เว็บพลังจิต ประมวลภาพทริปเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-สงคราม ๙ ทัพ-โรงถ่ายพระนเรศวร P.๑๔

นับถอยหลังอีก ๒ วัน
กับงานเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน
​

 

ข้อมูลเพิ่มเติม และขอบคุณ

.....ขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนที่ช่วยกันนำข้อมูลมาลงให้เพื่อน ๆ ที่เพิ่งร่วมเดินทางไปครั้งแรกได้อ่านเพื่อทราบรายละเอียด วันศุกร์ พี่คงไปถึงประมาณ ๒๓.๐๐ น. เพื่อเตรียมการ น้อง ๆ คนไหนเลิกงานและเตรียมตัวเสร็จแล้ว ไม่เฉพาะผู้ดูแล แต่ขอเรียนเชิญทุกท่านด้วยความยินดีค่ะ ไปถึงให้แจ้งชื่อและรับบัตร และขอให้ทุกท่านทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เมื่อรถมาจอดในเวลา ๒๓.๓๐ น. สามารถขึ้นไปนั่งรอบนรถได้ทันที

ส่วนจุดขึ้นรถที่ ๒ และ ๓ สมาชิกทุกท่านที่รอขึ้น ณ จุดนั้น ๆ ขอให้รวมตัวกันเป็นกลุ่มเดียว และเมื่อขบวนรถทั้ง ๔ คันวิ่งไปถึง ให้เดินไปขึ้นคันที่ ๔ ได้ทันทีเช่นเดียวกันค่ะ

จุดพักรถให้เข้าห้องน้ำ จะพักประมาณ ๒ จุด ให้เวลาในแต่ละจุด ๒๐ นาที เพราะฉะนั้นขอให้ทุก่ท่านบริหารเวลาให้ดี ๆ และควรซื้อน้ำดื่มเตรียมไปสำหรับใช้ล้างหน้า-แปรงฟันในตอนเช้า เนื่องจากปริมาณคนที่ไปร่วมงานที่วัดจะมาก การรอคิวล้างหน้าแปรงฟัน อาจจะทำให้เกิดความล่าช้า

เมื่อเดินทางไปถึงวัด ให้ทุกท่านขึ้นศาลาเพื่อกราบพระอาจารย์ จับจองที่นั่ง ก่อนลงไปทำธุระส่วนตัว และไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด อาทิ สมเด็จองค์ปฐม กุฎิหลวงปู่พุก หลวงปู่สาย พระพุทธเจติยคีรี (ตามอัธยาศัย)

โรงทานที่วัด เปิดบริการตั้งแต่เช้า ทุกท่านสามารถดูแลตัวเอง และเลือกรับประทานได้ตามใจชอบ และให้ทุกท่านพร้อมกันบนศาลาอย่างช้าไม่เกินเวลา ๐๗.๐๐ น. เพื่อเตรียมร่วมพิธีบวงสรวงพุทธาภิเษก หลังพิธีพุทธาภิเษกจะมีเวลาว่างประมาณ ๑ ชม. สำหรับการทำธุระส่วนตัว (รับประทานอาหาร-เข้าห้องน้ำ) และต้องพร้อมบนศาลาไม่เกินเวลา ๐๙.๓๐ น. เพื่อเตรียมร่วมเป่ายันต์ การเป่ายันต์ใช้เวลาประมาณ ๓๐-๕๐ นาที (ในแต่ละปีจะใช้เวลาไม่เท่ากัน แล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์) เสร็จจากพิธีเป่ายันต์ ทุกท่านจะมีเวลาว่างประมาณ ๓๐-๕๐ นาที สำหรับการทำธุระส่วนตัว (รับประทานอาหาร-เข้าห้องน้ำ) ก่อนที่จะขึ้นมาพร้อมกันบนศาลาในเวลา ๑๑.๒๐ น. เพื่อร่วมกราบลาพระอาจารย์ เสร็จแล้วให้ขึ้นรถเพื่อเตรียมเดินทางต่อ

อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ เมื่อลงจากรถให้เข้าไปในตัวอาคาร และจับจองที่นั่งตามความพอใจ ก่อนที่วิทยากรทหารจะดำเนินการเปิดวีดีทัศน์ให้ได้รับชมและบรรยาย ใช้เวลาประมาณ ๑ ชม.

โรงถ่ายพร้อมมิตร เมื่อลงจากรถให้เตรียมขึ้นรถรางที่จัดไว้บริการ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ไม่ต้องชำระ เนื่องจากได้ติดต่อเตรียมการไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รถรางจะพาไปส่งยังจุดต่าง ๆ รวมทั้งหมด ๗ จุด ให้เวลาที่นี่ ๒.๓๐ ชม. เลื่อกชมกันตามอัธยาศัย เมื่อครบกำหนดเวลาให้ทุกคนพบกันที่ลานจอดรถ เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังร้านแก้ว รับประทานอาหารเย็นและซื้อของฝาก ก่อนที่จะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ

หมายเหตุ
ผู้ดูแลทุกคน กรุณานำ ว.แดง ติดตัวไปเพื่อใช้ในการประสานงาน ส่วน รถทั้ง ๔ คัน มีวิทยุสื่อสาร

 

นับถอยหลังอีก ๑ วัน
กับงานเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน​

 

นับถอยหลังอีก ๑๖ ชั่วโมง
กับงานเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน​

อย่าลืม!
วันนี้ เวลา ๒๓.๓๐ น. เรามีนัดพบกันที่ ปั้มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า (ร้านกาแฟอเมซอน) สมาชิกทุกท่าน พึงตรงต่อเวลา ในทุกจุดขึ้นรถ เพราะถ้าท่านไม่รักษาเวลาตามที่ประกาศแจ้งไว้ ขออนุญาตไม่รอในทุกกรณี เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกส่วนใหญ่ ​

 

แจ้งสรุปจำนวนเิงินร่วมบุญในทริปธรรมสัญจร (๖)

<hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> .... ขอแจ้งยอดเงินที่สมาชิกพลังจิตและกัลยาณธรรม ร่วมบริจาคทำบุญในทริปธรรมสัญจร (๖) พิธีบวงสรวงไหว้ครู พุทธาภิเษก เป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ-โรงถ่ายภาพยนตร์ตำนาน "พระนเรศวร" เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบและอนุโมทนาบุญร่วมกัน ดังนี้

- ถวายพานไหว้ครูพระอาจาย์ ๑,๑๐๐ บาท
- ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดท่าขนุน ๑๐,๐๐๐ บาท
- ร่วมบูรณะอุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ จำนวน ๘,๐๔๐ บาท (ค่าบูรณะ ๗,๐๔๐ บาท ค่าวิทยากร ๑,๐๐๐ บาท)
- ร่วมบุญถวายทองคำในวันวิสาขบูชา กับ"บัญชีทองคำ" จำนวน ๖,๗๐๐ บาท
- ร่วมบุญโครงการพระพุทธศาสนาสงเคราะห์ (๔) เพื่อทหารหาญในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน ๖,๑๐๐ บาท

รวมเิงินร่วมบุญ จำนวน ๓๑,๙๔๐ บาท

- กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ ที่ได้ให้ความเมตตาต่อชาวคณะในทุกทริปธรรมฯ
- กราบขอบคุณเว็บวัดท่าขนุน/สะพานบุญ ที่ได้มอบพื้นที่สำหรับกิจกรรมบุญในครั้งนี้
- กราบโมทนากัลยาณธรรมทุกท่านที่ได้ร่วมบุญ ร่วมโมทนาในครั้งนี้
- ขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลทั้ง ๘ ท่าน ที่ได้ร่วมดูแลเพื่อนสมาชิกร่วมเดินทางด้วยดี
- และขอขอบคุณสมาชิกทั้ง ๒๒๔ ท่านที่ไ่ด้ร่วมเดินทางสืบสานต่อกิจกรรมบุญกันตามวาระธรรมะจัดสรร

พบกันใหม่กับกิจกรรมบุญของพลังจิตธรรมสัญจร
- ทริปบวชเนกขัมมะปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นพิเศษ วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี วันที่ ๑๓-๑๗ พ.ค. คลิก
- ธรรมสัญจร (๗) เสียงเพรียกจากลับแล ตอน ลึกลับที่ลับแล วาระพิเศษ จ.กาญจนบุรี วันที่ ๑๑-๑๒ มิ.ย. คลิก

โมทนาค่ะ



;aa59
รับชมภาพบรรยากาศงานเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน ๗ พ.ค. จากกล้องของคุณ aemie ได้ที่ คลิก
และติดตามชมภาพในกิจกรรมธรรมสัญจร (๖) จากกล้องของเพื่อนสมาชิกทุกท่านได้ที่นี่เร็ว ๆ นี้

 

บันทึกการเดินทาง ตอน การเตรียมงาน

​

ภาพหมู่ชาวคณะพลังจิต กับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน

​

...จบลงอย่างบริบูรณ์กับอีกหนึ่งกิจกรรมบุญของพลังจิตธรรมสัญจร หรือนามที่รู้จักกันดีในชื่อเดิมคือ บึงลับแล กับทริปเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-อุทยานสงคราม ๙ ทัพ-โรงถ่ายพร้อมมิตร สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ตำนาน "พระนเรศวร" ในวันเสาร์ที่ ๗ พ.ค. ที่ผ่านมา​

ปีนี้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ มีเพียงวันเดียว ทำให้มีสมาชิกร่วมเดินทางมากเป็นประวัติการณ์ถึง ๒๒๔ ชีวิต การดูแลและการเตรียมงานต้องรอบคอบ รัดกุมและใช้เวลามากกว่าทุกทริป เนื่องจากจำนวนสมาชิกไม่นิ่ง ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปมาจนถึงวันสุดท้ายก่อนเดินทาง แต่ด้วยความเมตตาของพระอาจารย์และพลังความตั้งใจสูงของผู้จัด ทำให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยดี​

ก่อนเดินทาง ๑๖ ชม. ได้แจ้งประกาศย้ำเตือนสมาชิกทุกท่าน เรื่องเวลานัดหมายในการเดินทาง..... ถึงกำหนดนัดหมาย ณ จุดขึ้นรถที่ ๑ ปั้มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า สมาชิก ๒๐๗ คน ทะยอยเดินทางมาเช็คชื่อและขึ้นรถเป็นระยะ ๆ ท่ามกลางการทำงานของผู้ดูแลทั้ง ๘ ท่าน ที่ต้องขออนุญาตเอ่ยนามเพื่อขอบคุณมา ณ ที่นี้ คือ


คันที่ ๑ คุณ itipizo-คุณ odinid


คันที่ ๒ คุณร่มบุญ-คุณอนัตตา


คันที่ ๓ คุณ ug_buddha-คุณกาลกตา


คันที่ ๔ คุณพิชญ์-คุณกิ๊ก​

เหลืออีก ๕ นาทีก่อนเวลาล้อหมุน สมาชิกในคันที่ ๓ ยังมาไม่ครบ ๒ ท่าน คือ คุณทหาร (๑) และ (๒) ตัดสินใจโทรถามว่า เดินทางถึงที่ไหนแต่ปรากฎว่าติดต่อไม่ได้ เมื่อได้เวลา ๐๐.๒๐ น. สั่งล้อหมุน เดินทางออกจาก ปตท.สนามเป้าทันที​

จอดแวะรับสมาชิกอีก ๖ ท่าน ณ จุดขึ้นรถที่ ๒ ช่วงระหว่างรถกำลังแล่นข้ามสะพานเพื่อเข้าสู่ถนนบรมราชชนนี เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นของคุณทหารโทรกลับมา สอบถามโทรมาเรื่องอะไรและอยู่ที่ไหน ได้ตอบกลับไปว่ากำลังเดินทางไปวัดท่าขนุน เพียงเท่านั้น เสียงปลายสายร้อนรนขึ้นมาทันใดว่า "พี่ครับ ผมจำวันผิด ตอนนี้พี่ถึงไหนแล้ว" ได้ตอบกลับไปว่า กำลังจะแวะรับคนที่จุดขึ้นรถที่ ๓ คือ หน้าสายใต้ใหม่ คุณพักอยู่แถวไหนจะไปหรือไม่ " แถวดุสิตครับ ไปครับ" "ถ้าจะไปให้รีบเรียกรถ TAXI ตามมา พี่จะไม่จอดรอ แต่คุณต้องให้รถขับตามมาจนทัน เพราะรถบัสเพิ่งออกเดินทางยังทำความเร็วได้ไม่มาก"​

ถึงสายใต้ใหม่ แวะรับสมาิชิกอีก ๑๑ ท่าน ณ จุดขึ้นรถที่ ๓ ทำขบวนแล่นมาถึงสาย ๕ คุณทหารโทรแจ้งว่า ขณะนี้ถึงหน้าห้างตั้งฮั่วเส็งแล้ว ดูเวลารู้ทันทีว่า ระยะห่างกันประมาณ ๒๐ นาที รีบแจ้งให้รถบัสคันที่ ๓-๔ แล่นไปจอดพักรถให้คนเข้าห้องน้ำที่ ปั้มน้ำมัน ปตท.นครชัยศรี และรอคุณทหารที่นั้น ส่วนบัสคันที่ ๑-๒ แล่่นเลยไปจอดรับสมาชิกอีก ๒ ท่านที่หน้าห้างโลตัส ก่อนที่จะไปจอดพักรถให้คนเข้าห้องน้ำที่ปั้มน้ำมัน ปตท.นครปฐม และตั้งขบวนใหม่กันที่นั้น​

เวลา ๐๑.๓๐ น. บัสพร้อม คนพร้อมครบทั้ง ๔ คัน ได้เวลาเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางสุดท้าย คือ ​

วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ระหว่างการเดินทาง หลับ ๆ ตื่น ๆ มาตลอดเส้นทาง ​

เวลา ๐๔.๔๐ น. ก่อนถึงวัดประมาณ ๕ กม. ได้จอดพักรถให้สมาชิกทุกคนเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ทองผาภูิมิ ก่อนที่จะเดินทางถึงวัดในเวลาประมาณ ๐๕.๓๐ น. ขึ้นไปจับจองที่นั่งบนศาลา นำกล่องวัตถุมงคลไปลงทะเบียน แยกย้ายกันไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับประทานอาหารที่โรงทาน ก่อนที่จะมาถวายพานไหว้ครูและปัจจัยร่วมกัน​

เวลา ๐๗.๓๐ น. เข้าสู่พิธีบวงสรวงไหว้ครู และพุทธาภิเษก หลังเวลามีการรำถวายเป็นพุทธบูชา ในขณะที่สมาชิกหลายคนเลือกที่จะลงไปทำธุระส่วนตัวตามอัธยาศัย​

เวลา ๑๐.๐๐ น. พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร รอบแรกดำเนินขึ้น พระอาจารย์ท่านเป็นคนตรงต่อเวลา เพราะฉะนั้นกำหนดการของทุกปี จึงไม่เคยคลาดเคลื่อน ปีนี้ใช้เวลาเป่าประมาณ ๓๐ นาที ก่อนเป่าพระอาจารย์ท่านแจ้งวิธีการอาราธนายันต์ว่า ตอนเช้าก่อนล้างหน้าให้สวดอิติปิโส ๓ ห้อง (พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ) และให้นึกถึงอำนาจบารมีของพระ ก่อนที่จะกลืนน้ำลาย ๓ ฮึก และล้างหน้า​

เวลา ๑๑.๒๐ น. ชาวคณะฯ ทุกคนพร้อมกันบนศาลา กราบอนุญาตถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก่อนที่จะร่วมกันกราบลาพระอาจารย์ และเดินทางต่อไปในสถานที่ต่อไป คือ อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ ที่ได้แจ้งติดต่อประสานงานกับท่านผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรีที่จะพาหมู่คณะเข้าเยี่ยมชม และได้รับอนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ​

​

 

บันทึกการเดินทาง ตอน อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ

ชาวคณะพลังจิต ณ โดมอุทยานสงคราม ๙ ทัพ
​

...เพียงรถแล่นออกจากวัด และผ่านพ้นพุร้อนหินดาดมาไม่นาน เจอฝนตกอยู่ข้างหน้า สภาพหลังจากนั้น ฝนตกสลับแดดออกตลอดเส้นทาง ได้แต่คิดในใจว่า อุทยานสงคราม ๙ ทัพ ฝนอย่าตกเลยเพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการลงจากรถของสมาชิก

รับโทรศัพท์หาพันตรีจวน ซึ่งท่านรอต้อนรับอยู่ทางโน้นว่าคณะจะเดินทางไปถึงในเวลาประมาณ ๑๓.๒๐ น. ท่านรับทราบ ที่เหลือจากนั้นคือการนั่งมองสายฝนสลับเปลวแดด จวบจนเข้าสู่ซุ้มประดูของอุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ ในสายตาที่เห็นท้องฟ้าโปร่ง โล่ง ลมพัดแผ่วเบาเย็นสบาย ลงจากรถแจ้งสมาชิกให้เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยและไปพร้อมกันที่โดมบรรยายรูปหมวก ส่วนผู้จัดเดินไปสวัสดีและทักทายท่านวิทยากร ท่านพันตรีจวน อินทร์สอน คำแรกที่ท่านทักทายผู้จัดก็คือ จำได้ว่าเคยพาคณะมา... จริง ๆ ท่านจำได้ตั้งแต่ตอนที่โทรมาแจ้งชื่อแล้วว่าจะมา ยอมรับว่าความจำท่านเป็นเลิศ

พันตรีจวน อินทร์สอน วิทยากร​

๑๓.๔๐ น. คนพร้อม วิทยากรพร้อม เริ่มย้อนกลับเข้าสู่ประวัติศาสตร์สมรภูมิลาดหญ้าอันยิ่งใหญ่กันเสียที.......เปิดฉากแรกด้วยการกล่าวคำแนะนำต้อนรับคณะ และรับชมภูมิประเทศจริงผ่านช่องกระจก ก่อนที่จะเข้าสู่การชมวีดีทัศน์จำลองเหตุการณ์การสู้รบ และปิดฉากสุดท้ายด้วยการบรรยายสภาพภูมิประเทศผ่านโต๊ะทราย น้ำเสียงที่จริงจัง มีมนต์ขลัง ท่าทางที่แสดงออกล้วนสะกดผู้ชมทุกสายตาให้อยู่นิ่ง และรับฟังด้วยความตั้งใจ..... ที่แน่ ๆ หลายคนน้ำตารื้นด้วยความเศร้า สลดใจ เสียใจในหลายชะตากรรมที่เกิดขึ้น และเกิดความรักชาติ รักแผ่นดินบ้านเกิดที่บรรพบุรุษของไทย ได้ยอมเสียสละเลือดเนื้อ ชีวิตเพื่อปกปักรักษาไว้ให้ลูกหลานได้อาศัยอยู่อย่างสุขสบาย และคงนามแผ่นดินว่า "ประเทศไทย" ตราบจนทุกวันนี้

๑ ชั่วโมงเต็มกับการบรรยาย เต็มอิ่มกับทุกความรู้สึก ชั่วระยะเวลาของการบรรยายเหตุการณ์การสู้รบ ภายนอกท้องฟ้าแปรปรวน ฝนตกหนักโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และหยุดสนิทขาดเม็ดลงทันทีที่การบรรยายจบลง

​

ชาวคณะฯ ร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคเงินร่วมบูรณะอาคารและสถานที่ ก่อนที่จะอำลาพันตรีจวน และอุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ เพื่อจะเดินทางต่อไปยังโรงถ่ายพร้อมมิตร สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ตำนาน "สมเด็จพระนเรศวร" ทั้งไตรภาค

ใครเป็นอะไร ใครงานเข้าบ้างผู้จัดไม่รู้ แต่สิ่งที่รับรู้ได้เต็มหัวใจก็คือ ความหวงแหน รักชาติ รักแผ่นดินบ้านเกิด ที่เพิ่มขึ้นอีกนับทวีคูณ และไม่ลืมที่จะอุทิศบุญ แผ่เมตตาให้กับท่านทั้งหลาย ณ สถานที่ตรงนั้น

 

บันทึกการเดินทาง ตอน โรงถ่ายภาพยนตร์พร้อมมิตร

เวลา ๑๕.๑๕ น. ล้อหมุนถึงโรงถ่ายพร้อมมิตร สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ตำนาน "พระนเรศวร" ทั้งไตรภาค และกำลังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำภาคที่สี่ สถานที่ตั้งของโรงถ่ายตั้งอยู่ภายในกองพลทหารราบที่ ๙ ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี บนเนื้อที่กว่า ๑,๕๐๐ ไร่ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๘.๐๐ น อัตราค่าเข้าชม เด็กอายุ ๒-๑๒ ปี ๕๐ บาท ผู้ใหญ่ ๑๐๐ บาท

​

ให้เวลาสมาชิกทุกคนที่นี่ ๒.๓๐ ชั่วโมง แจกบัตรเข้าชมเสร็จ ก็แจ้งทุกคนให้แยกย้ายกันเดินชมตามอัธยาศัย ผู้จัดเองเดินชมปิดท้าย สภาพภายในโรงถ่ายเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างหลายจุด ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคที่สี่ จุดเด่นทีสุดของโรงถ่ายขณะนี้คือ เรือสำเภาจืนที่ใช้ในการถ่ายทำภาคสาม ยุทธนาวี ซึ่งจอดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมน้ำ

ใกล้ ๆ เรือสำเภามีตลาดโบราณที่ใช้ในการเข้าฉาก ซึ่งผู้จัดก็ไม่รีรอที่จะต้องขอลองชิมอาหาร ก่อนที่จะนั่งรถรางชมรอบเมือง และกลับมารอสมาชิกทุกคน ณ จุดนัดพบ

เวลา ๑๗.๔๕ น. คนพร้อม รถพร้อมได้เวลาอำลาโรงถ่าย พักแวะซื้อของฝากที่ร้านแก้ว และเดินทางส่งเพื่อนสมาชิกตามจุดต่าง ๆ จนถึงจุดสุดท้ายปี้มน้ำมัน ปตท.สนามเป้าในเวลา ๒๑.๐๐ น. เป็นอันจบทริปธรรมสัญจร (๖) อย่างบริบูรณ์

ญ.ผู้หญิง
๑๐ พ.ค.๕๔