นางแก้ว คู่บารมีพระโพธิสัตว์ :

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Scorpius, 26 กรกฎาคม 2011.

  1. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    ตามปกติที่เราเข้าใจกัน ผู้ที่จะสร้างบารมีมักจะเป็นพระโพธิสัตว์บ้าง พระอริยสาวกบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะถือกำเนิดในเพศชาย

    ถ้าเช่นนั้นผู้ที่เป็นผู้หญิงล่ะ จะปรารถนา<wbr>​การเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้เชียวหรือ ?

    คำตอบ คือ ได้ ถึงแม้จะเริ่มต้นอธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณในขณะที่ยังเป็นสตรีเพศ แต่ท้ายที่สุดแล้ว จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณในร​่างของบุรุษเสมอ

    หากปรารถนาจะช่วยสรรพสัตว์ทั้งมวลให้พ้นจา<wbr>​กกองทุกข์ในกายอิสตรียังคงทำได้เช่นเดียวกัน โดยวางกำลังใจเฉกเช่นเดียวกับพระโพธ<wbr>​ิสัตว์ แต่บรรลุธรรมในขณะที่อยู่ในร่างของอิสตรี

    ถ้าไม่ปรารถนาซึ่งการเป็นสาวกภูมิ บรรดาสตรีทั้งหลายสามารถอธิษฐาปรารถนาซึ่<wbr>​งการรักษาส่งเสริมไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาและก<wbr>​ารสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากกอง<wbr>​ทุกข์ได้เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ ด้วยการอธิษฐานเป็น “นางแก้ว” คู่บุญของพระโพธิสัตว์

    โดย ปกติหญิง–ชาย ที่อธิษฐานเป็นคู่กัน และรักที่จะอยู่ด้วยกันเป็นคู่บุญกันนั้น ต้องมีบารมีเสมอกัน มีการทำทาน รักษาศีล และปฏิบัติธรรม ที่เสมอ หรือใกล้เคียงกัน ดังนั้นผู้ที่ปรารถนาจะเป็นนางแก้วของพระโ<wbr>​พธิสัตว์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งก็ย่อมต้องว<wbr>​างกำลังใจให้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระโพธิสัต<wbr>​ว์ที่เป็นคู่บุญของตน

    เพราะผู้ที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างเร็วที่สุดก็ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ...นานจนนับได้ไม่ถ้วนทีเดียว

    ดังนั้นการที่หญิงใดจะอธิษฐานเป็นนางแก้วค<wbr>​ู่บุญพระโพธิสัตว์ด้วยนั้น สตรีนางนั้นจะต้องวางกำลังใจให้หนักแน่นแล<wbr>​ะเข้มแข็งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระโพธิสัตว์เ<wbr>​องเลย เพราะตราบใดที่คู่ของตนเองยังไม่ตรัสรู้ธร<wbr>​รม ต่อให้พบพระพุทธเจ้ามากมายแค่ไหนก็ตามหญิง<wbr>​ท่านนั้นก็ไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมได้

    นอกจากนั้นยังต้องประสบกับความทุกข์ยากนาน<wbr>​ัปการที่หนักหนาสาหัสกว่าหญิงอื่นใดทั้งหล<wbr>​าย โดยต้องอย่าลืมว่าในการบำเพ็ญบารมีของพระโ<wbr>​พธิสัตว์แต่ละพระองค์นั้น ต้องใช้ระยะเวลานานมาก เกิดมานับชาติไม่ถ้วน อีกทั้งต้องโปรดสาวกมากมาย ดังนั้นถึงแม้พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์จะม<wbr>​ีนางแก้วหลักแล้วก็ยังต้องมีนางแก้วรอง ๆ ลงไปนับพันนับหมื่นนาง

    นอกจากนั้นยังต้องพลัดพรากจากบุคคลอันเป็น<wbr>​ที่รักนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสามี หรือบุตร-ธิดาอันเป็นที่รักยิ่งกว่าแก้วตา<wbr>​ดวงใจ เพราะในการสร้างบารมีนั้นพระโพธิสัตว์ต้อง<wbr>​กระทำมหาทานอันยิ่งใหญ่ การบริจาคลูก-เมียเป็นทาน ก็อยู่ในการสร้างบารมีข้อนั้นด้วยเช่นเดีย<wbr>​วกัน

    ดังนั้นผู้ที่จะเป็นนางแก้วหลักที่จะตามพร<wbr>​ะโพธิสัตว์คู่ของตนไปจนกว่าจะจบกิจได้นั้น<wbr>​ ต้องมีความเข้มแข็ง อดทน มีเมตตา มีบารมีสูงมาก หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ จะต้องวางกำลังใจเฉกเช่นเดียวกับพระโพธิสั<wbr>​ตว์พระองค์หนึ่งทีเดียว

    หลายท่านที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ ได้กล่าวปรามาสพระโพธิสัตว์ว่าเห็นแก่ตัวถ<wbr>​ึงกับเอาลูกเมียไปบริจาคเพื่อผลประโยชน์ขอ<wbr>​งตนเอง

    แต่แท้จริงแล้ว ต้องบอกว่าผู้ที่คิดจะอธิษฐานเป็นทั้งนางแ<wbr>​ก้วและบุตร-ธิดาของพระโพธิสัตว์นั้น ทุกท่านทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องถูกบ<wbr>​ริจาค เพียงแต่ว่าในแต่ละชาติที่ลงมาเกิดจะระลึก<wbr>​ได้หรือไม่เท่านั้นเองทั้งหมดเพื่อเป็นการ<wbr>​วัดกำลังใจ สร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ที่ตนเองอธิษฐาน<wbr>​ติดตาม และก็เป็นการสร้างบารมี และวัดกำลังใจของตนเองด้วยเช่นกัน

    สรุปก็คือ ทุกท่านยอมทนทุกข์ทรมานก็เพราะความรักความ<wbr>​เมตตา ปรารถนาที่จะสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายใน<wbr>​วัฏสงสารนี้ให้ออกจากกองทุกข์ให้ได้เป็นหล<wbr>​ัก

    การเป็นนางแก้วคู่บารมีของพระโพธิสัตว์ ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็ง ไม่มุ่งมั่นจริง ๆ ถ้าในดวงจิตไม่ฉ่ำเย็นไปด้วยความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างท่วมท้นจริง ๆ ... ถ้าขาดเสียซึ่งขันติ ความอดทนอย่างยิ่งยวด .... ขาดเสียซึ่งปัญญา ที่จะนำพาให้ทุกชีวิตมีแต่สันติสุข ...ขาดเสียซึ่งบารมีทั้ง 30 ทัศแล้ว ... ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นกันได้ง่า<wbr>​ย ๆ เลยแต่อย่างไรก็ตามถ้าตั้งจิตปรารถนาที่จะ<wbr>​เป็นจริง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะยากเกินกว่าความมุมานะพยายาม<wbr>​ของทุกดวงจิตที่จะทำได้ หากเข้มแข็งพอ

    ขอน้อมโมทนากับสตรีทุกท่านที่มีจิตคิดปราร<wbr>​ถนาซึ่งการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา การสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลาย และการหนุนนำพระโพธิสัตว์คู่บารมีของท่านใ<wbr>​ห้สำเร็จซึ่งพระโพธิญาณในที่สุด สาธุ

    หากมีที่ผิดพลาดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ขอญาติธรรมชี้แนะ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2011
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่เข้าใจ...ทำไมมนุษย์จึงยึดติดกับรูปลักษณ์หญิงชาย "จิต" ไม่มีแบ่งแยกหญิงชาย
     
  3. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    จริงตามนั้นจิตนั้นไม่มีเพศ แต่โลกมีสมมุติบัญญัติเช่นนั้น

    หญิงชายหรือจะอะไรก็ตามแต่ ล้วนมีจิตเหมือนกัน ต่างที่ปัญญาที่สั่งสมมาในจิต

    เพศ ถูกแบ่งเพราะอะไร ? เพราะจิตนั้นไม่เสมอกัน มีปะปนกันไป ปัญญาก็กำลังไม่เท่ากัน กำลังใจก็ต่างกัน

    ถึงจิตไม่แบ่งแยก แต่ ธาตุขันธุ์ต่าง ๆ โดยธรรมชาตินั้นต่างกัน

    เหมือนมีคนเคยตั้งคำถามว่า พระพุทธเจ้าที่เป็นสตรีมีไหม ? คำตอบในตัวครับ

    จิตไม่มีเพศ แต่ร่างกายยังต้องมี พื้นฐานโดยธรรมชาตินั้นต่างกัน สมมุติบัญญัติของร่างกายเป็นเช่นนั้น

    ฉะนั้นถ้าจะลงลึกในแง่ของจิต ก็ถือว่าตรงเรื่องจิตไม่มีเพศ

    แต่ถ้าว่ากันตามท้องเรื่องของกระทู้ เรื่องนี้ไม่ใช่การ แบ่งเรื่องเพศ แต่ ธรรมชาติเป็นเช่นนั้น

    ผู้ปราถนาโพธิญาณบารมีปลาย ๆ ต้องเป็นร่างบุรุษเท่านั้น เพราะ ร่างของบุรูษมีโอกาศกระทำบารมียิ่งยวดได้มากกว่าร่างของสตรีเพศ นี่ก็เป็นธรรมชาติที่เหมาะสม

    เป็นธรรมชาติของร่างกาย ไม่ใช่เรื่องของการแบ่งแยกครับ ถ้าคุยกันแบบจิตกับจิต เรื่องเพศก็ไม่มีไม่เกี่ยวกัน ดูกันที่ความสว่างและประกาย เป็นจุดวัดว่าสั่งสมมาเท่าใด

    แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่มีเพศกัน หลักฐานมีปรากฏในพระไตรปิฏก ตอนกำเนิดโลก ที่พรมลงมากินง้วนดินนั่นล่ะครับ นั่นก็ยังไม่มีเพศ แต่เพศมาปรากฏอย่างไรขอท่านลองศึกษาดูเถิด

    หากกรรมใดเป็นการล่วงเกิน ด้วย กายกรรม ด้วยวจีกรรม ด้วยมโนกรรม ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
     
  4. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ขอกราบคารวะนางแก้วทุกพระองค์ด้วยจิตบริสุทธิ์ในฐานะที่ยอมเสียสละให้พระโพธิสัตว์สามารถบำเพ็ญบารมีจนครบ
     
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ตามที่อ่านในพระไตรปิฎกมานั้น
    ชายและหญิง สามารถที่จะปรารถนาพุทธภูมิได้ แต่จะสำเร็จตามที่ปรารถนาไว้นั้นก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ
    ส่วนพระสาวกทั้งหลาย(สมัยพุทธกาล)ที่เป็น เอตทัคคะ(ผู้ประเสริฐสุดในทางใดทางหนึ่ง)ในด้านต่างๆๆ จะมีทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายนะครับ ไม่ต้องจำเป็นที่จะเป็นชายเสมอไปนะครับ


    ส่วนเรื่องนางแก้วหรือคู่บารมีนั้น


    [​IMG]
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องเหตุที่ทำให้เกิดเป็นเนื้อคู่กัน ชาตินี้ และชาติหน้า

    ๑. สมสัทธา สามีภรรยามีศรัทธาเสมอกัน ศรัทธา คือความเชื่อ ความเลื่อมใส ทัศนคติ อุดมการณ์ ความคิดเห็นในเรื่องการทำความดี เรื่องผลแห่งความดีเรื่องบุญบาป เรื่องชาตินี้ชาติหน้า เป็นต้น สามีภรรยาที่มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้เสมอกัน ย่อมอยู่ด้วยกันได้ยืนนานกว่าสามีภรรยาที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่อง เช่นนี้
    ๒. สมสีลา สามีภรรยามีศีลเสมอกัน ศีล คือความประพฤติ ปกตินิสัย การปฏิบัติตามคุณธรรม งดเว้นการทำผิดพูดชั่ว สามีภรรยาที่มีความประพฤติ มีปกตินิสัยเสมอกันหรือคล้ายคลึงกัน ย่อมเข้าใจกันดีกว่าสามีภรรยาที่มีนิสัยต่างกัน ประพฤติต่างกัน และพูดต่างกัน
    ๓. สมจาคา สามีภรรยามีจาคะเสมอกัน จาคะ คือความเสียสละ ความเอื้อ อารีต่อกัน การบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น สามีภรรยาที่มีใจคอกว้างขวาง มีน้ำใจพอๆกัน ยินดีในการเสียสละ ชอบบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นเหมือนกัน และยินดีในการกำจัดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัวของตนให้หมดไปเช่นกัน ย่อมอยู่ด้วยกันยืดกว่าสามีภรรยาที่มีใจคอคับแคบ แม้กระทั่งคู่ครองของตัว เป็นคนเห็นแก่ตัว ทั้งไม่ชอบช่วยเหลือใครๆ
    ๔. สมปัญญา สามีภรรยามีปัญญาเสมอกัน ปัญญา คือความฉลาดรอบรู้ ความเข้าใจในบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ความฉลาดในการทำความดี สามีภรรยาที่มีปัญญามีความฉลาดรอบรู้ และฉลาดในการทำความดีพอๆกัน ย่อมอยู่ด้วยกันยืดยาวกว่าสามีภรรยาที่ต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน ต่างไม่มีเหตุผล ไม่ใช้สติปัญญาเข้าหากัน มีแต่ใช้อารมณ์เข้าหากันตลอดเวลา


    จากภาพข้างบนนั้น
    ท่านสุเมธดาบสและท่านพราหมมณีสุมิตตา ได้ร่วมถ่างทางเพื่อรับเสด็จพระพุทธเจ้าทีปังกร และได้ถวายดอกบัวเพื่อบูชาพระพุทธจ้าทีปังกร(ทำบุญใหญ่) ร่วมกัน


    <table class="wat" width="734" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td colspan="4">[SIZE=+1] พราหมมณีสุมิตตา ถือดอกบัวไป ๘ กำ เพื่อบูชาพระศาสดา เห็นพระฤาษีสุเมธะมีกิจอันงาม นางเลื่อมใสศรัทธา จึงถวายดอกบัว ๕ กำ แก่พระฤาษี เหลือไว้ ๓ กำ พระฤาษีรับดอกบัวแล้วบูชาพระพุทธเจ้า แล้วสยายผม เอาผ้าห่มเปลือกไม้ปูลงพื้นโคลนนอนคว่ำลงคิดว่า “พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสาวกจงทรงเหยียบเราเสด็จไปเถิด อย่าทรงเหยียบโคลนตมเลย อันจะเป็นประโยชน์แก่เรา วันนี้พระพุทธเจ้าจะทรงเผากิเลสของเรา ประโยชน์อะไรแก่เราที่ใครๆ ไม่รู้จัก เราจะบรรลุสัพพัญญุตญาณหลุดพ้นแล้ว จะเปลื้องหมู่สัตว์ให้พ้นจากกองทุกข์เถิด ประโยชน์อะไรที่เราผู้มีเรี่ยวแรงจะไปแต่ผู้เดียว” แล้วพระฤาษีได้กล่าวสัจจะวาจาปรารถนาการบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เบื้องพระพักตร์ พระพุทธเจ้าทีปังกะระ พระศาสดารับดอกบัว ๕ กำจากมือพระฤาษี แล้วทรงประทับยืนอยู่บนศรีษะของพระฤาษี ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงดูฤาษีผู้มีตบะแก่กล้านี้ เขาจะได้เป็นพุทธเจ้าพระนามว่า โคตะมะ ในกัปอันนับมิได้ นับแต่กัปนี้…” [/SIZE]
    </td> </tr> <tr> <td colspan="4">
    </td> </tr> <tr> <td colspan="4">[SIZE=+1] พราหมมณีสุมิตตาถวายดอกบัว ๓ กำ แก่พระศาสดา แล้วพระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า “ดูก่อนฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ อุบาสิกาผู้งามพร้อม น่าดูน่าชม น่ารักยิ่ง วาจาอ่อนหวาน จะเป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรม จะทำกุศลกรรมเพื่อประโยชน์แก่ท่าน จะเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน ประชาชนจะอนุเคราะห์อุบาสิกาผู้เป็นที่รักของท่านนี้ อุบาสิกานี้จะมีบารมีเต็ม จะละกิเลสได้ดังราชสีห์ละกรง แล้วบรรลุโพธิญาณในกัปอันประมาณมิได้นับแต่กัปนี้”[/SIZE]
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 กรกฎาคม 2011
  6. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    ขอบคุณ คุณ ต้นละ ครับ ผมได้ทำการแก้ไขข้อความบางส่วนที่ยังไม่ชัดเจน ให้ชัดเจนและถูกต้องยิ่งขึ้นแล้ว

    ขอบพระคุณครับ.
     
  7. laksa

    laksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +168
    อนุโมทนาสาธุ ในจิตมหากุศลของนางแก้วทุกองค์
    และขอให้เราเป็นได้ดั่งท่านด้วยเทอญ

    สาธุ...
     
  8. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    สตรีเทียบเท่าบุรุษหรือไม่

    “....ดูก่อนอานนท์ มาตุคาม (สตรี) มักโกรธ มักริษยา มีความตระหนี่ มีปัญญาทราม ดูก่อนอานนท์ นี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้มาตุคามนั่งในสภาพไม่ได้ ประกอบการงานใหญ่ ๆ ไม่ได้ ไปนอกเมืองไม่ได้”
    กัมโมชสูตร จ. อํ. (๘๐)
     
  9. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    ทำไมสตรีไม่ควรบวช

    “.....ดูก่อนอานนท์ หากมาตุคาม (สตรี) จักไม่ได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์ก็ยังจะตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จะไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จักดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี
    “.....ดูก่อนอานนท์ ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่มีหญิงมากชายน้อย ตระกูลนั้นถูกพวกโจรกำจัดง่าย แม้ฉันใด มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้น จักไม่ตั้งอยู่นานฉันนั้นเหมือนกัน อนึ่ง ขยอกลงในนาข้าวที่สมบูรณ์ นาข้าวนั้นย่อมตั้งอยู่นาน เพลี้ยลงในไร่อ้อยที่สมบูรณ์ ไร่อ้อยนั้นย่อมตั้งอยู่นาน แม้ฉันใด มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้น ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้นเหมือนกัน
    “อนึ่ง บุรุษกั้นคันสระใหญ่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกแม้ฉันใด เราบัญญัติครุธรรม ๘ ประการ ไม่ให้ภิกษุณีก้าวล่วงตลอดชีวิตเสียก่อน ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ”
    โคตมีสูตร อ. อํ. (๑๔๑)
    ตบ. ๒๓ : ๒๘๖-๒๘๗ ตท. ๒๓ : ๒๕๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2011
  10. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    สตรีครอบครองไม่ได้

    “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่สตรีจะถึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะพึงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ..... จะพึงเป็นมาร....จะพึงเป็นพรหมนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้...”
     
  11. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    “.....ดูก่อนพระนางมัลลิกา....มาตุคาม (สตรี) บางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นใจ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ ไม่เป็นผู้ให้ทานคือข้าว น้ำ ยวดยาน ระเบียบ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟแก่สมณะหรือพราหมณ์ และเป็นผู้มีใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพ ความนับถือการไหว้ การบูชาของผู้อื่น กีดกันตัดรอนผูกความริษยา ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตตภาพนันมาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใด ๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู ทั้งเป็นคนยากจนขัดสนทรัพย์สมบัติและต่ำศักดิ์”
     
  12. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    พระพุทธเจ้าตรัส สตรีเข้าใจยาก
    ชอบมีฤทธิเหนือชาย
    ร้องให้เพราะ ดีใจ บ้าง เสียใจบ้าง ความริษยามีมาก
    แค่นางยิ้มก็เท่ากับนางได้ลงดาบแล้ว

    ใครหลงกล เท่ากับ กระเป๋าตังได้ร้องให้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2011
  13. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    พุทธทำนายข้อที่7

    หมู่สตรีจักพากันเหลาะแหละโลเลในบุรุษ ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว ชอบเที่ยวเตร่ตามถนนหนทาง เห็นแก่อามิส เป็นหญิงทุศีล มีความประพฤติชั่วช้า พวกนางจักกลุ้มรุมกันแย่งเอาทรัพย์ที่สามีทำงาน มีกสิกรรม และโครักขกรรมเป็นต้น สั่งสมไว้ด้วยยาก ลำบากลำเค็ญ เอาไปซื้อสุราดื่มกับชายชู้ ซื้อดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้ มาแต่งตน คอยสอดส่องมองหาชู้ โดยส่วนบนของบ้านที่มิดชิดบ้าง โดยที่ซึ่งลับตาบ้าง แม้ข้าวเปลือกที่เตรียมไว้สำหรับหว่านในวันรุ่งขึ้น ก็เอาไปซ้อม จัดทำเป็นข้าวต้ม ข้าวสวย และของเคี้ยวเป็นต้น มากินกัน เป็นเหมือนนางหมาจิ้งจอกโซ ที่นอนใต้ตั่ง คอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นแล้ว หย่อนลงไว้ใกล้ๆ เท้าฉะนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2011
  14. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    แปลกจัง.

    ....
    ...
     
  15. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ด้วยความนอบน้อมและกตัญญูต่อตถาคตเจ้าทั้งตรีกายตรีกาล ครูบาอาจารย์แห่งอักขระมนตราและวิทยาการทั้งปวง ตลอดจนอิสตรีทั้งหลายในสามกาล


    ข้าพเจ้าขอขมาแทนลูกหลานเพื่อนฝูงทีมงานและผู้เกี่ยวข้องหากได้กระทำการใดล่วงเกินต่อพระสัทธรรมอันยิ่งใหญ่


    ข้าพเจ้าขอถึงในสัจธรรมทั้งมวลที่ระบุไว้ใน "วิปัสสนาภูมิ" โดยการพิจารณาทุกข์จากกายใจของตนเองอย่างตรงไปตรงมา

    ในอินทรีย์ของพวกเราทุกคนไม่ว่าชายหญิงล้วนมีส่วนที่เป็น "อิตถินทริยัง" และส่วนที่เป็น "ปุริสินทริยัง" ด้วยกันทั้งสิ้น ขอข้าพเจ้าและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายรู้จักหาแก่นสาระจากอินทรีย์ทั้งสองนี้ด้วยเถิด

    "อิตถินทริยัง" โอนอ่อนพลิ้วไหว เหมาะแก่การเจริญ "ปัญญา"
    "ปุริสินทริยัง" หนักแน่นมั่นคง เหมาะแก่การเจริญ "ศีล เนกขัมมะ และขันติ"
    ด้วยความศรัทธาใน "สัจจะ วิริยะ และอธิษฐาน" ของตนเอง ขอข้าพเจ้าและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายได้ถึงพร้อมด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่แห่งทาน เมตตา และอุเบกขา ด้วยเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2011
  16. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ทำไมพระพุทธองค์ ชอบตรัส ดูถูกผู้อื่น

    เพราะองค์ยังสอนเหล่าภิกษุ ให้ทำตัวให้ต่ำ แต่ทำจิตใจให้สูง

    ผู้ที่ทำตัวสูง ย่อมมีจิตใจต่ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2011
  17. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    ขออภัยทุกๆท่าน ในกระทู้ที่แนบมาด้านล่าง ผมไม่ได้มีเจตนาใดๆเลยที่จะดูถูกเพศหญิง
    แต่หากบทความที่ยกมาทำให้ทุกท่านไม่สบายใจ น้อบรับฟังและแก้ไขเพื่อขอขมาทุกท่าน

    กระทู้ต้นเรื่องครับ http://palungjit.org/threads/นางแก้ว-คู่บารมีพระโพธิสัตว์.299474/

    ขออภัยเป็นอย่างสูงในความด้อยปัญญาของผม

    -เพื่อมหาชนครับ-
     
  18. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    ขออภัยในความด้อยปัญญา ผมเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ทุกท่านเข้าใจเช่นนี้
    ขออภัยอีกครั้งครับ.
     
  19. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    ..............การใช้ปัญญาวินิจฉัยสรรพสิ่งทั้งปวงที่ปรากฎบน

    โลก.."โดยใช้การเทียบเคียงดูกับข้อธรรม...ว่าสิ่งนั้นเข้ากันได้

    ไหม...สิ่งนี้เข้ากันได้ไหม" ......มันเป็น"ความสง่างามทาง

    ปัญญา"อยู่ในตัวของท่านเพื่อมหาชนอยู่แล้ว....แต่จะเป็นสิ่งที่

    ถูกหรือผิดนั้น.."กัลยาณมิตร"จะมาช่วยท่านเอง..โดยการชี้ข้อ

    ธรรมที่ถูกต้อง...ท่านก็นำมาพิจารณาศึกษาว่า"น่าจะเป็นตาม

    นั้นไหม"..."ผู้ที่ชี้โทษแล้วชี้โทษอีก..พระพุทธองค์ให้คบคนเช่น

    นั้น...ดังที่เคยตรัสแก่พระอานนท์..ว่าผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์"

    ..............ในห้องพุทธภูมินี้ก็มี"โลกธรรม 8 อยู่" ซึ่งทุกท่าน

    ต้องสัมผัสที่เด่นชัดก็คือ " สรรเสริญ กับ นินทา " ..เทียบเคียง

    ได้กับ "อนุโมทนา กับ ไม่เห็นด้วย" นั่นแหละ...

    ...............ไม่มีท่านใดหลีกพ้น..เมื่อเข้ามาในห้องนี้

    ..............."ถ้าใจตั้งมั่นที่จะเผยแผ่ธรรมอันเป็นกุศลแก่

    มหาชนแล้ว"....จงทำต่อไป "สหายเอ๋ย" ...อย่าท้อแท้..อย่า

    ไปยินดีหรือไม่ยินดีกับผลที่เรากระทำจนเกิดอาการ"ท้อแท้"..

    ................ผมเห็นกำลังใจ"ท่านเพื่อมหาชน"เริ่มตกแล้ว...ก็

    มองดูว่า "มารเริ่มชนะอีกแล้ว"...คือ "เก็บท่านได้แล้วครับ"...

    ................"ทำความดีต่อไปสหาย"...เป็นกำลังใจครับ....
     
  20. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และขอแชร์คำว่า "ผู้ที่ชี้โทษแล้วชี้โทษอีก..พระพุทธองค์ให้คบคนเช่นนั้น...ดังที่เคยตรัสแก่พระอานนท์..ว่าผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์" ให้เพื่อนๆอ่าน ชอบมาก

    ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่มอบให้ครับ :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...