองเข้าฌาณอยู่ ไม่สนใจสิ่งใดเลย ไม่มีความทุกข์ มีแต่ความว่าง ไม่รู้ด้วยว่าอยู่ภพภูมิใดเพราะไม่สนใจ ต้องการบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้นอย่างเดียว อาจเป็นเพราะกรรมเก่ายังไม่หมดสิ้น ทำให้ได้ยินเสียงคุยกันเกี่ยวกับโลกมนุษย์ ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว หลังจากนี้ มนุษย์จะเริ่มเสื่อมถอยศีลธรรม สัตว์โลกจะตกนรกมากมายเป็นอนันต์ จะเกิดสงคราม มนุษย์จะเข่นฆ่ากันเอง เบียดเบียนกัน เปรต อสุรกายจะเกิดขึ้นมากมาย ได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก เป็นพุทธทำนายว่าศาสนาแห่งพระองค์จะอยู่แค่ 5 พันปี ไม่มีผู้ใดจะช่วยเหลือได้ เมื่อได้ยินดังนั้น รู้สึกสงสารเหล่าสรรพสัตว์ อยากลงมาช่วย ก็ถกเถียงกัน ไม่มีรูปนะ ถ้ามีพี่ก็คงจะจำได้ ใช้จิตพูดคุยกันนะ เสียงนั้นห้ามว่า อย่าไปเลยเพราะโลกมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยมายา กิเลส จะทำให้พี่หลงทาง ถ้าลงไปพี่จะต้องแปดเปื้อนจากกิเลสบนโลก พี่ก็เถียงว่าพี่บำเพ็ญมาขนาดนี้คงไม่ให้ตัวเองแปดเปื้อนแน่นอน เรียกว่าเชื่อมั่นในตัวเองมาก (พรหมจรรย์ที่รักษามาจะแปดเปื้อน) เราจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต สุดท้ายก็บอกว่า ยังไม่ถึงเวลา ยังลงไปไม่ได้นะ ถ้าลงไปจะมีความผิด แล้วก็หนีมาเกิด มาทางนรก ท้าวเวชสุวรรณเป็นผู้นำทาง เพราะมาทางนรกจะไม่มีผู้ใดรู้ ก่อนจะถึงโลกมนุษย์ ท่านถามว่า จะไปเกิดเนี่ยต้องการพ่อแม่แบบไหน ฐานะอย่างไร หรือจะไปเกิดเป็นลูกกษัตริย์ เพราะชาตินี้พ่อของพี่เป็นกษัตริย์นะ พี่ตอบว่า ไม่เอา เป็นลูกกษัตริย์ไม่เห็นทุกข์ สุขสบายเกินไป ขอพ่อแม่เป็นคนธรรมดาแต่มีศีล 5 ก็พอ ท่านบอกว่ามีอยู่คู่หนึ่งมีศีล 5 แต่ยากจน เพราะคู่นี้มีกรรม ทำอย่างไรก็ไม่รวย พี่บอกว่าไม่เป็นไร พี่จะมาเกิดกับท่านทั้งสอง แล้วจะทำให้รวย ตอนที่ผ่านแดนนรกมานะ ร้อนมากๆ ไฟนรกร้อนจริงๆ แต่ไม่ร้อนเท่าตอนเข้ามาอยู่ในท้องแม่ ร้อนยิ่งกว่า แทบขาดใจ ทนทุกข์ทรมานในท้อง จนครบกำหนดคลอด เมื่อคลอดออกมาก็ร้องไห้ตลอดเพราะอยากพูดแต่พูดไม่ได้ อย่าให้บรรยายเลยนะ เดี๋ยวจะยาว เห็นคนเขาพรอดรักกัน ก็จะเป็นลม รู้สึกรังเกียจจับใจ เห็นใครร้องไห้ก็นึกสงสารเค้าจับใจ เห็นเลือดเป็นลมเลย อันนี้ตอนเด็กๆ นะ เคยเห็นคนเป็นไทกอ มีอาการมือหงิกงอ ปากเบี้ยว เมื่อมองเค้าแล้วเหมือนต้องการรับความรู้สึกนั้นแทนเค้า แล้วเราก็มีอาการอย่างนั้นเหมือนคนนั้นเลย จนแม่ตบแรงๆ ให้รู้สึกตัว พี่มาเกิดในครอบครัวที่ยากจน มีลูก 4 คน พี่เป็นคนที่ 3 หลังจากที่แม่คลอดพี่ พ่อกับแม่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนฐานะจากยากจนเป็นปานกลาง พี่ได้บวชชีพราหมณ์เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ ได้ดวงตาเห็นธรรม ตัดตอนเลยนะ

    เผอิญเมื่อปี 2551 พี่ได้เจอกับแม่ย่ามหากาลี ท่านลงมาโปรด ก่อนที่จะพบท่านก็ได้ฝันว่าไปที่บ้านหลังหนึ่ง มีผู้คนพลุกพล่านมาก บ้านหลังนั้นก็เล็กๆ เป็นบ้านไม้ธรรมดา ดูยากจน เมื่อมองเข้าไปด้านใน เห็นผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่พื้นบ้าน มีโต๊ะบูชาพระเล็กๆ วางอยู่ข้างๆ เอาล่ะซิ นี่เป็นร่างทรงแน่เลย พี่ก็ยืนมองเฉยๆ นะ ฝันอย่างนี้อยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง

    หลังจากนั้น เพื่อนที่ทำงานก็มาชวนให้ไปหาแม่ย่ากัน เค้าเล่าลือว่าท่านสามารถบอกได้ว่าเรามีเทวดาองค์ใดรักษาอยู่ ในใจนึกสะดุดกับคำว่า "แม่ย่า" เพราะตอนเด็กๆ เคยฝันว่าตัวเองหัวขาดกระเด็นลงไปอยู่ที่พื้น แล้วร้องเรียกพี่ๆ ให้มาต่อหัวให้ แต่ไม่มีใครสนใจ มีผู้หญิงแก่ๆ 2 คนๆ หนึ่งใส่ชุดขาว คนหนึ่งในชุดดำ ในฝันพี่เรียกท่านว่า แม่ย่า กับแม่ยาย คนที่ใส่ชุดขาวยืนมองเฉยๆ แต่คนที่ใส่ชุดดำรีบวิ่งมาต่อหัวให้ แล้วก็เอาปูนสีแดงมาทารอบคอ พร้อมทั้งคล้องสายสิญจน์ให้ แล้วบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปนี้จะไม่หัวขาดอีกแล้ว เป็นความฝันที่จำฝังใจ เหมือนความฝันเรื่องวิ่งหนีพญานาคแล้วมีบัวขาวลอยลงมาจากฟ้าและเทวดาเรียกให้ขึ้นไปบนดอกบัว นี่มันอะไรกัน? ทำให้อยากรู้ว่าแม่ย่าคือใคร? หลังจากนั้นก็พากันไป โดยที่ไม่รู้ว่าทางที่ไปนั้นถูกหรือเปล่า ฟังจากคำบอกเล่าของเพื่อนอีกคนหนึ่ง เมื่อไปถึงเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ เหมือนในความฝันเลย ยังสร้างไม่เสร็จด้วยซ้ำ คนที่เป็นร่างทรงอายุประมาณ 40 กว่าๆ รูปร่างอ้วนผิวดำ ชาติที่เกิดเป็นพญานาค มีพี่น้อง 3 คน ร่วมภพชาติมา 2 ชาติ พี่กำหนดจิตตายในชาตินี้ ปัจจุบันชาติได้พบเจอกันแล้ว น้องคนรองเป็นร่างทรงแม่ย่ามหากาลีนี่เอง ณ (ขณะนี้ท่านได้เสด็จกลับไปแล้วเพราะท่านเสร็จภาระกิจแล้ว) อีกคนมีกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง เคยเกิดร่วมชาติสมัยทวาราวดี พี่ตายในสนามรบ น้องคนรองรักพี่มาก ผูกพันกันมาจนถึงปัจจุบันชาติ หรือว่ากรรมลิขิตก็ไม่รู้ทำให้มาพบกันอีก แล้วรู้สึกถูกชะตา รู้สึกรักเอ็นดู แม่ย่าบอกว่าพี่เป็นมงกุฏของพระแม่อุมาเทวี พี่เคยฝันเห็นผู้หญิงที่สวยงามมากกว่าหญิงใดในโลกนี้ ผ้าที่สวมใส่ก็เป็นผ้าทิพย์งดงามระยับ แต่ท่านดูหมองเศร้าขาดชีวิตชีวา ท่านทักพี่ว่ามาแล้วเหรอ หายไปไหนมาตั้งนาน แล้วพี่ก็พูดว่า (ใช้จิตพูดนะ) ถามท่านว่า ท่านขาดอะไรเหรอ ท่านถึงดูไม่มีชีวิตชีวาเลย บอกมาเถอะ พี่จะหามาให้ แล้วท่านก็บอกว่าท่านขาดมงกุฏ แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะ พูดแค่นั้น พี่ก็แบมือออกพร้อมทั้งมงกุฏวางอยู่บนมือ

    วันนี้เล่าให้ฟังเท่านี้ก่อนแล้วกันนะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่

    สวัสดีจ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2011
  8. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    โห คุณหญิงทิพย์ กับคุณนาคน้อย เล่นอธิบายซะเยอะเชียว แล้วจะเหลืออะไรให้ผมมาเฉลยเล่า ^^

    *** คำตอบของคุณ ปราญชลี น่ะถูกแล้วครับ แล้วเดี๋ยวตอน ทุ่ม สองทุ่มผมจะมาอธิบายให้เข้าใจกันมากขึ้นนะครับ
     
  9. indeer

    indeer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอบคุณนะคะคุณโยเดียร์พี่ติดตามอ่านตลอดนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2011
  10. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    พี่หาโอกาสไปขอขมาท่านซิค่ะ ขอให้ท่านอโหสิกรรมในเรื่องต่างๆที่คุณได้กระทำไปด้วยตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี แล้วทุกอย่างจะค่อยดีขึ้นเองค่ะ
     
  11. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ไม่มีคนมาตอบคำถามผมแล้วเหรอครับ TT
     
  12. โยเดียร์

    โยเดียร์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +15

    เอาน่าท่าน Ricky อย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจไป ผู้รู้มากมายในที่นี้แค่ท่านเหล่านั้นไม่แสดงตน แต่อยากให้ทุกๆท่านแลกเปลี่ยนความเห็นกันกันครับ ไม่มีผู้ใดจะถูกเสมอไปหลอก ดังคำที่ว่า "ความผิดพลาดเป็นเรื่องของมนุษย์" ก็ตอนนี้เราครองรางมนุษย์กันนินาจะผิดจะพลาดบ้างก็ธรรมดา ผมยังทำนายพี่สาว indeer ว่ามีลูกชายเป็นเทพเลย แต่ในนิมิตรเค้าเป็นเด็กผู้ชายอะ ก็ผิดนะแหละต้องยอมรับว่าผิดจริง อย่าได้อายไปเลย แล้วเรื่องที่มีบางท่านขอให้เอารูปตัวเองลงแทนภาพ นั้นผมขอเสนอว่าไม่ค่อยจะดีครับ เพราะอะไรนะหรอ ในนี้ไม่ได้มีแต่ผู้รู้เท่านั้นยังมีผู้มีวิชาอาคมด้วย หากท่านลงสือที่สามารถเชื่อมถึงท่านได้ท่านอาจโดนของได้ ยิ่งขนาดไม่เห้นหน้าค่าตากันยังโดนลองของไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าแสดงตัวแล้วไปสะดุดเท้าใครเข้าผมเกรงว่าศพอาจไม่สวยนะครับ ^^
     
  13. โยเดียร์

    โยเดียร์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +15
    วันนี้วันเที่ยว ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างเล่าให้คนไม่ได้เที่ยวอย่างผมฝังหน่อยเร็ว สหายทั้งหลาย
    :z8
     
  14. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    555 ก็ผมอยากให้ท่านที่ไม่แสดงตัวนั่นล่ะ ออกมาตอบกันเยอะครับ ที่นี้ไม่มีคำว่าผิดหรือถูกครับ มีแค่รู้มากรู้น้อยเท่านั้นล่ะครับ ส่วนเรื่องนั้นตามความเห็นของผม เห็นว่ามันไม่ได้สำคัญหรอกครับว่าต้องเป็นรูปจริงเท่านั้น ขอแค่คนที่มาใช้บอร์ดมีสติ แล้วก็มีจรรยาบรรณ ก็พอแล้วล่ะครับ แค่ไม่มาอาศัยเหตุที่ว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักตัวจริงแล้วมาสร้างวจีกรรมด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่แค่นั้นล่ะครับ ก็เพียงพอแล้ว

    *** ตอนนี้ผมขอพักผ่อนสักครู่นะครับ แล้วจะมาเฉลยครับ
     
  15. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ไม่รู้อย่างเรา ยังอวดตอบเรย คริๆ ;k01
     
  16. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ต้องขออภัยที่พักผ่อนนานไปนิด

    กำลังดำเนินการพิมพ์เฉลยให้แล้วครับ ^^*
     
  17. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    เฉลย กรรม ครับ

    เพราะอะไรทำไม?

    - ถ้าจะคิดง่ายๆแบบคนรู้น้อย ก็เพราะว่านาคไม่สามารถไปนิพพานได้น่ะครับ แถมยังมีอายุยืนอีกกว่าจะสิ้นอายุขัยก็ต้องรอกันไปอีกนานเลยครับ แต่ก็ยังดีที่ยังมีนาคบางท่าน ที่มีความคิดว่า ไหนๆก็เป็นนาคแล้ว ขอสั่งสมบารมี อุปัฏฐากพระพุทธศาสนาเลยล่ะกัน ท่านเหล่านี้ก็เลยไปดูแลวัดวาอารามต่างๆ รวมไปถึงพระเถระหลายๆรูปอีกด้วย (นอกจากนี้ยังมีไปสนทนาธรรมกับพระหลายๆรูปด้วยนะครับ หาอ่านได้จากหลายๆที่เลยครับ) แต่ก็มีบางท่านที่ไปสนใจทางด้านฤทธิ์ ซึ่งก็ยังไม่นับว่าคิดต่างนัก เพราะว่าพวกนี้ในอนาคตก็สามารถนำฐานฌาณที่มีของตน มาใช้ร่วมกับกำลังสมถกรรมฐานได้ครับ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็สามารถบรรลุธรรมเข้าสู่นิพพานได้ ถ้าช่วงเวลาของบุญมาสนับสนุนกันพอดีครับ (แนวการปฏิบัติแบบนี้จะสามารถบรรลุได้ด้วยอำนาจแห่งเจโต(อำนาจฌาณ))

    อันนี้แบบง่ายๆนะครับ เอาไปอ่านเป็นน้ำจิ้มก่อนระหว่างที่ผมกำลังพิมพ์อีกอันล่ะกันครับ ^^

    *** ผมลืมบอกเรื่องสำคัญไป ว่า ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม ย่อมหลายถึงว่ายังมีกรรมอยู่ครับ แล้วท่านที่ไม่เกิดนั่นคือว่าท่านเหล่านั้นอยู่เหนือกรรมไปแล้วครับ กล่าวคือท่านหมดสิ้นเหตุในการสร้างกรรมเรียบร้อยแล้วครับ ท่านจึงสามารถหลุดพ้นวงโคจรนี้ไปได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2011
  18. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    จริงๆเหตุแห่งการเกิดของพี่หญิงทิพย์ กับ เรื่องเหตุปัจจัยของคุณนาคน้อยก็เพียงพอแล้วนะครับที่จะอธิบายเรื่องนี้ เพราะว่าถ้าลงลึกจะเริ่มงง

    *** เอาเป็นว่าท่านที่อยากอ่านต่อก็เชิญอ่านได้ตามสบายเลยนะครับ
     
  19. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ตะกี้มีใครทำอะไรผมรึป่าวเนี่ย ^^
     
  20. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    มี ข้าน้อยเองเจ้าคะ อิอิ ล้อเล่นนะ อยากฟังคำตอบจากคุณ Ricky มากกว่าคะ นะ นะ รอ ฟัง งงก็เอา เอาภาษาง่ายๆ หญิงทิพย์ เข้าใจยาก อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...